ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯอินเดียประกาศนำเงินมืดกลับประเทศ

    [​IMG]

    นายกรัฐมนตรีอินเดียลั่นนำ “เงินมืด” ผิดกฎหมายที่ฝากอยู่ในบัญชีธนาคารต่างประเทศ กลับคืนประเทศ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมหาศาล

    วันอาทิตย์ 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา 18:51 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลีประเทศอินเดีย เมื่อวันที่2พ.ย.ว่านายกรัฐมนตรีนเรนทราโมดี ผู้นำอินเดียแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่าเขาให้คำมั่นว่าจะนำเงินที่ฝากอยู่ในธนาคารต่างประเทศอย่างผิดกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีหรือที่เรียกกันว่า “เงินมืด”กลับคืนสู่ประเทศให้หมดในการกล่าวปราศรัยถ่ายทอดทางสถานีวิทยุต่อประชาชนทั่วประเทศเป็นครั้งที่2ตั้งแต่เข้าก้าวขึ้นสู่อำนาจในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานายโมดี กล่าวว่าเงินจำนวนมหาศาลที่ถูกนำไปซุกไว้ยังต่างประเทศอย่างผิดกฎหมายนั้นคือเงินของคนยากคนจนในประเทศ

    เงินฝากในบัญชีธนาคารต่างประเทศอย่างผิดกฎหมายทำให้อินเดียสูญเสียรายได้เป็นเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐและนายโมดีเคยให้คำมั่นสัญญาก่อนหน้านี้ว่ารัฐบาลของเขาจะแก้กฎหมายหรือออกมาตรการใหม่เพื่อนำเงินผิดกฎหมายดังกล่าวกลับประเทศซึ่งเขาก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว

    นายกรัฐมนตรีจากพรรคภาราติยะชนตะ หรือบีเจพี พรรคชาตินิยมฮินดูกล่าวว่า เขาไม่รู้หรอกว่าเงินมืดที่ฝากอยู่ในธนาคารต่างประเทศมีจำนวนมากน้อยแค่ไหนแต่สถาบันวิชาการในกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐ ที่ชื่อว่าโกลบอล ไฟแนนเชียล อินเตกริตีหรือจีเอฟไอองค์การเพื่อการต่อต้านการฟอกเงินและกระแสเงินทุนผิดกฎหมายประมาณว่าอินเดียต้องสูญเสียเงิน344,000ล้านดอลลาร์สหรัฐในเงินทุนที่ผิดกฎหมายซึ่งหลั่งไหลออกนอกประเทศระหว่างปี2545-2554

    รัฐบาลแดนภารตะได้เสนอรายชื่อกลุ่มบุคคลที่มีเงินฝากในบัญชีธนาคารต่างประเทศผิดกฎหมายต่อศาลสูงของอินเดียแล้วและกำลังมีการตรวจสอบอยู่

    นายกฯอินเดียประกาศนำเงินมืดกลับประเทศ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รายงาน 'โลกร้อน'ของUNเรียกร้อง ยุติใช้น้ำมัน-ก๊าซ-ถ่านหินในปี2100
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤศจิกายน 2557 22:23 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ – คณะผู้เชี่ยวชาญภายใต้การสนับสนุนของสหประชาชาติ ระบุในรายงานชิ้นใหญ่ฉบับล่าสุด ยืนยันว่าภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นมา โดยแทบจะเนื่องจากการกระทำของมนุษย์ล้วนๆ และหากต้องการจำกัดผลกระทบอันเป็นอันตรายร้ายแรงของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเช่นนี้แล้ว ก็ควรต้องลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิส เป็นต้นว่า น้ำมัน, ก๊าซ, ถ่านหิน ให้น้อยลงเป็นขั้นๆ จนกระทั่งยุติไปภายในปี 2100

    รายงานฉบับสังเคราะห์ที่นำออกเผยแพร่ในกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก เมื่อวันอาทิตย์ (2 พ.ย.) ถือเป็นรายงานชิ้นที่ 4 และชิ้นสุดท้ายของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (IPCC) รายงานนี้ไม่ได้นำเสนอประเด็นที่น่าประหลาดใจใดๆ แต่เป็นการรวบรวมสิ่งที่ค้นพบในรายงาน 3 ฉบับแรกที่เผยแพร่ในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา และตอกย้ำขอบเขตความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

    รายงานระบุว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลนั้น ควรจะต้องลดลงเหลือ 0 ภายในสิ้นศตวรรษนี้ เพื่อควบคุมอุณหภูมิให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศา โดยที่พวกผู้เชี่ยวชาญต่างระบุว่าหากสูงกว่านี้โลกจะเป็นอันตรายมาก

    ทั้งนี้หากจำกัดเอาไว้ไม่สำเร็จ โลกก็คงถูกล็อกอยู่ในวิถีของผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ชนิด “ที่ไม่อาจหวนกลับคืนได้” โดยผลกระทบบางอย่างปรากฏให้เห็นแล้ว เป็นต้นว่า ระดับน้ำทะเลกำลังเพิ่มสูงขึ้น น้ำในมหาสมุทรอุ่นขึ้นและมีความเป็นกรดสูงขึ้น ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งแถบอาร์กติกหลอมละลาย และคลื่นความร้อนที่เกิดบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น

    “วิทยาศาสตร์ได้พูดออกมาแล้ว” บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ กล่าวเปิดตัวรายงานฉบับล่าสุดนี้ “ข้อความที่พวกเขาส่งออกมานั้นไม่มีอะไรกำกวมเลย ดังนั้น บรรดาผู้นำทั้งหลายจะต้องลงมือทำอะไรขึ้นมา เวลาไม่คอยท่าเราแล้ว”

    “มีภาพมายาที่ทำให้เชื่อกันว่าการลงมือกระทำในเรื่องเกี่ยวกับภูมิอากาศจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงลิบลิ่ว” บัน กล่าวต่อ “ทว่าการไม่ลงมือกระทำอะไรเลยกลับจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงยิ่งกว่านั้นอีก”

    [​IMG]
    ---
    @(จากซ้าย) มานูเอล ปัลการ์ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมเปรู บัน คีมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ราเชนทรา ปาเชารี ประธานคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ (IPCC) และรีนาเต คริสต์ เลขาฯ IPCC ในการแถลงข่าว ณ กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ในวันอาทิตย์ (2 พ.ย.)
    ---
    แม้เต็มไปด้วยการคาดการณ์แง่ลบ แต่รายงานฉบับนี้ยังให้ความหวังโดยระบุว่า เครื่องมือในการทำให้โลกเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือ การลดการเสพติดพวกเชื้อเพลิงฟอสซิล ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน ถ่านหิน หรือ ก๊าซ ที่เป็นตัวการสำคัญในการสร้างมลพิษให้ชั้นบรรยากาศ

    ราเชนทรา ปาจาอุรี ประธาน IPCC ชี้ว่า ทางออกมีมากมายอีกทั้งไม่ถ่วงการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนามนุษย์ สิ่งที่ต้องการคือ เจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะได้รับการกระตุ้นจากความรู้และความเข้าใจในปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเชิงวิทยาศาสตร์

    IPCC ได้รับการจัดตั้งขึ้นในปี 1988 เพื่อทำหน้าที่ประเมินภาวะโลกร้อนและผลกระทบ รายงานฉบับล่าสุดนี้อ้างอิงกับการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจำนวน 30,000 ฉบับ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นนับจากทศวรรษ 1950 นั้นเกือบทั้งหมดเกิดจากมนุษย์

    คณะตัวแทนของประเทศต่างๆ ซึ่งมีทั้งนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่รัฐบาล อนุมัติร่างรายงานสรุปสุดท้ายเมื่อบ่ายวันเสาร์ (1) หลังจากใช้เวลา 1 สัปดาห์เต็มๆ ทบทวนกันทีละบรรทัด สภาวการณ์เช่นนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า กระบวนการของ IPCC ไม่ได้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากยังต้องผ่านการยอมรับของภาครัฐบาล และนั่นหมายความว่า การเจรจาต่อรองทางการเมืองของประเทศต่างๆ ในขณะที่ใกล้ถึงเส้นตายซึ่งนาชาติจะต้องทำข้อตกลงระดับโลกฉบับใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ในปีหน้า หนีไม่พ้นส่งผลต่อผลลัพธ์ของรายงานฉบับล่าสุดนี้

    แต่ถึงแม้ผลการต่อรองได้ทำให้มีการตัดข้อความว่าด้วยระดับภาวะโลกร้อนที่ถือว่าเป็น “อันตราย” ออกไปจากรายงานสรุปความยาว 40 หน้าฉบับล่าสุดนี้ เนื่องจากคณะตัวแทนไม่สามารถตกลงกันได้ ทว่าในรายงานก็ยังคงมีการใช้คำว่า “ความเสี่ยง” ถึง 65 ครั้ง

    ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2009 ทั่วโลกกำหนดเป้าหมายให้ช่วยกันรักษาอุณหภูมิโลก อย่าให้ร้อนขึ้นเกินกว่า 2 องศาเซลเซียสเทียบกับช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยที่นับจากศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา อุณหภูมิโลกสูงขึ้นราว 0.8 องศาเซลเซียสแล้ว

    [​IMG]
    --
    ขณะเดียวกัน ตลอดช่วงหลายปีมานี้ มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเวลานี้ทั่วโลกใช้โควตาการปล่อยคาร์บอนของตัวเองไปแล้ว 2 ใน 3 ของระดับการปล่อยก๊าซออกซิเจนสูงสุดที่ IPCC ระบุว่า สามารถทำได้ โดยไม่ทำให้อุณหภูมิโลกขยับถึง 2%

    รายงานล่าสุดเรียกร้องว่า ภายในปี 2050 ไฟฟ้าส่วนใหญ่ทั่วโลกต้องผลิตจากแหล่งพลังงานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ และเพิ่มการใช้พลังงานที่สามารถสร้างทดแทนได้ เพิ่มขึ้นจาก 30% ของภาคพลังงานในปัจจุบัน เป็น 80%

    IPCC ยืนยันว่า ต้นทุนในการเปลี่ยนระบบพลังงานเป็นพลังงานแสงอาทิตย์และลม รวมทั้งแหล่งพลังงานอื่นที่สามารถสร้างทดแทนได้ และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจขยับลงแค่ปีละ 0.06% เท่านั้น

    ปาจาอุรีสำทับว่า ควรพิจารณาต้นทุนดังกล่าว โดยเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ของการไม่ทำอะไรเลยอันจะทำให้ทุกชีวิตบนโลกตกอยู่ในอันตราย

    รายงานฉบับนี้ถือเป็นโรดแมปทางวิทยาศาสตร์สำหรับการเจรจาปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของยูเอ็น ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้าที่เปรู ซึ่งถือเป็นการประชุมใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนซัมมิตในปารีสปีหน้า ซึ่งจะต้องรับรองข้อตกลงการจัดการภาวะโลกร้อน

    อุปสรรคสำคัญของการบรรลุข้อตกลงฉบับนี้ คือการที่นานาชาติเกี่ยงความรับผิดชอบ กล่าวคือประเทศมั่งคั่งเรียกร้องให้จีนและชาติกำลังพัฒนาสำคัญอื่นๆ ต้องรับผิดชอบเป้าหมายที่สูงมากขึ้นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาบอกว่า ชาติร่ำรวยนั้นเป็นพวกที่มั่งคั่งจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอดีต จึงมีความรับผิดชอบจากประวัติศาสตร์ในการเป็นผู้นำต่อสู้ภาวะโลกร้อน ตลอดจนในการช่วยเหลือชาติยากจนรับมือผลกระทบจากภาวะโลกร้อน

    IPCC พยายามคลี่คลายประเด็นนี้โดยไม่เลือกข้าง ด้วยการระบุว่า ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศคือ การทำให้ผู้คนและชุมชนในประเทศต่างๆ ในทุกระดับการพัฒนา ล้วนสูญเสียผลประโยชน์

    [​IMG]
    --

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักรบอัลลอยเป็นจริง! จีนพัฒนาโลหะเหลวรักษากระดูกหายในไม่กี่นาที
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤศจิกายน 2557 19:01 น.

    [​IMG]
    ---
    @ภาพเอ็กซเรย์เปรียบเทียบกระดูกหนู (a,b) กับท่อนกระดูกมนุษย์ ในความเป็นไปได้ที่จะนำโลหะอัลลอยมาใช้รักษาอย่างมีประสิทธิภาพ (ภาพเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์)
    ---

    เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ - นักวิทยาศาสตร์ในกรุงปักกิ่ง กำลังพัฒนาเทคนิคการรักษากระดูกหักหายภายในไม่กี่นาทีแทนการเข้าเฝือกนับเดือน เตรียมใช้ประโยชน์ทางการทหาร

    เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงาน (2 พ.ย.) อ้างคำกล่าวของนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยชิงหวา ว่ากำลังพัฒนาเทคนิคการรักษากระดูกหักหายภายในไม่กี่นาทีแทนการเข้าเฝือกนับเดือน โดยได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้เพื่อใช้ทางการทหาร อาทิ ทหารคนเหล็ก นักรบอัลลอยที่มีร่างกายสุดแกร่ง ไม่หวั่นอาวุธข้าศึก

    เทคโนโลยีรักษาใหม่นี้คือการใช้โลหะเหลวอัลลอย เสริมเข้าไปกับกระดูกที่แตกหักเพื่อรักษาให้หายได้ภายในไม่กี่นาที โดยศาสตราจารย์หลิว จิ้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชีวเวช (biomedical engineering) หรือ วิศวกรรมการแพทย์ (medical engineering) และเป็นหัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวว่า "นี่เป็นความก้าวหน้าที่เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ที่ไม่มีสิ้นสุด ด้วยว่าเทคโนโลยีนี้ ไม่เพียงเป็นการปฏิวัติการรักษาอาการบาดเจ็บทางกระดูก แต่ยังสามารถสร้างภาวะสุดยอดทางด้านร่างกายเหมือนนิยายฮีโร่ เดอะ วูล์ฟเวอรีน"

    ศาสตราจารย์หลิว และคณะฯ ได้ตีพิมพ์งานวิจัยโลหะอัลลอยในวารสาร Biomaterials เมื่อเดือนตุลาคมว่า พวกเขาได้ทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าวกับ สุกร และหนู แต่ยังไม่เคยทดลองกับมนุษย์

    "ผลการทดสอบทำให้เชื่อมั่นว่าจะนำมาใช้จริงได้ อัลลอย์นั้นมีความปลอดภัยและมีความเป็นพิษต่ำ" ศ.หลิว กล่าวและว่า เขาได้ทราบว่ามีเทคโนโลยีนี้ในประเทศอื่นๆ เช่นกัน และพวกตนกำลังดำเนินการขั้นตอนแรก

    ทั้งนี้ การปลูกถ่ายรักษากระดูกด้วยโลหะนั้นมีการดำเนินการมานานหลายปี แต่ทุกกรณีต้องมีการผ่าตัดและใช้เวลานานนับเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ แต่สำหรับ โลหะผสมเทคโนโยลีใหม่นี้ มีส่วนผสมระหว่าง บิสมัท อินเดียม ดีบุก และสังกะสี สามารถเสริมรอยแตกขนาดเล็กได้โดยการฉีด นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมความเหลวเพื่อเข้าสู่จุดเป้าหมายได้โดยตรง ทำให้เทคโนโลยีการรักษานี้ มีประโยชน์ในการรักษาฉุกเฉินทหารที่บาดเจ็บ ให้สามารถกลับคืนสู่สมรภูมิได้อย่างแข็งแกร่ง

    เหมา เจิ้งเหว่ย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควัสดุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง กล่าวว่า เทคโนโลยีใหม่นี้ สามารถรักษาแทนการผ่าตัดกระดูกแบบเดิม อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ยังจำเป็นต้องพัฒนาอีกหลายปีก่อนจะพิสูจน์ว่ามีความปลอดภัยและใช้งานได้จริง

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนเตือนพ่อแม่ตั้งชื่อลูกหลานโดยคำนึงจริยธรรมและผลประโยชน์ส่วนรวม
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤศจิกายน 2557 13:34 น.

    [​IMG]

    ทางการจีนออกโรงเตือนประชาชน คิดให้ละเอียดถี่ถ้วนยามตั้งชื่อสกุลลูกหลาน

    นางซิ่น ชุนอิง รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการกฎหมายของคณะกรรมการสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (NPC) กล่าวว่า พ่อแม่ชาวจีนควรเคารพจริยธรรมสังคมและคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม เมื่อตั้งชื่อและสกุลให้กับลูกหลานของตนเอง

    รายงานความเห็นของนางซิ่น ซึ่งสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ระบุว่า สกุลหรือ “แซ่” เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในขนบธรรมเนียมประเพณีจีน เป็นรากฐานที่เสริมสร้างความมั่นคงให้กับโครงสร้างสังคม

    “สกุลสะท้อนให้เห็นมรดกที่ตกทอดสืบต่อกันมาทางสายเลือด ระเบียบแบบแผน และวัฒนธรรมโบราณ การเลือกใช้สกุลมีความสัมพันธ์กับข้อตกลงของสังคมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง”

    ทั้งนี้ วาทะของนางซิ่นสอดรับกับข้อเรียกร้องของนายเจียง ฉิวเถา นักกฎหมายจีน ที่ต้องการให้รัฐบาลออกกฎควบคุมการตั้งชื่อ-สกุลอย่างเข้มงวดกวดขัน เพื่อป้องกันปัญหาในการจัดการดูแลสังคมแดนมังกร

    ตามหลักทั่วไปของกฎหมายแพ่งและกฎหมายสมรสของจีนกำหนดไว้ว่า สกุลสามารถสืบทอดจากพ่อแม่หรือญาติสายตรงอื่นๆ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นต้น ส่วนตามธรรมเนียมปฏิบัติ แซ่จะมีแค่พยางค์เดียว ส่วนชื่อตัวจะมีหนึ่งหรือสองพยางค์ก็ได้ แต่ไม่มีการตั้งชื่อกลาง (middle name) อย่างธรรมเนียมตะวันตก

    อย่างไรก็ดี พ่อแม่ผู้ปกครองชาวจีนบางส่วนได้แหกม่านประเพณี เพิ่มตัวอักษรภาษาอังกฤษเข้าไปในชื่อตัวของลูกหลาน โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการตั้งชื่อซ้ำซ้อนกับคนอื่น ก่อให้เกิดการรณรงค์จากทางการจีน โดยเฉพาะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กระตุ้นส่งเสริมหลักคิดและวัฒนธรรมโบราณ อาทิ ลัทธิปรัชญาขงจื้อ เป็นต้น

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธารลาวาบนเกาะฮาวายไหลเข้าใกล้ชุมชนห่างเพียง 152 เมตร Sun, 02/11/2014 - 17:29

    ธารลาวาจากการระเบิดของภูเขาไฟบนเกาะฮาวาย ยังไหลมุ่งหน้าไปยังชุมชนแห่งหนึ่ง ล่าสุดห่างจากชุมชนเพียง 152 เมตร

    <iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/LVIMzn2n6to" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    หมู่บ้านปาฮัว อยู่ใกล้เส้นทางผ่านของธารลาวา หรือ หินหลอมละลาย ซึ่งขณะนี้ธารลาวาไหลเข้าใกล้หมู่บ้านและอยู่ห่างเพียง 152 เมตร โดยเป็นลาวาจากภูเขาไฟคิลัวเอ บนเกาะฮาวายที่ระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ธารลาวาสายนี้เกิดจากปล่องที่ชื่อว่าปูอู โอโอ ซึ่งการไหลระลอกล่าสุดเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา

    หมู่บ้านปาฮัวมีประชากร 945 คน ทั้งผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันจัดทำแผนอพยพไว้แล้ว รวมถึงเส้นทางฉุกเฉินกรณีที่ทางหลวงสายเดียวถูกธารลาวาไหลหลากเข้าปกคลุม

    ธารลาวาบนเกาะฮาวายไหลเข้าใกล้ชุมชนห่างเพียง 152 เมตร - ข่าวไทยพีบีเอส ...
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คาดใช้เวลากว่า 1 ปี สอบสวนเหตุยานท่องเที่ยวอวกาศตก Sun, 02/11/2014 - 16:34

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่าการสอบสวนหาสาเหตุการตกของยานท่องเที่ยวอวกาศ "เวอร์จิน กาแลคติก" อาจต้องใช้เวลา ประมาณ 1 ปี

    <iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/oQYftLjgHTc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    คณะกรรมการปลอดภัยคมนาคมแห่งชาติ หรือ "NTSB" ของสหรัฐฯ ระบุว่า "สเปซชิป ทู"เกิดแตกกลางอากาศก่อนตกลงในทะเลทรายของรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.2557) ทั้งนี้ "สเปซชิปทู"เป็นลักษณะเครื่องบินท่องเที่ยวอวกาศของบริษัทเวอร์จินกาแลคติก NTSB คาดการณ์ด้วยว่าการสอบสวนหาสาเหตุอาจใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งระหว่างนั้นบริษัทเวอร์จินกาแลคติกก็สามารถทดสอบการบินต่อไปได้

    เวอร์จินกาแลคติก เป็นบริษัทจัดนำเที่ยวอวกาศของมหาเศรษฐีริชาร์ด แบรนสัน ความผิดพลาดที่เกิดนั้นมีขึ้นในช่วง 2 นาทีหลังจากเครื่องบินลำเลียงปลดให้ยานสเปซชิปทูทำการบินเองเพื่อทดสอบ ซึ่งการตกครั้งนี้ทำให้นักบินเสียชีวิต 1 คน ส่วนอีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส

    คาดใช้เวลากว่า 1 ปี สอบสวนเหตุยานท่องเที่ยวอวกาศตก - ข่าวไทยพีบีเอส - ...
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Ammy Chumnankij

    ลุ้นระทึก 21 วัน 'อีโบลาป่าตอง' : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ นสพ คมชัดลึก
    15.30 น. วันที่ 23 ตุลาคม 2557 ตำรวจได้รับแจ้งจากคอนโดมิเนียมในป่าตอง จ.ภูเก็ต ว่า พบกลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากห้องพัก ชั้น 2 ขอให้รีบเข้าไปช่วยเปิดดูว่าเป็นกลิ่นอะไร !?! ...
    เมื่อตำรวจพร้อมหน่วยกู้ภัยไปถึงคอนโดดังกล่าว ได้ขออนุญาตห้องพักข้างเคียงปีนผ่านระเบียงเข้าไป พบศพ "โรเบิร์ต" (คลาร์ก มาร์ติน จอห์น โรเบิร์ตส์) ชายอังกฤษวัย 68 ปี นอนคว่ำหน้า ร่างกายไม่สวมเสื้อผ้า มีเลือดไหลจากปากและจมูกเปื้อนพื้นห้องจำนวนมาก ข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันนำศพไปขึ้นท้ายรถกระบะส่งโรงพยาบาล ตอนแรกตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง
    กว่าจะสืบรู้ว่านายโรเบิร์ตเดินทางมาจากไนจีเรีย และอาจเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงติดเชื้ออีโบลา เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปแล้ว 2 วัน เนื้อเยื่อและสารคัดหลั่งถูกส่งไปตรวจสอบที่ รพ.จุฬาฯ ในวันที่ 25 ตุลาคม ใช้เวลาตรวจเชื้อ 24 ชั่วโมง วันรุ่งขึ้น นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ได้รับผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ได้แก่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ทั้ง 2 แห่งให้ผลยืนยันตรงกันว่าไม่พบเชื้อไวรัสอีโบลา
    จากคำสัมภาษณ์ข้างต้นเหมือนทำให้โล่งอก เมืองไทยปลอดภัยจากเชื้ออีโบลาได้อีกครา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีคำขอร้องให้กักตัวตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย 27 คน ที่ใกล้ชิดหรือสัมผัสกับศพไว้ แม้ผลยืนยันไม่พบเชื้ออีโบลาในตัวอย่างเนื้อเยื่อของนายโรเบิร์ตก็ตาม
    "นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา" ผอ.ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านโรคติดเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน จุฬาฯ ผู้รับผิดชอบตรวจหาไวรัสอีโบลา อธิบายให้ฟังว่า การตรวจเชื้ออีโบลาจะได้ผลแน่นอนนั้น ต้องมาจากเนื้อเยื่อผู้เสียชีวิตไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่กรณีของนายโรเบิร์ตนั้น สภาพศพเน่ามานานกว่า 5 วัน จึงขอเนื้อเยื่อ 3 ส่วนส่งมาตรวจ นั่นคือ สารคัดหลั่งจากลำคอ, เนื้อเยื่อบริเวณทวารหนัก และชิ้นเนื้อตับโดยการใช้เข็มเจาะเพื่อดูดออกมา
    ผู้เชี่ยวชาญข้างต้นอธิบายวิธีการตรวจซ้ำทั้ง 3 ครั้ง ดังนี้ 1.ตรวจหาไวรัสอีโบลาและไวรัสมาร์บวร์กด้วยวิธี "เรียลไทม์ พีซีอาร์" แบบรู้ผลรวดเร็ว 2.ตรวจหาไวรัสอีโบลาสายพันธุ์ซาอีร์ ตามมาตรฐานศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) 3.ตรวจยืนยันผลด้วยการครอบคลุมความผันแปรของรหัสพันธุกรรม เพื่อหาเชื้อไวรัสอีโบลา, เชื้อไวรัสมาร์บวร์ก และไวรัสอื่นในตระกูลเดียวกัน นอกจากนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ตรวจคู่ขนานไปด้วย
    "ทีมงาน 2 แห่ง ได้ผลตรงกันคือ ไม่พบเชื้ออีโบลาในตัวอย่างที่ส่งมา แต่ก็ไม่ได้หมายความร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผู้เสียชีวิตไม่ได้ป่วยอีโบลา เพราะตัวอย่างที่ได้มาไม่เหมาะสม ประกอบกับสภาพศพที่เห็นภายนอกมีลักษณะการเสียชีวิตคล้ายผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกอีโบลา เพื่อความปลอดภัยได้แนะนำให้สำนักระบาดวิทยาเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงหรือตำรวจและบุคคลที่เข้าไปใกล้ชิดกับศพ เพราะพวกเขาไม่ได้ใส่ชุดป้องกันที่ดีพอ" นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
    หากย้อนดูระยะเวลาตั้งแต่นายโรเบิร์ตเดินทางจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย มาถึงเมืองไทย พบว่า วันที่ 7 ตุลาคม เดินทางถึงสนามบินภูเก็ต 15 ตุลาคม เกิดอาการเป็นลม ณ ชายหาดป่าตอง จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ตรวจไม่พบว่าเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสอีโบลา แพทย์อนุญาตให้กลับที่พักได้ 23 ตุลาคม หน่วยกู้ภัยเข้าไปเคลื่อนย้าย “ศพ”
    เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมเบื้องต้นทำให้วิเคราะห์กันว่า น่าจะมีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับนายโรเบิร์ตถึง 300 ราย แต่ผู้ถูกแนะนำให้กักตัวไว้มีเพียง 27 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่เข้าไปในคอนโดวันแรกที่พบศพ
    เนื่องจากไวรัสอีโบลามีความสามารถพิเศษ ทำให้ร่างกายมนุษย์สามารถติดเชื้อได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้จำนวนเซลล์ไวรัสมากมายเหมือนเชื้อไวรัสตัวอื่นๆ ย้อนไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว จำนวนผู้ติดเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตกมีเพียงหลัก 1,000 รายเท่านั้น ผ่านไป 3 เดือนพุ่งสูงถึง 1 หมื่นราย ทำให้นักระบาดวิทยาคาดการณ์ว่า ภายในต้นปี 2558 ผู้ติดเชื้ออาจพุ่งสูงถึง 1.4 ล้านราย หากยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่การระบาดได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ต้องเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยและศพที่เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลา โดยไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
    แม้ในอเมริกาเอง เจ้าหน้าที่การแพทย์ช่วงแรกใส่เพียงชุดป้องกันเชื้อโรคระดับ 1 เท่านั้น ไม่มีการปิดคอหรือชุดป้องกันรองเท้า แต่หลังจากมีการร้องเรียนของทีมพยาบาลที่ติดเชื้ออีโบลาจากคนไข้ 2 ราย ทำให้ระเบียบปฏิบัติการและชุดป้องกันแบบเดิมทั้งหมดถูกยกระดับขึ้นไป เช่น ให้ปิดมิดชิดทุกส่วนของร่างกาย ถุงมือต้องใส่ 2 ชั้น ฯลฯ
    จากมาตรการดังกล่าว กระทรางสาธารณสุขเริ่มพิจารณาว่า ไทยควรมีมาตรการใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะหน่วยกู้ภัยหรือตำรวจ หากได้รับการแจ้งเหตุร้าย ไม่ว่าจะเป็นชาวเอเชีย ชาวผิวดำหรือฝรั่งผิวขาว เมื่อต้องเข้าไปช่วยเหลือหรือเก็บศพ ควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันให้เหมาะสมมากกว่านี้ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
    นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ขอร้องให้ทีมงานเก็บศพนายโรเบิร์ตจำนวน 27 ราย รวมถึงตำรวจ 3 นาย ให้ความร่วมมือเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในที่พัก โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มมีความเสี่ยงสูง กลุ่มนี้ให้อยู่แต่ในที่พัก มีเจ้าหน้าที่การแพทย์ไปตรวจร่างกายวันละ 2 ครั้ง เพื่อดูว่ามีไข้หรือไม่ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งสามารถไปทำงานได้ แต่ต้องตรวจไข้ทุกเช้าและทุกเย็น โดยจะติดตามเป็นเวลา 21 วันนับจากวันที่ 23 ตุลาคมเป็นต้นไป และหลังจากนั้นคงต้องเฝ้าดูอีกสักระยะ จึงจะมั่นใจได้ว่าทุกคนปลอดภัยจากเชื้อไวรัสอีโบลาจริง
    หลายคนมีคำถามว่า "จากนี้ไปไวรัสอีโบลาจะระบาดมาถึงไทยหรือไม่ มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?"
    ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยารายหนึ่งยอมรับว่า จากการประเมินล่าสุด ถ้าพื้นที่แอฟริกาตะวันตกยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของอีโบลาได้ เชื่อว่านับจากนี้ไปไม่เกิน 9 เดือน ไวรัสร้ายตัวนี้จะแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างแน่นอน และประเทศไทยคงรวมอยู่ด้วย.
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การปฏิวัติที่ไม่สะดวกง่ายดายของบาห์เรน : การต่อสู้ระหว่างกษัตริย์กับครอบครัวของนักสู้เพื่อเสรีภาพ

    [​IMG]

    “มีรูปแบบหนึ่งของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความจงรักภักดีทางการเมือง และตัวแปรทางทหาร ที่เข้ามามีบทบาทเมื่อกล่าวถึงบาห์เรน เรารู้เรื่องนั้น แต่ประชาชนก็ไม่สามารถถูกทำให้มีชีวิตอยู่อย่างทาสได้ เพราะมันเป็นการอำนวยความสะดวกทางการเมืองและทางเศรษฐกิจแก่มหาอำนาจต่างชาติ”


    ผู้ที่ต่อสู้ในพื้นที่ได้ขนานนามมันว่า “การปฏิวัติที่ไม่สะดวกง่ายดาย” การลุกขึ้นเรียกร้องประชาธิปไตยของบาห์เรนยังคงเป็นจุดสีดำบนแผนที่อาหรับสปริง ซึ่งเป็นขบวนการเพื่อการปฏิวัติที่สื่อพากันหลีกเลี่ยงเนื่องจากมันได้ตีแผ่ถึงผลประโยชน์ทางการเมืองและศีลธรรมที่ซ้ำซ้อนและขัดแย้งกัน

    “เรารู้ว่าเสรีภาพของบาห์เรนเป็นหัวข้อสำหรับโต้เถียงกัน มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่บาห์เรนเป็นศูนย์กลางของบาห์เรนและผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจต่างชาติในภูมิภาคนี้” มัรยัม อัล-คอวาญากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับมินท์เพรสนิวส์

    เกาะที่เป็นมากกว่าราชอาณาจักรนี้เป็นบ้านของประชาชนมากกว่า 1.3 ล้านคน น้อยกว่าครึ่งของประชากรถือสัญชาติบาห์เรน บาห์เรนเป็นเพชรทางภูมิยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อราชวงศ์ในแถบอ่าว และต่อมหาอำนาจตะวันตก ทั้งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรมีความเข้าใจว่าบาห์เรนและผู้ปกครองของมันมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษา ปกป้อง และดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ทางทหาร การเมือง เศรษฐกิจ และความเป็นผู้นำของพวกตนในภูมิภาคนี้ บาห์เรนเป็นตัวต่อชิ้นหนึ่งในแถบตะวันออกกลาง จึงไม่สามารถปล่อยให้หลุดออกไปจากเขตการปกครองของตนได้

    ขณะที่มหาอำนาจเหล่านั้นอาจรู้สึกว่าผลประโยชน์ของพวกตนมีความสำคัญเหนือกว่าสิทธิโดยธรรมชาติของประชาชนชาวบาห์เรนในการตัดสินใจด้วยตัวเอง ครอบครัวหนึ่งในบาห์เรน ครอบครัวคอวาญา ได้ทำให้มั่นใจว่าเสียงของชาวบาห์เรนยังคงดังกว่าเสียงรบกวนทางการเมือง ครอบครัวนี้เป็นเสมือนสัญญาณไฟและจุดชุมนุมสำหรับบรรดาผู้ที่ความหวังและเสียงร้องของพวกเขาถูกบดขยี้อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองที่กดขี่ของอัล-คอลิฟา พวกเขาลุกขึ้นในฐานะเป็นตัวแทนของการเรียกร้องของชาวบาห์เรนที่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ



    ผลประโยชน์ซ้ำซ้อนของต่างชาติและภูมิภาค

    อัลเบอร์โต ครูซ นักข่าวสายสืบสวนได้เขียนบทความเกี่ยวกับขบวนการปฏิวัติเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 ว่า “เหตุการณ์ในประเทศเล็กๆ แห่งนี้มีความสำคัญทางภูมิยุทธศาสตร์อย่างยิ่งยวด จนถ้าหากว่าการจลาจลในปัจจุบันมีชัยชนะขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบต่อคูเวตและซาอุดิอารเบีย”

    ด้วยการเป็นพันธมิตรต่างชาติ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในซาอุดิอารเบีย มันจะส่งเสียงสะท้อนไปทั่วเมืองหลวงของโลก อย่างเช่น ลอนดอน วอชิงตัน มอสโคว์ และเตหะราน และมันจะเปลี่ยนสมดุลอำนาจของโลกไปในทันที

    ด้านผลประโยชน์ของตะวันตกในบาห์เรน ครูซได้อธิบายในบทวิเคราะห์ของเขาว่า ผลประโยชน์ด้านน้ำมัน การทหาร และความกดดันทางการเมือง จะสั่งให้ประเทศฝ่ายตรงข้ามเช่นอิหร่านลุกขึ้นเพื่อปลดปล่อยชาวบาห์เรนให้เป็นอิสระ

    การปฏิวัติของบาห์เรนต้องเผชิญกับความจริง กำแพง และมหาอำนาจเหล่านี้มาตั้งแต่ปี 2011 การเดินขบวนเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของบาห์เรนนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายทศวรรษก่อน แต่เหตุการณ์ในปี 2011 เป็นเครื่องหมายของความต้องการการเปลี่ยนแปลงในทันที หลังจากต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้อำนาจมืดของเผด็จการมาหลายทศวรรษ ชาวบาห์เรนได้ตัดสินใจที่จะทวงคืนพื้นที่อันชอบธรรมภายใต้ดวงอาทิตย์ของพวกเขา ด้วยความหวังที่จะกำหนดชะตากรรมทางการเมืองและศาสนาของพวกเขาด้วยตัวของพวกเขาเอง ครอบครัวคอวาญายืนอยู่แถวหน้าของขบวนการนี้ โดยที่สมาชิกแต่ละคนไม่เพียงแต่กำหนดขบวนการเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ยังกำหนดวิถีความเป็นอยู่ด้วย



    “แม่ของฉันพาฉันมายังโลกนี้อย่างมีอิสระ”

    [​IMG]
    ---
    @(ภาพ 1) ซัยนับ อัล-คอวาญา (ซ้าย) ชูสัญลักษณ์ขณะตะโกนว่า “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าผู้กดขี่คนใด” ขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในเมืองเอเคอร์ บาห์เรน เมื่อปี 2012
    ---

    ในการพูดต่อหน้าศาลในบาห์เรนเมื่อต้นเดือนนี้ ด้วยข้อหา “ทำลายทรัพย์สินของรัฐบาล” (ในกรณีนี้คือการฉีกพระบรมฉายาลักษณ์ของกษัตริย์ฮามาด บิน อิสซา อัล-คอลิฟา) ซัยนับ อัล-คอวาญา ซึ่งกำลังท้องแก่ประกาศว่า “ฉันเป็นลูกสาวของชายผู้ทระนงและมีอิสระ แม่ของฉันพาฉันมายังโลกนี้อย่างมีอิสระ และฉันจะให้กำเนิดลูกชายที่มีอิสระ แม้ว่าจะอยู่ในคุกก็ตาม มันเป็นสิทธิ์ของฉัน และเป็นความรับผิดชอบของฉันในฐานะอิสระชน ที่จะทำการประท้วงต่อการกดขี่และผู้กดขี่”

    ครอบครัวคอวาญาเป็นใคร? เช่นเดียวกับครอบครัวแมนเดลาแห่งแอฟริกาใต้ ครอบครัวคอวาญาเกี่ยวข้องอยู่ในเรื่องของอิสรภาพ เมื่อมีการพูดถึงเสรีภาพพลเรือนและสิทธิมนุษยชนของประชาชน ครอบครัวคอวาญาจะยืนอยู่แถวหน้า ไม่ผ่อนปรนและไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นอับดุลฮาดี อัล-คอวาญา หนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดของบาห์เรน และเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ์ที่รู้จักกันดี และเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนบาห์เรน (Bahrain Center for Human Rights) ภรรยาของเขา คอดิญะฮ์ อัล-มูซาวี หรือลูกสาวของเขา มัรยัม และซัยนับ อัล-คอวาญา จนราวกับว่าการต่อสู้ไหลเวียนอยู่ในดีเอ็นเอของครอบครัวนี้

    มัรยัม เข้าสู่โลกของการต่อสู้ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ปัจจุบันอายุ 27 ปี เป็นผู้สืบทอดมรดกของครอบครัว เมื่อทั้งบิดาและพี่สาวของเธอตกเป็นเหยื่อความโกรธของตระกูลอัล-คอลิฟา ต้องเป็นนักโทษทางความคิดในรัฐที่หลายข้อกล่าวหาไม่ได้มีพื้นฐานทางศีลธรรมใดๆ เลย อับดุลฮาดี อัล-คอวาญาถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2011 เมื่อเขาถูกจับกุมเนื่องจากการมีบทบาทในการจลาจลเรียกร้องประชาธิปไตยปี 2011 ซัยนับถูกจับกุมหลายครั้ง และได้รายงานต่อองค์การนิรโทษกรรมสากลว่าถูกทำร้ายร่างกายระหว่างอยู่ในความควบคุมของตำรวจ

    ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับมินท์เพรส มัรยัมอธิบายว่าเธอเข้ามาเป็นเครื่องมือในการปฏิวัติบาห์เรนอย่างไร และสิ่งที่เธอหวังคือการขับตระกูลอัล-คอลิฟาออกจากราชบัลลังก์

    “การเคลื่อนไหวต่อสู้เป็นสิ่งที่เราเติบโตมาพร้อมกับมันตั้งแต่เด็ก เราเติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นนักเคลื่อนไหวมาตลอดชีวิตของพวกท่าน ไม่ใช่แค่พ่อของฉัน แต่แม่ของฉันด้วย จริงๆ แล้วแม่ของฉันเป็นแรงขับเคลื่อนในครอบครัวของฉัน เป็นเครื่องยนต์เบื้องหลังการอุทิศตนของเรา ไม่ใช่เพื่อบาห์เรนเท่านั้น แต่เพื่อสิทธิมนุษยชนโดยทั่วไปด้วย แม่ของฉันเป็นคนเข้มแข็งมากและพูดตรงมากเสมอ ท่านได้หล่อหลอมเราให้เป็นอย่างที่เราเป็น และทำให้เราตระหนักถึงความรับผิดชอบที่เราทุกคน ในฐานะประชาชน ต้องแบกรับเพื่อตัวเราเอง เพื่อครอบครัวของเรา และเพื่อประชาคมของเรา” เธอบอกกับมินท์เพรสจากสำนักงานใหญ่ศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนบาห์เรนในเดนมาร์ก

    เธอบอกว่าเธอเข้าใจว่างานของเธอเป็นเสมือนผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน เป็นการเรียกร้องมากกว่าการเป็นการแสดงตัว เป็นการแสดงความรับผิดชอบมากกว่าเป็นการสนองความมักใหญ่ใฝ่สูงส่วนตัว

    “เหตุผลที่เรามาอยู่แนวหน้าในการปฏิวัติบาห์เรนนั้นก็เพราะเราได้รับเครื่องมือและความรู้ พ่อแม่ของเราช่วยสร้างและบ่มเพาะเราให้มีความยึดมั่นต่อความบริสุทธิ์และยุติธรรม เรามีความเข้าใจว่าการปกป้องสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของประชาชนคืออะไร และเรียกร้องว่าทุกคนต้องได้รับสิ่งนั้นอย่างเท่าเทียมกัน” เธอกล่าว

    แม้บางคนจะเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวต่อสู้เป็นช่องทางหนึ่งสำหรับบางคนที่จะส่งเสริมความทะเยอทะยานและตำแหน่งทางการเมือง แต่เธอได้เน้นว่าสำหรับครอบครัวของเธอและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนหลายร้อนคนทั่วภูมิภาคและทั่วโลก มีจุดศูนย์รวมอยู่ที่การเปล่งเสียงออกมาแทนบรรดาผู้ที่ถูกทำให้เงียบ


    ความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นภายใน ไม่ใช่ภายนอก

    เมื่อพูดถึงจังหวะย่างก้าวของบิดา มัรยัมกล่าวว่า หลังจากที่บิดาของเธอได้รับการปล่อยตัวจากคุกในปี 2005 ประชาชนหันมาหาเขาเพื่อนำและริเริ่มการเปลี่ยนแปลง แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจินตนาการไว้เลย

    “พ่อของฉันไม่ต้องการจะบอกประชาชนว่าต้องทำอะไร ย้อนกลับไปในปี 2005 ท่านได้กล่าวปราศรัยและอธิบายว่า สิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับประชาชนคือการตามผู้นำ ทั้งที่จริงๆ แล้วพวกเขาควรจะมองเข้าไปภายในเพื่อเปลี่ยนแปลงการจัดการและทำให้เกิดสังคมที่พวกเขาใฝ่ฝัน ...มันเป็นการเสริมอำนาจให้กับตัวเองและการปลดปล่อยทางการเมือง และนั่นเหมือนกับเป็นการพูดกับฉันจริงๆ ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่พ่อของฉันยืนหยัดขึ้นเพื่อมัน และนี่คือสิ่งที่ฉันต่อสู้เพื่อให้ได้มาเพื่อประเทศของฉัน” เธออธิบาย

    เธอเน้นย้ำว่าเธอและครอบครัวต้องการที่จะรับใช้ประชาชน ไม่ใช่เพื่อบอกพวกเขาว่าต้องทำอะไร

    “ในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวบาห์เรน งานของฉันไม่ใช่การพูดเพื่อประชาชน แต่เป็นการขยายเสียงพูดของประชาชน และเป็นเรือที่นำพาเสียงร่ำร้อง ความปรารถนา และความหวังของพวกเขา... ฉันต้องการทำให้แน่ใจว่าการพูดไม่ออกนั้นไม่ใช่ไม่มีเสียงพูด” เธอกล่าว

    “ฉันพูดแทนประชาชน นี่คือสิ่งที่ฉันเห็นมัน”

    จากข้อมูลของศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนบาห์เรนระบุว่า มีผู้ชายและผู้หญิงที่ยังอยู่ในคุกของบาห์เรนมากกว่า 3,000 คน แต่มีน้อยคนที่จะได้พบกับอารมณ์ร้ายกาจของตระกูลอัล-คอลิฟาในแบบเดียวกับที่ครอบครัวคอวาญาได้พบเจอ ทั้งตามรังควาน กดขี่ ติดตาม กระทำทารุณ ขู่เข็ญ ทรมาน และจับกุมคุมขัง ทั้งพ่อ แม่ และลูกสาวต้องชดใช้ในราคาแพงสำหรับการทำให้สำนึกและการที่พวกเขาปฏิเสธไม่ยอมก้มหัวให้กับระบบที่พวกเขารู้สึกว่าทั้งขาดศีลธรรมและไม่ยุติธรรม


    การปราบปรามอย่างเป็นระบบและสิ่งที่มีในอนาคต

    [​IMG]
    ---
    @(ภาพ 2) ริยาด อัล-มาลิกี รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์, จากซ้าย, คอลิด บิน อะห์มัด อัล-คอลิฟา รัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรน และซามีรา ราญับ รัฐมนตรีข้อมูลข่าสาร รับฟังการปราศรัยระหว่างการประชุมเอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำประเทศอาหรับ ในกรุงมานามา บาห์เรน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
    ---


    เมื่อถามว่าทำไมเธอจึงรู้สึกว่าราชวงศ์อัล-คอลิฟาทำการรุกรานในการปราบปรามอย่างเป็นระบบต่อครอบครัวของเธอ มัรยัมอธิบายว่า ความโกรธของราชวงศ์นี้เป็นเสมือนอาการทางจิตประจำตระกูลของอัล-คอลิฟา และสะท้อนให้เห็นถึงความไม่รู้จักพอทางการเมืองของราชวงศ์นี้ และการไร้ความสามารถในเรื่องเกี่ยวกับความต้องการของประชาชนของตน

    “ผู้มีอำนาจปกครองตระกูลนี้รู้สึกอยู่เสมอว่าต้องกดขี่และปราบปราม ครอบครัวของเรามักจะพูดจาตรงไปตรงมาเสมอ และอัล-คอลิฟาก็เฝ้าระวังพ่อและแม่ของฉันและงานของพวกท่านเสมอ พ่อของฉันตัดสินใจว่าท่านต้องการจะเป็นคนที่ทำให้ตระกูลนี้รับผิดชอบสำหรับการกระทำของตน แม้ว่ามันจะทำให้ท่านตกอยู่ในกับดักทางการเมืองอย่างง่ายดาย”

    “เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถซื้อเราได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะกดขี่เรา พ่อของฉันกลายเป็นตัวปัญหาเพราะท่านเป็นคนเดียวที่พูดออกมา ผู้ปกครองที่กดขี่จะกลัวสิทธิมนุษยชน เพราะมันจะไม่หันเหออกไปจากความจริงเลย ...ไม่มีพื้นที่สีเทา คุณจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่อาชญากรก็เป็นคนดี นี่คือสิ่งที่น่ากลัวสำหรับผู้มีอำนาจปกครอง และด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องถูกทำให้เงียบ”

    มัรยัมและครอบครัวมีความมุ่งมั่นที่จะทำภารกิจของพวกเขาต่อไป แต่เธอแนะนำว่าจำเป็นต้องรักษาความคาดหวังที่เป็นจริงสำหรับงานในภายหน้าเอาไว้

    “มีกิ่งก้านสาขาทางภูมิศาสตร์การเมืองมายังบาห์เรน และฉันรู้ว่ามหาอำนาจ โดยเฉพาะอังกฤษ จะล้มได้ยาก... มีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ระหว่างบาห์เรนและสหราชอาณาจักรที่ย้อนกลับไปหลายศตวรรษ...มีรูปแบบหนึ่งของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความจงรักภักดีทางการเมือง และตัวแปรทางทหาร ที่เข้ามามีบทบาทเมื่อกล่าวถึงบาห์เรน เรารู้เรื่องนั้น แต่ประชาชนก็ไม่สามารถถูกทำให้มีชีวิตอยู่อย่างทาสได้ เพราะมันเป็นการอำนวยความสะดวกทางการเมืองและทางเศรษฐกิจแก่มหาอำนาจต่างชาติ” เธอกล่าว




    เขียนโดยCatherine Shakdam

    แปล/เรียบเรียง กองบรรณาธิการเอบีนิวส์ทูเดย์
    ที่มา MintPress News | Independent, non-partisan journalism

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    USAID : หลุมพรางของจักรวรรดินิยมภายใต้หน้ากากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รายงานพิเศษ 2014-10-31, 14:03:32

    [​IMG]

    -ประเทศที่เป็นเป้าหมายของ USAID แสดงความรู้คุณอย่างจำยอม - นั่นคือตัวกำหนดนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ


    เมื่อรวมลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์แล้วจะทำให้มองเห็นแง่มุมที่น่าสนใจเกี่ยวกับลัทธิจักรวรรดินิยมและหลุมพรางของมัน : 17 เมษายน 1961 ได้เห็นการบุกอ่าวหมู (Bay of Pigs) หนึ่งในความเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิปักษ์ปฏิวัติ(ปฏิวัติซ้อน) ต่อคิวบาที่มีการวางแผนขึ้นในสมัยที่ ดไวท์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และดำเนินการในสมัยของจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในทำเนียบขาว ความพยายามครั้งนั้นล้มเหลว โดยการระดมกำลังของคิวบาและการปฏิวัติสามารถกำจัดทหารรับจ้างได้ภายใน 72 ชั่วโมง

    ต่อมาในวันที่ 3 พฤศจิกายนปีเดียวกัน เคนเนดีได้เปิดตัวองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (United States Agency for International Development) หรือ USAID โครงการที่ดูเผินๆ แล้วหมายถึงการส่งเสริม “การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ” แต่ถึงกระนั้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1962 เคนเนดี้ได้สั่งห้ามการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศกับคิวบาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ

    มีคำพูดของเคนเนดี้ในเว็บไซต์ของ USAID ระบุว่า โครงการนี้เป็น “ข้อตกลงทางใจ” มีหน้าที่เหนือประเทศที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นอีก จึงเห็นว่าตามข้อตกลงทางการเมืองของสหรัฐฯ นั้น “ถือว่าเป็นประเทศที่ต่อต้านการเป็นปรปักษ์กับเสรีภาพที่ใหญ่ที่สุดเพียงประเทศเดียว”

    USAID เป็นตัวอย่างสำคัญของการเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นระหว่างนโยบายทางการเมือง การเฝ้าระวัง การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการละเมิดสิทธิมนุษยชน การยึดมั่นอยู่บนพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยกระตุ้นให้เกิดความพยายามที่จะบ่อนทำลายฝ่ายตรงข้ามของลัทธิจักรวรรดินิยมอยู่อย่างไม่จบสิ้น โครงการนี้ของสหรัฐฯ ได้ปลูกฝังแนวคิดเสรีภาพเข้าไปในวาทกรรมของมัน ด้วยเหตุนี้เอง ยุทธศาสตร์การสร้างวาระจึงส่อการละเมิดอย่างแท้จริง ซึ่งนักจักรวรรดินิยมได้ส่งเสริมให้มีขึ้นทั่วโลก

    [​IMG]

    ขณะที่การเข้าแทรกแซงต่างชาติของสหรัฐฯ แผ่ขยายออกไป USAID ก็ได้ขยายออกไปด้วยเช่นกัน แต่ละทศวรรษจนกระทั่งถึงปี 2000 ได้ถูกกำหนดด้วยเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง สองเป้าหมายในจำนวนนั้นคือผลประโยชน์สำคัญในการสำรวจขอบเขตการกดขี่ที่กว้างขึ้น ภายใต้หน้ากากของเสรีภาพ

    ในปี 1970 USAID มุ่งเน้นไปในด้าน “ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์” ซึ่งบังเอิญเป็นยุคเดียวกันกับเมื่อครั้งที่เผด็จการในชิลีที่สหรัฐฯ หนุนหลังอยู่ได้ล้มล้างนโยบายทางสังคมที่มีขึ้นในสมัยการปกครองแบบสังคมนิยมช่วงสั้นๆ ของซัลวาดอร์ อัลเลนด์ ภายหลังการปฏิวัติของคิวบา มันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ ประเทศในแถบละตินอเมริกาในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

    ชิลี ซึ่งมีประชาธิปไตยมายาวนาน อาจกระตุ้นให้เกิดผลกระทบอย่างมาก หากรัฐบาลของอัลเลนด์ไม่เผชิญกับการกระทำแอบแฝงของสหรัฐฯ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ได้กล่าวไว้ในปี 1970 ว่า “ข้าพเจ้ามองไม่เห็นเลยว่าทำไมเราต้องเตรียมพร้อมและเฝ้ามองประเทศที่กลายเป็นคอมมิวนิสต์เนื่องจากความไม่รับผิดชอบของประชาชนของตน” การทดลองแบบเสรีนิยมของชิลีเป็นที่แรกที่พบกับความโหดร้ายป่าเถื่อนที่ดำเนินการโดยเผด็จการทางทหารที่สหรัฐฯ หนุนหลังทั่วทวีปนี้ ในขณะที่ประเทศต่างๆ อย่างเช่น ชิลี และอาร์เจนตินาต้องต่อสู้กับความจริงที่น่ากลัว เช่นการ “หายตัวไป” ของฝ่ายตรงข้ามของอำนาจเผด็จการ สหรัฐฯ ก็สามารถที่จะยัดเยียดความน่ากลัวแบบประชาธิปไตยของตัวเองมาให้ ในลักษณะเช่นนี้ การทำลายล้างและการช่วยเหลือถูกทำให้มีอยู่โดยการระบุถึงเพียงบางส่วนของความรุนแรงที่สร้างขึ้นโดยผ่านการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ

    [​IMG]

    ในยุค 2000s ภายหลังยุทธศาสตร์ชิงทำสงครามล่วงหน้าก่อนถูกรุกรานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช USAID ก็ได้หันความสนใจอย่างน่าขันไปยัง “การทำสงครามและการสร้างใหม่” ในอัฟกานิสถานและอิรัก สองประเทศที่ถูกรุกรานเพื่อปูทางไปสู่การปกครองแบบจักรวรรดินิยมในตะวันออกลาง ยกตัวอย่างเช่น ในอิรัก USAID ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆ อย่างเข้มงวด ในขณะที่ไม่ยอมเอ่ยปากถึงความเสื่อมถอยนับตั้งแต่การเข้าแทรกแซงของนักจักรวรรดินิยมที่ก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพตราบนานเท่านาน

    ชาดี มุคตารี ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ USAID สิทธิมนุษยชน และตะวันออกกลางไว้ในหนังสือของเธอในปี 2009 ชื่อ “After Abu Ghraib : Exploring human rights in America and the Middle East.” ในขณะที่ประชากรในภูมิภาคนี้ตระหนักถึงการวางแผน “อำนาจอ่อน” ที่สหรัฐฯ หาทางนำมาใช้ ยุทธศาสตร์ต่างๆ ถูกนำมาใช้ ด้วยการพิจารณาการให้เงินกู้ โดยการจัดสรรจากการปฏิเสธไปจนถึงการยอมรับ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความท้าทายแก่ลัทธิจักรวรรดินิยม

    อย่างไรก็ตาม การยอมรับเงินกู้ของประเทศต่างๆ ยังกระตุ้นให้เกิดวาระที่บิดเบี้ยวของสหรัฐฯ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเป็นเอกราชในหมู่ประเทศที่ยอมรับ USAID เข้ามาเป็นข้อโต้เถียงอย่างจริงจัง มีหลักฐานชี้ให้เห็นถึงวงจรความชั่วร้ายของการกระทำความผิดด้านมนุษยธรรมและการกระจายความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งตอบแทนด้วยการสร้างความประนีประนอมและไปจนถึงปราบปรามผู้ถูกกดขี่ เพราะเป็นความจำเป็นในการที่จะรักษานโยบายทางการเมืองแบบจักรวรรดินิยมที่ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนรูปแบบของความรุนแรง

    ในกรณีของปาเลสไตน์ USAID ให้เงินกู้แก่คณะปกครองปาเลสไตน์เพื่อที่จะ “สร้างภูมิภาคที่เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น และมั่นคงปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของชาวปาเลสไตน์ อิสราเอล และอเมริกัน” ประโยคเข้าใจยากนี้เป็นเพียงวาทะกรรมสวยหรูที่ใช้เพื่อขยายที่ตั้งถิ่นฐานของอิสราเอล หรือโครงการล่าอาณานิคม ปฏิบัติการที่ให้สิ่งที่น้อยกว่าปัจจัยขั้นพื้นฐานแก่ชาวปาเลสไตน์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่อิสราเอลในการค่อยๆ ถอนรากถอนโคนประชากรชาวพื้นเมือง

    เมื่อหันมาทางคิวบา วาทกรรมของ USAID ก็เปลี่ยนไปในทันควัน ความไม่พอใจที่ฟิเดล คาสโตร ประสบความสำเร็จในการมีท่าทีต่อต้านจักรวรรดินิยม ซึ่งได้ฝังรากอยู่บนเกาะนี้เป็นหลักฐานปรากฏชัดอยู่ในคำอธิบายขององค์กรนี้ที่กล่าวถึงคิวบาว่าเป็น “รัฐที่รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งใช้วิธีการปราบปรามเพื่อรักษาอำนาจการปกครอง” ขณะที่สหรัฐฯ พยายามที่จะเข้าไปพัวพันกับองค์กรต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนภายในประเทศที่ตนแสดงตัวว่าจะ “ช่วยเหลือ” ท่าทีต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมของรัฐบาลคิวบากระตุ้นให้มีการสนับสนุนเงินทุนแก่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยในไมอามี่ กลอุบายไม่มีความเปลี่ยนแปลง โดยที่สหรัฐฯ ได้ยุยงส่งเสริมให้เกิดการก่อวินาศกรรมในคิวบา นอกเหนือไปจากความพยายามที่จะสังหารฟิเดล คาสโตร ในขณะที่เขาเป็นหัวหน้ารัฐบาล

    เมื่อนักจักรวรรดินิยมไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนรัฐบาลในคิวบาได้ จึงทำให้เกิดการปฏิวัติซ้อนขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ด้วยการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ประชาชนกำลังให้ความไว้ใจเพิ่มขึ้น ในเดือนเมษายน สำนักข่าว Associated Press รายงานเกี่ยวกับแผนการแอบแฝงที่รัฐบาลคิวบากล่าวหา เป็นการใช้ระบบการส่งข้อความเหมือนทวิตเตอร์ที่เรียกว่า ZunZuneo ซึ่งเข้าใจว่าเป็นพื้นที่เครือข่ายเชื่อมโยงของสังคมออนไลน์สำหรับชาวคิวบา พื้นที่เครือข่ายนี้เปิดตัวขึ้นไม่นานหลังจากที่ อลัน กรอสส์ ผู้รับเหมาของ USAID ถูกจำคุกในคิวบาเนื่องจากดำเนินโครงการที่มีความมุ่งหมายเพื่อบั่นทอนความมั่นคงของรัฐบาลคิวบา

    AP ระบุว่า มีความมุ่งหมายที่จะค่อยๆ เปลี่ยนเนื้อหาของ ZunZuneo ไปในลักษณะที่จะเปลี่ยนความสนใจจากหัวข้อสนทนาทั่วไปไปสู่ความไม่เห็นด้วยทางการเมือง โดยเป้าหมายสูงสุดคือความไม่เห็นด้วยนั้นจะนำประชาชนออกจากสังคมออนไลน์ไปสู่ท้องถนน AP ได้อ้างถึงเอกสารของ USAID ว่า เป้าหมายนั้นคือเพื่อ “การต่อรองเพื่อให้เกิดสมดุลทางอำนาจระหว่างรัฐกับสังคม” USAID ปฏิเสธเนื้อหาในบทความของ AP โดยระบุว่า “การพิจารณาอย่างรอบคอบไม่เสมอเหมือนกันกับการแอบแฝง”

    นอกเหนือจากคิวบา ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังต่อต้านการครอบงำของนักจักรวรรดินิยมแม้จะถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจมาหลายทศวรรษ ประเทศต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายของ USAID ต่างแสดงความรู้คุณอย่างจำยอม สิ่งที่เรียกว่าการต่อรองอำนาจได้เป็นตัวกำหนดนโยบายของสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว ขณะที่ความเพียรพยายามของนักจักรวรรดินิยมยังไม่ลดน้อยถอยลง รูปแบบอันหลากหลายของอำนาจ รัฐและสังคม ซึ่งเป็นที่ยอมรับของประเทศต่างๆ ที่เผชิญกับการกระทำแอบแฝงได้เป็นตัวกำหนดความสำเร็จและความล้มเหลวของการเข้าไปแทรกแซงของสหรัฐฯ ตามที่ปรากฏชัดเจนจากอุบายต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ การแทรกแซงต่างชาติภายใต้การอุปถัมภ์ของระบอบประชาธิปไตยได้สร้างห่วงโซ่ของการพึ่งพาอาศัยและความน่าละอาย เป็นการลดเกียรติของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่พอทำให้ยอมความได้



    เขียนโดย Ramona Wadi

    แปล/เรียบเรียง กองบรรณาธิการเอบีนิวส์ทูเดย์
    ที่มา MintPress News | Independent, non-partisan journalism


    USAID :
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Piyacheep S.Vatcharobol

    Karyemaître AliffeRSE~ The Royal Society for Earthquakes

    [​IMG]

    เพื่อนโพสบทความนี้มาก็น่าสนใจนะครับ เรื่อง Chem Trails ว่ามาช่วยโลก หรือ ทำลายล้างโลกกันแน่

    Chem Trails เป็นโครงการพิทักษ์โลก เพื่อสร้างฉนวนป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์โดยใช้หลักการของการระเบิดของภูเขาไฟที่พ่นเถ้าถ่านและก๊าซซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซค์ออกมา แล้วมีผลปิดกั้น บดบัง
    แสง และสะท้อนรังสีออกนอกโลก โดยการพ่นก๊าซซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซค์ในชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้นไป ๕๐ กิโลเมตร แต่ในทางปฏิบัติ ส่วนมากพ่นที่ ๒๔ กิโลเมตร (เครื่องบินโดยสารทั่วไปบินสูง ๑๐-๑๒ กิโลเมตร) เพื่อสร้างฉนวนความร้อนในชั้นบรรยากาศ ลักษณะเหมือนที่เราสร้างแนวกันไฟป่า ด้วยการเผาป่าบางส่วนที่ไฟกำลังลามไป เพื่อไม่ให้มีเชื้อไฟขยายวงไฟป่า

    ส่วนในการป้องกันแผ่นดินไหว Chem Trails จะเรียกความชื้นแทน เพื่อให้พลังงานไฟฟ้ามหาศาลที่มาจากดวงอาทิตย์กระจายตัวออกไปไม่ลงหนักเป็นมวลมหาศาล

    แต่จากการอ่านบทความ มีเนื้อหาไปในทางลบมากกว่าทางบวก เพราะผลที่ได้ กลับทำให้เกิดสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ปริมาณฝนหายไปถึง ร้อยละ ๒๐ ในอเมริกา ก่อให้เกิดภาวะแห้งแล้ง ดั่งที่ปรากฏอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา

    นอกจากนี้ ในบทความยังกล่าวถึงการใช้ Chem Trails เป็นอาวุธในการควบคุมภูมิอากาศ น้ำ อาหาร และ/หรือ เพื่อลดจำนวนประชากร โดยผมก็เพิ่งทราบว่า บิล เกตต์ เป็นสปอน์เซอร์โดยตรงของ Chem Trails แล้วของบประมาณมาทำการวิจัยผลของการพ่นซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซค์อีกต่อหนึ่ง ไอ้เราก็นึกว่า สหประชาชาติใช้งบของตนเองที่ได้รับมาจากประเทศสมาชิก (อเมริกาค้างค่าสมาชิกมาหลายสิบปีแล้ว) ไปๆมาๆ ก็เป็นเรื่องผลาญงบกันอีกแล้ว ไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ แต่ Learning by Doing ชิวีตมนุาย์ สัตว์ และภูมิอากาศเลยเป็นผลกระทบมหาศาล จึงเป็นสิ่งที่คนต่อต้านกันมาก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา

    ภัยธรรมชาติเกิดจากธรรมชาติล้วนๆจริงครับ แต่แบ่งได้ ๒ สาเหตุ คือ

    ๑. ตามธรรมชาติของระบบสุริยะ ระบบจักรวาล เกิดดับ เกิดดับ
    ๒. ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ มีจิตใจโลภ มักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการควบคุม ต้องการมีอำนาจเหนือผู้อื่น ต้องการความมั่งคั่ง ไม่รักษาสมดุลย์อย่างพอเพียง

    จะอะไรก็แล้วแต่

    โลกอยู่ยากขึ้นทุกวัน เพราะพิบัติภัยเกิดจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจาก

    ๑. การจะสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก
    ๒. จากการโคจรเข้ามาของ นิบิรุที่จะมาตัดผ่านโลกห่างเพียง ๕๐ ล้านไมล์ หรือครึ่งหนึ่งของระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
    ๓. จากการครบรอบการขยายขนาดของโลกให้ใหญ่ขึ้น ที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตอาจจะสูญพันธุ์ หรือ กลายพันธุ์หมด เพื่อปรับตัวให้อยู่รอดในโลกใหม่ ที่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม (ดั่งที่ว่าโลกอนาคตชาวพุทธจะสอยมะเขือกิน)

    ท่านพร้อมที่จะผจญภัยร่วมกับผม หรือ คนอื่นๆที่เตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว หรือยัง? หากยัง? ก็รีบดำเนินการซะนะครับ จะได้ไม่เหนื่อยมาก

    ผมจำคำที่พี่ปืนสอนได้เสมอมา
    "...ลำบาก กับ ทรมาน มึงจะเลือกอะไรก็คิดดูนะ
    กูว่ามึงทนลำบากไหว แต่ทรมาน นี่กูไม่แน่ใจว่ามึงจะทนไหวไหม.."

    แล้วท่านหละ จะเลือกลำบาก หรือ ทรมาน

    หากเลือกทนลำบาก
    ก็หาเตรียมทุกอย่างให้พร้อม อุปกรณ์ ร่างกาย จิตใจ

    หากเลือกทรมาน ก็ใช้ชีวิตชิวๆไปเรื่อยๆ กิน ขี้ ปี้ นอน สบายดีออก

    Scientists Warn Geo-Engineering Can Kill Billions of People

    Geo-engineering is an umbrella term for deliberate climate intervention that includes spraying the sky with aerosols to reflect solar radiation away from Earth in order to cool the planet and to save the environment and humanity from the effects of supposedly man-made global warming. There is evidence that this program has already been implemented for many years using unidentified chemical aerosols, known as chem trails.

    A Geo-engineering/ chem trails experiment using a balloon to spray sulfur particles into the sky to reflect solar radiation back into space is planned for New Mexico within a year by scientist David Keith. Keith manages a multimillion dollar research fund for Bill Gates. Gates has also gathered a team of scientist lobbyists that have been asking governments for hand-outs to for their climate manipulation experiments with taxpayer money.

    Geo-engineering is touted as a last-ditch effort to save people and the planet from global warming. But the truth is that Geo-engineering can alter rain cycles leading to droughts and famine that could result in billions of deaths!

    Therefore, Bill Gates appears to be using his concern over global warming to cloak his real intent of controlling weather and/or depopulation.

    Mount Pinatubo Model for Geo-Engineering Drought, Famine & Death

    The Mount Pinatubo volcano in the Philippines erupted in 1991, spewing 22 million tons of sulfur dioxide (SO2) into the upper atmosphere/stratosphere. A 2008 study from Rutgers University based a model on Mount Pinatubo sulfur dioxide (SO2) emissions and applied it to Geo engineering; the scientists said that they expected overall global cooling, but some regions would experience an increase in greenhouse gases and warming, as was recorded after Pinatubo erupted.

    Based on the SO2 volcanic model, the scientists reported that Geo engineering aerosols sprayed in tropical or Arctic regions are likely to disrupt African and Asian/Indian summer monsoons, threatening the food and water supply for billions of people!

    Additional negative consequences include ozone depletion, reduced strength of hydrological cycles resulting in decreased river flow and soil moisture.
    While the scientists, led by Alan Robock, who performed the experiments appear to believe in man-made global warming, they do have stern warnings against the dangers of Geo-engineering.
    http://climate.envsci.rutgers.edu/pdf/GeoengineeringJGR9inPress.pdf
    2012 Geo-Engineering Study

    The Max Planck Institute conducted a study of Geo engineering models based on volcanoes, but the study was unrealistic because it used climate models with 400% more carbon dioxide than the pre-industrial era. However, their results showed that Geo engineering will cause a strong decrease in rainfall (a 15% loss in North America and Eurasia and a 20% decrease in South America). Overall, global rainfall would be reduced by 5%.
    Unless one considers the financial benefits (government and private grants), it is bewildering why the academia would support Geo-engineering.

    Geo-Engineering Can Cause Warming
    Geo-engineering can actually cause global warming when tampering with clouds in the upper atmosphere/stratosphere. The Gates-funded scientist lobbyists propose spraying sulfur dioxide 30 miles above Earth and the New Mexico experiment proposes spraying 15 miles above surface- both of these fall within the parameters of the upper atmosphere/stratosphere.

    The troposphere is the lowest portion of the Earth’s atmosphere, extending an average of 4 to 12 miles above surface. Clouds that are in the lower troposphere are generally thick white clouds with a high rate of albedo or reflectivity of the sun’s rays away from Earth that produce a cooling effect. However, the experiments are to be conducted above this level in the upper atmosphere/stratosphere.

    The upper atmosphere is called the stratosphere and extends as high as 31 miles above the Earth’s surface. The clouds in the higher stratosphere are generally thin, have a lower albedo reflective rate and act like a blanket that traps heat.

    Both experiments propose dumping SO2 in the upper atmosphere/stratosphere, creating a heat-trapping blanket that would theoretically increase warming. This is the opposite of Gates’ stated goal to cool the planet.(Note: most long-distance planes fly at 6 miles above surface, in the lower atmosphere/troposphere)

    What About the EPA?
    Given that the EPA claims that sulfur dioxide (SO2) emissions cause health problems and early death and that they are shuttering coal plants over emissions, you may be wondering why the EPA isn’t screaming bloody murder over Gates’ SO2 aerosol-spraying experiments.The answer can be found on the EPA’s own website where they promote giving regulatory power over Geo-engineering/chem trails to the UN and/or developed countries that fund the programs. The EPA is abdicating power to international interests.Bill Gates’ failure to address the EPA’s dire warnings of the dangers of SO2 is proof that he is aware that the EPA’s claims are grossly overstated or that he doesn’t really care about the environment and has ulterior motives.Global Warming and UN ControlGlobal warming is a ruse that claims that life on planet Earth is in grave danger- this alarmism is used for political gain. Global warming is a hoax based on manipulated science from the UN’s Intergovernmental Panel on Climate Change. The UN currently is assuming control over Geo engineering through its Convention on Biological Diversity treaty that declared a moratorium on experiments, except in some cases.Conclusion

    Geo-engineering is either a risky adventure to test ignorant theories or a scheme to control weather, water and food supplies.

    Bill Gates’ record as a depopulation enthusiast supports the argument that Geo engineering is a weather domination scheme that may be used as a weapon threatening the lives of billions of people.

    Source:
    morphcity.com
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Piyacheep S.Vatcharobol

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    แผ่นดินไหววันนี้ (2 พย 57) ค่อนข้างน่ากลัวมากสักหน่อย เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ขึ้นบกที่มาเลเซีย มาทางอ่าวไทยวัดได้ ๕.๕ พร้อมๆกัน เวลาเดียวกันกับชายขอบทางใต้ของสุมาตราวัดได้ ๕.๑ ไหวพร้อมกันเวลาเดียวกัน น่าคิดนะครับว่าไม่น่าใช่เปบือกโลกดันกัน น่าจะเป็นเปลือกโลกปริพร้อมกันจากแรงดันใต้โลกมากกว่า เพราะเป็นไปไม่ได้ ที่การไหวนิโคลบาเมื่อหกโมงเย็น จะก่อให้เกิดการไหวที่สุมาตรากับบนแผ่นดินในมาเลเซียด้านติดจังหวัดนราธิวาสได้

    [​IMG]

    แต่นิโคลบาสามารถมีผลให้สุมาตราไหวได้ เรียกว่าดันลงล่างในบ้านเรากลับกัน คือดันขึ้นเหนือ เช้านี้ที่ลำปางต่อกัน ๒ ครั้งเจ็ดโมงกว่า แล้วไปมีผลที่แม่แตง ใกล้เขื่อนแม่งัดซะด้วย ก่อนทะลุไปพม่าข้างแม่ฮ่องสอน

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    ทั้งพายุหมุน ทั้งแผ่นดินไหว ต่อไปก็ภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด ตามด้วยแผ่นดินแยกลาวาออกมาแบบที่ฮาวาย

    อย่าถามว่าจะเกิดเมื่อไหร?
    อย่าเถียงว่าจะเกิดจริงหรือไม่จริง?

    ให้ถามว่า หากมันเกิด ตัวท่านพร้อมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายกันแล้วหรือยัง?

    พร้อมรับมือทางกายภาพ อาการ น้ำ ยา พลังงานสำรอง ?

    พร้อมรับมือทางจิตวิญญาณ รับสถานการณ์อย่างมีสติ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้

    พร้อมรับธรรมชาติของการเกิดดับ เกิดดับ เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป

    พร้อมรับความจริงว่า พลังงานชีวิตเราอาจออกจากร่างไปจุติใหม่ ในร่างใหม่ หรือ ในภพภูมิที่ใดที่หนึ่ง หรือ บนดาวดวงใดดวงหนึ่ง

    ไม่ใช่สวรรค์ในอก นรกในใจนะครับ
    นรกบนดินก็มีนะครับ หากท่านประมาท

    เตรียมให้พร้อมทั้งกายภาพและวิญญาณภาพด้วยนะครับ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โหด!!! อิรักเผย!! ไอเอสยิงชาวซุนนีทิ้งอีก 322 ราย!!
    03-11-2014 08:44

    [​IMG]

    โหด!!! อิรักเผย!! ไอเอสยิงชาวซุนนีทิ้งอีก 322 ราย!!
    กลุ่มก่อการร้ายไอเอส ได้บุกโจมตีชาวซุนนีในอิรัก และสังหารไปแล้วราว 322 ราย

    วันนี้(3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวในจังหวัดอันบาร์ ประเทศอิรัก ได้รายงานถึงการเข้าโจมตีชาวสซุนนีของกลุ่มก่อการร้านไอเอส โดยทางกลุ่มได้จับกุมตัวชาวบ้านมาเรียงแถวแล้วกราดยิงทิ้งทั้ง ครั้งละ 50 คน โดยในจำนวนนี้ มีเด็กและผู้หญิงรวมอยู่ด้วย ซึ่งรัฐบาลอิรักได้เผยว่า น่าจะมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 322 คน

    ทั้งนี้ กลุ่มไอเอส เป็นนักรบนิกานซุนนีเช่นกัน จึงคาดว่า ที่โจมตีชาวบ้านกลุ่มนี้ เพราะไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มไอเอส ซึ่งยังส่อเค้าลางที่ไม่ดีต่อชนกลุ่มน้อยอื่นๆที่ยังต่อต้านไอเอสอีกด้วย

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนอีโบลาอาจติดต่อได้ในอากาศ
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ การเมือง : สถานการณ์โลก วันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 18:45

    [​IMG]

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนอีโบลา อาจติดต่อได้ในอากาศ ผ่านทางละอองของสารคัดหลั่งที่เกิดจากการจามของผู้ป่วย

    หนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานอ้างดอกเตอร์เมอริล แนสส์ จากสถาบันถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องแก่สาธารณะของสหรัฐ ว่า การสูดจมูกหรือการจาม ก็สามารถผลิตจุลินทรีย์ ที่ลอยอบอวลอยู่ภายในห้องได้ และถ้ามีคนสัมผัสก็อาจติดเชื้อได้เช่นกัน ดังนั้น ไวรัสอีโบลา ก็สามารถแพร่เชื้อได้ทางอากาศ และติดได้ง่ายๆ เพียงแค่สัมผัสลูกบิดประตูที่ปนเปื้อนละอองของสารคัดหลั่งจากการจามของผู้ติดเชื้อในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น

    ขณะที่ดอกเตอร์รอสซี ฮัสซาด ผู้เชี่ยวชาญสาขาระบาดวิทยาแห่งวิทยาลัยเมอร์ซี่ บอกว่า จุลินทรีย์ในละอองของสารคัดหลั่ง สามารถมีชีวิตและสามารถติดต่อได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมง โดยจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีอายุสั้น ถ้าอยู่บนพื้นผิวที่แห้งอย่างบนโต๊ะ หรือ ลูกบิดประตู แต่จะอยู่ได้นานขึ้นถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น

    บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระดับแถวหน้า ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับไวรัสอีโบลา ยังเตือนว่า อาจจะมีผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่ในสหรัฐ ภายในสิ้นปีนี้ จากการที่มีผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากแอฟริกาตะวันตก รวมทั้งแพทย์และพยาบาลอเมริกัน ที่กลับมาจากเขตการระบาด และประชาชนที่หนีการระบาดของไวรัสมรณะด้วย

    ผู้เชี่ยวชาญยังวิตกด้วยว่า การระบาดอาจแพร่ไปยังประเทศอื่นๆ ในแอฟริกา หรือในตะวันออกกลาง และอาจไปถึงจีนกับอินเดีย ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก โดยนายแพทย์อัสชิสห์ เจฮา ผู้อำนวยการสถาบันฮาร์เวิร์ด โกลบัล เฮลธ์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ให้ความเห็นว่า เขาไม่วิตกต่อผู้ป่วยรายใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐ เพราะอาจมีเพียงไม่กี่รายเท่านั้น แต่กลับกังวลอย่างมาก หากโรคนี้แพร่จากแอฟริกาตะวันตกไปยังอินเดีย

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐเจอหิมะเร็วกว่าปกติ
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 14:30

    [​IMG]

    ประชาชนในรัฐนอร์ทแคโรไลนา และเซาท์แคโรไลนา ของสหรัฐ ต้องเจอกับสภาพอากาศที่ผิดปกติรอบใหม่

    จากหิมะที่ตกลงมาเร็วสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 พ.ย.) ขณะทางการต้องออกประกาศเตือนพายุหิมะในบางพื้นที่ และในบางเขตของเซาท์แคโรไลนา ต้องเจอกับไฟฟ้าดับ เพราะกระแสลมแรง และความชื้นในอากาศสูง ที่สร้างความเสียหายให้กับสายไฟฟ้า

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กินีหาเงินช่วยเด็กกำพร้าอีโบลา
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ การเมือง : สถานการณ์โลก
    วันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 14:46

    [​IMG]

    กินีหาเงินช่วยเด็กกำพร้า ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่จากการติดเชื้ออีโบลา

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก้องภพ อยู่เย็น

    [​IMG]

    วันที่ 1 พฤศจิกายน เวลา 5 UT เกิดปฏิกริยาดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ เป็นมุมกว้างมีทางทิศทางหลักทางทิศตะวันออก ด้านเดียวกับโลก และต่อเนื่องถึงเวลา 15:48 UT เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีการขยายตัวของจุดดับอย่างฉับพลันในวันที่ 30 ตุลาคม และส่งรังสี X-ray ออกมาสูงสุดในระดับ C2

    [​IMG]

    วันที่ 30 ตุลาคม นั้นยังเป็นวันสำคัญทางดาราศาสตร์เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ คือมีการเรียงตัวระหว่าง ดวงอาทิตย์ ดาวศุกร์ และดาวพฤหัส ในแนวตั้งฉาก และการเรียงตัวระหว่าง ดวงอาทิตย์ ดาวอังคาร และ ดาวพฤหัส ในแนวเส้นตรง
    จากการคำนวณพบว่าคลื่นพลังงานจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 3 พฤศจิกายน เวลา 0 UT +/- 7 ชั่วโมง

    ส่วนในช่วง 24 ชั่วโมงแรกที่มีปฏิกริยาดวงอาทิตย์นั้น บนโลกได้เกิดแผ่นดินไหวมากกว่าปกติ ขนาด 7.1 ในเวลา 18:57 UT

    [​IMG]

    Earthquake - Magnitude 7.1 - FIJI REGION - 2014 November 01, 18:57:22 UTC
    ท่านที่สนใจสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติบนโลกที่สัมพันธ์กันได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 4 พฤศจิายนครับ

    ข้อมูลเพิ่มเติมมีดังนี้

    - วิดิโอภาพถ่ายการระเบิดที่ผิวดวงอาทิตย์ http://spaceweather.com/images2014/...0304.mp4?PHPSESSID=ro5csva4ph2ckfec423a9alae4

    - โมเดลจำลองการแพร่กระจายของพลังงานจากดวงอาทิตย์ในครั้งนี้

    [​IMG]

    http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=742220776

    - ปริมาณจุดดับที่ผิวดวงอาทิตย์

    [​IMG]

    ESA Daily Sun Spot Number

    - วิดิโอภาพถ่ายมุมกว้างที่ดวงอาทิตย์ มุมมองจากโลก

    [​IMG]

    [​IMG]

    CACTUS CME Details

    CACTus Diagostics

    - วิดิโอภาพถ่ายมุมกว้างที่ดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2014/11/01/ahead_20141101_cor2_512.mpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    <iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/cIK3Zaz7NoQ?list=PLNgAorLqoUM3egO8RzuWIuhewZLDcGFo2" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    [​IMG]

    พระโพธิสัตว์วัชรสัตโต
    Vajrasatwa, the dhyani-boddhisattva or spiritual son of dhyani-buddha, Akshobhya is also regarded as chief of the five dhyani-buddhas.

    [​IMG]

    ธิเบตเรียก โด.เจ.เซม.ปา. จีนเรียก กิมกังสักตอ วัชรสัตโตท่านเป็นสัญลักษณ์แห่งโพธิจิตทั้งปวงแห่งจักรวาลเป็นโพธิจิตอันมั่นคงแข็งแกร่งประดุจวัชระ สรรพสัตว์เมื่อได้รับการอภิเษกจากท่านโพธิจิตก็บังเกิด ในมหายานนิกายเปิดองค์ท่านก็คือพระสมันตรภัทรโพธิสัตว์ ซึ่งถือว่าท่านเป็นบุตรคนโตของพุทธเจ้าทั้งปวงผู้ศึกษาปฏิบัติธรรม เมื่อตั้งปณิธานในการปฏิบัติ เริ่มด้วยการขอสรณะ ในการปฏิบัติที่ตามมาได้เกิดอุปสรรคต่างๆขึ้น ซึ่งเกิดจากกรรมทั้งเก่าและใหม่ กรรมทั้งมวลเกิดจากจิต เมื่อจิตไม่บริสุทธิ์โพธิจิตก็บังเกิดขึ้นไม่ได้ การขอขมากรรมเป็นหนทางย้อนสู่จุดเริ่มต้นเพื่อประกอบและไม่ประกอบกรรม อันเป็นต้นเหตุแห่งจิตบริสุทธิ์ ในพุทธศาสนาทุกนิกายมีวิธีการขอขมากรรมแตกต่างกันมากมาย ซึ่งการขอขมากรรมในบทปฏิบัติขององค์วัชรสัตโตนั้นถือว่าเป็นการขอขมากรรมขั้นสูงสุดเพื่อเข้าสู่พุทธภูมิ การปฏิบัติด้วยความศัทธา สำนึกผิดและปณิธานไม่ผิดอีก อกุศลกรรมความไม่บริสุทธิ์ทั้งมวลจะถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้นองค์วัชรสัตโตองค์ท่านใสบริสุทธิ์ดังเช่นหินผลึก ใสปรุโปร่งดุจดังสายรุ้ง มีหนึ่งเศียรสองแขน สวมอาภรณ์สัมโภคกายประดับจินดามณี มือขวาถือวัชระอยู่บริเวณหัวใจ ซึ่งวัชระนี้ก็คือปัญญาแห่งพุทธเจ้าห้าพระองค์ มือซ้ายถือกระดิ่ง ซึ่งก็คือปรัชญาปารามิตาหรือศูนยตาสภาวะ ท่านนั่งบนดอกบัวสีขาวในท่าวัชรอาสน์ ท่านเป็นสัญลักษณ์แห่งวัชรธรรมของพุทธเจ้าทั้งปวง วัชระในมือขวาของท่านขจัดอุปสรรคสิบประการ กระดิ่งในมือซ้ายดุจดังเสียงแห่งศูยนตาธรรมปลุกสรรสสัตว์ให้ตื่นจากสภาวะแห่งอวิชชาบทปฏิบัติขององค์วัชรสัตโตท่านสำคัญมากในการปฏิบัติพุทธตันตระยาน ด้วยว่าเป็นบทปฏิบัติหนึ่งที่ต้องปฏิบัติก่อนการปฏิบัติใดๆในทุกนิกาย(ดูได้ในเพจพื้นฐานวัชรยาน)

    [​IMG]

    Vajrasattva [Buddha of Supreme Intelligence.]
    Vajrasattva by Tseden Namgyal

    Mineral pigments and gold. painted on 2005. Size 43x33cm


    Color: white , Symbol: Vajra [thunderbolt],

    ghanta [bell], Sakti [consort]: Ghantapani

    Vajrasattva, the dhyani-boddhisattva or spiritual son of dhyani-buddha, Akshobhya is also regarded as chief of the five dhyani-buddhas.


    The Svabhavika sect in Nepal identified Swabhava or Swa [own], bhava [nature] Adi-Buddha with Vajrasattva, who, according to the Nepalese Buddhist writings, manifested himself on Mount Sumeru in the following manner. A lotus-flower of precious jewels appeared on the summit of mountain which is the center of the universe, and above it arose a moon-crescent upon which,' supremely exalted', was seated Vajrasattva.

    As sixth Dhyani-Buddha, Vajrasattva presides over the Yidam the protectors and has the same relation to the Adi-Buddha that the Manushi [human] Buddha has to his ethereal counterpart or Dhyani-Buddha. The sixth sense is believed to have emanated from him, as well as the last of the six elements of which man is composed-the manas, or mind.
    SOME VAJRASATWA STATUES IN OUR DHARMA SHOP


    Vajrasattva is usually represented seated on a lotus posture. He wears a crown in which there is often an image of Akshobhya, and the dress and ornaments of Dhyani-Buddhisattva. Against his breast, he generally holds vajra in his right hand; but the vajra may be balanced on its point in the palm of his hand. With the left, he holds the ghanta on his hip. If standing, he balances the vajra in his right hand against his breast, while in the left, hanging pendent, he presses the ghanta against leg.
    Unlike the other Dhyani-Boddhas, he is always crowned with or without his sakti whom he presses against his breast in the yab-yum attitude, with the right hand holding vajra, while the left holds the ghanta on his hip. He holds the kapala [skull-cup] and vajra. This form is only worshipped in secret.

    Mantra of Bajra satwa Click Play

    NEPAL SHOP: Bajra satwa พระโพธิสัตว์วัชรสัตโต

    สมาธิแห่งพระวัชรสัตว์เพื่อชำระล้างกรรม (Vajrasattva Meditation for Karmic Purification)

    พระวัชรสัตว์(Vajrasattva) คือพระพุทธเจ้าในพุทธศาสนาแบบตันตระยานหรือวัชรยาน หรืออาจจะเรียกว่าพุทธศาสนาแบบทิเบต ถือว่าท่านคือพุทธสภาวะที่อยู่เหนือต่อกาละและเวลา ท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม (อาทิพุทธเจ้า) ซึ่งบริสุทธิ์สะอาด ปราศจากมลทินและบาปอกุศลทั้งปวง และเป็นธรรมชาติของพุทธะที่มีอยู่ในเหล่าสรรพสัตว์ ตั้งแต่เริ่มแรก

    พระวัชรสัตว์ทรงได้อธิษฐานว่าเมื่อพระองค์ตรัสรู้อย่างสมบูรณ์แล้ว ขอให้สรรพสัตว์ได้รับการชำระบาปทั้งปวง ความไม่รู้ทั้งปวง ด้วยการได้ยินนามของท่าน เห็นรูปของท่าน คิดถึงท่าน หรือภาวนามนตราที่มีพระนามของท่าน

    หลักการปฏิบัติสมาธิพระวัชรสัตว์ก็คือการสารภาพบาปเพื่อการชำระล้างด้วยเมตตาและแสงแห่งปัญญาญาณภายในของเราเพื่อนำจิตเข้าสู่ธรรมชาติเดิมแท้ภายในตนนั่นเอง โดยอาศัยการสร้างจินตภาพในสมาธิถึงองค์ท่าน การน้อมใจเข้าถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ และอธิษฐานโพธิจิตคือการระลึกถึงเหล่าสรรพชีวิตที่ร่วมทุกข์ให้ได้มีโอกาสได้รับการชำระล้างด้วย การทบทวนความผิดบาปในอดีตพร้อมการระลึกเสียใจ การอธิษฐานขอพลังแห่งพระวัชรสัตว์มาชำระล้างบาปนั้น การสำนึกว่าจะไม่ก้าวล่วงในบาปกรรมนั้นอีก และการอุทิศกุศลบุญที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติ
    พลัง 4 ประการของการปฏิบัติ
    พลังของการมีพระรัตนตรัยและพระวัชรสัตว์เป็นที่พึ่ง
    พลังของการสำนึกผิด
    พลังของการชำระล้างให้บริสุทธิ์
    พลังของการละเว้นบาปและการอุทิศ


    ขั้นตอนการปฎิบัติ(สรุป)
    ให้สร้างจิตภาพพระวัชรสัตว์ให้ชัดเจนในมโนสำนึก ตั้งแต่ฐานดอกบัวและแผ่นจานสีขาวพระจันทร์ที่ท่านประทับอยู่ เห็นท่านในท่านั่งขัดสมาธิด้วยความสงบและยิ้มยินดี กายของท่านสีขาวสว่างบริสุทธ์เรืองรองดั่งดวงอาทิตย์พันดวง และว่างเปล่าดุจสายรุ้งบนท้องฟ้า มีเครื่องทรงประดับสวยงามประดับด้วยเพชรนิลจินดา มือขวาถือวัชระทองคำที่ระดับหัวใจหมายถึงความรักเมตตา ส่วนมือซ้ายถือระฆังเงินซึ่งหมายถึงปัญญา ให้เห็นท่านลอยอยู่เหนือศีรษะ ห่างประมาณหนึ่งฟุต และหันหน้าไปทางเดียวกัน
    จินตภาพว่าตัวเรานั่งอยู่ท่ามกลางสรรพชีวิต ในทุกภพสภาวะ คือ พรหม เทพเทวดา มนุษย์ทุกชาติทุกภาษา สัตว์ทั้งหลาย รวมถึงผี เปรต อสุรกาย สัตว์นรกทั้งหมดนั้นแวดล้อมท่านอยู่ เพื่อได้ปฏิบัติชำระจิตใจร่วมกัน
    สวดภาวนาออกเสียง ขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งดังนี้ “ ข้าพเจ้า ขอถือพระพุทธเจ้า พระวัชรสัตว์ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันสูงสุด ข้าพเจ้า จะปฏิบัติสู่ความหลุดพ้น เพื่อช่วยสรรพชีวิตให้พ้นทุกข์ทั้งปวง”
    4. ทบทวนชีวิต ระลึกถึงบาป ความชั่วทั้งหลายที่เคยทำมาในชาตินี้ ในอดีตชาติ ทั้งที่ระลึกได้และยังระลึกไม่ได้ ว่าเคยเบียดเบียนตนเอง บุพการี ญาติพี่น้อง เพื่อน สรรพชีวิต ทั้งทางกาย วาจา ใจ พร้อมทั้งระลึกเสียใจในบาปกรรมนั้นจากใจจริงส่วนลึกของตน
    5. สร้างความเชื่อมั่นพุทธภาวะในตนเองที่จะเป็นอิสระจากความชั่วเหล่านั้น พร้อมกับตั้งจิตปรารถนาที่จะชำระบาปกรรมนั้นให้หมดสิ้นไป เห็นพระวัชรสัตว์ทรงยิ้มและกล่าวด้วยเสียงอันอ่อนโยนว่า “ลูกรัก บาปกรรมทั้งหลายจะถูกชำระล้างจนหมดสิ้น”
    6. เริ่มการชำระล้างด้วยการอธิษฐานถึงพลังแห่งพระวัชรสัตว์ ให้ช่วยชำระบาปกรรมทั้งหมดในอดีตทั้งของข้าพเจ้าและสรรพชีวิตทั้งหลาย
    7. สวด มนตราพระวัชรสัตว์หนึ่งร้อยคำ 21 จบ โดยแบ่งเป็นทีละ 7 จบ
    7 จบแรกให้ชำระล้างกาย ท่องออกเสียง1 จบ ท่องในใจ 6 จบ
    7 จบที่สองชำระล้างวาจา ท่องออกเสียง1 จบ ท่องในใจ 6 จบ
    7 จบที่สามชำระล้างใจ ท่องออกเสียง1 จบ ท่องในใจ 6 จบ

    8. ท่องมนตราย่อ คือ โอม เบนซา ซาโต ฮุง ไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งจินตภาพให้ทุกสิ่งในพุทธภูมนี้ิ ทุกชีวิตในจักรวาล หลอมสภาพเป็นแสงพุ่งเข้าสู่ตัวเราที่เป็นพระวัชรสัตว์
    9. เมื่อค่อยๆออกจากสมาธิความว่างอันเจิดจรัส ให้รับรู้ มอง ทุกสิ่งเป็นพุทธภูมิ ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ล้วนเป็นพุทธสภาวะ เสียงทั้งหลายคือมนตรา ผู้คนทั้งหลายคือพุทธะ จากใจภายในที่สะอาดผ่องใส แล้วนั่นเอง
    10. อธิษฐานบุญกุศลที่ได้กระทำการชำระจิตนี้
    อธิษฐานจิตอย่างแน่วแน่และมั่นคงว่าจะไม่กระทำความชั่วเช่นที่ผ่านมาอีก หากเป็นนิสัยที่ติดตัวมานานก็ให้ตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่กระทำในช่วง 7 วัน 14 วัน หรือ 1 เดือน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถละได้สำเร็จ
    “ ขออุทิศบูชาแด่ พระพุทธ พระวัชรสัตว์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ต่อบิดามารดา สามีภรรยาลูกหลาน ญาติทั้งปวง สรรพชีวิตทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ทั้งที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล ที่ยังจมอยู่ในความทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ ที่มีสุขก็ขอให้พบสุขละเอียดขึ้นและได้พบธรรมปฏิบัติธรรมจนพ้นทุกข์ด้วยกันทั้งหมด เทอญ "

    สะกดจิตบำบัด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์อนัมคาราฯ: สมาธิแห่งพระวัชรสัตว์เพื่อชำระล้างกร

    The Hundred-Syllable Mantra of Vajrasattva
    To meditate on Vajrasattva is the same as to meditate upon all the Buddhas. His hundred-syllable mantra is the quintessence of all mantras.
    -Dilgo Khyentse Rinpoche
    Vajrasattva’s mantra is a powerful purification prayer that invokes the mindstreams of all the Buddhas. Khenpo Sherab Sangpo suggests that his students recite this mantra 21 times or more each day. Watch Khenpo Sherab Sangpo’s teachings on how to practice the meditation and recitation of Vajrasattva.
    Sanskrit:
    oṃ vajrasattva samayam anupālaya vajrasattva tvenopatiṣṭha dṛḍho me bhava sutoṣyo me bhava
    supoṣyo me bhava anurakto me bhava sarvasiddhiṃ me prayaccha sarvakarmasu ca me cittaṃ śreyaḥ kuru hūṃ ha ha ha ha hoḥ bhagavan sarvatathāgatavajra mā me muñca vajrī bhava mahāsamayasattva āḥ
    English:
    Oṃ. Vajrasattva, keep your samaya. As Vajrasattva, remain near me. Be steadfast towards me. Be very pleased with me. Be completely satisfied with me. Be loving to me. Grant me all accomplishments. In all actions, make me mind pure and virtuous. Hūṃ. Ha ha ha ha hoḥ. O Blessed One, Vajra-nature of all the Tathāgatas, do not abandon me. Be of vajra-nature, O great Samaya-being, āḥ.
    Tibetan:

    OM
    Syllable of the most supreme exclamation of praise.

    BENZAR SATO SA MA YA
    Vajrasattva’s Samaya

    MA NU PA LA YA BENZAR SATO
    O Vajrasattva, protect the samaya.

    TE NO PA TISHTHA DRI DHO ME BHA WA
    May you remain firm in me.

    SU TO KA YO ME BHA WA
    Grant me complete satisfaction.

    SU PO KA YO ME BHA WA
    Grow within me (increase the positive within me).

    ANU RAKTO ME BHA WA
    Be loving towards me.

    SARVA SIDDHI ME PRA YATSA
    Grant me all the accomplishments,

    SARVA KARMA SU TSA ME
    As well as all the activities.

    TSITTAM SHRE YAM KU RU
    Make my mind virtuous.

    HUNG
    Syllable of the heart essence, the seed syllable of Vajrasattva.

    HA HA HA HA
    Syllables of the four immeasurables, the four empowerments, the four joys, and the four kāyas.

    HO
    Syllable of joyous laughter in them.

    BHA GA WAN SARVA TA THA GA TA
    Bhagawan, who embodies all the Vajra Tathāgatas,

    BENZRA MA ME MUNTSA
    Do not abandon me.

    BENZRI BHA WA
    Grant me realization of the vajra nature.

    MA HA SA MA YA SATO
    O great Samayasattva,

    AH
    Make me one with you.
    Syllable of uniting in non-duality.
    Sanskrit with extensive English translation:
    oṃ vajrasattva
    The most excellent exclamation of praise, the qualities of Buddha’s holy body, speech, and mind; all that is precious and auspicious. Vajrasattva, you whose wisdom is inseparable bliss-emptiness,
    samayam anupālaya
    And whose pledge must not be transgressed, lead me along the path you took to enlightenment,
    vajrasattva tvenopatiṣṭha
    Make me abide close to your holy vajra mind,
    dṛḍho me bhava
    Please grant me a firm and stable realization of the ultimate nature of phenomena,
    sutoṣyo me bhava
    Please grant me the blessing of being extremely pleased and satisfied with me,
    supoṣyo me bhava
    Bless me with the nature of well-developed great bliss,
    anurakto me bhava
    Bless me with the nature of love that leads me to your state,
    sarvasiddhiṃ me prayaccha
    Please grant me all-powerful attainments,
    sarvakarmasu ca me cittaṃ śreyaḥ kuru
    Please grant me all virtuous actions and your glorious qualities,
    hūṃ
    Seed syllable of the vajra holy mind, the heart essence and seed syllable of Vajrasattva,
    ha ha ha ha hoḥ
    Seed syllables of the four immeasurables, the four empowerments, the four joys, the four kayas, and the five wisdoms,
    bhagavan sarvatathāgatavajra
    You, who are the vajra of all who have destroyed every obscuration, of all who have attained all realizations, of all who have passed beyond suffering, and of all who have realized emptiness and know things just as they are,
    mā me muñca
    Do not abandon me,
    vajrī bhava
    Grant me the nature of indestructible union, the realization of your vajra nature,
    mahāsamayasattva
    You, the great pledge being with the holy vajra mind,
    āḥ
    Make me one with you.
    Syllable of uniting in non-duality.
    hūṃ
    Syllable of the wisdom of great bliss.
    phat
    Syllable that clarifies the wisdom of inseparable bliss-emptiness and destroys the dualistic mind that obstructs realization.
    Whatever manifestations of realms, palaces and forms there are, peaceful and wrathful deities, they do not exist on a gross level. They are forms of shunyata endowed with all the supreme qualities. Therefore, they are known as possessing the aspect of being without self-nature. The minds of those buddhas are completely filled with the wisdom of unchanging non-dual bliss emptiness. Therefore, they are known as possessing the aspect of union. Their body, speech, and mind are eternally filled with the taste of great bliss, free from increase and decrease. Therefore, they are known as possessing the aspect of great bliss.
    -Dilgo Khyentse Sogyal Rinpoche

    100 Syllable Mantra of Vajrasattva (Tibetan, Sanskrit, English)
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    2 พ.ย. สื่ออังกฤษรายงาน "คิมจองอึน" สั่งยิงเป้านายทหาร ข้อหาร้องเพลงชาติผิด

    [​IMG]

    เมื่อ 2 พ.ย. เดลี่เมล์รายงานกระแสข่าวลือถึงความเป็นผู้นำเผด็จการของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือครั้งล่าสุดว่า นายคิมสั่งให้ยิงเป้าประหารเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงนายหนึ่ง หลังไม่พอใจที่ร้องคาราโอเกะเพลงชาติผิด และเปลี่ยนเนื้อความในเพลง เข้าข่ายคิดการกบฏ จึงให้ทหารลากตัวออกไปจากบ้านของนายคิม และนำตัวประหารด้วยการระดมยิง

    นายทหารชั้นคนดังกล่าวร่วมร้องเพลงในงานเลี้ยงหนึ่งที่บ้านของผู้นำสูงสุดแต่กลับร้องผิด ทั้งท่อนที่มีเนื้อร้องว่า“ขอบคุณพรรคของพวกเรา” เป็น “ขอบคุณพรรคของคุณ” รวมถึงอีกท่อนที่ว่า “จงเกลียดศัตรูและรักประเทศของคุณ” เป็น “จงเกลียดภรรยาของคุณ และรักเมียน้อย” ด้านผู้เชี่ยวชาญในเกาหลีใต้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชะตาขาดทำความผิดเพียงเล็กน้อยจากการล้อเล่นเท่านั้น แต่การกระทำดังกล่าวสำหรับนายคิม จองอึน แล้ว ถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติผู้นำอย่างร้ายแรง

    ก่อนหน้านี้เพิ่งมีรายงานว่า นายคิมสั่งประหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ และชาวเกาหลีเหนือกว่า 50 รายในข้อหาต่างๆ รวมถึงการดูละครของเกาหลีใต้ ประเทศคู่อริที่มีข้อพิพาทยืดเยื้อมานานร่วม 66 ปี ตั้งแต่ปี 2491

    สื่ออังกฤษรายงาน "คิมจองอึน" สั่งยิงเป้านายทหาร ข้อหาร้องเพลงชาติผิด : มติชนออนไลน์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บีบีซีไทย - BBC Thai
    เครื่องบินรบรัสเซียลองของนาโต

    [​IMG]

    เครื่องบินรบรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าของยุโรปบ่อยขึ้น เพื่อทดสอบระบบป้องกันของนาโต และบินในรูปแบบคล้ายปฏิบัติการรบจริง

    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 ต.ค.) องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตแถลงว่า ในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น เครื่องบินขับไล่ของตน ได้ขึ้นสกัดเครื่องบินทหารของรัสเซีย เหนือน่านน้ำย่านทะเลเหนือต่อเนื่องกับมหาสมุทรแอตแลนติก 8 ลำ เหนือทะเลดำ 4 ลำ และในย่านบอลติกกว่า 10 ลำ ทั้งหมดเป็นการบินผ่านน่านฟ้าสากล ฝ่ายตนจึงต้องออกติดตาม เพื่อดูว่าเป็นเครื่องบินชนิดใดบ้าง และเพื่อเป็นการปกป้องน่านฟ้าของพันธมิตร

    แต่ที่สำคัญ นาโตบอกว่าในหลายกรณีฝ่ายรัสเซียไม่ได้แจ้งแผนการบิน ไม่ได้เปิดสัญญาณแจ้งเตือน หรือวิทยุติดต่อกับหอบังคับการบินพลเรือนแต่อย่างใด พฤติการณ์แบบนี้ ย่อมก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการบินของเครื่องบินพลเรือน นาโตบอกด้วยว่า ในปีนี้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ฝ่ายตนได้ขึ้นสกัดเครื่องบินทหารรัสเซียกว่า 100 ครั้งแล้ว บ่อยกว่าปีที่แล้วทั้งปีถึง 3 เท่า

    นายอิกอร์ ซุดยาจิน แห่งสถาบันด้านความมั่นคงของอังกฤษ บอกบีบีซีว่า การที่เครื่องบินทหารรัสเซียบินเฉียดน่านฟ้านาโตไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การเฉียดเข้าไปบ่อย ๆ อย่างที่ทำในเวลานี้ แถมยังเฉียดแบบไม่มีการบอกกล่าวอีกฝ่ายนั้น "เราควรมองในบริบทของนโยบายของรัสเซีย คือเขามุ่งเผชิญหน้ากับตะวันตก ไม่ใช่มุ่งที่จะร่วมมือกัน"

    ในการบินทดสอบปฏิกิริยาของนาโตครั้งหลัง ๆ นี้ รัสเซียใช้เครื่องบินทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ทั้งป้อมบินทิ้งระเบิดตู 95 รุ่นยุคสงครามเย็นและเครื่องบินรบรุ่นใหม่อย่างมิก 31

    เขาเสริมว่า ว่าไปแล้วก็เป็นการซ้อมที่ดี จะได้รู้ว่า ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาตอบโต้กี่ครั้ง ใครจะรุดขึ้นไปสกัดบ้าง สกัดได้เร็วแค่ไหน ขึ้้นไปจากไหน และจะใช้ยุทธวิธีในการสกัดอย่างไร
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดโหด! เครือข่ายตาลีบันในปากีฯ ลงมือบึมพลีชีพ ตายเกลื่อนกว่า 50
    โดย ข่าวต่างประเทศ 3 พ.ย. 2557 10:19

    [​IMG]
    ---
    กลุ่มติดอาวุธเครือข่ายกลุ่มตาลีบันในปากีสถาน แย่งกันรับผิดชอบ ลงมือก่อเหตุระเบิดพลีชีพรุนแรงสะเทือนขวัญ ที่ด่านชายแดนวากาห์ ใกล้เมืองลาฮอร์ ติดกับอินเดีย ตายอนาถกว่า 50 ราย บาดเจ็บระนาวนับร้อย

    เมื่อวันที่ 3 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธ เครือข่าย กลุ่มตาลีบันในปากีถสาน ออกโรงอ้างความรับผิดชอบ ลงมือก่อเหตุระเบิดพลีชีพสะเทือนขวัญ ที่ด้านนอกร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณด่านชายแดนวากาห์ ใกล้เมืองลาฮอร์ ของปากีสถาน ซึ่งเป็นด่านชายแดนสำคัญด้านติดกับประเทศอินเดีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอนาถกว่า 50 ศพ ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บระนาวอย่างน้อย 100 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัสกว่า 15 ราย

    กลุ่ม จุนดาลาห์ และจามาต อูล อาห์ราร์ ซึ่งติดต่อกับกลุ่มตาลีบันในปากีสถาน ต่างออกมาอ้างความรับผิดชอบว่ากลุ่มของตน เป็นกลุ่มที่ลงมือก่อเหตุระเบิดพลีชีพที่ด่านชายแดนวากาห์ จึงทำให้ กลุ่มจามาต อูล อาห์ราร์ ออกมาตอบโต้ คำกล่าวอ้างของกลุ่มจุนดาลาห์ ที่บอกว่าลงมือก่อเหตุระเบิดพลีชีพในครั้งนี้ว่า ไม่เป็นความจริง

    [​IMG]
    ---
    @ศพถูกนำมาที่โรงพยาบาลในเมืองลาฮอร์

    [​IMG]
    ---
    @สูญเสีย
    ---
    นายตำรวจระดับสูงปากีสถาน เปิดเผยว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้ลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญที่ด่านชายแดนวากาห์ ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน ข้ามชายแดนในแต่ละวันเป็นจำนวนมากนั้น มีน้ำหนักกว่า 5 กก.และมือระเบิด ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เป็นชายอายุประมาณ 18-20 ปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้พบช้ินส่วนศพของเขาในบริเวณที่เกิดเหตุ

    [​IMG]

    [​IMG]
    -----
    ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ได้ทวีตข้อความแสดงความเสียใจต่อชาวปากีสถาน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวในเหตุระเบิดรุนแรงครั้งนี้ หลังจากผู้นำอินเดียได้ประณามการก่อเหตุระเบิดพลีชีพว่า เป็นการก่อการร้ายที่โหดเหี้ยม

    [​IMG]
    ---
    @สารวัตรทหารปากีสถานตั้งด่านสกัดใกล้จุดเกิดเหตุระเบิดพลีชีพ
    ---

    สุดโหด! เครือข่ายตาลีบันในปากีฯ ลงมือบึมพลีชีพ ตายเกลื่อนกว่า 50 - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...