ติดตามสถานะการณ์

#เจาะประเด็นงานประท้วงใหญ่ในฝรั่งเศส
#ม๊อบชี้ชะตามาครง
#เกษียณไม่สโมสร

ช่วงตั้งแต่เดือน ธันวาคมปีที้แล้ว ลากยาวมาจนถึงมกราคมนี้ ที่ฝรั่งเศสเขามีงานประท้วงครั้งใหญ่มาก ที่ออกมาคัดค้านแผนปฏิรูประบบ ที่เป็นหนึ่งในนโยบายชิ้นสำคัญของประธานาธิบดี เอมานูเอล มาครง ที่เขาว่า นี่คือม๊อบครั้งใหญ่ที่สุดในสมัยรัฐบาลของ พ่อมาการ็องหวานกรอบของเรา

ม๊อบใหญ่ครั้งนี้ ไม่ใช่กลุ่ม เสื้อกั๊กเหลือง(มะนาว) หรือ Gilets jaunes ที่เอะอะมะเทิ่งกันมา 2 ปีแล้ว แต่การประท้วงครั้งนี้มันใหญ่กว่านั้นมาก มีหัวหอกจากกลุ่มสหภาพแรงงาน ที่มีเครือข่ายสมาชิกนับล้านทั่วประเทศ ออกมาเป็นแกนนำประท้วง

คาดการณ์ว่ามีผู้ประท้วงทั่วประเทศนับกว่า 8 แสนคนออกมาเดินขบวนต่อต้านแผนปฏิรูปใหม่ และพร้อมใจกันนัดหยุดงานครั้งใหญ่

โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพแรงงานการถไฟที่ประท้วงหยุดงาน ดังนั้น รถไฟ รถเมล์ในฝรั่งเศสก็หยุดวิ่ง งดให้บริการต่อเนื่องกันมาตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม จนถึงวันนี้ นับได้ 36 วันเข้าไปแล้ว

นับเป็นการสไตร์ค หยุดวิ่งรถไฟนานที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ตั้งแต่มีการจัดตั้งการหน่วยงานการรถไฟแห่งชาติในปี 1930

แต่นอกเหนือจากกลุ่มสหภาพแรงงาน และรัฐวิสาหกิจขนส่งมวลชนที่ออกมาประท้วงหยุดยาวแล้ว ยังมีกลุ่มครู หมอ พยาบาล ทนายความ พนักงานเชิ้ตขาว หรือแม้แต่กลุ่มนักแสดงละคร นักแสดงโอเปร่า ก็ออกมาประท้วงกับเขาด้วย หลากหลายกลุ่มอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ถามว่า ตอนนี้คนฝรั่งเศสเขาประท้วงเรื่องอะไรกัน?

ประเด็นร้อนแรง จนถึงขั้นนัดหยุดงานยาวข้ามเดือน เกิดจากแผนปฏิรูปสวัสดิการบำนาญ ที่เป็นนโยบายของประธานาธิบดีมาครง ที่เขาว่าเป็นงานเผือกร้อน ที่ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าแตะ

ฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในประเทศยุโรป ที่มีสวัสดิการบำนาญที่ดีมาก และมีอัตราความยากจนของคนวัยเกษียณอยู่ในอันดับต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปหลายๆประเทศ คิดเป็นราวๆ 7% นิดๆ

แต่นั่นกำลังจะเป็นปัญหา ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออกของรัฐบาลฝรั่งเศส เพราะกองทุนบำนาญมันจะไม่พอจ่ายแน่ๆในอนาคต ที่ฝรั่งเศสจะเข้าสู่ยุค Papyboom หรือสังคมผู้สูงวัยที่คนทำงานวัยหนุ่มสาวมีน้อยกว่าชาววัยเกษียณ

นอกเหนือจากนี้ ในฝรั่งเศสมีระบบบำนาญที่ใช้อยู่ในหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน มากถึง 42 แผน
แต่ละแผนก็มีระบบการคิดเงินบำนาญที่แตกต่างกัน รวมถึงกรอบอายุที่จะเข้าเกณฑ์ "วัยเกษียญ" ในแต่ละอาชีพ แต่ละองค์กรด้วย

ดังนั้น พ่อมาการ็องหวานกรอบ จึงขอเสี่ยงตายลุยไฟ ผลักดันนโยบายปฏิรูประบบสวัสดิการบำนาญใหม่หมดทั้งประเทศ โดยจะยกเลิกระบบเดิมทั้ง 42 แผน ให้ใช้ระบบเดียวกันทั่วประเทศ

โดยแผนสวัสดิการบำนาญแผนใหม่ของพ่อมาการ็องมีรายละเอียดคร่าวๆดังนี้

- ใช้ระบบสวัสดิการบำนาญเดียวกันทั่วประเทศ
- ปรับเกณฑ์อายุวัยเกษียณจาก 62 เป็น 64
- ใช้ระบบนับแต้มชั่วโมงทำงานรายวันเป็นการสะสมเงินบำนาญ แทนระบบจ่ายแบบ Flat Rate
- การันตีเงินบำนาญขั้นต่ำ เดือนละ 1000 ยูโร

อะไรประมาณนี้

โดยพ่อมาการ็องให้เหตุผลว่า ระบบสวัสดิการเก่ามันล้าสมัย และก็ซับซ้อน มีตั้ง 42 แผน บริหารจัดการลำบาก และประชาชนควรได้รับการดูแลบนพื้นฐานที่เสมอภาค เท่าเทียมกันหมด

แผนหรู ดูดี และเข้ากระแสผู้นำยุคใหม่ ที่ต้องการจะ Change

แต่การจะ change แบบนิ่มนวล คงไม่ใช่ที่ฝรั่งเศส ประเทศที่มีการประท้วงอยู่คู่กับรัฐบาลมาช้านานทุกยุค ทุกสมัย

และกลุ่มแรงงานที่มาก่อน ประท้วงดังกว่าใครก็คือสหภาพแรงงานรถไฟ พี่แกเล่นไม่ขับรถ หยุดงานกันข้ามเดือน เพื่อประท้วงแผนสวัสดิการบำนาญใหม่ของพ่อมาการ็องโดยเฉพาะ

เพราะทราบหรือไม่ว่า ชาวสหภาพรถไฟมีวัยเกษียญอายุที่ 52 ปี ถ้ารับแผนใหม่ เขาต้องทำงานเพิ่มอีกมากกว่า 10 ปีเพื่อรับบำนาญ

สาเหตุที่ชาวสหภาพรถไฟเกษียญอายุกันตั้งแต่ 50 มีที่มาว่า พวกเขาเคยถูกจัดอยู่ในอาชีพกลุ่มเสี่ยง เพราะสมัยก่อนโน้น รถไฟใช้พลังงานถ่านหิน สร้างรางรถไฟ ใช้แรงงานอย่างหนัก จึงได้สิทธิ์เกษียณก่อน

แต่คนทั่วไปเขาก็มองว่า ปัจจุบันรถไฟมันก็ไม่ต้องใช้ถ่านหินแล้วนะ งานไม่ได้เสี่ยงเหมือนสมัยก่อน แล้วยังจะเกษียณตอน 52 ทำไมเล่า!

แต่ชาวพนักงานรถไฟเขาก็แย้งว่า งานขนส่งมวลชนนี่แหล่ะ งานหนัก วันตรุษ วันโกน คริสต์มาส ปีใหม่ ไม่เคยได้หยุดกับเขา บางครั้งต้องทำงาน 7 วัน ไม่มีวันหยุด ก็ต้องยอมทำ ด้วยหวังใจว่าจะได้เกษียณอายุก่อน แต่พอมาปรับให้ต้องเกษียณอายุเท่ากับคนทำงานออฟฟิศ ที่เขาได้หยุดเสาร์ อาทิตย์ ชาวรถไฟเขาก็เลยไม่ยอม

ถ้าคุณคิดว่าเกษียณอายุตอน 52 นี่น้อยแล้ว แต่ชาวบรอดเวย์ นักเต้น น้องร้องโอเปร่า เขาบอกว่า พวกฉันเกษียณตอนอายุ 42 ย่ะ เพราะอาชีพ ร้องเต้น เล่นบัลเลต์ ก็มีวัยของเขา เข้า 40 กระดูก กระเดี้ยวก็ไม่ไหวแล้ว แล้วถ้าให้เต้นจนถึงอายุ 64 ใครมันจะมาดู

นี่ยังไม่นับเบี้ยหวัด บำนาญที่จะได้หากต้องทำงานเพิ่มขึ้นอีกจนถึง 64 ปี

โดยปกติที่ฝรั่งเศสเขามีการคำนวนเงินบำนาญแต่ละองค์กรที่แตกต่างกัน บางที่คำนวนจากฐานเงินเดือน 6 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ บางที่อิงจากค่าเฉลี่ยจากฐานเงินเดือนของคนในสายอาชีพที่ทำเงินสูงสุด 25 สาขามาประเมิน

แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ตอนนี้ชาวฝรั่งเศสเขารับเงินบำนาญอยู่เดือนละ 1,496 ยูโร

แล้วรัฐบาลจะมาปรับให้ทำงานเพิ่ม นานขึ้นอีก เพื่อมารับบำนาญเฉลี่ยเหลือแค่ 1,000 ยูโร!!
พ่อมาการ็องง!!!!!!

ถึงแม้ว่าการปรับวัยเกษียณให้สูงขึ้นเป็น 64 ปีอาจจะสมเหตุ สมผลบ้าง เพราะทุกวันนี้คนมีอายุยาวกว่าเดิมมาก การแพทย์ทันสมัย คนอายุ 60 กว่า ยังทำงานได้ประสิทธิภาพเต็ม 100 มีเยอะ และหากเทียบกับหลายประเทศเพื่อนบ้านในยุโรป ล้วนปรับอายุวัยเกษียณขึ้นแทบทั้งนั้น เช่น สเปน เกษียณตอน 65 อังกฤษ 66 เยอรมัน 67

และค่าใช้จ่ายในกองทุนเงินบำนาญของฝรั่งเศสตอนนี้อยู่ที่ 13.9% ของ GDP หากไม่ปฏิรูประบบเสียตั้งแต่ตอนนี้ มันก็จะทะยานไปแตะที่ 16% อย่างของอิตาลี ที่ตอนนี้กองทุนบำนาญเขาเจ๊งอยู่

แต่ถึงชาวฝรั่งเศสเขาจะรู้ว่าการปฏิรูประบบบำนาญมันจำเป็น แต่จะให้ทำงานนานกว่าเก่า และมีโอกาสได้เงินน้อยกว่าเดิม เอิ่ม! ไม่ได้

นี่จึงเป็นเหตุม็อบใหญ่วัยทำงาน ที่ประท้วงใหญ่ที่สุด และยืดเยื้อที่สุดในยุคของพ่อมาการ็อง ที่ตอนนี้รับศึกหลายด้านมาก และแผนปฏิรูปนี้ก็เป็นนโยบายสำคัญที่พ่อมาการ็องใช้หาเสียง และต้องการผลักดัน

และหากจำเป็นต้องถอย เหมือนอย่างรัฐบาลยุคก่อนหน้า ที่ต้องการจะปรับระบบกองทุนนี้ แต่ไม่สำเร็จ เพราะแตะเป็นร้อนทุกที พ่อมาการ็องคงเสียรังวัดน่าดู และสะเทือนความนิยม หากถึงคราวเลือกตั้งสมัยถัดไปอย่างแน่นอน

โถ...น่าสงสารพ่อหวานกรอบเขานะคะ

แหล่งข้อมูล

https://www.theguardian.com/world/2...es-teachers-and-lawyers-join-pension-protests

https://www.reuters.com/article/us-...m-of-frances-cherished-pensions-idUSKBN1Y915L
https://www.bloomberg.com/news/arti...h-pension-system-to-come-into-force-from-2025
https://apnews.com/21a026a9b9bb4655b66713a57a51e868
https://www.france24.com/en/2019122...macron-pension-reform-plan-nationwide-strikes

 

โรคซาร์ส
Severe Acute Respiratory Syndrome (SARS)
• โรคซาร์ส (SARS) หรือ Severe Acute Respiratory Syndrome คือ 'กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง..เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ SARS Coronavirus โดยผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการทางระบบหายใจ..ซึ่งอาจรุนแรงจนมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง เป็นโรคที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ โดยเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศ 'จีน' ในปี ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545)
• เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคซาร์ส..ได้ถูกค้นพบในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) จากการนำเนื้อเยื่อของผู้ป่วยไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ทำให้ทราบว่าสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส
• และการตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสทำให้ทราบว่า..เป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่มที่ชื่อว่า Coronaviridae ซึ่งไวรัสที่อยู่ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดเป็นโรคหวัด หรืออาการทางระบบหายใจส่วนล่าง เช่น ปอด และหลอดลมได้ แต่มักไม่รุนแรง
• สำหรับไวรัสที่เป็นสาเหตุของ 'โรคซาร์ส' นี้ได้ถูกตั้งชื่อว่า SARS Coronavirus (SARS - CoV)
• ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) ก็ได้มีการศึกษาหาแหล่งที่มาของเชื้อ SARS Coronavirus โดยการตรวจที่ตลาดค้าเนื้อสัตว์ป่าในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน พบเชื้อไวรัสชนิดนี้ในอุ้งเท้าของ 'ชะมด' (Civet Cats) จึงสันนิษฐานว่า 'เชื้อน่าจะมาจากสัตว์ซึ่งมีอยู่เป็นปกติมานานแล้ว'
• แต่เชื้อได้พัฒนาเข้าสู่คนเป็นครั้งแรก..และทำให้เกิดโรคขึ้นมา เมื่อได้ศึกษาต่อไปก็พบเชื้อชนิดนี้อีกใน 'แรคคูน' (Raccoon) 'แบดเจอร์' (Ferret badger) และ 'ค้างคาว'..โดยที่เชื้อไม่ได้ทำให้สัตว์เหล่านี้มีอาการ
• โรคซาร์สติดต่อได้โดยการอยู่อาศัย..และสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย หรือ Close Person- to-Person Contact โดยที่การหายใจเอาเชื้อไวรัสที่กระจายอยู่ใน 'ละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย'..หรือการสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งเหล่านี้แล้วนำมาสัมผัสกับ 'เยื่อบุจมูก ตา และปาก' ซึ่งเรียกโดยรวมว่า..เป็นการแพร่เชื้อผ่านละอองเล็ก ๆ (Droplets Transmission) เป็นสาเหตุที่สำคัญของการติดเชื้อ
• นอกจากนี้สันนิษฐานว่า 'การหายใจเอาเชื้อที่มีอยู่ในอากาศ' (Air Borne Transmission) ก็อาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อได้
• การอยู่อาศัยและสัมผัสใกล้ชิดที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ ได้แก่ การเป็นผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโรคซาร์ส การอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน การมีเพศสัมพันธ์กัน การกอด การจูบ การสัมผัสเนื้อตัว การกินอาหารร่วมกัน การดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน การได้พูดสนทนาร่วมกันในระยะที่ใกล้กว่า 3 ฟุต
• ส่วนการเดินผ่าน การนั่งอยู่ในสถานที่เดียวกัน..โดยสถานที่นั้นไม่ได้เป็นระบบปิด ไม่ได้ทำให้ติดเชื้อ
• ผู้ที่เพิ่งติดเชื้อมาและยังไม่แสดงอาการ..ระยะนี้ยังไม่มีรายงานว่าสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้..ต่อเมื่อผู้ป่วยเริ่มแสดงอาการแล้วเท่านั้นที่โรคจะติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้
• เชื้อไวรัสเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว..อวัยวะหลักที่เชื้อจะเข้าไปอยู่ในเซลล์ แบ่งตัวเพิ่มจำนวนและทำลายเซลล์ที่อาศัยอยู่นั้น คือ 'ปอด' ส่วนอวัยวะอื่น ๆ คือ 'อวัยวะของทางเดินอาหาร และไต'
• นอกจากนี้..การที่ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานของร่างกายส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวและผลิตสารเคมีขึ้นมาเพื่อพยายามทำลายเชื้อไวรัส ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เซลล์ปกติของร่างกายถูกทำลายไปด้วย
• ระยะฟักตัวของเชื้อโรคซาร์ส คือ 'ตั้งแต่รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจนกระทั่งแสดงอาการ คือ ประมาณ 2 - 7 วัน'..ในบางรายอาจนานถึง 10 วัน
• อาการที่จะปรากฏในผู้ป่วยทุกคน คือ ไข้สูงมาก กว่า 38 องศาเซลเซียส (Celsius) อาการอื่น ๆ ที่อาจพบร่วมด้วยได้แก่ 'หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร'..บางคนอาจมีถ่ายอุจจาระเหลว
• อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 3 - 7 วัน แล้วจะตามมาด้วย 'อาการไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ หอบเหนื่อย หายใจลำบาก'..และหากตรวจดูระดับออกซิเจนในเลือดก็จะพบว่ามีค่าลดลง (Hypoxemia) ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง คือ 'เกิดภาวะหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ในที่สุด'
• การเอกซเรย์ปอดในช่วงแรกมักไม่พบความผิดปกติ..แต่ภายใน 10 - 14 วันหลังจากที่เริ่มมีอาการ..การเอกซเรย์ปอดก็จะพบเงาผิดปกติต่าง ๆ โดยความผิดปกติมากน้อยขึ้นกับระดับความรุนแรงของอาการ
• การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) จะพบเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ บางรายอาจมีเกล็ดเลือดต่ำ..การตรวจเลือดอื่น ๆ อาจพบมีค่าเอนไซม์ของตับขึ้นสูงผิดปกติ ค่าการทำงานของไตขึ้นสูงผิดปกติ มีค่าเกลือแร่ผิดปกติ เป็นต้น
• สิ่งที่สำคัญคือ 'การวินิจฉัยโรคซาร์สให้ได้อย่างรวดเร็ว'..และแยกผู้ป่วยออกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่นต่อไป
• สำหรับการวินิจฉัยในเบื้องต้นว่า 'ผู้ใดมีเกณฑ์เข้าข่ายว่าจะป่วยด้วยโรคซาร์นั้น' คือ
❶ มีอาการไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส (Celsius) ร่วมกับมีอาการอื่น ๆ หรือไม่ก็ได้ เช่น หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร ถ่ายอุจจาระเหลว
❷ ภายในระยะเวลา 10 วันก่อนที่จะมีอาการปรากฏ..จะต้องมีประวัติการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคซาร์สเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการไปรอเปลี่ยนเครื่องบินที่สนามบินของพื้นที่เหล่านั้นด้วย ได้แก่ ประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศสิงคโปร์ ประเทศไต้หวัน เมืองโตรอนโตของประเทศแคนาดา และเมืองฮานอยของประเทศเวียดนาม
• หรือหากไม่มีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว..ก็ต้องมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคซาร์ส ได้แก่ 'เป็นบุคลากรทางสาธารณสุขที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยโรคซาร์ส การสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งต่าง ๆ จากผู้ป่วย การจูบ กอด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย..การกินอาหารร่วมกัน การดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน การใช้สิ่งของส่วนตัวเช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกัน และการได้พูดสนทนาร่วมกับผู้ป่วยในระยะที่ใกล้กว่า 3 ฟุต'
• ทั้งนี้บุคคลที่มีเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อครบนี้ เข้าข่าย 'สงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคซาร์ส' หรือ Suspected Case ส่วนผู้ที่มีเงื่อนไขครบทั้ง 2 ข้อร่วมกับได้ทำการเอกซเรย์ปอดและพบเงาผิดปกติ ผู้ป่วยดังกล่าวจะเข้าข่าย 'น่าจะป่วยเป็นโรคซาร์ส' หรือ Probable Case
• ผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่มนี้จะต้องแยกตัวออกจนกว่าจะได้รับการยืนยันการวินิจฉัย โดยจะใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการในการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโรคซาร์สหรือไม่ ซึ่งมีหลายวิธี คือ
❶ การตรวจเลือดหา Antibody หรือ สารภูมิต้านทาน (Immunoglobulin) ต่อเชื้อไวรัสโรคซาร์ส 2 ครั้งที่ห่างกันมากกว่า 21 วันขึ้นไป
❷ การตรวจเลือด หรือตรวจสารคัดหลั่งหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสด้วยวิธีที่เรียกว่า 'ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส' หรือ Polymerase Chain Reaction (PCR)
❸ การเพาะเชื้อไวรัสจากเลือดหรือจากสารคัดหลั่ง
• จากสถิติผู้ป่วยและผู้ที่เสียชีวิตจากโรคซาร์สทั่วโลก เฉลี่ยแล้วผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 9.6% หรือประมาณ 1 ใน 10 คน แต่หากแยกตามอายุจะพบว่ามีความแตกต่างกันมาก
• โดยอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 24 ปีมีน้อยกว่า 1% แต่ถ้าผู้ป่วยอายุมากกว่า 65 ปี มีโอกาสเสียชีวิตถึง 50%
• นอกจากนี้..การมีโรคประจำตัวบางอย่างก็ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้น เช่น โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) โรคปอด (Lung Disease)โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease) หรือเป็นพาหะโรคไวรัสตับอักเสบบี (Viral Hepatitis B) เป็นต้น
• ผู้ป่วยโรคซาร์สที่เสียชีวิต 'ส่วนใหญ่เกิดเนื่องจากระบบหายใจเกิดล้มเหลว'..ซึ่งระบบหายใจล้มเหลวจากเชื้อไวรัสที่ไปทำลายปอดนั่นเอง
• สำหรับผู้ป่วยที่รอดชีวิต..ในบางรายพบว่า 'หากทดสอบการทำงานของปอด อาจยังมีผิด ปกติบ้าง หรือเอกซเรย์ปอดยังพบความผิดปกติเล็กน้อย อยู่ได้นานถึงประมาณ 12 เดือน'
• หลักของการรักษาโรคซาร์ส คือ 'ต้องแยกตัวผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซาร์ส หรือมีเกณฑ์เข้าข่าย 'สงสัย' หรือ 'น่าจะ' ป่วยเป็นโรคซาร์และยังอยู่ในขั้นตอนของการพิสูจน์ยืนยัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น
• โดยถ้าผู้ป่วยมีอาการหนักหรือมีโรคประจำตัว หรือเป็นผู้สูงอายุ ก็จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและแยกผู้ป่วยอย่างรัดกุม
• ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการน้อย ร่างกายแข็งแรง อาจทำการแยกตัวโดยอยู่ที่บ้านได้ แต่ภายในบ้านต้องไม่มีเด็กอ่อน คนตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัว รวมทั้งมีห้องนอนและห้องน้ำแยกส่วนตัว และต้องทำตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นอย่างเคร่งครัด เช่น
❶ การใส่ผ้าปิดปากปิดจมูก ของใช้ส่วนตัวห้ามใช้ร่วมกัน รวมถึงแก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน ส้อม และแยกทำความสะอาด แยกรับประทานอาหาร ขยะที่เกิดจากผู้ป่วยควรแยกถุงและแยกทิ้งแบบเป็นขยะติดเชื้อ ห้ามออกจากบ้าน โดยต้องหยุดเรียน หยุดทำงาน งดทำธุระต่าง ๆ รวมทั้งต้องมีการติดตามอาการและการปฏิบัติตัวจากเจ้าหน้าที่ทุกวัน เช่น การโทรศัพท์สอบถาม
• ผู้ป่วยโรคซาร์สสามารถกลับไปเรียน หรือทำงาน และใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องแยกห้องเมื่ออาการต่าง ๆ ทั้งไข้ ไอ หายใจเหนื่อย หรืออื่น ๆ หายสนิทไปแล้วจนครบ 10 วัน
• ยังไม่มีคำแนะนำที่แน่นอนในการเลือกใช้ชนิดยา..สำหรับรักษาโรคซาร์ส และยังไม่พบยาที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการฆ่าเชื้อไวรัสโรคซาร์ส..ยาที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วย ได้แก่
❶ ยาสเตียรอยด์ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (Systemic Use) เช่น ยาฉีด และยารับประทาน ส่วนใหญ่ใช้ลดการอักเสบภายใน หรือเพื่อกดภูมิคุ้มกัน
❷ ยาฆ่าเชื้อไวรัสชื่อ Ribavirin ซึ่งบางรายงานพบว่าไม่มีผลในการฆ่าเชื้อไวรัสโรคซาร์สเลย แต่กลับมีผลข้างเคียงมากกว่า เช่น ผื่นคัน เบื่ออาหาร ท้องเสีย อาการชา สับสน
❸ ยาต้านกระบวนการอักเสบที่ชื่อว่า Interferon ยาที่เป็นแอนติบอดิต่อเชื้อไวรัส Intravenous Immunoglobulin ซึ่งพบว่ามีผลข้างเคียงที่อันตรายคือทำให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดที่ปอดได้ (ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ)
• นอกจากนี้ยังมีตัวยาที่สกัดมาจากชะเอมเทศ ชื่อ Glycyrrhizin ถูกนำมาใช้รักษาในประเทศจีนด้วย โดยพบว่าช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด แต่ก็ยังไม่มีการศึกษายืนยันถึงผลการรักษา
• บรรณานุกรม :
Credit : https://www.medicalnewstoday.com/articles/7543.php
Credit : https://www.uptodate.com/contents/severe-acute-respiratory-syndrome-sars/print
Credit : https://www.cdc.gov/sars/index.html
Credit : https://www.ecdc.europa.eu/en/severe-acute-respiratory-syndrome
Credit : https://www.unicef.org/supply/files/Severe_Acute_Respiratory_Syndrome_HEPI_Supply_Note.pdf
Credit : https://www.who.int/csr/sars/en/

 

ความคิดเห็นของ Mark Elkin

เป็นมุมที่ดวงอาทิตย์สอดคล้องกับการหมุนของโลก

9/10 มันเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ตั้งอยู่บนขอบฟ้า, รังสีถูกบล็อกบางส่วนโดยเมฆที่ตั้งฉากขึ้นนี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดผล
ปรากฏการณ์crepuscular ray

Comment of Mark Elkin


It’s the angle in which the sun is aligned with the rotation of earth.

9/10 it’s when the sun is setting on the horizon, the rays are partially blocked by the risen perpendicular clouds, this is what causes the crepuscular ray effect

 

Setiawan

#เปอร์โตริโก้
ดูเหมือนชิ้นส่วนของเค้ก แต่ในความเป็นจริงภาพถ่ายนี้แสดงให้เห็นถึงรอยแตกใน #Ponce Guancha หลังจากแผ่นดินไหวที่ได้รับการบันทึกไว้ในภาคใต้ของเกาะ

#PuertoRico
It looks like a piece of cake, but in reality this photo shows one of the cracks in the #Ponce Guancha after the earthquakes that have been recorded in the southern region of the island.

 

หิมะดำที่สุพรรณ
อ.ด่านช้าง สุพรรณบุรี ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เผาอ้อยหนักมาก เผามาตลอดเป็นเดือนแล้ว ชาวบ้าน เด็กนักเรียนเดือดร้อนหนัก
ภาพชุดนี้จากเฟสบุ๊คของหลายคนที่นั่น ถ่ายเมื่อวานนี้ การเผาอ้อยนอกจากทำให้เกิดอากาศพิษ ฝุ่นจิ๋วพีเอ็ม 2.5 ไฟจากเผาอ้อยยังไหม้บ้านของชาวบ้านด้วย ขณะที่โรงเรียน หิมะดำตกเกลื่อน
ที่นี่ชาวบ้านมีคำขวัญใหม่ว่า ด่านช้างแดนหิมะโรงงานเหม็น เด่นเผาอ้อย
ชาวบ้านและเด็กๆ ลูกหลานเราจะอยู่กันอย่างไร พีเอ็ม 2.5 ลมสามารถพัดไปไกลได้หลายร้อยกิโลเมตร และมาถึงกรุงเทพฯ ได้ด้วยเพราะติดกันนิดเดียว และจะผสมโรงกับอากาศพิษและพีเอ็ม 2.5 จากแหล่งอื่นด้วยจนกรุงเทพฯ วิกฤตด้วยฝุ่นจิ๋ว
อุตสาหกรรมน้ำตาลคืออุตสาหกรรมที่ทำลายโลก ทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างมลพิษทางอากาศ รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเคยบอกว่าจะลดการเผาอ้อยด้วยการไม่ซื้ออ้อยที่เผา แต่ความจริงคือการเผาอ้อยยังคงมีต่อไปไม่หยุด
สุพรรณบ้านใคร ช่วยไปดูหน่อยครับ
ภาพแรก ปรเมษฐ์ เจนเซน
ภาพสอง Bobby arbors
ภาพ 3 และ 4 Bernetty Aek

 

#ULTIMA #HORA

กระแสน้ำเชี่ยวกรากในราส อัล-ไคมาห์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ฝนตกตลอดทั้งคืนในพื้นที่นั้น
2020/11/01

 

รายงานการปะทุของภูเขาไฟ Kuchierabujima ของญี่ปุ่น
2020/11/01

 

# LAST # ชั่วโมง
รายงานการก่อตัวของพายุทอร์นาโดที่เป็นไปได้ที่fort worthเท็กซัสสหรัฐอเมริกา
2020/10/01
#ÚLTIMA #HORA
Reportan posible formación de tornado en fort worth texas Estados Unidos
10.01.2020

 

มัสกัต, โอมานเข้าสู่การเตือนภัยสูงสุดและกองทัพอยู่ในถนนเพื่อป้องกันการรัฐประหารหลังจากการตายของสุลต่านแห่งโอมาน
สุลต่านนี้ เวลา 50 ปีในรัฐบาล

 

ยืนยันการเสียชีวิตของสุลต่าน qaboos แห่งโอมานประเทศ (ตะวันออกกลาง)

 

แองโกลาน้ำท่วม เสียชีวิต41 คน

 

... "จากฮ่องกง ซินเจียง มาสู่โรคระบาดที่หวู่ฮั่น"
... "หวู่ฮั่น" เป็นเมืองสำคัญมากของจีนภาคกลาง เป็นเมืองเก่าแก่กว่า 3,500 ปี ปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางการเมือง วัฒนธรรมจีน การค้า เศรษฐกิจการเงิน มีฉายามากมายเช่น "ชิคาโก้แห่งจีน" หรือ เมืองแห่งแม่น้ำ หรือ "ประตูทองคำแห่งแม่น้ำแยงซี" เพราะตั้งอยู่บนสาขาใหญ่ของแม่น้ำแยงซี ที่เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในเอเชีย อันดับสามของโลก6,300 กิโลเมตร เป็น "สายเลือดทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจีนแต่โบราณ"
... "หวู่ฮั่น" เป็นเมืองอกแตก แม่น้ำไหลผ่ากลางเมืองคล้ายบางกอก, โดยดินแดนฝั่งแม่น้ำด้านทิศเหนือเรียกว่า "หวู่จาง" ส่วนทิศใต้เรียกว่า "ฮั่นกั๋ว" เอาคำแรกมารวมกันเป็น "หวู่ฮั่น"
... ช่วงที่ญี่ปุ่นรุกรานจีนในปี 1937 จนเกิดการสังหารหมู่นานกิงอย่างโหดเหี้ยมนั้น เมืองหวู่ฮั่นก็เคยเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของจีนก๊กมินตั๋งอยู่ 10 เดือนและหลังจากที่ "ญี่ปุ่น" ยึดเมืองได้ในปี 1938 ก็ใช้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางในการขนส่งลำเลียงเสบียงเพื่อการปฏิบัติการในจีนตอนใต้
... ช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม สมัยเหมาเจ๋อตุง ก็มีความขัดแย้งทางการเมืองที่นี่ด้วย
... ปัจจุบันนี้เมือง "หวู่ฮั่น" เป็น "ศูนย์กลางการขนส่งคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของจีน" มีรถไฟระบบรางมากกว่า 12 สาย รวมทั้งถนน และทางด่วนทั่วถึง เพื่อใช้เมืองนี้เป็นจุดเชื่อมต่อกับดินแดนส่วนในของแผ่นดินใหญ่
... "เขื่อนสามผา" ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ตั้งอยู่ห่างไปไม่ไกลจากนี้
... ในอดีต เมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้นของ "การจลาจลที่หวู่ชาง" เมื่อ 10 เดือนตุลาคมปี 1911 จนถึง 1 ธันวาคม, อันเป็นจุดแรกส่วนต้นทางของ " การปฏิวัติซินไห่" จนสุดท้ายราชวงศ์ชิงของชาวแมนจูล่มสลาย
... ปัจจุบัน " หวู่ฮั่นเป็นซิลิคอนวัลเลย์แห่งจีน" เพราะสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายกว่า 350 แห่ง, มีผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีที่นี่กว่า 1,656 บริษัท, เป็นสวนเทคโนโลยี อุตสาหกรรมไฮเทคมากมายและสำคัญ รวมทั้งที่ตั้งโรงงานรถยนตร์ Dongfeng มอเตอร์ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน, เป็นมาหลายทศวรรษ และสามารถทำเงินจีดีพีมากถึง 224,000 ล้านดอลล่าร์ ในปี 2018
... มีผู้ประกอบการจากต่างประเทศมาลงทุนที่นี้มากกว่า 80 ประเทศ เป็นจำนวน 5,973 ผู้ประกอบการ ที่ทำเงินจีดีพีเข้าประเทศสูงถึง 224,000 ล้านดอลล่าร์ในปี 2018, แค่จากฝรั่งเศสก็มีถึง 50 บริษัท หรือเป็น 1 ใน 3 ของผู้ประกอบการฝรั่งเศสในจีน ตั้งอยู่ที่เขตเมืองนี้ เช่น รถยนตร์เรโนลท์ และ กลุ่มพีเอสจี
... เมือง "หวู่ฮั่น" จึงเป็นเมืองที่สำคัญมากๆของจีนตอนกลาง ครบทุกมิติ ทั้งการเมือง การค้า เศรษฐกิจ วัฒนธรรมการขนส่งมวลชน การศึกษา ศูนย์วิจัยทางเทคโนโลยี ศูนย์กลางทางด้านการผลิต ทางอุตสาหกรรม และการผลิตพลังงานของจีน และกำลังจะไต่ตัวเองพัฒนามาเป็นเมืองระดับชั้นหนึ่งเทียบเท่ากับ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ในเร็วๆนี้
... ตอนนี้ ต้นเดือนมกราคม 2020, ที่เมืองนี้กำลังเกิดโรคหวัดระบาดอย่างหนัก ส่วนใหญ่เกิดกับคนที่ไปแถวตลาดอาหารทะเล เกิดจากไวรัส Corona ชนิดใหม่ ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นชนิดไหน, โดยเริ่มมีข่าวมาตั้งแต่ปลายปี 2019 ที่ผ่านมา ท่ามกลาง บริบทสงครามการค้าจีนอเมริกา และการประท้วงในฮ่องกง รวมทั้งการออกกฏหมายแทรกแซงทั้งฮ่องกงและซินเกียงจากรัฐสภาอเมริกา
... เชื้อ "ไวรัสโคโรน่า" ซึ่งเป็นไวรัสกลุ่มเดียวกับที่ก่อโรคซาร์ส แต่คนละสายพันธุ์ เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง
... จึงน่าจับตาว่า "จากฮ่องกง ซินเกียง" ที่มีการออกฏหมายจากรัฐสภาแทรกแซงกิจการภายในของจีน จาก "อเมริกา" จนถึง การแพร่ระบาดของโรคหวัดนี้ จะมีเบื้องหลังที่ซ่อนปมหรือไม่? ต้องติดตามกันต่อไป
... แต่ที่แน่นอน "จีนกำลังรับศึกหนักทั้ง ประท้วงฮ่องกง การต่อต้านในซินเกียง และโรคหวัดระบาดในหวู่ฮั่น"
.
... https://en.m.wikipedia.org/wiki/Wuhan

 

... "อเมริกาหาเรื่องอิหร่าน : จะทำให้น้ำมันแพงนานกว่าที่คิด?"
... ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอเมริกา อาจจะทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นนานกว่าที่คิดไว้ เช่น ความกังวลที่ว่าอิหร่านอาจจะใช้เครือข่ายของพวกเขา อย่างเฮสบุลเลาะห์เอาคืนฝ่ายอเมริกา ทำให้ราคาน้ำมันดิบคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
... ข่าวจาก CNBC วิเคราะห์ว่า นอกจากปัจจัยของทั้งสองชาติแล้ว เมื่อประกอบกับข่าวก่อนหน้านี้ เช่น "สงครามการค้าจีน อเมริกา", การระเบิดโรงกลั่นของอรามโก้ที่ซาอุดิอาระเบีย, ยังไม่รวมกรณีที่ เวเนซุเอล่าโดนแบนตัดปริมาณน้ำมันออกจากตลาดโลก อาจจะมีผลทำให้ ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงและอยู่นานกว่าที่คิดไว้แต่แรก
... ปี 2019 ที่ผ่านมา "อเมริกา" สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกได้แล้ว จากการค้นพบเชลออยมากที่สุดในโลก
... ขณะที่ "ซาอุดิอาระเบีย" เองก็ต้องการเงินมหาศาลมาสร้างเมืองใหม่ตามแนวคิดของเจ้าชายมกุฏราชกุมาร เคยบอกว่าจะพยายามทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกสูงขึ้นอีก
... "สงครามใหญ่" จะเกิดขึ้นหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆชาวโลกได้ใช้น้ำมันแพงขึ้น สินค้าบริการแพงขึ้นแล้วแน่นอน
.
... https://www.cnbc.com/2020/01/03/why...be-a-longer-term-catalyst-for-oil-prices.html

 

Setiawan

ยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์มาถึงแล้ว
A new era of artificial intelligence has arrived

 

รูปแบบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสภาพอากาศจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมเนื่องจาก Arctic Temps เคลื่อนเข้าสู่ส่วนต่างๆทางตอนกลาง, ตะวันออกและใต้ของสหรัฐอเมริกา
Another Big Shift in Weather Patterns will occur towards the end of January as Arctic Temps move into the Middle, Eastern and Southern parts of the U.S.

 

แผ่นดินไหว อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน(17.90°N,99.13°E) ขนาด 1.6 ลึก 2 กม. วันที่ 11 ม.ค. 2563 เวลา 18:08 น. [TMD]

 

จีนพบแล้ว...โรคลึกลับปอดอักเสบชนิดใหม่ มาจาก โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ องค์การอนามัยโลกเตือนร้ายแรงกว่าซาร์สและเมอร์ส
วันนี้ ( 10 ม.ค. 63 )จากกรณีที่จีนพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบชนิดใหม่จำนวน 59 รายในเมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของประเทศ องค์การอนามัยโลก คาดว่า เกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัส (Coronavirus)ชนิดใหม่ หลังจากที่มีการทดสอบในห้องปฏิบัติการ แล้วพบว่าโรคปอดอักเสบนี้ไม่ใช่โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือโรคซาร์ส และโรคระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส ที่เกิดจากโคโรนาไวรัสเหมือนกัน
ทั้งนี้โคโรนาไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบชนิดใหม่นี้มีความแตกต่างออกไป และคาดว่าจะมีความร้ายแรงมากกว่าซาร์สและเมอร์ส ซึ่งจะต้องมีการศึกษาต่อไปถึงการแพร่ระบาด
สำหรับเชื้อไวรัสดังกล่าวมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปเป็นสายพันธุ์ใหม่ได้ และเป็นสาเหตุของอาการป่วยตั้งแต่ไข้หวัด ไปจนถึงโรคซาร์ส ซึ่งปรากฏเมื่อปี 2545 และโรคเมอร์ส ซึ่งปรากฏเมื่อปี 2555
ด้านสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนรายงานโดยอ้างผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ ยืนยันว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ คือสาเหตุของโรคปอดอักเสบชนิดใหม่ และยังต้องมีการวิจัยเพิ่มมากขึ้นเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ซึ่งพบผู้ป่วยรายแรกในเดือนธันวาคม 2562 และจนถึงเมื่อวันอาทิตย์พบผู้ป่วยแล้ว 59 ราย

 

Setiawan

หิมะตกหนักใน Tabuk, ซาอุดิอาระเบีย วันที่ 10 มกราคม 2020

 

Setiawan

หิมะตกใน Shobak, จอร์แดน 10 มกราคม 2020

 

#ไฟป่าออสเตรเลีย ปะทุเพิ่ม คาดสาเหตุเกิดจากฟ้าผ่า
.
⭕️ สถานการณ์ไฟป่า #ออสเตรเลีย ยังคงน่าเป็นห่วง ล่าสุดพบว่ามี #ไฟป่า ปะทุเพิ่มอีก 3 จุดในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ หลังมีกระแสลมรุนแรงทำให้เปลวไฟลุกลามหนักขึ้น นอกจากนี้ ยังเกิด #ฟ้าผ่า ซึ่งเป็นสาเหตุของต้นเพลิง และคาดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายต่อเนื่องเพราะยังไม่มีฝนตกลงมาในช่วงนี้
⭕️ ด้านนายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน เดินทางลงพื้นที่บนเกาะแกงการู ทางภาคใต้ เพื่อพบปะเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ขณะที่บนเกาะแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตจากไฟป่าไปแล้ว 2 ราย
.
• อ่านข่าวเพิ่มเติม : tna.mcot.net
• เฟซบุ๊ก : fb.com/tnamcot
• ยูทูบ : youtube.com/tnamcot
• แอดไลน์ : line.me/R/ti/p/%40tnamcot
• ทวิตเตอร์ : twitter.com/tnamcot
• อินสตาแกรม : instagram.com/tnamcot
• ช่อง 9 MCOT HD กดเลข 30