ติดตามสถานะการณ์

May 20 ,2020 "จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล"เผยการบินไทยกำลังเริ่มนับหนึ่งในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมขอเอาใตจช่วยพนักงานให้ผ่านวิกฤติไปได้
.
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานกรรมการคนที่ 2 และรักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย หรือ ดีดี การบินไทยโพสต์ข้อความเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า
.
19 พฤษภาคม 2563 นับเป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เส้นทางการเดินของบริษัทการบินไทย เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้บริษัทการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลาง
.
ทั้งนี้ท่านนายกรัฐมนตรีได้ ตัดสินใจให้บริษัทการบินไทยเข้าสู่ทางเดินที่เป็นประโยชน์ที่สุดและจะทำให้บริษัทการบินไทยสามารถกลับเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินอย่างแข็งแรงและยั่งยืน
.
นับจากวันนี้ไป บริษัทการบินไทยต้องเตรียมตัวเพื่อเดินเข้าสู่จุดเริ่มต้นของการนับหนึ่งในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อศาลล้มละลายกลางรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทย
.
ขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยผู้บริหารและพนักงานทุกคนของบริษัทการบินไทยที่จะต้องปรับตัวเข้าสู่เส้นทางชีวิตใหม่ และให้ความร่วมมือในการจัดทำแผนฟื้นฟูเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการฯ ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ตัวเองของบริษัทการบินไทย องค์กรจะอยู่ได้ด้วยความเสียสละ โปร่งใส และเป็นธรรมครับ
.
#การบินไทย #ไวรัสโควิด19 #Misterban

 

MisterBan

May 20, 2020 รัสเซียติดโควิด-19 เฉียด 300,000 ฝรั่งเศสติดทะลุข้าม 180,000 คน ยอดตายในสหรัฐพุ่งผ่าน 93,000 คน ยอดติดโควิด-19 ทั่วโลกทะลุกว่า 4.9 ล้านคน The Covid-19 infected globally toll surpassed 4.9 million
เวลา 6.35 น. รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 4,982,166 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 1,570,144 ราย รัสเซีย 299,941 ราย สเปน 278,803 ราย บราซิล 271,628 ราย สหราชอาณาจักร 248,818 ราย อิตาลี 226,699 ราย ฝรั่งเศส 180,809 ราย เยอรมนี 177,827 ราย ตุรกี 151,615 ราย และอิหร่าน 124,603 ราย
สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 324,500 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 93,511 ราย สหราชอาณาจักร 35,341 ราย อิตาลี 32,169 ราย สเปน 27,778 ราย ฝรั่งเศส 28,022 ราย บราซิล 17,971 ราย เบลเยียม 9,108 ราย เยอรมนี 8,193 ราย อิหร่าน 7,119 ราย และเนเธอร์แลนด์ 5,715 ราย
ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า สิงคโปร์ 28,794 ราย(22) อินโดนีเซีย 18,496 ราย(1,221) ฟิลิปปินส์ 12,942 ราย(837) มาเลเซีย 6,978 ราย(114) ไทย 3,033 ราย(56) เวียดนาม 324 ราย เมียนมา 193 ราย(6) บรูไน 141 ราย(1) กัมพูชา 122 ราย และลาว 19 ราย
#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสอู่ฮั่น #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โรคปอดอักเสบ #ไวรัสโควิด19 #covid19 #Misterban #coronavirus #pneumonia #btimes #money360

 

MisterBan

May 19, 2020 แรงขายท่วมตลาดหุ้นสหรัฐ ดันดาวโจนส์ปิดทรุดเกือบ 400 จุด ราคาน้ำมันดิบขึ้นอีกกว่า 2% ส่งราคาไนเม็กซ์ปิดเหนือ 32 ดอลลาร์ ราคาทองคำตลาดโลกพลิกขึ้นกว่า 12 ดอลลาร์
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม(ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 24,206 จุด -390 จุด หรือ -1.59% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 2,922 จุด -30 จุด หรือ -1.05% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 9,185 จุด -49 จุด หรือ -0.54% สาเหตุจากการแห่ขายทำกำไรหุ้นที่มีราคาปิดทะยานสูงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านไปจากข่าวความคืบหน้าการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา สหรัฐอเมริกา ที่พบว่า มีผลในทางบวกกับการทดลองรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในสหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 32.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.68 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.14% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 34.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.16 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ +0.46% สาเหตุจากการตัดลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ และการทยอยเปิดภาคเศรษฐกิจในประเทศต่างๆทั่วโลก ท่ามกลางภาวะโรคระบาดโควิด-19
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,747.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +12.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สาเหตุจากปัจจัยความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ท่ามกลางความคืบหน้าในการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา สหรัฐอเมริกา ที่มีพัฒนาการในทางบวกมากขึ้น
#ลงทุน #สตาร์ทอัพ #การเงิน #หุ้น #ทองคำ #น้ำมัน #ตลาดหุ้น #เล่นทอง #ราคาทอง #ดิจิทัล #markets #business #stock #gold #oil #investment #misterban #เศรษฐกิจ #เล่นหุ้น #btimes

 

ไทยมีผู้ป่วยโควิดใหม่เพิ่ม 1 ราย กลับบ้านเพิ่ม 31 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ผู้ป่วยรายใหม่เป็นเชฟร้านอาหารไทย กลับจากบาห์เรน อยูในสถานกักกันของรัฐ แต่ไม่มีอาการ ขณะที่ยอดป่วยสะสม 3,034 ราย หายรวม 2,888 ราย เสียชีวิตรวม 56 ราย ยังรักษาใน รพ. 90 ราย ต่ำกว่าร้อยแล้ว

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000052511

 

เสาวิหารวัดเจดีย์หลวงเชียงแสนใกล้พัง หลังกรมศิลป์เทงบบูรณะไม่ถึง 3 ปี เสาไม้มะม่วงป่าผุทุกต้น-คาน/ขื่อทรุดตาม เสี่ยงหลังคาถล่มทับพระสิงห์ 1-พระพุทธรูปโบราณคู่บ้านคู่เมืองอายุ 676 ปี

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000052467

 

เทศมณฑลมิดแลนด์ในรัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ ประกาศเตือนภัยเขื่อนแตก 2 แห่งหลังเกิดพายุฝนรุนแรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมสั่งประชาชนในพื้นที่ให้เร่งอพยพทันที

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000052443

 

2 ผู้เฒ่าหัวใจแกร่ง!!

เรื่องราวการดำรงชีวิตที่ยากลำบากของผู้สูงวัยและพิการจากอุบัติเหตุ 2 คน ที่ยังยืนหยัดสู้ชีวิตด้วยความอดทน พร้อมหัวใจที่แข็งแกร่ง แม้ต้องทุกข์ทรมานกับสังขารที่ร่วงโรย

คนแรก คือ ลุงสมพงษ์ คำพึ่งพร ชายวัย 69 ปี จากสุพรรณบุรี ที่พิการจากอุบัติเหตุกระสอบข้าวสารหล่นทับหลังหักเป็นอัมพาตท่อนล่าง เมื่อสมัยทำงานเป็นจับกัง ขณะอายุได้ 27 ปี แต่ยังสู้ชีวิต ตัดสินใจใช้รถเข็นโยก ออกตระเวนเก็บของเก่าตั้งแต่เช้ายันค่ำ หวังเพียงรายได้เลี้ยงตัว ไม่เป็นภาระใคร

แต่เจ้ากรรม ใครจะไปคิดว่า การที่ต้องนั่งบนรถโยกนานๆ จะส่งผลให้เกิดแผลกดทับบริเวณที่ก้นลามถึงสะโพก ถึงขั้นต้องตัดขาซ้ายทิ้งและเจาะช่องท้องเพื่อขับถ่าย ขึ้นรถโยกไม่ได้อีกต่อไป

ถึงแม้ทุกวันนี้ ลุงสมพงษ์จะตระเวนเก็บของเก่าไม่ได้แล้ว แต่ด้วยใจไม่เคยยอมแพ้ ลุงได้พยายามหางานฝีมือทำ ทั้งรับจ้างถักโคเช ทำดอกไม้จัน เพื่อหารายได้ประทังชีวิต แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจงานไม่มี รายได้หด ทำให้ลุงต้องอดทน และได้แต่รอเวลาที่จะได้ทำงานว่าจะมาเมื่อไร ซึ่งลุงได้ฝากข้อคิดถึงหลายๆคนที่กำลังท้อว่า "คนเราเมื่อมันเป็นแล้ว คิดไปก็กลุ้มเปล่าๆ ก็ต้องสู้กันไป เป็นกำลังใจให้กับทุกคน"

อีกคนคือ ยายชุบ ฉิมมะ แม่เลี้ยงเดี่ยว วัย 67 ปี ที่พิการเท้าผิดรูป จากอุบัติเหตุถูกไฟฟ้าแรงสูงดูดรอดชีวิตมาได้แบบหวุดหวิด ขณะทำงานก่อสร้างตั้งแต่อายุ 15 ปี ส่งผลให้ปัจจุบันขาซ้ายผิดรูป

ปัจจุบัน ยายชุบ ทำอาชีพเป็นแม่ค้าขายก๋วยจั๊บขับมอเตอร์ไซต์ตระเวนขายใน อ.เมือง จ.ราชบุรี พักอาศัยในกระต๊อบหลังน้อยบนพื้นที่ของกรมชลประทานที่รอวันขับไล่ เพราะไม่มีที่อยู่ กับลูกชายวัย 27 ที่สติฟั่นเฟือน จากอุบัติเหตุสมองได้รับการกระทบกระเทือน อารมณ์แปรปรวน ทำลายข้าวของ เป็นภาระของผู้เป็นแม่อย่างยายชุบต้องดูแล

แม้ทุกวันนี้ความเป็นอยู่จะแสนลำบากยากจน ทั้งร่างกายตนเองก็ไม่สมประกอบ เวลาเดินเหินทำอะไร มักจะเจ็บปวดที่ขาและเข่าตลอดเวลา ประกอบกับวัยที่มากขึ้น โรคภัยก็ถามหา ทั้งโรคความดัน โรคหัวใจ ก็รุมเร้า ทำงานหนักมากไม่ได้

แม้จะเหนื่อยยากเพียงไหนก็ต้องทำ และยังสู้ เพื่อหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นในสักวัน

ต้องการช่วยเหลือทุนสู้ชีวิต สามารถโอนเงินไปได้ที่

ชื่อบัญชี สมพงษ์ คำพึ่งพร ธนาคารเพือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุพรรณบุรี เลขบัญชี 020770622832

และ ชื่อบัญชี น.ส.ชุบ ฉิมมะ ธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดศรีเมือง (ราชบุรี) เลขบัญชี 678-9-66653-2

ติดตามเรื่องราวของพวกเขาได้ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ
ตอน 2 นักสู้ผู้พิการ
วันเสาร์ ที่ 23 พฤษภาคม 2563 เวลา 9.00 -9.30 น.
ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ( IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211 )

อย่าลืม กดไลค์ แชร์และติดตามด้วยนะครับ

 

สวีเดน ซึ่งเลือกใช้ยุทธศาสตร์ปล่อยให้ประชาชนดำเนินชีวิตในรูปแบบที่เทียบจะใกล้เคียงกับช่วงเวลาปกติ ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) กลายเป็นชาติที่อัตราการเสียชีวิตสูงสุดในยุโรปเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร หากนับเฉพาะในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000052399

 

เอทิฮัด แอร์เวย์ส สายการบินแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปรับลดพนักงานหลายร้อยคนในเดือนนี้ ในนั้นรวมไปถึงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หลังโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) บีบให้ต้องงดเที่ยวบิน

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000052405

 

News1
โพสต์วิดีโอไว้ในเพลย์ลิสต์ NEWS REPORT

การล้างมือด้วยสบู่และน้ำ ไม่ใช่เพียงล้างเอาเชื้อไวรัสออกจากมือเท่านั้น แต่สภาพทางเคมียังเอื้ออำนวยให้สบู่ทำลายไวรัสโคโรนา และเชื้อโรคได้อย่างดีด้วย

 

จับตา! “ทรัมป์” อาจจำใจสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19
ระหว่างเยือนโรงงานฟอร์ด

รอยเตอร์ - ฟอร์ด มอเตอร์ โค ในวันอังคาร (19 พ.ค.) เน้นย้ำนโยบายของบริษัทที่กำหนดให้แขกทุกคนที่มาเยือนโรงงานผลิตของพวกเขาต้องสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ไม่ระบุว่าจะบังคับให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิตามตามหรือไม่ ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ รายนี้มีกำหนดการเยือนโรงงานในมิชินแกนในช่วงปลายสัปดาห์

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000052411

 

จีนมีสถานี 5G
ที่เปิดใช้งานแล้วเกิน 2 แสนแห่ง

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/china/detail/9630000052078

 

น่ายินดี! รพ.สงขลานครินทร์
ส่งผู้ป่วยโควิด-19 รายสุดท้าย
กลับบ้านพร้อมรอยยิ้ม
.
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เผยเรื่องราวน่ายินดี เมื่อส่งผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการหนักส่งกลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้ม
.
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. เพจ "โรงพยาบาลสงขลานครินทร์" ตั้งอยู่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้ออกมาโพสต์รูปภาพ พร้อมระบุข้อความเรื่องราวน่ายินดี เมื่อทางโรงพยาบาลได้ส่งผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับบ้านเป็นรายสุดท้ายของโรงพยาบาล ซึ่งทางโรงพยาบาลเผยว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ป่วยหนักถูกส่งต่อมาจากนราธิวาส ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และได้รับการรักษาด้วยการให้พลาสมาจากการบริจาคของผู้ป่วยโควิดรายแรกจากอาการที่หนักมากกลับมาดีขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลได้ระบุข้อความน่ายินดีว่า
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000052403
#mgronline #โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ #ผู้ป่วยโควิด-19 #รายสุดท้าย #กลับบ้าน

 

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกยืนยันบทบาทขององค์กร ในการเป็นผู้นำให้กับทุกประเทศเพื่อฝ่าฟันวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 หลังสหรัฐยกระดับคำขู่ด้วยการเตรียมยุติเงินสนับสนุน และอาจลาออกจากการเป็นสมาชิก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ว่านพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชเอ ) ซึ่งประชุมเมื่อวันอังคารเป็นวันที่สองและวันสุดท้าย ว่าเขาได้รับจดหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แต่ท่ามกลางวิกฤติด้านสาธารณสุขที่กำลังดำเนินอยู่ ดับเบิลยูเอชโอจะทำหน้าที่ "ผู้นำเชิงกลยุทธ์" ให้กับทุกประเทศ ในการต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 ต่อไป

ทั้งนี้ ทรัมป์ส่งหนังสือเปิดผนึกถึงนพ.เทดรอส เมื่อวันจันทร์ มีสาระสำคัญคือ "การตอกย้ำความล้มเหลว" ของดับเบิลยูเอชโอ ในการตอบสนองต่อโรคอุบัติใหม่จากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และความสัมพันธ์กับจีนที่ "แนบแน่นเกินไป" โดยผู้นำสหรัฐ "ขีดเส้นตาย" ให้ดับเบิลยูเอชโอ "ต้องปฏิรูปภายใน 30 วัน" มิเช่นนั้นรัฐบาลวอชิงตันจะยุติความสนับสนุนด้านการเงิน และทบทวนสถานภาพสมาชิกกับองค์กรแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศมอบเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 63,840 ล้านบาท ) ให้กับดับเบิลยูเอชโอ ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้ เพื่อใช้ช่วยเหลือประเทศที่มีฐานะยากจนในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ด้านนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่าภารกิจเอาชนะโรคโควิด-19 "ต้องเป็นทีมเดียวกัน" และยืนยันความสนับสนุนของยุโรปต่อการดำเนินงานของดับเบิลยูเอชโอ

ส่วนนายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน วิจารณ์จดหมายของทรัมป์ ว่าการยุติความสนับสนุนดับเบิลยูเอชโอ บ่งชี้เจตนาชัดเจนว่าสหรัฐต้องการปัดความรับผิดชอบด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลประโยชน์ทางการเมืองให้กับตัวเอง

กระนั้นที่ประชุมรัฐสมาชิก 194 แห่งของดับเบิลยูเอชโอมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้มีการจัดตั้งคณะทำงานอิสระเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานทุกแง่มุมภายขององค์กร ในการตอบสนองต่อวิกฤติด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศครั้งนี้

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

แม้โควิด-19 จะทำให้ทุกครอบครัวต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งยังต้องปรับพฤติกรรมสู่โหมดนิวนอร์มัล จากที่เคยกอด เคยหอมแก้ม เคยจับมือทักทาย ก็ต้องลด ละ ไปโดยปริยาย เพราะทุกคนต่างไม่มั่นใจว่าตัวเราเองจะนำเชื้อโรคไปแพร่สู่คนที่เรารักหรือไม่ แต่ด้วยความรักแม่ อยากกอดแม่แบบปลอดความเสี่ยงแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ครอบครัวชาวแคนาดา แคโรลีน แอลลิสและแอนดรูว์ สามีของเธอ จึงสร้างสรรค์อุปกรณ์ที่ช่วยให้กอดคนรักปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโคโรนา

แคโรลีนและแอนดรูว์ เรียกสิ่งนี้ว่า “ถุงกอด” หรือ “Hug Glove” ที่เหมือนม่านพสาสติกใส ซึ่งมีช่องพลาสติกสำหรับสอดแขนของคนรักที่อยู่กันคนละด้านของม่านพลาสติกสามารถสอดแขนเพื่อสวมกอดคนรัก

แคโรลีน กระตือรือล้นเร่งมือตัดเย็บ”ถุงกอด” ให้เสร็จทันวันแม่สากลที่ผ่านมา (10 พฤษภาคม) “ตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ฉันไม่ได้กอดแม่เลย ฉันจึงโหยหาและคิดว่าถุงกอดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะได้กอดแม่อย่างสบายใจในโอกาสวันแม่ และฉันกับสามี ก็ทำมันเสร็จก่อนถึงวันแม่ไม่กี่ชั่วโมง”

วิดีโอบันทึกช่วงเวลาที่แคโรลีนชาวแคนาดา ที่มีถิ่นฐานอยู่ที่ออนทาริโอ กอดกับแม่ผ่านถุงกอด ที่เธอโพสต์บนโซเชี่ยลมีเดีย ไวรัลในเวลาไม่นานกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ ที่แคนาดา

“ฉันเพียงแค่ต้องการกอดแม่ จึงรู้สึกแปลกใจที่วิดีโอกอดแม่ผ่านถุงกอด มีการแชร์กันไปทั่ว แต่ก็ดีใจนะที่การกอดแม่ของฉันทำให้ผู้คนมีความสุขไปด้วย”

https://www.dailysabah.com/life/canadian-woman-creates-hug-glove-to-spread-love-not-coronavirus/news

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีหนังสือแจ้งระงับการนำเข้า จำหน่าย และใช้ยา Neuronox® เลขทะเบียน 1C 5/60 (BF) เป็นการชั่วคราว เนื่องจากได้รับแจ้งจากทางเกาหลี ซึ่งเป็นประเทศต้นทางของผู้ผลิตยา บริษัท Medytox จำกัด ว่า มีการระงับการผลิต จำหน่าย และใช้ยา Medytoxin Injection หรือที่จำหน่ายในประเทศไทยใช้ชื่อยา Neuronox® เนื่องจากมีการปลอมแปลงเอกสารข้อมูลผลวิเคราะห์ และใช้สารตั้งต้นที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ซึ่งการปลอมแปลงเอกสารส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในคุณภาพของยา และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

อย. จึงได้มีคำสั่งเรียกเก็บคืนผลิตภัณฑ์ยา Neuronox® เลขทะเบียน 1C 5/60 (BF) ทุกขนาดความแรง ทุกรุ่นการผลิตที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด และขอให้โรงพยาบาล หรือคลินิกเสริมความงามทุกแห่งระงับการใช้ Neuronox® และเก็บส่งคืน บริษัท เมดิเซเลส จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตนำเข้ายาดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ Neuronox® มีตัวยาสำคัญคือ Clostridium botulinum toxin type A เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนโดยมีข้อบ่งใช้ในการรักษาอาการตึงหรือเสื่อมของกล้ามเนื้อ เนื่องจากกล้ามเนื้อคอหดเกร็ง หรืออาการกล้ามเนื้อหนังตากระตุก หรือความผิดปกติของเส้นประสาทที่ 7 นอกจากนี้ Clostridium botulinum toxin ยังเป็นที่นิยมใช้ในคลินิกเสริมความงามในการลดริ้วรอยเพื่อปรับรูปใบหน้า ซึ่งเมื่อฉีดแล้วยาจะสลายไปเองภายใน 6 เดือน ดังนั้น สำหรับคนไข้ที่ได้รับยา Neuronox® ไปแล้วและจำเป็นต้องรับยาอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแทน และหากโรงพยาบาลหรือคลินิกพบอาการไม่พึงประสงค์ของคนไข้ ขอให้แจ้งกลับมาที่ อย. ทันที

นพ.สุรโชค กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลตอนนี้เรายังไม่ได้รับรายงานว่าการปลอมเอกสารนั้นเกี่ยวกับเรื่องอะไร แต่เมื่อมีการปลอมข้อมูลจะถือว่าการผลิตยาดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตามข้อมูลมีการนำเข้ายาดังกล่าวมาในประเทศประมาณ 4.8 แสนหลอด กว่า 90% ใช้ในสถานเสริมความงาม มีเพียงเล็กน้อยที่ใช้รักษาโรคกล้ามเนื้อกระตุก เพราะเป็นโรคที่ไม่ได้พบบ่อย สำหรับคนที่อาจจะได้รับการฉีดสารตัวนี้ไปแล้วไม่ต้องกังวลเพราะเป็นสารที่สามารถสลายได้หลังการฉีด 3-6 เดือน และตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงของการห้ามทำศัลยกรรมบริเวณใบหน้าอยู่แล้ว จึงอาจจะไม่มีการฉีดในช่วงนี้

โดย อย. ได้ดำเนินการตรวจสอบรุ่นการผลิตที่จำหน่ายในท้องตลาด และได้ประสานกับบริษัท เมดิเซเลส จำกัด เพื่อให้เร่งดำเนินการเรียกเก็บยา Neuronox® คืนจากท้องตลาด พร้อมทั้งแจ้งให้บริษัท เมดิเซเลส จำกัด ให้ระงับการนำเข้า จนกว่าผู้ผลิตในต่างประเทศจะได้รับอนุญาตให้ผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว พร้อมมีมาตรการแก้ไขป้องกันมิให้เกิดปัญหาซ้ำอีก

ทั้งนี้ อย.ได้แจ้งระงับการนำหรือสั่งยาไปยังหน่วยงานในสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพื่อให้ทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเพื่อเฝ้าระวังต่อไป หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ QA@fda.moph.go.th หรือ โทร 02-590-7405 กลุ่มกำกับดูแลหลังออกสู่ตลาด กองยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ที่มา https://www.dailynews.co.th/politics/775330

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า รองนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ภาคอุตสาหกรรมและ กนอ. จัดทำแผนการจัดหาน้ำ เพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมโดยไม่ต้องรบกวนน้ำจากภาคการเกษตร รวมทั้งให้เร่งดำเนินการ 3Rs ได้แก่ ลดการใช้น้ำ การนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ และการปรับปรุงน้ำเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดการใช้น้ำให้มากที่สุด

นอกจากนี้ กนอ. ยังได้เตรียมแผนที่จะสร้างโรงงานนำน้ำทะเลมาผลิตเป็นน้ำจืด โดยในเบื้องต้นมีแผนที่จะตั้งบริษัทลูกเพื่อร่วมลงทุนกับภาคเอกชน เพื่อสร้างความมั่นคงมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อผู้ประกอบการ โดยน้ำจืดที่ผลิตได้จะมีราคาแพงกว่าน้ำที่ซื้อจากอีสท์ วอเตอร์ ที่ใช้ในปัจจุบันนี้ แต่โรงงานผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลจะช่วยป้อนน้ำให้กับโรงงานในช่วงที่มีภัยแล้ง ทำให้สร้างความมั่นใจว่าไม่ว่าจะแล้งแค่ไหนก็จะมีน้ำป้อนให้กับภาคอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน ส่วนในอื่นที่ไม่ขาดแคลนน้ำก็จะใช้น้ำจาก อีสท์ วอเตอร์ ตามปกติ

โดยที่ผ่านมาโรงงานขนาดใหญ่ในนิคมฯ มาบตาพุดหลายรายก็มีโรงงานผลิตน้ำจืดของตัวเองแล้ว แต่โครงการของ กนอ. นี้จะช่วยผู้ประกอบการในนิคมฯทั้งหมด ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะขยายแผนเดิมที่จะสร้างโรงงานผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล มีกำลังการผลิต 3 หมื่นลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะขยายโครงการให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3 แสน ลบ.ม.ต่อวัน โดยมีต้นทุนการสร้างโรงงานประมาณ 50 – 60 บาท ต่อ ลบ.ม. ส่วนราคาขายของน้ำจืดจะต้องตกลงกับผู้ประกอบการก่อน เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการแบกรับภาระที่สูงเกินไป และโรงงานผลิตน้ำจืดก็ยังสามารถดำเนินการได้

“โรงงานผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลนี้ จะเป็นหลักประกันให้กับโรงงานจะมีน้ำใช้อย่างแน่นอน ไม่ว่าฝนฟ้าจะเป็นเช่นไร ซึ่งแม้ว่าน้ำที่ผลิตได้จะมีราคาแพงกว่าปกติ แต่ก็จะใช้ช่วงสั้น ๆ ในฤดูแล้งเท่านั้น ในช่วงอื่น ๆ ก็จะใช้น้ำจากแหล่งน้ำปกติ ทำให้เมื่อเฉลี่ยทั้งปี ต้นทุนน้ำจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก รวมทั้งการตั้งโรงงานผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลในพื้นที่มาบตาพุดก็มีต้นทุนการวางท่อส่งน้ำต่ำกว่าการวางท่อส่งน้ำจากแหล่งน้ำที่อยู่ไกล โดยคาดว่าโครงการนี้จะมีความชัดเจนภายใน 2-3 เดือนนี้”

ทั้งนี้ ในปี 2563 นิคมฯ ใน อีอีซี มีความต้องการใช้น้ำ 239 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าในปี 2568 จะมีความต้องการใช้น้ำ 264 ล้าน ลบ.ม. และในปี 2573 จะต้องการใช้น้ำ 300 ล้าน ลบ.ม. โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 2.5% ต่อปี

ส่วนแหล่งน้ำหลักที่ใช้ใน อีอีซี จะรับมาจากแหล่งน้ำของอีสท์ วอเตอร์ ที่ได้จากอ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ส่วนแหล่งน้ำสำรองมาจากบ่อน้ำในนิคมฯ และภาคเอกชน มีปริมาณ 34 ล้าน บล.ม.ต่อปี และในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี ขณะที่การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ผ่านระบบ Wastewater RO และ Sea water RO มีปริมาณ 54,364 ลบ.ม.ต่อวัน และอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีก 2 หมื่นลบ.ม.ต่อวัน

สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในนิคมฯ และนิคมฯ ภาคเอกชนในช่วงวิกฤติโควิด-19 นั้น ขณะนี้ กนอ. ได้เตรียมเสนอคณะกรรมการ กนอ. เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือ โดยจะมุ่งเน้นการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเป็นพิเศษ โดยในกลุ่มเอสเอ็มอีที่มาเช่าพื้นที่ค้าขาย และให้บริการในพื้นที่นิคมฯ ของ กนอ. จะยกเว้นค้าเช่าให้ฟรี 3 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย. – มิ.ย. นี้ และจะยกเว้นค่าเช่าโรงงานในนิคมฯ สะเดา ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลา เป็นเวลา 1 ปี

ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานที่เป็นของเอกชน กนอ. มีแผนที่จะลดค่ากำกับดูแลนิคมฯ 5-10% ตลอดปี 2563 โดยส่วนลดในแต่ละนิคมฯ จะแตกต่างกันตามจำนวนพื้นที่ หากพื้นที่มากก็จะเสียค่ากำกับดูแลมาก ซึ่งในเบื้องต้นจะเริ่มตั้งแต่หลักล้านต่อปี ทำให้ช่วยลดภาระให้กับผู้พัฒนานิคมฯ ที่จะนำส่วนลดที่ได้ไปลดหย่อนค่าบริการให้กับโรงงานในนิคมฯ ต่อไป โดยมาตรการทั้งหมดนี้จะนำเสนอต่อคณะกรรมการ กนอ ภายในเดือน พ.ค.นี้

ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/881107?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=eec

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย x ลงทุนแมน
พ.ร.ก. ปล่อยกู้ soft loan และ พ.ร.ก.จัดตั้ง BSF ไม่ใช่ พ.ร.ก. กู้เงิน

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) จำนวน 3 ฉบับ รวมมูลค่าความช่วยเหลือ 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการเยียวยาโควิด-19 ชุดใหญ่

โดย พ.ร.ก.ฉบับแรก เปิดให้รัฐบาลกู้เงินนำไปแก้ไขปัญหาการระบาดของโรค เยียวยาประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท

ส่วน พ.ร.ก. อีก 2 ฉบับ ออกเพื่อให้แบงก์ชาติดำเนินการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft loan ผ่านสถาบันการเงิน เพื่อช่วยธุรกิจ SMEs ในวงเงิน 5 แสนล้านบาท และจัดตั้งกองทุน BSF เพื่อเป็นแหล่งสภาพคล่องสำรองให้กับผู้ออกตราสารหนี้ วงเงิน 4 แสนล้านบาท สำหรับดูแลเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจตามบทบาทหน้าที่ของแบงก์ชาติ

พ.ร.ก. 2 ฉบับที่รัฐบาลออกเป็นเครื่องมือให้กับแบงก์ชาตินั้น เป็น พ.ร.ก. ที่รัฐบาลไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม แต่เป็นการให้อำนาจแบงก์ชาติเข้าไปช่วยบริหารจัดการสภาพคล่องให้ตรงกลุ่มเป้าหมายในช่วงวิกฤติโควิด-19 เป็นการชั่วคราว

จากปกติที่แบงก์ชาติจะดูแลสภาพคล่องในภาพรวมเท่านั้น เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และถึงเวลาครบกำหนดชำระ ทั้งผู้ออกตราสารหนี้และ SMEs ที่กู้ยืมเงินไป จะต้องนำเงินกลับมาชำระคืน ความช่วยเหลือจึงไม่ใช่ลักษณะเงินให้เปล่าแบบสวัสดิการ หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาศัยเงินกู้ภาครัฐเป็นแหล่งเงินทุน ซึ่งรัฐบาลต้องหารายได้หรือเก็บภาษีในอนาคตมาจ่ายคืน

และเหตุที่ต้องออก พ.ร.ก. อีกส่วนเพราะเป็นการทำนโยบายร่วมกับภาครัฐ โดยรัฐจะรับภาระจ่ายดอกเบี้ย 6 เดือนแรกให้ SMEs รวมทั้งร่วมชดเชยไม่เกินวงเงินหรือสัดส่วนที่กำหนดไว้ หากการดำเนินการทั้ง 2 มาตรการมีความเสียหายเกิดขึ้น

การที่รัฐต้องเข้ามาร่วมชดเชยเป็นสิ่งจำเป็น เพราะว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูง คาดการณ์ไม่ได้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะรุนแรงขึ้นหรือจะจบลงเมื่อไหร่

ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจอาจยืดเยื้อ ปัญหาอาจไม่ได้จำกัดอยู่ที่เรื่องของสภาพคล่องเท่านั้น มีโอกาสที่จะลุกลามเกิดความเสียหาย ภาครัฐจึงต้องเข้ามามีส่วนในการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ที่รัฐบาลจะเข้ามาช่วยรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำนโยบายร่วมกับธนาคารกลาง หรือหน่วยงานอื่น ๆ เช่น กรณีรัฐรับผิดชอบค้ำประกันเงินกู้ให้กับ SMEs ผ่าน บสย. เพราะเป็นนโยบายที่ต้องการสนับสนุน SMEs เป็นต้น

อย่างไรก็ดี การออก พ.ร.ก. ดังกล่าวได้พิจารณากลไกการชดเชยเพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการคลังมากเกินไป เช่น กรณี Soft loan ชดเชย 60 – 70% ของหนี้เสีย ซึ่งกำหนดให้สถาบันการเงินต้องร่วมรับความเสียหายบางส่วน เพื่อให้มีแรงจูงใจในการคัดกรองลูกหนี้ในระดับหนึ่ง

ขณะที่ BSF ก็จะคิดดอกเบี้ยกับผู้ขอรับความช่วยเหลือในอัตราที่สูงกว่าตลาด เพื่อให้ BSF ทำหน้าที่เป็นเพียงแหล่งเงินสุดท้ายให้กับตลาดเท่านั้น และในทางกลับกันหากการดำเนินการมีกำไรก็จะนำส่งคืนให้เป็นรายได้แผ่นดินด้วยเช่นกัน

รัฐบาลอาจไม่ต้องชดเชยความเสียหาย หาก 2 มาตรการที่ออกไปช่วย SMEs ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้หรือสร้างความมั่นใจให้กับตลาดหุ้นกู้ภาคเอกชนทำให้สามารถ rollover หุ้นกู้ได้

ซึ่งการจัดตั้ง BSF มีหลายคนมองว่าจริง ๆ ยังไม่มีความจำเป็นเพราะยังไม่มีปัญหารุนแรง แต่บทเรียนจากวิกฤติในหลายประเทศ แสดงให้เห็นแล้วว่ามาตรการเชิงป้องกัน เพื่อรีบดับไฟแต่ต้นลม ย่อมดีกว่าการออกมาตรการตั้งรับเมื่อปัญหาลุกลามจนเกินแก้ไข เพราะเมื่อนั้นเงินที่ต้องใช้เพื่อฟื้นฟูคงจะมากขึ้นหลายเท่า ดังเช่นวิกฤติทางการเงินของไทยในปี 2540 ที่ปัญหาลุกลามจนสร้างความเสียหายถึง 1.4 ล้านล้านบาท

มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาก็เพื่อจะมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ประคับประคองธุรกิจ และดูแลเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินได้อย่างทันการณ์ เพื่อให้พร้อมที่จะเดินหน้าต่อได้หลังสถานการณ์โควิด-19 เพราะการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยคือโจทย์ใหญ่ที่รออยู่

 

กองทุนที่ได้กำไร 40 เท่า ในช่วงวิกฤติ COVID-19 /โดย ลงทุนแมน
สิ่งที่เราไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี
เหมือนในอดีต ที่โลกเคยมีความเชื่อว่า หงส์ทุกตัวเป็นสีขาว
แต่สุดท้ายกลับพบว่า หงส์ดำมีอยู่จริงในทวีปออสเตรเลีย
นี่คือคำอธิบายทฤษฎี “Black Swan”
เปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่หากเกิดขึ้นแล้ว จะส่งผลกระทบมหาศาล

ในปัจจุบัน การระบาดของ COVID-19 น่าจะเข้าข่าย Black Swan อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะคงไม่มีใครคิดมาก่อนว่า เชื้อไวรัสจะทำให้เศรษฐกิจและวิถีชีวิตมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป

แต่รู้หรือไม่ว่า มีกองทุนแห่งหนึ่ง ที่รอคอยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ มานาน 12 ปี
จนสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากถึง 40 เท่า

กองทุนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร แล้วพวกเขาใช้วิธีไหนรับมือกับ Black Swan
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ผู้ที่คิดค้นทฤษฎี Black Swan ขึ้นมาคือ Nassim Nicholas Taleb นักคณิตศาสตร์ และนักซื้อขายหุ้น ชาวเลบานอน

เขาเขียนหนังสือ The Black Swan: The Impact of the Highly Improbable ในปี 2007 ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 12 หนังสือทรงอิทธิพลที่สุดในโลก นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่ก่อนหน้านั้น Nassim Nicholas Taleb เคยทดสอบทฤษฎีนี้กับการลงทุนมาแล้ว

หลายปีก่อน เขาเป็นอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ อยู่ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และได้พบกับลูกศิษย์ชื่อ Mark Spitznagel

Mark Spitznagel นั้นเคยทำงานอยู่ธนาคาร ซึ่งต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่น่ากลัว ไม่ว่าจะเป็น วิกฤติการเงินในเอเชียปี 1997 และวิกฤติการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัสเซียปี 1998

ด้วยเหตุนี้ ตอนเรียนต่อปริญญาโทในคลาสของ Nassim Nicholas Taleb เขาจึงมีความสนใจเรื่องของ Black Swan เป็นอย่างมาก

ในปี 1999 ทั้งคู่ร่วมก่อตั้งบริษัทกองทุนชื่อ Empirica Capital
โดยมีหลักบริหารจัดการทรัพย์สินคือ การเตรียมตัวเพื่อรับมือวิกฤติที่ไม่คาดฝันโดยเฉพาะ

ปรากฏว่า หลังจากนั้นไม่นานตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิดฟองสบู่ดอตคอม จากการเก็งกำไรในบริษัทอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี ที่ร้อนแรงเกินกว่าพื้นฐานการดำเนินงาน ส่งผลให้ Empirica Capital สร้างกำไรทันที 60%

อย่างไรก็ตาม กองทุนได้ปิดตัวลงในปี 2005 เนื่องจาก Nassim Nicholas Taleb มีปัญหาสุขภาพ รวมทั้งต้องการไปทำงานด้านวิชาการแทน

ขณะที่ Mark Spitznagel ตัดสินใจเปิดบริษัทกองทุนของตัวเองในปี 2007 ชื่อว่า Universa Investments โดยได้เชิญอาจารย์ Nassim Nicholas Taleb มานั่งเป็นตำแหน่งที่ปรึกษา และแน่นอนว่า เขายังคงใช้หลักการแบบเดิม

มาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะสงสัยว่า กองทุนที่เตรียมตัวเจอเหตุการณ์ Black Swan ที่นานทีจะมีครั้ง กองทุนนี้มีวิธีการลงทุนอย่างไร?

Universa Investments จะซื้อสิทธิในการขายหุ้น หรือ Put Option ที่มีอายุสัญญาระยะสั้น เพื่อคอยป้องกันความผันผวนของตลาด

ดังนั้นหากตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น กองทุนก็จะขาดทุนส่วนต่างราคาไปทีละน้อย เหมือนกับการจ่ายค่าประกันความเสี่ยงไปเรื่อยๆ

แต่เมื่อเกิดวิกฤติขึ้น ราคาทรัพย์สินจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง สวนทางกับ Put Option ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น คุ้มค่าเกินกว่าผลขาดทุนสะสมอยู่หลายเท่าตัว

ในปี 2008 หรือเพียง 1 ปีให้หลัง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิดวิกฤติ Subprime จากฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อด้อยคุณภาพ ส่งผลให้ Universa Investments ทำกำไรได้ 115%

แต่หลังจากนั้น ประเทศต่างๆ มีมาตรการกระตุ้นจนเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวเป็นขาขึ้นต่อเนื่องก็ทำให้กองทุนนี้มีผลตอบแทนแพ้ตลาด และ Mark Spitznagel ก็ได้แต่อดทนเฝ้ารอโอกาสต่อไป

จนในที่สุดผ่านไป 12 ปี วันนั้นก็มาถึง..

ในปี 2020 เกิดเหตุการณ์ระบาดของ COVID-19 ที่แพร่กระจายไปทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 4 ล้านรายทั่วโลก ทำให้ต้องมีการประกาศปิดเมืองเพื่อควบคุมสถานการณ์ จนระบบเศรษฐกิจหยุดชะงัก

ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ ตลาดหุ้นถูกเทขายออกมาอย่างหนัก เช่น ดัชนี Dow Jones ทำจุดต่ำสุด -35% หรือดัชนี S&P 500 ทำจุดต่ำสุด -31% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี

แต่นั่นถือเป็นข่าวดีสำหรับ Universa Investments ที่ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ 140,000 ล้านบาท

เพราะในเวลา 4 เดือนของปีนี้ กองทุนสามารถทำกำไรให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไปได้ 4,144% หรือ 41 เท่า คิดเป็นผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมเท่ากับ 76% ต่อปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

นอกจากนี้ ยังทำให้ Mark Spitznagel มีทรัพย์สินส่วนตัวร่ำรวยถึง 8,000 ล้านบาท อีกด้วย

เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
เหตุการณ์ Black Swan เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น และขัดต่อความเชื่อของคนส่วนใหญ่
ก่อนหน้านี้ ถ้าใครบอกว่า จะยอมขาดทุนไปเรื่อยๆ เพื่อหวังกำไรระดับ 40 เท่าตัว คงถูกมองว่าเป็นเรื่องตลก

แต่อย่างน้อยในช่วงนี้ การขาดทุนเพื่อประกันความเสี่ยงลักษณะนี้
อาจกลายเป็นต้นทุนปกติ ที่ทุกคนยอมจ่าย ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook -
ลงทุนแมน

Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://markets.businessinsider.com/news/stocks/black-swan-fund-universa-investments-4000-percent-return-hedging-coronavirus-2020-4-1029076165
-https://www.forbes.com/sites/antoinegara/2020/04/13/how-a-goat-farmer-built-a-doomsday-machine-that-just-booked-a-4144-return/
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Mark_Spitznagel
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Empirica_Capital

 

19 พฤษภาคม .. เมืองเจดดาห์มีผู้ติดเชื้อสูงเกิน 10,000 คน แล้ว