ติดตามสถานะการณ์

Jun 6 , 2020 กพท.ประกาศเพิ่ม 7 ท่าอากาศยานได้แก่ ตาก ตราด นครราชสีมา นราธิวาส ปาย เพชรบูรณ์ และสุโขทัยในรายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.เป็นต้นไป
.
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยหรือกพท.
ลงนามในประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน (ฉบับที่ 4) ระบุว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีความประสงค์จะใช้เส้นทางทางอากาศ
.
โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2 (3) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 5) ประกอบกับมาตรา 15/10 (6) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน เป็นการเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้
.
1. ให้เพิ่มท่าอากาศยานตาก ตราด นครราชสีมา นราธิวาส ปาย เพชรบูรณ์ และสุโขทัยในรายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้
.
รายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้
.
2. ให้ท่าอากาศยานตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ที่ให้บริการเฉพาะการบินภายในประเทศ เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้เฉพาะระหว่างเวลา 06.00 – 20.00 น.
.
ผู้ดำเนินการสนามบินอาจพิจารณากำหนดระยะเวลาการเปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ให้สั้นกว่าระยะเวลาตามวรรคหนึ่งได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
.
3. ให้ท่าอากาศยานตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ที่ให้บริการทั้งการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตจัดตั้งสนามบินหรือท้ายใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ หากท่าอากาศยานใดไม่มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาทำการ ให้เปิดให้อากาศยาน ขึ้นลงได้เฉพาะระหว่างเวลา 06.00 – 20.00 น. ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป
.
#7สนามบิน #กพท #อนุมัติ #Misterban

 

Gill Broussard

ตำแหน่ง "คาดการณ์" ของ PLANET-7X สำหรับ 1 มิถุนายน 2563 โปรดทราบว่าไม่มีการพบเห็น P-7X ในขณะนี้ เราต้องการ การตรวจสอบที่ถูกต้องเพื่อยืนยันปีและวันที่มาถึง เรามีค่าประมาณเพื่อช่วยในการค้นหาของเรา

THE "ESTIMATED" POSITION OF PLANET-7X FOR JUNE 1ST 2020. Note, there are no valid sightings of P-7X at this time. We need a valid sighting to confirm the year and date of arrival. We only have estimates to help our search.

 

Gill Broussard

เราอยู่ในตราประทับ # 3 - "ปัญหาเศรษฐกิจโลก" เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ ตราประทับ # 4 - การก่อการร้ายแบบหัวรุนแรงในประเทศตะวันตกทั้งหมด (คริสเตียนและชนชาติยิว) เตรียมการขนส่งอาหารและระบบสาธารณูปโภคที่จะถูกขัดจังหวะ คาดว่าการบรรเทาจากการก่อการร้ายแบบรุนแรงบางครั้งในช่วงครึ่งหลังของเดือนกันยายน นี่คือ "ประมาณการ"

We are in Seal #3 - "Global Economic Trouble". Get prepared for Sela #4 - Radical Terrorism in all western nations (Christians and Jews nations). Prepare for food transports and utilities to be interrupted. Expect relief from Radical Terrorism sometimes in the last half of September. This is an "Estimate".

 

ผู้ป่วยเบาหวานที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีความเสี่ยงต่อการเสียงชีวิตสูง เพราะถ้าคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีจนเกิดความผันผวน จะทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน และติดเชื้อได้ง่าย โดยเชื้อเหล่านี้จะเจริญเติบโตได้ดีในภาวะที่มีน้ำตาลในเลือดสูง ดังนั้นหากรู้สึกไม่สบาย หรือมีอาการที่เข้าข่าย หายใจลำบาก ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันทีค่ะ
.
#เบาหวาน #ผู้ป่วยเบาหวาน #ติดเชื้อ #ความเสี่ยง #ไวรัส #Covid19 #โควิด19 #MisterBan

 

June 6, 2020 อินเดีย เปรู ติดโควิด-19 แซงขึ้นที่ 6 และ 8 ของโลก ฟิลิปปินส์ติดทะลุกว่า 20,000 คน ยูเคตายทะลุกว่า 40,000 ยอดติดทั่วโลกทะลุกว่า 6.8 ล้านคน The Covid-19 infected globally toll surpassed 6.8 million

เวลา 7.45 น.รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 6,839,244 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 1,965,551 ราย บราซิล 646,006 ราย รัสเซีย 449,834 ราย สเปน 288,058 ราย สหราชอาณาจักร 283,311 ราย อินเดีย 236,184 ราย อิตาลี 234,531 ราย เปรู 187,400 ราย เยอรมนี 185,414 ราย และตุรกี 168,340 ราย

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 397,441 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 111,385 ราย สหราชอาณาจักร 40,261 ราย บราซิล 35,047 ราย อิตาลี 33,774 ราย ฝรั่งเศส 29,111 ราย สเปน 27,134 ราย เม็กซิโก 12,545 ราย เบลเยียม 9,566 ราย เยอรมนี 8,763 ราย และอิหร่าน 8,134 ราย

ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า สิงคโปร์ 37,183 ราย(24) อินโดนีเซีย 29,521 ราย(1,770) ฟิลิปปินส์ 20,626 ราย(987) มาเลเซีย 8,266 ราย(116) ไทย 3,102 ราย(58) เวียดนาม 328 ราย เมียนมา 236 ราย(6) บรูไน 141 ราย(2) กัมพูชา 125 ราย และลาว 19 ราย

#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสอู่ฮั่น #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โรคปอดอักเสบ #ไวรัสโควิด19 #covid19 #Misterban #coronavirus #pneumonia #btimes #money360

 

7 สายการบินโลกล้มละลาย เซ่นโควิด!!

การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก โดยเฉพาะการเดินทางทางเครื่องบิน จากมาตรการล็อกดาวน์ หลายประเทศประกาศปิดเมือง ทำให้สายการบินต้องหยุดทำการบินไปโดยปริยาย นั่นหมายถึงการสูญเสียรายได้หลักจากธุรกิจการบิน
.
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่==>> https://bit.ly/2XZ54bZ

 

#ทรัมพ์ประกาศชัยหลังยอดผู้ตกงานลด

วันนี้ ที่หน้าทำเนียบขาว ท่านเสี่ย โดนัลด์ ทรัมพ์ ของเรา ออกมาประกาศชัยชนะ เมื่อปรากฏยอดผู้ตกงานในสหรัฐลดลงเหลือเพียง 13.3% เมื่อเทียบกับเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ที่ยอดสะสมพุ่งสูงไปถึง 20%

นอกจากนี้หุ้นสหรัฐยังปิดบวก เพิ่มขึ้นถึง 1000 จุด ซึ่งเป็นผลพวงจากยอดตัวเลขคนว่างงานลดลงอย่างน่าแปลกใจ ตลาดหุ้นสหรัฐก็เลยสดใส กลับมาอยู่ในแดนเขียวอีกครั้ง

สาเหตุที่ตัวเลขผู้ว่างงานลดลง เนื่องจากกระทรวงแรงงาน เร่งเพิ่มอัตราจ้างงานเข้าไปมากถึง 2.5 ล้านตำแหน่งในช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา จึงส่งผลให้ตัวเลขว่างงานลดลงในเดือนนี้

แต่นักวิเคราะห์ก็ออกมาเตือนว่า ถึงตัวเลขจะลดลง แต่อัตราการว่างงานในระดับนี้ก็สูงอยู่ดี เทียบได้กับช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในอเมริกา

แต่ได้แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับทรัมพ์ ที่ขอประกาศชัยชนะ (เล็กๆ) ของแกเสียหน่อย หลังจากที่เจอแต่ข่าวร้ายๆมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา อารมณ์ดีก็ทวิต อวดผลงานไม่ยั้ง

และช่วงที่แถลงข่าว ยังไม่วายพูดถึงจอร์จ ฟลอยด์ ว่าถ้าตอนนี้เขามองลงมาจากสวรรค์ต้องดีใจแน่ๆ

“Hopefully George is looking down right now and saying this is a great thing that’s happening for our country, This is a great day for him. It’s a great day for everybody.”

"หวังว่าตอนนี้ จอร์จกำลังมองลงมาที่พวกเรา และพูดว่า นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา เป็นวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา และเป็นวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเราทุกคน"

ท่านเสี่ยก็เลยไม่วายโดนชาวบ้านด่าอีก หาว่าอยู่ดีๆเอาคำพูดมาใส่คนที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว

แล้วก็เปิดช่องให้นายโจ ไบเดน คู่แข่งคนสำคัญจาก เดโมแครต ออกมาโจมตีว่า

“It’s time for him to step out of his own bunker, take a look around at the consequences"

"มันก็ถึงเวลาของเขาเหมือนกันที่จะออกมาจากบังเกอร์ และหันไปมองเหตุการณ์รอบตัวซะบ้าง"

และที่เสี่ยทรัมพ์ ออกมาประกาศชัยชนะ ย้ำแล้ว ย้ำอีก ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า โพลหลายสำนักชี้ว่า คะแนนนิยมของทรัมพ์ ตามไบเดนแล้ว แม้แต่โพลของ Fox News ช่องข่าวที่เชียร์เสี่ยโดยเฉพาะออกมาว่า ทรัมพ์แพ้ไบเดนหลายรัฐ เรียกได้ว่าแพ้คาบ้านแม้ในโพลของสำนักตัวเอง

แต่คราวนี้ เสี่ยแกมาย้ำจุดแข็งของตัวเองเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง การว่างงานลด หุ้นขึ้น ผลงานดีๆที่ผู้คนจับต้องได้ และหวังว่าจะเรียกคะแนนนิยมกลับมา

ซึ่งก็ไม่ว่ากัน และน่าจะให้ท่านเสี่ย ที่ตอนหลังกลายเป็นมนุษย์ลุงไปแล้ว ได้เห็นว่า ถ้าตั้งใจแก้ปัญหาให้ถูกจุดจริงๆ มันก็จะออกมาดีได้

แต่ก็ไม่รู้ว่าทรัมพ์แกยังจะรักษาแนวทางนี้ เน้นแก้ปัญหารุงรังในบ้านโดยไม่วอกแวกได้นานแค่ไหน ก็ต้องมาติดตามดูกันนะค้า

แหล่งข้อมูล

https://apnews.com/9358e14389c7d8e11c3a6a4beb366411

https://apnews.com/c7a125390466d7b8152e2a7b7fd1ece2

https://edition.cnn.com/2020/06/05/politics/donald-trump-george-floyd-rose-garden/index.html

https://www.cnbc.com/2020/06/04/joe...p-in-2020-election-is-growing-polls-show.html

 

⚠️ ด่วนนนนนน ⚠️ #ตลาดแรงงานสหรัฐปรับตัวดีขึ้นอย่างกลับตาลปัด มันเกิดอะไรขึ้น ?!?!

ตัวเลขคนตกงานในสหรัฐ (Unemployment Rate) และการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ (Nonfarm Payrolls) ของเดือนพฤษภาคออกมาดีกว่าที่คาดเยอะมาก ! ตัวเลขออกมากลับข้างสวนตลาดทั้งคู่ ! ทำให้ ดัชนีหุ้น Futures สหรัฐเด้งทันที +3% !

✅ ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐกลับตาลปัด !

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ (Nonfarm Payrolls) ที่คาดการณ์ไว้จะลดลงที่ -7.5 ล้านราย กลับออกมาที่ +2.5 ล้านราย ! เทียบกับที่ติดลบไป -20.7 ล้านรายเมื่อเดือนก่อน

และทางด้านตัวเลขคนตกงานในสหรัฐ (Unemployment Rate) ที่ตลาดคาดว่าจะขึ้นไปแตะ 19%-20% ในเดือนนี้ กลับปรับตัวลงมาเหลือ 13.3% ! ลดลงมาจากเดือนก่อนที่ +14.7%

ก่อนหน้านี้ตัวเลขคนขอสวัสดิการณ์ตกงานยังเพิ่งพุ่งทะลุ 42 ล้านคนไปหยกๆ แต่ตัวเลขกลับปรับตัวดีขึ้นคืนนี้แบบไม่ทันตั้งตัว

✅ ตลาดหุ้นสหรัฐเด้งขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำมันเด้งตามและทองโดนเทขายทันที !

แน่นอนว่าเงินยิ่งไหลเข้าทรัพย์สินเสี่ยงอย่างต่อเนื่องคืนนี้ และ Safe Haven อย่างทองจึงโดนเทขาย

สหรัฐ ดัชนี Dow Jones Futures +2.5% = 26,900 จุด
สหรัฐ ดัชนี S&P500 +1.5% = 3,160 จุด
ยุโรปดัชนี Euro Stoxx +2.9% = 3,340 จุด

ราคาน้ำมันดิบ Brent +5% หรือ +2.02 เหรียญ ขึ้นไปเกินระดับ 42 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว
ราคาทอง -2.3% = 1,685 เหรียญ

✅ แน่นอนว่าหากตลาดหุ้นทั่วโลกบวกหนักขนาดนี้ในคืนนี้ เชื่อว่าดัชนี #SET ของไทยเรามีสิทธิไป 1,500 จุดวันจันทร์แน่ๆครับ

Cr : ทันโลกกับKP
www.bloomberg.com

 

กลยุทธ์ที่ธุรกิจสายท่องเที่ยว ทำแล้วมีแต่ "ทำร้ายตนเอง"

หยุดและปรับตอนนี้ "ยังมีทางรอด"

-----

ก่อนที่ COVID-19 จะระบาดหนักและส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ผมได้มีโอกาสไปบรรยายให้กับผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก และอื่นๆที่อยู่ในสายท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง

ในตอนนั้นผู้ประกอบการที่เข้ามาฟัง ต่างเริ่มได้รับผลกระทบ “นักท่องเที่ยวจีน และนักท่องเที่ยวต่างชาติลดน้อยลง” เพราะขณะที่ผมไปบรรยาย ประเทศจีนกำลังระบาดหนักและปิดประเทศไปเรียบร้อยแล้ว (ราวกลางเดือนกุมภาพันธ์) แต่ตอนนั้นไทยยังไม่ได้มีมาตรการล็อคดาวน์

.

ผมจำได้ว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างถามผมเป็นเสียงเดียวกันว่า “จะปรับตัวอย่างไรดี?” “หลัง COVID-19 นักท่องเที่ยวจีน และต่างชาติ จะกลับมาหรือไม่?”

.

ผมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง เพื่อเรียบเรียงคำตอบภายในหัว แล้วผมก็ตอบออกไปอย่างชัดเจนว่า

“ถ้าหากพวกเรา ผู้ประกอบการสายท่องเที่ยวในไทย ต้องการสร้างการท่องเที่ยว และ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เราต้องเลิกกลยุทธ์ ที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวชาติใดชาติหนึ่ง หรือกลุ่มหนึ่ง มากเกินไป”

ทุกคนที่อ่านประโยคนี้ พอเข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อสารหรือไม่ครับ?

.

ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะเข้าใจและเห็นภาพตามสิ่งที่ผมกำลังบอกทุกคนอยู่ด้วย

น่าจะเป็นภาพเดียวกันกับผม

ภาพของการทำสถานที่ท่องเที่ยว - ที่พัก - ร้านอาหาร และสถานบริการต่างๆ ที่มีภาษาจีน ภาษารัสเซีย หรือมองออกก็รู้เลยว่า “สถานที่นั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อรับนักท่องเที่ยวชาติใด”

.

มันเป็นเรื่องดีครับ ที่เราจับกลุ่มตลาดที่ใหญ่ที่สุด ณ ขณะนั้น แต่ ในแง่ของความยั่งยืน มันไม่ยั่งยืนนะครับ

อย่างที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ หลายธุรกิจต้องปิดตัวลงไป เพราะเรามุ่งเน้นแค่นักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

พอเกิดวิกฤตขึ้นมา เราเลยรู้สึกว่า “ไปต่อไม่ได้ ขอพอเท่านี้ละกัน”

.

ผมเป็นคนหนึ่งที่ผูกพันกับจังหวัดเชียงใหม่ 1 ในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน

ผมเรียนและใช้ชีวิตที่เชียงใหม่มากกว่า 5ปี
พอผมไปอยู่จีน และกลับไปเชียงใหม่ ทุกครั้งที่ผมกลับไป ผมรู้สึกว่า เชียงใหม่ที่เคยรู้จัก เริ่มไม่เหมือนเดิม ทุกที่เริ่มปรับปรุงร้านและธุรกิจของตนให้เอื้อต่อนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด หลายธุรกิจก็เป็นคนจีนมาเปิดเองด้วยซ้ำ

พอเกิดวิกฤตเช่นนี้ ก็ล้มสิครับ “ล้มแบบโดมิโนเลยล่ะ”

.

สิ่งที่ผมอยากจะบอก ก็คือ

เราควรสร้างจุดเด่นให้กับธุรกิจของเรา ในแบบที่เราเป็น และมันยั่งยืน ไม่ไปอิงกับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือชาติใดชาติหนึ่งจนเกินไป

เราสามารถทำบรรยากาศและสภาพแวดล้อม ตลอดจนบริการให้เอื้ออำนวย ต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ แต่เอาให้เป็นในรูปแบบของ “Option” ไม่ใช่ สิ่งที่เน้นหลัก(จนเกินไป)

.

มันเหมือนกับการ "จีบสาว" เราค้นหาข้อมูล วิเคราะห์มาอย่างดีว่าสาวที่เรากำลังหมายปอง "ชอบอะไร" "เป็นคนอย่างไร"

เราก็จะทำไปในWayที่สาวชอบ แต่ถ้าเราทำมากไป แบบOver จนสูญเสีย "ตัวตน" ของเรา จนไม่สามรรถแสดงออกมาได้ว่า "แท้จริงแล้ว เรามีดีอะไร และเราเป็นคนอย่างไร" ผลสุดท้าย หากได้คบกัน ก็มักจะไปไม่รอด อยู่ไม่นาน เพราะอะไรน่ะหรือ?

.

"เพราะ ผู้หญิงรู้สึกว่า เป็นคนแปลกหน้าของกัยและกัน ไม่เคยรู้สึกตัวตนที่แท้จริงเลย ที่ผ่านมาคือเปลือก"

ย้อนกลับมาที่การท่องเที่ยว ก็เช่นเดียวกัน

เขามาเที่ยวไทย เขาอยากรู้จักเราเพราะคำว่า "ไทย" จงเป็นตัวเองและแสดงความเป็นไทยแบบ "เป็นธรรมชาติ เติมแต่งให้เขารู้สึกว่าเรารู้จักเขาดี และดึงดูดให้เขาเลือกเรา แต่เอาแค่เหมาะสม"

.

สำหรับผู้ประกอบการทัวร์ที่เจาะกลุ่มแต่ละชาติโดยเฉพาะ เช่น จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ จริงๆทัวร์แบบนี้ก็ถือเป็น Specialized ของแต่ละเจ้า ที่สามารถทำได้และชูเป็นกิมมิคในการขาย แต่ถ้าจะให้ยั่งยืน ก็ควรมีการให้บริการทัวร์ที่หลากหลาย เอาไว้ด้วย จะได้สามารถปรับตัวได้ง่ายเวลาเจอวิกฤตเช่นนี้

.

พอเข้าสู่ยุค COVID-19 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ คือ “ความไวต่อการเปลี่ยนแปลง“ และ “ความยืดหยุ่น” พร้อมจะปรับ และ เปลี่ยน ในทุกสถานการณ์

.

ลองมองภาพตามผมอีกครั้งนะครับ ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่เน้นตลาดจีนเพียงอย่างเดียว คุณออกแบบร้าน ออกแบบบริการ เพื่อเอื้อต่อคนจีน ภาษาจีนเต็มไปหมด แต่อีก1-2เดือนข้างหน้า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวและอาจจะใช้บริการของคุณได้ มีเพียง “นักท่องเที่ยวในประเทศ”

คิดว่า คนไทยกันเอง จะเข้าไปใช้บริการในร้านหรือสถานบริการหรือแม้แต่โรงแรมที่พัก ที่ดูเหมือนจะเจาะนักท่องเที่ยวชาติอื่น ที่ไม่ใช่คนไทย หรือไม่ครับ?
ทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว และ ผมเชื่อว่า มันตรงกันที่คำว่า “ไม่”

.

ว่ากันตามตรง นักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างนักท่องเที่ยวจีนเอง ก็เริ่มไม่สนใจในสถานที่ที่เอื้อต่อพวกเขามากเกินไปแล้วนะครับ คือมันให้ความรู้สึกเหมือน ไม่ได้มาเที่ยวไทยจริงๆ

นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวต่างแดน ก็ต่างอยากได้ความรู้สึกและการเข้าถึงบ้านเมืองนั้นอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เปลือกนอกที่ตอนนี้มันห่อหุ้มโดยชาติเดียวกับพวกเขาด้วยซ้ำ

.

ถ้าอยากจะอยู่รอด และครองใจนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะกี่ยุค ไม่ว่าจะกี่วิกฤติ อย่าลืมนึกถึงคำว่า "ยั่งยืน"

และสำหรับวิกฤตนี้ ธุรกิจสายท่องเที่ยว หรือสายไหนก็ตาม “รอด ไม่รอด มันอยู่ที่เราเห็นปัญหา และปรับแก้ ได้ไวขนาดไหน”

ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ ^^

-----

ภาพจาก www.pixabay.com

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #นักท่องเที่ยวจีน #COVID19

 

ผู้จัดจำหน่ายเบียร์รายหนึ่ง ชี้ให้เห็นถึงมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบเจ้าหน้าที่กวาดล้างดำเนินคดี เรียกค่าปรับสูงๆ แบบไม่เลือกหน้า สุดอึ้ง! ประชาชนซื้อเบียร์ดื่มเอง โพสต์ลงโซเชียลผิดกฎหมาย ถ่ายรูปเห็นแค่ฉลากเบียร์ก็ถูกปรับ จับผิดแม้กระทั่งคำว่า “เบียร์” ในเฟซบุ๊ก

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000058607
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

นับเป็นข่าวร้าย รับ "วันสิ่งแวดล้อมโลก" ประจำปีนี้ เมื่อรัฐบาลรัฐเซียประกาศภาวะฉุกเฉินหลังเกิดเหตุ "น้ำมันดีเซลกว่า 2 หมื่นตันรั่ว" ลงแหล่งน้ำในเขตไซบีเรีย และเปลี่ยนสีแม่น้ำให้กลายเป็นสีเลือด

 

พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ในไทย 2 ราย กลับมาจากรัสเซียและคูเวต ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,104 ราย ผู้ป่วยในสถานกักกันของรัฐรวม 167 ราย เจอจากคูเวตมากที่สุด ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ "หมอบุ๋ม" ย้ำไปท่องเที่ยวได้ แต่ขอเลี่ยงสถานที่คนแออัด อย่าลืมใส่แมสก์ ไปไหนมาไหนเช็กอินเช็กเอาต์ด้วย

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000058666
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

เรียนแทบตาย สุดท้ายตกงาน!? แรงงานไทยแบบไหนไปรอด

 

เราทราบกันดีว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับวิกฤติอย่างหนัก

ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเกือบ 2,000,000 คน

ทั้งการประท้วงกรณีความรุนแรงต่อคนผิวดำ จนกลายเป็นความวุ่นวายในหลายพื้นที่

แต่ในความเลวร้ายนั้น กลับมีตัวเลขที่น่าสนใจว่า "อัตราการว่างงาน" น้อยลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน!!

ทั้งหมดนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ติดตามสรุปกันได้เลยครับ..


[ตัวเลขการว่างงานสุดเซอร์ไพรส์]

ก่อนหน้านี้ การล็อกดาวน์ในสหรัฐฯ ได้ทำให้เกิดปัญหาว่างงานครั้งใหญ่ตามมา โดยในปี 2020 นี้...

เดือนกุมภาพันธ์ ตัวเลขการว่างงาน 3.5% หรือประมาณ 11 ล้านคน

เดือนมีนาคม ตัวเลขการว่างงาน 4.4% หรือประมาณ 14 ล้านคน

เดือนเมษายน ตัวเลขการว่างงาน 14.7% หรือประมาณ 48 ล้านคน

เนื่องจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อยังไม่ดีขึ้น แถมยังมีเหตุการณ์ประท้วงในหลายรัฐซ้ำไปอีก

หลายคนเลยคาดว่าตัวเลขว่างงานในเดือนพฤษภาคม อาจจะพุ่งสูงถึง 20% หรือคิดเป็น 65 ล้านคน (พอๆ กับประชากรไทยทั้งประเทศ)

แต่.. หลังจากตัวเลขจริงๆ ถูกประกาศออกมาที่ 13.3% ก็ทำให้หลายคนประหลาดใจกันมาก


ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขของการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm Payrolls) ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกประเมินว่าจะติดลบไปอีก 8 ล้านคน

ตัวเลขจริงๆ ที่ประกาศออกมาคือ มีการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น +2.54 ล้านคน

เท่ากับว่า ตอนนี้ภาคธุรกิจกำลังเริ่มกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง และมีการจ้างงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนที่ล็อกดาวน์ทีแรก


[ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงวิ่งขึ้นรับข่าวดี]

ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตลาดในเช้าวันศุกร์ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นทันทีอีก +2.20%

ขณะที่ดัชนี Dow Jones เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ +2.66%

ซึ่งถ้าเรามองจากช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ตลาดหุ้นถูกเทขายอย่างหนัก มาจนถึงวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นวิ่งหน้าตั้งขึ้นมาแล้วประมาณ 45%


เหตุผลเบื้องหลังการวิ่งขึ้นของตลาดหุ้นล่ะ!?

นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่าหลังจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ที่หยุดชะงักไปจะเริ่มกลับมาเปิดบริการได้ และเศรษฐกิจหลังจากนี้จะเข้าที่เข้าทางกว่าเดิม

แต่อีกส่วนหนึ่งก็แสดงความกังวล ว่าเหตุผลที่ตลาดหุ้นกำลังวิ่งขึ้นมานั้น ส่วนหนึ่งเพราะเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อัดฉีดเข้ามาเสียมากกว่า

ซึ่งแน่นอนเราไม่สามารถฟันธงคำตอบได้แน่ชัด จนกว่าจะรอผลลัพธ์ในอนาคต แล้วค่อยมองย้อนกลับมาในจุดนี้อีกทีหนึ่ง


[โอกาสของตลาดหุ้นไทย..]

วกกลับมาที่ตลาดหุ้นไทยกันบ้าง

หลายครั้งที่ตลาดหุ้นไทย จะมีการปรับตัวเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดสหรัฐอเมริกา

เฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตลาดไทยทำผลตอบแทนโดยรวม +6.8% จนดัชนี SET ขึ้นมายืนเหนือ 1,400 จุดได้

และถ้านับย้อนไปถึงวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งตลาดหุ้นไทยลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 969 จุด ตอนนี้ตลาดไทยก็วิ่งหน้าตั้งขึ้นมาเช่นกันถึง +48%


หลังจากนี้จึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่า หากสถานการณ์ในหลายประเทศกำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี

ทั้งจีน ที่มีการระบาดก่อนใคร แล้วก็จัดการปัญหาได้ก่อน ในยุโรปซึ่งกำลังทยอยกลับมาเปิดเมือง รวมถึงสหรัฐฯ เองด้วย

เศรษฐกิจของไทยที่พึ่งพาทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก ก็อาจจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด

รวมถึงตลาดหุ้นไทย อาจจะมีโอกาสกลับไปยืนเหนือ 1,500 จุดอีกครั้งในเร็วๆ นี้ก็เป็นได้...

คุณคิดว่าอย่างไรบ้างครับ!?


-----------------------------------------


ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

- เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

- อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

เสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับวิกฤติอย่างหนัก

 

เตือนภัย! ช่วงฤดูฝน งูโผล่ชักโครก เช็กให้ดีก่อนจะนั่ง

ช่วงนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งในหลายพื้นที่เจอฝนตกหนักจนน้ำท่วม และอาจเป็นเหตุให้สัตว์เลื้อยคลานไม่พึงประสงค์อย่างงู แอบเข้ามาศัยตามท่อซึ่งบางทีอาจโผล่มาในชักโครก อย่างกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก ข่าวสารเมืองปราการ v2 ได้ออกมาโพสต์เตือนภัยถึงงูมาอยู่ในชักโครกช่วงฤดูฝน โดยได้ระบุว่า…

หน้าฝนระวังให้มาก!! ดูดีๆว่ามันอยู่ในชักโครกไหม หรือแอบอยูตรงไหน เช็กให้ดีๆก่อนจะนั่งนะจ๊ะ

เรื่องจาก_คุณต้น ชัชวาล มงคลนิมิตร

วิธีป้องกันไม่ให้งูมาโผล่ในชักโครก

– เช็คระบบท่อ มีการชำรุดแตกหัก รั่วซึมหรือไม่ โดยเฉพาะบ้านเก่าเพราะงูอาจจะเลื้อยผ่านเข้ามาจากท่อระบายน้ำ หลุดเข้ามาที่ซึ่งเชื่อมเข้ากับคอห่าน

– ติดตั้งตะแกรงกันงู หลังตรวจเช็คระบบท่อระบายและระบบบ่อเกรอะแล้ว อาจให้ช่างติดตั้งตะแกรงกันงูตามท่อน้ำทิ้ง

– ปิดประตูห้องน้ำให้สนิท ถ้างูไม่ได้ขึ้นมาจากท่อ ก็เข้ามาทางประตูบ้านโดนตรง ควรปิดประตูเพื่อป้องกันไม่ให้งูเข้าไปภายในห้องน้ำ

– กำจัดแหล่งอาหาร แหล่งอาหารของพวกมันอย่างหนู ดังนั้นเราควรดูแลบ้านไม่ให้มีสัตว์เหล่านี้ โดยการจัดเก็บทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางหรือหากคุณเป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์จำพวกนก ไก่ ก็ควรทำกรงที่อยู่ของพวกมันให้มิดชิด อุดรอยรั่วหรือช่องต่างๆ ที่งูจะสามารถเข้าไปได้

– เลี้ยงสุนัขไว้เป็นตัวช่วย คู่อริอีกตัวหนึ่งของ “งู” หากที่บ้านใครเลี้ยงหมา มันสามารถช่วยสอดส่องดูแล และป้องกันงูเข้าบ้านได้ในระดับหนึ่ง นอกจากสุนัขแล้วยังมี แมว ห่านและพังพอน ซึ่งเป็นศัตรูกับงู

– จัดการพื้นที่บ้าน อย่าทิ้งพื้นที่ให้รกให้เป็นที่หลบซ่อนได้ของงู นอกจากนี้ยังต้องสำรวจว่าตามบ้านมีรู หรือช่องตรงไหน จากนั้นก็อุดรู ใส่ตะแกรงท่อระบายน้ำ หรือทุกเส้นทางที่จะเข้าไปในตัวบ้านได้

– ตัวช่วยอื่นๆ ใช้ผงกัมมะถันผสมน้ำแล้วราดบริเวณรอบๆ บ้าน แต่วิธีนี้ต้องทำบ่อยๆ อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพราะกำมะถันจะเจือจาง และแผ่นกันงู เอาไว้ป้องกันในแนวดิ่ง เช่นเสา กำแพง วัสดุมีความลื่นสูง งูจะไม่สามารถเลื้อยขึ้นไปได้

The post เตือนภัย! ช่วงฤดูฝน งูโผล่ชักโครก เช็กให้ดีก่อนจะนั่ง appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

5 มิถุนายน ... มีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศวันเดียวถึง 31 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้อใหม่ของภาคตะวันตกกลับมาสูงเกิน 1,000 คนต่อวันอีกครั้ง

 

ด่วน!! กระทรวงมหาดไทยซาอุดีฯ เสริมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเมืองเจดดาห์ เป็นเวลา 15 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 จนถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2563 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

• ห้ามออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึง 06.00 น.
• งดการละหมาดในมัสยิด
• งดการเดินทางไปปฏิบิตงานของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน และรวมถึงภาคเอกชน
• ห้ามนั่งรับประทานอาหารภายในร้านอาหารและร้านกาแฟ
• ยังคงอนุญาตให้เดินทางโดยเที่ยวบินภายในประเทศ และการเดินทางโดยรถยนต์และรถไฟ
• อนุญาตเดินทางเข้า-ออกเมืองเจดดาห์ ในช่วงเวลาที่ไม่ใช่เวลาเคอร์ฟิว
• ห้ามรวมตัวเกิน 5 คน
• หน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นตามประกาศก่อนหน้านี้ยังคงดำเนินกิจกรรมต่อไปได้

 

"สหรัฐ"เปลี่ยนใจ ให้สายการบินจีนบริการ"ได้อย่างจำกัด": กระทรวงคมนาคมสหรัฐแก้ไขข้อห้ามแบนสายการบินพาณิชย์จีน ด้วยการอนุญาตให้บิน "สัปดาห์ละ 2 เที่ยว" หลังรัฐบาลปักกิ่งเตรียมผ่อนคลายให้สายการบินต่างชาติตั้งแต่ 8 มิ.ย. นี้ แต่ยังคงเข้มวดมาตรการคัดกรองโรคโควิด-19

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ว่าสืบเนื่องจากการที่กระทรวงคมนาคมของสหรัฐเตรียมระงับให้สายการบินพาณิชย์ 7 แห่งของจีน บริการเที่ยวบินเข้าและออกอเมริกา เบื้องต้นให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. นี้ ได้แก่ "แอร์ไชนา" ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ "ไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส" "ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์ส" "ไห่หนาน แอร์ไลน์ส" "เสฉวน แอร์ไลน์ส" "เซียะเหมิน แอร์ไลน์ส" และ "ปักกิ่ง แคปิตอล แอร์ไลน์ส" เพราะจีนละเมิดความร่วมมือด้านการบินพาณิชย์ระดับทวิภาคี ด้วยการไม่ตอบสนองต่อคำร้องของสายการบินสหรัฐ ที่ต้องการกลับมาให้บริการในวันที่ 1 มิ.ย.

ต่อมากระทรวงคมนาคมของสหรัฐปรับแก้ประกาศดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ โดยจะอนุญาตให้สายการบินพาณิชย์ทุกแห่งของจีนสามารถให้บริการเที่ยวบินระหว่างสหรัฐได้สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดย 1 เที่ยวบินหมายถึงทั้งไปและกลับ และอาจผ่อนคลายมากกว่านี้ หากอีกฝ่าย "ปฏิบัติแบบเดียวกัน" ด้านยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส และเดลตา แอร์ไลน์ส แสดงความยินดีต่อการผ่อนปรนท่าทีของรัฐบาลวอชิงตัน ว่าคือการรักษาความสมดุลและความยุติธรรมในการเข้าถึงตลาดจีน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส และเดลตา แอร์ไลน์ส จะกลับมาให้บริการเส้นทางระหว่างจีนเมื่อใด เนื่องจากยังคงมีความกังวลว่า เงื่อนไขที่รัฐบาลปักกิ่งกำหนดกำหนดกับสายการบินต่างชาตินั้นมีความยิบย่อยกว่ามาก ซึ่งรวมถึงการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารทุกคนระหว่างการเดินทาง ไม่เพียงเฉพาะก่อนเข้าห้องโดยสาร และการที่สายการบินแห่งอาจต้องระงับเที่ยวบินอีก หากมีผู้โดยสารอย่างน้อย 5 คน มีผลบวกจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อเดินทางมาถึงจีน

อนึ่ง ปัจจุบันมีเพียง แอร์ไชนา ไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์ส และเซียเหมิน แอร์ไลน์ส เป็นสายกาบินของจีน ที่มีเส้นทางบินระหว่างเมืองใหญ่ในจีนกับเมืองใหญ่ของสหรัฐ ส่วนการปรับเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลวอชิงตันเกิดขึ้น หลังรัฐบาลปักกิ่งอนุญาตให้สายการบินต่างชาติเริ่มกลับมาให้บริการ "สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน ต่อ 1 เส้นทาง" นับตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. นี้ แต่จะอนุมัติเฉพาะ "สายการบินที่ผ่านเกณฑ์"

Source: เดลินิวส์ออนไลน์ : https://www.dailynews.co.th/foreign/778462

- U.S. scraps plans to ban Chinese airlines after Beijing permits foreign carriers, will limit flights to two a week: https://www.cnbc.com/2020/06/05/us-...s-after-beijing-permits-foreign-carriers.html

 

Hedge Fund ในสหรัฐแสดงความกังวลกับราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก: บรรดาผู้จัดการกองทุน Hedge Fund หลายรายแสดงความกังวลต่อราคาหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างมากจากระดับต่ำสุดในเดือน มี.ค. ผู้จัดการกองทุนมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันสะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตแบบสมบูรณ์หรือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยไม่มีหนี้เสียเกิดขึ้นรวมถึงการจ้างงานทั้งหมดที่สูญเสียไปจะกลับมาทั้งหมด

ทั้งนี้การฟื้นตัวดังกล่าวสวนทางกับมุมมองด้านเศรษฐกิจของผู้จัดการกองทุนซึ่งไม่เห็นด้วยกับการฟื้นตัวในลักษณะตัว V และคาดว่าจำนวนบริษัทที่ล้มละลายจะปรับสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่รัฐบาลและ Fed จะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอย่างรุนแรงยังคงมีอยู่ซึ่งจะช่วยพยุงให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นต่อไปได้ในระยะสั้นส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุนผ่านการซื้อ Put Options แทนการเปิดสถานะ Short ใน Futures

เมื่อคืนนี้ Risk sentiment ในตลาดการเงินสหรัฐฯ ปรับแย่ลงหลังจากที่นักลงทุนเริ่มกังวลต่อการที่ดัชนีหลักทรัพย์ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อการกลับมาเปิดเมือง แม้ว่ายังมีความไม่แน่นอนสูงต่อแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ดัชนี S&P 500 ปรับลดลงร้อยละ 0.34 นำโดย Utilities (-1.95%) และ Real Estate (-1.80%) แต่เพิ่มขึ้นในกลุ่ม Financial (1.97%) และ Industrial (1.05%) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เคลื่อนไหวสวนทาง โดยปรับเพิ่มขึ้น 4-10 bps ในระยะ 5-30 ปีในลักษณะ steepen curve

ทั้งนี้ เป็นผลจากธุรกรรมขายที่มีปริมาณมากในตลาด swap (pay swap) โดยเฉพาะในพันธบัตรระยะยาว ซึ่งมาจากการที่นักลงทุนบริหารความเสี่ยง (delta hedging) ให้กับ short volatility position ที่มีการวางไว้ก่อนหน้า ประกอบกับการที่นักลงทุนเริ่มปรับราคาให้สะท้อนอุปทานพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลระยะ 3, 10 และ 30 ปี

Source: BoTSS

เพิ่มเติม
- Hedge Funds Brace For Second Stock Market Plunge
https://seekingalpha.com/article/4352015-hedge-funds-brace-for-second-stock-market-plunge

 

เศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มส่งสัญญาณ “bottom-out” แต่ยังไม่มีแนวโน้มของการฟื้นตัว : สรุปช่วงการแถลงข่าวของนาง Christine Lagarde ประธาน ECB กล่าวในช่วง press conference ภายหลังการประชุม ภายหลังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ดังนี้

- เศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มส่งสัญญาณ “bottom-out” แต่ยังไม่มีแนวโน้มของการฟื้นตัวอย่างแน่ชัด ขณะที่ ECB ได้มีการปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจลง แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมากใน baseline scenario

- คณะกรรมการฯ ประเมินว่า ยังมีความไม่แน่นอนสูงหลังมีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown จึงเห็นควรให้ปรับเพิ่มขนาดการเข้าซื้อพันธบัตรภายใต้ PEPP เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดต่อเศรษฐกิจยูโรโซน โดยปัจจุบัน ECB ได้เข้าซื้อพันธบัตรภายใต้ PEPP ในลักษณะ Front-loaded และเบี่ยงเบนออกจากสัดส่วน Capital key แต่คณะกรรมการฯ ยังไม่ได้มีการพิจารณาถึงการเริ่มลงทุนในพันธบัตรที่เป็น Junk ภายใต้ PEPP แต่อย่างใด

- สำหรับประเด็นคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีเกี่ยวกับมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรของ ECB นั้น เกี่ยวข้องกับทางเยอรมนีเป็นหลัก และเชื่อว่าเยอรมนีจะหาทางออกที่ประนีประนอมที่สุด ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB กฎหมายสหภาพยุโรป และคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนี

- คณะกรรมการฯ มองว่า นโยบายด้านการคลัง “ambitious and coordinated fiscal stance” จากรัฐบาลและภาครัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้ และสนับสนุนการที่สมาชิกสหภาพยุโรปจะจัดตั้งกองทุนฟื้นฟู (Recovery Fund) เพื่อรับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจจากปัญหาโรคระบาดในครั้งนี้

- การประชุมในครั้งนี้ ECB ได้ปรับเพิ่มการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้ PEPP พร้อมทั้งปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจลง สะท้อนถึงมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนภายหลังผ่อนคลายมาตรการ lockdown ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง โดยการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้ PEPP เพิ่มเติมจำนวน 600 พันล้านยูโร ครั้งนี้ ถือว่ามากกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ว่า ECB จะเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรดังกล่าว เพียง 500 พันล้านยูโรเท่านั้น ส่งผลให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 0.96 เทียบเงินดอลลาร์ สรอ. และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีระยะ 10 ปี เทียบเยอรมนี ลดลงประมาณร้อยละ 0.15

Source: BoTSS

- Lagarde Says Europe's Economic Recovery Has Been Tepid: https://www.bloomberg.com/news/vide...rope-s-economic-recovery-has-been-tepid-video