ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    #โรคระบาด #โควิด19
    // ผลการวิจัยชี้โควิด-19 ติดเชื้อง่ายผ่านดวงตามนุษย์ - นักวิทย์จีนตรวจพบโควิด-19 ในอสุจิชายติดเชื้อ //
    09/05/20
    ผลการศึกษาพบว่าไวรัส โรคโควิด-19 มีความสามารถในการติดเชื้อที่ เยื่อตาและทางเดินหายใจส่วนบนมากกว่า โรคซาร์ส,ไวรัส H1N1 - ดวงตา เป็นจุดเปราะบางต่อการติดเชื้อโควิด-19 ,สูงกว่าไวรัสซาร์สถึง 100 เท่า
    คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong) เปิดเผยการค้นพบว่าไวรัสโรคโควิด-19 มีความสามารถในการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจและดวงตา เหนือกว่าไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส (SARS)
    ไมเคิล เฉิน จื้อ-เวย (Michael Chan Chi-wai) รองศาสตราจารย์จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ ทำงานร่วมกับทีมวิจัยโดยเปรียบเทียบการติดเชื้อของไวรัสโรคโควิด-19 ไวรัสโรคซาร์ส และไวรัสไข้หวัดใหญ่ต่างๆ เช่น เอช5เอ็น1 (H5N1) และเอช1เอ็น1 (H1N1) ด้วยการศึกษาเนื้อเยื่อระบบทางเดินหายใจส่วนบนและเนื้อเยื่อตาของมนุษย์ในห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 3 แห่งหนึ่ง
    ผลการศึกษาพบว่าไวรัสโรคโควิด-19 มีความสามารถในการติดเชื้อที่เยื่อตาและทางเดินหายใจส่วนบนมากกว่าไวรัสโรคซาร์ส และมีระดับการติดเชื้อใกล้เคียงกับที่พบในการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1
    เมื่อพิจารณาร่วมกันแล้ว ข้อมูลเหล่านี้จึงอธิบายได้ถึงความสามารถในการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ที่สูงกว่าโรคซาร์ส “การศึกษาครั้งนี้ยังย้ำถึงข้อเท็จจริงที่ว่าดวงตาอาจเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ในมนุษย์” เฉินกล่าว
    ทีมวิจัยกลุ่มนี้ค้นพบในการศึกษาก่อนหน้านี้ว่าโรคโควิด-19 สามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวที่เรียบ เช่น เหล็กไร้สนิม (stainless) แก้ว และพลาสติก ได้นาน 2-3 วัน และการค้นพบครั้งใหม่ได้ตอกย้ำความเป็นไปได้ที่ไวรัสอาจแพร่กระจายจากพื้นผิวที่ปนเปื้อนผ่านทางมือ หลังคนเอามือไปสัมผัสและขยี้ตา
    การศึกษาดังกล่าวเสริมว่าการหลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง พร้อมย้ำว่าการหมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือแอลกอฮอล์คือมาตรการที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่โรคโควิด-19 จากพื้นผิวที่ปนเปื้อนมาสู่จมูกและปากของคน
    การศึกษาฉบับนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์แลนเซต เรสพิราทอรี เมดิซิน (Lancet Respiratory Medicine)
    https://businesstoday.co/covid-19/09/05/2020/%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%9419/
    “การเพาะเนื้อเยื่อที่เก็บตัวอย่างจากระบบทางเดินหายใจส่วนบน และเยื่อบุตา พบว่า ไวรัสที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อโควิด-19 มีประสิทธิภาพในการแพร่เชื้อไวรัส SAR-Cov2 ผ่านสองช่องทางเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ สูงกว่าไวรัสตัวอื่น ๆ 80 ถึง 100 เท่าตัว”
    ดร.ชาน กล่าว
    งานวิจัยชิ้นนี้ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่และเกิดการเปลี่ยนแปลงมาตรการสุขอนามัย โดยเฉพาะบุคลากรทางแพทย์ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ให้สวมแว่นตาผ่าตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วย นอกเหนือจากการสวมหน้ากากอนามัย N-95 และชุด PPE ขณะเดียวกันก็มีการเตือนให้ประชาชนระมัดระวังหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสดวงตา
    WHO เตือนเร่งเปิดเมือง เสี่ยงโควิด-19 ระบาดรอบ 2 หากไม่ระมัดระวัง
    https://news.thaipbs.or.th/content/292240
    https://www.youtube.com/watch?v=yXncTFRksO8
    การวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์ JAMA เมื่อวันพฤหัสบดี เปิดเผยว่า พบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ในอสุจิของชายผู้ติดเชื้อหลายสิบคน สร้างความกังวลว่าโควิด-19 อาจติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ตามรายงานของ CNN และ Livescience
    รายงานที่ตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า นักวิจัยจีนในโรงพยาบาลซางชิว (Shangqiu Municipal Hospital) ได้ตรวจร่างกายคนไข้ชายที่ติดเชื้อโควิด-19 ช่วงการระบาดหนักในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ พบว่า 16% ในนั้นมีเชื้อโควิด-19 ในอสุจิของพวกเขา โดย 25% ในนั้นล้มป่วยรุนแรง ส่วนอีก 9% หายดีขึ้น โดยทีมวิจัยใช้ข้อมูลจากคนไข้ชาย 38 คนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งนี้
    พบเชื้อโควิด-19 ในอสุจิของผู้ติดเชื้อแม้ว่าพวกเขาจะหายดีแล้วก็ตาม
    แต่ยังไม่พบว่าจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยการศึกษาเพิ่มเติม
    การพบเชื้อไวรัสในอสุจิของผู้ติดเชื้อไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการแพทย์ เพราะก่อนหน้านี้มีการพบเชื้ออีโบลาและไวรัสซิกาในอสุจิผู้ติดเชื้อที่หายดีแล้วมาก่อน
    https://www.voathai.com/a/researcher-found-coronavirus-in-infected-men-s-semen-05082020/5411975.html
    บทความที่ตีพิมพ์ในเว็บไซต์วิชาการ The Conversation ซึ่งเขียนโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคนต์ของสหราชอาณาจักร ชี้ว่าผู้คนไม่ควรจะต้องเป็นกังวลเรื่องที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะปัญหาดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อไวรัสสามารถอยู่อาศัยในอัณฑะของผู้ติดเชื้อได้นานเป็นพิเศษ แม้จะฟื้นตัวจนหายป่วยไปแล้วก็ตาม ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาใดที่สามารถยืนยันถึงกรณีที่ว่านี้
    https://www.bbc.com/thai/international-52585861
    CR ภาพ : NationTV22,BBC
    #Watchers

    xz4ixpD100I1xrnLqfqm7XdsUDmZV9de3PmErjmwMmsY&_nc_ohc=tSupTmqEumgAX-pfnhS&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    hJI-IAt01NnrvYOBQrBvTHO2KCnAgP4FJeioSoXYysJX&_nc_ohc=bXZgitGH5EAAX_pgOQb&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg ZCDc7v_FonA4O_Ud7Kwuzph8YOWz0HM0Kc-FZ64oyb62&_nc_ohc=B4t_ZWvq7dAAX9RKyYb&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    #Volcano
    09/05/20
    ภูเขาไฟ Sakurajima ปะทุอีกครั้งในเช้านี้ (09/05/2020)ด้วย ควันไอน้ำเขม่าเถ้า สูงราว 4200m
    CR: VolcanoYT
    #Watchers

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เศร้าครูสาวที่ศูนย์บ้านเด็ก อ.แม่แจ่ม ถูกฟ้าผ่าตาย ส่วนเพื่อนครูบาดเจ็บ
    ฟ้าผ่าตรงศูนย์เด็กบ้านถวน ต.บ้านทับ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ทำให้ "ครูนก" ครูสาวเสียชีวิต ขณะกำลังเตรียมแผนการสอนกับเพื่อนครู ส่วนเพื่อนครูบาดเจ็บ ด้านครอบครัวและลูก 2 ขวบเดือดร้อนเสียเสาหลัก

    www.thairath.co.th%2Fmedia%2FdFQROr7oWzulq5FZUEVS7RrzYnxU320r5vRWwks0tvO0d3FeChi67fDRrYNrD2pYGjq.jpg

    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    https://www.thairath.co.th/news/loc...2YKrzMCrr-JzTHOynGKbrwOQjcsbyyLQ0AU5eplp4NY8k
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก็บตกตะวันออกกลาง
    Wt0fsagbmOQwpy1MwuJ4m7YMNvgeI4XvJEcmIIIR2GY5&_nc_ohc=7d0J9n5RS5oAX8uwgkw&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png
    ปอมเปโอชี้ เราจะร่วมมือกับอิสราเอลเพื่อยับยั้งภัยคุกคามของอิหร่าน
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเดินทางมาถึงดินแดนที่ถูกยึดครอง(อิสราเอล) เมื่อหลายชั่วโมงก่อน(วันพุธที่ 13 พฤษาภาคม)ได้ทวีตข้อความบนหน้าTwitter ส่วนตัวว่า เขากำลังมองหาความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลในการเผชิญหน้ากับอิหร่าน
    นายไมค์ ปอมเปโอ Mike Pompeo รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้เดินทางมาถึงดินแดนที่ถูกยึดครอง เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่อิสราเอลและเขาได้โพสต์บนหน้าทวิตเตอร์ โดยเผยแพร่รูปภาพของช่วงเวลาที่เขาเข้าสู่ดินแดนที่ถูกยึดครองและสภาพที่สวมใสหน้ากากอนามัยว่า เขาแสดงความพึงพอใจต่อความร่วมมือกับระบอบการปกครองของอิสราเอลที่มีต่ออิหร่าน
    ขาเขียนข้อความบนหน้า Twitter ว่า “ผมรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับนาย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลและนายเบนนี แกนต์ส เพื่อรับมือและป้องกันภัยคุกคามที่สำคัญสองประการ กล่าวคือ โควิด-19 และอิหร่านในอิสราเอล ทั้งนี้ อิสราเอลและสหรัฐอเมริกาจะร่วมมือเพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้
    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเดินทางมาถึงดินแดนที่ถูกยึดครองในการเยือนเพียงวันเดียว เพื่อเข้าหารือประเด็นต่าง ๆ กับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลและเจ้าหน้าที่อื่นๆของอิสราเอล รวมถึง นายเบนนี แกนต์ส ผู้นำพรรคสีน้ำเงินขาว ทั้งนี้ตามรายงานเปิดเผยว่า ประเด็นหลักของการเจรจาเหล่านี้ คือ ประเด็นอิหร่าน
    อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ Haaretz ของอิสราเอล ได้รายงานถึงการเดินทางเยือนอิสราเอลของนายปอมเปโอ โดยระบุว่า วันนี้ (วันพุธที่ 13 พฤษาภาคม) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้เดินทางมา ถือว่าเป็นการเดินทางเพียงระยะสั้น โดยมุ่งเน้นถึงประเด็นอิหร่านเป็นประเด็นหลัก และแผนการในการผนวกเขตเวสแบงก์ เข้ากับอิสราเอล การต่อสู้ร่วมกับระหว่างอิสราเอล-สหรัฐในการจัดการไวรัสโคโรน่า และอีกหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องในตะวันออกกลาง
    ตามรายงานดังกล่าว ยังระบุว่า นี่ถือว่าเป็นการเดินทางครั้งแรกที่เป็นทางการของต่างชาติ หลังจากมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าในอิสราเอล โดยมีการห้ามต่างชาติเดินทางเข้าพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

    #เพจเก็บตกตะวันออกกลาง
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'น้องชมพู่' เด็กหญิงวัย 3 ขวบ หายออกจากบ้านในพื้นที่หมู่ 2 บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่ 11 พ.ค. เจ้าหน้าที่ปูพรมค้นหาในพื้นที่ป่าสวนยาง ไร่มันสำปะหลัง รวมถึงพื้นที่ป่าเขาภูพานน้อย ที่ติดหมู่บ้าน ในรัศมีกว่า 5 กิโลเมตร
    .
    ล่าสุดมีรายงานว่าพบน้องชมพู่แล้ว ในสภาพเปลือยกายไร้ลมหายใจ บนภูเขาห่างจากตัวบ้านเด็ก ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยจุดดังกล่าวเจ้าหน้าที่เคยเดินค้นหาแล้วแต่ไม่พบ ขณะที่ครอบครัวเพิ่งระดมร่างทรงทำพิธีทุกรูปแบบเพื่อให้ค้นพบลูกสาว
    .
    หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม จะนำเสนอให้ทราบต่อไป #ข่าวช่องวัน ดูน้อยลง
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ติดเชื้อในซาอุดีฯ เพิ่ม 2,039 ราย (ยอดเกิน 2 พันรายเป็นวันแรก)/ยอดสะสม 46,869 ราย..
    รักษาหายรวม 19,114 ราย/เสียชีวิตรวม 283 ราย
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดลงเสียที จนหลายคนอาจจะเริ่มสงสัยกันขึ้นมาบ้างแล้วว่า..
    8uo_F1mDOdbAFFirpYngU-_mW7k1UQdamGSm4X18wyPX&_nc_ohc=obSNOzwpYv0AX_m5w_D&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
    "เหล่านักวิทยาศาสตร์มีการทดลองสร้างวัคซีนโควิด-19 กันอยู่จริงหรือไม่?"
    "ตอนนี้ประเทศไหนกัน ที่กำลังเป็นผู้นำการทดลองนี้?"
    และ "เมื่อไรจะได้ใช้งานวัคซีนเหล่านี้สักที?"
    ซึ่งในวันนี้เอง เราก็จะไปร่วมหาคำตอบของคำถามดังกล่าวนี้ไปพร้อมๆ กัน...
    มีการสร้างวัคซีนโควิด-19 จริงหรือ!?
    คำถามแรกนั้นเรียกได้ว่า เป็นคำถามที่ตอบได้ง่ายที่สุด
    สำหรับหลายๆ คนที่เคยมีโอกาสได้ติดตามข่าวอยู่บ้าง ก็คงจะมีโอกาสเห็นข่าวความพยายามสร้างวัคซีนโควิด-19 ขึ้นมาจากหลายแห่ง
    และหากว่าเราอ้างอิงจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าในปัจจุบันนั้นเรามีวัคซีนต้นแบบของที่ทำขึ้นมาเพื่อรักษาโรคโควิด-19 อยู่มากกว่า 110 ชิ้นเลยด้วย
    โดยสาเหตุที่เรามีวัคซีนมากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจาก "วิธีการ" ที่วัคซีนใช้ในการกระตุ้นระบบป้องกันไวรัส (เช่นใช้ไวรัสที่ตายไปแล้ว หรือใช้ดีเอ็นเอเพื่อป้องกันโรค)
    ซึ่งบ่อยครั้ง วิธีการดังกล่าวก็ต่างกันไป จนทำให้ต้องใช้งานวิจัยแยกกัน
    แต่ในอีกส่วนหนึ่งเอง ก็มาจากเหตุผลทางธุรกิจ อย่างการแข่งขันกันของบริษัท หรือกลุ่มคนที่คิดค้นวัคซีน ที่หวังจะสร้างให้สำเร็จก่อนกลุ่มอื่นๆ
    และความจริงในข้อนี้เองก็นำไปสู่คำถามข้อที่สองที่ว่า เมื่อมีการแข่งขันแล้ว ตอนนี้ประเทศไหนกันที่กำลังเป็นผู้นำของการแข่งขันนี้!?
    แล้วใครคือประเทศผู้นำ ในการทดลองวัคซีน!?
    จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ในปัจจุบันทั่วโลกของเรามีวัคซีนที่ได้ทดลองในมนุษย์แล้วทั้งสิ้น 6 ชิ้นใหญ่ๆ
    ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนแต่จะมาจากประเทศยักษ์ใหญ่ ประกอบด้วย
    1. ประเทศจีน
    ด้วยความที่ประเทศจีนเป็นประเทศแรกในโลกที่ต้องเผชิญหน้ากับไวรัสนี้ มันจึงทำให้พวกเขามีความก้าวหน้าทางด้านวัคซีนสูงกว่าประเทศอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
    โดยวัคซีนต้นแบบที่น่าจับตามองของพวกเขา ก็อย่างเช่น
    - "Formalin-inactivated candidate vaccine" ของบริษัท Sinovac
    - "Ad5-nCoV" โดยบริษัท CanSino Biologics Inc และสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพปักกิ่ง
    โดยวัคซีนชิ้นแรกอยู่ในช่วงการทดลอง "เฟส 1/2"
    อธิบายง่ายๆ ก็คือ...
    การทดลองที่ควบ เฟส 1 ที่ทำการทดลองในคนกลุ่มเล็กประมาณ 30-50 คน
    และเฟส 2 ที่ปกติจะทำการทดลองในคนกลุ่มใหญ่ประมาณ 100 คน เข้าด้วยกัน เพื่อความเร็วในการทดลอง
    (บางทีก็จะมีการเพิ่มจำนวนคนที่เข้ารับร่วมทดลอง ขึ้นเป็นหลายร้อยถึงหลายพันคน)
    ในขณะที่วัคซีน Ad5-nCoV ในปัจจุบันเข้าสู่การทดลองเฟส 2 ไปแล้ว โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มอาสาสมัคร 108 คน
    2. สหรัฐอเมริกา
    สำหรับประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกประเทศนี้ พวกเขามีวัคซีนต้นแบบที่ได้ทดลองกับมนุษย์แล้ว 2 ชนิดได้แก่
    - "INO-4800" ของบริษัท Inovio Pharmaceuticals Inc.
    - "mRNA-1273" ภายใต้ความร่วมมือของบริษัท Moderna กับสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ
    โดยวัคซีน INO-4800 นั้นในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการทดลองเฟส 1 กับกลุ่มอาสาสมัคร 40 คน
    ส่วนเจ้าตัวหลัง mRNA-1273 นั้นน่าสนใจมาก เพราะมันได้รับความมั่นใจจนข้ามมาทดลองในคนเลย จึงกลายเป็นวัคซีนที่ตัดหน้าชาวบ้านเข้าสู่เฟส 2 เป็นที่เรียบร้อย
    (บางแหล่งข่าวว่า หน่วยงานสหรัฐฯ ตั้งใจแข่งกับจีน จึงต้องรีบเสียขนาดนี้)
    3. ประเทศอังกฤษ และเยอรมนี
    ประเทศอังกฤษ และเยอรมนี มีวัคซีนต้นแบบที่ได้เข้าสู่การทดลองทางคลินิกอยู่ประเทศละหนึ่งแบบ ประกอบด้วย
    - "ChAdOx1" ของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด (ประเทศอังกฤษ)
    - "BNT162" ผลงานความร่วมมือของบริษัท BioNTech, Fosun Pharma และ Pfizer (ผลงานร่วมระหว่างเยอรมนี-จีน-สหรัฐฯ)
    โดยวัคซีน ChAdOx1 นั้น แม้ว่าในปัจจุบันจะยังคงอยู่ในเฟส 1/2 เช่นกัน แต่ดูเหมือนการพัฒนาจะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
    จนผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยออกมาบอกว่า "เธอมั่นใจ 80%" ว่าวัคซีนจะใช้งานได้ในเดือนกันยายนนี้เสียด้วย
    ส่วนวัคซีน BNT162 นั้นด้วยความที่ว่าเป็นวัคซีนที่จัดทำขึ้นด้วยความร่วมมือของนานาประเทศ พวกเขาจึงมีกลุ่มอาสาสมัครที่พร้อมรับการทดลองถึง 7,600 คน
    ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดดีของความร่วมมือแบบนี้
    แล้วเมื่อไรถึงจะสำเร็จ!? แล้วจะเป็นยังไงหากวัคซีนสำเร็จขึ้นมาจริงๆ..
    อย่างที่หลายคนประเมินว่า เร็วที่สุดก็คงเป็นกันยายนปีนี้!!
    และกว่าที่วัคซีนจะไปถึงมือคนนับล้านทั่วโลก อย่างเร็วก็คือต้นปีหรือกระทั่งกลางปีหน้า
    แน่นอนว่า ทันทีที่การสร้างวัคซีนโรคโควิด-19 สำเร็จได้ด้วยดี ประเทศหรือบริษัทใดก็ตามที่สร้างวัคซีนได้สำเร็จ ก็จะได้รับสิทธิในการจดสิทธิบัตรวัคซีนดังกล่าว
    ซึ่งสมมติว่าวัคซีนถูกสร้างขึ้นโดยคนกลุ่มเดียว พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะสร้างเงื่อนไขทางการค้า ราคาวัคซีนอาจจะแพงไม่สามารถเข้าถึงได้โดยทุกๆ คน
    ดังนั้นการที่วัคซีนโรคโควิด-19 ถูกวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์หลายกลุ่ม จนทำให้เกิดการแข่งขันขึ้นทั้งด้านการแข่งพัฒนา และแข่งขันด้านราคา จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่คิด
    ไม่ว่าวัคซีนจะเสร็จเร็วขึ้น หรือราคาถูกลง ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการแข่งขันไป ก็คงจะไม่พ้นคนทั่วโลกนั่นเอง
    เพราะต่อให้คิดค้นวัคซีนได้สำเร็จ แต่ถ้าคนนับพันล้านทั่วโลกไม่สามารถเข้าถึงมันได้ วิถีชีวิตของผู้คนก็คงไม่มีวันกลับมาเป็นปกติ อย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้
    แต่... อย่าลืมว่าโลกเราก็ยังคงไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกัน HIV หรือวัคซีนสำหรับโรคซาร์ส
    เพราะฉะนั้นเราอาจจะต้องเตรียมพร้อมรับมือ เพื่ออยู่บนโลกที่อาจจะไม่มีวัคซีนสำหรับโควิด-19 ด้วยก็เป็นได้
    แล้วคุณเอง คิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง...!?
    -----------------------------------------------------
    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก
    Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน
    กด Like 1f44d.png และตั้งค่าติดดาว See First 1f31f.png ไว้ด้วยนะ
    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/
    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

    https://www.billionmindset.com/how-...NQEv_xLAU1vCPPo-2o1EsIo9usweJs-DE7O0tmLlIVeB0
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นี่คือเรื่องราวของสายการบินแห่งชาติที่ขาดทุนทุกปี ถึงขั้นต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายถึง 3 ครั้ง

    6Kj2zxgWg8SQFWvBfuAKkh3o6R1TAnluqXiYlY7LVQJq&_nc_ohc=fkTWzGGGtQYAX9cD8vQ&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    เรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจ!? แล้วให้บทเรียนอะไรกับเราบ้าง!? มาติดตามไปพร้อมๆ กันครับ...
    1. สายการบินแห่งชาติ ที่ไม่ทำกำไรให้ชาติ
    Alitalia คือสายการบินประจำชาติของอิตาลี ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1946
    ในช่วงหลังสายการบินแห่งชาตินี้ขาดทุนแทบทุกปี ปัญหาหลักๆ ก็คือค่าใช้จ่ายที่สูง จะปรับเปลี่ยนแก้ไขอะไรก็ลำบาก เพราะสหภาพแรงงานไม่ยอมเสียผลประโยชน์
    ทำให้รัฐบาลอิตาลีซึ่งเป็นเจ้าของ ก็ต้องคอยนำเงินไปอุดหนุนอยู่ตลอด
    ส่วนรัฐบาลอิตาลี ก็ใช่ว่าจะร่ำรวยอะไรนัก ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจตอนปี 2008 พวกเขามีหนี้สูงถึง 106% ของจีดีพี
    (เทียบให้เห็นภาพชัดๆ รัฐบาลไทยมีหนี้ประมาณ 40% ของจีดีพี เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2006 แล้ว)
    ซึ่งพอเกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐ ตามมาด้วยวิกฤติหนี้ของประเทศยุโรป อิตาลีซึ่งไม่มีเงินไปชำระหนี้ให้กับ EU ได้ตามปกติ ก็เลยขอพักชำระหนี้
    ทาง EU ก็เลยยื่นข้อเสนอสำคัญอย่างหนึ่งคือ รัฐบาลต้องเลิกอุดหนุนสายการบินที่ขาดทุน.. และนั่นทำให้ Alitalia เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย
    2. เปลี่ยนมือจากรัฐบาล สู่เอกชน..
    หลังจากล้มละลาย นักลงทุนที่สนใจจะมาเซ้งต่อสายการบินนี้ ก็ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มที่ชื่อว่า CAI ขึ้นมา เพื่อเข้าซื้อกิจการด้วยเงินประมาณ 48,000 ล้านบาท (ค่าเงินในตอนนั้น)
    หลังจากซื้อมา พวกเขาก็ใช้ชื่อแบรนด์ Alitalia เหมือนเดิม แต่ประกาศตัวว่าเป็นสายการบินแห่งใหม่
    ทั้งการจดทะเบียนบริษัทใหม่ ตัดเครื่องบินเก่าทิ้งไป ตัดเส้นทางบินที่ไม่ทำกำไร ตัดสิทธิประโยชน์ที่มากเกินไปของพนักงาน เป็นต้น
    เมื่อมาอยู่ในมือเอกชนเต็มตัว และเปิดให้บริการในปี 2009
    ในที่สุด Alitalia ก็สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้!!
    เอ่อ.. บรรทัดบนนั้นไม่ใช่เรื่องจริงครับ เพราะหลังจากเปลี่ยนมือมา ก็เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างทีมบริหาร และสหภาพแรงงานมาโดยตลอด
    นำมาซึ่งการประท้วงหยุดงานครั้งแรกในปี 2010 หลังจากเปิดดำเนินงานมาได้เพียงปีเดียว
    หลังจากนั้นก็มีการประท้วงของพนักงานอยู่หลายครั้ง พร้อมกับปัญหาเรื่องผลประโยชน์ที่จัดการกันไม่ลงตัว นำมาซึ่งการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
    หลังจากขาดทุนรวมกันประมาณ 20,000 ล้านบาท ในที่สุดสายการบินแห่งนี้ก็ไปต่อไม่ไหว ประกาศล้มละลายอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงปลายปี 2013
    3. ล้มแล้วก็ลุกขึ้นใหม่... จริงเหรอ!?
    ในเดือนมิถุนายน 2014 สายการบิน Etihad Airways ก็เติมเงินเข้ามาลงทุนซื้อหุ้น 49% ใน Alitalia
    ส่วนที่เหลืออีก 51% ยังคงเป็นของกลุ่มทุน CAI อยู่
    หลังจากนั้นก็มีความพยายามปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ โดยเฉพาะการยกเลิกเส้นทางบินที่ไม่ทำกำไรออกไปจนหมด
    อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังต้องเผชิญปัญหากับสหภาพแรงงาน ที่ไม่ยอมรับข้อเสนอทั้งการลดเงินเดือน หรือลดคนออกไปเลย
    การบริหารแบบตะกุกตะกักนี้ ทำให้สายการบินยังคงขาดทุนจนถึงปี 2017 ซึ่งเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย
    Etihad ยืนยันว่าพร้อมจะอุดหนุนอีก 70,000 ล้านบาท เพื่อให้สายการบินยังคงเดินหน้าต่อไปได้
    แต่ต้องแลกด้วยการยอมลดพนักงาน 1,600 คน จากทั้งหมด 12,000 คน ส่วนคนที่เหลือก็ต้องยอมลดเงินเดือนอีก 8%
    แน่นอนว่ามันไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง เพราะเมื่อคุยข้อเสนอไม่ลงตัว พวกเขาก็ปล่อยให้สายการบินแห่งนี้ล้มละลายเป็นครั้งที่สาม...
    4. อนาคตที่ยังไร้ทิศทาง
    หลังจากล้มละลายในปี 2017 คราวนี้เป็นรัฐบาลอิตาลีที่ต้องมารับภาระที่เกิดขึ้นเป็นการชั่วคราว ให้สายการบินสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
    ระหว่างนั้นก็หานักลงทุนรายใหม่ที่จะสนใจมาเซ้งต่อสายการบิน
    มีการพูดคุยซื้อขายหลายครั้ง ครั้งที่ชัดเจนที่สุดก็คือการที่สายการบินสหรัฐฯ Delta จับมือกับสายการบินอังกฤษ EasyJet และการรถไฟอิตาลี มาเจรจาร่วมทุนซื้อสายการบินนี้ แต่สุดท้ายก็ล่มไป
    หรือ China Air ซึ่งก็แสดงท่าทีว่าสนใจ แต่ก็อยากจะได้หุ้นเพียง 10% เท่านั้น
    คำถามข้อสำคัญก็คือ.. ใครจะอยากได้สายการบินที่ปรับโครงสร้างได้ยาก แถมยังไม่สามารถทำกำไรได้ล่ะ!?
    ประกอบกับปัญหาโควิด-19 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อทุกสายการบินทั่วโลก คงจะไม่มีใครอยากลงทุนเพิ่มแน่ๆ
    ล่าสุดรัฐบาลอิตาลีจึงประกาศว่า พวกเขาจะเข้าซื้อกิจการให้ Alitalia กลับมาเป็นหน่วยงานของรัฐอีกครั้ง
    เท่ากับว่า 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2008 มาจนถึงปี 2020 สายการบินดังกล่าวก็วนเวียนกลับมาอยู่ที่เดิม
    บทเรียนของ Alitalia อาจจะให้แง่คิดกับเราได้หลายประการ..
    บางครั้งการแก้ปัญหาที่สะสมเรื้อรัง อาจจะเป็นเรื่องยากมาก ยากจนการสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาอาจจะง่ายกว่า
    ต่อให้เป็นมือบริหารที่เก่งและมีแผนงานดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่สามารถทำให้พนักงานปฏิบัติตามได้ มันก็เปล่าประโยชน์
    และไม่ว่าจะอยู่ในมือของใคร จะรัฐบาลหรือเอกชนก็ตาม
    สุดท้าย "สายการบินแห่งชาติอิตาลี" รายนี้ ก็ไม่สามารถทำกำไรได้อยู่ดี...
    -----------------------------------------------------
    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก
    Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน
    กด Like 1f44d.png และตั้งค่าติดดาว See First 1f31f.png ไว้ด้วยนะ
    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/
    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

    https://www.billionmindset.com/alit...wukdrC6yWmZ91d1NnThrQxeZlSt4C7QTxA-vgQSuwMOso
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไม Warren Buffett จึงมองว่า ไม่มีการลงทุนไหน ที่จะดีไปกว่าการปิดหนี้บัตรเครดิตอีกแล้ว
    เรื่องที่คุณกำลังจะได้อ่านนี้ อาจจะช่วยจบทุกปัญหาด้านการเงินของคุณ เลยก็เป็นได้...
    ในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่ได้คุยเรื่องหุ้นและการลงทุนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    m3KEjqji0oUdL7lj2LwRCq9aT4zN2G3gNAqprRH7BYmQ&_nc_ohc=jHBrn2XFksYAX-5MBTy&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    แต่มหาเศรษฐี Warren ยังได้หยิบเรื่องของเพื่อนคนหนึ่ง ให้เป็นกรณีศึกษาอีกด้วย
    เมื่อเธอเข้ามาพบเขา พร้อมกับขอทางออกเรื่องปัญหาการเงินที่กำลังเผชิญ
    คำถามแรกที่ Warren ถามกลับไปก็คือ "เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่รึเปล่า!?"
    ปรากฏว่า.. เธอมีหนี้บัตรเครดิตอยู่ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 18%
    นั่นทำให้คำแนะนำสั้นๆ ของเขาก็คือ ทำทุกวิถีทางเพื่อปิดหนี้ตรงนี้ให้หมดก่อน!!
    "ถ้าผมต้องเป็นหนี้อะไรก็ตามที่ดอกเบี้ย 18% สิ่งแรกที่ผมจะทำก็คือ จ่ายมันด้วยเงินทั้งหมดที่ผมมี"
    "รับรองได้เลยว่า มันเป็นสิ่งที่ดีกว่า ทุกไอเดียการลงทุนที่ผมมีตอนนี้"
    แล้วทำไม Warren Buffett ถึงได้กลัวหนี้บัตรเครดิตนัก!?
    คำตอบง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะ เขาเข้าใจความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่า "ดอกเบี้ยทบต้น" ได้เป็นอย่างดี
    Warren มีผลตอบแทนในการลงทุน อยู่ที่ประมาณ 20% ต่อปี แม้จะฟังดูไม่สูงมาก แต่นี่คือสิ่งที่เขาทำได้ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา
    สมมติว่า คุณไปลงทุนกับเขาในปี 1964 ด้วยเงินประมาณ 10,000 บาท
    จนถึงปัจจุบันปี 2020 เงินหมื่นหนึ่งจะกลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่ากว่า 226 ล้านบาท!!
    ดอกเบี้ยทบต้นนั้นสามารถทวีคูณได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ดีก็คือ การลงทุนนั้นมีความเสี่ยง และมีโอกาสขาดทุนได้เช่นกัน
    ในปี 1999 เขาขาดทุนไป 20%
    ย้อนไปในปี 1990 มูลค่าหุ้นของเขาลดลงไป 23%
    หรือกระทั่ง ในปี 1974 มูลค่าหุ้นของเขาตกลงไปกว่า 48%
    คุณจะรู้สึกยังไง ถ้าคุณบังเอิญเอาเงินไปลงทุนกับ Buffett ในปีนั้น แล้วเงินหายไปเกือบครึ่งในเวลาแค่ปีเดียว!?
    แม้สุดท้ายเขาสามารถทำกำไรกลับมาได้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า เส้นทางของนักลงทุนระดับโลก กับผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปีนั้นไม่ง่าย
    เราย้อนกลับมาที่ดอกเบี้ยบัตรเครดิต...
    ในสหรัฐอเมริกา ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ประมาณ 16-18%
    ขณะที่ในไทย ดอกเบี้ยบัตรเครดิตของธนาคารต่างๆ ก็อยู่ที่ประมาณ 18%
    ซึ่งสมมติว่าเราจ่ายแค่ขั้นต่ำ หรือไม่ยอมจ่ายหนี้ในส่วนนั้น มันก็จะกลายเป็นหนี้ก้อนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว จนกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
    แล้วเราจะจัดการกับหนี้บัตรเครดิตอย่างไร!?
    หลายคนกำลังหลงทาง เลือกวิธีที่ผิดๆ ด้วยการไปเป็นหนี้บัตรเครดิตใบใหม่ เพื่อมาปิดหนี้บัตรเครดิตใบเดิม
    ซึ่งในมุมมองของ Buffett สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย เพราะตัวเลข 18% นั้นก็ยังคงวิ่งต่อ มันยังทำให้คุณติดอยู่ในหล่มนี้ต่อไป
    คำแนะนำข้อแรก สำหรับคนที่พอจะมีเงินออมเอาไว้อยู่บ้าง
    ให้แบ่งเงินเอาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จากนั้นก็ให้นำเงินเก็บที่เหลือไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    คำแนะนำข้อที่สอง สำหรับคนที่ปัญหาซับซ้อนกว่านั้น
    สำหรับคนที่ไม่มีเงินสำรอง ไม่มีเงินเก็บ คุณต้องทำยังไงก็ได้ให้หนี้บัตรเครดิต 18% นั้นหมดลงเป็นก้อนแรก
    ไม่ว่าจะเป็นการขอพักชำระหนี้บ้าน ที่จะมีดอกเบี้ยเพียง 4-7%
    หรือการขอเจรจาพักชำระหนี้รถยนต์ ที่อาจจะมีดอกเบี้ย 3-5%
    คุณจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำยังไงก็ได้ ให้มีเงินมาชำระหนี้บัตรเครดิตก้อนนั้นก่อน นั่นรวมถึงการลดทุกค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในชีวิต รวมถึงค่ากินดื่ม ค่าความบันเทิงต่างๆ ก็ด้วย
    แล้วถ้าหนี้ 18% นั้นหมดลง คุณก็จะหลุดพ้นจากโซนอันตรายและจัดการกับหนี้ก้อนอื่นๆ ง่ายขึ้น
    สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ.. คุณจะต้องปรับเปลี่ยนนิสัยใหม่ ทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ต้องมั่นใจว่าจะมีเงินมาจ่ายได้แบบเต็มจำนวนทุกครั้ง
    จงจำไว้เสมอว่า "บัตรเครดิต" คือสิ่งที่ดี มันเป็นบัตรที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจ่ายเงิน แต่ต้องไม่ใช่การนำเงินในอนาคตมาใช้
    และแนวคิดแบบนั้น จะทำให้คุณหลุดพ้นได้ ไม่กลับไปอยู่ในวังวนของหนี้ 18% ที่แก้ได้ยากอีกต่อไป...
    -----------------------------------------------------
    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก
    Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน
    กด Like 1f44d.png และตั้งค่าติดดาว See First 1f31f.png ไว้ด้วยนะ
    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/
    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

    https://www.billionmindset.com/warr...5ZS9m-UzOvaxpakY9RLvK2WntKlPpRpvazI5so1cRwrvM
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เทียบผลประกอบการ 5 สายการบินไทย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำกำไรมากน้อยแค่ไหน!?
    Mq1iTBIecXnlfAYRPMV6YzBfgR72z_BM-vG9yS9JzqJd&_nc_ohc=Y99kUkuE0xwAX9GfNU-&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png

    ข้อมูลที่น่าสนใจ:

    - ทั้ง 5 สายการบินที่ยกมาในโพสต์นี้ มีเพียงสายการบินไทยไทยไลอ้อนแอร์ ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้น นอกจากนั้นอีก 4 รายเป็นบริษัทมหาชนทั้งสิ้น

    - ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา มีเพียงสายการบินไทยแอร์เอเชีย และบางกอกแอร์เวย์ ที่ผลกำไรสุทธิรวมกันเป็นบวก ที่เหลืออีกสามเจ้ามีผลประกอบการขาดทุนทุกปี

    - สำหรับไทยไลอ้อนแอร์ ให้เหตุผลถึงการขาดทุนว่า อยู่ในระหว่างการลงทุนทำตลาดสายการบินในประเทศไทย และบริษัทแม่ในอินโดนีเซียก็พร้อมช่วยแบกรับผลขาดทุนตรงนี้

    - ราคาน้ำมัน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักต่อผลกำไรของสายการบิน เพราะคิดเป็นค่าใช้จ่ายเกือบ 30% ทำให้ในปี 2018 ที่ราคาน้ำมันโลกพุ่งขึ้นสูง หลายสายการบินจึงมีรายได้ลด หรือขาดทุนเป็นจำนวนมาก

    - ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่าในปีนี้รายได้ของสายการบินในไทย จะลดลง 60% จากปีที่แล้ว

    สาเหตุสำคัญก็คือปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งน่าสนใจว่าสายการบินเหล่านี้ จะทำอย่างไรให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ในที่สุด...


    -----------------------------------------------------

    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก
    Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน


    กด Like 1f44d.png และตั้งค่าติดดาว See First 1f31f.png ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เตือนภัยด่วน
    #ไต้ฝุ่นวองฟองขึ้นบกที่ฟิลิปปินส์

    ประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่นวองฟอง (Vongfong) ที่ตอนนี้ มีรายงานว่ากระแสลมเริ่มทวีความรุนแรงถึงระดับความเร็วลม 150 กม./ชั่วโมง เตรียมพัดขึ้นบกทางด้านชายฝั่งตะวันออกของฟิลิปปินส์ในวันศุกร์นี้ ที่อาจจะทำให้เกิดฝนตกหนัก ดินถล่ม และพายุพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนได้

    และนี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกแรกที่จะมาเปิดฤดูมรสุมในย่านนี้ ปีนี้มาไวมาก 1f613.png

    ถึงแม้ว่าฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่เจอภัยพิบัติพายุไต้ฝุ่นระดับรุนแรงบ่อยๆ ในช่วงฤดูมรสุม แต่ละปี จะมีไต้ฝุ่นลูกเล็ก ลูกใหญ่พัดถล่มฟิลิปปินส์ไม่ต่ำกว่า 20 ลูก

    แต่ปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆที่ประสบมา เพราะนอกจากจะต้องรับมือกับพายุลูกโตที่กำลังจะขึ้นบกแล้ว ยังมีปัญหาการระบาดของ Covid-19 ด้วย 1f613.png

    ทางการฟิลิปปินส์ได้สั่งเตรียมอพยพประชาชนกว่า 200,000 คนออกนอกพื้นที่ ที่เป็นทางผ่านพายุ แต่ปัญหาหนักอกของท่านประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ คือ จะเอาพื้นที่หลบภัยที่ไหน ที่ยังพอเหลือที่ว่างให้เว้นระยะห่างทางสังคมได้อีก 1f611.png

    เพราะหากไม่คิดเผื่อเรื่องนี้ไว้ก่อน หลัง Super ไต้ฝุ่นผ่านพ้นไป อาจต้องปวดใจกับ Super Spreader ที่ตามมาอีกก็ได้ 1f625.png

    ทางฟิลิปปินส์กำลังปวดหัวไม่น้อย เพราะโดยปกติแล้ว สถานที่หลบภัยธรรมชาติ ส่วนมากก็เป็นหอประชุม ยิมเนเซี่ยม อาคารอเนกประสงค์ใหญ่ๆ ซึ่งตอนนี้ อาคารเหล่านี้ บางแห่งถูกนำไปใช้เป็นโรงพยาบาลสนามบ้าง ศูนย์กักโรคสำหรับผู้ป่วย Covid-19 บ้าง ไปแล้วบางส่วน

    นอกจากพื้นที่หลบภัยจะเหลือน้อยลงแล้ว บางเมืองก็มีประชากรหนาแน่น ต้องไปหลบภัยในพื้นที่เดียวกัน เรื่องการเว้นระยะห่าง มันเป็นไปไม่ได้เลย

    ในยุค Covid-19 ที่ผู้คนต้องปรับตัวกันเยอะ ที่บ้านเราเรียกกันทั่วไปว่าเป็น New Normal แต่สำหรับสถานการณ์ในฟิลิปปินส์ตอนนี้ กำลังเจอโจทย์ใหญ่มาก New Normal อาจจะฟังดูเด็กๆไปเลย น่าจะเป็น New Challenge มากกว่า

    พายุก็ต้องหลบ Covid ก็ต้องระวัง อะไรจะ Challenge ขนาดนั้น 1f613.png

    ก็ส่งใจช่วยชาวฟิลิปปินส์ เพื่อนบ้านย่านอาเซี่ยนของเรากันนะคะ แล้วอาจจะต้องเริ่มคิดในส่วนของเราแล้วว่า ถ้าหลังจากเข้าหน้ามรสุมนี้ เราจะ Social Distancing ท่ามกลางพายุกันอย่างไรนะคะ 1f613.png

    แหล่งข้อมูล

    https://www.aljazeera.com/news/2020/05/typhoon-roars-philippines-coronavirus-lockdown-200514054359710.html

    https://edition.cnn.com/2020/05/13/weather/typhoon-vongfong-tropical-philippines-forecast/index.html

    https://weather.com/storms/hurricane/news/2020-05-13-typhoon-vongfong-ambo-forecast-philippines
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (May 14) WHO เตือนโควิด-19 อาจระบาดต่อไปอีก 5 ปี ก่อนจะถูกควบคุมได้ : พญ.ซุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจดำเนินต่อไปอีก 4-5 ปี ก่อนที่จะถูกควบคุมไว้ได้

    ttps%3A%2F%2Fimage.cnbcfm.com%2Fapi%2Fv1%2Fimage%2F106536818-1589451574987gettyimages-1212106567.jpg

    พญ.สวามินาธานกล่าวว่า วัคซีนถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความปลอดภัย, การผลิต และการกระจายอย่างเป็นธรรม
    พญ.สวามินาธานกล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และมาตรการกักตัวผู้ติดเชื้อที่ประสบความสำเร็จ ถือเป็นปัจจัยที่จะตัดสินว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยาวนานเพียงใด
    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
    - WHO warns it could take up to 5 years before the coronavirus pandemic is under control: https://www.cnbc.com/2020/05/14/coronavirus-who-warns-it-could-take-up-to-5-years-to-control-pandemic.html
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วุฒิสมาชิกสหรัฐเสนอร่างกม.ให้อำนาจประธานาธิบดีในการออกมาตรการลงโทษจีนได้ : วุฒิสภาชิกจากพรรค republican ที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี Trump นำโดย นาย Lindsey Graham ได้เสนอร่างกฎหมาย COVID-19 Accountability Act เพื่อให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อเป็นการลงโทษจีน หากประธานาธิบดีไม่สามารถรับรองต่อรัฐสภาได้ว่าจีนได้ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ และ WHO ในการสืบสวนหาที่มาของไวรัส ปิดตลาดขายสัตว์ป่า และปล่อยผู้ประท้วงผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่ฮ่องกงที่โดนจับกุมหลังจากไวรัสแพร่ระบาด

    thumb%2Fmsid-75709092%2Cwidth-1070%2Cheight-580%2Cimgsize-848344%2Coverlay-economictimes%2Fphoto.jpg

    กลุ่มวุฒิสมาชิกที่ให้การสนับสนุนร่างกฎหมายนี้เห็นว่า ที่ผ่านมาทางการจีนพยายามปกปิดความจริงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสมาโดยตลอด และเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดในลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต
    ร่างกฎหมายฉบับนี้จะให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีในการเลือกใช้มาตรการ sanction กับจีนได้ อาทิ การอายัดทรัพย์ของเจ้าหน้าที่ทางการจีน การห้ามการเดินทาง การเพิกถอนวีซ่าของชาวจีนบางกลุ่ม การงดออกวีซ่านักเรียนให้กับชาวจีน การจำกัดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินสหรัฐฯ กับภาคธุรกิจจีน และการห้ามบริษัทจีนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ รวมถึงกำหนดให้ Food and Drug Administration ชี้แจงต่อรัฐสภาว่าภาคอุตสาหกรรมยาของจีนได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยในระดับเดียวกับของสหรัฐฯ ตลอดจนให้ tax credits กับการผลิตงานวิจัยและพัฒนาเพื่อดึงดูดให้สินค้ากลุ่มเป้าหมายกลับมาผลิตในสหรัฐฯ
    Source: BoTSS
    - COVID-19: US senators introduce legislation in Congress to impose sanctions on China: https://m.economictimes.com/news/international/business/covid-19-us-senators-introduce-legislation-in-congress-to-impose-sanctions-on-china/articleshow/75709096.cms
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    NEWS: ตรวจไม่พบผู้ป่วย COVID-19 เพิ่ม อย่าเพิ่งดีใจ เพราะ “คลื่นลูกที่สอง” มีอยู่จริง
    .
    หลังจากทั่วโลกต่อสู้กับ COVID-19 ด้วยการ “ปิดเมือง” ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม หลายประเทศก็เริ่ม “เปิดเมือง” หรือ “คลายล็อกดาวน์” แล้ว เพราะพบผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อย ๆ จนอยู่ในระดับที่คุมสถานการณ์ได้
    .
    ซึ่งพวกเราโดยทั่วไปก็มักจะรู้สึกว่า “สถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติ” แล้ว
    .
    แต่เราก็สบายใจได้ไม่นาน เพราะหลายประเทศหรือพื้นที่พบผู้ติดเชื้อน้อยลงเรื่อย ๆ ไป ๆ มา ๆ ก็กลับมาพบผู้ป่วยเพิ่มอีก ซึ่งนี่คือสิ่งที่เรียกว่า “คลื่นลูกที่สอง”
    .
    อะไรคือคลื่นลูกที่สอง?
    .
    อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ภาวะที่ผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่องพลิกกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งโดยทั่วไปก็เกิดได้ทั้งจากที่ประเทศคลายล็อกดาวน์ หรือบางครั้งก็เกิดขึ้นทั้งที่มาตรการยังคงเดิม ซึ่งเราจะเห็นภาวะแบบนี้ได้ตั้งแต่ที่อู่ฮั่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไปจนถึงเยอรมนี
    .
    คำถามคือ “คลื่นลูกที่สอง” เกิดขึ้นได้อย่างไร? อันนี้เราต้องกลับไปดูว่าเราสยบ “คลื่นลูกแรก” กันได้อย่างไร
    .
    วิธีการกำราบ COVID-19 ในทุกประเทศ พื้นฐานเหมือนกันหมด คือทำการล็อกดาวน์พื้นที่ (ไม่ว่าจะในระดับเมืองหรือประเทศ) ไล่ตรวจรัว ๆ หาผู้ติดเชื้อ แล้วสืบสาวว่าผู้ติดเชื้อไปทำการติดต่อกับใครบ้างในช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วก็ไล่ตรวจผู้ที่ผู้ติดเชื้อไปติดต่อให้หมดเพื่อดูว่าพวกเขาติดเชื้อไหม แล้วก็กักบริเวณตัวผู้ติดเชื้อทั้งหมดเอาไว้จนกว่าจะไม่เป็นพาหะ
    .
    นี่คือการกำราบ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งประเทศที่ทำสำเร็จคือประเทศที่สามารถระบุตัวผู้ติดเชื้อได้ “ทั้งหมด” และตรวจคนที่คนเหล่านี้ทำการติดต่อทั้งหมด นี่คือกระบวนการควบคุมการระบาดที่นำไปสู่การไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มในที่สุด
    .
    กล่าวคือมันเป็นการ “คุมการระบาดในพื้นที่” อย่างอยู่หมัดแล้ว ไม่มีใครในพื้นที่ที่เป็นพาหะอีกแล้ว
    .
    แต่ปัญหาคือคนจากนอกพื้นที่ ตั้งแต่ COVID-19 ระบาด การระบาดล้วนมาจากคนนอกพื้นที่ ก่อนจะแพร่กระจาย ทำให้คนในพื้นที่กลายเป็นพาหะ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดในการต่อสู้กับโรคนี้ ก็คือจำกัดการเข้าพื้นที่ และหาผู้ติดเชื้อในพื้นที่ให้เจอทั้งหมดดังที่ว่ามา
    .
    ปัญหาก็คือ น่าจะไม่มีประเทศไหนในโลก “ปิดประเทศ” อย่างสมบูรณ์ได้ (อาจยกเว้นเกาหลีเหนือ) เพราะสิ่งที่ทุกประเทศทำอยู่ก็คือการพยายามห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ แต่สิ่งที่ทำไม่ได้แน่นอนก็คือการห้ามพลเมืองของประเทศนั้น ๆ เข้าออกประเทศ เพราะนี่คือสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐานที่นานาชาติยอมรับกัน
    .
    ปัญหาที่ทำให้เกิดของคลื่นลูกที่สองก็คือ พลเมืองในประเทศนั่นแหละ ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และนำ COVID-19 กลับมาด้วย ทำให้พื้นที่ที่ “ปลอดเชื้อ” ไปแล้ว กลับมามีการระบาดใหม่ที่ตอนนี้เรียกกันว่า “คลื่นลูกที่สอง”
    .
    การคุม “คลื่นลูกที่สอง” ไม่ให้หนักเท่าคลื่นลูกแรก หลัก ๆ คือการควบคุมคนที่เข้าประเทศอย่างจริงจัง คือต้องตรวจคนเข้าประเทศ และบังคับกักตัว ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่หลายประเทศทำอยู่แล้วในระดับมาตรการ
    .
    แต่ในความเป็นจริง ช่วงที่ผ่านมา การเดินทางเข้าออกประเทศต่าง ๆ ยากมาก เพราะถ้าไม่นับว่าหลาย ๆ ประเทศห้ามคนเข้าประเทศแล้ว เว้นแต่จะเป็นพลเมือง อีกปัจจัยที่ทำให้การเดินทางข้ามประเทศน้อยลงมากก็คือ เที่ยวบินของสายการบินต่าง ๆ ยกเลิกกันพัลวัน (ซึ่งก็เพราะมีคนจะบินน้อยเกินไป ขายตั๋วไม่ได้ถึงจุดคุ้มทุน เที่ยวบินก็ยกเลิก)
    .
    อย่างไรก็ดี เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง คนก็เริ่มกลับมาเดินทางกันมากขึ้นกว่าช่วงที่แล้ว และคนที่เดินทางข้ามประเทศเหล่านี้แหละคือต้นตอของคลื่นลูกที่สองในพื้นที่ที่เรียกได้ว่า “ปลอดการระบาด” ไปแล้ว
    .
    ตัวอย่างของ “คลื่นลูกที่สอง” ที่เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ เรียกได้ว่าเป็นบทเรียนที่ดี ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากการที่คุมการระบาดได้เรียบร้อย
    .
    จุดที่น่าสนใจก็คือ ในหลาย ๆ พื้นที่เริ่มรายงานแล้วว่า คลื่นลูกที่สอง นี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เช่น ในฮ่องกง “คลื่นลูกที่สอง” ในตอนแรก ๆ เรียกได้ว่าเบามาก เพราะผู้ติดเชื้อรายใหม่ คือคนที่เดินทางมาจากนอกฮ่องกงทั้งหมด และฮ่องกงก็ปลอดการ “แพร่เชื้อในประเทศ” มากว่า 3 สัปดาห์ ก่อนที่จะกลับมาพบผู้ติดเชื้อจากในฮ่องกงอีกครั้งในวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา
    .
    ดังนั้น “คลื่นลูกที่สอง” จึงไม่ใช่เรื่องเล่นเลยครับ และนี่น่าจะเป็นสิ่งที่เราค่อย ๆ เรียนรู้ในยุคของ New Normal และถ้า “คลื่นลูกที่สอง” มันหนักจริง ๆ ก็เป็นไปได้ว่าหลาย ๆ ประเทศที่คลายล็อกดาวน์ไปแล้ว จะต้องล็อกดาวน์กันอีกรอบ
    .
    อ้างอิง: Jen Kirby. What we can learn from the “second wave” of coronavirus cases in Asia. https://www.vox.com/2020/4/17/21213787/coronavirus-asia-waves-hong-kong-singapore-taiwan
    Kelly Ho. Coronavirus: Hong Kong confirms 2 new local infections after 23 consecutive days with only imported cases. https://bit.ly/2T4cZmy
    Morten Soendergaard Larsen. South Korea Tries a Tentative Reopening—and Pays for It. https://bit.ly/2AhODzd
    Jack Parrock. Europe warned of second waves of COVID-19. https://bit.ly/2y3x8Ca
    .
    #Covid19 #Thailand #BrandThink
    #ส่งต่อความคิดสู้COVID19
    #แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
    #sharingIsEmpowering
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    TECH: Mac ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป Malwarebytes สำรวจพบ “ไวรัส” บน Mac มากกว่า Windows
    .
    คงไม่มีใครใช้คอมพิวเตอร์แล้วอยากติด “ไวรัส” และ “ไวรัส” ก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคอมพิวเตอร์มานาน และนั่นก็เป็นเหตุผลให้หลาย ๆ คนเลือกใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัท Apple ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า Mac
    .
    เพราะสมัยก่อนว่ากันว่า Mac นั้น “ไม่มีไวรัส”
    .
    อย่างไรก็ดีรู้มั้ยครับว่า ล่าสุด ผลจากการสำรวจของ Malwarebytes บริษัททำโปรแกรม “แอนตี้ไวรัส” ชื่อดัง พบว่าในปี 2019 จำนวนไวรัสเฉลี่ยที่พบบนเครื่อง Mac นั้นเยอะกว่า Windows ซะอีก และเยอะกว่าเป็นเท่าตัวเลยด้วย
    .
    ใช่ครับ ทุกวันนี้ใช้ Mac ไม่ได้ปลอดภัยหายห่วงอีกแล้ว ความเสี่ยงติด “ไวรัส” ยิ่งกว่าใช้ Windows ซะอีก
    .
    แต่เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง เราก็คงต้องว่ากันด้วยพื้นฐานก่อนครับว่าที่เราเรียกว่า “ไวรัส” คืออะไร
    .
    ในภาษาคนทั่วไป “ไวรัสคอมพิวเตอร์” ก็หมายถึงโปรแกรมไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ที่อยู่บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งโปรแกรมพวกนี้ มีที่มาสู่คอมพิวเตอร์ได้หลายแบบ บางทีก็แอบแถมมากับโปรแกรมเถื่อนทำให้เราติดตั้งไปอย่างไม่รู้ตัว บางทีก็เกิดจากการไปคลิกลิงค์บนเว็บโป๊ บางทีก็อาจเกิดแค่จากการไปพลาดคลิกลิงค์ในสแปมเมล หรือลิงค์ที่ส่งมาในกล่องข้อความส่วนตัว หรือบางทีมันก็แอบซ่อนอยู่ในไฟล์ที่ดูไม่มีพิษภัย ฯลฯ
    .
    ไม่ว่ามันจะมาสู่คอมพิวเตอร์เราได้อย่างไร พวกนี้คือ “โปรแกรมไม่พึงประสงค์” ทั้งนั้น ซึ่งปกติเราจะเรียก “ไวรัส” แต่ภาษาในทางเทคนิคด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เขาจะเรียกโปรแกรมแบบนี้รวม ๆ ว่า “มัลแวร์” (Malware) ซึ่งมันก็สร้างความปั่นป่วนกับคอมพิวเตอร์เราได้มากมาย ตั้งแต่ใช้ทรัพยากรของเราไปทำอะไรที่ไม่ได้ร้ายแรง (แค่เปลือง RAM) ไปจนถึงมันสามารถทำให้แฮกเกอร์แอบดูข้อมูลและควบคุมคอมเราได้ หรือกระทั่งล็อกคอมพิวเตอร์ของเราและเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin
    .
    “มัลแวร์” พวกนี้ มีที่มาจากมนุษย์ทั้งหมด เป็นโปรแกรมที่มนุษย์เขียนขึ้นเพื่อทำบางอย่างกับคอมพิวเตอร์ไม่ได้ต่างจากโปรแกรมปกติ เพียงแต่สิ่งที่มันทำสร้างผลร้ายกับคอมพิวเตอร์ของเราเท่านั้นเอง
    .
    เมื่อทุก ๆ มัลแวร์เป็นฝีมือของมนุษย์ มนุษย์ที่สร้างมันขึ้นมาก็ยอมจะเขียนมันขึ้นโดยมีเป้าโจมตีที่เยอะและคุ้มค่าที่สุด
    .
    ซึ่งมัลแวร์พวกนี้ โดยทั่วไปมันก็จะเล่นงานได้เฉพาะระบบปฏิบัติการเท่านั้น ก็ไม่ได้ต่างจากโปรแกรมปกติ ที่ก็จะใช้ได้เฉพาะระบบปฏิบัติการ
    .
    ดังนั้นระบบปฏิบัติการที่คนใช้กันเยอะที่สุดอย่าง Windows มันก็เลยเต็มไปด้วย “มัลแวร์” เพราะสำหรับคนเขียนโปรแกรมมัลแวร์พวกนี้ เขียนไปโจมตี Windows คุ้มสุด
    .
    ซึ่งเมื่อก่อนคนใช้ Mac น้อย มันก็เลยไม่มีใครเขียน “มัลแวร์” ที่จะใช้จู่โจม Mac เท่าไร
    .
    แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนทำระบบปฏิบัติการก็ตระหนักถึงปัญหาพวกนี้ทาง Microsoft ก็เลยออกโปรแกรมฟรีอย่าง Windows Defender มาเพื่อเป็น “แอนตี้ไวรัส” ฟรีของ Windows โดยเฉพาะซึ่งเขาก็อัปเดตเรื่อย ๆ เพื่อให้มันสามารถป้องกัน “มัลแวร์” ตัวใหม่ ๆ ได้
    .
    ซึ่งก็ยังไม่ต้องนับว่าคนใช้ Windows คาดหวังอยู่แล้วกว่าการใช้จะต้อง “เจอไวรัส” เลยทำให้มันเป็นปกติมากที่ทุก ๆ เครื่องจะติด “แอนตี้ไวรัส” กันสักตัวเพื่อป้องกัน “มัลแวร์”
    .
    และแนวทางแบบนี้ก็ป้องกันได้พอสมควร แม้ว่าจะมี “มัลแวร์” ตัวใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอด
    .
    ในทางกลับกัน คนใช้ Mac จำนวนมากกลับไม่ได้มีความระวังในระดับเดียวกัน คนจำนวนไม่น้อยก็ยังคิดว่าการใช้ Mac จะทำให้ไม่ติด “ไวรัส” ใด ๆ ซึ่งไม่จริง
    .
    เพราะในช่วงหลัง ๆ ส่วนแบ่งตลาดของ Mac เพิ่มขึ้นมาก และพอคนใช้มากขึ้น คนเขียนมัลแวร์ก็รู้สึกว่ามันคุ้มขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะเขียนมัลแวร์ที่จะเข้าจู่โจม Mac
    .
    ผลก็คืออย่างที่ว่านี่แหละครับ เมื่อคนใช้ Mac อย่างไม่ระมัดระวัง ประสานกับการที่คนใช้ Mac มากขึ้นเรื่อย ๆ ในท้ายที่สุด คนที่ใช้ Mac ก็ติดไวรัสมากกว่า Windows
    .
    ที่นี้คำถามคือ เอาจริง ๆ แล้ว Apple ไม่ทำอะไรเลยเหรอ? ในความเป็นจริง Apple ก็มีพวกโปรแกรม “แอนตี้ไวรัส” ติดมาให้กับเครื่อง ที่ก็อัปเดตไปเรื่อย ๆ แต่ปัญหาที่ต้องยอมรับจากข้อมูลก็คือ โปรแกรมพวกนี้ ใช้ป้องกัน “มัลแวร์” หลาย ๆ อย่างไม่ได้ โดยเฉพาะพวกที่เรียกว่า แอดแวร์ (Adware) หรือพวกมัลแวร์ที่คอยยิงโฆษณากวนใจเวลาใช้คอมพิวเตอร์
    .
    อันนี้ก็อาจต้องโทษทาง Apple เองที่ไม่ต้องพัฒนาป้องกันมัลแวร์พวกนี้
    .
    แต่ในความเป็นจริง ความปลอดภัยในการใช้คอมพิวเตอร์ เราจะพึ่งพาคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว เราควรจะมีมาตรการของเราเอง การหลีกเลี่ยงและระมัดระวังการลงโปรแกรมและการ “คลิกลิงค์” ต่าง ๆ เป็นส่วนพึ่งกระทำ และการใช้โปรแกรม “แอนตี้ไวรัส” สแกนคอมพิวเตอร์เรื่อย ๆ เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติทั้งนั้นไม่ว่าคุณจะใช้ระบบปฏิบัติการอะไร
    .
    และทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุดระดับพื้นฐานก็คือเราต้องอัปเดตทุกโปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ เพราะประเด็นมันไม่ใช่เราจะใช้โปรแกรมได้หรือไม่ได้ แต่ถ้าเราไม่อัปเดต บางทีบางโปรแกรมในคอมพิวเตอร์เรามันก็จะมี “ช่องโหว่” ให้แฮกเกอร์เจาะระบบเราได้จากระยะไกล ซึ่งนั่นหายนะกว่าการ “ติดไวรัส” ไปเยอะเลยครับ
    .
    อ้างอิง: http://bit.ly/2Tcay1U
    http://bit.ly/2uLEEjt
    .
    #Mac #Microsoft #BrandThink
    #แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
    #sharingIsEmpowering
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนภัย พิบัติโลก

    พายุฤดูร้อนทำฝนตกกระหน่ำพัทยากว่า 1 ชม. น้ำท่วมขังหลายพื้นที่
    จากกรณีกรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานว่าในช่วงวันที่ 14 - 18 พฤษภาคมนี้ บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นบางพื้นที่ เนื่องจากลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นเข้าปกคลุมประเทศไทย ส่งผลกระทบให้เกิดอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก รวมทั้งฟ้าผ่าไว้ด้วย ซึ่งการก่อตัวของพายุอาจทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองได้
    ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 14 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ เมืองพัทยา และ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้เกิดฝนตกทั่วพื้นที่ต่อเนื่องกว่า 1 ชั่วโมงทำให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด และน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะบริเวณซอยเขาน้อย ถนนสุขุมวิทหน้าทางหลวงพัทยาใต้ และถนนเลียบทางรถไฟ ซึ่งมีน้ำท่วมขังสูงระดับ 50 ซม. ถึง 1 เมตร ส่งผลให้การจราจรในหลายพื้นที่ติดขัด รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ รถหลายคันได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต่างช่วยกันเข็นรถที่ได้รับความเสียหายหลบเส้นทางจราจร
    เบื้องต้น ภายหลังฝนหยุดตกในเวลา 1-2 ชม. น้ำจะค่อยๆลดระดับจนเข้าสู่สภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยาได้มีการดำเนินการโครงการก่อสร้างท่อรวบรวมน้ำเสีย และระบายน้ำฝน หลายพื้นที่ในเมืองพัทยาซึ่งอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ คาดว่าจะสามารถระบายน้ำและทำให้เมืองพัทยาไม่ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกและทำให้ไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมในเมืองพัทยาอีกต่อไป
    Cr.pattaya Message


    NrkDelrEZEIjf2LL4RMLOHl2JlJU11egWLFV-fj8i2ED&_nc_ohc=v9WgBPxRCu8AX8WjEKQ&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    zx2nrqostOpuGMHdCE-rvk4KqnnglUc12BRTaQXd4evp&_nc_ohc=pkbcvNrmVMsAX-GM8Wt&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    RIpdkZDV_UiawpXrAZ56_A_fLotH16T0XBq88KKi4zmx&_nc_ohc=afhaIcQ3rfAAX_ityIp&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    OGq9W3HBlbTmtqqeTNInO8DOUeXaNCtIg0SKUEv3_qSE&_nc_ohc=UOveIW5jxjMAX_B8eB6&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันเดียวกันกับที่โดนัลด์ ทรัมป์ แผดเสียงคำราม “ตอนนี้ ไม่อยากคุยกับสีจิ้นผิง” … วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาผ่านร่างกฎหมาย “สิทธิมนุษยชน” แห่งซินเจียง อุยกูร์ (ภาษาจีนเรียกว่า ซินเจียงเหวยอู๋เอ่อ - 新疆维吾尔)
    เฮ้ย! ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียง ณ แผ่นดินจีน แล้วกฎหมายอเมริกาไปเกี่ยวอะไร!? ต้องเกี่ยวสิ เพราะเป็นหน้าที่ของ “ซูเปอร์ฮีโร่” สมดังคำขวัญประจำชาติว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง”!
    .
    หากผ่านเป็นกฎหมายสมบูรณ์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ผู้ยิ่งใหญ่จะสามารถคว่ำบาตรอย่างใหญ่ยิ่งต่อจีน!
    ถอน “วีซ่า” คนจากทางการของจีนหากถูกจิ้มอยู่ในข่าย “ละเมิดสิทธิมนุษยชน” ซินเจียง ยิ่งกว่านั้นยังอาจถูก “อายัดทรัพย์” ที่ครอบครองไว้ในอเมริกาอีกต่างหาก
    .
    ตอนนี้ ยังอยู่ในสถานะ “ร่างกฎหมาย” ต้องไปผ่านสภาผู้แทนราษฎรอีกที เมื่อผ่านสภาสูงสภาล่างครบวงจรทั้งคองเกรส ก็จะออกเป็นกฎหมายเรียบร้อย
    ที่จริง สภาสูง (วุฒิสภา) เคยผ่านร่างนี้ไปแล้ว เดือน ก.ย. ปีก่อน แต่สภาล่าง (สภาผู้แทนราษฎร) ให้ไปแก้ร่างอีกนิดหน่อย กระทั่งเมื่อวาน (วันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ค. 2020) จังหวะดี ถือโอกาส ‘รวบยอด’ กับเรื่องโรคระบาด ปล่อยทีเด็ดกระแทกหน้าจีนให้ต้องร้องโอดโอย!
    .
    มาร์โก รูบิโอ ส.ว. หัวหอกในการชูร่างกฎหมายนี้ โวยวาย “การกระทำของรัฐบาลจีนชวนสยดสยอง และมันจะเป็นตราบาปเปื้อนคราบความเป็นมนุษย์ของเราชาวอเมริกา หากเราเพิกเฉย”
    โอ้ ช่างเป็นคำกล่าวที่ปลุก ‘ความเป็นมนุษย์’ ในตัวคุณได้ฮึกหาญดีแท้ อย่างกับท่อนเด็ดก่อนออกรบในหนังฮอลลีวูดเลย
    .
    ส่วนทางด้านจีนนั้น มีคำกล่าวว่า
    “เธอปกป้องโลกไป ส่วนฉันจะปกป้องเธอเอง”
    เกี่ยวอะไร? ก็ไม่รู้เหมือนกัน จำมาจากหนังเรื่อง “วันวานยัง (ร้าว) รานอยู่” (Better Days - 少年的你) เพิ่งดูไปไม่กี่วัน สนุกมาก ขอแนะนำ เป็นเรื่องของการรังแก การเอาตัวรอด และ … ชีวิตที่ต้องใช้ต่อไป
    ---
    หมายเหตุ
    ภาพประกอบ เป็นดาราจีนเชื้อสายซินเจียงที่เด่นล้ำในวงการบันเทิงจีน
    https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-14/senate-passes-uighur-human-rights-bill-in-latest-shot-at-china?sref=mu7Gtsbe
    https://www.scmp.com/news/china/article/3084477/us-senate-passes-uygur-human-rights-policy-act
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รองนายกฯ “สมคิด” สั่งทีมเศรษฐกิจ เร่งจัดทำโครงการจ้างงานในชุมชน ช่วยเหลือผู้ที่ถูกเลิกจ้าง ให้มีงาน มีรายได้ ด้านกระทรวงการคลัง ขอใช้เงิน จาก พ.ร.ก. กู้เงิน ตั้งกองทุนขนาดไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลประชุม 4 รัฐมนตรี "อนุทิน - ศักดิ์สยาม - ถาวร - มนัญญา" มีมติให้ "การบินไทย" ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลาย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูฯ พร้อมเสนอคลังลดสัดส่วนถือหุ้นต่ำกว่า 50% เพื่อพ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยจะนำเข้าที่ประชุม คนร. พิจารณา 18 พ.ค. ก่อนให้ ครม. เห็นชอบ 19 พ.ค.นี้
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000050559
    ………………………………
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
    https://www.facebook.com/1439003539722833/posts/2717084798581361/
     

แชร์หน้านี้

Loading...