ติดตามสถานะการณ์

ไอเอสเร่งหาสมาชิกแข่งอัลไกดา
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 กันยายน 2557 06:30



การทำสงครามเพื่อสร้างเป็นรัฐอิสลามของกลุ่มไอเอสกำลังเกิดการขับเคี่ยวกัเพื่อชิงตำแหน่งองค์กรก่อการร้าย

การทำสงครามยึดพื้นที่ในตะวันออกกลาง เพื่อสร้างเป็นรัฐอิสลามของกลุ่มไอเอส หรือ อิสลามิก สเตท อาจหมายความได้ว่า ขณะนี้ กำลังเกิดการขับเคี่ยวกันอย่างหนัก เพื่อชิงตำแหน่งองค์กรก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลก กับเครือข่ายเดิมที่ไอเอสเคยสังกัด อย่าง อัลไกดา ใครมีแสนยานุภาพทางทหารและความภักดีของกำลังพลมากกว่าก็เป็นฝ่ายชนะ

ไมค์ โรเจอร์ส จากหน่วยสืบราชการลับสหรัฐ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 มีเพียงอัลไกดาเท่านั้นที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐ แต่ขณะนี้ สหรัฐต้องรับมือกับกลุ่มก่อการร้ายรายใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญไม่น้อยไปกว่ากัน

ทั้งสองกลุ่ม ประกาศตัดความสัมพันธ์กันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าไอเอส จะได้เปรียบอัลไกดา เนื่องจากขณะนี้กลุ่มไอเอส มีทรัพย์สินจำนวนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 32,000 ล้านบาท รวมถึงอาวุธหนักจำนวนมากในครอบครอง แถมมีรายได้จากการลักลอบขายน้ำมันอีกวันละ 1 ล้านดอลลาร์ หรือ 32 ล้านบาท จึงทำให้สามารถฝึกฝนกำลังพล ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าอัลไกดา

ไอเอส ซึ่งมีฐานที่มั่นในอินโดเนียเซีย โดยมี อาบู บาเกอร์ อัล บัคดาดี เป็นผู้นำสูงสุด ใช้กลยุทธ์ชักชวนให้คนรุ่นใหม่ ที่มีหัวรุนแรงเข้าร่วม ผ่านการเผยแพร่คลิป และภาพการกระทำสุดโหดเหี้ยมทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งก็ได้ผลค่อนข้างดี เห็นได้จากการที่มีชายฉกรรจ์จากซีเรีย 6,300 คน และต่างชาติ 1,000 คน เข้าร่วม ทำให้กลุ่มไอเอส มีจำนวนสมาชิกในขณะนี้ 15,000 คน

กลยุทธ์ที่ใช้แข่งขันกับอัลไกดาอีกอย่างคือ เว็บไซต์ อัลมุสตาคบัล ดอท เน็ต ที่มีไว้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเป็นภาษาบาฮาซา ซึ่งเป็นภาษาราชการของอินโดนีเซียและมาเลเซีย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้ผู้นำทั้งสองประเทศกังวลเป็นอย่างมาก จนทำให้ทางการมาเลเซีย เร่งกวาดล้างและจับกุมผู้ต้องสงสัยว่ามีสายสัมพันธ์กับกลุ่มไอเอสถึง 19 ราย ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา และบอกว่าไอเอส มีแผนที่จะโจมตีสถานที่ราชการ รวมทั้งไนท์คลับหลายแห่งในมาเลเซีย

ส่วนจอร์แดน ซึ่งมีพรมแดนติดกับทั้งอิรักและซีเรีย กังวลว่า จะตกเป็นเป้าถูกโจมตีเป็นรายต่อไป

ส่วนกลุ่มก่อการร้าย อย่าง อาบูไซยาฟ ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้าย ที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอัลไกดา และกลุ่มบังซาโมโร ในฟิลิปปินส์ ก็หันมาภักดีต่อนายบัคดาดี รวมถึงผู้สนับสนุนในสเปน ก็สนับสนุนให้ไอเอสเปลี่ยนสเปน ให้กลับไปสู่โลกอิสลามเหมือนในอดีต

แม้กลุ่มไอเอส จะได้รับการสนับสนุนอย่างมาก แต่ผู้นำของอัลไกดา ก็กล่าวหานายบัคดาดี ว่าเป็นพวกนอกรีต โดยสถาปนาตัวเองเป็นองค์เคาะลีฟะห์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดหลักศาสนาอิสลาม

กลุ่มอัลไกดา คาบสมุทรอาระเบีย หรือ ไอแคป ก็ไม่เห็นด้วยที่ นายบัคดาดี ประกาศตัวเองเป็นเคาะลีฟะห์ แต่สนับสนุนการทำสงครามต่อต้านสหรัฐ โดยเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส เพื่อตอบโต้การโจมตีทางอากาศของสหรัฐในอิรัก

 

'ปูติน'ชี้ชาติตะวันตกปั่นยูเครนหวังอำนาจ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 กันยายน 2557 12:21



"ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน" ของรัสเซีย ระบุชาติจะวันตกปั่นวิกฤตยูเครนเพื่อฟื้นอำนาจนาโต

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐบาลว่า ชาติตะวันตกเป็นผู้ปลุกปั่นวิกฤตยูเครน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูอำนาจของนาโต ซึ่งรัสเซีย จะต้องวางแผนด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศให้ดี และต้องทำทุกอย่างเพื่อรับประกันความปลอดภัยของประเทศ อีกทั้งต้องเตรียมภาคอุตสาหกรรมให้พร้อม ที่จะผลิตอุปกรณ์ ชิ้นส่วน และวัสดุต่างๆที่จำเป็น เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการผลิตและเทคโนโลยีให้เพียงพอ

http://www.bangkokbiznews.com/home/...5/ปูตินชี้ชาติตะวันตกปั่นยูเครนหวังอำนาจ.html

 

รัสเซียชี้ยูเครนต้องรับผิดชอบMH17ตก
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 กันยายน 2557 12:41



รัสเซีย ระบุ ยูเครนต้องรับผิดชอบกรณีเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 ตก

รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย นายเซียร์เกย์ ชอยกู กล่าวกับรัฐมนตรีกลาโหมของมาเลเซีย นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน เมื่อวันพุธ (10) ว่า ยูเครน มีส่วนรับผิดชอบเต็มๆต่อการตกของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบิน MH17 ที่คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือ 298 ราย ทั้งนี้ ทางการยูเครนและชาติตะวันตก เชื่อว่าเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำนี้ ซึ่งร่วงลงจากน่านฟ้าในเส้นทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัมสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถูกยิงโดยขีปนาวุธ จากพื้นสู่อากาศ ที่กลุ่มกบฏได้รับมาจากรัสเซีย แต่ทางการรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และชี้ว่า เป็นความผิดของทางการยูเครน

http://www.bangkokbiznews.com/home/...4176/รัสเซียชี้ยูเครนต้องรับผิดชอบMH17ตก.html

 

Science News Of ASTV-Manager

ไทยขึ้นแท่นผู้นำดาราศาสตร์อาเซียนตั้งแต่มี “หอดูดาว”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กันยายน 2557 12:47 น.


ภาพหอดูดาวแห่งชาติบนดอยอินทนนท์ โดย ศุภฤกษ์ คฤหานนท์

สดร.เผยตั้งแต่มี “หอดูดาวแห่งชาติ” งานวิจัยดาราศาสตร์ของไทยเพิ่มสูงมาก และเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่ายังมีจำนวนนักวิจัยน้อยแต่จำนวนตีพิมพ์ต่อคนสูงถึงปีละ 3 เรื่อง จนได้รับฉันทมติจากสมาพันธ์ดาราศาสตร์นานาชาติให้เป็นศูนย์กลางสร้างเครือข่ายในภูมิภาคนี้

รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ให้สัมภาษณ์แก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า นับแต่ไทยมีหอดูดาวแห่งชาติงานวิจัยด้านดาราศาสตร์ของไทยก็พัฒนาขึ้นมาและมีการตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการที่มีดัชนีชี้วัดการยอมรับในระดับสากลสูงในเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มสูงถึงคนละ 3 เรื่องต่อปี แม้ยังมีนักวิจัยอยู่น้อยแค่ 6-7 คน

จำนวนการตีพิมพ์ผลงานดังกล่าว รศ.บุญรักษาแจงว่า เป็นจำนวนที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และทำให้ไทยเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ไทยยังได้รับฉันทามติจากสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (IAU) ให้ไทยเป็นศูนย์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านดาราศาสตร์ ซึ่งจีน เกาหลี ญี่ปุ่นและไต้หวัน ซึ่งมีความก้าวห้นาทางด้านดาราศาสตร์สูงกว่าก็ได้ร่วมมือกับเพื่อสร้างความร่วมมือในภูมิภาคนี้

หน้าที่ในฐานะศูนย์ภูมิภาคทางด้านดาราศาสรต์นั้น ผอ.สดร.ระบุว่า ต้องสร้างความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสร้างเครือข่าย ซึ่งมีการประชุมกันทุกปี และในเดือน ธ.ค.จะมีการประชุมขึ้นที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งภายในการประชุมจะมีการนำเสนองานวิจัยและร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนด้านดาราศาสตร์ รวมถึงหารือถึงการสร้างความเข้มแข็งด้านดาราศาสตร์ขึ้นภายในภูมิภาคนี้

ส่วนจุดอ่อนของดาราศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตันั้น รศ.บุญรักษาระบุว่า จำนวนนักดาราศาสตร์ยังน้อยและหลายประเทศมีนักดาราศาสตร์ที่ประสบการณ์วิจัยน้อยด้วย จึงต้องหาเครือข่ายมาช่วยแกปัญหานี้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่าพม่าและกัมพูชาก็ต้องการพัฒนาด้านดาราศาสตร์เช่นกัน โดยมีอาจารย์ระดับโรงเรียนมัธยมทำหน้าที่นักดาราศาสตร์

นอกจากนี้ รศ.บุญรักษาระบุว่า จะพยายามติดตั้งกล้องดูดาวควบคุมระยะไกลในประเทศต่างๆ มากขึ้น โดยปัจจุบันได้ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ทางไกลอัตโนมัติซีกฟ้าใต้ หรือกล้อง Prompt ณ สาธารณรัฐชิลี และมีโครงการติดตั้งกล้องโทรทรรศน์เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.7 เมตร ณ หลี่เจียง สาธารณประชาชนจีน และออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาพื้นที่ก่อสร้าง

ด้าน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการ สดร.อธิบายว่า กล้อง Prompt เป็นความร่วมมือระหว่าง สดร.และมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ณ แชพเพิลฮิลล์ สหรัฐฯ ติดตั้งกล้องควบคุมระยะไกล ณ หอดูดาวอินเตอร์อเมริกัน เซอร์โร โทโลโล (Cerro Tololo Inter-American Observatory: CTIO) ชิลี ซึ่งนักดาราศาสตร์ไทยสามารถควบคุมการใช้งานกล้องดังกล่าวผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากทุกที่ทั่วโลก เพื่อบันทึกภาพท้องฟ้าในซีกฟ้าใต้ตอนกลางคืนในขณะที่ไทยอยู่ในช่วงกลางวัน

ล่าสุดนักวิจัยไทยโดย ดร.ศรัณย์ และ ดร.วิภู รุโจปการ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ใช้กล้อง Prompt ยืนยันการค้นพบของนักวิจัยมหาวิทยาลัยอริโซนา ซึ่งใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ศึกษาพบการระเบิดของฝุ่นรอบดาวฤกษ์ NGC2547-ID8 ที่มีอายุเพียง 35 ล้านปี และเป็นไปได้ว่าจะเกิดจากการชนกันของดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่รอบดาวฤกษ์อายุน้อยดังกล่าว เช่นเดียวกับการก่อตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ

ดร.ศรัณย์อธิบายต่อว่า ดาวฤกษ์ NGC2547-ID8 เป็นดาวฤกษ์อายุน้อยใกล้เคียงดวงอาทิตย์ของเรา และอยู่ในกระจุกดาวเปิด NGC2547 จากการติดตามดาวฤกษ์ดวงนี้ที่ผ่านมาไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อนพบการเรืองแสงอินฟราเรดที่ผิดปกติ คาดว่ามีฝุ่นขนาดเท่าเม็ดทรายโคจรรอบดาวฤกษ์ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งคาดว่าเกิดจากการถูกพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ คล้ายตอนโลกกำลังก่อกำเนิด แต่ใช้เวลาอีกเป็นล้านปีจึงจะได้เห็นดาวเคราะห์กำเนิดขึ้นมา โดยการค้นพบครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เห็นทั้งก่อนและหลังการพุ่งชน

 

Science News Of ASTV-Manager

มั่นใจได้อย่างไรว่า ครีมประทินผิวเหล่านั้นไม่ประทุษร้ายเราในภายหลัง ดีไม่ดีอาจมี “สารปรอท” ที่ไม่ได้ให้แค่หน้าพัง แต่ตับ ไตจะวายปวงตามไปด้วย ดูการทำงานของชุดตรวจจากมหิดล

SuperSci: สวยใสไร้ “ปรอท” ?
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กันยายน 2557 01:00 น.


รศ.ดร.พลังพล คงเสรี

ทั้งคนเด่นคนดังหรือแม่ค้าหน้าใสต่างประโคมโฆษณา “ครีมหน้าเด้ง” ขาวใสใน 7 วันเกร่อโซเซียลมีเดีย แต่มั่นใจได้อย่างไรว่า ครีมประทินผิวเหล่านั้นไม่ประทุษร้ายเราในภายหลัง ดีไม่ดีอาจมี “สารปรอท” ที่ไม่ได้ให้แค่หน้าพัง แต่ตับ ไตจะวายปวงตามไปด้วย

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอธิบายถึงพิษภัยของสารปรอทไว้ว่า อาการเป็นพิษมีทั้งแบบฉับพลันและแบบเรื้อรัง หากเข้าสู่ระบบหมุนเวียนจะเข้าทำลายไตจนปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด หรือเข้าไปทำลายระบบประสาทส่วนกลางอย่างสมองและไขสันหลัง จนสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหว การพูด รวมถึงสูญเสียการรับรู้ เช่น การได้ยินและการมองเห็น เป็นต้น และหากได้รับปริมาณมากถึง 0.02 กรัมอาจทำให้ตายได้

ในฐานะนักเคมี รศ.ดร.พลังพล คงเสรี จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้พัฒนาชุดตรวจที่ตรวจหาสารปรอทในเครื่องสำอางได้ไม่ว่าอยู่ในรูปเกลือของปรอทแบบใด เช่น ปรอทคลอไรด์ ปรอทอะซิเตท และปรอทแอมโมเนีย เป็นต้น ซึ่งเขาได้อธิบายแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า ชุดตรวจปรอทในเครื่องสำอางที่มีอยู่ก่อนนั้นเป็นการตรวจทางอ้อมโดยหาสารปรอทโดยการหาปรอทแอมโมเนีย

สัปดาห์นี้ SuperSci พาไปชมการทำงานของตรวจหาสารปรอทในเครื่องสำอางที่พัฒนาขึ้นโดย รศ.ดร.พลังพล และคณะ ซึ่งชุดตรวจดังกล่าวมีเพียงสารละลาย 1 หลอดสำหรับใช้ทำปฏิกิริยากับเครื่องสำอางที่ต้องการทดสอบทั้งหมด 40 ตัวอย่าง โดยหยดสารละลาย 1 หยดลงตัวอย่างเครื่องสำอาง 2 มิลลิกรัม หรือประมาณช้อนพลาสติกคนกาแฟ ซึ่งแนบมาพร้อมตัวอย่างสารละลาย ภายในเวลาไม่กี่วินาที เครื่องสำอางที่มีสารปรอทจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู และข้างซองชุดตรวจมีแถบสีให้วัดปริมาณที่พบในระดับส่วนในล้านส่วน (ppm)

รศ.ดร.พลังพลระบุว่า เครื่องสำอางที่จงใจใส่สารปรอทจะมีปริมาณสูงนับหมื่นนับแสนพีพีเอ็ม เพื่อให้ได้ผลหน้าขาวใสในช่วงเวลาสั้นๆ ขณะที่เครื่องสำอางที่มีปริมาณปรอทเล็กน้อยอาจเกิดจากการปนเปื้อนระหว่างผลิต แต่เครื่องสำอางที่ดีไม่ควรมีปริมาณสารปรอทอยู่เลย ทว่าจะดียิ่งกว่านี้ถ้าสาวไทยเลิกค่านิยมความสวยที่ขึ้นอยู่กับความขาว

"ชุดทดสอบนี้เป็นผลพลอยได้จากงานวิจัยพื้นฐานที่เรากำลังศึกษาสมมติฐานว่า เซลล์ปกติกับเซลล์มะเร็งนั้นมีปริมาณโลหะทองแดงแตกต่างกัน เราสนใจเรื่องนี้และศึกษาจนทำให้มีความรู้เกี่ยวกับโลหะหนักมากขึ้น เมื่อพบว่าปรอทในเครื่องสำอางเป็นปัญหา เราจึงออกแบบชุดทดสอบที่ใช้งานง่าย และผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเคมี" รศ.ดร.พลังพลกล่าว

สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับชุดตรวจดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/MercUryTestKit





ผลการทดสอบบ่งชี้ว่าเครื่องสำอางตัวอย่างมีปริมาณปรอทมากกว่า 1,000 ppm (เป็นสีชมพูเข้ม))

SuperSci:

 

น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ไหลท่วมหมู่บ้านในรอบ 50 ปี
เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV
วันที่ 11 กันยายน 2557 13:33 น.



เพชรบูรณ์ - เกิดน้ำป่าจาก พื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน บริเวณ หมู่ที่ 6 บ้านวังยาว ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กระแสน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน ในรอบ 50 ปี

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 กันยายน 2557 หลังจากที่เกิดมีฝนตกลงมาอย่างหนัก และต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ได้ส่งผลให้เกิดน้ำป่าจาก เทือกเขาอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน บริเวณ หมู่ที่ 6 บ้านวังยาว ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กระแสน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน โดยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ระดับน้ำจึงลดลงสู่สภาวะปกติ ทิ้งร่องรอยความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน ที่อยู่ติดกับลำน้ำ

ซึ่งการเกิดน้ำป่าไหลเข้าท่วมหมู่บ้านแห่งนี้ถือเป็นการเกิดน้ำป่าครั้งแรกตั้งแต่มีการก่อตั้งเป็นหมู่บ้านมา หรือราว 50 ปี ล่าสุดอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายเพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ส่วนที่บริเวณ หมู่ 1 และหมู่ 10 บ้านปากดุก ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก ผู้นำชุมชน ของแต่ละหมู่บ้านต้องประกาศเสียงตามสาย เพื่อขอให้ประชาชน ทำการเก็บข้าวของขึ้นไว้ในที่สูง เนื่องจากเกรงว่ามวลน้ำป่า ที่พัดถล่มหมู่บ้านวังยาว จะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน

โดยปริมาณน้ำจำนวนมากได้ไหลมาตามลำน้ำห้วยตอง และลำน้ำห้วยขอนแก่น ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต่างมาเฝ้าดูสถานการณ์ มวลน้ำที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้นมากจนน่ากลัว

น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ไหลท่วมหมู่บ้านในรอบ 50 ปี - Nation TV

 

ผู้นำอังกฤษวอนสก็อตแลนด์ อย่าทำหัวใจสลาย
เรื่องโดย Nation TV วันที่ 11 กันยายน 2557 13:13 น.



เหล่าผู้นำการเมืองของอังกฤษลงพื้นที่ในสก็อตแลนด์เมื่อวานเพื่อโน้มน้าวผู้มีสิทธิออกเสียงให้โหวตคัดค้านการแยกตัวเป็นเอกราช โดยนายกรัฐมนตรีอังฤษร้องขอชาวสเปนว่าอย่าทำให้หัวใจสลายที่จะต้องเห็นสหราชอาณาจักรบ้านแตก
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน รวมถึงนายเดวิด มิลลิแบนด์ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านและรองนายกรัฐมนตรีนิค เคลก แยกกันเดินสายรณรงค์ในสก็อตแลนด์เมื่อวาน ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะมีการลงประชามติในวันที่ 18 ก.ย. โดยคาเมรอน กล่าวต่อผู้ฟังที่ได้รับเชิญในบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งในเมืองเอดินเบอะระว่า เขาอาจหัวใจสลายได้หากครอบครัวสหราชอาณาจักรที่เคยอยู่ร่วมกันมาจะต้องแตกแยก และนักวิจารณ์ ระบุว่า คาเมรอนไม่กล้าเสี่ยงพูดต่อหน้าผู้ฟังที่ไม่ได้รับเชิญตามท้องถนน เพราะพรรคอนุรักษ์นิยมของเขาไม่ได้รับความนิยมนักในสก็อตแลนด์

ก่อนหน้านี้เขาได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์เดลี เมล์เรียกร้องให้ชาวสก็อตแลนด์อยู่ต่อในสหราชอาณาจักรเพื่ออนาคตที่สดใสขณะที่นายมิลลิแบนด์ ผู้นำพรรคแรงงานที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้ลงพื้นที่ในเมืองคัมเบอร์นอลด์ โดยเขาขอบอกจากสมอง หัวใจ และจิตวิญญาณว่า อยากให้ชาวสก็อตแลนด์อยู่ในสหราชอาณาจักรต่อไปเพื่อร่วมสร้รางความเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน

นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรีเคลก จากพรรคเสรีประชาธิปไตย ที่ไปพบปะชาวสก็อตแลนด์ในเมืองเซลเคิร์ค บริเวณชายแดนสก็อตแลนด์ โดยเตือนว่า หากสก็อตแลนด์แยกตัวเป็นเอกราช จะทำให้ทั้งสก็อตแลนด์และสหราชอาณาจักร อ่อนแอลง ยากจนลง และปลอดภัยน้อยลง

ทั้งสามพรรคการเมืองใหญ่ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มอำนาจปกครองตนเองให้กับสก็อตแลนด์หลังการลงประชามติหากชาวสก็อตแลนด์ยังเลือกอยู่ต่อกับสหราชอาณาจักร โดยคาดว่าจะสามารถอนุมัติกฎหมายได้ในเดือนม.ค.เพื่อแบ่งสรรอำนาจการจัดเก็บภาษีและการจัดสรรเงินสวัสดิการแก่สก็อตแลนด์

ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์เดอะ สก็อตส์แมน เป็นหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่รายล่าสุดของสก็อตแลนด์ที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการรณรงค์ภายใต้คำขวัญ Better Together อยู่ด้วยกันเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น หลังจากหนังสือพิมพ์แทบลอยด์เดลี เรคคอรด์ ที่มียอดตีพิมพ์มากเป็นอันดับสองในสก็อตแลนด์ประกาศนับสนุนการอยู่ต่อในสหราชอาณาจักรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของเซอร์เวชั่น ที่จัดทำให้หนังสือพิมพ์ เดลีเรคคอร์ด ระบุว่า มีผู้คัดค้านการแยกตัวเป็นเอกราช 53% แต่อีก 47% สนับสนุนก่อนหน้านี้ไม่กี่วันผลสำรวจหนึ่งพบว่าผุ้สนับสนุนการแยกตัวมีจำนวนมากกว่าผู้คัดค้านเป็นครั้งแรก ทำให้วิตกกันว่าสก็อตแลนด์อาจสิ้นสุดการเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรที่ดำเนินมานาน 307 ปี

กลุ่มสนับสนุนการแยกตัวได้ใจชาวสก็อตแลนด์หลายคนที่ไม่พอใจนโยบายการตัดลดงบประมาณของรัฐบาลคาเมรอน แต่ในภาคธุรกิจเริ่มหวั่นวิตกต่อผลกระทบหากสก็อตแลนด์แยกตัวเป็นเอกราช และธนาคารสองแห่งในสก็อตแลนด์ที่มีรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นด้วย เตรียมแผนย้ายสำนักงานกลับอังกฤษ หากสก็อตแลนด์แยกตัวเป็นเอกราช

และหากผลประชามติหนุนแยกตัวเป็นเอกราช อังกฤษและสก็อตแลนด์จะใช้เวลา18 เดือนเจรจาทุกเรื่องตั้งแต่การแบ่งสรรผลประโยชน์เรื่องน้ำมันในทะเลเหนือ สมาชิกภาพในสหภาพยุโรป ฐานทัพเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอังกฤษที่อยู่ในสก็อตแลนด์การใช้เงินปอนด์ ภาระหนี้สิน และพรมแดน เป็นต้น

ผู้นำอังกฤษวอนสก็อตแลนด์ อย่าทำหัวใจสลาย - Nation TV

 

บันทึกหมอ แบรนท์ลีย์
เรื่องโดย Nation TV วันที่ 10 กันยายน 2557 13:15 น.



นพ.เคนท์ แบรนท์ลีย์ ชาวอเมริกัน หนึ่งในผู้ติดเชื้ออีโบลาระหว่างอาสาไปช่วยเหลือผู้ติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกอีโบลาในนามองค์กรการกุศล Samaritans Purse รอดชีวิตอย่างเหลื่อเชื่อหลังจากติดเชื้อไวรัสร้าย ช่วงที่ นพ.แบรนท์ลีย์ ถูกส่งตัวกลับมารักษาที่สหรัฐ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า หมออาสาผู้นี้จะรอดพ้นความตายจากไวรัสที่คร่าชีวิตเหยื่อรายอื่นในอัตราสูงกว่า 50% หัลงจากที่หมอแบรนท์ลีย์หายป่วยจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลา คุณหมอหนุ่มได้เขียนเล่าประสบการณ์ลงในนิตยสารไทม์ถึงความรู้สึกที่รอดชีวิตจาก "อีโบลา"

คลิกเพื่อชม - > บันทึกหมอ แบรนท์ลีย์ - Nation TV

 

ยอดผู้เสียชีวิตอีโบลาเพิ่ม 200 ในวันเดียว
เรื่องโดย Nation TV วันที่ 10 กันยายน 2557 13:14 น.



องค์การอนามัยโลกเปิดเผยตัวเลขล่าสุดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากอีโบลาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 2,296 คนในแอฟริกาตะวันตก โดยตัวเลขเพิ่มขึ้นเกือบ 200 คนในวันเดียวและไลบีเรียซึ่งมีการระบาดหนักที่สุด เปรียบเทียบว่าสถานการณ์เหมือนกับไฟป่า

ยอดผู้เสียชีวิตอีโบลาเพิ่ม 200 ในวันเดียว - Nation TV

 

อ.เจษฎา ทดสอบทำรอยพญานาค ตึกอักษรจุฬาฯ
11 ก.ย. 57 13.12 น. |



สนับสนุนเนื้อหา อ.เจษฎา ทดสอบทำรอยพญานาค ตึกอักษรจุฬาฯ ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาลองปรากฎว่าเหมือนพอใช้ นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com



อ.เจษฎา ซื้อเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงทดสอบทำรอยพญานาค ตึกอักษรจุฬาฯ ปรากฎว่าเหมือนพอใช้



(11 ก.ย.) จากโลกออนไลน์ฮือฮาภาพรอยประหลาดคล้ายกับรอยพญานาคเลื้อย บริเวณหน้าเทวาลัย หรือ อาคารคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง

ล่าสุดวันนี้ ผศ.ดร.ว่าที่ร้อยตรี เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ถึงกรณีดังกล่าว หลังลงไปตรวจสอบร่องรอยดังกล่าว โดยชี้แจงว่า







"เมื่อคืนนึกสนุก เลยเข้าบิ๊กซีไปซื้อเครื่องฉีดน้ำความดันสูงมาลองเล่นดู ได้มาตัวราคาประมาณ 1700 ฉีดที่หลังตึก ที่พื้นเป็นคราบตะไคร่คล้าย ๆ ที่ดูที่อักษร คิดว่าก็เหมือนพอใช้ได้นะ แต่ยังไม่คม-กลมเท่าที่เห็นที่อักษร ... เช็คเฟซบุ้คอีกที คนแชร์กันใหญ่ว่า จริงมันเป็นเครื่องฉีดน้ำล้างพื้นคล้าย ๆ กัน แต่มีหัวกลม ๆ หมุน ๆ เอาไว้ล้างขีดโดยเฉพาะ ... อย่างนึ้นี่เอง ฮะๆๆๆ มิน่า ถึงเนียนนัก"

ทั้งนี้ มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก

อ.เจษฎา ทดสอบทำรอยพญานาค ตึกอักษรจุฬาฯ

 

คนไทย รักในหลวง

ฟ้าผ่าฝูงควายดับ4ตัว !!
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 กันยายน 2557 11:41



เกิดเหตุ ฟ้าผ่าใส่ฝูงควายดับ 4 ตัว อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และเกิดน้ำป่าไหลท่วมพื้นที่อีก



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก มีฝนตกหนัก และเกิดน้ำป่าไหลท่วมพื้นที่ หมู่ 4 , 7 และหมู่ 8 ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก โดยน้ำได้ไหลท่วมพื้นที่ไร่ข้าวโพด นาข้าว สวนมะม่วง ขณะนี้ อบต.บ้านมุง และอำเภอเนินมะปราง กำลังสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นไม่มีรายงานบ้างพัง หรือประชาชนบาดเจ็บ

ล่าสุดเมื่อน้ำได้ลดระดับลงแล้ว ขณะที่ หมู่ 5 บ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก ต.บ้านน้อยซุ้มขึ้เหล็ก อ.เนินมะปราง เกิดเหตุ
ฟ้าผ่าใส่ฝูงควายดับ 4 ตัว ที่ ต.บ้านน้อยซุ้มขึ้เหล็ก อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก
รายละเอียด

 

ฝนตกหนักในญี่ปุ่น ต้องอพยพคนเกือบ 9 แสน
เรื่องโดย Nation TV วันที่ 11 กันยายน 2557 13:32 น.



เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทางภาคภาคเหนือของญี่ปุ่นในวันนี้ ทำให้ต้องอพยพประชาชนเกือบ 9 แสนคน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น ประกาศวันนี้เตือนภัยฉุกเฉินในจังหวัดฮอกไกโด ว่าจะเกิดฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง และดินถล่มได้ และผลการวิเคราะห์พบว่ามีปริมาณฝนตกวัดได้ 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงในหลายเมืองของฮอกไกโด เช่นเอนิวะ และชิโตเสะ นอกจากนี้ยังวัดปริมาณฝนได้เกือบ 120 มิลิลเมตรในเมืองฮิกาชิมัตสึชิมะและอิชิมากิจ ในจังหวัดมิยาหงิ



ทางการจังหวัดฮอกไกโดต้องสั่งอพยพประชาชนเกือบ 9 แสนคนที่อาศัยใกล้แม่น้ำขณะที่ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมถนนทั่วจังหวัด และระบบการคมนาคมขนส่งหยุดชะงัก เที่ยวบินจำนวนมากถูกยกเลิก นอกจากนี้น้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อล้น

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาระบุว่ ฝนตกหนักวันนี้เป็นอิทธิพลจากหย่อยความกดอากาศต่ำ และทางการเตือนอาจเกิดการสูญเสียชีวิตจากดินถล่มและน้ำท่วมได้ พร้อมกับกำชับให้ประชาชนทำตามคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ฝนตกหนักในญี่ปุ่น ต้องอพยพคนเกือบ 9 แสน - Nation TV

 

สุดเชื่อง!!วิธีพาสุนัขเดินเล่นเเบบใหม่ ไร้สายจูง!(ชมคลิป)
11-09-2014 13:54 คอลัมน์ : ต่างประเทศ



สุดเชื่อง!!วิธีพาสุนัขเดินเล่นเเบบใหม่ ไร้สายจูง!(ชมคลิป)
สุดเชื่อง!! คลิปเจ้านายพาสุนัข 5ตัวไปเดินเล่นได้สบายๆ แบบไร้สายจูง!

วันนี้(11ก.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกเว็บไซค์ยูทูปที่มีชื่อว่า "Griffin Shepherd kennels" ได้มีการเเชร์คลิปวิดิโอที่มีชื่อว่า "Walking my pack in public" ซึ่งเป็นคลิปเจ้านายจูงสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด 5ตัวมาเดินเล่นตามปกติ โดยที่เจ้านายเดินนำ ส่วนสุนัขทั้งหมดเดินตาม และเมื่อเจ้านายของมันหยุดเพื่อจะข้ามถนน พวกหมดทั้งหมดก็จะหยุดเดินด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นการจูงสุนัขมาเดินเล่นตามปกติ แต่เมื่อสังเกตุในคลิปวิดิโอดีๆแล้วจะพบว่า ชายคนดังกล่าวพาสุนัขมาเดินเล่นโดยปราศจากสายจูง!

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/-d8EYyveK_E?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

คลิปประกอบ : Griffin Shepherd kennels สมาชิกเว็บไซค์ยูทูป

 

คลิปภาพถ่าย!! "เขตกาซา" หลังสงครามที่สู้รบ นานกว่า 50 วัน
11-09-2014 13:58 คอลัมน์ : zapp social



คลิปภาพถ่าย!! "เขตกาซา" หลังสงครามที่สู้รบ นานกว่า 50 วัน
ภาพถ่ายทางอากาศที่ถูกถ่ายโดยท่าอากาศยานไร้คนขับ เผยถึงความเสียหายความสูญเสียในเขตกาซา

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/E-6z7DsbRl4?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

รายการ ZAPP SOCIAL ประจำวันที่ 9 กันยายน 2557 ดำเนินรายการโดย อำนวย จันทระริส ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ได้หยิบยกคลิปเด็ด ประเด็นฮอตของในช่วงนี้มานำเสนอ ซึ่งเนื้อหาส่วนหนึ่งของรายการที่จะกล่าวต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายทางอากาศที่ถูกถ่ายโดยท่าอากาศยานไร้คนขับ เป็นภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้ถึงความเสียหายในเขตกาซา ของอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่สู้รบกันนานถึง 50 วัน ความสูญเสียของซากปรักหักพังที่เมืองทั้งเมืองกลายเป็นเหมือนเมืองร้าง

 

จะเกิดอะไรขึ้น!! เมื่อภรรยาปล่อยสามีเลี้ยงลูกสาวอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง (ชมคลิป)
11-09-2014 13:57 คอลัมน์ : ทวีปอเมริกา / ต่างประเทศ



จะเกิดอะไรขึ้น!! เมื่อภรรยาปล่อยสามีเลี้ยงลูกสาวอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง (ชมคลิป)
ยอดคุณพ่อรายนี้ได้ใช้เวลาระหว่างที่อยู่บ้านกับลูกสาวเพียงลำพังด้วยการเต้นเพลงฮิต "Shake It Off" ของศิลปินสาว "Taylor Swift" ชนิดที่เรียกว่าจัดเต็มทั้งพ่อลูกเลยทีเดียวเชียว

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/kEuPX4qKQpY?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

วันนี้(11ก.ย.) สำหรับพ่อบางคนเมื่อต้องอยู่บ้านกับลูก พวกเขาจะปล่อยให้ลูกๆนั่งอยู่หน้าจอทีวี เพื่อที่ตนจะได้พักผ่อนหย่อนใจได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่ใช่สำหรับคุณพ่อรายนี้

สำหรับคุณพ่อคนนี้ได้ใช้เวลาอันมีค่ากับลูกสาวด้วยการเต้นเพลง "Shake It Off" ของ Taylor Swift ในชนิดที่ว่าจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าและลีลาการเต้นที่จะมาเรียกรอยยิ้มให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน

 

ยังเฝ้ารอ!!! มาเลย์เรียกร้องให้ค้นหาเหยื่อ MH17 ซ้ำ!!
T11-09-2014 13:33 คอลัมน์ : อาเซียน และ จีนตอนใต้ / ต่างประเทศ



ยังเฝ้ารอ!!! มาเลย์เรียกร้องให้ค้นหาเหยื่อ MH17 ซ้ำ!!
ทางการมาเลเซียเรียกร้องให้ผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการค้นหาร่างของเหยื่อ MH17 อีกครั้ง

วันนี้(11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฮิสฮัมมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของมาเลเซีย ได้เรียกร้องให้คณะผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการค้นหาครั้งสุดท้ายบริเวณจุดตกของเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 ทางตะวันออกของยูเครน เพื่อที่อาจจะสามารถกู้คืนศพของผู้เสียชีวิตที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ก่อนที่ฤดูหนาวกำลังจะเริ่มต้น

นายฮุสเซนยังเสริมอีกว่า การค้นหานี้ มีความสำคัญมากสำหรับชาวมาเลเซีย เนื่องจากยังคงมีญาติที่กำลังเฝ้ารออาจจะได้รับศพ

ผู้โดยสารและลูกเรือในเที่ยวบิน MH17 เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องตกในวันที่ 17 กรกฏาคมที่ผ่านมา ขณะที่ทีมสืบสวนชาวดัตช์ได้ถูกบังคับให้ละทิ้งความพยายามที่จะค้นหาหลักฐาน เนื่องจากการสู่รบระหว่างรัฐบาลยูเครนกับกบฏแบ่งแยกดินแดน ซึ่งขณะนี้ได้มีการหยุดยิงแล้ว ถือเป็นการนำมาซึ่งความหวังที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง

 

มูลนิธิหมอชาวบ้าน

งูสวัด



โพสโดย somsak เมื่อ 1 เมษายน 2551 00:00
นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
งูสวัด

งูสวัด เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่บริเวณผิวหนังชนิดหนึ่ง ทำให้มีผื่นตุ่มขึ้นเป็นแนวยาวๆ เช่นบริเวณชายโครง หรือบั้นเอว ทำให้ดูคล้ายถูกงูรัดหรือตวัด (แผลงต่อมาเป็นงูสวัด) โรคนี้มักไม่มีอันตรายร้ายแรง และหายได้เองเป็นส่วนใหญ่ แต่บางรายหลังแผลหายแล้วอาจมีอาการปวดประสาทนานเป็นแรมปี หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงตามมาได้
ชื่อภาษาไทย งูสวัด
ชื่อภาษาอังกฤษ Herpes zoster, shingles
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า "เชื้ออีสุกอีไส-งูสวัด (varicella-zoster virus หรือ vzv)" ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ครั้งแรก (ซึ่งมักเกิดขึ้นในวัยเด็ก) ส่วนใหญ่จะแสดงอาการของโรคอีสุกอีใส ส่วนน้อย จะไม่มีอาการแสดงให้ปรากฏหลังจากหายจากโรคอีสุกอีใสไปแล้ว เชื้อจะหลบซ่อนอยู่บริเวณปมประสาทใต้ผิวหนัง และแฝงตัวอย่างสงบเป็นเวลานานหลายปีถึงสิบๆ ปี โดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ

เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น อายุมาก ถูกกระทบกระเทือน มีความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนไม่พอ ติดเชื้อเอชไอวี เป็นมะเร็ง ใช้ยาต้านมะเร็งหรือยา กดภูมิคุ้มกัน เชื้อที่แฝงตัวอยู่นั้นก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และกระจายในปมประสาท ทำให้เส้นประสาทอักเสบ (เกิดอาการปวดตามแนวเส้นประสาท) เชื้อจะกระจายไปตามเส้นประสาทที่อักเสบ และปล่อยเชื้อไวรัสออกมาที่ผิวหนัง เกิดเป็นตุ่มใสเรียงเป็นแนวยาวตามแนวเส้นประสาท ที่เป็นโรคงูสวัดจึงมักมีประวัติเคยเป็นอีสุกอีใสในวัยเด็ก หรือเคยมีการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาก่อน โดยไม่มีอาการแสดง ซึ่งสามารถตรวจพบสารภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้ในเลือด

อาการ
ก่อนมีผื่นขึ้น ๑-๓ วัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดแปลบ บริเวณเส้นประสาทที่เป็นงูสวัด อาจมีอาการคันและแสบ ร้อน (คล้ายถูกไฟไหม้) เป็นพักๆ หรือตลอดเวลาบริเวณ
พบบริเวณชายโครง ใบหน้า แขนหรือเพียงข้างเดียว อาจทำให้คิดว่าเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อ ถ้าปวด ที่ชายโครง ก็อาจทำให้คิดว่าเป็นโรคหัวใจ โรคกระเพาะอาหาร ถุงน้ำดีอักเสบ นิ่วในไต ไส้ติ่งอักเสบได้ ถ้าปวดที่ใบหน้าข้างเดียว อาจทำให้คิดว่าเป็นไมเกรน หรือโรคทางสมองได้ บางรายอาจมีอาการไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ ท้องเดินร่วมด้วย ส่วนมากมีผื่นขึ้นตรงบริเวณที่ปวดแล้วกลายเป็นตุ่มใสเรียงตามแนวผิวหนังที่เลี้ยง โดยเส้นประสาทที่อักเสบ ตุ่มน้ำมักทยอยขึ้นใน ๔ วันแรก แล้วค่อยๆ แห้งตกสะเก็ดใน ๗-๑๐ วัน เมื่อตกสะเก็ดและหลุดออกไป อาการปวดจะทุเลาไป รวมแล้วจะมีผื่นอยู่นาน ๑๐-๑๕ วัน ผู้ที่มีอายุมากอาจ มีอาการนานเป็นเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ

การแยกโรค
อาการมีตุ่มน้ำใสขึ้นตามผิวหนัง อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่พบบ่อย ได้แก่ อีสุกอีใส กับเริม
อีสุกอีใส ผู้ป่วยจะมีไข้ขึ้นร่วมกับมีผื่นแดงและตุ่มน้ำใสขึ้นกระจายๆ ตามลำตัวและใบหน้า ผื่นตุ่มจะขึ้นในวันแรกที่มีไข้ และมักมีอาการคันร่วมด้วย
เริม ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสขึ้นหลายเม็ดอยู่กันเป็นหย่อม หรือกลุ่มเล็กๆ มักขึ้นเพียงที่ เดียว เช่นที่ริมฝีปาก แก้ม จมูก หู ตา ก้น อวัยวะเพศ เป็นต้น มักมีประวัติขึ้นซ้ำซากที่เดิมเวลามีประจำเดือน ถูกแดด เครียด ได้รับการกระทบกระเทือนเฉพาะที่ (เช่น ถอนฟัน ผ่าตัดที่บริเวณใบหน้า) เวลาเป็นไข้หวัด หรือเป็นไข้ (เช่น ทอนซิลอักเสบ ปอดอักเสบ เป็นต้น)

การวินิจฉัยโรค
แพทย์จะวินิจฉัยจากลักษณะอาการแสดงเป็นหลัก ได้แก่ อาการขึ้นเป็นผื่นแดงและตุ่มน้ำใสเรียงกันเป็นแนวยาว

การดูแลตนเอง
เมื่อพบว่าเป็นงูสวัด ควรปฏิบัติดังนี้

ถ้ามีไข้หรือปวด กินพาราเซตามอลบรรเทา
ถ้ามีอาการปวดแสบปวดร้อน ทาด้วยยาแก้ผดผื่นคัน (คาลาไมน์โลชั่น) หรือต้นเสลดพังพอนนำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมเหล้าพอเหลวข้นๆ (ควรใส่เหล้าเมื่อยาเริ่มแห้ง พอกไว้ตลอดเวลา เปลี่ยนยาวันละ ๒-๔ ครั้ง)
ตัดเล็บให้สั้น ห้ามแกะเกาผื่นตุ่ม
ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ ถ้าเป็นงูสวัดขึ้นที่ใบหน้า หรือตา หรือพบในคนอายุมากกว่า ๕๐ ปี มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือหญิงตั้งครรภ์ มีอาการปวดรุนแรง ให้การดูแลเบื้องต้นแล้วไม่ทุเลา ตุ่มกลายเป็นหนองเฟะ หรือมีความวิตกกังวลหรือมั่นใจในการดูแลรักษาตนเอง
การรักษา
แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ (เช่น ให้พาราเซตามอลบรรเทาอาการปวดหรือไข้) ถ้าตุ่มกลายเป็นหนองเฟะเนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ก็จะให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน อีริโทรไมซิน เป็นต้น

สำหรับผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า ๕๐ ปี หรืองูสวัดขึ้นที่บริเวณหน้า หรือมีอาการปวดรุนแรงตั้งแต่แรกที่มีผื่นขึ้น แพทย์จะให้กินยาต้านไวรัส เช่น อะไซโคลเวียร์ (acyclovir) ครั้งละ ๘๐๐ มก. วันละ ๕ ครั้ง ทุก ๔ ชั่วโมง (เว้นมื้อดึก ๑ มื้อ) ซึ่งจะต้องเริ่มให้ภายใน ๔๘ -๗๒ ชั่วโมงหลังเกิดอาการจึงจะได้ผลในการลดความรุนแรง และย่นเวลาให้หายเร็วขึ้น รวมทั้งอาจลดอาการปวดเส้นประสาทแทรกซ้อนในภายหลังได้

สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น เป็นโรคเอดส์) หรือเป็นชนิดแพร่กระจายทั้งตัว แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้ยาต้านไวรัสชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

สำหรับผู้ป่วยที่เป็นงูสวัดขึ้นที่ตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์ ซึ่งจะให้กินยาต้านไวรัส และยาหยอดตาที่เข้ายาต้านไวรัส เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางตา

ภาวะแทรกซ้อน
ที่พบบ่อยคือ อาการปวดประสาทหลังเป็นงูสวัด (post herpetic neuralgia) โดยเฉลี่ยพบได้ประมาณร้อยละ ๑๐-๑๕ ของผู้ป่วยงูสวัด พบได้ประมาณร้อยละ ๕๐ ที่ผู้ป่วยที่มีอายุเกิน ๕๐ ปีขึ้นไป และมากกว่าร้อยละ ๗๐ ในผู้ป่วยอายุ ๗๐ ปีขึ้นไป ยิ่งอายุมากยิ่งเป็นรุนแรงและนาน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่แรก หรือเกิดขึ้นภายหลังผื่นหายหมดแล้วก็ได้ มีลักษณะปวด ลึกๆ แบบปวดแสบปวดร้อนตลอดเวลา หรือปวดแบบแปลบๆ เสียวๆ (คล้ายถูกมีดแทง) เป็นพักๆ ก็ได้ มักปวดเวลาถูกสัมผัสเพียงเบาๆ ปวดมากตอนกลางคืนหรือเวลาอากาศเปลี่ยนแปลง บางครั้งอาจรุนแรงมากจนทนไม่ได้ อาการปวดมักหายได้เอง (ร้อยละ ๕๐ หายเองภายใน ๓ เดือน และร้อยละ ๗๕ จะหายเองภายใน ๑ ปี) บางรายอาจปวดนานเป็นแรมปี โดยเฉพาะ อย่างยิ่งถ้าขึ้นที่บริเวณใบหน้า

ส่วนภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น

มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เนื่องจากใช้เล็บแกะเกา หรือให้การดูแลผื่นตุ่มไม่ถูกต้อง ทำให้กลายเป็นตุ่มหนอง แผลหายช้า และกลายเป็นแผลได้
ในรายที่เป็นงูสวัดขึ้นตา อาจทำให้เกิดกระ- จกตาอักเสบ แผลกระจกตา ม่านตาอักเสบ ต้อหิน ประสาทตาอักเสบ ถึงขั้นทำให้สายตาพิการได้
ในรายที่เป็นงูสวัดที่บริเวณหูด้านนอกหรือแก้วหู อาจทำให้เกิดอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก (ยักคิ้ว หลับตา เม้มมุมปากไม่ได้ซีกหนึ่ง) หรือมีอาการบ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน ตากระตุกได้
ในรายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะผู้ป่วยเอดส์ (ซึ่งพบเป็นงูสวัดร่วมด้วย ประมาณร้อยละ ๑๐) มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว อาจเกิดผื่นงูสวัดแบบ แพร่กระจาย คือมีตุ่มขึ้นออกนอกแนวเส้นประสาท มากกว่า ๒๐ ตุ่ม หรือขึ้นตามแนวเส้นประสาทมากกว่า ๑ แนว อาการมักจะรุนแรงและเป็นอยู่นาน อาจกระจาย เข้าสู่สมองและอวัยวะภายใน (เช่น ปอด ตับ) เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้
ผู้หญิงที่เป็นงูสวัดขณะตั้งครรภ์ อาจแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ ทำให้ทารกเกิดความผิดปกติ เช่น มีแผลเป็นตามตัว แขนขาลีบ ต้อกระจก ตาเล็ก ศีรษะเล็ก ปัญญาอ่อน เป็นต้น
การดำเนินโรค
ส่วนใหญ่มักจะหายได้เอง ภายใน ๑๐-๑๕ วัน ส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวข้างต้น

การป้องกัน
โดยการฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส-งูสวัด ตั้งแต่อายุ ๑ ขวบ ซึ่งฉีดเพียง ๑ เข็ม สามารถป้องกันได้ตลอดชีวิต
ถ้าฉีดตอนอายุมากกว่า ๑๓ ปี ควรฉีด ๒ เข็ม ห่างกัน ๔-๘ สัปดาห์

ความชุก
งูสวัดเป็นโรคที่พบได้บ่อย ซึ่งจะพบมากขึ้นตามอายุ พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มักพบในคนอายุมากกว่า ๕๐ ปี ในเด็กและทารกพบได้น้อยและมักมีอาการไม่รุนแรง


งูสวัด | ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน

 

แนะใช้ใบตองอ่อนรักษาแผลสด-ชี้ไม่ปวดแถมหายเร็วขึ้น
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 14:15 น. ข่าวสดออนไลน์



เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ ในการประชุมวิชาการประจำปี นางไอยริษา เสาร์ศิริ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)อีเซ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ นำเสนอผลงานเรื่อง การรักษาแผลด้วยใบตองอ่อน ช่วยลดอาการเจ็บปวดของผู้ป่วยขณะทำแผลได้เป็นอย่างดี ว่า จากการทำแผลผู้ป่วย 12-25 ราย เป็นบาดแผลเปิด แผลถลอกร้อยละ 40 แผลถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ร้อยละ 20 แผลเปื่อยติดเชื้อร้อยละ 25 แผลที่สร้างความเจ็บปวดให้ผู้ป่วยมากที่สุดคือ บาดแผลถลอก และแผลถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก เนื่องจากเมื่อปิดผ้าก็อซเคลือบวาสลินบนแผลแล้ว แผลจะแห้งและลอกหลุดยาก ต้องใช้น้ำเกลือล้างแผลช่วยละลายสิ่งคัดหลั่งบนแผลให้ชุ่ม จึงจะลอกผ้าก็อสออกได้ ทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวด กลัวการทำแผล



นางไอยริษา กล่าวว่า จากความเจ็บป่วยดังกล่าวได้ศึกษาภูมิปัญญาวิถีชาวบ้านด้านการดูแลบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกและแผลถลอก โดยใช้ใบตองกล้วยใบอ่อนที่ยังไม่คลี่ใบ มาใช้ปิดบาดแผลแทนการใช้ผ้าก็อซเคลือบวาสลิน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดูแลให้แผลหายเร็วที่สุด ลดความเจ็บปวดขณะทำแผล จำนวน 20 ราย พบว่าบาดแผลที่ปิดด้วยใบตอง เนื้อเยื่อมีการสมานกับได้ดี และใบตองอ่อนไม่ติดกับบาดแผล จึงมีผลทำให้แผลหายเร็วกว่าแผลที่ปิดด้วยผ้าก๊อซเคลือบวาสลินประมาณร้อยละ 80 โดยบาดแผลถลอกไม่ลึกที่ใช้ใบตองปิด จะใช้เวลาหายประมาณ 7 วัน หากใช้ผ้าก็อซเคลือบวาสลินปิด จะใช้เวลา 12-14 วัน ส่วนบาดแผลถลอกหรือแผลไฟไหม้ที่มีขนาดลึก การปิดแผลด้วยใบตองอ่อน จะหายประมาณ 2 สัปดาห์ ส่วนแผลที่ใช้ผ้าก็อซเคลือบวาสลินปิด จะหายประมาณ 3-4 สัปดาห์ สร้างความพึงพอใจผู้ป่วยสูงถึงร้อยละ 98 มีอาการเจ็บปวดเล็กน้อยขณะทำแผล หากเป็นผู้ป่วยเด็กจะชื่นชอบมากและไม่กลัวการทำแผลเหมือนที่ผ่านมา ส่วนในด้านต้นทุนพบว่า เกิดการลดต้นทุนต่อครั้ง ลงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ การทำแผลและปิดแผลด้วยใบตองอ่อน ใช้เงินประมาณ 18-20 บาท ขณะที่การใช้ผ้าก็อซเคลือบวาสลินปิดแผลใช้ประมาณ 50 บาท

นางไอยริษากล่าวต่อว่า ในการนำใบตองอ่อนมาปิดแผลนั้น จะต้องตัดใบให้พอเหมาะกับขนาดแผล จากนั้นคลี่ใบตองออก ตัดส่วนที่สัมผัสอากาศทิ้งไป จากนั้นใช้กรรไกรสะอาด ตัดใบตองขนาดพอดีกับการปิดบาดแผลสนิท และใช้ไม้พันสำลีชุบแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ เช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่ด้านของใบตองที่มีผิวมันที่จะใช้ปิดแผล การเช็ดต้องเช็ดทางเดียวให้เต็มพื้นที่ เพื่อให้เกิดผลดีในการฆ่าเชื้อโรคได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หลังจากทำความสะอาดบาดแผลถลอก แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกตามมาตรฐานแล้ว ขั้นต่อไปคือการปิดแผล จะนำใบตองอ่อนที่ผ่านการเช็ดฆ่าเชื้อแล้ว มาปิดลงบนแผล และใช้ผ้าก็อซทำแผล ปิดซ้ำข้างบนและติด พลาสเตอร์ยึดไว้ ใบตองอ่อนที่เหลือ สามารถเก็บไว้ใช้ต่อไปได้ โดยตัดเป็นท่อนขนาดพอใช้กับแผล ใส่ในถุงพลาสติก สามารถเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ได้นาน 1 เดือน ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ให้การยอมรับวิธีการทำแผลและปิดแผลด้วยใบตองกล้วยอ่อน คาดว่าในอนาคตควรมีการศึกษากลวิธีการรักษาตามภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอื่นๆ เพื่อนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและสถานบริการ สืบสานภูมิปัญญาให้คงอยู่อย่างรู้ค่าต่อไป

 

สปาเด็ก
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8688 ข่าวสดรายวัน



เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์
อะไรจะดีไปกว่าการผ่อนคลายด้วยการเข้าสปา
หนูๆ ตัวน้อยเหล่านี้ พ่อแม่พามาเข้าสปา "โฟลตเบบี้" ที่เมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐ

ทำตาแป๋วๆ ลอยคอในห่วงยางนุ่มๆ บำบัดด้วยน้ำ "ไฮโดรเธอราพี" นาน 20 นาที

ว่าแต่...ใครแอบชิ้งฉ่องยกมือขึ้น

ʻ

 

'ญี่ปุ่น 'ย่องถก 'สหรัฐฯ' ขอมี 'อาวุธเพื่อการรุกโจมตี' อ้างไม่มั่นใจอเมริกากล้าสั่งสอนโสมแดง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กันยายน 2557 23:48 น.



รอยเตอร์ - โตเกียวดอดคุยวอชิงตันถึงความเป็นไปได้ในการซื้ออาวุธประเภทใช้เพื่อการรุกโจมตี เพื่อให้ตนเองสามารถแสดงแสนยานุภาพได้กว้างไกลเลยออกไปจากพรมแดนประเทศ ทั้งนี้จากการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นหลายราย ขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญแดนอาทิตย์อุทัยบอกว่า ปัจจัยกระตุ้นประการหนึ่งคือ ความกังวลของญี่ปุ่นที่ว่า อเมริกาอาจลังเลที่จะโจมตีเกาหลีเหนือ หากโสมแดงก่อเรื่องร้ายแรง อย่างไรก็ตาม งานนี้พญาอินทรียังไม่กล้าออกตัวแรง เนื่องจากกลัวว่า จะสร้างความขุ่นเคืองให้แก่จีนและเกาหลีใต้

เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น 3 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า โตเกียวกำลังหารืออย่างไม่เป็นที่เปิดเผยและไม่เป็นทางการกับวอชิงตัน เกี่ยวกับ “สมรรถนะในการโจมตี” และย้ำว่า ยังเป็นการหารือขั้นต้นเท่านั้น รวมทั้งยังไม่มีการเจาะจงถึงอาวุธประเภทใดๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนแย้มว่า การหารือครอบคลุมทางเลือกทั้งหมด ตั้งแต่การที่ญี่ปุ่นยังคงพึ่งพิงทางทหารต่ออเมริกาต่อไป จนถึงการที่ญี่ปุ่นมี “เกราะ” ป้องกันตัวเองอย่างสมบูรณ์

ทั้งนี้ “สมรรถนะในการโจมตี” ในนิยามประนีประนอมของรัฐบาลญี่ปุ่นคือ สมรรถนะในการตอบโต้เพื่อรับมือจัดการกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธและอาวุธที่เกี่ยวข้อง

เจ้าหน้าที่คนเดิมเพิ่มเติมว่า โตเกียวต้องการสรุปเรื่องนี้ภายใน 5 ปี ก่อนเริ่มต้นจัดซื้อยุทโธปกรณ์

ทางด้านพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายอเมริกันกล่าวถึงเรื่องนี้ในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ว่า ไม่มีการหารืออย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการ โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งแย้มว่า ญี่ปุ่นเคยมาคุยเรื่องนี้กับอย่างไม่เป็นทางการเมื่อปีที่แล้ว

พวกผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมชี้ว่า การเพิ่มสมรรถนะในการโจมตี จะเป็นไปได้ต่อเมื่อญี่ปุ่นแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักนิยมทางทหาร (military doctrine) ของตนเองซึ่งยังคงมีลักษณะเป็นแบบมุ่งป้องกันตัวอย่างเดียว โดยที่การปรับเปลี่ยนนี้ก็อาจหมายถึงการเปิดประตูต้อนรับระบบขีปนาวุธเพื่อการโจมตี และยุทโธปกรณ์เพื่อการโจมตีอย่างอื่นๆ มูลค่านับพันนับหมื่นล้านดอลลาร์ อาวุธยุทโธปกรณ์ดังกล่าวอาจจะเป็นไปได้หลายหลากรูปแบบ เป็นต้นว่า จรวดร่อนที่ยิงจากเรือดำน้ำ เหมือนกับจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” ของอเมริกา

แม้กองทัพแดนอาทิตย์อุทัยมีความเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่ก็ถูกจำกัดจากรัฐธรรมนูญใฝ่สันติภาพที่จำกัดบทบาทไว้เพียงการเป็นกองกำลังป้องกันประเทศ

กองทัพญี่ปุ่นมีเรือผิวน้ำหลายสิบลำ, เรือดำน้ำ 16 ลำ และเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ นอกจากนี้ยังมีเรืออีกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างการต่อ และญี่ปุ่นยังกำลังสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 อันล้ำยุคใช้เทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ “สเตลท์” จากสหรัฐฯเป็นจำนวน 42 ลำ

การปรับปรุงและเพิ่มบทบาทกองทัพเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่ลงมือเพิ่มงบกลาโหมเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ยุติคำสั่งห้ามกองกำลังญี่ปุ่นออกไปรบนอกประเทศ และผ่อนคลายมาตรการจำกัดการส่งออกอาวุธ

เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเผยว่า โตเกียวยกเลิกการร้องขอหารือเรื่องสมรรถนะในการโจมตี ในระหว่างการเจรจาระดับสูงเพื่อกำหนดแนวทางการเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ที่คาดว่า จะดำเนนการสิ้นสุดปลายปีนี้ แต่แยกไปหารือเป็นประเด็นต่างหาก ตามความต้องการของวอชิงตันที่กังวลว่า จะทำให้จีน รวมถึงเกาหลีใต้ พันธมิตรสำคัญในเอเชียอีกชาติ ขุ่นเคืองใจ

กระนั้น ข้อตกลงกับวอชิงตันคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีแถมมีอุปสรรคขัดขวางมากมาย นับจากราคาที่ต้องจ่ายในภาวะที่ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะมากกว่ามูลค่าจีดีพีถึงสองเท่าตัว ไปจนถึงความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับจีน

นอกจากนั้น ญี่ปุ่นยังต้องได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในการเปลี่ยนแปลงหลักนิยมทางทหาร เนื่องจากจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกรอบโครงแห่งการเป็นพันธมิตรที่ระบุว่า อเมริกาเป็นผู้จัดหา “ดาบ” ของกองกำลังด่านหน้าและการป้องปรามทางนิวเคลียร์ ขณะที่ญี่ปุ่นทำหน้าที่ถือ “โล่” ป้องกัน

เจ้าหน้าที่อเมริกันอีกคนหนึ่งชี้ว่า วอชิงตันไม่อยู่ในสถานะที่จะยกระดับสมรรถนะในการโจมตีของโตเกียวได้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากโตเกียวยังไม่ได้พัฒนาแนวความคิดเฉพาะเจาะจง หรือเข้ามาหารืออเมริกาด้วย “ข้อเรียกร้องที่เฉพาะเจาะจง”

ขณะเดียวกัน พวกผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น เป็นต้นว่า นารุชิเกะ มิชิชิตะ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลญี่ปุ่นระหว่างปี 2004-2006 มองว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้โตเกียวต้องการยกระดับแสนยานุภาพคือ ความเคลือบแคลงว่า อเมริกาที่มีกำลังพล 28,000 คนในเกาหลีใต้ และ 38,000 คนในญี่ปุ่น อาจลังเลที่จะโจมตีเกาหลีเหนือหากเกิดวิกฤต

“เราอาจจะต้องการมีสมรรถนะในการโจมตีระดับขอบเขตจำกัด บางชนิดบางประเภทเอาไว้ในมือ เพื่อให้สามารถเป็นผู้ริเริ่มทำการโจมตีได้ เพื่อที่เราจะได้สามารถบอกกับฝ่ายอเมริกันว่า 'ถ้าคุณไม่ทำงานนี้ให้เรา เราก็จะทำมันด้วยตัวเอง'” มิชิชิตะ กล่าว

ตัวนายกฯอาเบะเองก็มีความกังวลใจเกี่ยวกับความลังเลของสหรัฐฯ ดังสะท้อนให้เห็นจากคำแถลงของเขาต่อรัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วที่ว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด “ที่จะต้องไม่ให้เกิดความเข้าใจอันผิดพลาดขึ้นมาว่า ฝ่ายอเมริกันจะไม่ใช้ดาบของตน” ในยามหน้าสิ่วหน้าขานเกิดภาวะวิกฤตขึ้นมา

“ในห้วงเวลาเช่นนั้น เราจะยอมรับได้จริงๆ หรือ ถ้าหากกลายเป็นว่าญี่ปุ่นยังต้องไปวิงวอนให้สหรัฐฯโจมตีใส่ขีปนาวุธที่กำลังคุกคามจะเข้ามาเล่นงานญี่ปุ่น?” อาเบะตั้งข้อปุจฉา

ทั้งนี้ภายใต้ข้อกำหนดทางการปฏิบัติด้านความมั่นคงซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน ในกรณีที่ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธนำวิถี “กองทหารสหรัฐฯจะจัดหาข่าวกรองที่จำเป็นให้แก่ญี่ปุ่น และเมื่อมีความจำเป็น ก็จะใช้กำลังเพื่อเป็นการเพิ่มแสนยานุภาพในการโจมตี” ให้แก่ญี่ปุ่น

'