ติดตามสถานะการณ์

Kaokala Fc
12 พ.ย. งานวิจัยเผยสติปัญญามนุษย์ เพิ่มขึ้นในทุกเจเนอเรชั่น



เรามักได้ยินคำพูดในเชิงสบประมาทสติปัญญาของคนรุ่นใหม่อยู่เสมอว่า เทียบแล้วยังห่างไกลมากกันกับสติปัญญาของคนรุ่นเก่าก่อน อย่างไรก็ตาม คำกล่าวในทำนองดังกล่าวไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเท่าใดนัก เนื่องจากผลการค้นคว้าวิจัยหลายต่อหลายครั้งแสดงให้เห็นในทางตรงกันข้ามว่า สติปัญญาของมนุษย์นั้นพัฒนาสูงขึ้นเรื่อยๆในแต่ละชั่วคนที่ผ่านพ้นไป

ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิจัยเรื่องพัฒนาการของคนหรือกลุ่มบุคคลในช่วงเวลาหลายปีหรือที่เรียกกันว่าลองกิจูดดินัล สตัดดี้ ของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยอาเบอร์ดีน ร่วมกับคณะกรรมการสุขภาพแห่งสกอตแลนด์ เอ็นเอชเอส กรัมเปียน ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ไม่เพียงยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังให้เหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นอีกด้วย

ทีมวิจัยร่วมดังกล่าว ดำเนินการศึกษากลุ่มตัวอย่างจำนวน 751 ที่เกิดในเมืองอาเบอร์ดีน แคว้นสกอตแลนด์ ประเทศอังกฤษในโครงการศึกษาที่เรียกว่า "อาเบอร์ดีน เบิร์ธ โคฮอร์ท" โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่มตามปีเกิด คือกลุ่มแรกเกิดในปี 1921 ส่วนกลุ่มหลังเกิดในปี 1936 กลุ่มตัวอย่างทั้งสองนี้ต้องผ่านการทดสอบเพื่อการวิจัยทุกคน ครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ปี จากนั้นก็ดำเนินการทดสอบอีกเป็นระยะๆ อีกรวม 5 ครั้ง ระหว่างปี 1998 ถึงปี 2011

ในการทดสอบครั้งแรกต่อจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 2 เจเนอเรชั่นเมื่ออายุ 11 ปีนั้น ค่าความแตกต่างทางด้านไอคิวเปรียบเทียบ ต่างกันที่ 3.7 จุดระหว่างผู้คนสองยุคดังกล่าว แต่เมื่อมีการทดสอบเพื่อวัดไอคิวเมื่อกลุ่มตัวอย่างอายุได้ 62 ปี ค่าความต่างทางด้านไอคิวเปรียบเทียบดังกล่าวกระโจนพรวดขึ้นเป็น 16.

ดร.โรเบิร์ต สตาฟฟ์ ผู้นำการศึกษาวิจัยครั้งนี้ยอมรับว่า การเพิ่มขึ้นของความฉลาดของคนรุ่นที่เกิดในปี 1936 ดังกล่าวนั้นถือว่าสูงจนน่าประหลาดใจ และแสดงให้เห็นว่าค่าความฉลาดโดยเฉลี่ยของประชาชนทั่วไปไม่จำกัดเฉพาะในอาเบอร์ดีนในเจเนอเรชั่นดังกล่าวน่าจะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

โจนาธานพลัคเกอร์ นักวิจัยด้านสติปัญญาและนักจิตวิทยาการศึกษา ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิจัย กล่าวว่า ผลการวิจัยครั้งใหม่นี้มีคุณลักษณะที่น่าสนใจตรงที่แสดงให้เห็นว่าค่าความต่างทางด้านไอคิวเปรียบเทียบเมื่อกลุ่มตัวอย่างเติบใหญ่ขึ้นนั้นเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงระยะเวลา 50 ปี ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า ความชาญฉลาดของคนเรา อย่างน้อยที่สุดก็ในส่วนที่ใช้ทำบททดสอบนั้น ไม่ได้ตายตัวในตอนอายุน้อยๆ แต่จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงอายุของคนเรา

(อ่านต่อ..เผยสติปัญญามนุษย์ เพิ่มขึ้นในทุกเจเนอเรชั่น : มติชนออนไลน์)

 

Kaokala Fc
12 พ.ย. จีนประกาศศักดา อวดโฉมเครื่องบินล่องหนลำใหม่แข่งสหรัฐฯ



จีนเผยโฉม เครื่องบินสเตลท์ รุ่นใหม่ ที่ผลิตขึ้นในประเทศ พร้อมก้าวเป็นคู่แข่งในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์แข่งกับสหรัฐอเมริกา

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 เว็บไซต์อินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนสไทม์ รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน 2557 ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้เดินทางไปที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปค อันเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ทางการจีน ได้แสดงให้เห็นถึงเครื่องบินต่อสู้อากาศยานต้นแบบสเตลท์รุ่นใหม่ รุ่น J-31 พร้อมกับคุณสมบัติหลบเลี่ยงเรดาร์เครื่องบินรบ โดยที่เครื่องบินสเตลท์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาโดย สมาพันธ์อุตสาหกรรมการบินจีน หรือ Avic ซึ่งถือเป็นบริษัทผลิตเครื่องบินชั้นแนวหน้าของจีน เพื่อที่จะแข่งขันกับการผลิตเครื่องบินและอาวุธยุทโธปกรณ์ของอเมริกา

เครื่องบินต่อสู้อากาศยานระบบ 2 เครื่องยนต์รุ่นนี้ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติของจีน ที่จัดขึ้นทางตอนใต้ของเมืองจูไห่ ซึ่งเป็นงานที่ทางการจีน จะได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางด้านทหาร

ทั้งนี้ เครื่องบินต่อสู้อากาศยานสเตลท์ ถูกคิดค้นและผลิตโดยบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน ในสหรัฐอเมริกา และเป็นบริษัทเดียวที่สามารถผลิตเครื่องบินรุ่นนี้เพื่อส่งออกในรุ่น F-35 แต่ทางจีนนั้น ได้แสดงศักยภาพด้วยการผลิตเครื่องบินสเตลท์ J-31 ขึ้นมา ซึ่งมีการออกแบบและมีฟังก์ชั่นการใช้งานค่อนข้างเหมือนกับรุ่น F-35 ที่ผลิตในอเมริกา และทางจีนเองก็หวังว่า เครื่องบิน J-31 จะสามารถแข่งขันกับรุ่น F-35 ได้ และทำให้จีน กลายเป็นผู้นำด้านการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกในตลาดต่างประเทศที่ถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร

เครื่องบินสเตลท์ คือกุญแจสำคัญของกองทัพอากาศจีน ที่จะทำให้กองทัพพัฒนาจากกองทัพเพื่อการปกป้องดินแดน เป็นกองทัพที่สามารถปกป้องดินแดนและโจมตีศัตรูได้อีกด้วย โดยที่ก่อนหน้านี้ กองทัพจีนสามารถผลิตเครื่องบินต่อสู้อากาศยานเป็นลำแรกที่รุ่น J-20

นอกเหนือจากเครื่องบินรบแบบใหม่แล้ว ทางจีนเองยังได้จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ เช่น เครื่องยิงจรวดมิสไซล์รุ่น FB 60 ที่สามารถยิงจรวดยิงมิสไซล์ 48 อันในครั้งเดียว ในระยะ 30 กิโลเมตร รวมถึงเครื่องบินขนส่งทางอากาศ Y-20 รุ่นใหม่อีกด้วย

 

อนดล แซ่เล้า ได้แชร์รูปภาพของ SolarHam.com

วันที่ ๑๕ เช้าสยามประเทศ จุดดับ 2192 ที่ระเบิด CME ตูมๆๆเป็นชุดๆ หลาย X หลายสิบ M และเกือบ ๑๐๐ C ที่อยู่ด้านหน้าเมื่อ ๒๕ วันที่แล้ว แล้ววนไปอาละวาดด้านหลัง จะวกกลับมาใหม่
2192 เป็นจุดดับที่ใหญ่ที่สุด ในรอบ ๒๐ ปี แต่เป็นจุดดับที่พ่นพิษออกมามากที่สุดในบันทึกที่มีมานัยแต่มนุษย์จดบันทึก
ดังนั้น วันที่ ๑๕ บวก ๓ คือวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๗ ธันวาคม คือวันที่ดวงอาทิตย์หันปากกระบอกปืนมายังโลก เป็นวันน่าเฝ้าสังเกตุว่าจุดดับจุดนี้จะยังแรงเหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิม หรือว่าน้อยกว่าเดิม
แต่ที่แน่ๆ จุดดับจุดนี้ยังทรงพลัง และระเบิดออกมาไม่น้อยกว่า ๒๐ ครั้งในด้านหลัง และวันนี้ที่อยู่ด้านข้างค่อนไปหลัง ยังระเบิดให้เห็นโซล่าแฟร์มาด้านหน้าเลยนะครับ
มาดูจุดดับแบะหลุมดำบนดวงอาทิตย์กันเถอะครับ
SpaceWeather.com -- News and information about meteor showers, solar flares, auroras, and near-Earth asteroids
https://www.facebook.com/Piyacheep/posts/765975986803153

Sunspot 2192 Lurking.



Our old friend AR 2192, the largest visible sunspot in over 20 years, is lurking behind the east limb and is making its presence known. An eruption of plasma, presumably centered around whatever remains of the active region, is visible off the limb in the latest imagery courtesy of the Solar Dynamics Observatory (SDO). We should see the long lasting region begin to reappear during the next 48 hours.

www.solarham.com

 

SolarHam.com



สวัสดี กิจกรรมแสงอาทิตย์ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่มีเปลวสุริยะที่สำคัญที่ได้รับการตรวจพบในช่วงที่ผ่านมาตลอด 24 ชั่วโมง จุดดับ 2192 ตอนนี้ได้รับการกำหนดใหม่เป็น 2209 ยังคงหมุนกลับเข้ามาในโลกทางด้านตะวันออก จุดดับบนดวงอาทิตย์ตอนนี้สามารถมองเห็นได้ แต่มันค่อนข้างชัดเจนว่าอดีตยักษ์ ขณะนี้เป็นเพียงเงาของตนเองในอดีตของ เราจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 2209 โครงสร้างแม่เหล็ กและถ้ามีจุดมากขึ้นมีการต่อท้ายในช่วงไม่กี่วันถัดไป ภาพที่แนบโดย SDO / HMI
Good evening. Solar activity continues at low levels. No noteworthy solar flares were detected during the past 24 hours. Region 2192, now reassigned 2209, continues to move back into Earth view off the east limb. Another sunspot is now visible, however it is quite evident that the former giant is now just a shadow of its former self. We will know more about 2209, its magnetic structure, and if any more spots are trailing during the next few days. Attached image by SDO/HMI.





www.solarham.com

 

อีโบลาระบาดมาลีดับแล้ว4ทั่วโลกพุ่ง5หมื่นราย
13 พ.ย. 57 09.08 น. | INN News สนับสนุนเนื้อหา เชื้ออีโบลา ระบาดออกนอกพื้นที่ ล่าสุดเข้ามาลี-ยอดดับทั่วโลกพุ่งกว่าครึ่งหมื่น นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com




เชื้ออีโบลา ระบาดออกนอกพื้นที่ ล่าสุดเข้ามาลี-ยอดดับทั่วโลกพุ่งกว่าครึ่งหมื่น

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน ความถี่ของผู้ป่วยรายใหม่ ไม่ปรากฏเพิ่มในประเทศกินี ไลบีเรีย แต่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นในเซียร์ราลีโอน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อนี้มากกว่า 14,000 คน ทั่วทั้งภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก มีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ในประเทศมาลี เมื่อวานนี้ ซึ่งเชื้อดังกล่าวแพร่ระบาดมาจาก 3 ประเทศข้างต้น ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานตามข้อมูลด้วยทรัพยาการแพทย์ ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการในการควบคุมเชื้อไวรัสมรณะ ชนิดนี้ในพื้นที่เซียร์ราลีโอน ขณะที่ในแผนป้องกันกำหนดศูนย์รักษาอยู่ที่ 53 ศูนย์แต่ที่เปิดบริการมีเพียง 19 ศูนย์ เท่านั้น ขณะที่ความต้องการเจ้าหน้าที่อบรมฝังศพที่เสนอขอ 370 น เริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้เพียง 140 คน เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ขององค์การอนามัยโลก เชื่อว่า อัตราผู้ป่วยและเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว ด้านยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัส
อีโบลา ล่าสุด ในไลบีเรีย มีจำนวน 2,830 ราย ขณะที่ เซียร์ราลีโอน และกินี มียอดรวมอยู่ที่ 1,100 ราย ไนจีเรีย 8 ราย สหรัฐฯ 1 ราย และในมาลี 4 ราย ยอดเสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 5,160 ราย รายงานดังกล่าวสรุปสถานการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 - 11 พฤศจิกายน 2557

อีโบลาระบาดมาลีดับแล้ว4ทั่วโลกพุ่ง5หมื่นราย

 

ประกาศทางการ 'พระติช นัท ฮันห์' ป่วยเลือดออกในสมอง
by Ekachai Tananchai 13 พฤศจิกายน 2557 เวลา 12:09 น.



เว็บไซต์ แห่งหมู่บ้านพลัมวิลเลจประกาศอย่างเป็นทางการ 'พระ ติช นัท ฮันห์' ผู้เขียนหนังสือปาฏิหารย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ ป่วยเลือดออกในสมอง แพทย์เฝ้าใกล้ชิด 24 ชม.

เว็บไซต์ แห่งหมู่บ้านพลัมวิลเลจ Plum Village | Mindfulness Practice Centre in the tradition of Thich Nhat Hanh ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า ด้วยจิตสมาธิ เราขอประกาศให้โลกทราบถึงข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน วันที่ 11 พฤศจิกายน 2014 พระอาจารย์แห่งวิถีเซน ติช นัท ฮันห์ มีอาการเลือดออกในสมอง พระอาจารย์ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล และคณะลูกศิษย์

ขณะนี้พระอาจารย์ยังมีอาการตอบสนองได้ดี และยังรับรู้ถึงการอยู่ของบุคคลรอบกายของท่าน ท่านยังสามารถขยับขา มือ ลูกตา และมีสัญญาณที่เชื่อว่าท่านอาจกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา สุขภาพของพระอาจารย์อยู่ในช่วงเปราะบาง จากอายุที่มากขึ้น ท่านได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาลเมืองบอร์โดซ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ท่านอาการดีขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งอาการของท่านเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่มีใครคาดคิด

สำนักปฏิบัติธรรมในแนวทางของ"พลัมวิลเลจ"กำลังเตรียมการปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างพลังแห่งสมาธิเพื่อให้พระอาจารย์ได้รับพลังรักษาและพลังแห่งความรักจากพวกเราเราอยากจะขอให้ผู้ปฏิบัติธรรมสมาธิทั่วโลกได้ร่วมปฏิบัติธรรมสมาธิเพื่อช่วยเหลือเราในช่วงเวลาแห่งวิกฤติ เรารู้และเชื่อว่าพระอาจารย์จะได้รับพลังจากคุณซึ่งจะช่วยให้ท่านได้รับแรงสนับสนุนในการรักษาและการฟื้นตัว

วัตรปฏิบัติที่สงบและสันติในเวลานี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเราจะทำได้ในการช่วยเหลือท่านขอให้พวกเราทั่วโลกได้ร่วมปฏิบัติเปรียบดั่งการรวมตัวเป็นกระแสน้ำเพื่อให้พระอาจารย์ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่นี้ พวกเราคือองค์ประกอบเล็กๆของพระธรรมอันยิ่งใหญ่ที่พระอาจารย์ได้แสดงให้เห็นตลอดชีวิตของท่าน

สำหรับประกาศฉบับต่อๆไปเกี่ยวกับอาการของพระอาจารย์เราจะรายงานที่เว็บไซต์ Plum Village | Mindfulness Practice Centre in the tradition of Thich Nhat Hanh หรือ online — Làng Mai


สำหรับ ท่านติช นัท ฮันห์ (Thich Nhat Hanh) เป็นพระภิกษุชาวเวียดนาม ผู้นำเสนอความคิด พุทธศาสนาต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และพุทธธรรม เป็นสิ่งที่สามารถประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวิธีชีวิตยุคปัจจุบันได้ (Engage Buddhism)

ท่านเป็นที่รู้จักในฐานะ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ พระอาจารย์เซน พระมหาเถระในพุทธศาสนามหายานผู้สอนการฝึกสมาธิภาวนา เป็นกวี นักเขียน นักต่อสู้เพื่อสันติภาพ

ท่านติช นัท ฮันห์ กำเนิดเมื่อปี พ.ศ.2469 (ค.ศ.1926) ในจังหวัดกวางสี ภาคกลางของเวียดนาม มีนามเดิมว่า เหงวียน ซวน เป๋า (Nguyen Xuan bau ) ส่วน “ ติช นัท ฮันห์ ” ที่ถูกต้องออกเสียงว่า ทิจ ญัด หัญ


ที่มา : มติชนออนไลน์

ประกาศทางการ 'พระติช นัท ฮันห์' ป่วยเลือดออกในสมอง - VoiceTV

 

Thekop Khonkaen



"เหรินหมินปี้ "
เหรินหมินปี้ (จีนตัวย่อ: 人民币 ; จีนตัวเต็ม: 人民幣 ; พินอิน: rénmínbì ; ตามตัวอักษรหมายถึง "เงินตราของประชาชน") เป็นเงินตราอย่างเป็นทางการของสาธารณรัฐประชาชนจีน ออกโดย ธนาคารประชาชนแห่งชาติจีน (People's Bank of China) ซึ่งเป็นหน่วยงานทางด้านเงินตราของ จีนแผ่นดินใหญ่ ตัวย่อใน ISO 4217 คือ CNY
หน่วยเงินพื้นฐานของเหรินหมินปี้ คือ หยวน (yuán) โดยทั่วไปจะเขียนโดยใช้อักษร 元 แต่ตามแบบแผนแล้ว จะใช้ตัวอักษร 圆 เพื่อป้องกันการปลอมแปลง ในบางครั้งชื่อของเงินตรา (เหรินหมินปี้) ก็สับสนกับคำที่ใช้เรียกหน่วยเงิน (หยวน). และในบางโอกาส หยวนก็ถูกเรียกเป็น ดอลลาร์ และคำย่อ RMB¥ บางครั้งก็เขียนเป็น CN$
1 หยวน แบ่งเป็น 10 เจี่ยว (角; jiǎo), 1 เจียว แบ่งเป็น 10 เฟิน (分; fēn) ธนบัตรเหรินหมินปี้ที่มีมูลค่าสูงสุดคือ 100 หยวน ส่วนธนบัตรที่มีมูลค่าเล็กที่สุดคือ 1 เฟิน
ในภาษาจีนกลาง มักเรียก หยวน ว่า ไคว่ (块/塊; kuài) และเรียก เจียว ว่า เหมา (毛; máo)
ในสาธารณรัฐประชาชนจีน มักจะเขียนราคาโดยมีสัญลักษณ์ ¥ ข้างหน้าราคา และมักจะมีการเขียนสัญลักษณ์ 元 หลังราคาเช่นกัน
บ่อยครั้ง จะเขียนเลขจีนตามแบบแผนเพื่อป้องกันการปลอมแปลงและการทำบัญชีผิด ข้อมูลเพิ่มเติมที่เลขจีน





#http://th.wikipedia.org/…/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8…
#อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน: เงินหยวน จีน (CNY) ถึง เงินบาทไทย (THB)

 

สีของน้ำนมแม่
เขียนโดย theAsianparent Editorial Team



น้ำนมแม่มีหลายสี ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นน้ำนมใส ๆ สีขาว ไม่ก็ออกฟ้า น้ำตาลแทน หรือเหลืองก็ได้ แต่ในบางช่วงระหว่างที่คุณให้นมลูกอยู่ คุณอาจจะประหลาดใจที่ค้นพบว่าน้ำนมของคุณเองก็อาจเป็นสีอื่น ๆ ได้เช่นกัน


โดยทั่วไปแล้ว น้ำนมของมนุษย์เรามักจะเป็นน้ำนมใส ๆ หรือมีสีฟ้าจาง ๆ อ่อน ๆ ตอนที่น้ำนมเริ่มไหลออกมาใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนเริ่มป้อนนมลูกหรือตอนเริ่มปั๊มน้ำนมออกมา น้ำนมที่ไหลออกมาในช่วงนี้คือน้ำนมส่วนหน้าที่มีไขมันน้อยกว่า เมื่อการให้นมลูกดำเนินต่อไปจากน้ำนมส่วนหน้าเป็นน้ำนมส่วนหลัง ปริมาณไขมันก็เพิ่มสูงขึ้น นมก็จะเริ่มข้นขึ้นและมีสีขาวมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม อาหาร สมุนไพร อาหารเสริม และการใช้ยาบางชนิดสามารถเปลี่ยนสีของนมได้เป็นสีออกชมพู ส้ม แดง น้ำตาล เขียว และแม้กระทั่งดำ สารที่เพิ่มเติมเข้ามาเหล่านี้สามารถเปลี่ยนสีของปัสสาวะทั้งของคุณและของลูกได้ด้วย

แม้อาจเป็นเรื่องน่าตกใจและน่ากลัวที่คุณเห็นสีน้ำนมเป็นสีต่าง ๆ แต่การเปลี่ยนแปลงของสีน้ำนมมักเกิดจากอาหารการกินและไม่อันตรายเลย

น้ำนมสีเขียว

ร่างกายคุณสามารถผลิตน้ำนมสีเขียวได้หลังจากย่อยอาหารที่มีสีเขียวหรือถูกผสมสีเขียวเข้าไป การดื่มเครื่องดื่มที่มีสีเขียว กินผักโขมหรือสาหร่ายทะเล กินสมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดก็เปลี่ยนสีน้ำนมให้กลายเป็นสีเขียวได้เช่นกัน

น้ำนมสีชมพู ส้ม แดง และน้ำตาล

น้ำนมแม่สามารถเปลี่ยนเป็นสีแดง ชมพู หรือส้มได้จากอาหารที่มีสีแดง ชมพู และส้มโดยธรรมชาติ หรืออาหารที่ผสมสีแดง เหลือง และส้มเข้าไป บีตรูต น้ำอัดลมสีส้ม น้ำผลไม้ที่มีสีแดงหรือส้ม สามารถทำให้น้ำนมของคุณเปลี่ยนเป็นสีชมพู แดง และส้มรูปแบบต่าง ๆ ได้

หากเลือดจากในเต้านมของคุณรั่วไหลออกมาในท่อน้ำนมล่ะก็ น้ำนมอาจมีสีน้ำตาลหรือสีสนิม อาการอย่างนี้เรียกว่า ภาวะน้ำนมมีเลือดปน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า rusty pipe syndrome หรือถ้าแปลตรงตัวก็คือ ภาวะท่อสนิม เนื่องจากน้ำนมมีสีดูเหมือนน้ำสกปรกจากท่อน้ำที่ขึ้นสนิมเก่า ๆ บางครั้งเลือดปริมาณเล็กน้อยจากหัวนมแตกก็อาจเข้าไปปนกับน้ำนมได้ ทำให้น้ำนมมีริ้วสีแดงหรือชมพู

การมีเลือดปริมาณเล็กน้อยอยู่ในน้ำนมนั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกของคุณ คุณไม่ต้องหยุดการให้นมลูกแต่อย่างใด ในกรณีส่วนใหญ่ ภาวะเลือดไหลจะหยุดไปเองหลังจากผ่านไปสองหรือสามวัน หากปัญหายังคงมีอยู่หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ คุณควรไปพบแพทย์จะดีกว่า

น้ำนมสีดำ

การผลิตน้ำนมสีดำนั้นเกิดจากยาปฏิชีวนะชื่อว่า มิโนไซคลีน (มิโนซิน) ยามิโนไซคลีนทำให้ผิวคุณคล้ำลงได้อีกด้วย คุณไม่ควรใช้ยาชนิดนี้ระหว่างที่คุณกำลังให้นมลูก คุณควรให้คุณหมอทราบเสมอว่าคุณกำลังให้นมลูกก่อนที่จะกินยา

ขอบคุณข้อมูลจาก About.com

โภชนาการเมื่อคุณกำลังให้นมลูก

กู้น้ำนม…มีวินัย ช่วงไหนก็กู้ได้

หมวดหมู่: การให้นมบุตร, แม่

สีของน้ำนมแม่

 

ลดพุงให้ถูกวิธี เช็กซิ พุงเราเป็นแบบไหน
โพสต์เมื่อ : 9 ตุลาคม 2557 เวลา 16:05:08

วิธีลดพุง


---
@ภาพประกอบจาก positivemed.com
----
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

พุง พูดเบา ๆ ก็เจ็บ แต่ถ้าไม่อยากเจ็บ ต้องมาลดพุงกัน ซึ่งพุงแต่ละแบบก็มีวิธีลดแตกต่างกันไปนะ มาดูกันเลย

พุง คิดว่าเป็นคำที่หลาย ๆ คนได้ยินแล้วก็คงส่ายหน้า แถมยังพยายามที่จะอยู่ให้ห่างมันด้วยการสรรหาวิธีลดพุงสูตรต่าง ๆ มาจัดการกับห่วงยางรอบเอว ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย แล้วรู้กันไหมว่า จริง ๆ แล้วพุงมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทเกิดได้จากหลายสาเหตุ และก็มีวิธีลดพุงต่างกันออกไปด้วย งั้นลองไปดูกันเลยจากข้อมูลที่เว็บไซต์ positivemed.com ได้นำเอามาเล่าสู่กันฟังแล้ว

พุง ถูกแบ่งออกเป็น 5 ประเภทซึ่งในแต่ละประเภทนั้นเกิดมาจากสาเหตุที่ต่างกัน และมีการวิธีที่ในการลดพุงที่แตกต่างกัน โดยหลัก ๆ นั้นก็มักจะต้องควบคู่ไปการออกกำลังกาย ซึ่งพุงแต่ละประเภทบ่งบอกถึงสุขภาพได้ดังนี้
แบบ สแปร์ ไทร์ (The Spare Tire)

พุงประเภทนี้มักจะมีอยู่ในกลุ่มคนทำงานที่ต้องนั่งทำงานตลอดวันและรับประทานของหวานมากเกินไป ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ก็อาจทำให้มีไขมันส่วนเกินสะสมที่ขาและสะโพกได้ สาเหตุก็เกิดจากการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอและการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตจากแป้งขาว อย่างเช่นบิสกิต ขนมปังขาว พาสต้า หรือขนมเค้ก มากเกินไปนั่นเอง แต่ขอให้สบายใจได้หน่อยหนึ่งค่ะ เพราะพุงแบบสแปร์ ไทร์ นี้ เป็นประเภทที่ลดได้ง่ายที่สุด

วิธีลดพุงประเภท สแปร์ ไทร์ (The Spare Tire)

หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะแอลกอฮอล์นี่ล่ะคือระเบิดไขมันของแท้ น้ำตาลบริสุทธิ์จากแอลกอฮอล์จะเข้าไปหยุดระบบการเผาผลาญไขมันทุกชนิด ทำให้ไขมันไปสะสมและกลายเป็นพุง.

หลังจากเลิกดื่มแอลกอฮอล์ได้ 2 สัปดาห์ ควรเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารไขมันต่ำ หรืออาหารปราศจากไขมัน เพราะอาหารเหล่านี้มีการกรรมวิธีในการผลิตโดยใช้สารเคมี และหลีกเลี่ยงน้ำตาลที่ผ่านการขัดสี เกลือ หรืออาหารที่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ

รับประทานอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพ อย่างเช่น ไข่ แซลมอนรมควัน ไก่ย่าง และผัก และอย่าลืมที่จะรับประทานอาหารที่มีไขมันดี อย่างเช่น โอเมก้า 3 หรือ ไขมันไม่อิ่มตัว ได้แก่ อะโวคาโด ถั่วเปลืองแข็ง น้ำมันตับปลา อาหารเหล่านี้จะช่วยเผาผลาญไขมันช่วงท้องทำให้หน้าท้องแบนราบได้ดั่งใจค่ะ

ออกกำลังด้วยการเดินเร็ว ท่าแยกแขนขา ท่าสควอช หรือท่ากระชับท้องแขนก็สามารถช่วยลดพุงชนิดได้โดยไม่ต้องเข้าฟิตเนสเลยละค่ะ

วิธีลดพุง
แบบลิตเติ้ลพุช (The Little Pooch)

พุงชนิดนี้มักจะเกิดในผู้หญิงที่ทำงานยุ่งตลอดเวลา แม้ว่าจะออกกำลังกายก็ตาม แต่การติดอยู่กับการรับประทานอาหารเดิม ๆ การออกกำลังกายแบบเดิม ๆ ถึงแม้ว่าจะทำให้ผอมลงแต่ก็ยังทิ้งเจ้าพุงประเภทนี้เอาไว้ให้ดูต่างหน้า จึงควรที่จะหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายด้วยวิธีการซิทอัพหรือการใช้เครื่องออกกำลังกายแบบ ab-rollers ซึ่งมันจะไปสร้างแรงดันที่บริเวณกล้ามเนื้อสะโพกและบริเวณหลังช่วงล่าง ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องของคุณยื่นออกมาเป็นพุงนั่นเอง

วิธีลดพุงประเภท ลิตเติ้ลพุช (The Little Pooch)

จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบย่อยอาหารให้หมด ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องอืด ท้องผูก ด้วยการทานอาหารที่มีโภชนาการที่ดีและไฟเบอร์ เพราะปัญหาเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้พุงชนิดนี้ลดได้ยาก

ทานผักจำพวกผักใบเขียและธัญพืชเพื่อให้ได้รับไฟเบอร์ที่เพียงพอ

ถ้าคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายด้วยการซิทอัพเป็นประจำละก็ ควรจะกลับไปเช็กดูว่าตนเองทำท่าถูกต้องแล้วหรือยัง เพราะการซิทอัพด้วยท่าทางผิด ๆ ทำให้เกิดพุงได้

สาว ๆ หลายคนเชื่อว่าการยกน้ำหนักจะทำให้พุงแบบนี้ใหญ่ขึ้น แต่เป็นความคิดที่ผิดค่ะ เพราะการยกเวทจะช่วยเบิร์นไขมันให้เรามากขึ้นภายในเวลาสั้น ๆ ดังนั้นระหว่างที่คุณออกกำลังกายด้วยท่าลันจ์ หรือท่าสควอช ก็ควรยกเวทควบคู่ไปด้วย

การดื่มน้ำเยอะ ๆ และการรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายอย่างเช่นผักสีเขียวหรือโปรตีนที่ย่อยง่ายอย่างเช่นปลาหรือเนื้อไก่ ก็สามารถช่วยลดพุงประเภทนี้ได้เช่นกัน

แบบสเทรสทัมมี่ (The Stress Tummy)

พุงประเภทนี้มักมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับปัญหาในระบบทางเดินอาหาร อย่างเช่นภาวะลำไส้แปรปรวน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการท้องอืดและทำให้ท้องของคุณดูใหญ่ขึ้น คุณสามารถเช็กได้ว่าพุงของคุณเป็นประเภทนี้หรือไม่ด้วยการจับบริเวณด้านหน้าของกระบังลมและบริเวณสะดือ ถ้าหากรู้สึกแข็ง ๆ ละก็ ก็ใช่เลยค่ะ ใครที่มีพุงประเภทนี้ต้องทานอาหารให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้า และหยุดการดื่มคาแฟอีนมากเกินไป รวมทั้งเลิกทานอาหารฟาสต์ฟู้ดจะดีที่สุดค่ะ

วิธีลดพุงประเภทสเทรสทัมมี่ (The Stress Tummy)

เปลี่ยนนิสัยในการนอนโดยนอนให้เร็วขึ้น เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดพุงชนิดนี้ได้ การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวกับควบคุมความอยากอาหารและระบบเผาผลาญอาหารได้

ลดความเครียดด้วยการฝึกหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ หรือการอาบน้ำนาน ๆ ก่อนเข้านอน เพื่อทำให้คุณหลับสบายมากขึ้น นอกจากนี้ยังควรลดกาแฟให้เหลือเพียงวันละ 2 แก้ว

ฝึกโยคะหรือเดินไกล จะช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรงขึ้น หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอซึ่งจะทำให้ฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น

รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง เพราะแมกนีเซียมจะช่วยบรรเทาความเครียดของร่างกาย โดยแมกนีเซียมนั้นมีอยู่ในอาหารจำพวกผักสีเขียวเข้มและถั่วบราซิลค่ะ

วิธีลดพุง

แบบโบลทด์ทัมมี่ (The Bloated Tummy)

พุงประเภทนี้จะทำให้มีหน้าท้องแบนในช่วงเช้า แต่จะมีอาการท้องอืด และเกิดแก๊สในท้องทำให้พุงป่องในตอนเย็น โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดการรับประทานอาหารประเภทพิซซ่า ขนมปัง เค้ก นม เนย ชีส ซึ่งอาการท้องอืดสามารถส่งผลกระทบต่อสาว ๆ ทั้งอ้วนและผอมได้ มีสาเหตุมาจากการแพ้อาหาร โรคภูมิแพ้ หรือลำไส้ทำงานช้า ที่มีผลมาจากการทานอาหารที่ไม่ดี ทางที่ดีควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้จะดีที่สุดค่ะ

วิธีลดพุงประเภทโบลทด์ทัมมี่ (The Bloated Tummy)

หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำมาจากข้าวสาลีหรือโปรตีนกลูเตน และผลิตภัณฑ์จากนม รวมทั้งยีสต์ที่อยู่ในขนมปัง เพราะโปรตีนกลูเตนนั้นจะทำให้ท้องของคุณดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

รับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอและกินให้มากกว่าอาหารมื้ออื่น ๆ เพราะในช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่กระบวนการย่อยของคุณทำงานได้ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารตอนดึก เพราะจะทำให้เกิดอาการท้องอืด เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณดีขึ้น

การฝึกการหายใจเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยทำให้พุงแบบนี้ยุบได้ โดยหายใจลึก ๆ เข้าไปในท้อง 10 ครั้ง และควรจะออกเดินหลังจากทานอาหารอิ่มแล้วทุกมื้อด้วยค่ะ

วิธีลดพุง

แบบมัมมี่ทัมมี่ (The Mummy Tummy)

มัมมีทัมมี่ เป็นพุงประเภทที่มักจะเกิดกับคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งคลอดลูกไม่นาน และคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ซึ่งหลังจากคลอดแล้วก็จะต้องใช้เวลานานกว่ามดลูกจะลดขนาดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยทั่วไปแล้วจะต้องใช้เวลาอย่างต่ำก็ 6 สัปดาห์ ถึงจะเข้าที่ อย่างไรก็ตามคุณแม่ก็ไม่ควรจะโหมออกกำลังกายหนัก ๆ เพื่อให้พุงชนิดนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเร็วเกินไป

วิธีลดพุงประเภทมัมมี่ทัมมี่ (The Mummy Tummy)

รับประทานอาหารที่มีไขมันโอเมก้า 3 ให้มากขึ้น เพราะจะทำให้ฮอร์โมนที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันลดลง และลดการสะสมไขมันลงได้

รับประทานอาหารที่มีไขมันชนิดที่ดีอย่างเช่น ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันมะกอก ไขมันชนิดที่ดีจะช่วยเผาผลาญไขมันและเพิ่มการดูดซึมสารอาหารและวิตามิน ทำให้ลดความอ่อนเพลียได้สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่มักมีอาการอ่อนเพลีย

ลองออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อเชิงกรานเบา ๆ วิธีนี้จะช่วยทำให้พุงของคุณยุบลงได้ค่ะ โดยการกดบริเวณกล้ามเนื้อเชิงกรานหรือขมิบกล้ามเนื้อเชิงกรานอย่างน้อยวันละ 15 -20 ครั้ง วันละ 5 รอบ และหลีกเลี่ยงการซิทอัพ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลังคลอดไม่ควรทำอย่างยิ่ง

การงีบหลับพักผ่อนระหว่างวันก็สามารถช่วยได้ โดยต้องปิดผ้าม่านให้ทึบสนิท และควรจะยืดเส้นยืดสายสักนิดก่อนจะนอน เพื่อทำให้ฮอร์โมนในการนอนหลับทำงานได้ดีขึ้นและช่วยทำให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้นอีกด้วย

การลดพุงไม่ใช่เรื่องยาก แค่เพียงเราตั้งใจและมีวินัยกับตัวเอง ไม่ว่าพุงแบบไหนเราก็สามารถลดมันจนมีหน้าท้องที่แบนราบสวยงามได้ แต่เราก็ควรจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงของบริเวณหน้าท้องด้วยนะ ถ้าอยู่ดี ๆ เกิดป่องขึ้นมากะทันหันแบบไม่มีสาเหตุล่ะก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อความปลอดภัยนะคะ

ลดพุงให้ถูกวิธี เช็กซิ พุงเราเป็นแบบไหน

 

สัญญาณดี! ไลบีเรียยุติสถานการณ์ฉุกเฉินอีโบลาแล้ว
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ย. 2557 23:27



ประเทศไลบีเรียยุติการบังคับใช้กฎหมายสถานการร์ฉุกเฉินเพื่อต่อสู้กับการระบาดของไวรัสอีโบลาแล้ว หลังจากพบผู้ป่วยรายใหม่น้อยลงมากในช่วงที่ผ่านมา...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ แห่งประเทศไลบีเรีย กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เธอจะไม่ขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ที่เธอประกาศใช้มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม

คำประกาศของนางเซอร์ลีฟ ทำให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งหมดอายุลงในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ยุติลงอย่างเป็นทางการ และเป็นสัญญาณที่ดีว่าไลบีเรียเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะการระบาดของอีโบลา ซึ่งคร่าชีวิตชาวไลบีเรียไปแล้วกว่า 2,800 คน หลังจากพบผู้ป่วยรายใหญ่ในประเทศน้อยลงมาก

อย่างไรก็ตาม นางเซอร์ลีฟกล่าวว่า การตัดสินใจของเธอไม่ได้หมายความว่าการต่อสู้กับเชื้ออีโบลาจบลงแล้ว และไลบีเรียจะคงมาตรการเข้มงวดต่างๆต่อไป จนกว่าจะบรรละเป้าหมายสูงสุดคือทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์ภายในช่วงคริสต์มาส


---
@ประธานาธิบดี เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ แห่งประเทศไลบีเรีย
---
นางเซอร์ลีฟระบุด้วยว่า หลังจากนี้ตลาดในพื้นที่ต่างๆของประเทศจะสามารถเปิดทำการได้อีกครั้ง และมาตรการเคอร์ฟิวจะบังคับใช้ในช่วงกลางคืน สำหรับพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ขณะที่พื้นที่ที่เกิดการระบาดรุนแรงยังคงเป็นพื้นที่แถบชนบท แต่เชื่อว่าช่วงที่เลวร้ายที่สุดได้จบลงแล้ว หลังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ใน 10 จาก 15 เขตของประเทศตั้งแต่วันอาทิตย์

ทั้งนี้ ไลบีเรีย รวมทั้งกินี และเซียร์ราลีโอน เป็นประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลามากที่สุด พบผู้ป่วยรวมกันมากกว่า 14,000 ราย และในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้วถึง 5,000 คน

สัญญาณดี! ไลบีเรียยุติสถานการณ์ฉุกเฉินอีโบลาแล้ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ยานฟิเลเริ่มเก็บข้อมูลดาวหาง 67 พี
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 พ.ย. 2557 01:50



นายฟิลิปป์ โกด็อง นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ประจำศูนย์ปฏิบัติการภาคพื้นดินในฝรั่งเศส (CNES) หน่วยงานในเครือข่ายสำนักงานอวกาศแห่งยุโรป (EAS) แถลงความคืบหน้าภารกิจส่งยานอวกาศ “โรเซตตา” โคจรเข้าใกล้ดาวหาง 67 พี/ชูร์ยูมอฟ-เกราซิเมนโก เพื่อปล่อยยานสำรวจ “ฟิเล” ลงจอดและเก็บวัตถุ ตัวอย่าง รวมถึงถ่ายรูปสภาพแวดล้อมบนดาวหาง 67 พี ส่งมายังภาคพื้นดิน โดยระบุว่ายานฟิเลเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิ แรงสั่นสะเทือน และพลังแม่เหล็กบนพื้นผิวดาวหาง เมื่อ 13 พ.ย. ขณะที่พลังงานสำรองที่มีอยู่จะทำให้ยานฟิเลทำงานได้ราว 60 ชม.

ทั้งนี้ ยานอวกาศโรเซตตาและยานสำรวจฟิเลมีกำหนดโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปพร้อมกับดาวหาง 67 พี ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่วงโคจรชั้นในใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 15 ส.ค.2558 ก่อนถึงกำหนดสิ้นสุดปฏิบัติภารกิจช่วงสิ้นเดือน ธ.ค.2558 คิดเป็นระยะทางกว่า 186 ล้าน กม. ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการความปลอดภัยคมนาคมแห่งสหรัฐฯ แถลงผลสอบสวนกรณียานท่องอวกาศ “สเปซชิพ 2” ของบริษัทเวอร์จินแกแล็กติกเกิดระเบิดขณะทดสอบการบินในทะเลทรายรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ทำให้นักบินเสียชีวิต 1 ราย เกิดจากการสื่อสารผิดพลาดระหว่างนักบินและผู้ช่วยนักบินที่พยายามปลดล็อกระบบเบรกโดยไม่ได้ประกาศให้นักบินทราบ.


---
@ภาพพื้นผิวดาวหาง 67 พี
---

ยานฟิเลเริ่มเก็บข้อมูลดาวหาง 67 พี - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

รัสเซียเล็งส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดลาดตระเวนในอ่าวเม็กซิโก
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 พ.ย. 2557 04:57



รัสเซียกำลังวางแผนส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลไปบินลาดตระเวนบริเวณอ่าวเม็กซิโก รวมถึงคงการปรากฏของทหารรัสเซียใน แอตแลนติกตะวันตก และแปซิฟิกตะวันออก...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัสเซียกำลังวางแผนส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลไปบินลาดตระเวนบริเวณอ่าวเม็กซิโก โดยนายเซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า พวกเขาต้องคงการปรากฏตัวของกองทัพรัสเซียในภูมิภาคแอตแลนติกตะวันตก และแปซิฟิกตะวันออก รวมถึง ทะเลแคริบเบียนและอ่าวเม็กซิโก และการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ นายชอยกูระบุว่าด้วยว่า รัสเซียจะเพิ่มเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในแคว้นไครเมีย ซึ่งแยกตัวจากยูเครนและผนวกรวมกับรัสเซียเมื่อช่วงต้นปี โดยยอมรับว่าความเคลื่อนไหวนี้เกี่ยวข้อกับสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งองค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือคอยปลุกปั่นกระแสต่อต้านรัสเซีย และมีการปรากฏของกองกำลังหนุนต่างชาติใกล้ชายแดนของรัสเซีย

ทั้งนี้ สถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนยังไม่สงบลง และเริ่มมีทีท่าว่าจะย่ำแย่ยิ่งขึ้นไปอีก หละงสหรัฐฯและพันธมิตรกล่าวหารัสเซียว่า ส่งกองกำลัง, รถถัง และยุทโธปกรณ์กองทัพอื่นๆข้ามพรมแดนเข้าสู่ยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธเรื่องนี้

แผนการล่าสุดของรัสเซียได้รับการเปิดเผยออกมาหลังจากก่อนหน้านี้ นายชอยกูออกมาระบุว่า รัสเซียจะขยายการปรากฏตัวของกองทัพในภูมิภาคมหาสมุทรอาร์กติก และติดตั้งเรดาร์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบถึงรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ และภาคเหนือของประเทศแคนาดา ภายในสิ้นปีนี้

อีกด้านหนึ่ง กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯออกมาแสดงการไม่ยอมรับแผนการล่าสุดของรัสเซียทันที โดยนางเจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่า สหรัฐฯไม่คิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันในแอตแลนติกตะวันตก และแปซิฟิกตะวันออก หรือแคริบเบียนรวมทั้งอ่าวเม็กซิโก จะเป็นต้องมีการบินลาดตระเวนเพิ่มเติม

รัสเซียเล็งส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดลาดตระเวนในอ่าวเม็กซิโก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ศิริราชซื้อเครื่องตรวจอีโบลา
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 พ.ย. 2557 05:15



ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวเปิดงาน Siriraj IC days 2014 อบรมบุคลากรภายในและบุคคลภายนอก ป้องกันโรคติดเชื้อและโรคติดต่ออุบัติใหม่ ว่า ขณะนี้โรคติดเชื้อที่สำคัญและกำลังเป็นปัญหาไปทั่วโลก ได้แก่ อีโบลา คาดว่าจะมีการแพร่ระบาดมากกว่า 1 ปี มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อกว่าร้อยละ 7 ซึ่งในวันที่ 16 พ.ย.นี้ ศ.เกียรติคุณ วันเพ็ญ ชัยคำภา หัวหน้าศูนย์ผู้ผลิตแอนติบอดี้ รักษาไข้เลือดออกอีโบลา เตรียมนำแอนติบอดี้ที่คิดค้นได้ไปทดสอบที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯกับเชื้อไวรัสอีโบลาจริง ในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 4 ว่าจะสามารถยับยั้งโปรตีนของเชื้ออีโบลาได้หรือไม่ คาดว่าทราบผลสิ้นเดือน พ.ย.นี้ และหากสำเร็จก็จะลัดขั้นตอนใช้รักษาผู้ป่วย

นอกจากนี้ ทางศิริราชพยาบาลได้มีการสั่งซื้อเครื่องตรวจหาเชื้ออีโบลา เครื่องแรกของไทย โดยเป็นระบบปิด และเริ่มมีการจำหน่ายแล้วในต่างประเทศมาใช้ เนื่องจากไม่มีห้องตรวจเชื้อชีวนิรภัยระดับ 4 ทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพียงนำเลือดมาตรวจก็สามารถทราบผลทันที โดยมีราคา 12 ล้านบาท คาดว่าจะมาถึงสิ้นเดือน พ.ย.นี้เช่นกัน.

ศิริราชซื้อเครื่องตรวจอีโบลา - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

หุ่นยนต์แมลงสาบ ช่วยคนติดอยู่ใต้ตึก
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 พ.ย. 2557 08:01



มหาวิทยาลัยของรัฐแคโรไลนาเหนือที่สหรัฐฯ ได้ประดิษฐ์หุ่นยนต์แมลงสาบ สามารถจะได้ยินเสียงอันแผ่วเบา ด้วยไมโครโฟนจิ๋ว ในตัวได้ สำหรับช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ตามใต้ซากกองตึกปรักหักพัง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัลเปอร์ บอซเกิร์ท กล่าวชี้แจงว่าใต้กองซากตึกที่ถล่มลงมา ไม่มีอะไรจะดีเท่ากับการค้นหาผู้รอดชีวิตด้วยเสียง หุ่นยนต์แมลงสาบที่ประดิษฐ์ขึ้นนี้ จะมีอิเล็กทรอนิกส์สะพายไปด้วย หุ่นยนต์พวกหนึ่งจะมีไมโครโฟนที่สามารถรับเสียงได้ไว และจะติดต่อทางวิทยุกับเจ้าหน้าที่ได้ทันที ส่วนอีกพวกหนึ่งจะติดไมโครโฟน 3 มิติ เพื่อจะค้นหาทิศทางที่มาของเสียง

เขาอธิบายว่า เหตุที่ต้องติดไมโครโฟนที่รับเสียงได้ไวนี้ ก็เพื่อให้แยกแยะเสียงที่ได้ยินว่าเป็นเสียงของผู้ขอความช่วยเหลือ หรือเสียงของท่อน้ำที่แตกรั่ว ซึ่งยังไม่ต้องสนใจแต่ประการใด.

หุ่นยนต์แมลงสาบ ช่วยคนติดอยู่ใต้ตึก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ใช้เซลล์ตัวอ่อน แก้อัมพาตแบบสั่น
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 พ.ย. 2557 10:01



นักวิทยาศาสตร์สวีเดน พบช่องทางรักษาสมองที่เสียหายด้วยโรคอัมพาตแบบสั่นเป็นครั้งแรก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีทางรักษา นอกจากยาที่คอยช่วยกระตุ้น และบรรเทาอาการลงเท่านั้น

โรคนี้เกิดจากการสูญเสียเซลล์ประสาทในสมอง ซึ่งมีหน้าที่ผลิตโดปามีน ซึ่งช่วยในการควบคุมอารมณ์และการเคลื่อนไหว

นักวิจัยมหาวิทยาลัยลันด์ของสวีเดน ได้ทดลองกับหนู โดยฆ่าเซลล์ประสาทซึ่งผลิตโดปามีนในสมองซีกหนึ่ง แล้วฉีดเซลล์ตัวอ่อนของมนุษย์ไปให้ เมื่อปล่อยเวลาล่วงเลยไปสักครู่ พบหลักฐานว่าสมองข้างนั้นของหนูกลับคืนดีได้เหมือนเดิม

ขณะนี้ยังไม่เคยมีการทดลองทำแบบเดียวกันกับมนุษย์ นักวิจัยคาดว่ากว่าจะพร้อมทดลองได้คงต้องรอจนกว่าปี พ.ศ.2560.

ใช้เซลล์ตัวอ่อน แก้อัมพาตแบบสั่น - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ไลบีเรียยกเลิกภาวะฉุกเฉินจากอีโบลา



ไลบีเรียยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา หลังตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อลดน้อยลง

วันศุกร์ 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา 01:23 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมันโรเวียประเทศไลบีเรีย เมื่อวันที่14พ.ย.ว่าประธานาธิบดีเอลเลน เซอร์ลีฟแห่งไลบีเรีย แถลงว่ารัฐบาลได้ยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินซึ่งได้ประกาศไปเมื่อสามเดือนก่อนอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ3,000คนในประเทศไลบีเรียแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการแพร่ระบาดจบสิ้นลงแล้วแต่ก็มีความคืบหน้าอยู่บ้างทำให้สามารถยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินได้โดยเฉพาะจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่ลดน้อยลง

การประกาศภาวะฉุกเฉินครอบคลุมถึง การสั่งปิดสถานศึกษาการห้ามเข้าสถานที่มีการชุมนุมขนาดใหญ่การปิดตลาดสดบางแห่ง แต่รัฐบาลก็สามารถสั่งห้ามเดินทางสำหรับผู้ต้องสงสัยติดเชื้อบางรายส่วนสถานศึกษายังคงปิดทำการเรียนการสอนไว้ก่อนอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเปิดทำการได้อีกครั้งเมื่อไหร่

ทั้งนี้ไลบีเรียตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อลดน้อยลงในบางพื้นที่แม้ในบางจุดยังพบอย่างต่อเนื่องแต่ประธานาธิบดีเซอร์ลีฟกล่าวว่ารัฐบาลจะต้องดำเนินการต่อไปเพื่อเอาชนะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ไว้ได้



ไลบีเรียยกเลิกภาวะฉุกเฉินจากอีโบลา | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

หุ่นยนต์สำรวจอวกาศ “ฟิเล” อาจพลังงานหมด หลังพบอยู่ในจุดอับแสงอาทิตย์ Fri, 14/11/2014 - 08:28



หุ่นยนต์สำรวจอวกาศ “ฟิเล” อาจพลังงานหมด หลังพบอยู่ในจุดอับแสงอาทิตย์
หุ่นยนต์ "ฟีเล" ขององค์การสำรวจอวกาศยุโรปสามารถจอดบนดาวหาง 67P ได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่มีความกังวลว่า แบตเตอรี่อาจหมดพลังงานไฟฟ้า หลังพบว่าตัวหุ่นอยู่ในบริเวณอับแสงอาทิตย์

หุ่นยนต์ฟีเลส่งภาพนิ่งจากดาวหาง 67P กลับมายังโลกอีกหลายภาพ ซึ่งห่างกันด้วยระยะทาง ถึง 6.5 พันล้านกิโลเมตร ทั้งนี้เกิดความผิดพลาดในขณะลงจอดเล็กน้อยเมื่อฉมวกหรือสมอที่จะต้องถูกยิงลงไปยึดเกาะกับพื้นผิวดาวหางไม่ทำงาน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่องค์การสำรวจอวกาศแห่งยุโรปเปิดเผยว่า ขณะนี้มันสามารถตั้งจอดได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่ก็กลับมีความกังวลใหม่เกิดขึ้นมา

เจ้าหน้าที่องค์การสำรวจอวกาศของยุโรประบุว่า หุ่นยนต์ฟีเลอยู่ในจุดอับทำให้เกรงว่าจะไม่ได้รับการชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์เข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพียงพอ ทั้งนี้การเดินทาง 10 ปีเพื่อไปยังดาวหาง 67P ของหุ่นยนต์ฟีเลนั้น เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจศึกษาจุดกำเนิดของระบบสุริยะจักรวาล

หุ่นยนต์สำรวจอวกาศ “ฟิเล” อาจพลังงานหมด หลังพบอยู่ในจุดอับแสงอาทิตย์ |...

 

จีนเปิดตัวขีปนาวุธรุ่นใหม่ Thu, 13/11/2014 - 14:21

จีนเปิดตัวขีปนาวุธนำวิถีรุ่นใหม่ชื่อว่า "เว่ยฉี-43" ที่อ้างว่าสามารถยิงโจมตีเป้าหมายจากระยะไกลได้แม่นยำกว่าขีปนาวุธรุ่นเก่า

<iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/PbZGStjZIWE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

จรวดนำวิถีที่จีนพัฒนาขึ้นมาเป็นรุ่นล่าสุด มีชื่อว่า "เว่ยฉี-43" โดยบรรษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอากาศยานจีน เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งสามารถยิงออกไปได้พร้อมกันเป็นชุด

ทั้งนี้จีนกำลังจัดงานอากาศยานและการบินนานาชาติครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 11 - 16 พ.ย.2557 ณ เมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งมีการเปิดตัวทั้งเครื่องบินและอาวุธประดิษฐ์ใหม่หลากหลายประเภท รวมถึงระเบิดติดปีก ซึ่งหัวหน้าคณะผู้ออกแบบอ้างว่าสามารถยิงโจมตีเป้าหมายจากระยะไกลได้แม่นยำกว่าขีปนาวุธรุ่นเก่า

จีนเปิดตัวขีปนาวุธรุ่นใหม่ - ข่าวไทยพีบีเอส - Thai PBS News...

 

สภาคองเกรสวางเป้าโจมตีผลงาน "โอบามา" Fri, 14/11/2014 - 14:29

ผู้นำพรรครีพับลิกันที่ได้ครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภาในสหรัฐฯ ประกาศเตรียมตรวจสอบผลงานที่ย่ำแย่ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในการประชุมสภาฯสมัยหน้า

<iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/No9uh_Xx3mU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

สมาชิกวุฒิสภา"มิตช์ แมคคอนเนลล์" ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาคองเกรสขณะนี้ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ผู้นำเสียงข้างมากในการประชุมสมัยหน้า โดยนายแมคคอนเนลล์ก็ได้ประกาศจะโจมตีผลงานการบริหารประเทศของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ซึ่งมาจากพรรคเดโมแครต

นายแมคคอนเนลล์ระบุว่า นับตั้งแต่พรรครีพับลิกันชนะเลือกตั้งกลางเทอมได้ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเขาก็เตรียมพร้อมที่จะตรวจสอบการกระทำของประธานาธิบดีโอบาม่า ที่รวมถึงการไปตกลงกับจีนทำข้อตกลงลดการปล่อยกาซคาร์บอนสู่บรรยากาศเพื่อลดภาวะโลกร้อนอันจะทำให้ประชาชนในสหรัฐฯตกงาน

สภาคองเกรสวางเป้าโจมตีผลงาน "โอบามา" - ข่าวไทยพีบีเอส - Thai...