ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-๑๙ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประจำวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓

    ข้อมูลที่น่าสนใจ:

    - จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสในยูเออีเพิ่มขึ้นเกิน ๒๕,๐๐๐ รายเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นับเป็นครั้งแรกที่ยูเออีมีผู้รักษาตัวหายเกิน ๑,๐๐๐ รายต่อวัน

    - รัฐบาลยูเออีประกาศว่าได้ตรวจเชื้อไวรัสให้กับประชาชนไปแล้วกว่า ๑.๖ ล้านครั้ง และถือว่าอัตราส่วนของผู้ติดเชื้อในประเทศยังอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้

    - รัฐบาลยูเออีประกาศให้ผู้ที่มีถิ่นพำนักในยูเออี (UAE residence visa) สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ https://smartservices.ica.gov.ae เพื่อขออนุมัติให้กลับมายูเออีได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับเข้ามาจะต้องขึ้นอยู่กับเที่ยวบินที่ให้บริการในประเทศต่าง ๆ ด้วย

    - กระทรวงสาธารณสุขยูเออีปรับเวลาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในที่สาธารณะเป็นเวลา ๒๐.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนลดการเดินทางและอยู่ในที่พักในยามวิกาล

    - สำนักงานอัยการยูเออีย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข และประกาศเพิ่มบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการทางสาธารณสุขในช่วงวิกฤติ COVID-19 อาทิ ปรับเงินผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ หรือนั่งรถรวมกันเกิน ๓ คน โดยมิใช่ครอบครัวเดียวกัน ซึ่งมีโทษปรับคดีละ ๓,๐๐๐ ดีแรห์ม (ประมาณ ๒๗,๐๐๐ บาท) จากเดิมที่มีค่าปรับ ๑,๐๐๐ ดีแรห์ม (ประมาณ ๙,๐๐๐ บาท)

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    0 จ้า เหลือผู้ป่วย 32ราย

    สรุปข่าวเด่นที่ได้ยินมาวันนี้ คือ ในไต้หวันในหลายบริษัท และมีการทำสำรวจ ทราบตัวเลขคร่าวๆว่า มีการสั่งให้บังคับลาแบบไร้เงินเดือนกว่า 20,000ราย และที่ผ่านมาอาทิตย์เดียว ทะลุไปถึงกว่า 2 พันราย ซึ่งเป็นปัญหาเศรษฐกิจหนักหน่วง ที่คาดว่ายากจะฟื้นฟูในหลายธุรกิจขนาดใหญ่ ต่อให้สามารถเปิดประเทศ หรือสามารถคิดค่นวัคซีนได้แล้วก็ตาม แต่อาจไม่สามารถกลับมาเป็นดั่งเดิมได้ บางธุรกิจที่ไม่ทีทางไป และไม่มีการเงินที่หนาพอ ก็อาจล้มไม่ฟื้น

    หลายคนถามมาเรื่องแรงงานในไต้หวัน ว่ารออยากให้เปิดประเทศเพื่อกลับเข้ามาทำงานได้อีกครั้งเร็ว เมื่อไม่นานมานี้ทางไต้หวันมีการบังคับลาไร้เงินเดือนสำหรับแรงงานในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นต้น ในไถจง และจางฮว้า มีการบังคับลาไร้เงินเดือนจำนวนหลายพันคน (ในข่าวรายงานเฉพาะแรงงานสัญชาติไต้หวัน) รวมถึงพนักงานลูกจ้างทั่วไปด้วย ทำให้เห็นว่าต่อให้กลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติได้ทันที

    การดำรงชีวิตอาจจะปกติ การท่องเที่ยวอาจถูกกระตุ้น แต่ด้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั้นอาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวอย่างมาก เพราะมีปัญหาตกงานเพิ่มขึ้นเรื่อยและต่อเนื่อง

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (May 19) ทรัมป์ขู่อีก! ตัดงบถาวร หาก WHO ไม่ปรับปรุงตัวใน 30 วัน - สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาประกาศขู่ยุติการให้เงินสนับสนุน “องค์การอนามัยโลก” (WHO) เป็นการถาวร หากองค์การอนามัยโลกไม่แสดงความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้นภายใน 30 วัน รวมถึงจะทบทวนสมาชิกภาพและบทบาทของสหรัฐในองค์การอนามัยโลกอีกด้วย

    ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ระบุว่า “หากองค์การอนามัยโลกไม่ยอมรับการปรับปรุงองค์กรภายใน 30 วันนับจากนี้ ผมจะยุติการให้เงินสนับสนุนของสหรัฐเป็นการถาวร รวมทั้งทบทวนสมาชิกภาพของเราด้วย”

    โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้เคยระบุว่า องค์การอนามัยโลก “ปฏิบัติได้อย่างน่าเศร้าใจ” ในการจัดการและการรับมือกับไวรัส และเขาจะพิจารณาเกี่ยวกับเงินทุนสนับสนุนที่รัฐบาลสหรัฐมอบให้องค์การอนามัยโลกเร็ว ๆ นี้

    ซึ่งในจดหมายที่ส่งตรงถึงผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกระบุว่า ทางเดียวที่องค์การอนามัยโลกยังคงจะได้รับเม็ดเงินสนับสนุนจากสหรัฐ คือ การแสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระในการดำเนินงานจากรัฐบาลจีน โดยประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า เขาจะเริ่มการเจรจากับ ดร.ทีโดรสเพื่อปฏิรูปองค์การอนามัยโลก

    ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐเป็นผู้ให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลกราว 15% ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งในปี 2019สหรัฐได้มอบเงินให้องค์การอนามัยโลกมากกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐก็ได้มอบเงินสนับสนุนองค์กรดังกล่าวไปแล้ว 58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    อย่างไรก็ตาม ในเดือน เม.ย. 2020 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศระงับการมอบเงินบริจาคให้กับองค์การอนามัยโลก ด้วยเหตุผลว่า องค์กรดังกล่าวมีส่วนร่วมกับรัฐบาลจีนในการปกปิดและบิดเบือนข้อมูล เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศจีน แม้ว่าเจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกจะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และทางการจีนก็ได้ยืนยันว่าการดำเนินการภายในประเทศมีความโปร่งใส

    นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกยังระบุว่า จะเริ่มทำการตรวจสอบมาตรการรับมือโรคระบาดของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกโดยเร็วที่สุดและอย่างเป็นอิสระ แต่การดำเนินการดังกล่าวจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากจากจีน ในฐานะประเทศจุดกำเนิดของการแพร่ระบาดครั้งนี้

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    https://www.prachachat.net/world-news/news-466429

    เพิ่มเติม

    - Trump Threatens to Exit WHO, Leaving Xi to Lead Virus Fight : https://www.bloomberg.com/news/arti...rmanent-cutoff-of-u-s-funds?srnd=premium-asia

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้าจีนจะไม่ลดสร้างเขื่อน อย่างน้อยก็ควรแชร์ข้อมูล

    การไม่เปิดเผยข้อมูลทำให้ชาวนาและชาวประมงในประเทศท้ายน้ำวางแผนชีวิตไม่ได้

    สรุปใจความสำคัญจากบทความที่ปรากฏใน Leaders Section ของวารสารฉบับตีพิมพ์ภายใต้หัวข้อ “การทรมานด้วยน้ำ” (Water Torture) วารสารดิอีโคโนมิสต์

    4 พฤษภาคม 2563

    แม่น้ำในเอเชียหลายสายมีแหล่งกำเนิดบนที่ราบสูงทิเบต และเมื่อทิเบตเองเป็นส่วนหนึ่งของจีน วิศวกรชาวจีนจึงมีการใช้ประโยชน์จากศักยภาพดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พวกเขาสร้างเขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่ง ทั้งบนแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำแยงซีเกียงที่ไหลผ่านจีนไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แม้กระทั้งแม่น้ำพรหมบุตรและแม่น้ำโขงซึ่งไหลผ่านอีกหลายประเทศก่อนจะลงสู่ทะเล

    แน่นอนว่าจีนมีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น ทว่าความวิตกกังวลตกอยู่กับประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ท้ายน้ำ ถ้าประเทศที่อยู่ใกล้ต้นน้ำที่สุดกลับสร้างเขื่อนจำนวนมาก ทำให้มีการกักเก็บน้ำปริมาณมหาศาล ยับยั้งไม่ให้ตะกอนไหลลงมา รวมถึงขัดขวางไม่ให้ปลาว่ายทวนน้ำขึ้นไปวางไข่ ผลที่ตามมาก็คือหายนะของประเทศที่อยู่ท้ายน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งพืชผลเสียหายจากความแห้งแล้ง การล่มสลายของประมงน้ำจืด และภาวะดินเค็ม

    สำหรับแม่น้ำโขงไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับทุกฝ่ายเพราะจีนได้สร้างเขื่อนไปแล้ว 11 แห่งในแม่น้ำสายหลัก (ไม่รวมถึงแม่น้ำสาขา) และมีแผนที่จะสร้างเพิ่มอีก 8 แห่ง ส่วนประเทศที่อยู่ท้ายน้ำก็สร้างเขื่อนไปแล้ว 2 แห่ง และกำลังพิจารณาสร้างเพิ่มอีก 7 แห่ง ปีที่แล้วในช่วงฤดูแล้ง แม่น้ำโขงมีน้ำน้อยมาก แม้ในยามที่ปริมาณน้ำฝนอยู่ในเกณฑ์ปกติ ลักษณะการไหลของน้ำที่เปลี่ยนไปและตะกอนที่หายไปก็กำลังทำให้น้ำเค็มไหลเข้ามาในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงซึ่งเปรียบเสมือนปากท้องของเวียดนาม ตลอดจนทำให้จำนวนปลาซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนเดียวของประชากรหลายล้านคนในกัมพูชาลดลงด้วย

    ที่ผ่านมา จีนได้หลีกเลี่ยงการมีข้อตกลงอย่างเป็นทางการเพื่อควบคุมการสร้างเขื่อนหรือการันตีการจัดสรรน้ำขั้นต่ำให้กับประเทศที่อยู่ท้ายน้ำมาโดยตลอด รวมทั้งไม่รวมในคณะกรรมมาธิการแม่น้ำโขง ปัญหาไม่ได้อยู่เพียงว่าจีนค่อนข้างอ่อนไหวต่อประเด็นใดๆ ก็ตามที่อาจมองว่าเป็นอิทธิพลจากต่างประเทศต่อเรื่องภายในประเทศ แต่ผู้นำจีนเองมักให้ความสำคัญกับโครงการวิศวกรรมขนาดใหญ่โดยไม่ค่อยแยแสต่อคนที่จะได้รับผลกระทบหรือเสียเปรียบจากโครงการเหล่านั้น แม้แต่ประชาชนจีนเองก็ตาม

    แม้ว่าผู้นำจีนจะไม่สามารถเอาชนะความหลงใหลในโครงการวิศวกรรมขนาดใหญ่ของตน แต่ก็สามารถทำอะไรได้มากมายเพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน การแชร์ข้อมูลระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลาจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เช่นเดียวกันประเทศที่อยู่ท้ายน้ำทก็ต้องการจะรับทราบข้อมูลแผนการกักเก็บและการปล่อยน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำของจีนเพื่อให้ชาวนาและชาวประมงในพื้นที่ถัดลงมาได้มีโอกาสเตรียมการรับมือ จีนเองก็ไม่มีอะไรจะเสียหากจะช่วยบรรเทาภัยแล้งเมื่ออยู่ในวิสัยที่ทำได้

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำหรับผมคงไม่ใช้บริการแน่นอน ตราบใดไม่ยกเลิก ไทยชนะ’ ก็เลิกเดินห้าง ซึ่งลดความเสี่ยงติดเชื้อ และยังประหยัดเงินได้อีกทางด้วย

    รีวิวการเข้าห้าง ยุค New Normal ด้วยการใช้ ‘ ไทยชนะ’

    ถึงจะคลายมาตรการ lock down แล้ว ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 น้อยลงแล้ว แต่ว่าอย่าพึ่งการ์ดตกกันนะ! จะไปไหนมาไหนก็ต้องดูแลตัวเอง หมั่นล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด

    แต่พอไม่ได้ไปเดินห้างหรือไปในที่ที่มีคนเยอะๆ มานานๆ มันก็ชักจะทำตัวไม่ถูก ไปห้างทีนี่ถึงกับงงเลยแหละ วันนี้เราเลยรวบตึงคู่มือเที่ยวห้างในยุค New Normal มาฝาก

    ยุค New Normal แบบนี้ ทางรัฐบาลและผู้ประกอบการห้างร้านและร้านค้าต่างๆ เค้าจัดทำ ‘ไทยชนะ’ มาให้ประชาชนได้ใช้เพื่อ Check-in Check-out เมื่อไปใช้บริการต่างๆ ซึ่งหลายคนอาจจะยังงงอยู่บ้าง ว่าเว็ปไซต์นี้หรือแอปฯ นี้ มีขึ้นมาทำไม คืออะไร ไทยชนะ เนี่ย จะมีไว้ใช้เก็บข้อมูลการเข้าออกพื้นที่ของห้างหรือร้านค้าต่างๆ ว่าแต่ละคนไปจุดไหนมาบ้าง ถ้าเกิดว่ามีใครติดเชื้อ โควิด-19 ขึ้นมา ก็จะได้แจ้งเตือนไปยังคนที่ไปสถานที่และวันเวลาเดียวกัน

    ทีนี้มาดูกันว่าแล้วเราจะเข้าห้างในยุค new normal ด้วย ไทยชนะ ได้ยังไง?

    อันนี้เป็นบรรยากาศก่อนเข้าห้างก็จะมีการต่อแถว ด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social distancing ตามเส้นและสัญลักษณ์ที่ทางห้างติดไว้ โดยสิ่งที่สำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยเด็ดขาด!! เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถเข้าห้างได้

    ขั้นตอนต่อมา เมื่อถึงคิวเราแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราสแกน QR code เพื่อเข้าไป Check-in เมื่อสแกนแล้วก็กด Check-in ปุ่มเขียวๆ ส่วนใครที่ลืมหยิบโทรศัพท์ไป ทางห้างก็จะให้เราลงชื่อแทน

    หลังจาก Check-in แล้ว ก็จะมีการตรวจไข้ ล้างมือ แล้วก็จะมีพรมที่มีน้ำยาฆ่าเชื้อให้ลูกค้าเหยียบก่อนเข้าห้างด้วย ซึ่งห้างก็จะมาคอยเติมน้ำยาฆ่าเชื้ออยู่ตลอด

    อยากกระซิบบอกว่าขั้นตอนก่อนเข้าจะยุ่งยาก วุ่นวาย หลายขั้นตอน ไปซะหน่อย แต่ก็อยากขอให้ทุกคนช่วยร่วมมือกับพี่ๆ เจ้าหน้าที่นิดนึง เพราะว่าจะได้ช่วยให้ขั้นตอนมันดำเนินไปได้เร็วขึ้น เพื่อความปลอดภัย และสบายใจของทุกๆ ฝ่าย

    พอเข้ามาถึงข้างในห้างแล้ว จะแวะร้านไหน ก่อนเข้าไปแต่ละร้านก็จะมีการ Check-in ตรวจไข้ ล้างมืออีกที ร้านไหนที่จำเป็นต้องลองก็อย่าลืมทำตามกฎของแต่ละร้านด้วยนะ ส่วนพอออกมาจากร้านแล้วก็อย่าลืมที่จะ Check-out ออกมาด้วย

    ขั้นตอนการ Check-out ออกจากร้านของ ไทยชนะ จะให้เราประเมินความสะอาดและมาตรการต่างๆ ของร้านค้า ซึ่งก็ไม่วุ่นวายเลย มีแค่ 4 -5 ข้อเท่านั้นเอง อยาลืมประเมินให้ทางร้านเค้าด้วย แต่ช่วยอย่าไปประเมินแกล้งเค้านะ

    สุดท้ายก่อนจะออกจากห้าง ก็จะต้อง Check-out ออกจากห้างด้วย ซึ่งก็จะเหมือนกับการ Check-out ออกจากร้านต่างๆ เลย

    ถึงมาตรการในยุค new normal จะดูวุ่นวายกว่าปกติไปนิดหน่อย แต่เราก็อยากจะให้ทุกคนร่วมมือและปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ กันด้วยนะ!

    จริงๆ ที่ห้างร้านต่างๆ เค้าก็มีข้อกำหนดในการช่วยเหลืออย่างการสั่งซื้อของออนไลน์ เพื่อช่วยลดการแออัดในห้างด้วย ใครใกล้ห้างไหนก็ลองเข้าไปเช็กดูใน shop ของห้างกันดู หรือใครที่ยังงงๆ อยู่เราก็มีขั้นตอนการเข้าใช้ ไทยชนะ เป็นแบบคลิปวิดีโอให้ดูด้วยนะ

    The post รีวิวการเข้าห้าง ยุค New Normal ด้วยการใช้ ‘ ไทยชนะ’ appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โควิด-19 ทำคนไต้หวันต้องหยุดงานโดยไม่มีค่าจ้างกว่า 2 หมื่นคน สูงสุดตั้งแต่ พ.ย. 2552 เป็นต้นมา#RtiFanpage

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชิลี จลาจลย่อมๆ หลังชาวบ้านเจอพิษโควิด-19 จนไม่มีจะกิน

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวบ้านที่ชลบุรี ออกหาปลาข้างอ่างเก็บน้ำบางพระ เจอหม้อดินเผาปิดด้วยผ้าสีแดง 2 ใบ มีเทียนหยดตามผ้า และผูกด้วยเชือกสีแดง ด้วยความตกใจเลยวิ่งเตลิด คาดเป็นหม้อดินถ่วงวิญญาณ หรือขังมนต์ดำเอาไว้
    .
    แต่ความไม่สบายใจของผู้พบ เลยเอาไปพระสงฆ์เปิด ไม่พบโครงกระดูก มีแต่อักษรภาษาจีน กระดาษเงิน กระดาษทอง โดยพระสงฆ์ได้ทำพิธีสวดบังสุกุล เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับสิ่งของภายในหม้อดินเผาดังกล่าวให้ ก่อนจะทำไปทุบทำลาย แล้วเผาในกองเพลิง #ข่าวช่องวัน

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ชัยชนะของซาอุดิอาระเบีย ช่วงหลังๆนี้ดูเหมือนว่าอะไรๆก็ดูดีไปหมดสำหรับประเทศนี้ครับ

    ราคาน้ำมันยังกลับมาไม่ถึงระดับก่อนเริ่มสงครามราคาน้ำมันเลย แต่หุ้น Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุ บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทที่เป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ราคาหุ้นได้ไต่กลับขึ้นมาที่ระดับก่อนเกิดสงครามราคาแล้ว ! และทางซาอุยังได้ช้อนหุ้นราคาถูกต่างๆทั่วโลกมาเก็บไว้ได้เต็มมือ

    ราคาน้ำมันดิบ Brent ซื้อขายอยู่ที่ 50 เหรียญต่อบาร์เรลก่อนที่จะเกิดสงครามราคาน้ำมันขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม ต่อมาราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ร่วงลงไปต่ำกว่า 20 เหรียญอยู่ซักพักในช่วงปลายเดือนเมษายน ก่อนที่ล่าสุดจะทะยานขึ้นมาเรื่อยๆจนถึง 35 เหรียญในคืนนี้

    ถึงแม้ราคาน้ำมันดิบจะยังซื้อขายอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดสงครามราคาขึ้นถึง -30% แต่คืนนี้นั้นราคาหุ้นของ Saudi Aramco ได้ไต่ขึ้นมาถึงระดับเดียวกับก่อนสงครามจะเริ่มแล้วที่ราคา 33.5 ริยาลต่อหุ้น ! #เป็นบริษัทน้ำมันแรกในโลกที่สามารถไต่กลับขึ้นมาที่ระดับก่อนสงครามราคาได้

    หากเปรียบเทียบกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อื่นๆในโลกคืนนี้:

    #ExxonMobil - จาก 53 เหรียญ ตอนนี้อยู่ที่ 44.5 เหรียญ หรือ -16.04%
    #Shell - จาก 20 เหรียญ ตอนนี้อยู่ที่ 14.8 เหรียญ หรือ -26.00%
    #BP - จาก 420 ปอนด์ ตอนนี้อยู่ที่ 311 ปอนด์ หรือ -25.95%
    #Chevron - จาก 100 เหรียญ ตอนนี้อยู่ที่ 91 เหรียญ หรือ -9.00%

    #PTT - จาก 40 บาท ตอนนี้อยู่ที่ 36.5 บาท หรือ -8.75%
    #PTTEP - จาก 110 บาท ตอนนี้อยู่ที่ 88 บาท หรือ -20.00%

    เรียกได้ว่าซาอุนั้นได้พลิกสถานการณ์ของประเทศตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว จากตอนแรกที่ทางรัสเซียเดินทุบโต็ะออกไปจากการประชุมโอเปกตอนต้นเดือนมีนาคม แสดงให้เห็นถึงการขาดความสามัคคีระหว่างกลุ่มโอเปกและพันธมิตรและขาดเสถียรภาพในการรักษาระดับราคาน้ำมัน แถมช่วงนั้นผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกยังเจอวิกฤตไวรัสโควิดโหมเข้าใส่อีกแรงนึง

    ทำให้หลายๆประเทศเชื่อว่าซาอุนั้นต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากแน่ๆ ด้วยการที่ต้องพยายามรักษารายได้ของประเทศจากการขายน้ำมันไว้ให้เพียงพอกับงบประมาณค่าใช้จ่ายอันสูงปรี่ของประเทศ หลายๆฝั่งไม่แน่ใจว่าซาอุจะมีทางออกจากวิกฤตในครั้งนี้เช่นไร...

    แต่แล้ว... ซาอุก็ได้ช็อกโลกด้วยการประกาศสงครามราคาน้ำมัน

    เช้าวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม ทางซาอุได้ประกาศสิ่งที่โลกไม่คาดฝัน โดยการเริ่มสงครามราคาน้ำมันครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยตอนแรกนั้นหลายฝ่ายไม่แน่ใจว่าทางซาอุต้องการอะไรกันแน่ ? จะทำร้ายตัวเองไปทำไม ? การแข่งกันผลิตน้ำมันจะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันลงไปต่ำกว่าเดิมอีก อย่างนี้จะดีกับประเทศซาอุได้อย่างไร ?

    แต่... พอเวลาผ่านไปเพียง 2 เดือนเราก็ได้เห็นแล้วว่าทำไมทางซาอุถึงเลือกที่จะทำแบบนั้น

    วันนี้ซาอุไม่ใช่ได้เพียงความสามัคคีระหว่างกลุ่มโอเปกและพันธมิตรกลับคืนมา แต่ยังได้กลุ่มประเทศนอกโอเปกอื่นๆมาร่วมลดกำลังการผลิตน้ำมันด้วย ทำให้เสถียรภาพในการรักษาระดับราคาน้ำมันสูงกว่าแต่ก่อนอีก การเริ่มสงครามราคาเป็นเพียงการขู่ให้ทั่วโลกรู้ไว้ว่า #ตราบใดที่โลกยังต้องการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงอยู่ทางซาอุเราก็ยังมีอิทธิผลมากที่สุดอยู่ !

    ไม่ใช่เพียงราคาหุ้นของบริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุที่ทยอยไต่กลับขึ้นมา แต่ระหว่างช่วงที่ราคาน้ำมันโดนถล่มลงไปนั้นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุ (Sovereign Wealth Fund) ได้อาศัยจังหวะที่ราคาหุ้นทั่วโลกกำลังตกต่ำสุดๆ ไล่เข้าซื้อเก็บช้อนหุ้นบริษัทชื่อดังต่างๆของโลกมากมายรวมมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านเหรียญ ! โดยมีทั้งบริษัทน้ำมันและบริษัทอื่นๆอีกมากมาย โดยทางซาอุนั้นได้ให้เหตุผลที่เก็บหุ้นน้ำมันไว้ด้วยว่าธุรกิจน้ำมันต่างๆนั้นกำลังมีมูลค่าต่ำกว่าจริงมากที่สุด (Most Undervalued) แปลว่าซาอุทราบดีอยู่แล้วว่าราคาน้ำมันที่ลงมานั้นจะต้องดีดกลับขึ้นไปแน่นอน

    ทำให้ช่วงนี้หลายฝ่ายคงตั้งคำถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็นการประกาศสงครามราคา การรวมตัวของผู้ผลิตครั้งใหญ่ การช้อนหุ้น และการกลับมาของราคาน้ำมันและหุ้นบริษัท Saudi Aramco ทั้งหมดนั้น

    #เป็นแผนที่ประเทศซาอุวางไว้อย่างแยบยลตั้งแต่แรกหรือไม่ ?

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

    #OilTradingKP

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    NEWS: จับตาอเมริกา-ญี่ปุ่น ย้ายฐานการผลิตหลัง COVID-19 ไทยได้รับผลกระทบอะไร?
    .
    สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไประดับโครงสร้างหลังยุค COVID-19 คือการย้ายฐานการผลิตของบริษัทสัญชาติอเมริกัน และญี่ปุ่น ที่หลัก ๆ คือการย้ายออกจากประเทศจีน
    .
    ทำไม ‘การย้ายฐานการผลิต’ ถึงเป็นเรื่องใหญ่ ?
    .
    เริ่มจากอเมริกา...
    .
    ตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดี มีการพยายามย้ายฐานการผลิตกลับมาอเมริกาตลอดภายใต้นโยบายเศรษฐกิจแนวชาตินิยม แต่ก็ไม่สำเร็จเท่าไร เพราะต้นทุนการย้ายฐานการผลิต และค่าแรงต่าง ๆ ที่บริษัทต้องแบกรับไม่ค่อยคุ้มนัก ถ้าจะย้ายโรงงานมาตั้งที่อเมริกา
    .
    แต่สิ่งที่ทรัมป์ต้องการอย่างน้อยที่สุดก็คือ ทำให้เศรษฐกิจอเมริกาไม่ต้องพึ่งพาการส่งสินค้าจากจีน หรือพูดง่าย ๆ คือต้องการจะตัดจีนจากสารบบการผลิตสินค้าที่คนอเมริกันบริโภค ด้วยเหตุผลทางการเมือง เพราะจะตั้งตนเป็นศัตรูกับจีนขนาดนี้ มันก็แปลก ๆ ที่ยังต้องพึ่งพาสินค้าที่ผลิตจากจีน
    .
    ส่วนญี่ปุ่น…
    .
    ญี่ปุ่นประสบปัญหาเศรษฐกิจในประเทศซบเซามาต่อเนื่องยาวนาน ระดับที่ไม่เคยขายการท่องเที่ยวก็ต้องมาขาย เพราะไม่รู้จะทำยังไงแล้วในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และในช่วงปีหลัง ๆ รัฐบาลก็มีความพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะย้ายฐานการผลิตของบริษัทญี่ปุ่นกลับมาที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกสินค้าที่ใช้ “หุ่นยนต์” ช่วยผลิตได้ เพราะนั่นตอบโจทย์แรงงานของญี่ปุ่นที่มีน้อย แต่ทักษะสูง
    .
    ทีนี้พอ COVID-19 ถล่มโลก…
    .
    มันจึงเร่งภาวะที่ว่านี้ เศรษฐกิจทุกประเทศตกต่ำ และต้องการให้มีการลงทุนเกิดขึ้นในประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
    .
    เรียกว่าทั้งอเมริกา และญี่ปุ่นแทบจะ “จ้าง” ให้บริษัทกลับมาผลิตในประเทศ โดยอเมริกาใช้แนวทางกดดันด้านภาษีให้สินค้าที่ผลิตที่จีนกลับมาขายอเมริกาในราคาแพงขึ้น
    .
    ส่วนญี่ปุ่นนี่ “จ้าง” จริง ๆ โดยตั้งงบไว้ถึงราว 6 หมื่นล้านบาท เพื่อให้บริษัทญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตกระจายอยู่ทั่วเอเชีย กลับมาทำการผลิตในประเทศ
    .
    คำถามคือ ถ้าต้องย้ายฐานการผลิตออกจากจีนแล้ว จะไปไหน?
    .
    สำหรับบริษัทอเมริกา การไปจีน ตอนแรกสุดเป็นเรื่องของ “ค่าแรง” ที่ถูกกว่าที่อื่น ๆ ในโลก ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ถูกแล้ว ดังนั้นคำถามต่อมาคือโซนไหนที่ค่าแรงยังถูกอยู่
    .
    คำตอบคืออินเดียกับแอฟริกา ซึ่งแอฟริกานี่แทบจะตัดไปได้เลย เพราะอิทธิพลของจีนแผ่ไปทั่ว อเมริกาไม่ทันแล้ว เลยทำให้ตัวเลือกเหลืออินเดีย ซึ่งไม่ได้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของจีนแน่ ๆ
    .
    อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากร และพื้นที่มหาศาล ค่าแรงก็ถูกอีก แต่ทำไมฐานการผลิตสิ่งต่าง ๆ ถึงไม่ย้ายไปอินเดีย?
    .
    คำตอบที่ง่ายสุดคือ อินเดียไม่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติเท่าที่ควร ซึ่งถ้ามีเมื่อไร ก็บอกเลยว่า ต่างชาติหันไปลงทุนกันกระจายแน่ ๆ ซึ่งอเมริกาก็เล็ง ๆ อยู่ว่าถ้าอินเดียไฟเขียว สิ่งที่ตอนนี้ผลิต ๆ กันที่จีน อาจจะย้ายมาผลิตที่อินเดีย และถ้าถึงจังหวะนั้น เราก็รอดูเศรษฐกิจอินเดียเจริญแบบก้าวกระโดดใน 10 ปีได้เลย
    .
    ตัดมาที่ญี่ปุ่น ตอนนี้ก็จะย้ายฐานการผลิตเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถูก COVID-19 ถล่ม เอาจริง ๆ ถ้าเราสังเกต ช่วงปีสองปีก่อนเราจะได้ยินข่าวบริษัทญี่ปุ่นปิดโรงงานกันบ้าง นั่นแหละครับส่วนหนึ่งของนโยบาย “ย้ายโรงงานกลับบ้าน” (อีกส่วนเกิดจากค่าเงินบาทแข็งด้วย) และก็น่าสนใจว่าหายนะของ COVID-19 จะทำให้ญี่ปุ่นต้องปิดโรงงานกันแค่ไหน และก็คงไม่แปลกที่หลาย ๆ บริษัทจะได้โอกาส “ย้ายโรงงานกลับบ้าน” กันตอนนี้เลย
    .
    ซึ่งถ้าย้ายหมด บอกได้เลยว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะ "เละตุ้มเป๊ะ" เพราะเศรษฐกิจไทยที่โต ๆ มาทุกวันนี้ มันเกิดจากการเปิดโรงงานของญี่ปุ่นนั่นแหละ สินค้าส่งออกระดับท็อป ๆ ของเราคือรถยนต์นะครับ ซึ่งมันก็ “รถญี่ปุ่น” ที่ผลิตบ้านเราแทบล้วน ๆ ก็แทบไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าบริษัทรถญี่ปุ่นทยอยกันปิดโรงงานกันไปหมด คนไทยจะตกงานกันแค่ไหน
    .
    อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนก็อาจจะได้ยินว่าจริง ๆ ญี่ปุ่น ก็ไม่ได้จะย้ายโรงงานกลับบ้านหมดซะทีเดียว เพราะนโยบายเขาก็มีงบอัดฉีดให้ย้ายโรงงานออกจากจีนไปลงที่อื่นใน SEA เช่นกัน
    .
    ก่อนอื่นอยากให้ดูงบครับ…
    .
    งบ “ย้ายโรงงานกลับบ้าน” มันสูงถึง 60,000 ล้านบาท แต่งบย้ายโรงงานจากจีนมาที่อื่นใน SEA เขาให้แค่ 7,000 ล้านบาท ดังนั้น มันชัดเจนว่าเขาอยากให้ย้ายกลับบ้าน
    .
    สิ่งที่ต้องเข้าใจต่อมาก็คือ รัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายเลยว่า ถ้าผลิตสิ่งไฮเทค หรือใช้หุ่นยนต์เยอะ ๆ ได้ ให้ย้ายกลับมาญี่ปุ่น ส่วนอะไรที่มันไม่ไฮเทคมาก ก็ให้ผลิตไปแถว ๆ SEA ซึ่งจริง ๆ นี่ก็คือภาวะที่เป็นอยู่นี่แหละ ประเด็นคือ มันจะมีของระดับนี้จำนวนหนึ่งที่ผลิตในจีนอยู่ รัฐบาลญี่ปุ่นอยากให้ย้ายออก
    .
    ถามว่าย้ายจากจีนไปไหน? คำตอบคือไม่ใช่ไทยแน่ ๆ ครับ
    .
    ไทยไม่ใช่ประเทศที่ต่างชาติอยากลงทุนแล้ว อันนี้ไม่ต้องมีความรู้อะไรมาก แต่ลองนึกย้อนดูว่าเราได้ยินข่าวบริษัทต่างชาติมาลงทุนตั้งโรงงานเป็นฐานการผลิต ครั้งสุดท้ายเมื่อไร? นั่นแหละครับ
    หลัง ๆ เงินลงทุนในภูมิภาคมันไปที่เวียดนามกับอินโดนีเซียหมด เพราะสองประเทศนี้ค่าแรงถูกกว่าเรา มันคุ้มที่จะไปตั้งโรงงานเพื่อจะลดต้นทุน
    .
    ดังนั้นการย้ายโรงงานออกจากจีนบางส่วน ไทยมีโอกาสได้ประโยชน์น้อยมาก และไทยมีแนวโน้มจะเสียประโยชน์มาก ๆ จากนโยบาย “ย้ายโรงงานกลับบ้าน” ของญี่ปุ่นเห็น ๆ
    .
    ถามว่าอะไรพวกนี้เป็นเรื่องใหม่ไหม? คำตอบก็อย่างที่เล่าน่ะครับ ไม่ใหม่เลย กระบวนการมันดำเนินมาพักใหญ่แล้ว COVID-19 มันแค่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดเร็วขึ้น
    .
    และสิ่งที่น่าจะกำลังจะเกิดกับเศรษฐกิจไทยนี้ เอาจริง ๆ มันสยองกว่า “คลื่นลูกที่สอง” ของ COVID-19 อีก เพราะนี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลดูจะต้องการให้เกิดช้าที่สุดมานานแล้ว แต่มันดันโดนเร่งปฏิกิริยาเพราะ COVID-19
    .
    ถามว่าจะต้องทำยังไง?
    .
    ปัญหานี้มันเกิดสั่งสมมายาวนานครับ ประเทศเรามีลักษณะเป็นประเทศ “รับจ้างผลิต” ในระบบเศรษฐกิจโลกมายาวนาน เราผลิตแต่สินค้าระดับกลางของกระบวนการเพิ่มมูลค่าสินค้า แต่เราไม่สามารถเอาความรู้ต่าง ๆ ที่แพร่กระจายอยู่มาสร้าง “แบรนด์ระดับโลก” ของตัวเองได้ นอกจากนี้นานาชาติก็ไม่ได้มาลงทุนผลิต “สินค้าไฮเทค” ในบ้านเราให้บ้านเรามีความรู้ไปต่อยอด
    .
    การแก้ปัญหาพวกนี้มันต้องเกิดจากการมีวิสัยทัศน์ มองยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชาติระยะไกลให้ออก ว่าเราสามารถจะเป็นส่วนไหนของระบบเศรษฐกิจโลกได้ และวางแผนเพื่อไปตรงนั้นให้ได้ โดยอะไรพวกนี้มันไม่ได้ใช้เวลาแค่ปีสองปีจะทำได้ มันต้องใช้เวลาเป็นสิบปี และต้องใช้ส่วนผสมกันระหว่างนโยบายการศึกษา และนโยบายการลงทุนเข้าด้วยกัน
    .
    ซึ่งบอกเลยว่าสิ่งเหล่านี้ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่ไปไหนทั้งนั้น เศรษฐกิจบ้านเราที่ทุกวันนี้ยังพอลืมตาอ้าปากได้ในโลกมันเกิดจากการ “พึ่งใบบุญเก่า” ทั้งนั้น และถ้า “บุญหมด” เมื่อไร ก็เตรียมสนุกกันได้เลยครับ
    .
    ถ้าถามอีกว่า มันไม่มีใครที่พยายามจะเปลี่ยนประเทศนี้ไปในทางที่ว่าเลยเหรอ?
    .
    คำตอบคือ "มีครับ"
    .
    คนนึงโดนรัฐประหาร ยุบพรรค ทุกวันนี้กลับเมืองไทยไม่ได้ อีกคนก็โดนยุบพรรค และตัดสิทธิ์เล่นการเมืองไปยาว ๆ
    .
    ซึ่งก็ไม่ได้จะบอกว่า สองคนที่ว่านี้ดีพร้อม และไร้ที่ตินะครับ
    .
    ประเด็นก็คือ ที่ผ่านมา คนที่พยายามจะ “เปลี่ยนประเทศ” จริง ๆ
    .
    ผลก็คือ “จบไม่สวย” สักคน…
    .
    อ้างอิง: https://bloom.bg/2AvZBkK
    https://bloom.bg/2TgBTQ1
    https://bit.ly/3699lNz
    https://bit.ly/2LAQEc6
    https://bit.ly/2AExLD5
    .
    #USA #Japan #News #BrandThink
    #ส่งต่อความคิดสู้Covid19
    #แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
    #sharingIsEmpowering
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    NEWS: นาซาปล่อยภาพถ่ายดาวพฤหัสบดีในระยะประชิด
    จากภารกิจสำรวจดวงดาวของยานจูโน
    .
    นับว่าเรียกเสียงฮือชาว Space Geek และคนทั่วไปได้อีกครั้ง เมื่อองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ 'นาซา' (NASA) ปล่อยภาพถ่ายดาวพฤหัสบดี 2 รูป ที่ถ่ายโดย ยานอวกาศจูโน (Juno) ที่โคจรรอบดาวพฤหัสดีตั้งแต่ปี 2016
    .
    ภาพแรก ถ่ายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ขณะที่ยานจูโนบินอยู่เหนือระดับเมฆของดาวพฤหัสบดี 25,120 กิโลเมตร
    .
    ภาพดังกล่าว เผยให้เห็นถึงบรรยากาศ และรายละเอียดหมอกควันของดาวพฤหัสบดี ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็น ‘ปริศนา’ และนักวิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุหรือองค์ประกอบมันได้
    .
    ภาพที่สอง ถ่ายเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ยานจูโนบินอยู่เหนือระดับเมฆของดาวพฤหัสบดี 8,650 กิโลเมตร
    .
    ภาพนี้เผยให้เห็นกลุ่มเมฆขนาดเล็กที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า ‘ป๊อป-อัพ’ ซึ่งเป็นส่วนที่ยื่นมาจากขอบการหมุนวนของชั้นบรรยากาศนั่นเอง
    .
    ยานจูโนจะปฏิบัติภารกิจศึกษาดาวพฤหัสบดีถึงช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2021 เป็นอย่างน้อย โดยจะวนผ่านกลุ่มเมฆแบบใกล้ชิดทุก ๆ 53 วัน
    .
    ดาวพฤหัสบดีนับเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ลำดับที่ 5 ถึงแม้ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ดวงมหึมา แต่ความหนาแน่นของดาวดวงนี้กลับต่ำมาก (ต่ำกว่าโลก) และแทบไม่มีพื้นแข็งให้เหยียบได้ เนื่องจากตัวมันเองเป็นดาวเคราะห์แก๊ส ดาวทั้งดวงมีส่วนประกอบเป็นแก๊สเกือบทั้งหมด
    .
    นอกจากภาพถ่ายดาวพฤหัสบดีทั้งสองภาพดังกล่าว ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Andrew McCarthy นักดาราศาสตร์จากแคลิฟอร์เนียได้เปิดเผยภาพดวงจันทร์ที่ “ชัดเจน” ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยเห็นมาจากการถ่ายภาพดวงจันทร์หลายพันภาพ และนำจุดที่แสงตกกระทบและชัดเจนที่สุดในแต่ละองศามารวมเข้าด้วยกัน เพื่อแสดงให้เห็นหลุมอุกกาบาตและพื้นผิวอย่างชัดเจนที่สุด
    .
    ในอนาคต มนุษยชาติน่าจะมีโอกาสได้เห็นภาพและทำความรู้จักดวงดาวเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และวันหนึ่ง การย้ายถิ่นฐานสู่ดาวดวงอื่น เหมือนที่ Elon Musk คิด อาจจะเกิดขึ้นจริงกับมวลมนุษย์ก็เป็นได้

    อ้างอิง: สมาคมดาราศาสตร์ไทย. รู้จักดาวพฤหัสบดี เรียกน้ำย่อยก่อนถึงยุคจูโน. https://bit.ly/2zMszfU
    Space. Get lost in Jupiter's haze thanks to new pictures from NASA spacecraft. https://bit.ly/3fYvXVv
    .
    #Jupiter #NASA #BrandThink
    #แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
    #sharingIsEmpowering
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    News: ฟินแลนด์ทดลองแจกเงินให้ประชาชนที่ตกงาน 2 ปี ผลคือคนมีความสุขขึ้น แต่ไม่ยอมหางานทำ
    .
    อ่านพาดหัวอาจจะงง ๆ นะครับ ว่าฟินแลนด์เล่นอะไรกัน ไปแจกเงินให้คนตกงาน
    .
    แต่จริง ๆ นี่เป็นเรื่องที่ใหญ่ และมีนัยยะมาก เพราะนี่คือการทดลองแจก Basic Income อย่างเป็นล่ำเป็นสันครั้งแรกของโลก
    .
    ...ว่าแต่ Basic Income คืออะไร?
    .
    Basic Income คือไอเดียเดียวกับ Unconditional Basic Income (มักจะถูกเรียกย่อว่า UBI) ซึ่งมันคือแนวคิดที่ว่า ถ้ารัฐมีการการันตีรายได้พื้นฐานของประชาชนทั้งหมด มันจะส่งผลบวก คนจะเลือกพัฒนาตัวเองไปตามงานที่ตัวเองถนัด ไม่ต้องทำงานระดับล่างวนไปมาเพื่อประทังชีวิตไปวัน ๆ
    .
    ซึ่งผลก็คือ คนจะมีความสุขกับงานที่ตนเลือกเอง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลงานออกมาดี และแน่นอนว่ามีความสุขขึ้น
    .
    แต่การทดลองที่ฟินแลนด์ ดูจะไม่ได้ชี้ไปแบบนั้น
    .
    ในปี 2017 นักวิจัยที่ฟินแลนด์กลุ่มหนึ่งอยากรู้ว่า Basic Income จะส่งผลต่อสังคมจริง ๆ อย่างไร เลยยื่นของบไปยังรัฐบาล และรัฐบาลก็อนุมัติ ให้มีการแจกเงิน “คนตกงาน” แบบสุ่ม ประมาณเดือนละ 20,000 บาท (วัดด้วยค่าครองชีพฟินแลนด์ นี่ไม่ใช่เงินเยอะเลย เป็นเงินแบบ “พอประทังชีวิต” จริงๆ) เป็นเวลาสองปี
    .
    กระทั่ง 2 ปีผ่านไป การวิจัยสิ้นสุด และนักวิจัยก็เพิ่งสรุปเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2020
    .
    สำหรับผลวิจัย ถ้าจะให้อธิบายสั้นสุดก็คือ คนตกงานที่ได้รับ Basic Income ไม่ได้มีแนวโน้มจะหางานทำมากไปกว่าคนตกงานอื่น ๆ เลย แต่พวกเขา “มีความสุข” กับชีวิตมากขึ้น
    .
    นี่เป็นเหตุผลที่หลาย ๆ ฝ่ายบอกว่า Basic Income เป็นแนวคิดที่ล้มเหลว มันไม่ได้เพิ่มโอกาสให้คนหางานที่ดีกว่างานประทังชีวิต แบบที่ฝ่ายสนับสนุนอ้างกัน
    .
    ...แต่ปัญหามันซับซ้อนกว่านั้น
    .
    ด้วยเงื่อนไขการวิจัย รัฐบาลไม่ได้อนุมัติงบเพียงพอ ดังนั้นตอนแรกจากที่แพลนจะให้เงินราว ๆ เดือนละ 33,000 บาทต่อคน ต้องลดมาเหลือ 20,000 บาท ซึ่งในมาตรฐานฟินแลนด์ ก็น่าจะเรียกได้ว่า “แทบไม่พอกิน”
    .
    เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยเงื่อนไขการแจกเงิน ทำให้ทางรัฐบาล “ตัดสวัสดิการผู้ว่างงาน” ของคนที่ได้รับเงินด้วย
    .
    ซึ่งผลรวม ๆ ก็คือ คนที่ได้เงินไปฟรี ๆ แทบจะได้เงินไม่ต่างไปจากมูลค่าสวัสดิการที่เสียไปเลย
    .
    พูดง่าย ๆ ด้วยโครงสร้างแล้ว การทดลองนี้ดูจะเป็นการทดลอง “แจกเงิน” แทนการ “ให้สวัสดิการ”
    ซึ่งผิดหลัก Universal Basic Income ที่เงินที่ได้ต้องเป็นเงินที่ได้เพิ่มจากสวัสดิการสังคม ไม่ใช่เงินที่จะได้ในเงื่อนไขที่จะตัดสวัสดิการสังคมออก
    .
    ดังนั้นในแง่นี้ เราอาจบอกว่า นี่ไม่ใช่การทดลอง Universal Basic Income ที่ถูกต้อง ดังนั้นมันไม่มีทางเอามาแย้งแนวคิด Universal Basic Income ได้เลย เพราะมันไม่ได้ทำให้ “รายได้” ของคนมากขึ้นจริง
    .
    ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจของการทดลองก็คือ คนที่ได้รับการแจกเงินโดยตรง “แทนที่” สวัสดิการที่เคยได้ ล้วนมี “ความสุข” มากขึ้น ซึ่งน่าจะอธิบายได้ว่า การมีอิสรภาพทางการเงิน ในการเอาเงินไปใช้ทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องรับสวัสดิการเฉพาะในรูปแบบที่รัฐกำหนดมา มีผลสัมพันธ์กับความสุขที่เพิ่มขึ้น
    .
    สุดท้าย ถ้าเราอยากรู้ผลของ Universal Basic Income จริง ๆ ก็คงต้องทดลองสักตั้งในประเทศที่มีสวัสดิการดีๆ หน่อย โดยให้เงินคนเพิ่มไป แต่อย่าไปตัดสวัสดิการ เราถึงจะรู้ได้จริง ๆ ว่า Universal Basic Income มัน “เวิร์ค” หรือไม่?
    .
    ...คราวนี้ ถ้าตัดกลับมาประเทศไทย อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่อง Universal Basic Income เลยครับ เพราะถ้าไม่นับเรื่องสวัสดิการสาธารณสุขระดับดีเด่นในสายตานานาชาติอย่าง 30 บาทรักษาทุกโรค สวัสดิการด้านอื่น ๆ เรายังด้อยทั้งนั้น
    .
    ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่หลายประเทศมีระบบ “บำนาญสังคม” ที่เป็น “เงินเดือน” ให้ผู้สูงอายุทุกคนระดับพอใช้ชีวิตอยู่ได้
    .
    บ้านเราก็มีสิ่งนี้เรียกว่า “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” แต่บ้านเราให้เพียง 600-1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น (อายุ 60 ปี จะได้เดือนละ 600 บาท และปรับเพิ่มตามอายุ) ซึ่งนี่ไม่ใช่เงินที่พอ “ค่าข้าว” ในเดือน ๆ หนึ่ง แม้แต่คนที่อยู่ในพื้นที่ที่ค่าครองชีพต่ำด้วยซ้ำ
    .
    ดังนั้นอย่าเพิ่งข้ามไปเรียกร้อง Universal Basic Income เลยครับ
    .
    สิ่งแรก ๆ ที่เราควรจะเรียกร้องก็คือให้ “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” นั้นเพียงพอจะ “ยังชีพ” จริง ๆ ก่อน ซึ่งนี่ไม่ใช่ปัญหาแค่เฉพาะของผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะถ้าผู้สูงอายุไม่สามารถทำงานได้และไม่มีกิน
    .
    คนที่จะเดือดร้อนจริง ๆ คือลูกหลานที่ต้องรับภาระตรงนี้
    .
    อ้างอิง: Kangas, Olli. Suomen perustulokokeilun arviointi. https://julkaisut.valtioneuvosto.fi/handle/10024/162219
    Mike Mcrae. Latest Report on Finland's Universal Basic Income Trial Says It Makes People Happier. https://bit.ly/3dOQryl
    Jon Henley. Finnish basic income pilot improved wellbeing, study finds. https://bit.ly/3btyAv7
    Kapook. เช็กปฏิทินเบี้ยผู้สูงอายุ-เบี้ยผู้พิการ ปี 2563 เงินเข้าวันไหนบ้าง?. https://money.kapook.com/view220287.html
    .
    #Finland #Covid19 #BrandThink
    #ส่งต่อความคิดสู้COVID19
    #แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
    #sharingIsEmpowering
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โควิด19 ไปถึงชนเผ่าในป่าอเมซอนแล้ว
    .
    ล่าสุดมีการค้นพบชนเผ่าในป่าอเมซอน ชนเผ่า Waorani ในเอกวาดอร์ ซึ่งทางการได้ตรวจพบว่ามีผู้ป่วยโควิด 19 ขณะนี้ทางการ เอกวาดอร์ได้ทำการตรวจสมาชิกในเผ่าคนอื่นเพิ่มเติมและนำตัวผู้ป่วยไปรักษาอย่างโรงพยาบาล
    การตรวจพบผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นชนเผ่าในป่าอเมซอนทำให้แทบจะไม่มีพื้นที่ใดในโลกหรือเผ่าพันธุ์ใดปลอดภัยจากโรคนี้อีกแล้ว

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผ่านไปด้วยดี ไม่มีเหตุดราม่าใด สำหรับสมัชชาอนามัยโลก (World Health Assembly) ประชุมทางไกลครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อหารือวิกฤติโควิด-19 ระดับนานาชาติ โดยงานนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศสนับสนุนการไต่สวนทั่วโลกแต่ต้องเป็นหลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อประจำวันนี้อยู่ 4.8 ล้านคน และเสียชีวิต 318,775 คน

    เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน รายงานการประชุมว่า บรรดาผู้นำชาติสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงรัฐมนตรีสาธารณสุข และผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่เกี่ยวข้อง นัดประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกลเป็นครั้งแรก โดยร่นเวลาจากปกติ 3 สัปดาห์เหลือเพียง 2 วัน (18 - 19 พ.ค.) โดยเริ่มวันจันทร์เวลาเที่ยงในเจนีวาหรือ 17.00 น.ของไทย ที่คาดกันว่า แม้จะมีความตึงเครียดในหมู่ชาติสมาชิก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ที่ประชุมน่าจะให้ความเห็นชอบข้อมติที่เรียกร้องให้ทั่วโลกตอบสนองต่อโรคระบาดครั้งนี้ร่วมกัน

    ร่างข้อมติที่เสนอโดยสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้มีการประเมินที่เป็นกลาง, อิสระและครอบคลุมของการตอบสนองระหว่างประเทศต่อวิกฤติโควิดครั้งนี้ และยังเรียกร้องให้มีการเข้าถึงการวินิจฉัยที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ, ยารักษาและวัคซีน อย่างเท่าเทียมและทันการณ์

    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ใช้โอกาสนี้กล่าวสุนทรพจน์ทางไกลต่อที่ประชุมผ่านระบบวิดีโอว่า จีนสนับสนุน "การประเมินอย่างครอบคลุม" เกี่ยวกับตอบสนองทั่วโลกต่อโรคระบาดนี้ พร้อมกับย้ำว่าจีนมีทัศนคติที่เปิดกว้าง, โปร่งใส และรับผิดชอบ และได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาในเวลาอันควรแล้ว

    ผู้นำจีนยังย้ำด้วยว่า ภายหลังการค้นคว้าและพัฒนาวัคซีนของจีนเสร็จสมบูรณ์ จีนจะนำวัคซีนนี้ออกใช้เพื่อผลประโยชน์ของสาธารณชนทั่วโลก และจีนจะมอบทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผลกระทบจากโควิด-19 ทั่วโลกในเวลา 2 ปี

    ที่ประชุมลงมติในวาระประจำปีทั่วไป ที่น่าสนใจคือจะมีวาระประชุมลงมติพิเศษ 2 เรื่อง ที่น่าจะเป็นข้อขัดแย้งกันโดยตรงกับจีน ได้แก่ 1. การเรียกร้องให้ไต้หวันเข้าร่วมการประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ และ 2. ร่างมติฯ ของประเทศออสเตรเลียซึ่งเรียกร้องให้มีกระบวนการสอบสวนต้นกำเนิดของไวรัส ที่มีประเทศอย่างน้อย 116 ประเทศร่วมสนับสนุน อาทิ แอลเบเนีย, ออสเตรเลีย,บังคลาเทศ, เบลารุส, ภูฏาน, บราซิล, แคนาดา, ชิลี, จิบูตี, จีน, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, เอลซัลวาดอร์, กัวเตมาลา, กายอานา, ไอซ์แลนด์, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, จอร์แดน, คาซัคสถาน , มาเลเซีย, มัลดีฟส์, เม็กซิโก, โมนาโก, มอนเตเนโกร, นิวซีแลนด์, มาซิโดเนียเหนือ, นอร์เวย์, ปารากวัย, เปรู, กาตาร์, สาธารณรัฐเกาหลี, สาธารณรัฐมอลโดวา, รัสเซีย, ซานมารีโน, ซาอุดีอาระเบีย, ศรีลังกา, ประเทศไทย, กลุ่มแอฟริกาและประเทศสมาชิก สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิก ตูนิเซีย, ตุรกี, ยูเครนและสหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์เหนือ

    โดยข้อเรียกร้องให้สอบสวนต้นกำเนิดไวรัส มี 4 ประการ ได้แก่ 1. ต้องการให้การสอบสวนเปิดกว้างและโปร่งใส 2. ต้องมีอิสระ ปราศจากอิทธิพลทางการเมืองและสามารถให้คำแนะนำเพื่อช่วยเสริมสร้างการปกป้องจากการระบาดใหญ่ในอนาคต 3. ต้องการการเตรียมการเพื่อเร่งตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ขององค์การอนามัยโลก 4. ต้องการรับรองว่าองค์การอนามัยโลกจะ “ไม่เอนเอียงในทางใดทางหนึ่ง” หลังการจัดการขององค์กรถูกมองว่าดำเนินไปอย่างไม่น่าเชื่อและห่วงความเปราะบางทางการเมืองของปักกิ่ง

    สำหรับมติในที่ประชุมอย่างเป็นทางการ ทั้งเรื่องการสอบสวนต้นกำเนิดของไวรัส และจะมีการรับไตหวันเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์หรือไม่ จะได้ข้อสรุปในช่วงดึกวันนี้ (19 พฤษภาคม) ตามเวล่าในประเทศไทย
    https://www.theguardian.com/world/2...-the-coronavirus-inquiry-china-taiwan-origins
    https://apps.who.int/gb/ebwha/pdf_files/WHA73/A73_CONF1Rev1-en.pdf

    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้เพจเฟซบุ๊ก “สื่อศาล” ได้มีการโพสต์บทความขั้นตอนกฎหมายเกี่ยวกับประเด็น เรื่องการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ในกรณีของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณา การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไทย และสหรัฐอเมริกา โดย ดร.กนก จุลมนต์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา และรองเลขาธิการสำนักอบรบศึกษากฎหมายเนติบัณฑิตสภา มีเนื้อหาบทความดังนี้
    ...

    1. คำถาม: ทำไมการยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทลูกหนี้ในประเทศไทยจึงอาจไม่เพียงพอต่อการระงับการบังคับชำระหนี้จากเจ้าหนี้?
    .
    คำตอบ: เนื่องจากภายหลังจากที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการไว้พิจารณาตามมาตรา 90/9 จะเกิดสภาวะพักการชำระหนี้ หรือสภาวะหยุดนิ่ง (automatic stay หรือ moratorium) ซึ่งมีขอบเขต และรายละเอียดตามมาตรา 90/12
    .
    ซึ่งมีเนื้อหาหลักๆ คือ ห้ามเจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่ง ห้ามมิให้เจ้าหนี้เสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ห้ามเจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลาย ในกรณีที่มีการฟ้องคดีหรือเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดไว้ก่อนแล้ว ให้งดการพิจารณาไว้ ห้ามมิให้เจ้าหนี้มีประกันบังคับชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเว้นแต่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย เป็นต้น
    .
    สภาวะพักการชำระหนี้ดังกล่าว มีผลเฉพาะทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ในประเทศไทยเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 177 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามหลักดินแดน (territorialism) ดังนั้น เจ้าหนี้จะเป็นเจ้าหนี้ไทย หรือเจ้าหนี้ต่างประเทศยังสามารถดำเนินการฟ้องร้องและหรือบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ไทยที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศได้ เพราะผลตามกฎหมายไทยไม่ได้มีผลคุ้มครองไปถึงทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ
    ..

    2. คำถาม: บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยไปยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการในประเทศสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่?
    .
    คำตอบ: เงื่อนไขในการยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการในสหรัฐอเมริกา ไม่ได้คำนึงถึงสัญชาติของลูกหนี้ คงพิจารณาจากจุดเกาะเกี่ยวหรือจุดเกี่ยวพันกับประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ลูกหนี้พักอาศัยหรือมีภูมิลำเนา หรือมีสถานประกอบธุรกิจ หรือมีทรัพย์สินอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่
    .
    ตามกฎหมายล้มละลายของสหรัฐอเมริกา (US Bankruptcy Code) มาตรา 109 ซึ่งประเด็นจุดเกาะเกี่ยวเรื่องทรัพย์สิน ในคดีที่ผ่านๆ มา ศาลสหรัฐอเมริกาแปลความอย่างกว้างว่า แค่มีเงินในบัญชีเงินฝากที่สหรัฐอเมริกาก็ถือว่า มีทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาแล้ว เพราะฉะนั้น หากบริษัทลูกหนี้มีทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาแล้ว ก็ยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการได้
    .
    แต่หากไม่มี ก็สามารถเปิดบัญชีเงินฝากและฝากเงิน ก็ถือว่ามีจุดเกาะเกี่ยวเรื่องทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกา และสามารถยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการในสหรัฐอเมริกาได้
    ...

    3. คำถาม: การยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการในประเทศสหรัฐอเมริกาสำคัญอย่างไร?
    .
    คำตอบ: การยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการในสหรัฐอเมริกาก็จะเกิดสภาวะพักการชำระหนี้แก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก การที่จะก่อให้เกิดสภาวะพักการชำระหนี้แก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ในประเทศอื่นๆ นอกสหรัฐอเมริกา ต้องใช้กระบวนพิจารณาในส่วนที่เรียกว่า การล้มละลายหรือการฟื้นฟูกิจการข้ามชาติ ในหมวด 15 (Chapter 15)
    .
    ซึ่งกระบวนการเริ่มจากผู้จัดการทรัพย์สิน หรือตัวแทนของคดีฟื้นฟูกิจการที่สหรัฐอเมริกาไปยื่นคำร้องขอให้ประเทศต่างๆ ที่บริษัทลูกหนี้มีทรัพย์สินตั้งอยู่รับรองว่ามีกระบวนการฟื้นฟูกิจการเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ขอให้เกิดสภาวะพักการชำระหนี้ในประเทศนั้นๆ
    .
    ด้วยเหตุที่ผู้จัดการทรัพย์สินของสหรัฐอเมริกาสามารถกระทำดังกล่าวได้เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกามีการอนุวัติกฎหมายแม่แบบว่าด้วยการล้มละลายข้ามชาติของคณะกรรมาธิการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (UNCITRAL) เป็นกฎหมายภายในประเทศ
    .
    อย่างไรก็ตาม ศาลของประเทศผู้ถูกร้องขอจะรับรองกระบวนการฟื้นฟูกิจการในสหรัฐอเมริกา และก่อให้เกิดสภาวะพักการชำระหนี้ตามที่ผู้แทนจากสหรัฐอเมริการ้องขอหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับกฎหมายล้มละลายภายในประเทศนั้นๆ ด้วย
    .
    แท้จริงแล้ว หากหวังผลเฉพาะในส่วนบทบัญญัติเรื่องการล้มละลาย หรือการฟื้นฟูกิจการข้ามชาติ ไม่จำเป็นเสมอไปว่าต้องไปยื่นที่สหรัฐอเมริกาเนื่องจากมีประเทศหรือรัฐกว่า 40 ประเทศ ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายล้มละลายของตนเองให้มีในส่วนของการล้มละลาย หรือฟื้นฟูกิจการข้ามชาติด้วย เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี เป็นต้น
    .
    อนึ่ง ในส่วนของประเทศไทยยังไม่มีการอนุวัติกฎหมายล้มละลายข้ามชาติเข้าเป็นกฎหมายภายใน แม้คณะรัฐมนตรีจะรับหลักการในเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2559 แล้วก็ตาม

    .....................

    4. สรุปกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตามหมวด 11 แห่งกฎหมายล้มละลายของสหรัฐอเมริกา (Chapter 11 Reorganization of the US Bankruptcy Code)
    ...

    4.1 การเริ่มกระบวนพิจารณา: โดยการยื่นคำร้องขอโดยลูกหนี้หรือเจ้าหนี้เป็นผู้ยื่นคำร้องขอก็ได้ คดีส่วนใหญ่ลูกหนี้เป็นผู้ยื่นคำร้องขอ
    ...

    4.2 หากลูกหนี้เป็นผู้ยื่นคำร้องขอจะเป็นไปตามเงื่อนไขในมาตรา 301 ซึ่งไม่มีหลักเกณฑ์ว่าลูกหนี้ต้องมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่สามารถที่จะชำระหนี้ตามกำหนดได้ ขอเพียงแค่ลูกหนี้มีหนี้ และไม่มีหลักเกณฑ์เรื่องจำนวนหนี้ขั้นต่ำ หมายความว่ามีหนี้เป็นจำนวนเท่าใดก็ได้
    .
    อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ลูกหนี้ที่ยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการมักมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดไม่พอชำระหนี้หรือมีทรัพย์สินไม่พอกับหนี้สิน เพราะเงื่อนไขข้อหนึ่งในการที่ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนหรือไม่คือ การที่ผู้ร้องขอต้องยื่นคำร้องขอโดยสุจริตตามมาตรา 1129 (3)
    ...

    4.3 คดีเริ่มต้นเมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอ ผลประการหนึ่งคือ จะเกิด an order for relief (ถ้าแปลตรงตัวจะแปลว่า คำสั่งที่ช่วยบรรเทาลูกหนี้จากภาระหนี้ที่มีทั้งหมด หากแปลเทียบเคียงกับกฎหมายไทยคือ คำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ) ผลอีกประการหนึ่งคือ เกิดสภาวะพักการชำระหนี้ตามมาตรา 362 ซึ่งมีเนื้อหาเทียบเคียงได้กับมาตรา 90/12 ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ
    ...

    4.4. การยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการ ผู้ร้องขอจะยื่นแผนฟื้นฟูกิจการมาพร้อมคำร้องขอก็ได้ ตามมาตรา 1121(a) ซึ่งกรณีนี้จะช่วยให้กระบวนการเร็วขึ้น หรือผู้ร้องขอจะค่อยมาจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการภายหลังคดีเริ่มต้นแล้วก็ได้ โดยกฎหมายให้โอกาสลูกหนี้เป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูก่อนในช่วง 120 วันแรกนับจากวันเริ่มต้นคดี ตามมาตรา 1121 (b) ภายหลังจากนั้น หากลูกหนี้ยังไม่ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการ ผู้มีส่วนได้เสียคนอื่นๆ โดยส่วนใหญ่คือ เจ้าหนี้ มีสิทธิที่จะยื่นแผนฟื้นฟูกิจการให้ที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณาได้
    ...

    4.5 หลักเกณฑ์ที่ศาลใช้พิจารณาว่าจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนหรือไม่ เป็นไปตามมาตรา 1129 เงื่อนไขสำคัญ ได้แก่ เจ้าหนี้แต่ละกลุ่มยอมรับแผนตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดตามมาตรา 1126 เจ้าหนี้แต่ละรายได้รับชำระหนี้ไม่น้อยกว่าสัดส่วนที่จะได้รับชำระหนี้หากลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย การยื่นคำร้องขอเป็นไปโดยสุจริต ภายหลังศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้วลูกหนี้มีแนวโน้มที่จะไม่ล้มละลายหรือไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการอีกเว้นแต่เป็นกรณีที่ระบุไว้ในแผน เป็นต้น
    .
    ข้อสังเกตเกี่ยวกับระยะเวลาดำเนินการตามแผนตามมาตรา 1123 คือ กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ว่าเป็นระยะเวลาเท่าใด แล้วแต่ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ตกลงกัน แต่ตามกฎหมายไทยตามมาตรา 90/42 (9) กำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผนไว้ไม่เกิน 5 ปี ระยะเวลาดำเนินการตามแผนขยายได้อีกไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ปี ตามมาตรา 90/63 วรรคสอง
    .
    อนึ่ง ระยะเวลาชำระหนี้จริงอาจยาวกว่าระยะเวลาดำเนินการตามแผนได้ ระยะเวลาดำเนินการตามแผนคือ ระยะเวลาที่บริษัทลูกหนี้ต้องบริหารกิจการภายใต้การกำกับของศาลล้มละลายกลาง และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สังกัดสำนักฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
    ...

    4.6 เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนตามมาตรา 1129 ถือเป็นวันที่คดีฟื้นฟูกิจการสิ้นสุดไปจากศาลเลย เพราะลูกหนี้จะหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนตามมาตรา 1141 (d)(1)(A) โดยบริษัทลูกหนี้ และเจ้าหนี้ต้องผูกมัดตามแผน และลูกหนี้มีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่ระบุไว้ในแผนนอกศาล
    .
    ตรงนี้เป็นจุดที่เป็นประโยชน์อีกจุดหนึ่งของการยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเนื่องจากระยะเวลาภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการจะสั้นกว่าของไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากตามกฎหมายไทย เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว บริษัทลูกหนี้ยังต้องดำเนินการตามแผนภายในระยะเวลาดำเนินการตามแผนซึ่งไม่เกิน 5 ปี เว้นแต่มีการขยาย ให้แล้วเสร็จหรือไม่แล้วเสร็จ เมื่อศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 90/75 จึงทำให้คดีฟื้นฟูกิจการสิ้นสุดลง

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.facebook.com/pr.coj/

    https://www.thaipost.net/main/detail/66348
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #EndGaem รับรองว่าไม่มีใครได้เงินคืน ตามประกาศนี้อย่างแน่นอน ส่วนคนที่ฟ้องร้องแล้วเป็นคดีความ คงต้องรอศาลตัดสินจนคดีสิ้นสุด ข้อหาช่อโกงประชาชน แล้วเอาทรัพย์สินที่ยึดมาได้ ขายทอดตลาด เงินที่ได้มาค่อยเอามาเฉลี่ยแบ่งให้กับผู้เสียหา ตามลำดับต่อไป คงอีกหลายปี...เอวัง
    ——————
    เคยเตือนกันมานานแล้วว่า #Forex3D เนี้ยไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีใบอนุญาตมีแต่การร้องเรียนแย่ๆเข้ามา แม้กระทั่งเปิดกองทุน EA ใหม่ก็ปลอมไม่มีทางได้กำไรหรือถอนเงินได้ แต่ยังไม่วายมีนักลงทุนหรืออาจจะเป็นแม่ทีมต่างๆมาด่าทางเพจค่อนข้างบ่อย ขู่ฟ้องบ้างไรบ้าง ในที่สุดเป็นยังไง ปลิวไปแล้วเรียบร้อย...#OfTheEnd
    .
    #อันนี้โครงการที่Forex3dทำออกมาหลอกนักลงทุนครั้งล่าสุด
    https://www.wikifx.com/th_th/newsdetail/202003317904541657.html

    #ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจากเพจWiKiFx

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "มนูชิน"แจงคองเกรส ยันรัฐบาลใช้จ่ายงบรักษาการจ้างงานจากพิษโควิด

    นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้เข้าให้การต่อสภาคองเกรสในวันนี้ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการของเฟดและของรัฐบาลในการรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    การประชุมดังกล่าว ซึ่งเป็นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการการธนาคาร การเคหะ และชุมชนเมือง ประจำวุฒิสภาสหรัฐ

    ทั้งนี้ นายมนูชินกล่าวยอมรับว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถือเป็นสิ่งท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อชาวอเมริกัน ซึ่งได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อครอบครัว และชุมชนทั่วประเทศ

    นายมนูชินกล่าวปกป้องการใช้จ่ายเงินตามกฎหมาย Coronavirus Aid, Relief and Economic Security (CARES) วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    นอกจากนี้ นายมนูชินกล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานธุรกิจขนาดย่อม (SBA) เกี่ยวกับโครงการ Paycheck Protection Program (PPP) เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการปล่อยเงินกู้วงเงิน 5.30 แสนล้านดอลลาร์แก่ภาคธุรกิจ จะช่วยรักษาการจ้างงานสำหรับชาวสหรัฐจำนวนหลายสิบล้านคน

    นายมนูชินยังระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐได้จ่ายเงินมากกว่า 2.40 แสนล้านดอลลาร์ตามโครงการ Economic Impact Payments ให้กับชาวอเมริกันหลายล้านคน ขณะที่จ่าย 1.50 แสนล้านดอลลาร์จากกองทุน Coronavirus Relief Fund ให้แก่รัฐบาลประจำรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อให้สามารถดำเนินงานที่จำเป็นต่อไป

    นายมนูชินเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังได้อนุมัติงบเกือบ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อรักษาการจ้างงานในอุตสาหกรรมการบินของสหรัฐ

    Ryt9

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [ สี จิ้นผิง นี่ร้ายไม่เบา การประชุมครั้งนี้ ที่รับทราบมา มีการยื่นให้สอบสวนสาเหตุของการระบาดของโรค แต่ สี จิ้นผิง กลับมาปรากฏตัวถึงจะผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ก็มาทำให้ประเด็นการสอบสวนลดความกดดันลงไปมาก ทำให้ผมยิ่งเชื่อมากยิ่งขึ้นว่า จีนต้องปกปิดความผิดอะไรเอาไว้แน่นอน สำหรับการของไวรัสในครั้งนี้]
    .

    นี่คือ การประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งแรก ที่ผู้นำสูงสุดของจีนเข้าร่วมประชุม
    .
    1/ การประชุมสมัชชาอนามัยโลกขององค์การอนามัยโลก มีขึ้น 2 วันคือ วันจันทร์ที่ 18 และอังคารที่ 19 พฤษภาคม ผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
    .
    2/ วาระสำคัญของการประชุมคือ ร่างมติฯของออสเตรเลียที่เรียกร้องให้มีกระบวนการสอบสวนต้นกำเนิดของไวรัส โดยมีประเทศต่างๆอย่างน้อย 116 ประเทศสนับสนุนข้อเรียกร้องนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม: จับตา! ประชุมองค์การอนามัยโลก 116 ประเทศเรียกร้องสอบสวนต้นกำเนิดไวรัส แบบไร้อิทธิพลทางการเมือง ไม่เอนเอียงทางใดทางหนึ่ง
    .
    3/ นี่เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีจีนเข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลก แม้จะเป็นการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แต่การเข้าร่วมประชุมของสี จิ้นผิงครั้งนี้ เป็นผู้แทนจากจีนที่เป็นบุคคลระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
    .
    4/ สี จิ้นผิง กล่าวในที่ประชุม "จีนรับมือกับการระบาดของไวรัสโควิดอย่างเปิดเผย โปร่งใส และรับผิดชอบมาโดยตลอด จีนได้ทำทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถ เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือประเทศที่ต้องการ"
    .
    5/ จีนส่งข้อมูลของโรคให้กับองค์การอนามัยโลกทราบเสมอมา ไม่เคยปิดบัง จีนแบ่งปันประสบการณ์การป้องกันโรคและการช่วยเหลือผู้ป่วยต่อนานาประเทศ และยังได้มอบความช่วยเหลือให้กับประเทศต่างๆเท่าที่จะทำได้
    .
    6/ จีนยินดีที่ให้องค์การอนามัยโลกเป็นแกนนำในการตรวจสอบ ซึ่งงานนี้ควรอยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และความเป็นมืออาชีพ ดำเนินการในลักษณะที่เป็นกลางและเป็นธรรม
    .
    7/ และเมื่อจีนวิจัยวัคซีนโควิดสำเร็จ จีนจะแบ่งปันให้กับทั่วโลก และจะร่วมกับสหประชาชาติสร้างทางด่วนเพื่อแบ่งปันความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม
    .
    8/ สี จิ้นผิงระบุ ขณะนี้โรคโควิดยังไม่หมดสิ้นไป ไม่มีสิ่งใดในโลกมีค่ายิ่งไปกว่าชีวิตของผู้คน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการทุ่มเทควบคุมโรค และส่งเสริมการนำขององค์การอนามัยโลก เพื่อระดมทรัพยากรมารับมือกับไวรัสโควิด
    .
    9/ สี จิ้นผิงย้ำ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ การสนับสนุนองค์การอนามัยโลกคือ การต่อสู้เพื่อรักษาชีวิต ซึ่งต้องมาจากความร่วมมือระหว่างประเทศในการทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    .

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้บริหาร #หัวเว่ย ยอมรับ ภารกิจหลักของบริษัทนาทีนี้คือต้องรอดวิกฤติไปให้ได้ ❗️โอดสหรัฐฯจ้องทำลายหัวเว่ยแต่โลกก็กำลังถูกทำร้ายด้วย ล่าสุดมีรายงานว่าซัปพลายเออร์ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกยกเลิกคำสั่งผลิตชิปจากหัวเว่ยแล้ว

    https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9630000051980

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝุ่น PM 2.5 ในจีน สูงขึ้น 31%
    .
    1/ เมื่อผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 สงบลง ทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมกลับมาเคลื่อนไหว ทำให้มลพิษทางอากาศในจีนสูงขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว
    .
    2/ เรื่องนี้ยืนยันโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศแห่งจีน เปิดเผยข้อมูลล่าสุด ฝุ่น PM2.5 ในเมืองต่างๆของจีน 337 เมือง สูงขึ้นเฉลี่ย 3.1% หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
    .
    3/ เดือนเมษายนที่ผ่านมา เมืองที่มีมลพิษทางอากาศย่ำแย่ที่สุด คือเมืองเอกของมณฑลใหญ่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ได้แก่ เมืองฉังชุน ฮาร์บิน และเสิ่นหยัง
    .
    4/ ผู้ดูแลด้านมลพิษอากาศ ประจำกระทรวงสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศระบุว่า กิจกรรมอุตสาหกรรมที่กลับมาทำงานตามปกติอาจทำให้มลพิษสูงขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้อากาศแย่ลงในเดือนเมษายน เพราะการเผาฟางข้าว บวกกับพายุทราย ทำให้คุณภาพอากาศไม่ดีนัก
    .
    5/ ส่วนเมืองใหญ่ของจีน ไม่ว่าจะเป็น ปักกิ่ง เทียนจิน และเหอเป่ย ค่า PM2.5 ลดลง 1 ใน 4 แม้โรงงานจะเปิดทำการแล้วก็ตาม
    .
    6/ ภาพรวมของจีนทั้งประเทศตลอด 4 เดือนแรกของปีนี้ ค่า PM 2.5 ลดลง 12.5% โดยเฉลี่ย สาเหตุสำคัญมาจากมาตรการล็อกดาวน์ การปิดโรงงาน และการจำกัดการคมนาคม ในช่วงวิกฤตโควิด-19
    .
    7/ ศูนย์การวิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ระบุว่า มลพิษทางอากาศของจีนลดลงอย่างมากในช่วงล็อกดาวน์เดือนกุมภาพันธ์ และลดลงกว่าเดิมอีกในเดือนมีนาคม
    .
    ขอบคุณภาพจาก https://english.nna.jp/articles/11057
    .

     

แชร์หน้านี้

Loading...