ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Oran, ประเทศแอลจีเรีย. ผ่าน Météo Algérie طقس الجزائر

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200519_164642.jpg

    (May 19) ก.ล.ต.จับตา “LIBRA vs หยวนดิจิทัล” เตือนระวังตกขบวนการเงินโลก : ก.ล.ต. จับตา “LIBRA 2.0 vs หยวนดิจิทัล” ชี้หน่วยกำกับต้องระวัง “ตกขบวน” ระบบการเงินโลกยุค New Normal

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวจอมขวัญ คงสกุล, CFA CAIA ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะทีมโฆษก และฝ่ายตราสารหนี้ ได้นำเสนอบทความ เรื่อง “LIBRA 2.0 vs หยวนดิจิทัล : ใส่เกียร์เดินหน้าผลักดันเงินดิจิทัลเต็มสูบ” โดยมีรายละเอียดเนื้อหาดังต่อไปนี้

    “นับจากเดือนเมษายนแห่งวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ส่งกระทบกับทุกภาคส่วนจนถึงปัจจุบันนั้น ยังมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญของสองฟากฝั่งในโลกแห่งการเงินดิจิทัล ที่อาจเรียกได้ว่าอยู่บนหลักการต่างขั้วกัน ทว่าอาจมีจุดร่วมของเป้าประสงค์เดียวกันที่มุ่งผลักดันระบบการเงินดิจิทัล “โลก” ให้รุดหน้าไปเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิด

    ด้านหนึ่งคือความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดิจิทัล Libra โดยองค์กรเอกชนอย่าง Libra Association ที่มีสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันสำคัญ ที่แม้ดูเหมือนจะต้องปรับกระบวนท่า โดยถอยกลับไปตั้งหลักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ได้อัพเดตข้อมูลใน whitepaper ฉบับใหม่ หรือเรียกกันว่า “Libra 2.0” ซึ่งมีปรับเปลี่ยนสาระสำคัญหลายประการ อาทิ จากเดิมที่มีความพยายามมีบทบาทในการสร้างสกุลเงินและระบบเศรษฐกิจใหม่ มาเป็นการสร้างแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชำระเงินดิจิทัลที่เอื้อต่อการเชื่อมโยงกับธนาคารกลางแต่ละประเทศ

    ตัวอย่างเช่น การเปิดทางให้สามารถสร้าง Stable Coin หรือสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าอ้างอิงคงที่กับสกุลเงินจริง (fiat currency) ของแต่ละประเทศนั้น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Libra (โดยความร่วมมือกับธนาคารกลางของแต่ละประเทศ) และต้องสำรองเงิน สกุลดังกล่าวในอัตราส่วน 1:1 เสมอ (เช่น ถ้าจะสร้าง 10 ล้าน LibraUSD ก็จะต้องสำรองเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในบัญชีธนาคารของ Libra เป็นต้น) หรืออาจรองรับการเชื่อมโยงกับสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางเอง (Central Bank Digital Currency : CBDC) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถือว่าเป็นการปรับกลยุทธ์และรูปลักษณ์ใหม่ ที่มีความเป็นไปได้และมีโอกาสที่จะได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภาครัฐในนานาประเทศมากกว่าแนวทางเดิม

    ขณะเดียวกัน สกุลเงินกลางที่จะเรียกว่า Global Libra ก็จะยังคงอยู่ในระบบของ Libra โดยเปลี่ยนการค้ำประกัน จากเดิมที่ระบุให้ค้ำประกันด้วยสินทรัพย์หลากหลายรูปแบบโดยไม่มีรายละเอียดการประเมินมูลค่าและองค์ประกอบที่ชัดเจน มาเป็นค้ำประกันด้วย stable coin ทั้งหลายที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มของ Libra เอง โดยมีมูลค่าอิงตามค่าเฉลี่ยของทุกสกุลเงินที่รวมอยู่ใน “ตะกร้า” ของ Global Libra นั้น (ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับ SDR หรือ Special Drawing Rights ของ IMF) นอกจากนี้ ใน whitepaper ฉบับใหม่ยังระบุด้วยว่า Libra Association กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการขอใบอนุญาตระบบการชำระเงินจาก FINMA

    ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ รวมถึงการระบุข้อกำหนดเกี่ยวกับผู้ที่เป็นตัวแทนผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนภายใต้แพลตฟอร์มของ Libra ควรต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูและในแต่ละประเทศ และต้องผ่านการตรวจสอบและเห็นชอบจาก Libra Association ในการดำเนินกิจการบนแพลตฟอร์มของ Libra อีกด้วย มากกว่านั้น Libra Association เองก็สร้างแรงกระเพื่อมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวการแต่งตั้ง CEO คนแรกอย่างนาย Stuart A. Levey อดีตปลัดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ดูแลด้านการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน หรือข่าวใหม่สด ๆ ร้อน ๆ เกี่ยวการต้อนรับสมาชิกใหม่ล่าสุดอย่างเทมาเส็กที่มีกระทรวงการคลังสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นหลัก นับว่า “เล่นใหญ่” ไม่ใช่น้อยทีเดียว

    อีกด้านหนึ่ง ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Bank of China หรือ PBoC) ได้ออกมายืนยันข่าวความคืบหน้าในการออกสกุลเงินดิจิทัลของประเทศจีนหรือ Digital Currency Electronic Payment (DC/EP) ที่ธนาคารกลางจีนเริ่มทำการศึกษาวิจัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 นั้น ว่ายังคงอยู่ในช่วงของการทดสอบระบบการใช้งานเป็นการภายใน โดยทดสอบในสภาพแวดล้อมจำกัดใน 4 เมือง ได้แก่ เซินเจิ้น ซูโจว สงอัน และเฉิงตู ซึ่งโจทย์การทดสอบอาจแตกต่างกันในแต่ละเมือง อาทิ กรณีของซูโจวเป็นการทดสอบการจ่ายเงินช่วยเหลือการเดินทางผ่านระบบขนส่งมวลชนสำหรับเจ้าหน้าที่ทางการจีนเป็น DC/EP ขณะที่กรณีของสงอันเป็นการทดสอบเกี่ยวกับกิจการค้าปลีก เป็นต้น โดยการทดสอบ อาจกินเวลานาน 6-12 เดือน ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนยังไม่ได้มีการกำหนดเวลาที่จะเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ มีเพียงแผนที่จะทำการทดสอบภายในเพิ่มเติมอีกครั้งระหว่างการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ในปี พ.ศ. 2565

    แม้การแถลงอย่างเป็นทางการของธนาคารกลางจีนไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจนมากนัก แต่ข่าวลือต่าง ๆ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาพข่าวตัวอย่างหน้าจอและ link สำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชันซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์และสกุลเงินดิจิทัลที่ธนาคารกลางจีนจะทำการทดสอบดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า ในระดับที่ใกล้จะถึงจุดที่จะเปิดใช้งานจริง ทั้งนี้ มีรายงานข่าวระบุว่า มีอย่างน้อย 19 แบรนด์ร้านอาหารและร้านค้าปลีก ยอดนิยม อาทิ JD Supermarket, Subway และ McDonald’s เป็นต้น ที่จะเข้าร่วมการทดสอบสกุลดิจิทัลดังกล่าว รวมถึง มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า Tencent และ Ant Financial ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นยักษ์ใหญ่ในจีนก็น่าจะเข้าร่วมด้วยเช่นเดียวกัน

    เมื่อเปรียบ DC/EP กับสกุลเงินดิจิทัลที่มีเป้าหมายในระดับ Global Scale อย่าง Libra นั้น จะมีข้อแตกต่างกันหลายในประการ เช่น

    1. ระบบชำระเงินสกุลดิจิทัล (DC/EP) ของธนาคารกลางจีนนั้น ออกและควบคุมโดยรัฐบาลจีน ในขณะ Libra ออกและควบคุมโดยภาคเอกชนในรูปของ Libra Association (กลุ่มบริษัทเอกชนชั้นนำต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊กเองด้วย)

    2. DC/EP มีสภาพเป็นสกุลเงินเดียวโดยใช้เงินหยวนค้ำประกันในอัตราส่วน 1 : 1 อย่างตรงไปตรงมา ในขณะที่ Libra 2.0 มีแผนจะสร้าง Stable Coin ขึ้นหลายสกุล โดยที่แต่ละสกุลย่อย ๆ จะค้ำประกันด้วย Reserve ที่เป็นสกุลเงินนั้น ๆ เพียงสกุลเดียว อาทิ LibraUSD, LibraEUR, LibraGBP หรือ LibraSGD ส่วนสกุลเงินกลางของ Libra ก็จะเปลี่ยนเป็นการค้ำประกันด้วย Stable Coin หลาย ๆ สกุลเหล่านั้นแทน (เป็นที่สังเกตและคาดได้ว่าไม่น่าจะมีสกุลเงินหยวนรวมอยู่ในนั้น)

    3. กลไกการทำงานของ Libra ยังคงอยู่บนพื้นฐานของระบบบล็อกเชนเป็นหลัก ในขณะที่ DC/EP นั้น ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือมีการผสมผสานกับเทคโนโลยีอื่น แต่มีแนวโน้มที่เป็นลักษณะรวมศูนย์ (Centralized) และอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลมากกว่า

    4. Libra ดูเหมือนมีเจตนาที่จะประกาศตัวเองเป็นสกุลเงินใหม่อย่างชัดแจ้ง ซึ่งรวมไปถึงการสร้าง ecosystem ของระบบการใช้งานและผู้ให้บริการชำระเงินใหม่ทั้งหมด ในขณะที่ DC/EP ของรัฐบาลจีนนั้น ไม่ได้เป็นการสร้างสกุลเงินใหม่และลบล้างสกุลเงินหยวนเดิม แต่ดูเหมือนมีเจตนาที่จะเปลี่ยนผ่านจากการใช้เงินสดเป็นการใช้จ่ายด้วยระบบดิจิทัลเป็นหลัก และไม่ได้เป็นสร้างขึ้นมาเพื่อแทนที่การให้บริการ Electronic Payment ที่มีการใช้งานอยู่แล้วเดิมอย่าง WeChat Pay หรือ AliPay แต่เพื่อเป็นการเชื่อมโยงให้ระบบชำระเงินเหล่านี้เปลี่ยนมาอ้างอิงกับเงินดิจิทัลแทนเงินสดในรูปแบบเดิม

    หากมองจากปัจจุบัน คงยังไม่มีข้อสรุปว่าระหว่าง Libra 2.0 ของภาคเอกชน หรือ DC/EP ของรัฐบาลจีน ใครจะก้าวไปถึงการใช้งานจริงและเป็นที่แพร่หลายมากกว่ากัน แต่สิ่งที่ทั้ง 2 ฟากฝั่งเล็งเป้าหมายไว้ มีอย่างน้อยหนึ่งประเด็นที่น่าจะเป็นจุดร่วมที่เหมือนกัน คือการผลักดันเศรษฐกิจและสังคมโลกไปสู่การขับเคลื่อนด้วยสกุลเงินดิจิทัลเต็มรูปแบบ การประกาศความคืบหน้าของทั้งสองขั้วดูจะกลายเป็น New Normal ในภาวะที่โลกยังเผชิญวิกฤต ซึ่งระบบการเงินดิจิทัลเป็นที่ต้องการเพื่อทดแทนการใช้จ่ายทางกายภาพ และน่าจะเป็นตัวเร่งให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของนานาประเทศต้องปรับตัวให้ทันกับการมาของเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่จะ “ตกขบวน” และถูกกลืนหายไปจากระบบการเงิน “โลก” ในที่สุด”

    ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    https://www.prachachat.net/finance/news-466063
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200519_165107.jpg

    (May 19) เปิดขั้นตอนก่อนยื่นฟื้นฟู คลังขายหุ้น 3% 'การบินไทย' เจรจาเจ้าหนี้: คนร.เคาะการบินไทย ยื่นศาลขอฟื้นฟูกิจการ ชง ครม.อนุมัติวันนี้ เผยคลังจ่อขายหุ้น 3% ให้กองทุนวายุภักดิ์ ขาดทุน 654 ล้านบาท เล็งปรับบอร์ดใหม่ 3 คน ดึง “เทวินทร์-ชาติชาย-จรัมพร” เสริมทัพ

    การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 พ.ค.) จะมีการพิจารณามติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยเข้าสู่กระบวนฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
    รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า แนวทางการฟื้นฟูกิจการการบินไทยประกอบด้วย

    1.เริ่มจากการให้การบินไทยพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงการคลังขายหุ้นการบินไทย 3% ให้กองทุนวายุภักดิ์ ภายหลังการขายหุ้นแล้วทำให้คลังเหลือการถือหุ้น 47%

    2.จากนั้นจะปรับโครงสร้างการบริหาร โดยให้กรรมการลาออกจนเหลือ 3 คน ซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าเหลือใครและจะเติมกรรมการใหม่เข้าไป ขั้นแรก 3 คน ที่วางตัวไว้ ได้แก่ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช อดีตซีอีโอ ปตท. นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ และอดีต ดีดีการบินไทย

    3.ร้องขอต่อศาลล้มละลายเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเมื่อศาลรับฟื้นฟูกิจการ หนี้ของการบินไทยจะผิดนัดชำระหนี้ (default) โดยอัตโนมัติ ในประเด็นนี้ทีมบริหารคิดว่าจะดูแลในส่วนหนี้สหกรณ์ 3.6 หมื่นล้านบาท ยืดหนี้ออกไป โดยมีเงื่อนไขจะจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม

    4.ล้มแนวคิดเดิมที่ต้องการให้ การบินไทย เป็นโฮลดิ้ง คัมพานี โดยการยกเลิกการตัดขายกิจการในเครือทั้งหมด เช่น ครัวการบินไทย หรือ ไทยสมายล์
    5.การดูแลเจ้าหนี้ต่างประเทศ จะเดินคู่ขนานกับศาลไทยและศาลสหรัฐ ที่ต้องยื่นฟื้นฟู โดยอาศัย Chapter 11 ตามกฎหมายล้มละลายของสหรัฐ เพราะการบินไทยต้องดำเนินกิจการต่อไป หากบินไปในต่างประเทศอาจจะโดนยึดเครื่องบินไทย รวมทั้งการดูแลเจ้าหนี้ลิสซิ่งเครื่องบินด้วย ซึ่งมีสหรัฐ อังกฤษ และเยอรมัน เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่

    ทั้งนี้ ฐานะการเงินของการบินไทย สิ้นปี 2563 จากการประเมินของฝ่ายบริหารการบินไทย ระบุว่าจะขาดทุนสุทธิ 59,000 ล้านบาท ส่วนของทุน 4.7 หมื่นล้านบาท ในขณะที่หนี้สินที่มีดอกเบี้ย (ไม่รวมค่าเช่าเครื่องบิน) อยู่ที่ 220,000 ล้านบาท

    ‘คลัง’จ่อลดถือหุ้นบินไทย3%

    แหล่งข่าวจาก คนร.กล่าวว่า คนร.มีมติให้ลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังในการบินไทยลง 3% หรือลดจาก 51% เหลือ 48% เพื่อให้พ้นสภาพจากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะทำให้การฟื้นฟูกิจการคล่องตัวขึ้น

    ทั้งนี้ สัดส่วนหุ้นที่ลดลงดังกล่าว จะถูกขายต่อให้กองทุนวายุภักษ์ โดยหลังจาก ครม.มีมติตามที่ คนร.เสนอแล้ว คณะกรรมการกองทุนวายุภักษ์จะประชุมโดยเร็ว เพื่อขอมติเข้าซื้อหุ้น
    นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะขายหุ้นให้กองทุนวายุภักษ์ในราคาตลาด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4 บาทต่อหุ้น อาจทำให้กระทรวงการคลังขาดทุนเพราะต้นทุนอยู่ที่ 14 บาทต่อหุ้น แต่เพราะมติ คนร.เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจึงยอมรับ

    ปัจจุบันกระทรวงการคลังถือหุ้นการบินไทยรวม 1,113.93 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 51.03% หากกระทรวงการคลังต้องขายหุ้นออก 3% จะมีหุ้นที่ถูกขายออกมาราว 65.48 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นการขาดทุนรวม 654 ล้านบาท

    ส่วนการเคลื่อนไหวของหุ้นการบินไทย วานนี้(18พ.ค.) ปรับลดลงชนกรอบล่าง (ฟลอร์) ของการซื้อขาย โดยมาปิดตลาดที่ 4.10 บาท ลดลง 0.72 บาท คิดเป็นการลดลง 14.94% มูลค่าการซื้อขายรวม 363.02 ล้านบาท

    คนร.หมดหน้าที่หลังยื่นศาล

    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอบคำถามประเด็นการบินไทยต้องพ้นจากรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ว่า ตามขั้นตอนคงเป็นอย่างนั้นเพราะจะได้คล่องตัวขึ้น โดยเมื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการจะทำให้ คนร.หมดอำนาจกำกับดูแล โดยอำนาจการบริหารจะอยู่กับผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งศาลตั้งขึ้นตามคำแนะนำเจ้าหนี้
    นอกจากนี้ การฟื้นฟูกิจการของกิจการที่มีหนี้สินจำนวนมากนั้น เป็นสิ่งที่ดีเพราะไม่ต้องนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาด และไม่ต้องชำระหนี้ เนื่องจากหลังการยื่นศาลล้มละลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการจะเกิดภาวะ Automatic Stay หรือการพักการชำระหนี้โดยผลของกฎหมาย ซึ่งเจ้าหนี้เรียกให้แบ่งชำระหนี้ไม่ได้

    ผู้ทำแผนมีอำนาจเท่า “ดีดี”

    ส่วนผลต่อพนักงานการบินไทยขึ้นกับผลประกอบการและเส้นทางการบิน ซึ่งผู้ทำแผนฟื้นฟูคงต้องหารือและตกลงกับพนักงาน เพราะผู้ทำแผนมีอำนาจเสมือนเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี)

    ส่วนประเด็นการเปิดบินระหว่างประเทศในเดือน ก.ค.นี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ตามหลักกฎหมายดังกล่าว ลูกหนี้ที่อยู่ในการฟื้นฟูกิจการจะประกอบธุรกรรมได้ ส่วนการล้มละลาย คือ การทำให้ลูกหนี้ต้องหยุดทุกทางแล้วนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาด แต่กรณีการบินไทยไม่ได้พูดถึงการให้ล้มละลาย
    เตรียมตั้งทีมเจรจาเจ้าหนี้

    แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ก่อนการเข้าสู่การยื่นศาลล้มละลายเพื่อขอฟื้นฟูกิจการจะต้องมีการตั้งทีมเจรจากับเจ้าหนี้ให้เรียบร้อยก่อน รวมถึงเจ้าหนี้ต่างประเทศเพราะถ้าเจรจาไม่เรียบร้อยก็ไม่สามารถยื่นศาลล้มละลายได้

    ทั้งนี้ การยื่นฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายของไทยถือเป็นขั้นตอนทางกฎหมายมีผลบังคับใช้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ในขณะที่การยื่นล้มละลายต่อศาลในสหรัฐเพราะมีหลายความเห็นว่าการบินไทยมีเจ้าหนี้ต่างชาติจำนวนมาก ดังนั้นอาจจะต้องยื่นศาลสหรัฐเพื่อมีผลบังคับใช้ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการสรุป

    ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับการเจรจาเจ้าหนี้ต่างชาติไม่แล้วเสร็จ อาจทำให้การบินไทยถูกยึดคืนเครื่องบินเมื่อนำไปทำการบินและลงจอดที่สนามบินในต่างประเทศนั้น อาจเกิดขึ้นได้หากการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้และการบินไทยไม่บรรลุข้อตกลง หรือกรณีเจ้าหนี้ขอให้ชดใช้หนี้แต่การบินไทยนิ่งเฉย

    นอกจากนี้ กระบวนการยื่นศาลล้มละลายในต่างประเทศ ยังทำให้การบินไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เพื่อตั้งทีมที่ปรึกษา ศึกษาขั้นตอนทางกฎหมาย และดำเนินการยื่นตามกระบวนการศาล จึงไม่น่าจะเหมาะสมหากการบินไทยจะดำเนินการในกระบวนการนี้
    ดังนั้นสิ่งที่การบินไทยต้องเร่งดำเนินการ คือการศึกษาสัญญาเช่า-ซื้อ หรือการลงทุนอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ว่าการลงนามสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศใดบ้าง และมีข้อกฎหมายอย่างไร พร้อมทั้งเตรียมดำเนินการเจรจาเจ้าหนี้

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/881119

    เพิ่มเติม
    - สหภาพฯ ค้านคลังลดสัดส่วนถือหุ้น THAI กังวลเจ้าหนี้ลดเครดิตทำแผนฟื้นฟูไม่ผ่าน: https://www.ryt9.com/s/iq05/3125558
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชิลี - ภูเขาไฟ Nevados de Chillán เกิดการปะทุครั้งใหม่ วันที่ 18 พฤษภาคม

    มีการบันทึกการปะทุครั้งใหม่เมื่อเช้านี้ จากหลุมภูเขาไฟ Nicanor ซึ่งเป็นตัวชูโรงของการปะทุที่เริ่มขึ้นในปี 2559 คอลัมน์ของอนุภาคฝุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 1,700 เมตร เหนือปล่องภูเขาไฟ

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประเทศจีน - แผ่นดินไหว ขนาด 5.2 ที่รุนแรงซึ่งกระทบ Wenping ประเทศจีน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในเขตเฉียวเจี๋ย เมืองจ้าวตง มณฑลยูนนาน ในวันนี้ 18 พฤษภาคม

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประเทศจีน - แผ่นดินไหวที่รุนแรง ขนาด M5.2 ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในเมืองจ้าวตง มฑฑลยูนนาน ในวันนี้ 18 พฤษภาคม

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 19 , 2020 ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเรทติ้งการบินไทยเหลือ C ต่ำกว่าระดับลงทุน
    .
    ทริสเรทติ้ง ปรับลดอันดับเรทติ้งของ บมจ.การบินไทย (THAI) และเรทติ้งของหุ้นกู้การบินไทย จากระดับ BBB สู่ระดับ C ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับลงทุน และยังคงเครดิตพินิจ แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ”
    .
    โดยอันดับเครดิตที่ถูกปรับลดลงสะท้อนความคาดการณ์ที่บริษัทจะพักชำระหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 19 พ.ค. 2563 ที่อนุมัติให้บริษัทการบินไทยยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อศาลล้มละลายกลางรับพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการจะส่งผลให้บริษัทการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลาง
    .
    โดยบริษัทจะพักชำระหนี้ (Automatic Standstill) เจ้าหนี้ทุกรายตามกฎหมาย ซึ่งหมายถึงบริษัทการบินไทยจะหยุดชำระหนี้จนกว่าแผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่าย
    .
    ทั้งนี้ เมื่อเกิดการพักชำระหนี้ตามกระบวนการของศาลหรือมีการผิดนัดชำระหนี้อื่นใดก่อนหน้านั้นอันดับเครดิตของบริษัทจะได้รับการปรับลดลงสู่ระดับ “D” หรือ “Default”
    .
    #ทริสเรทติ้ง #การบินไทย #ปรับลดอันดับ #แผนฟื้นฟู #Misterban

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 19 , 2020 ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเลื่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 5 หมวด 1 มาตราออกไป 1 ปี
    .
    น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดหน่วยงานและกิจการที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)เสนอ โดยมิให้นำบทบัญญัติเฉพาะในบางหมวด ได้แก่หมวด 2 หมวด 3 หมวด 5 หมวด 6 หมวด 7 และความในมาตรา 95 ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มาใช้บังคับแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นหน่วยงานหรือกิจการตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกา ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.2563 ถึงวันที่ 31 พ.ค. 2564
    .
    อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบทบัญญัติให้ผู้ควบคุมข้อมูลต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงดิจิทัลฯ กำหนด
    .
    ดังนั้น ณ เวลานี้ ยังมีหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลการให้ความ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บางส่วนที่ยังไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจน จึงอาจทำให้หน่วยงานรัฐ เอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป กระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายได้โดยไม่ตั้งใจ รวมทั้งอาจเป็นช่องทางให้ผู้ที่ทุจริตหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
    .
    ดังนั้นครม.จึงได้เห็นชอบในหลักการออกพ.ร.ฎ.ยกเว้นการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในบางหมวด เป็นเวลา 1 ปี และแม้จะมีการยกเว้น ผู้ควบคุมข้อมูลจำเป็นต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงดีอีเอสกำหนด
    .
    #คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล #หลักการ #พรบ #เลื่อน #misterban

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 19 , 2020 “อุตตม สาวนายน”รับคลังขายหุ้นการบินไทย จะทำให้คลังขาดทุน พร้อมเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟูราคาหุ้นก็จะดีขึ้น
    .
    นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากครม. เห็นชอบแผนฟื้นฟูการบินไทย พร้อมได้สั่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ไปทำแผนขายหุ้นที่คลังถืออยู่ปัจจุบัน 51.03% ให้ต่ำกว่า 50% เพื่อให้การบินไทย พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วนจะขายเท่าไหร่ ลดสัดส่วนหุ้น 3 % โดยขายให้กองทุนวายุภักษ์ตามที่เป็นข่าวหรือไม่ ขอให้รอดูแผนก่อน ซึ่งสั่งการให้สคร.ทำแผนให้เสร็จโดยเร็ว และรายงานให้ ครม.รับทราบ
    .
    แต่ยอมรับว่าการขายหุ้นของกระทรวงการคลัง ส่งผลให้คลังต้องขาดทุน แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ไม่มีการฟื้นฟูการบินไทย ราคาหุ้นมูลค่าก็ต้องลดลงอยู่แล้ว และทำให้เป็นปัญหากับ การบินไทยในระยะต่อไป แต่ถ้าขายหุ้นเข้าสู่แผนฟื้นฟู ถ้าทำแล้วราคาหุ้นก็จะดีขึ้น ก็จะส่งผลดีกับหุ้นที่กระทรวงการคลังถือในระยะยาว
    .
    การเข้าแผนฟื้นฟูของการบินไทย ไม่ใช่การล้มละลาย แม้ว่าการบินไทยจะไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจต่อไป แต่การดูแลพนักงานต้องมีอย่างต่อเนื่อง สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย จะต้องมีอยู่เหมือนเดิม ซึ่งต้องตั้งขึ้นมาใหม่ ภายหลังขายหุ้นและพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจไปแล้ว การทำงานยังต้องมีความคล่องตัว มีมาตรฐาน แม้จะพ้นความเป็นรัฐวิสาหกิจไปแล้ว ก็ไม่ใช่จะไม่มีเรื่องพวกนี้
    .
    #คลัง #การบินไทย #หุ้น #ขาดทุน #Misterban
    .
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 19 , 2020 อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เผยการอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทยตามพ.ร.บ.ล้มละลาย เป็นผลดีต่อ 82 สหกรณ์อย่างแน่นอน มั่นใจจะไม่กระทบฐานะการเงิน
    .
    นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า สหกรณ์ที่ลงทุนในการบินไทยมีทั้งหมด 82 สหกรณ์ มีสินทรัพย์ทั้งหมด 1.17 ล้านล้านบาท แต่มีการลงทุนในหุ้นสามัญ 4 สหกรณ์ 273 ล้านบาท และหุ้นกู้ 81 สหกรณ์ 42,000 กว่าล้านบาท ถ้าเทียบสัดส่วนการลงทุนของหุ้นกู้กับสินทรัพย์จะอยู่ที่ 3.62% เท่านั้น และสหกรณ์ที่ลงทุนในการบินไทยก็เป็นสหกรณ์ชั้น 1 และมีฐานะดี และในจำนวนดังกล่าวจะมี 7 สหกรณ์ที่มีการลงทุนหุ้นกู้สัดส่วนเกิน 10%(สูงสุดคือ 15.7%) และได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่กระทบต่อฐานะการเงินสหกรณ์อย่างมีนัยยะ
    .
    แต่ที่ทุกคนกังวลคือ จะกระทบต่อผลการดำเนินงานสหกรณ์หรือไม่ ถ้าวงเงิน 42,000 ล้านบาท ไม่ได้รับการชำระคืน อยากชี้แจงว่าวงเงินทั้งหมดไม่ได้ครบกำหนดชำระในครั้งเดียว จะเริ่มตั้งแต่ 2563 – 2577 แล้วแต่ล็อตของหุ้นกู้ ซึ่งในปี 2563 จะครบกำหนดชำระ 21 สหกรณ์ ประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ประมาณ ส.ค. - ก.ย. 2563 ซึ่งเดิมจะให้รับชำระหนี้กับการบินไทย แต่วันนี้คงไม่ทันแล้ว เพราะถ้าศาลรับคำร้องหนี้ทั้งหมด 42,000 ล้านบาทจะไปอยู่บนแผนฟื้นฟู และจะถูกจัดการชำระหนี้ใหม่ ดังนั้นฐานะ กำไร ขาดทุนก็ไม่กระทบ เพราะจะไม่รวมเรื่องการรับรู้รายได้ปีนี้ หรือเป็นหนี้ที่คิดว่ายังไม่ศูนย์ อยู่ในแผนฟื้นฟูมีโอกาสได้รับชำระคืน
    .
    ส่วนสภาพคล่องของ 82 สหกรณ์ ที่หลายคนกังวลว่ากรณีการบินไทย จะทำให้กระทบสภาพคล่องหรือไม่ จากการตรวจสอบ เงินสด หรือสินทรัพย์อื่นที่พร้อมแปลงเป็นเงินสด ต่อเงินฝากของสมาชิกสกรณ์ มีเพียง 15 สหกรณ์เท่านั้นที่มีสภาพคล่องต่ำกว่า 10% ดังนั้นในระยะยาวจะไม่กระทบเลย แต่ก็มีสมาชิกบางส่วนตกใจมาถอนเงิน อาจกระทบสภาพคล่องบ้างในระยะสั้น แต่ขณะนี้ลดลงแล้ว และมติครม.ที่ออกมาในวันนี้ทำให้สมาชิกสหกรณ์เริ่มมั่นใจ
    .
    โดยกระบวนการหลังจากนี้ ครม.ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ไปชี้แจงสมาชิกและสหกรณ์ต่างๆ และสั่งการให้เข้าไปดูแลกลุ่มที่ซื้อหุ้นกู้ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ผู้ที่มาลงทุน ดังนั้นเมื่อการบินไทยไปยืนต่อศาลเพื่อขอฟื้นฟูกิจการและหากศาลรับคำร้อง สหกรณ์จะขอรับชำระหนี้กับการบินไทยไม่ได้ ซึ่งทางกรมฯจะเชิญ 82 สหกรณ์ มาชี้แจงว่าจะชำระหนี้อย่างไร และให้ไปขอรับชำระหนี้จากผู้จัดทำแผนฟื้นฟู ทำให้ทั้ง 82 สหกรณ์จะเป็นเจ้าหนี้กลุ่มหนึ่ง และจะดำเนินการรับชำระหนี้ตามแผน
    .
    ยกเว้นแผนใหม่ที่ออกมาจะระบุว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่ฃต้องมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ แต่เชื่อว่าแผนใหม่ที่ออกมาจะดีที่สุดไม่กระทบต่อฐานะสหกรณ์แน่นอน สรุปได้ว่ามติครม.ในวันนี้เป็นผลดีกับสหกรณ์อย่างแน่นอน
    .
    โดยเบื้องต้นได้มีการกำหนดแนวทางการเจรจาของรับชำระหนี้ของสหกรณ์ไว้ 4 แนวทาง
    .
    แนวทางที่ 1 รับเต็มจํานวน ตามงวดกําหนดชําระเดิม จะไม่มีผลกระทบเรื่องต้นเงิน สภาพคล่องและ ฐานะทางการเงินของสหกรณ์ แต่อาจจะมีผลกระทบกับผลการดําเนินงานในส่วนที่เป็นรายได้จาก ดอกเบี้ย
    .
    แนวทางที่ 2 รับเต็มจํานวน แต่มีการปรับงวดการชําระหนี้ให้ยาวขึ้น อาจจะมีผลต่อสภาพคล่องบ้างใน บางสหกรณ์ แต่จะไม่มีผลกระทบเรื่องต้นเงิน ฐานะทางการเงินของสหกรณ์ แต่อาจจะมีผลกระทบ กับผลการดําเนินงานในส่วนที่เป็นรายได้จากดอกเบี้ย
    .
    แนวทางที่ 3 hair cut หรือลดหนี้บางส่วน จะมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของสหกรณ์ในส่วนที่ต้องตัดหนี้ สูญตามจํานวนยอดหนี้ที่ถูกลดไปและจะมีผลกระทบกับผลการดําเนินงานในส่วนที่เป็นรายได้จาก ดอกเบี้ย แต่จะมีผลต่อสภาพคล่องบ้างเล็กน้อยในบางสหกรณ์
    .
    แนวทางที่ 4 แปลงหนี้เป็นทุน จะไม่มีผลกระทบเรื่องต้นเงินลดลงและและฐานะทางการเงินของสหกรณ์ แต่อาจจะมีผลต่อสภาพคล่องบ้างในบางสหกรณ์ ในส่วนของผลการดําเนินงานจะได้รับผลกระทบ หรือไม่นั้นก็จะขึ้นอยู่กับอัตราผลตอบแทนที่ได้จากการดําเนินกิจการของการบินไทย
    .
    #แผนฟื้นฟู #การบินไทย #82สหกรณ์ #Misterban

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 19 , 2020 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอ 15 รายชื่อจัดทำแผนฟื้นฟูบินไทยให้นายกฯพิจารณาสัปดาห์หน้า มั่นใจบินไทยจะกลับมาแข็งแกร่งภายใน 1 ปี
    .
    นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการที่คณะรัฐมนตรีตัดสินใจในวันนี้ ในการให้การบินไทยเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการตามพ.ร.บ.ล้มละลาย ซึ่งจะต้องส่งเรื่องให้ศาลล้มละลายกลาง และให้คลังลดการถือหุ้นการบินไทยกว่า 50% เพื่อให้พ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจว่า เนื่องการบินไทยมีปัญหาทางด้านการประกอบการ สถานะการเงินในช่วงสิ้นปี 2562 มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ 147,352 ล้านบาท ซึ่งยังมีรวมหนี้ปี 2563 ทางการบินไทยคาดการณ์ว่าจากสถานการณ์โควิด 19 จะทำให้ภาระหนี้สินเข้าขั้นวิกฤติมากกว่า 2 แสนล้านบาท
    .
    หลังจากนี้การบินไทยจะต้องกลับไปจัดทำแผนฟื้นฟูและยื่นต่อศาล และต้องตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ และตรวจสอบบัญชีลูกหนี้ ถ้าศาลรับคำร้องการฟื้นฟูกิจการ การบินไทยจะได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 90/12 จะเป็นสภาวะพักชำระหนี้ ทำให้หยุดจำนวนหนี้ที่จะเพิ่มขึ้น ในเรื่องของดอกเบี้ย และเจรจาเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เจ้าหนี้ได้เห็นแผนฟื้นฟูที่การบินไทยจะกลับมาเดินกิจการอย่างแข็งแรงได้
    .
    โดยครม.ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเสนอต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการผู้จัดทำแผน หากศาลเห็นชอบจะจัดตั้งผู้ทำแผน ในการควบคุมสิ่งต่างๆ ทั้งการทำแผนฟื้นฟู ประชุมเจ้าหนี้ ปรับปรุงแผนฟื้นฟู หากเรียบร้อยก็เสนอต่อศาลเพื่อพิจารณา ก็จะมีการแต่งตั้งผู้บริหารแทน เพื่อดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟู
    .
    โดยภายในสัปดาห์นี้จะได้รายชื่อผู้จัดทำแผนฟื้นฟู ที่ทำงานได้จริง ปราศจากการแทรกแซง เพื่อเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีการประมาณ 15 รายชื่อ แต่จะมีชื่อนายจรัมพร โชติกเสถียร อดีตดีดีการบินไทย หรือนายชาติชาย พยุหนาวีชัย เอ็มดีธนาคารออมสินหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่คนที่เข้ามาจะต้องเป็นคนที่เป็นมืออาชีพและทุกคนยอมรับ
    .
    ส่วนที่สังคมสงสัยว่าหากการบินไทยเข้าสู่แผนฟื้นฟูแล้วจะสามารถดำเนินกิจการได้หรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังสามารถดำเนินกิจการได้ตามปกติ แต่ต้องดำเนินการภายใต้แผนฟื้นฟูที่ศาลล้มละลายพิจารณา ส่วนคณะกรรมการและฝ่ายบริหารชุดปัจจุบัน ตอนนี้ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ตอนนี้ถือว่าการบินไทยยังเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ จนกว่ากระทรวงการคลังจะทำเรื่องขอลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นลง
    .
    โดยคมนาคมตั้งเป้าว่าระยะเวลาการจัดทำแผนฟื้นฟูจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน และการดำเนินการฟื้นฟูการบินไทยจะกลับมาแข็งแกร่งได้ภายใน 1 ปี
    .
    #การบินไทย #ไวรัสโควิด19 #Misterban

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    AATระยอง เปิดโครงการสานฝันสู่อาชีพทางเลือก สมัครใจลาออก จ่ายสูงสุด 22.85 เดือน

    ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การผลิตหรือส่งออกในหลายๆธุรกิจต้องชลอตัว หลายบริษัทจำเป็นต้องปรับลดจำนวนพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายอย่างกรณีล่าสุด วันที่ 18 พ.ค.2563 บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย)หรือ AAT นิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ได้ออกโครงการโอกาสสานฝันสู่อาชีพทางเลือก หรือ“โครงการสมัครใจลาออก” ซึ่งทางบริษัทจะทำการกำหนดกฏเกณฑ์และคุณสมบัติของพนักงานที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ และจะระบุตามใบประกาศ ซึ่งก็มีตั้งแต่ระดับ พนักงานที่มีอายุงานหลายปี ไปยังระดับหัวหน้างาน ซุปเปอร์ไวเซอร์ โดยสิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับจากโครงการสมัครใจลาออกมีดังนี้

    1. เงินเดือนคำนวนถึงวันสุดท้ายของการทำงาน

    2.เงินค่าชดเชยตามกฎหมาย

    3.เงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

    4.เงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ของบริษัท

    5.ค่าวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามสิทธิ

    6.หนังสือรับรองการทำงาน

    7.โดยมีหนังสือรับรองจากทางบริษัท และเซ็นยินยอมเป็นหนังสือสละสิทธิ์ในใบรับเงินโดยไม่เรียกร้อง ฟ้องร้องเงินอื่นใดอีก

    8.เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะได้รับตามสิทธิ์ของแต่ละคน

    9.เปิดโอกาศให้พนักงานผู้สนใจ ยื่นคำขอทราบหลักสูตรฝึกอาชีพทางเลือก

    10.การนับอายุงานของพนักงาน ให้นับจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563

    เงินชดเชยตามกฎหมายและเงินช่วยเหลือพิเศษ

    -อายุงานน้อยกว่า 1 ปี รับเงินชดเชย 7.51 เดือน พร้อมเงินชดเชย 16,750 บาท

    -อายุงาน 1 ปี แต่น้อยกว่า 3 ปี รับเงินชดเชย 10.51 เดือน พร้อมเงินชดเชย 16,750 บาท

    -อายุงาน 3 ปี แต่น้อยกว่า 6 ปี รับเงินชดเชย 13.51 เดือน พร้อมเงินชดเชย 16,750 บาท

    -อายุงาน 6 ปี แต่น้อยกว่า 10 ปี รับเงินชดเชย 16.51 เดือน พร้อมเงินชดเชย 16,750 บาท

    -อายุงาน 10 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี รับเงินชดเชย 19.54 เดือน พร้อมเงินชดเชย 16,750 บาท

    -อายุงาน 20 ปีขึ้นไป รับเงินชดเชย 22.85 เดือน พร้อมเงินช่วยเหลือ 16,750 บาท

    The post AATระยอง เปิดโครงการสานฝันสู่อาชีพทางเลือก สมัครใจลาออก จ่ายสูงสุด 22.85 เดือน appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมืองหลวงซานติอาโก ของชิลี กลายเป็นลานประท้วงที่ลุกลามกลายเป็นการจลาจลอีกครั้งวานนี้ (18 พ.ค.) โดยกลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคนได้ออกมาสู่ท้องถนนในย่านชุมชนแออัดชานเมืองหลวงซานติอาโกเพื่อเรียกร้องขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารและความเดือดร้อนของประชาชนที่หาเช้ากินค่ำท่ามกลางมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19การชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งต้องการให้ประชาชนเก็บตัวอยู่กับบ้าน ไม่ออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น แต่พวกเขาก็หลั่งไหลกันออกมาเพราะต้องการแสดงให้รัฐบาลเห็นว่า พวกเขากำลังลำบากและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการประกาศใช้มาตรการควบคุมการแพร่กระจายโรคอย่างเข้มงวด ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องตกงาน และบางส่วนแม้ยังมีงานอยู่ก็ไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากต้องกักกันตัวเองเพื่อป้องกันโรคภาพสตรีทอาร์ทบนกำแพงสะท้อนสถานการณ์ในเมืองซานติอาโก

    ผู้ประท้วงเปิดเผยกับสื่อว่า พวกเขาไม่ได้คัดค้านมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่ได้ต่อต้านการกักตัวอยู่กับบ้าน แต่พวกเขาประท้วงสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบากต่อการใช้ชีวิตมากขึ้นเมื่อมีมาตรการเหล่านี้ สำนักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา (วีโอเอ) รายงานว่า การชุมนุมเริ่มทวีความรุนแรงกลายเป็นจลาจลเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเพื่อสลายการชุมนุมด้วยเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ผู้ชุมนุมในย่าน El Bosque จึงเริ่มขว้างปาก้อนหิน ระเปิดเพลิง และจุดไฟสร้างสิ่งกีดขวางบนท้องถนน

    นายเซบาสเตียน พิเนรา ประธานาธิบดีชิลี การจลาจลมีขึ้นเพียง 1 วันให้หลัง หลังจากที่นายเซบาสเตียน พิเนรา ประธานาธิบดีชิลี ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ของรัฐบาล เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ซึ่งมีองวค์ประกอบหลัก ๆ 5 ส่วนสำคัญ เริ่มด้วยการแจกตะกร้าอาหารและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันจำนวน 2.5 ล้านชุด มอบให้กับคนยากจนและผู้มีรายได้ระดับปานกลาง รายงานข่าวระบุว่า มาตรการคุมเข้มการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อคนยากจนและผู้มีรายได้น้อยจำนวนมากในประเทศชิลี การตกงานซึ่งเกิดจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้พวกเขาขาดรายได้และต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขชิลีพบว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้ว 46,059 ราย และมีผู้เสียชีวิต 478 ราย

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลญี่ปุ่นจะมอบเงินสดให้แก่นักศึกษาที่ประสบปัญหาด้านการเงินเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนโดยงบประมาณพิเศษที่ได้ผ่านกฎหมายเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

    คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเห็นพ้องกันในวันอังคารที่ 19 พฤษภาคม ที่จะเสนอเงิน 100,000 เยน หรือราว 30,000 บาท ให้แก่นักศึกษาที่รายได้จากการทำงานพิเศษลดลงเพราะการปิดทำการของธุรกิจต่าง ๆ

    นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบโดยมาจากครัวเรือนซึ่งมีรายได้น้อยจะมีสิทธิได้รับเงินจัดสรรให้มากขึ้นเป็น 200,000 เยน หรือราว 60,000 บาท

    โครงการนี้วางเป้าจัดสรรเงินให้แก่นักศึกษาประมาณ 430,000 คนในมหาวิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัย โรงเรียนอาชีวะ โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น และสถาบันอื่น ๆ

    สถาบันการศึกษาเหล่านี้จะยืนยันสภาพทางการเงินของนักศึกษา ก่อนที่จะมีการแจกจ่ายเงินผ่านองค์การสนับสนุนนักศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น

    คาดว่าโครงการนี้จะใช้เงินประมาณ 53,100 ล้านเยน หรือราว 16,000 ล้านบาท และจะครอบคลุมไปถึงการใช้เงินทุนสำรองจากงบประมาณเสริมสำหรับปีงบประมาณนี้

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลไทยผ่านความเห็นชอบแผนส่งการบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติเข้าสู่ศาลล้มละลายเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สิน

    การผ่านความเห็นชอบที่มีขึ้นในวันอังคารที่ 19 พฤษภาคมนี้ จะปูทางให้แก่การบินไทยซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้พยายามแสวงหาแนวทางฟื้นฟูกิจการภายใต้การตรวจกำกับของศาล

    การบินไทยขาดทุนสุทธิในปี 2562 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสายการบินราคาประหยัดทั้งหลาย และการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยิ่งส่งผลกระทบหนักแก่การบินไทยมากขึ้นไปอีก บีบให้ทางบริษัทต้องระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศ และนำไปสู่ผลประกอบการทางธุรกิจที่ย่ำแย่ลง

    เดิมการบินไทยพยายามแสวงหาเงินทุนกอบกู้กิจการประมาณ 54,000 ล้านบาทจากรัฐบาลไทย ซึ่งถือหุ้นอยู่ในบริษัทการบินไทยร้อยละ 51

    รัฐบาลไทยตัดสินใจที่จะไม่หยิบยื่นเงินกู้เพื่อการช่วยเหลือให้ โดยระบุว่าการบินไทยดำเนินการล่าช้าในการจัดทำแผนปรับโครงสร้าง ซึ่งคาดว่าจะรวมถึงการลดกำลังคนลงอย่างมากด้วย ทางด้านการบินไทยระบุว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไป

    ทั้งนี้ การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลก เวอร์จินออสเตรเลียซึ่งเป็นบริษัทสายการบินใหญ่อันดับสองของออสเตรเลียล้มละลายในทางปฏิบัติแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อทางบริษัทเข้าสู่การแบ่งสรรทรัพย์สินโดยสมัครใจ

    ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
    https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือน! คนไทยการ์ดเริ่มตก หลังคลายล็อกดาวน์
    .
    ผลสำรวจพบว่าคนไทยการ์ดตก มีพฤติกรรมการป้องกันตัวเองลดลง หลังมีการผ่านปรนมาตรการควบคุม
    .
    ผลสำรวจก่อนผ่อนปรน (23-30 เม.ย.) - หลังผ่อนปรน (8-14 พ.ค.)
    .
    #mgronline #คนไทยการ์ดเริ่มตก #คลายล็อกดาวน์ #โควิด19 #พฤติกรรมการป้องกันตัวเอง

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลแจกเงิน กระเป๋าฉีกแน่
    ถมไม่เต็ม รอบเดียวก็เกินพอ

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1589894008060.jpg

    (May 19) คว้า'โอกาส'ช่วงวิกฤติ นโยบาย'ท้องถิ่น'หลังโควิด : คำว่า "ว่างงาน" และ "ประกันสังคม" ถูกค้นในกูเกิลเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจและวิถีชีวิตหลังจากนี้ คงบอกได้คำเดียวว่า "อาการหนัก" โดยคณะกรรมการร่วม ภาคเอกชน 3 สถาบัน ประเมินว่า คนไทย มีความเสี่ยงที่จะตกงานจากโควิดถึง 7 ล้านคน บางคนคิดว่า "ปีนี้เงินเดือนไม่ขึ้น ไม่เป็นไร ขอแค่ไม่ตกงานก็เป็นบุญมากแล้ว" พูดมาขนาดนี้ หมดหวังแล้วจริงหรือ ในวิกฤติยังมีโอกาสเสมอ

    นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คลุกคลีและแลกเปลี่ยนความเห็น กับประชาชนในภูมิภาคทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง และใต้ สังเกตว่าในช่วงวิกฤตินี้ บางท้องถิ่นคิดและได้ทดลองใช้บางนโยบาย ในพื้นที่เล็กๆ จนได้ผลดี เราจึงอยากเล่าสู่กันฟัง เผื่อมีโอกาสต่อยอดและขยายผลเป็นวงกว้าง บางนโยบายทำได้เลยในระยะสั้น บางนโยบายอาจต้องใช้เวลาในระยะยาว

    เปิด'ตลาดฟรี'สร้างรายได้ฐานราก

    แนวคิดนี้ เป็นการหาพื้นที่ให้พ่อค้าแม่ค้ามาขายของได้ฟรี จริงๆ คนให้พื้นที่ฟรีเป็นได้ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ มหาวิทยาลัย สนามกีฬา ลานห้างสรรพสินค้า ซึ่งปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยบางแห่งเปิดพื้นที่ให้ขายของฟรีช่วงโควิด จึงปิ๊งไอเดียว่า แนวคิดนี้ขยายในวงกว้างได้ อีกทั้งอาจพลิกให้น่าสนใจมากกว่าการเป็นตลาดทั่วๆ ไป เช่น เปิดตลาดฟรีกับฟู๊ดทรัก ในบางจังหวัดจะเพิ่ม ความเก๋ให้ตลาดกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ลูกค้าตระเวนถ่ายรูปแบบเท่ๆ

    โดยธุรกิจนี้มีจุดเด่นตรงที่ใช้ต้นทุน น้อยกว่าเปิดร้านอาหารเองโดยเฉลี่ยเกือบ 6 เท่า ไม่เสีย ค่าเช่า ค่ามัดจำ ค่าเฟอร์นิเจอร์ แถมยังคล่องตัวขับได้ไม่จำกัดทำเล สิ่งสำคัญ คือ ทำยังไงให้เกิดขึ้นได้และยั่งยืนซึ่งควร คำนึงถึง 1.จัดการพื้นที่ให้มีต้นทุนต่ำเพราะถึงจะเป็นที่รัฐ ก็ยังคงมีต้นทุน เช่น ค่าจัดการขยะ ค่าทำความสะอาด จ้างคนดูแล ความเรียบร้อย 2.การจัดการควรมีความโปร่งใส เช่น การคัดเลือกผู้ขาย มีสินค้าบริการที่หลากหลายตอบสนองความต้องการ ลูกค้า และ 3.หากเป็นที่ของเอกชน ภาครัฐอาจช่วยสนับสนุนผ่านการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) เช่น ลดหย่อนภาษีให้เจ้าของพื้นที่

    วินมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่แฟนแต่ทำธุระแทนได้

    ช่วยคนตกงานผ่านวินมอเตอร์ไซค์ โดยสร้างแพลตฟอร์มกลางที่จ้างพี่วิน ทำธุระแทนได้ เช่น ซื้อของในตลาด รับผ้าร้านซักรีด พาพ่อแม่ไปหาหมอ ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ที่มีมอเตอร์ไซค์ ทั้งพี่วิน แท็กซี่รับจ้าง หรือคุณลุงแถวบ้าน หากจะเริ่มนโยบายนี้ อาจเริ่มจากไปคุยกับแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว เช่น Buddy-สงขลา, WeServe-ภูเก็ต, Dino Khon Kaen-ขอนแก่น เพราะ เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก ต้นทุนไม่สูง โดยผู้ริเริ่มก่อตั้งแพลตฟอร์มควรมี ความชำนาญด้าน 1.การจับคู่ระหว่างพี่วิน และลูกค้า 2.การสร้างระบบตรวจสอบเช่น รีวิวหรือจัดอันดับ 3.การดูแลต้นทุนและผลประโยชน์ให้ลงตัวอย่างเป็นธรรมทั้งกับพี่วินและเจ้าของแพลตฟอร์ม และ 4.การสร้างเครือข่ายลูกค้า เช่น ให้ส่วนลด สมัครสมาชิก

    พลิกกิจกรรม สู่เงินหมุนเวียนในชุมชน

    เปลี่ยนกิจกรรมหรืองานอดิเรก มาสร้างรายได้และเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นเช่น จัดกิจกรรมวิ่งมาราธอน ฟุตบอล Thai league มีตัวอย่างแล้วใน แม่ฮ่องสอน ครอสคันทรี่ หรือ บุรีรัมย์โมเดล พื้นที่อื่นสามารถนำไปต่อยอดและใช้จุดเด่นของจังหวัดจัดมหกรรมการแข่งขันให้ยิ่งใหญ่ ใช้โปรโมทที่เที่ยวในจังหวัด กิจกรรม แบบนี้จะดึงดูดคนให้มาใช้จ่ายในท้องถิ่น นักกีฬา มีรายได้ ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว ร้านค้า รถรับจ้าง มีเงินหมุนเวียน จ้างงานต่อเป็นทอด ๆ

    กุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้คึกคัก ต้องมีภาคเอกชน คนในท้องถิ่น และ ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล (Influencer) เป็นหัวเรือใหญ่คอยกระตุ้นให้คนสนใจ พูดปากต่อปาก ส่วนภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับ การท่องเที่ยวและกีฬาสามารถช่วยสนับสนุน และอำนวยความสะดวกให้กับคนในท้องถิ่น (Facilitator) ได้หลายด้าน อาทิ การประชาสัมพันธ์ การดูแลที่เที่ยวในจังหวัดให้สะอาดสวยงาม

    สองวัย'เก๋า-เก๋' ต่อยอดธุรกิจ

    รวมคนสองวัยทำธุรกิจร่วมกัน โดย ใช้จุดเด่นด้านทักษะของ "คนรุ่นเก๋า" ผสมกับ "คนหนุ่มสาว" ยกระดับธุรกิจหรือ ภาคเกษตรไทย (Skill and Business Matching) เพราะคนรุ่นเก๋ามีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาว ส่วนคนหนุ่มสาวมักมีความคิดเก๋ ๆ ชอบแข่งขัน ชอบปรับเปลี่ยน มีความรู้การค้าออนไลน์และเทคโนโลยี อยากลองชวนคิดให้เห็นภาพว่า สมมติ มีเกษตรกรรุ่นเก๋าภาคอีสานต้องการขาย "ข้าวฮาง" แต่ลูกหลานที่ตกงานจากเมืองใหญ่ มีไอเดียเก๋ ๆ เลยช่วยรุ่นเก๋าออกแบบถุงให้มีความชิคและตรงใจวัยรุ่น แล้วขายผ่านตลาดออนไลน์สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ปัจจุบันมีการรวมกลุ่ม Young Smart Farmer เกือบทั่วประเทศ แต่ไม่ค่อยเห็นคนรุ่นเก๋าจับมือหนุ่มสาวมากนัก

    หากไอเดียบรรเจิดแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ หัวใจสำคัญคงอยู่ที่ทัศนคติของรุ่นเก๋าและคนหนุ่มสาวต้องมีเป้าหมายเดียวกัน อีกทั้งภาครัฐอาจมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุน อำนวยความสะดวกรวมถึงสร้างแรงจูงใจ ต่างๆ เช่น จัดหาผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา สนับสนุน การประชาสัมพันธ์ เสนอ เงินลงทุนดอกเบี้ยต่ำ ลดหย่อนภาษีให้ คนซื้อของ หรือช่วยรับซื้อของจากกลุ่มนี้

    ดูแลสูงวัย-พัฒนาการศึกษาทางเลือก

    ปลดล็อกปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านสุขภาพและการศึกษาระหว่างเมืองใหญ่และท้องถิ่น แถมยังช่วยสร้างงานให้ชาวบ้าน ตอบโจทย์โควิดควบคู่กัน โดยการพัฒนาทักษะและจ้างงานคนในท้องถิ่นให้เป็น คนดูแลผู้สูงวัยและครูสอนการศึกษาทางเลือก (Active learning) เพื่อให้พวกเขามีชีวิต ที่อยู่ดีกินดี ปัจจุบันมีหลายท้องถิ่นพยายามผลักดันโครงการเช่นนี้ เช่น กาฬสินธุ์ ลพบุรี แต่โครงการดี ๆ เหล่านี้ยังสามารถขยายไปยัง พื้นที่อื่นๆ ได้อีก สิ่งสำคัญ คือ ภาครัฐสามารถมีบทบาทในการเป็นผู้สนับสนุน ในหลายด้าน เช่น ด้านงบประมาณ กฎระเบียบ ที่เอื้อในทางปฏิบัติ

    นี่เป็นเพียง 5 ตัวอย่างนโยบายชวนคิดจากท้องถิ่น บางนโยบายทำไปแล้วแต่อยู่ วงเล็กๆ ยังมีอีกหลายนโยบายที่น่าสนใจ แต่ยังไม่ได้ทำ จึงอยากชวนคิดว่ายุคหลังโควิดจะมีนโยบายอะไรอีกบ้างที่จะช่วยขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทยให้ไปต่อได้ มักมีคนพูดเสมอว่า ในวิกฤติย่อมมีโอกาส หากอยากเปลี่ยนสิ่งยาก ให้เปลี่ยนช่วงวิกฤติเวลานี้จึงเป็นโอกาสที่จะมาร่วมด้วยช่วยกันคิด แล้วเราคนไทยจะผ่านโควิดนี้ไปด้วยกัน

    โดย ทักษอร พรถาวร
    ณัคนางค์ กุลนาถศิริ
    ปุญญวิชญ์ เศรษฐ์สมบูรณ์
    อนุสรา อนุวงค์ และคณะ
    ธนาคารแห่งประเทศไทย

    Source: BOT Website
    https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_19May2020_2.aspx
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ที่ผ่านมาเวลาคนส่วนใหญ่และสื่อพูดถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 และ S-400 ของรัสเซียรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกลรุ่นอื่นๆเช่น Patriot ของสหรัฐฯและ HQ-9 หรือ FD-2000 ของจีน ก็มักจะกล่าวว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศประเภทนี้ดีที่สุดในโลก ถ้าพิจารณาจากขีดความสามารถว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกลมีระยะตรวจจับเรดาร์และระยะยิงของจรวดไกลที่สุด เป็นศูนย์กลางของเครือข่ายระบบป้องกันภัยทางอากาศก็ถือว่าสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามระบบป้องกันภัยทางอากาศประเภทนี้ถ้าใช้งานแบบสแตนอโลนก็มีจุดอ่อนอยู่อย่างน้อย 3 ข้อ ผมขออธิบายโดยใช้ S-300 และ S-400 เป็นตัวแทน

    จุดอ่อนข้อแรกของ S-300 และ S-400 มาจากจุดแข็งเรื่องระยะตรวจจับเรดาร์ แม้ในทางทฤษฎีเรดาร์ของ S-300 และ S-400 จะตรวจจับเป้าหมายได้ไกลสุดถึง 600 กิโลเมตร แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้หมายความว่าจะเห็นเป้าหมายทุกชนิดได้ที่ระยะ 600 กิโลเมตรเท่ากันหมด ขึ้นอยู่กับขนาดของอากาศยานและในกรณีของเครื่องบินสเตลท์ก็คือสารเคลือบผิว ส่งผลต่อขนาดหน้าตัดเรดาร์ ยิ่งหน้าตัดเรดาร์มีขนาดเล็ก ก็ยิ่งตรวจจับได้ยาก ระยะที่เรดาร์ของ S-300 และ S-400 สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ก็จะค่อยๆขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อระยะตรวจจับเรดาร์คือสภาพภูมิประเทศและความโค้งของผิวโลก ถ้าอากาศยานหรือจรวดร่อนของฝ่ายตรงข้ามบินต่ำลัดเลาะมาตามสภาพภูมิประเทศ ก็อาจหลบเรดาร์ของ S-300 และ S-400 ได้ ข้อนี้เป็นเหตุผลอธิบายว่าทำไมเรดาร์มักจะตั้งอยู่บนที่สูง รถฐานยิงอาจซ่อนพรางอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่เรดาร์ต้องอยู่บนที่สูง เพื่อให้เห็นเป้าหมาย

    จุดอ่อนข้อที่สองก็มาจากจุดแข็งเรื่องระยะยิงของจรวด แม้จรวดของ S-300 และ S-400 จะมีหลายรุ่น หลายระยะ ตั้งแต่ระยะใกล้สุด 40 กิโลเมตร ไปจนถึงระยะไกลสุด 200 – 250 กิโลเมตรในกรณีของ S-300 และ 380 กิโลเมตรในกรณีของ S-400 แต่ในทางปฏิบัติเนื่องจากรถฐานยิงของ S-300 และ S-400 คันหนึ่งมีจรวดเพียง 4 ลูก จึงมักเลือกติดเฉพาะจรวดพิสัยไกลเท่านั้น จรวดเหล่านี้มีระยะยิงไกลสุดไกลมากก็จริง แต่ระยะยิง “ใกล้สุด” ก็ไกลออกไปด้วยเช่นกัน ถ้าอากาศยานหรือจรวดร่อนของฝ่ายตรงข้าม อาศัยสภาพภูมิประเทศบินต่ำหลบเรดาร์เล็ดลอดเข้ามาประชิด S-300 และ S-400 ได้ก็จบเกม

    จุดอ่อนข้อที่สามของ S-300 และ S-400 ก็คือจำนวนจรวด เนื่องจากปกติ S-300 และ S-400 ระบบหนึ่งมีรถฐานยิง 4 – 8 คัน (ความจริงรองรับได้สูงสุด 12 คัน แต่ผมยังไม่เห็น S-300 หรือ S-400 ของประเทศไหนรวมถึงรัสเซียมีจำนวนรถฐานยิงต่อระบบมากขนาดนั้น) แต่ละคันมีจรวด 4 ลูก ปกติจะทำการยิงจรวด 2 ลูกต่อ 1 เป้าหมาย เท่ากับว่าในทางปฏิบัติ S-300 และ S-400 ระบบหนึ่งจะทำการต่อตีเป้าหมายได้พร้อมกันไม่เกิน 8 – 16 เป้าหมาย ถ้าอากาศยานของฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมาก S-300 และ S-400 ก็รับมือไม่ไหวเช่นกัน

    จะเห็นได้ว่าจุดอ่อนสำคัญของ S-300 และ S-400 คือเรดาร์ไม่สามารถตรวจจับอากาศยานและจรวดร่อนของฝ่ายตรงข้ามที่บินต่ำลัดเลาะสภาพภูมิประเทศเข้ามาได้ รวมถึงมีจำนวนจรวดน้อย วิธีแก้ไขคือต้องจับคู่ S-300 และ S-400 กับระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยใกล้และกลางที่มีระยะยิงรองลงมาเพื่ออุดช่องว่าง ในกรณีของรัสเซียมักจับคู่ S-400 กับระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir-S1 ซึ่งติดอาวุธปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 30 มิลลิเมตร 2 กระบอก ระยะยิง 4 กิโลเมตรและจรวดพื้นสู่อากาศระยะยิง 20 กิโลเมตร 12 ลูก โดยหน้าที่ของ Pantsir-S1 คือการรับมืออากาศยานและจรวดร่อนของฝ่ายตรงข้ามที่เล็ดลอดเข้ามาประชิด S-400 ได้ เพื่อให้ S-400 มุ่งความสนใจไปที่อากาศยานของฝ่ายตรงข้ามในระยะไกลได้เต็มที่ ในกรณีของฐานทัพอากาศ Hmeymim ของรัสเซียในจังหวัดลาตาเกียของซีเรียนอกจาก S-400 และ Pantsir-S1 แล้วรัสเซียยังวางกำลังระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยใกล้ Tor-M2 เสริมเข้าไปอีกรุ่นหนึ่ง ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าแม้ระบบป้องกันภัยทางอากาศจะสามารถใช้งานแบบสแตนอโลนได้ แต่ในทางปฏิบัติควรวางกำลังเป็นเครือข่ายเพื่ออุดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งของกันและกัน

    สวัสดี

    19.05.2020

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,704
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลงทุนแมนสัมภาษณ์ คุณบิลเจ้าของไมเนอร์ กรณีเพิ่มทุน /โดย ลงทุนแมน
    ล่าสุด บริษัทไมเนอร์มีข่าวใหญ่กรณีการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมมูลค่าราว 25,000 ล้านบาท
    ผ่านการออกหุ้นกู้ เพิ่มทุน และออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ

    ถ้าใครยังไม่รู้จักบริษัทไมเนอร์ บริษัทนี้เป็นเจ้าของ และบริหารเครือโรงแรมกว่า 530 แห่ง
    เช่น อนันตรา, เอ็นเอช โฮเทลส์, แมริออท และเซนต์ รีจิส

    รวมถึงร้านอาหารกว่า 2,300 แห่ง เช่น เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์ และ บอนชอน

    โดยแบรนด์ทั้งหมดนี้ กระจายธุรกิจอยู่ในหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก

    แต่ทุกอย่างในโลกนี้ ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
    เมื่อโรคระบาดทำให้การเดินทาง การออกไปกินข้าวนอกบ้านหยุดชะงัก
    ทำให้บริษัทต้องปิดโรงแรม และร้านอาหารในหลายประเทศที่บริษัทได้ดำเนินกิจการอยู่
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    พอเรื่องเป็นแบบนี้ ธุรกิจไมเนอร์ จึงต้องหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
    เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง
    ไมเนอร์ได้วางแผนรับมือผ่านการจัดหาทุนมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท
    ผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ประกอบด้วย

    1. การออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุน มูลค่า 10,000 ล้านบาท
    2. การเพิ่มทุนโดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน มูลค่า 10,000 ล้านบาท
    3. การออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ อายุ 3 ปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท

    สำหรับหุ้นเพิ่มทุนจะถูกจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราไม่ต่ำกว่า 6.45 หุ้น ต่อหุ้นเพิ่มทุน 1 หุ้น

    ถึงตรงนี้ หลายคนโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นไมเนอร์ คงมีคำถามว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้ผู้ถือหุ้นเดิมจะกระทบอย่างไร

    เรื่องนี้สามารถถูกแบ่งออกเป็น 2 กรณี ก็คือ

    1. หากเราไม่เพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นของเราจะลดลง (Dilute) ประมาณ 13.4% แต่การมีสัดส่วนที่ลดลงในครั้งนี้ก็เพื่อแลกกับบริษัทที่จะแข็งแกร่งขึ้นจากการได้เงินทุนเป็นหมื่นล้านบาทของคนที่เพิ่มทุน

    2. หากเราเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นของเราจะคงเดิม โดยราคาของหุ้นเพิ่มทุน จะเป็นราคาตลาดเฉลี่ย 7 ถึง 15 วัน ก่อนวันกำหนดราคา โดยมีส่วนลดไม่เกิน 15%

    นอกจากนี้ หากใครถือหุ้นไมเนอร์ก็จะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือวอร์แรนท์ ที่สามารถใช้สิทธิได้ใน 3 ปีข้างหน้า

    แล้วในมุมของคุณบิล (วิลเลียม อี.ไฮเน็ค) เจ้าของบริษัทไมเนอร์ ให้ความเห็นอะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้?

    คุณบิลเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานกรรมการของไมเนอร์และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ระบุว่าเขามีความต้องการที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นของตนเองทั้งหมด รวมถึงเต็มใจจะจองซื้อเกินกว่าสิทธิ เช่นกัน

    สำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิ ทุกคนที่ถือหุ้นไมเนอร์ และทุกคนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ แต่คนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิมากกว่าคนที่ไม่เพิ่มทุน เพราะใบสำคัญแสดงสิทธิจะยึดกับจำนวนหุ้นที่ถือหลังจากเพิ่มทุนแล้ว

    โดยปกติแล้วราคาใช้สิทธิจะสูงกว่าราคาตลาดมาก แต่คราวนี้ไมเนอร์ตั้งราคาใช้สิทธิต่ำ ๆ เพื่อให้เป็นรางวัลและแรงจูงใจผู้ถือหุ้น และราคาใช้สิทธินั้นไม่ได้เป็นตัวชี้ราคาหุ้นในอนาคต โดยที่ไมเนอร์ตั้งใจตั้งราคาต่ำ ๆ ให้ผู้ถือใบแสดงสิทธิได้กำไรตอนใช้สิทธิใน 3 ปีข้างหน้า

    โดยคุณบิลยืนยันว่ากลยุทธ์การจัดหาเงินทุนครั้งนี้ทั้งการออกหุ้นกู้ ออกหุ้นเพิ่มทุน ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ถือว่าเป็นแผนการเบ็ดเสร็จในคราวเดียว จะไม่มีการออกอะไรเพิ่มอีก และเกินพอที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้บริษัท แม้สถานการณ์จะยืดเยื้อออกไปอีก

    ในส่วนของการอนุมัติหรือมติเป็นเอกฉันทท์จากคณะกรรมการบริษัทก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะภายในบอร์ดบริหาร หรือคณะกรรมการเองก็มีผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างคุณบิลอยู่

    คุณบิลในฐานะผู้ที่สร้างไมเนอร์ขึ้นมากับมือ บอกว่ามีความมั่นใจว่าบริษัท จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อีกครั้ง เพราะจากกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ไมเนอร์ เผชิญกับวัฏจักรทางเศรษฐกิจมาแล้วมากมาย
    ทำให้มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่ต่างจากผู้อื่น

    ที่สำคัญคือ ไมเนอร์ ประกอบด้วยธุรกิจที่หลากหลาย มีแบรนด์ในเครือที่มีคุณภาพ และคงอยู่ในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ที่จะไม่เปลี่ยนแปลง

    โดยในอนาคตไมเนอร์จะปรับโครงสร้างให้มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น
    เพื่อรองรับพฤติกรรมของลูกค้า และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนในอนาคต

    คุณบิล ยังมองว่าสุดท้ายแล้วอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและร้านอาหารจะฟื้นตัว
    และไมเนอร์ก็จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญของทั้ง 2 อุตสาหกรรมนี้

    ซึ่งที่ผ่านมา หากดูจากข้อมูลในอดีต
    ผลประกอบการของไมเนอร์ ก็มีการเติบโตมาโดยตลอด
    มีการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเพิ่มแบรนด์ที่แข็งแกร่งเข้ามาในพอร์ตธุรกิจ

    ในระยะยาว เมื่อทุกอย่างกับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
    ไมเนอร์ ก็น่าจะมีความพร้อม และศักยภาพที่จะกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

    สรุปแล้วก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ไมเนอร์จะผ่านบททดสอบครั้งสำคัญของบริษัทจาก วิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน

    แต่สำหรับคุณบิลแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กังวลและไม่ลังเลที่จะพาไมเนอร์กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

    “การระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 นี้จะส่งผลกระทบเพียงแค่ชั่วคราว
    แต่คุณค่าของแบรนด์จะยังคงอยู่ในระยะยาว”
    -คุณบิล กล่าวประโยคนี้ทิ้งท้าย..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - ลงทุนแมน
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    Reference
    https://portal.settrade.com/simsImg/news/histri/202005/20060895.pdf

    หมายเหตุ บทความนี้มีเจตนาเพื่อนำเสนอข้อมูลของบริษัทเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำให้มีการซื้อหรือขายหุ้นนี้แต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

     

แชร์หน้านี้

Loading...