ติดตามสถานะการณ์

เผยแผนรับมือแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ค. 2557 15:44



กทม.เตรียมมาตรการรับมือแผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานคร ห่วงอาคารเก่า 70 แห่งได้รับผลกระทบ ด้านอาคารที่ก่อสร้างหลังปี 50 กฎหมายควบคุมอาคาร พร้อมต้านทานแรงสั่นสะเทือนได้...

น.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและโฆษกของกรุงเทพมหานครกล่าวว่า กทม.โดยกองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา ได้เฝ้าระวังเหตุและติดตามรวบรวมข้อมูลอาคารในกรุงเทพมหานคร โดยได้รวบรวมบัญชีอาคารที่มักได้รับรู้ถึงแรงแผ่นดินไหวจำนวน 70 อาคาร ซึ่งอาคารเหล่านี้มักได้รับผลกระทบ เช่น อาคารมีการสั่นไหว ผู้ที่อยู่ในอาคารรับรู้ถึงการโยกตัวของอาคาร เป็นต้น อย่างไรก็ดีจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 พ.ค. เวลา 18.08 น. ที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย อาคารตามบัญชีทั้ง 70 อาคาร ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงแผ่นดินไหวกับตัวอาคารแต่อย่างใด

ทั้งนี้ อาคารตามบัญชีที่ต้องตรวจสอบกรณีเกิดแผ่นดินไหว ไม่ใช่อาคารที่มีความเสี่ยงเพียงเป็นกลุ่มอาคารที่มีความสูง ที่มีการรับรู้ได้ถึงแรงจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น จึงขึ้นเป็นบัญชีที่จะเป็นกลุ่มของอาคารที่จะเข้าไปตรวจสอบ ไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการที่จะเสียหายแต่อย่างใด กรณีตรวจสอบพบอาคารที่มีความเสียหาย ทางกองควบคุมอาคารจะประสานหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ร่วมเข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วนต่อไป

กรุงเทพมหานครได้มีมาตรการรับมือแผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานคร ดังนี้ 1. อาคารที่ก่อสร้างหลังปี พ.ศ. 2550 ทางด้านกฎหมายควบคุมอาคาร ได้แก่ กฎกระทรวง กำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2550 บังคับใช้เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 50 โดยกฎกระทรวงฉบับนี้ได้ปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงเดิม คือ กฎกระทรวงฉบับที่ 49 พ.ศ. 2540 เพื่อให้อาคารสามารถต้านทานแรงจากแผ่นดินไหวได้ตามมาตรฐานสากล ซึ่งใช้บังคับอาคารดังต่อไปนี้ 1. อาคารที่จำเป็นต่อความเป็นอยู่ของสาธารณชน เช่น สถานพยาบาล สถานีดับเพลิง อาคารศูนย์บรรเทาสาธารณภัย อาคารศูนย์สื่อสาร ท่าอากาศยาน โรงไฟฟ้า โรงประปา 2. อาคารเก็บวัตถุอันตราย เช่น วัตถุระเบิด วัตถุไวไฟ วัตถุมีพิษ วัตถุกัมมันตรังสี หรือวัตถุที่ระเบิดได้ 3. อาคารสาธารณะ เช่น โรงมหรสพ หอประชุม สนามกีฬา อัฒจันทร์ ตลาด ห้างสรรพสินค้า โรงแรม 4. สถานศึกษา 5. สถานรับเลี้ยงเด็ก 6. อาคารที่มีผู้ใช้อาคารได้ตั้งแต่ 5,000 คนขึ้นไป 7. อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป 8. สะพานหรือทางยกระดับ 9. เขื่อนเก็บกักน้ำที่มีความสูงตั้งแต่ 10 ขึ้นไป อาคารที่ก่อสร้างก่อนปี พ.ศ. 2550 อาคารจะต้องมีการออกแบบให้สามารถรองรับแรงลม ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2527 และแรงจากแผ่นดินไหวตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 49 พ.ศ. 2540 ทำให้อาคารยังมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับแรงแผ่นดินไหวได้ การแก้ไขอาคารที่ก่อสร้างก่อนปี พ.ศ. 2550 ปัจจุบันได้มีกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตดัดแปลงอาคาร เพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแรงของอาคารให้สามารถต้านแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว พ.ศ. 2555 กำหนดแนวทางให้อาคารเดิมที่ไม่ได้รับการออกแบบเพื่อต้านทานแรงแผ่นดินไหว ให้สามารถเสริมองค์อาคารให้รองรับแรงแผ่นดินไหวได้

ด้าน พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรณีที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ในกรุงเทพมหานครปรากฏว่ามีผู้ที่อยู่ในอาคารสูงจะสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของอาคารความสั่นไหวของกระจกและการเคลื่อนตัวของวัตถุต่างๆ ระหว่างเกิดเหตุแผ่นดินไหว เนื่องจากกรุงเทพมหานครตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบภาคกลางตอนล่างซึ่งมีชั้นดินเหนียวอ่อนอยู่ข้างใต้พื้นดินบริเวณนี้สามารถขยายความรุนแรงของคลื่นแผ่นดินไหวที่พลังงานลดลงจากการเคลื่อนที่ผ่านชั้นหินชั้นดินเป็นระยะทางไกลให้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้ 2–3 เท่า และเปลี่ยนรูปแบบการสั่นไหวของคลื่นแผ่นดินไหวให้มีลักษณะเปลี่ยนไป ทำให้เกิดการสั่นพ้องกับอาคารสูง ทำให้ผู้ที่อยู่บนตึกสูงรู้สึกได้ถึงการสั่นไหว

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและเป็นการเตรียมความพร้อมในเบื้องต้นเป็นการลดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน จึงขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดแผ่นไหวดังนี้ ให้หมอบลงกับพื้น หลีกเลี่ยงบริเวณใกล้หน้าต่าง หรือบริเวณที่มีสิ่งของแขวนไว้ตามฝาผนังและหลบใต้โต๊ะหรือมุมห้อง ป้องกันตนเองโดยใช้แขนปกป้องศีรษะและคอ รอจนความสั่นไหวยุติลงหรือปลอดภัยแล้วจึงออกไปสู่จุดที่ปลอดภัย ตั้งสติและอย่าให้คนในครอบครัวตื่นตระหนก อยู่ห่างจากบริเวณที่มีวัตถุหล่นใส่ ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้งให้อยู่ห่างจากป้ายโฆษณา เสาไฟ อาคาร และต้นไม้ใหญ่ ระวังเศษอิฐกระจกแตกและชิ้นส่วนอาคารหล่นใส่

สำหรับผู้ที่อยู่ในอาคารสูง ถ้าอาคารมั่นคงแข็งแรงให้อยู่ในอาคารนั้น ถ้าอาคารเก่าและไม่มั่นคง ให้รีบออกจากอาคารนั้นให้เร็วที่สุด หลังการสั่นสะเทือนสิ้นสุดให้รีบออกจากอาคาร ถ้าไม่อยู่ใกล้ทางออกให้หมอบป้องเกาะจนกว่าจะมีผู้เข้าไปช่วยเหลือ ถ้าอยู่ใกล้ทางออกให้ออกจากอาคารโดยเร็วอย่าแย่งกันจนเกิดความชุลมุน ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาด หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ปฐมพยาบาลขั้นต้นให้ผู้ได้รับบาดเจ็บก่อนรีบออกจากอาคารที่เสียหายทันที ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสมอ เพื่อป้องกันเศษแก้ว วัสดุแหลมคม และสิ่งหักพังแทง ตรวจสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส ถ้าแก๊สรั่วให้ปิดวาล์วถังแก๊ส ยกสะพานไฟ อย่าจุดไม้ขีดไฟหรือก่อไฟ ตรวจสอบแก๊สรั่วด้วยการดมกลิ่นเท่านั้น ถ้าได้กลิ่นแก๊สให้รีบเปิดประตูหน้าต่างทุกบ้านออกจากบริเวณที่สายไฟขาดหรือสายไฟพาดถึง เปิดวิทยุฟังคำแนะนำฉุกเฉิน ใช้โทรศัพท์เมื่อจำเป็นจริงๆ สำรวจความเสียหายของท่อส้วมและท่อน้ำทิ้งก่อนใช้ อย่าเป็นไทยมุงเข้าไปในเขตที่เสียหายหรือปรักหักพัง อย่าแพร่ข่าวลือ.

เผยแผนรับมือแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

อวยชัย กุลพงษ์ ได้แชร์รูปภาพของ ก้องภพ อยู่เย็น



ในเรื่องของดวงดาว ในช่วงนี้จะมีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่สำคัญในระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม ได้แก่การเรียงตัวของดาวเคราะห์เป็นเส้นตรง ระหว่าง ดวงอาทิตย์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ และ ดาวพฤหัส ทุกท่านที่สนใจสามารถติดตามสังเกตกันว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับปฏิกริยาดวงอาทิตย์ หรือโลกอย่างไรบ้างตามความเป็นจริง เพื่อหาข้อสรุปด้วยตัวท่านเอง

โดยแนวเรียงตัวที่มีดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางจะเกิดขึ้นถี่ที่สุดในระหว่างวันที่ 9-10 พฤษภาคม ส่วนแนวเรียงตัวที่มีโลกเป็นศูนย์กลางจะเกิดขึ้นถี่ที่สุดในวันที่ 10-12 พฤษภาคม โดยเฉพาะในวันที่ 11 พฤษภาคม เวลาระหว่าง 11-16 UT

โดยที่ดวงอาทิตย์ ให้ทุกท่านลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิว และอวกาศรอบๆ ดวงอาทิตย์ เช่นเดียวกันกับที่โลก ก็ให้สังเกตสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และปฏิกริยาใต้ผิวรอบๆโลกไปพร้อมๆกันครับ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับตำแหน่งดวงดาวในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งผมจะรายงานสถานการณ์ในทุกท่านทราบต่อไป

สำหรับในวันที่ 6 พฤษภาคม เวลา 17:48 UT (เวลามาตรฐานประเทศอังกฤษ) เกิดปฏิกริยาที่ดวงอาทิตย์มากกว่าปกติ ส่งพลังงาน X-ray ออกมาในระดับ M1 โดยมีทิศทางออกไปทางทิศตะวันตกไม่ตรงกับโลก ซึ่งคลื่นพลังงานบางส่วนจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับกรณีศึกษาในครั้งนี้มีดังนี้

- ตำแหน่งดาวที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ในช่วงนี้
Solar System Scope
https://www.fourmilab.ch/cgi-bin

- มุมมองโลก จากดวงจันทร์ ในเวลาต่างๆ https://www.fourmilab.ch/cgi-bin/Earth/action?opt=-m

- มุมมองโลก จากดวงอาทิตย์ ในเวลาต่างๆ https://www.fourmilab.ch/cgi-bin/Earth/action?opt=-s

- วิดิโอภาพถ่ายดวงอาทิตย์มุมกว้าง มุมมองจากโลก CACTUS CME Details

- ภาพถ่ายที่ดวงอาทิตย์ที่เห็นปฏิกริยา X-ray ที่เกิดขึ้น

- วิดิโอภาพถ่ายดวงอาทิตย์มุมกว้าง โดยโลกอยู่ทางด้านขวามือของภาพ

http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2014/05/06/behind_20140506_cor2_512.mpg

 

In & Outside World



มันไม่ใช่เปลวไฟสุริยะ มันเป็นการระเบิดของดวงอาทิตย์
It's not a solar flare, it's a solar explosion.

NASA catches sun explosion on camera - KFVS12 News & Weather Cape Girardeau, Carbondale, Poplar Bluff

 

Dhamadhat Dhamada ได้แชร์รูปภาพของ NJ Magazine

 

Vis Mixer



ถ้าดูแบบคร่าวๆโดยนับจากเส้นลองจิทูด ประเทศไทยอยู่ในเขต ๑ ใน ๓ ส่วนที่ไม่โดนครับ เพราะถ้าแบ่งแบบง่ายๆจากทั้งหมด ๓๖๐ องศา แล้วให้นับองศา ๑๒๐ ตะวันตก (จริงๆคือ ๑๑๐ แต่เพื่อง่ายต่อการแบ่งเขตแบบคร่าวๆโดยการหาร ๓ ขอปัดเป็น ๑๒๐) เป็นเขต Yellowstone

เขตที่อยู่ใน 1/3 ส่วนที่ไม่โดนก็คือ องศาที่ 0 - 120 ตะวันออก ซึ่งไทยก็อยู่ที่องศาที่ ๑๐๐ องศาตะวันออก ครับ ส่วนจะได้รับผลกระทบจริงมากน้อยแค่ไหนนั่นก็ต้องรอดูของจริงอีกที

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก



สถานการณ์ภัยพิบัติโลก 8 พฤษภาคม 2557

- ทีมนักวิจัยออสเตรเลียตรวจพบไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ H11N2 ในนกเพนกวินที่อาศัยอยู่ในขั้วโลกใต้ ผลการวิเคราะห์เชื้ออไวรัสดังกล่าวพบว่า สายพันธุ์ H11N2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ได้ทำให้นกป่วย และยังไม่พบว่าสามารถติดต่อไปยังสัตว์ชนิดอื่นโดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ ©dailynews |7 พ.ค. 57|
คลิป [ame=http://www.youtube.com/watch?v=BFL764EKriM]Unusual New Penguin Flu Found in Antarctica - 6th May 2014 - YouTube[/ame]

- เกิดพายุทอร์นาโดไฟที่รัฐมิสซูรีของประเทศสหรัฐฯ ©sott |6 พ.ค. 57|

- เกิดเหตุไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ในเมืองกัธรี่ รัฐโอคลาโฮม่าของสหรัฐฯ สาเหตุมาจากอากาศแห้งแล้ง วัดอุณหภูมิได้ถึง 38 องศา และมีลมกระโชกแรง ส่งผลทำให้ประชาชนต้องเร่งอพยพออกจากบ้านเรือนในพื้นที่ ©springnews |6 พ.ค. 57|
คลิป [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Wy9fYmL_hes]Raw: Oklahoma Wildfire Growing Quickly - YouTube[/ame]

- พายุถล่มนิคมอุตสาหกรรมนวนครปทุมธานี ทำเสาไฟล้ม 12 ต้น น้ำท่วมถนนสูง 30 ซ.ม. ©INN |7 พ.ค. 57|

- เกิดเหตุพายุฤดูร้อนถล่มเมืองสุพรรณบุรี บ้าน วัด สนามกีฬา พังยับ รวมมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท... ©thairath |7 พ.ค. 57|

- ฝนถล่มลำปาง เกิดน้ำท่วมกว่า 100 หลังคาเรือน ข้ามถนนนับ10จุด ระดับน้ำที่ท่วมสูงกว่า 30 เซนติเมตร บางหลังถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ©matichon |7 พ.ค. 57|

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก



(ข่าวนอกโลก)

จุดดับบนดวงอาทิตย์ เลขที่ 2051 ล่าสุดระเบิดแล้ว 3 ครั้ง คือ

- M1.8 06/05/2014 09:03 UTC
- M1.0 06/05/2014 22:09 UTC
- M1.2 07/05/2014 16:29 UTC (ระเบิดล่าสุด)

CME ทั้งสามลูกนี้มีทิศทางไม่โดนโลก แต่ตามที่ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ได้กล่าวไว้ว่า ซึ่งคลื่นพลังงานบางส่วนจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลก ระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม

คลื่นพลังงานที่ว่าก็คือ ลมสุริยะที่หมุนเวียนมาโดนโลกในวันที่ 9-11 พ.ค. นี้ ตามภาพประกอบจะเห็นสีเหลืองสีแดง นั่นคือ คลื่นพลังงาน ส่วนจุดสีเขียวๆ คือโลกเราครับ




ผลกระทบ (กรณีที่ค่า Kp = 4 ขึ้นไป ถ้าขึ้นไปถึง 5 คือ เริ่มเกิดพายุแม่เหล็กชั้นบรรยากาศโลกระดับ G1)
- ประเทศแถบขั้วโลกเกิดเห็นแสงออโรร่า
- เกิดสัญญาณรบกวนการสื่อสารในบางความถี่ (Kp = 5-7) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจมีแรงดันไฟฟ้าสูงทำให้อุปกรณ์เกิดระเบิดได้ (กรณีที่ค่า Kp = 8-9 ขึ้นไป)
- เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
- ประจุไฟฟ้าจำนวนมากจากคลื่นพลังงานมีบางส่วนหลุดลงมาที่โลก จึงไปเร่งปฏิกิริยากับของเหลว(แมกม่า)หรือแร่ธาตุใต้โลกเกิดสถานะ High-spin (หมุนปั่นเร็ว) จนทำให้เกิดมีแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดในเวลาต่อมาของบางแห่งบนโลกครับ

***อย่างไรก็ตามคลื่นพลังงานที่จะมาถึงโลกนี้ ไม่น่าแรงพอที่จะทำให้ค่า Kp-index ขึ้นไปถึงระดับ 5 ได้ (ถือว่ายังเบา)

 

Timeseasons Coffee Innovation Capital

ภูเขาไฟในประเทศไทย

ภูเขาไฟในประเทศไทย มีที่ไหนบ้าง และมีลักษณะเป็นอย่างไร

สำหรับประเทศไทย พบว่า ภูเขาไฟส่วนใหญ่มักเกิดบริเวณตอนบนของประเทศ มีลักษณะการกระจายตัวและตำแหน่งที่ไม่แน่นอน ส่วนทางด้านภาคใต้ของประเทศมักไม่ค่อยพบ สันนิษฐานว่าเป็นภูเขาไฟเมื่อประมาณ 2 - 4 ล้านปีที่แล้ว จากรายงานทางธรณีวิทยาและแผนที่ทางธรณีวิทยาประเทศไทย พบบริเวณที่เป็นหินภูเขาไฟ หรือหินบะซอลต์ ซึ่งเป็นหินที่เกิดจากภูเขาไฟ อยู่ 5 บริเวณ ได้แก่

บริเวณที่ 1 ทางภาคเหนือ ได้แก่ อำเภอแม่ทา อำเภอสบปราบ และอำเภอเมืองลำปาง ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัดแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก และสุโขทัย เป็นหินบะซอลต์ ไรโอไลต์ แอนดีไซต์ และแอกโกเมอเรต (ศิลาแลง)

บริเวณที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบมากทางตอนใต้ของภาค บริเวณเขากระโดง เขาพนมรุ้ง และภูอังคาร จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ และทางทิศใต้ของจังหวัดศรีสะเกษ

บริเวณที่ 3 ที่ราบสูงภาคกลาง พบที่จังหวัดสระบุรี โคกสำโรง หล่มเก่า ท่าลี่ และทางด้านทิศตะวันตกของภูกระดึง จังหวัดเลย อำเภอเดิมบางนางบวช อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

บริเวณที่ 4 ภาคตะวันตก พบที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี

บริเวณที่ 5 ภาคตะวันออก พบที่บ้านบ่อไร่ จังหวัดตราด บ้านบ่อพลอย จังหวัดจันทบุรี

โดยภูเขาไฟที่พบในประเทศไทยทั้งหมดเป็นภูเขาไฟที่สิ้น พลังแล้วทั้งสิ้น จากการสำรวจพบว่าเป็นภูเขาไฟที่มีอายุอย่างน้อยที่สุดประมาณ 7 แสนปีที่แล้ว ส่วนใหญ่มีสัณฐานแบบรูปโล่ (Shield Volcanoes) คือสัณฐานไม่สูงมากนักมีความลาดเอียงไม่เกิน 10 องศา ส่วนความเอียงที่ฐานไม่เกิน 2 องศา เนื่องจากการไหลแทรกตัวของลาวาตามรอยแตกของหินเปลือกโลก กลายเป็นหินบะซอลต์ และมีแร่รัตนชาติอยู่มาก เช่น ทับทิม บุษราคัม และเขียวส่อง เป็นต้น อย่างไรก็ตามการระเบิดของภูเขาไฟนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและ ทรัพย์สินแล้ว ยังเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติอื่น ๆ เช่น คลื่นซึนามิ (Tsunamis) ขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด โดยเฉพาะภูเขาไฟใต้ท้องมหาสมุทร ทำให้เกิดคลื่นสูงขนาดตึก 3 ชั้น กวาดสิ่งต่างๆ ลงสู่ทะเล นอกจากนั้นภายหลังการเกิดภูเขาไฟระเบิดฝุ่นเถ้าภูเขาไฟไปตกทับถมอยู่ใกล้ ภูเขาไฟ ทำให้เมื่อมีฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มตามา ดังที่เกิดกับภูเขาไฟที่ระเบิดในประเทศฟิลิปปินส์ ชื่อ ภูเขาไฟพินาตูโบ เป็นต้น ในด้านประโยชน์ของภูเขาไฟระเบิดเราพบว่าการระเบิดของภูเขาไฟเป็นการปลดปล่อย พลังงานภายใต้เปลือกโลก ทำให้เกิดสภาวะสมดุล ตลอดจนแหล่งที่มีภูเขาไฟระเบิด และมีธารลาวาไหลออกมาขณะที่ไหลผ่านหินอัคนีและหินชั้นเดิมจะทำให้เกิดกระบวน การแปรสภาพของหินกลายเป็นหินแปร ซึ่งเป็นแหล่งแร่ที่สำคัญ เช่น เพชร รัตตนชาติ เป็นต้น นอกจากนั้นแหล่งภูเขาจะเป็นบริเวณที่ดินมีคุณภาพดี เช่น บริเวณอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น และฝุ่นเถ้าภูเขาไฟที่ระเบิดออกมาและฟุ้งกระจายลอยในในบรรยากาศชั้นสตราโต สเฟียร์ ยังทำให้บรรยากาศของโลกเย็นลง เป็นการช่วยปรับระดับอุณหภูมิของโลกด้วย

ที่มา Physical Geography

 

Timeseasons Coffee Innovation Capital

ลาวาโคลนพุ่งสูงกว่า 2 เมตร หลังแผ่นดินไหวเชียงราย



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดยคุณ LAKORNHD Thaitv (Official) สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

ลาวาโคลนพุ่งจากพื้นดิน สูงกว่า 2 เมตร ที่ ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว หลังแผ่นดินไหวเชียงราย ชาวบ้านหวาดผวาหนัก

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 นำเสนอข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวเชียงราย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า นอกจากบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง จะเสียหาย ทำให้ชาวบ้านต้องแห่นอนเต็นท์ เนื่องจากกลัวว่าบ้านจะพังถล่มลงมาแล้ว ยังเกิดเหตุการณ์ลาวาโคลนพุ่งออกมาจากพื้นดิน ทำให้ชาวบ้านหวาดผวาหนักมากขึ้นกว่าเดิม

โดยชาวบ้าน ม.4 ป่าอ้อย ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว ระบุว่า ขณะที่เกิดแผ่นดินไหวอยู่นั้น เกิดเหตุน้ำที่ปนเปื้อนกับโคลน พุ่งออกมาจากใต้ดินสูงถึง 2 เมตร นานพอสมควร พอหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว ลาวาโคลนก็ค่อย ๆ ลดระดับลง ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวลงไปสำรวจพื้นที่ ก็พบว่า ในจุดดังกล่าวมีร่องรอยโคลนจำนวนมากไหลตามพื้นเช่นกัน

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9UUTFNRE0yTUE9PQ==&sectionid
ลาวาโคลนแห่งที่ 2 พุ่งสูง 2 เมตรที่ ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว จ.เชียงราย

What Is Liquefaction?:

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/j-hyOwsl_NY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ตัวอย่างของลาวาโคลนในต่างประเทศ

เฝ้าระวังด้วย
เกิดในไทยแล้ว

ลาวาขี้เปอะ มันดันออกปากน้ำบ่อ ที่แม่สรวย (แห่งที่ 1)

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/fS9i3aa9r38" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

คลิปสรยุทธ์นำเสนอ เรื่องขี้โคลนพุ่งออกจากใต้ดิน

นี่คับจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหวตะวา ลาวาขี้เปอะ มันดันออกปากน้ำบ่อคับ บะฮู้ว่ามันมาได้จะได เหตุเกิดที่แม่สรวย เจียงฮายครับ ภาพนี้บ่ได้จัดฉากนะคับมันเป็นเรื่องแต้ครับ

อ้างอิงจาก เหยี่ยวราตรี พเนจรชมรมคนฮักภาษากำเมือง

http://www.cmprice.com/forum/?content=detail&wb_type_id=18&topic_id=156917

ลาวาขี้เปอะทะลักจากบ่อที่แม่สรวย จ.เชียงราย

 

อ.เฉลิมชัย กำลังใจมา! ขอเวลา 2 ปี ซ่อมวัดร่องขุ่น
7 พ.ค. 57 11.37 น.



อ.เฉลิมชัย กลับคำ! ประกาศบูรณะ "วัดร่องขุ่น" หลังเสียหายเพราะแผ่นดินไหว ขอเวลา 2 ปี ขอบคุณคนไทยที่ให้กำลังใจ นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ หนึ่งในผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว จ.เชียงราย ได้ลั่นวาจาพลิกคำพูด ประกาศอุทิศตนให้กับการบูรณะซ่อมแซม "วัดร่องขุ่น" แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก หลังจากที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 6.3 จนถึงขึ้นประกาศถอนใจผ่านสื่อ ไม่คิดซ่อมแซมวัดแห่งนี้ที่สร้างมาจากแรงศรัทธาส่วนตัวอีกต่อไป

อ.เฉลิมชัย เปิดเผยในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ว่า หลังจากเหตุแผ่นดินไหว 6.3 แมกนิจูด เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม เกิดความเสียหายไปทั่วบริเวณวัดร่องขุ่น โดยเฉพาะอุโบสถวัดร่องขุ่น ซึ่งถูกตกแต่งลวดลายด้วยกระจกสีเงินแวววาวสวยงามเสียหายไปส่วนหนึ่ง ส่วนภาพเขียนฝาผนังภายในก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน เดิมทีตนยังคงพอทำใจได้ระดับหนึ่ง จนกระทั่งเช้าวันที่ 6 พฤษภาคม เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีกครั้ง ทำให้ยอดพระธาตุหักโค่นลงมา ส่งผลทำให้ตนหมดกำลังใจและประกาศถอนใจไม่ซ่อมแซมวัดที่สร้างมาด้วยแรงศรัทธาแห่งนี้อีก พร้อมกับประกาศปิดไม่มีกำหนด โดยตั้งใจจะปล่อยทิ้งให้เป็นอนุสรณ์ภัยพิบัติ

อ.เฉลิมชัย ได้เล่าต่ออีกว่า แต่พอหลังจากประกาศถอนใจผ่านสื่อออกไป ปรากฏว่ามีประชาชนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมและเป็นกำลังใจอย่างล้นหลาม รวมทั้งภาครัฐก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อตนเห็นว่าหลายคนยังต้องการให้วัดร่องขุ่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ อีกทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้ตัดสินใจบูรณะซ่อมแซมวัดร่องขุ่น เชื่อว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี

ทั้งนี้ อ.เฉลิมชัย ระบุว่า วัดร่องขุ่น ยังคงเปิดให้เข้าชมตามปกติ แต่อาจจะไม่อนุญาตให้เข้าในส่วนบริเวณอุโบสถ เพราะได้รับความเสียหายหนักและต้องพิจารณาความเสียหายอยู่ แต่ในส่วนอื่นๆ จะดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขเบื้องต้นและเปิดให้เข้าชมตามปกติ ประชาชนก็ยังสามารถเข้ามาเยี่ยมชมและถ่ายภาพกับวัดร่องขุ่นที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติครั้งรุนแรง

อ.เฉลิมชัย ยังอธิบายเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในส่วนของอุโบสถวัดร่องขุ่น ไม่ใช่เพียงแต่ยอดพระธาตุหักเท่านั้น แต่ภายในยังได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะภาพเขียนฝาผนัง ซึ่งได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ภาพเขียนต่างๆ หลุดร่อนลงมากองที่พื้น โดยจะต้องทำการรื้อทำใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถปะติดแทนได้ เพราะต้องวาดสีใหม่ ทำตามแบบเดิมทั้งหมด ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาซ่อมแซมอย่างน้อยประมาณ 2 ปี

สุดท้าย อ.เฉลิมชัย กล่าวขอบคุณประชาชนคนไทยที่เป็นห่วงเป็นใยและให้กำลังใจ ขอบคุณที่ยังห่วงแหนสมบัติของชาติแห่งนี้ พร้อมกับจะขออุทิศตนให้กับการบูรณะซ่อมแซม วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย แห่งนี้ให้กับสู่สภาพเดิมอย่างแน่นอน

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจากรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3

อ.เฉลิมชัย กำลังใจมา! ขอเวลา 2 ปี ซ่อมวัดร่องขุ่น

 

ชาวเน็ตขุดคำทำนาย หมอดูอีที ทักไทยแผ่นดินไหวใหญ่
7 พ.ค. 57 06.20 น. | เปิดอ่าน 138,438 | ความคิดเห็น 36 เพิ่มขนาด fontลดขนาด



ชาวเน็ตย้อนดูทำนาย "หมอดูอีที" ทายทักแม่น ประเทศไทยจะมีแผ่นดินไหวใหญ่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 6.3 แมกนิจูด ในพื้นที่ อ.พาน จ.เชียงราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา แรงสั่นสะเทือนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ซึ่งเกิดขึ้นบนความลึกจากพื้นดินประมาณ 6 กิโลเมตร ทำให้อาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างพังเสียหาย ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดชาวเน็ตในโลกออนไลน์ ยังคงวิพากษ์วิจารณ์และวิเคราะห์ถึงภัยธรรมชาติครั้งรุนแรงที่ประเทศไทยต้องเผชิญครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหลายส่วนให้ความคิดเห็นว่า แผ่นดินไหวเป็นภัยพิบัติที่ไม่อาจแม้จะคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้ได้เลย ขณะที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบางส่วนต่างหยิบยกเอาคำนายของหมอดูชื่อดังต่างๆ ซึ่งเป็นที่รู้และเคยเป็นกระแสข่าวในสังคมไทย หนึ่งในนั้นคือหมอดูชาวพม่าชื่อดัง "หมอดูอีที" หรือ น.ส.ซุย ซุย วิน ชาวพม่า ซึ่งเคยทำนายทายทักไว้ว่า ประเทศไทยจะเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2555 ชื่อของ "หมอดูอีที" กลายเป็นบุคคลที่สังคมไทยได้รับความสนใจ หลังชื่อเสียงเรื่องการทำนายดวงหรือพยากรณ์ดวงชะตาต่างๆ ที่ หมอดูอีที ได้ทำนายทายทัก มักจะเกิดขึ้นจริงและแม่นยำอยู่บ่อยครั้ง ถึงขณะที่มีนักการเมืองและคนดังในสังคมไทยบางราย เดินทางตรวจดวงชะตากับหมอดูรายนี้อยู่บ่อยครั้ง

ทั้งนี้ เมื่อปี 2555 "หมอดูอีที" ยังเคยได้ทำนายทายทักเกี่ยวกับดวงเมืองประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ โดยระบุว่า ประเทศไทยจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ช่วงราวๆ ปี 2556 แต่ไม่สามารถระบุเจาะจงได้ว่าเกิดขึ้นที่ไหนหรือเวลาใด แต่ประเทศไทยจะเผชิญกับภัยพิบัตินี้อย่างแน่นอน ซึ่งการทำนายครั้งนี้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ตามความเชื่อส่วนบุคคล

อย่างไรก็ตาม ผลจากการทำนายเรื่องแผ่นดินไหวในประเทศไทยครั้งนั้น ทำให้มีนักวิชาการหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็น บางท่านคิดเห็นว่ามีความเป็นไปได้น้อย ประเทศพม่าน่าจะมีโอกาสเสี่ยงแผ่นดินไหวรุนแรงกว่าประเทศไทย ซึ่งรอยเลื่อนในประเทศไทยที่ยังมีพลังงานอยู่ สามารถปลดปล่อยพลังงานออกมาได้ไม่เกินระดับ 7 แมกนิจูดเท่านั้น

นอกจากนี้ ชาวเน็ตในโลกออนไลน์ยังหยิบเอาคลิปวิดีโอของ ทรนง ศรีเชื้อ ผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ซึ่งเคยออกมาเปิดเผยว่าได้พบกับ "หลวงปู่" ซึ่งเป็นพระธุดงด์แห่งเทือกเขาตะนาวศรี ได้ทำนายทายทักเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทย เรื่องการเมืองและยุคชำระล้างอำนาจเก่าๆ อีกทั้งยังจะเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงแบบที่คนไทยไม่เคยพบเจอมาก่อน อาจจะถึงขึ้นเกิดเหตุแผ่นดินยุบตัว หรือที่เรียกว่า "ธรณีสูบ" อีกทั้งยังมีกรณีคำทำนายของ "เด็กชายปลาบู่" ซึ่งได้ทายทักเอาไว้จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศไทย จนกระทั่งทำให้เขื่อนเก็บน้ำบางแห่งพังทลายเสียหาย โดยคำทายครั้งนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคม หลายคนเชื่อว่าเป็นคำพูดหลอกลวงของเด็กชายที่ไม่มีชีวิตอยู่จริงในปัจจุบัน

ชาวเน็ตขุดคำทำนาย หมอดูอีที ทักไทยแผ่นดินไหวใหญ่

 

Sorrana Nil Chankrachang ได้แชร์รูปภาพของ ThaiPBS

 

คนไทย รักในหลวง







หัวข้อที่ 1
ยืนยันจากนักธรณีวิทยา คำนวณ ค่า PGA ที่เขื่อนแม่สรวย จ.เชียงรายได้ 0.25g แปลว่าแผ่นดินไหวแรงกว่าที่เขื่อนถูกออกแบบมาซึ่งเข้าใจว่าไม่เกิน 0.15g อธิบดีกรมชลประทาน น่าจะได้รับรายงานแล้ว และถ้าเกิดมีเหตุการณ์จำเป็นอาจจะมีการสั่งการให้ชาวบ้านอพยพ (ทางเราได้ข่าวนี้มา ขอให้หน่วยงานราชการออกมายืนยันข่าวนี้ด้วย ว่าลวงหรือจริง)

คือมันมีการเคลื่อนตัวของดินข้างล่างดันน้ำขึ้นมา ทำให้เกิด ...ธารน้ำใต้ดิน ภาวนาขออย่าให้ฝนตก เพราะจะทำให้น้ำในเขื่อนแม่สรวยล้น อ่างจะกักเก็บไม่อยู่ ทำให้จะทำให้เขื่อนแตกได้

ดูได้จากภาพลาวาขี้โคลน ก็ยังไหลอยู่ตลอด ตั้งแต่บ่าย 3 จนถึง ณ.เวลานี้ มีรอยแยกเลื่อน เนื่องจากตอนนี้ก็ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตลอด ณ.เวลานี้ (00.30 น.) ทำให้ชั้นใต้ดินมันดันขึ้นทำให้ขี้โคลนมันขึ้นมาตลอดเวลา ทะลักออกมากจากน้ำบ่อ เป็นลักษณะคล้ายขี้โคลน ไม่ร้อน เป็นลักษณะน้ำไหลออกมาปนดินโคลนใต้ดิน ..ที่เส้นทางแม่สรวย เชียงราย-เชียงใหม่ ทำให้บางฟื้นที่ยุบตัวลง บางฟื้นที่บริเวณนี้เพิ่มขึ้น...ซึ่งมันแปลก ณ.เวลามันผิดแปลกแตกต่างจากแผ่นดินไหวทั่วไป

หัวข้อที่ 2
เหตุการณ์แผ่นดินไหวบนบก ขนาด 6.3 แมกนิจูด ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 นั้นมีศูนย์กลางการเกิดที่ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เชียงรายเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน และอาคารสูงในกทม. ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้มาจากรอยเลื่อน พะเยา ที่พาดผ่านอำเภองาว จังหวัดลำปาง และอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้านทิศเหนือของรอยเลื่อนท่าสี มีความยาวประมาณ 23 กิโลเมตร เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางการเกิดในประเทศไทยครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปสี่สิบปี
ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียน (Eurasian Plate) ซึ่งล้อมรอบด้วยแผ่นเปลือกโลกอีก 2 แผ่น คือแผ่นเปลือกโลกอินเดีย-ออสเตรเลีย (Indian-Australian Plate) และแผ่นมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Plate) ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวอยู่ในเขตที่ถือว่าค่อนข้างปลอดแผ่นดินไหวพอสมควร แต่จากการบันทึกทางประวัติศาสตร์ ก็เคยปรากฏเหตุแผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในประเทศไทยอยู่บ้าง
ประเทศไทยนั้นมีรอยเลื่อนที่สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวอยู่หลายที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศ อย่างไรก็ตามการที่จะเกิดแผ่นดินไหวของรอยเลื่อนในประเทศไทยนั้นยังไม่รุนแรงเท่ากับบริเวณพื้นที่ที่เป็นรอยต่อของเปลือกโลกหรือวงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ซึ่งจากสถิติการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยที่ผ่านมาเกือบ 40 ปีเรามีแผ่นดินไหวขนาดกลาง (5.0-5.9 แมกนิจูด) เกิดขึ้น 8 ครั้ง หรือเฉลี่ย 1 ครั้งในรอบ 5 ปี แบ่งเป็นภาคเหนือ 5 ครั้ง ภาคตะวันตก 3 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในบ้านเราส่วนใหญ่มีขนาดไม่เกิน 6.0 แมกนิจูด แผ่นดินไหวที่มีขนาดมากกว่า 6.0 แมกนิจูดจะเกิดนอกประเทศทั้งนั้น แต่แม้แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นในระยะไกล เช่น เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย พม่า ทว่าในพื้นที่ที่เป็นชั้นดินอ่อนที่อยู่ห่างไกลจากจุดเกิดแผ่นดินไหว เช่น กรุงเทพฯ ก็สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
จากสถิติการเกิดแผ่นดินไหวนั้นพบว่า ประเทศไทยมักเกิดแผ่นดินไหวในระดับกลาง คือวัดความแรงได้ประมาณ 5-6 แมกนิจูดเท่านั้น โดยพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนตามแนวเทือกเขาตะนาวศรี ทางฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มักเกิดขึ้นเหตุแผ่นดินไหวขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่จะเกิดแรงสั่นสะเทือนที่มนุษย์รับรู้ได้เล็กน้อยในบางครั้งหรือในบางครั้งอาจจะไม่รับรู้เลย ส่วนที่มีระดับความรุนแรงเกินกว่า 6 แมกนิจูดเคยพบว่าเกิดจากรอยเลื่อนระนองและรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยที่ภาคใต้เมื่อ 2,000 ปีที่แล้วและ 4,000 ปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่นั้นมักมีศูนย์กลางการเกิดนอกประเทศไทย ทำให้ประเทศได้รับผลกระทบเสียหายจากแผ่นดินไหวเพียงเล็กน้อย ส่วนการเกิดแผ่นดินไหวที่เกินกว่า 6 แมกนิจูด ในรอบ 40 ปีนั้นจะมีศูนย์กลางการเกิดในประเทศใกล้เคียงแต่ได้รับแรงสะทั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทยด้วยตามสถิติการเกิดดังตารางต่อไปนี้

ยกเว้นการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ใน อ.พาน จ.เชียงราย โดยนักวิชาการเชื่อว่าเกิดจากพลังงานการเคลื่อนตัวตามแนวรอยเลื่อนพะเยา เชื่อมต่อกับแนวรอยเลื่อนแม่ทา ซึ่งมีแนวพาดผ่านในหลายพื้นที่ใน จ.เชียงราย รวมทั้งบางส่วนของ จ.พะเยา และ จ.ลำปาง เหตุแผ่นดินไหวครั้งดังกล่าวมีความรุนแรงกว่าปกติ และเกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อพลังงานรอยเลื่อนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง เช่น รอยเลื่อนแม่ทา หรือ รอยเลื่อนแม่จัน เป็นต้น
จากการสำรวจทำแผนที่บริเวณเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวเมื่อปี 2548 ของกรมทรัพยากรณีพบว่า มี 4 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสียงภัยมากที่สุด คือกาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน และเชียงราย เพราะเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและจังหวัดที่มีความเสี่ยงรองลงมาคือจังหวัดในภาคเหนือและภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ เชียงใหม่ ลำพูด พะเยา น่าน ลำปาง และกรุงเทพมหานคร ส่วนภาคที่มีความมากปลอดภัยที่สุดคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การวัดค่าแผ่นดินไหว

ในรายงานอย่างเช่นในครั้งนี้ได้รายงานการเกิดแผ่นดินไหวเป็นขนาดหรือแมกนิจูด เพราะว่าจริงๆแล้วแผ่นดินไหวไม่มีหน่วยวัดที่ตายตัว ทั้งการวัดขนาดนั้นแล้วแต่ว่าจะใช้กรรมวิธีคำนวนแบบไหน และการวัดความรุนแรงแผ่นดินไหว ดังนี้
1. ขนาด (Magnitude) เป็นปริมาณที่มีความสัมพันธ์กับพลังงานที่พื้นโลกปลดปล่อยออกมาในรูปของการสั่นสะเทือน คำนวณได้จากการตรวจวัดค่าความสูงของคลื่นแผ่นดินไหวที่ตรวจวัดได้ด้วยเครื่องมือตรวจแผ่นดินไหว เป็นปริมาณที่บ่งชี้ขนาด ณ บริเวณจุดศูนย์กลาง ขนาดที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีด้วยกันหลายประเภท ได้แก่
ML (local earthquake magnitude) เป็นขนาดแผ่นดินไหวในยุคเริ่มแรก บ่งบอกถึงปริมาณของแผ่นดินไหวท้องถิ่นหรือแผ่นดินไหวใกล้(ระยะทางน้อยกว่า 1,000 กิโลเมตร) คำนวณได้จากความสูงของคลื่นซึ่งตรวจด้วยเครื่องมือตรวจความสั่นสะเทือนแบบวัด การขจัด (displacement) ได้แก่เครื่อง Wood Anderson ซึ่งมีค่ากำลังขยาย 2,800 เท่า ขนาดนี้นำเสนอโดย C. F Richter นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกา ดังนั้นจึงมักเรียกขนาด ML ที่ใชัเป็น “มาตราริกเตอร์ “โดยนำค่าของความสูงของคลื่นที่สูงที่สุดของคลื่น S ซึ่งมีช่วงคลื่นอยู่ระหว่าง 0.1-1.0 วินาทีมาใช้ในการคำนวณ ซึ่ง ML จะวัดได้ ตั้งแต่ 0.0 สูงสุดแค่ 7.0 เกินกว่านี้จะคลาดเคลื่อน
MB หรือ mb เรียกว่าขนาดของคลื่นหลัก (Body-wave magnitude) แสดงขนาดของเหตุการณ์แผ่นดินไหวทั้งใกล้และแผ่นดินไหวไกล (ระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร) ในการคำนวณใช้ค่าความสูงของคลื่น P ที่มีความยาวช่วงคลื่นประมาณ 1.0-5.0 วินาที ซึ่ง mb จะวัดได้ ตั้งแต่ 4.3 สูงสุดแค่ M6.8 เกินกว่านี้จะคลาดเคลื่อน
Ms (surface-wave magnitude) แสดงขนาดของเหตุการณ์แผ่นดินไหวไกลและมีขนาดใหญ่ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าขนาดคลื่นผิวพื้น(Surface Magnitude) คำนวณค่าความสูงของคลื่นผิวพื้นที่มีความยาวช่วงคลื่นประมาณ 18-22 วินาที ซึ่ง Ms จะวัดได้ ตั้งแต่ 4.3 สูงสุดแค่ M8.0 เกินกว่านี้จะคลาดเคลื่อน

Mw (mechanical work) มาตราโมเมนต์แมกนิจูด (Moment magnitude) มาตรานี้คิดขึ้นโดย Hanks &Kanamori ในปี 1979 เป็นปริมาณที่แสดงถึงปริมาณพลังงานของคลื่นแผ่นดินไหวได้ดีกว่าขนาดชนิดอื่น ซึ่งเป็นมาตราที่ไม่มีข้อจำกัดการใช้งานทั้งระยะ ความลึก และขนาดของแผ่นดินไหว คือแสดงค่าได้ตั้งแต่ขนาด 5.0 ขึ้นไปถึงขนาดใหญ่ที่สุดแบบไม่จำกัด ข้อแตกต่างของมาตรานี้กับมาตราอื่นที่กล่าวมาแล้วคือ ML, mb และ Ms คือการคำนวณขนาดในมาตรา Mw ไม่ได้วัดความสูงของคลื่น (attitude) แต่จะคำนวณจากผลคูณของ (มอดูลัสเฉือน rock rigidity) x (พื้นที่บริเวณพังทลาย fault area) x (ระยะการเลื่อนตัว slip distance) หรือ Mo = uAd หน่วยออกมาเป็นนิวตันเมตร และหาค่าต่อโดย Mw=2/3log Mo-6.0 เพื่อให้สามารถวัดขนาดแผ่นดินไหวได้ใหญ่กว่าของมาตราอื่นโดยไม่คาดเคลื่อน
โดยทฤษฎีแล้ว แต่ละมาตราจะมีเสกลไม่เท่ากัน ดังนั้น 4.5 mb จะไม่เท่ากับ 4.5ML และ 4.5 Mw เวลานำไปใช้ ต้องระบุให้แน่ ว่าเป็นมาตราวัดแบบไหน เพราะอาจพลาดได้

2. ความรุนแรงแผ่นดินไหว (Intensity) ตามมาตราเมอร์แคลลี (MM) วัดได้จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเกิดแผ่นดินไหวและหลังเกิดแผ่นดินไหว เช่น ความรู้สึกของความผู้คน ลักษณะที่วัตถุ สิ่งก่อสร้างสั่นไหว หรือเสียหาย ลักษณะทางกายภาพของพื้นดินที่เปลี่ยนแปลง เป็นต้น ความรุนแรงแผ่นดินไหวมีด้วยกันหลายมาตราแต่ที่นิยมใช้ในประเทศไทยได้แก่ มาตราเมอร์แคลลีซึ่งมี 12 อันดับ (MM Scale) เรียงลำดับจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงน้อยที่สุดจนถึงรุนแรงมากที่สุด แสดงดังตารางอันดับความรุนแรงแผ่นดินไหวตามมาตราเมอร์แคลลี (MM)
อันดับ เหตุการณ์แผ่นดินไหว

I ไม่รู้สึกสั่นไหว ตรวจวัดได้ด้วยเครื่องมือ
II รู้สึกบางคน โดยเฉพาะผู้อยู่ชั้นบนของอาคาร สิ่งของแกว่งไกว
III ผู้อยู่ในอาคารรู้สึก เฉพาะอย่างยิ่งผู้อยู่ชั้นบนอาคาร แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกว่ามีแผ่นดินไหว
IV ในเวลากลางวันผู้คนในอาคารรู้สึกมาก แต่ผู้อยู่นอกอาคารรู้สึกบางคน จาน หน้าต่าง ประตูสั่น ความรู้สึกเหมือนรถบรรทุกชนอาคาร
V เกือบทุกคนรู้สึก หลายคนตกใจตื่น วัตถุที่ไม่มั่นคงล้มคว่ำ เสา ต้นไม้ แกว่งไกว
VI ทุกคนรู้สึก เครื่องเรือนเคลื่อน ปล่องไฟแตก เกิดความเสียหายเล็กน้อยกับอาคาร
VII ทุกคนตกใจวิ่งออกนอกอาคาร อาคารที่ออกแบบดีไม่เสียหาย เสียหายเล็กน้อยถึงปานกลางกับอาคารสิ่งก่อสร้างธรรมดา เสียหายมากกับอาคารที่ออกแบบไม่ดี ผู้ขับรถรู้สึกว่ามีแผ่นดินไหว
VIII เสียหายเล็กน้อยกับอาคารที่ออกแบบไว้ดี เสียหายมากในอาคารธรรมดา บางส่วนของอาคารพังทลาย เสียหายอย่างมากในอาคารที่ออกแบบไม่ดี ผนังอาคารหลุดออกนอกอาคาร ปล่องไฟพัง ดินและทรายพุ่งขึ้นมา
IX เสียหายมากในอาคารที่ออกแบบไว้ดี โครงสิ่งก่อสร้างบิดเบนจากแนวดิ่ง เสียหายอย่างมากกับอาคารและบางส่วนพังทลาย ตัวอาคารเคลื่อนจากฐานราก พื้นดินแตก ท่อใต้ดินแตกหัก
X อาคารไม้ที่สร้างไว้อย่างดี เสียหาย โครงสร้างอาคารพังพลาย รางรถไฟบิด พื้นดินแตก แผ่นดินถล่มหลายแห่ง ทรายและโคลนพุ่งจากพื้นดิน
XI สิ่งก่อสร้างเหลืออยู่น้อย สะพานถูกทำลาย พื้นดินมีรอยแยกกว้าง ท่อใต้ดินเสียหายหมด รางรถไฟบิดงอมาก
XII เสียหายทั้งหมด เห็นคลื่นบนพื้นดิน เส้นแนวระดับสายตาบิดเบน วัตถุสิ่งของกระเด็นในอากาศ

 

Little Duck



สภาพองค์พระประธานวัดดงมะดะ ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ตรงเศียรหักลงมา บริเวณรอบๆวัดก็พังหลายจุด via @beeris5804

 

"โมนิก้า ลูวินสกี้" กลับมาแฉอีกครั้ง!! 7 พฤษภาคม 2557 เวลา 08:19 น.



"โมนิกา ลูวินสกี้" ผู้หญิงที่เคยมีเรื่องอื้อฉาวกับอดีตประธานาธิบดี "บิล คลินตัน" จนเกือบจะทำให้เก้าอี้ของผู้นำสหรัฐฯ สั่นคลอน ล่าสุดกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน

"โมนิกา ลูวินสกี้" อดีตเจ้าหน้าที่ฝึกงานในทำเนียบขาว อายุ 40 ปี เธอได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวในอดีตของเธอผ่านทางนิตยสาร วานิตี้ แฟร์

ลูวินสกี้ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่จะหยุดความสนใจของคนอื่นๆ ต่อเรื่องราวในอดีตของเธอ โดยเธอได้ตัดสินใจที่จะใช้วิธีการเล่าเรื่องราวเสียเอง เพื่อให้เรื่องนี้จบลงเสียที

ลูวินสกี้ เขียนในนิตยสาร วานิตี้ แฟร์ ว่า เรื่องราวความสัมพันธ์กับอดีตประธานาธิบดี "บิล คลินตัน" สร้างความอับอายต่อสาธารณะชน หลังจากเรื่องนี้ได้ถูกเปิดโปงออกมา ทำให้เธอเจ็บปวด และเปลี่ยนชีวิตของเธอโดยสิ้นเชิง เธอยังบอกด้วยว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เธอสูญเสียโอกาสในการได้งานหลายต่อหลายครั้ง หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอ นับตั้งแต่เธอตัดสินใจเป็นแพะรับบาป เพื่อที่จะปกป้องตำแหน่งหน้าที่ให้กับอดีตผู้นำสหรัฐฯ

ลูวินสกี้ กล่าวอีกว่า ช่วงที่มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น เธอเคยคิดฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้ง และหลังจากที่เรื่องจบลง มันยังตามมาหลอกหลอนจนเธอคิดจะปลิดชีวิตตัวเองอีกอย่างน้อย 1-2 ครั้ง

ทั้งนี้ จากเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่าง "ลูวินสกี้" กับ "คลินตัน" นำไปสู่กระบวนการถอดถอนผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 1999 แต่ในที่สุดคลินตันก็รอดพ้นจากการถูกถอดถอนมาได้ หลังจากนั้น ลูวินสกี้ได้หายหน้าหายตาไปจากความสนใจของสื่อ หลังจากที่เรื่องเงียบลง เธอสำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านจิตวิทยาสังคม จากลอนดอน สคูล ออฟ อิโคโนมิคส์ จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ในลอสแองเจลิส นิวยอร์ก และโอเรกอน ก่อนที่เธอจะตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาถ่ายทอดใน วานิตี้แฟร์ เพื่อให้คนทั่วไปเลิกขุดคุ้ย และสนใจเรื่องราวของเธอเสียที

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์

"โมนิก้า ลูวินสกี้" กลับมาแฉอีกครั้ง!! - Spring News

 

ค้นพบ "ดาว" ใหม่ อุณหภูมิติดลบหนาวเย็นสุดขั้ว!!
6 พฤษภาคม 2557 เวลา 15:51 น.



นักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวดวงใหม่ใกล้ระบบสุริยะที่มีความเย็นหนาวสุดขั้ว อุณหภูมิติดลบ

ดาวแคระสีน้ำตาล ที่มีชื่อว่า Wise J085510.83-071442.5 ดาวอุณหภูมิเย็นยะเยือกที่ติดลบได้ต่ำสุดกว่า -48 องศาเซลเซียส ซึ่งในตอนนี้ได้มีการคอนเฟิร์มแล้วว่าเป็นดาวที่หนาวเย็นสุดขั้วที่สุด

ดาวดวงนี้มีอากาศที่หนาวเย็นเหมือนดั่งขั้วโลกเหนือ โดยมีอุณหภูมิในแต่ละวันอยู่ระหว่าง -48 องศาเซลเซียส ถึง -13 องศาเซลเซียส ซึ่งดาวดวงนี้เป็นเพียงแค่ดาวเคราะห์ของดาวพฤหัสธรรมดา ไม่ใช่ดาวในวงโคจร



ข้อมูลจาก The Korea Times
ภาพจาก Daily Mail

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์

ค้นพบ "ดาว" ใหม่ อุณหภูมิติดลบหนาวเย็นสุดขั้ว!! - Spring News

 

อุทาหรณ์!คุยมือถือขณะฝนตกฟ้าผ่าดับ3ศพ
06 พฤษภาคม 2557 เวลา 19:12 น. |เปิดอ่าน 29,124 | ความคิดเห็น 0



+ ระยอง- สี่หนุ่มบ้านค่ายหลบฝนในกระต๊อบข้างทุ่งนาคุยโทรศัพท์ฟ้าผ่าเปรี้ยงร่างกระเด็นเสียชีวิตทันที 3 ศพ สาหัส 1

พ.ต.ท.อนุรักษ์ ทองโต พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้รับแจ้งมีเหตุฟ้าผ่ากระต๊อบข้างไร่นาข้าวบ้านหนองตาเสี่ยง หมู่ 5 ต.หนองละลอก มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุรวม 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย แต่เสียชีวิตขณะส่งโรงพยาบาลบ้านค่าย จึงรายงาน พ.ต.อ.อธิก ลาภานุพัฒน์ ผกก.สภ.บ้านค่าย จากนั้นรีบเดินทางไปดูที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายปราโมทย์ ฉันทมิตร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)หนองละลอก นายสนิท พุทธสังฆ์ ประธานสภา อบต.หนองละลอก

ทั้งนี้ที่เกิดเหตุปลูกสร้างเป็นกระต๊อบบริเวณข้างนาข้าวใกล้คลองขุด พบศพนายศุภโชค ประจวบสุข ถูกฟ้าผ่าร่างกระเด็นตกลงมาที่พื้นเสียชีวิต และบริเวณภายในกระต๊อบพบศพนายชัชพล นาอินทร์ ตามร่างกายมีรอยเขียวช้ำ พบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง ลักษณะเปิดเครื่องมีรอยไหม้เสียหาย ส่วนโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่องพร้อมสายชาร์จแบตเตอรี่ลักษณะปิดเครื่อง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่พบคันเบ็ดตกปลาพร้อมตะค่องใส่ปลาอยู่บริเวณคันนาข้าวจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 คนได้ออกไปนั่งตกปลาบริเวณดังกล่าวและได้เกิดฝนตกมีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น จึงเดินเข้ามาหลบฝนในกระต๊อบคาดว่านายศุภโชค ผู้ตายน่าจะเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงใช้คุยโทรศัพท์หรือฟังเพลงขณะฝนกำลังตกและฟ้าร้องอยู่นั้น ได้เกิดฟ้าผ่าลงมาบนกระต๊อบเสียงดังสนั่น ร่างนายศุภโชค กระเด็นตกไปที่พื้นเสียชีวิตทันที นายชัชพล เสียชีวิตทันทีในกระต๊อบ ส่วนนายวิทยา คมขำและนายวินัย วงศ์มณีใส บาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลบ้านค่าย แต่นายวิทยา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

อุทาหรณ์!คุยมือถือขณะฝนตกฟ้าผ่าดับ3ศพ - โพสต์ทูเดย์ ข่าวกทม.-ภูมิภาค

 

เผยปริศนาการสร้างปิรามิดอียิปต์ 06 พฤษภาคม 2557 เวลา 20:36 น.



นักวิทยาศาสตร์เผยความลับใช้น้ำลดแรงเสียดทาน เพื่อเคลื่อนย้ายหินสร้างปิรามิดอียิปต์โบราณ

วารสาร ฟิสิคัล รีวิว เลตเตอร์ เผยความลับการเคลื่อนย้ายรูปปั้นและหินขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักราว 2.5. ตัน ในการก่อสร้างปิรามิดอียิปต์ในอดีต โดยปราศจากเครื่องยนต์กลไกที่ทันสมัย โดยงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า การพรมน้ำปริมาณเล็กน้อยลงไปบนพื้นทรายจะช่วยลดแรงเสียดทานในการใช้ล้อเลื่อนเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ซึ่งเป็นเคล็ดลับอันชาญฉลาดของชาวอียิปต์โบราณที่จะช่วยลดจำนวนแรงงานในการขนย้ายสิ่งของได้เกินกว่าครึ่ง

ทั้งนี้ ทีมวิจัยจากต่างประเทศที่นำโดย แดเนียล บอนน์ จากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม ได้ทำการทดสอบสมมติฐานดังกล่าว ด้วยการทดลองลากเลื่อนถ่วงน้ำหนักไปบนพื้นทรายที่เปียกและแห้งในถาดทรายสำหรับการทดลอง พบว่า การลากเลื่อนไปบนพื้นทรายที่แห้ง เม็ดทรายจำนวนมากจะไปกองรวมกันอยู่หน้าล้อเลื่อน จนทำให้การเคลื่อนย้ายลำบาก แต่ถ้าพรมน้ำลงบนพื้นทรายจะช่วยให้ลาดเลื่อนได้ดีขึ้น เนื่องจากแรงเสียดทานระหว่างเลื่อนและทรายลดลง เพราะหยดน้ำจะผสานอนุภาคของเม็ดทรายมารวมกัน ทำให้แรงดึงที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายลดลงเกือบ 50%

อย่างไรก็ดี ปริมาณที่ใช้พรมลงบนพื้นทรายต้องไม่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้เม็ดทรายอิ่มน้ำ จนพื้นทรายฝืด ลากเลื่อนลำบาก (เสมือนลากเลื่อนไปบนกาวเหนียวๆ ) ซึ่งปริมาณน้ำที่เหมาะสมในการเคลื่อนย้ายวัตถุบนทราย อยู่ที่ราว 2-5% ของปริมาณทราย

ทั้งนี้ การไขปริศนาดังกล่าว มาจากภาพวาดบนผนังในหลุมฝังศพของ Djehutihotep ที่มีคนงานรดน้ำลงบนพื้นทรายหน้าเลื่อนที่ใช้ลากรูปปั้นขนาดใหญ่

ภาพ: ฮัฟฟิงตัน โพสต์

อ่านต่อได้ที่ : เผยปริศนาการสร้างปิรามิดอียิปต์ - โพสต์ทูเดย์ ข่าวรอบโลก

 

Piyacheep S.Vatcharobol



Wasan ได้โพสต์รูปภาพไปยังไทม์ไลน์ของ Piyacheep S.Vatcharobol 23 ชั่วโมงที่แล้ว

คุณ Piyacheep S.Vatcharobol หรือใครที่รู้ช่วยพวกเขา( อ.แม่สรวย, อ.พาน จ.เชียงราย ) ด่วน มันบอกให้เรารู้ว่าจะมีอะไรรุนแรงเกิดขึ้นในเร็วๆนี้หรือไม่....

7/5/57/11.00 น. จากคนในฟื้นที่ อ.แม่สรวย, อ.พาน จ.เชียงราย ตอนนี้อยู่ระหว่างประชุมกันอยู่ ซึ่งล่าสุดที่ติดต่อกัน บอกว่าอาการน่าเป็นห่วง แล้วสภาพลาวาขี้โคลนที่ยังไหลออกมาอยู่ตอนนี้เริ่มมีกลิ่นเหม็นมาก.. ตอนนี้คนในฟื้นที่บอกว่าอยู่ระหว่างตัดสินใจอพยพ....เนื่องจากภาครัฐปิดข่าวสารหมด ไม่สามารถให้คำตอบที่ 3 ข้อดังกล่าวข้างล่างนี้ได้...
1. ลาวาขี้โคลน พุ่งออกมาจากบ่อใต้ดิน เส้นทางแม่สรวย เชียงราย-เชียงใหม่ (ดงมะดะ) เกิดขึ้นได้งัย ทำมัยมันไหลตั้งแต่บ่าย 3 (เมื่อวาน) จนถึงตอนนี้ทำมัยมันยังไม่หยุด ??
2. ความถี่ของอ๊าฟเตอร์ช็อคเบาๆ ณ.ตอนนี้ 200 ครั้ง (ประมาณ) คัยจะยืนยันว่าไม่ไปตีซ้ำเหตุการณ์ที่หนักของเมื่อวานช็อคใหญ่ 6.3 ริกเตอร์ หรือป่าว ??
3. รอยแตกของพื้นผิวถนนทั้งเพิ่มขึ้นและทรุดตัวลงหลายจุด ในบริเวณใกล้เคียง เขื่อนแม่สรวย (ดงมะดะ) จะทำให้บริเวณรอบๆ เขื่อนเกิดการทรุดตัวหรือป่าว ??
ทุกคนในฟื้นที่ไม่มีใครให้ความเชื่อมั่นของภาครัฐแล้ว ใครที่ให้ข่าวจ้อๆ น่า ทีวี. บอกว่าเอาอยู่ เอาไหว กรุณาลงในนอนในฟื้นที่นะ ...คนในฟื้นที่ อ.แม่สรวย, อ.พาน จ.เชียงราย ฝากมา.. อย่าดี+เก่งแต่นอนโรงแรมในตัวเมืองเชียงราย!!

22 ชั่วโมงที่แล้ว

จะบอกว่าเป็นเกตุการณ์ปกติของแผ่นดินไหวที่ทำให้เปลือกโลกแตก ย้ำนะครับ เปลือกโลกแตก ไม่ใข่แนวรอยแยกอย่างที่ข้าใจกันว่ารอยเลื่อนแขนงมีการเคลื่อนตัว แต่เป็นการเปิดจุดรอยแยกใหม่ของเปลือกโลก ทำให้ก๊าซซับเฟอร์ไดอ๊อกไซค์ดันออกมาจากใต้พิภพ พาน้ำ ดินในขั้นหินออกมาเป็นโคลน

หากผมมี ผมมีอำนาจ ผมจะสั่งอพยบออกนอกพื้นที่ ในระศมี ๓ กิโลเมตร เพราพโอกาสที่หลังจากน้ำโคลนถูกดันออกมาหมดแล้ว ก๊าซอาจจะออกมาฟุ้วกระจายล้วนๆ สิ่งมีชีวิตตายแน่นอน

การเคลื่อนตัสจากแม่สรวยไปพานแล้วกลับม่แม่สรวย มองเห็นทิศทาง เข้าฝาง ไชปราการ ปาย เมือวแม่ฮ่องสอน เพร่ะอยู่ในแนวเส้นแม๊กมาเดียวกัน ว่าอาจเกิดแผ่นดินไหวที่เขียงใหม่ แม่ฮ่องสอน มากกว่า ๘๐ % (ตามข้อมูลที่ผมมีอันน้อยนิดนะครับ เพราพอุปกรณ์เครื่องมือตรวจโดนยุดไปหมดแล้ว)

แต่สิ่งที่ผมกลัวมากกว่าคือ ภาคเหนือตอนล่าง แถวอุตรดิตถ์และจังหวัดรอบข้าง กับ ภาคกลางตอนบน กงไกรลาศ ลานกระบือ

เดือนนี้คาดการณ์กันมานานแล้วจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ โดนเฉพาะหลัง ๒๑ พฤษภาคมเป็นต้นไป

แต่ปรากฏว่า ไหวกันแต่ต้นเดือนตามที่ ดร.ก้องภพคาดการณ์พลังงานมาถึงโลก แล้วมีปลวันที่ ๓ ๔ ๕ ทำให้โอกาสเกิดแผ่นดินไหวใหญ่น่าจะเร็วกว่าเดิมคือตั้งแต่ ๑๒ พฤษภาคมเป็นต้นไป

นอกจากแผ่นดินไหว น้ำท่วมฉัยพลันแล้ว ดินถล่มที่แม่ฮ่องสอน เขียงใหม่ตอนบนก็มีโอกาสสูงมากๆ

แผ่นดินไหว ดินถล่ม ที่จะเกิดถือเป็นการดีนะครับ เพราะที่ไม่ถล่มคือสถานที่ ทีปลอดภัย นั่นเอง

แผ่นดินไหว บ้านบนเขาจะปลอดภัยกว่าที่ราบเพราะพื้นดินหินแข็งแรงกว่าที่ราบ ที่ราบรับแรงสั่นสะเทือนอล้วโยกพริ้วมากกว่า บ้านสองชั้นที่เสาลอยที่เป็นซีเมนตร์ ไม่ค่อยปลอดภัยนะครับ เสาไม้อาจโยก แต่รับแรงสั่งสะเทือนได้มากว่า ยืดกยุ่นตัวดีกว่า

กรอบรูป ตูโชว์ เก็บลงให้หมดตะสบายใจนะครับ อาหาร น้ำ ยา ะลังงานไฟห้าสำรอง วิทยุสื่อสาร ต้องมีนะครับ

 

Narada Siri

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/3GGz2WuCsqU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>