ดูจิตติดเฉยโง่ "อัญญาณุเบกขา"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 1 กรกฎาคม 2013.

  1. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    คล้ายๆ มองเห็นท่าเรือมหาธาตุฯ

    ใส่ใจตรงภาพกระทบ ตรงบริเวณจักขุปสาท ( บริเวณแก้วตา )

    ไม่ส่งจิตไปทีภาพ อดทนรู้ต่อเนื่อง ไม่เกร็ง ไม่คิด ให้เป็นธรรมชาติ

    ภาพที่เห็น กับความหมายหรือชื่อบัญญัติ สำคัญว่าท่าเรือ สำคัญว่างามนั้น

    เป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่เห็นหรือไม่

    หรือ ภาพที่ปรากฏกับ ลักษณะการเห็น เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่

    ลักษณะต่างๆที่เป็นสภาพธรรมนั้น มีเรา หรือของเราในกระบวนกานเห็นนั้นหรือไม่

    ค่อยๆดู ค่อยๆรู้ ค่อยๆเข้าใจ ไม่มีการคิดนึกวิเคราะห์

    เพราะ ปรมัตถ์มีอยู่แล้ว
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเพียงสมมุติบัญญัติที่ไม่มีอยู่จริงหรือ

    เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการถกกับพวกที่เข้าใจตนเองว่า เป็นผู้รู้ยิ่งเห็นจริงแล้วว่า
    ของในโลกล้วนเป็นเพียงสมมุติบัญญัติ(สมมุติที่มีอยู่จริง)ที่ไม่มีอยู่จริงทั้งสิ้น ถึงกับมีความเชื่อว่า
    แม้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ไม่มีอยู่จริงเช่นกัน....มีเพียงพระนิพพานที่มีอยู่จริงเท่านั้น
    เมื่อมีกลุ่มที่เชื่อว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ไม่มีอยู่จริงเสียแล้ว เอาพระนิพพานมาจากไหน?

    แสดงว่าในจิตใจของคนกลุ่มนั้น ไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้าว่ามีอยู่จริง
    เพราะเชื่อว่า พระพุทธเจ้า เป็นเพียงขันธ์๕ เหมือนกับปุถุชนคนธรรมดาทั่วๆไป
    พระธรรม เป็นเพียงคำสั่งสอนที่ถูกสมมุติ(ติต่าง)ขึ้นมาใช้สื่อสารกัน ไม่มีอยู่จริงเช่นกัน
    พระสงฆ์ เป็นเพียงสมมุติบัญญัติ คนที่โกนหัวห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ที่ไม่มีอยู่จริงเช่นกัน

    ซึ่งตรงข้ามกับพระอริยเจ้าชั้นพระโสดาบันขึ้นไปที่มีปัญญา มีความเห็นชอบ
    และเชื่ออย่างหมดความสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์(หมดวิจิกิจฉา)
    เพราะท่านเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จนหมดหัวใจว่ามีอยู่จริง โดยไม่ลังเลสงสัยอีกเลย.

    เมื่อมีใครไม่เห็นด้วยกับผู้รู้กลุ่มนั้น จะโดนกล่าวหาว่าร้ายเป็นพวกไม่เคารในพระธรรม เพราะไม่ในเชื่อตำรา
    ทั้งที่พระพุทธองค์ทรงเน้นลงมือปฏิบัติภาวนา เพื่อเกิดปัญญาจากการประกอบกระทำ ไม่ใช่สัญญาจากตำรา
    แม้พระพุทธองค์เอง พระองค์ท่านก็ตรัสรู้เองโดยชอบได้ด้วย การภาวนามยปัญญาพร้อมทั้งละวาสนา


    ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า คนที่เห็นด้วยพระพุทธองค์กับพระอริยเจ้าทั้งหลายนั้น เป็นกลุ่มที่ผิดเพราะไม่เชื่อตำรา
    ล้วนเป็นพวกไม่เคารพในพระธรรมทั้งสิ้น เพราะคนกลุ่มนี้ มีความเชื่อว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มีจริงอยู่ในโลก

    แถมคนกลุ่มนั้น ยังมีการหมิ่นโดยการวิพากษ์วิจารณ์พระปัญญาญาณของพระปัจเจกพุทธเจ้า
    ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเช่นกัน ว่าสร้างสมบารมีมาน้อยนิด บัญญัติคำสอนเองไม่เป็น(โง่)
    สอนใครก็ไม่ได้ บัญญัติคำสอนขึ้นมาสอนก็ไม่เป็น แถมว่าพระองค์ทรงเกียจคร้าน ชอบอยู่เฉยๆ ไม่คิดจะสอนใคร

    เป็นไปได้หรือ? พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ล้วนตรัสรู้เองโดยชอบ ด้วยพระองค์เองเหมือนๆกันหมดทุกๆพระองค์
    ตรัสรู้ เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา เช่นเดียวกันหมด ต้องผ่านทั้งเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ เสมอกันทุกๆพระองค์
    แต่บ้างคน กับหลงละเมอว่า พวกพราหมณ์นั้น ก็ได้เจโตวิมุตติเช่นกัน ต้องถือว่า"ผิด"
    พวกพราหมณ์ ได้เจโตจริง แต่เป็นเจโตที่ไม่มีทางวิมุตติได้ เพราะยังติดสุขอันละเอียดอยู่

    ส่วนใครที่คิดว่าตนเองรู้มาก มีสุตะ มีจินตะมาก แต่ภาวนาไม่เป็น ไม่มีทางเห็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้
    เมื่อเห็นไม่ได้ ยังจะเอาอะไรมาเห็นธรรมแท้ได้ อันเป็นปัญญาอันสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา
    ดังที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ได้ชื่อว่าพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงต่อพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

    ของเที่ยมนอนกอดแต่ตำรา พล่ามมธุรสวาจา น่าฟัง แต่นำไปใช้จริงไม่ได้เพราะเป็นเพียง"สัญญาอารมณ์"เท่านั้น
    ของแท้ให้ดูและเทียบเคียงกับ"อริยมรรค" ที่ว่าด้วยเรื่อง"สัมมา"ล้วน ที่เริ่มด้วย"ภาวนามยปัญญา"นั่นเอง

    เจริในธรรมทุกๆท่าน
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .......ผมว่าไม่มีใคร คิดเป็นอกุศล อย่างนั้นหรอกครับ.....ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต.....รู้กุศล ละอกุศล......
     
  4. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ผมว่าในบัญญัติก็เป็นลักษณะที่ปราศจากการปรุงแต่งได้ครับ

    หากดูช้าไปถึงเวทนา
    แต่ไม่ปล่อยให้ขึ้นตัญหา คือปรากฏอยู่แค่เวทนาทั้งสามระลึกรู้ตรงนี้
    ซึ่งก็ต้องเพียรระลึกรู้ สม่ำเสมอ ไปทันตรงไหนก็ว่ากันไป ที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของกำลังสติที่มากพอระงับตัญหาที่ปรากฏไม่ล่วงพ้นสุจริต 3ไปได้(ช่วงฝึกจิต)

    ทีนี้ในช่วงแรกยังคงต้องอาศัยการพิจารณา ตรึกลงไปในส่วนของการกระทบจากทวารทั้งหก คงต้องเน้นมาที่การยกพิจารณากายเทียบลงไป ว่าเป็นอนิจจัง อนัตตา สุญญตา ว่างจากตัวตน เท่าที่ปฏิบัติมาธรรมภายนอกยังไม่เข้าถึงจิต
    ต้องฝึกจิตพิจารณาธรรมภายในก่อน
     
  5. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    น่าสนใจตรงที่ว่า นี้รู้สึกครับ ตรงนี้ล่ะที่จะไปจับเอามาเป็นของเราขึ้นมา
    ลักษณะรู้ตรงนี้ก็ต้องพิจารณาลงในไตรลักษณ์เช่นกัน
    สำคัญที่ปรากฏ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ครับ
     
  6. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    แล้วเวทนาที่ถูกดูอยู่ขณะนั้นเป็นอย่างไร ^^

    ที่จริง ผัสสะเกิดก็รู้ผัสสะ หากล่วงเวทนาก็รู้เวทนา หากล่วงวิญญาณก็รู้วิญญาณ

    เรื่องพิจารณาดูกาย ในความเป็นรูป เป็นสิ่งที่ควร

    เพราะไม่นาน นามก็ปรากฏ คือรู้ที่ลักษณะ

    ไม่ต้องไปตรึก ไม่วิเคราะห์ เพราะลักษณะของนามรูป

    แสดงออกโดย อนิจจังลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ ให้ประจักษ์

    เวลาประจักษ์ไตรลักษณะ แม้จะเป็นในระดับญาณอ่อนๆ

    แต่ก็มีสภาวะให้สังเกตุ ให้รู้ว่า อกุศลดับ กุศลปรากฏอยู่


    หากเห็นไตรลักษในขั้นตรึกเอา โดยไม่เห็นปัจจัยเกิด ปัจจัยดับ

    ต้องเพิ่มวิริยะ ดูให้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย
     
  7. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ส่วนของการฝึกครับหลวงพี่ จำต้องให้รู้จักไตรลักษณ์ก่อนจึงสามารถระลึกได้ครับ
    อย่างการระลึกถึงกาย ก็จำต้องมาจากการฟังที่ถูก การพิจารณาที่ถูก จนมาถึงการเห็นในขณะนั้นๆ ซึ่งอาจจะเริ่มเข้าที่นึกเอาก่อน พอชำนาญ ระลึกได้เร็วขึ้น(ฝึกมาพร้อม)ตรงนี้ก็จะไม่ต้องยกตรึกเอาก็สามารถระลึกรู้ทันภาวะนั้นๆได้ครับ

    ส่วนการเพิ่มวิริยะ เห็นด้วยครับที่ยังไงก็ต้องมีความเพียร
    หากไม่เห็นด้วยตรงที่ ดูให้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ตรงนี้ในการฝึกอย่างไรก็ต้องมีขาดๆต่อๆ ครับ หากไม่ละความเพียรแล้ว มีความสม่ำเสมอไม่ขี้เกียจ
    สามารถเห็นได้ครับ
     
  8. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ส่วนของ เวทนาที่ถูกดูอยู่ขณะนั้นเป็นอย่างไร
    ตรงนี้ต้องตอบกันตรงขณะนั้นๆครับ
    หากว่าในส่วนการอธิบาย ย่อมต้องเห็นในเวทนา 3 สุข ทุกข์ เฉย
    ซึ่งทั้งสามก็ต้องเข้าที่ อนิจจัง อนัตตา สุญญตา ว่างจากตัวตน ครับ (ฟังมา)
    ปกติจะไม่ค่อยทันหรอกครับ ต้องเจอวงปฏิจจสมุปบาทซ้ำๆเข้าจึงจะสามารถระลึกรู้ได้ทันครับว่าสิ่งนั้น สิ่งนี้ ย้ำไปว่าเราไม่เอามันหรอก ไม่ใช่กู ซัดกันตรงจิตนี้ ครับ
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG]
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อวกาศธาตุอุบัติ ชะวิ้ง !!!

    กามนิต : ดูกร วาสิทธีผู้มีตำนานว่าอรหันต์ ขอโอกาส

    วาสิทธี : ว่า มาอย่าช้าเที่ยวเจรจาพาที บัดเดี๋ยวนี้ข้าใกล้จะสิ้นวิบาก ท่านจะไม่อาจเห็น
    เราดำเนินไปทางไหนได้อีก

    กามนิต : ที่ว่า รูป ในปรมัตถ์ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ แข็ง เย็น ตึง ดึ๋ง อ่อน มนุษย์รู้ได้
    ง่ายดาย แต่ เทวดาอย่างเราในเวลานี้หาได้รู้ด้วยอาการอย่างมนุษย์ไม่ ไฉนเรา
    จึงได้ยินมนุษย์คลุมผ้าป่านบางเหล่า อ้างว่า รู้ ปรมัตถ์ ได้เล่า

    วาสิทธี : ดีแล้ว ที่ท่านถามเช่นนั้น การรู้ ปรมัตถ์ จะต้องมี รสเดียวกัน หากมนุษย์
    คนไหน รู้เห็น ดิน น้ำ ลม ไฟ ในรสคนละอย่างกับ เทวดา อินทร พรหม ยม ยักษ์
    เห็น มนุษย์คงนั้น คงไม่มี ฌาณจิต เป็นแน่แท้ รู้เอาแต่ สัญญาหน้าฝน ไม่ล่วง
    พ้นออกพรรษาไปได้ ในเวลานี้

    เมื่อไหร่ก็ตาม มนุษย์นั้นๆ รู้ สภาพธรรม ดิน น้ำ ลม ไฟ การมีอยู่ของ อยาตนะ
    การก่อเกิดของอยาตนะ ได้อย่างที่ เทวดาก็มีตา มีกาย มีจมูก มีเครื่องทรงเสมอหู
    ก็ค่อยอ้างว่า รู้ รูป ที่เป็น ปรมัตถ์ รู้ผัสสะ ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ ด้นเด้าเดาเอา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2013
  11. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ดูต่อเนื่อง ต้องอาศัย ความเพียร ความอดทน

    วิตก การยกจิตพิจารณา เกาะอาการสภาวะขณะนั้น

    วิจาร แนบแน่น ไปกับอารมณ์

    จะเห็นความต่อเนื่อง ความเป็นปัจจัย เห็นรูปก็เห็นนามขันธ์



    เรื่องศึกษาไตรลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่ควร

    พิจารณาโดยอาการ เป็นโรค เป็นภัย เป็นของน่ากลัว เป็นมายา มีแล้วไม่มี

    ไม่เที่ยง ไม่มีสาระ ไม่ใช่ตนของตน ฯลฯ



    คำว่า ไม่ขาดสาย หมายถึงดูกระบวนการเกิด และ สิ้นไป คลายไป ดับไป


    หากเข้าใจว่ากำหนดต่อเนื่องไม่ขาดสาย เพื่อดูสภาวะอย่างต่อเนื่องทั้งวัน

    ทำได้ เน้นอิริยาบถย่อย
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    การเจริญปัญญานั้น อย่าพึงเข้าใจว่า ปัญญามันจะเกิดจากการฟังผู้อื่น

    คำว่า เห็นสภาวะ " สิ่งที่เคยสดับ " นั้นปรากฏหมดแล้ว ....ตรงนี้
    ไม่ใช่ว่า ทุกสิ่งที่เคยได้ยินได้สมาทาน อยู่/ครบ หมดแล้ว

    แต่ให้หมายถึง มันหมดมุขแล้ว มันไม่มีอะไรจะต้องทำต่อแล้ว
    อะไรที่ฟังมาทำหมดแล้ว ไม่ใช่ฟังมาเยอะๆ นะ บางคน ฟัง
    แค่คำเดียว ก็จัดว่า ทำครบหมดแล้วได้เลย สัมผัสถึง สภาวะ
    "สิ่งที่เคยสดับ" ในกาลก่อนๆมันปรากฏหมดแล้ว ดับแล้ว

    เห็นสัญญาอันเดียวนั้นเกิด แล้วเห็นสัญญาอันเดียวนั้นดับ

    หมดมุข

    หมดมุข แล้วมันจะเห็นสภาวะ

    " ความตรัสรู้ด้วยความไม่หวั่นไหวไปในความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา เป็นสัทธาพละ "

    ซึ่งก็คือ มาถึงสภาวะ ไม่ต้องฟังใครอีก หากเจออะไรก็ให้ ฆ่า ทิ้งเสีย
    ถ้ายังมี ก็จะไม่ใช่ และ ไม่จัดว่าเป็น สัทธาพละ ด้วย

    พอเห็นเราๆ ตรงนี้ จะพอคำนึงทางพวกนี้ได้

    พ้นตรงนี้ไป ก็ไม่ต้องฟังใครอีกแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นกับว่า จะเดินไปคนเดียว
    หรือว่า ดันทะลึ่งจะไปเป็นขบวน
     
  13. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ร่าเริงในธรรมอีกรอบครับพี่
     
  14. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    จิตตินนท์ หวั่นไหวมั๊ย ^^
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้าจะเดินไปคนเดียว บทที่ยกมาให้ภิสมัย ยาวๆ นั้น อันนั้น แค่ รองเท้าสองคู่

    ในบทธรรมนั้น มีการถามว่า จบแล้วเหรอ

    คนตอบก็บอกว่า จบที่ไหน ยังต้องหาอีก 6 คู่ เดินต่อ

    แต่ถ้าไม่เดินไปคนเดียว ก็มะรุมมะตุ้มกับ สัญลักษณ์สับสน ต่อไป ฮิวววส์

    ( ปล. ธรรมบทที่ ทำมาปู๊ดดด ยกมา มีการ เว้นวรรคตอนผิด )
     
  16. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ไม่เข้าใจที่หลวงพี่อธิบายครับใส่ไม่ลงกับที่ปฏิบัติอยู่
    ตรงส่วนไม่ขาดสาย ผมก็เข้าใจเหมือนที่หลวงพี่อธิบายมานาน
    หากพอเห็นขณะที่ทันเวทนาแล้วสู้ตรงนั้น มันไม่ตัวกูครับ และไม่ได้เป็นลักษณะไม่ขาดสาย
    หากเจอตรงนั้นเลย ดับตรงนั้น ส่วนอาการอื่นๆที่ตามมาดับว่างสงบ อยู่สักพักแล้วหมุนใหม่
    ทีนี้ก้อาศัยอารมณ์นี้คอยระลึกครับ
     
  17. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ไม่มีครับ
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <img src='http://men.mthai.com/uploads/manager/PNattanan/back_intro.jpg' width=300>
     
  19. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    คนละเรื่องเลย

    จะเอาเวทนาถูกไหม

    เมื่อเวทนาแรงกล้า อินทรีย์ที่ตามระลึกก็แกล้วกล้าไปด้วย

    ขณะนั้นมีรู้และถูกรู้ สิ่งที่ถูกรู้ก็ชัดอยู่ ว่าเป็นสภาวะ ไม่ใช่ตัวตนคนสัตว์

    จะดูแทงลงไปโดยความเป็นธาตุ ตรงอาการสั่นสะเทือน เคลื่อน หนัก แข็ง จนเห็นธาตุที่เล็กที่สุดก็ได้

    หรือเวทนาเกิดสลับที่ใจ โดยความทนได้ยาก กระวนกระวาย

    ก็รู้ที่ความยึดมั่นว่ากูเจ็บ อยู่ขณะนั้นก็ได้

    สังเกตุดีๆ เห็นเวทนา ก็เห็นขันธ์๕ ที่เกิดร่วมในสมัยนั้น

    สำคัญไม่ได้ไปแช่เวทนา ไม่ทนแบบอยากให้หาย




    ส่วน ไม่ขาดสาย นั้น

    หากสมาธิมั่งคง อินทรีย์บริบูรณ์ จะเห็นสภาวะธรรมเป็นสาย

    ยังไม่กล่าวในที่นี้


    แต่ให้เน้น อิริยาบถย่อย ตั้งแต่จิตคิด อาการเคลื่อน ความพอใจ ความกระทบ สัมผัส

    อาจแค่ หนึ่งคำข้าวที่ยกช้อนตักเข้าปาก
     
  20. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    หลวงพี่อธิบายในแง่ปฏิจจสมุปบาทก็ได้ครับอาจจะเข้าใจตรงกัน
    เจาะลงเป็นสายแต่ละสายก็ได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...