ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Pleased, 30 พฤษภาคม 2009.

  1. sakichan02

    sakichan02 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2009
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +328
    รู้รสเหล้า

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จมีคติประจำใจว่า เรื่องการสอนคนนั้นต้องเอาความจริงมาพูด สิ่งใดที่ทำไม่ได้สิ่งนั้นจะไม่พูด และสิ่งใดที่ยังไม่มีประสบการณ์ สิ่งนั้นก็จะไม่พูดเช่นกัน ภาวะไม่เหมือนกับอาจารย์สอนธรรมคนอื่น ๆ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จถึงกับลงทุนสร้างพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนองค์หนึ่ง หน้าตักกว้างสองศอก หันพระพักตร์เข้าข้างฝาผนัง ด้านตะวันออกองค์พระห่างจากฝาผนังราวหนึ่งศอก ซึ่งอยู่ในวิหารละแวกบ้านสาว ตรอกวัดใหม่อมตรส บางขุนพรหม (ต่อมาทางราชการตัดถนนสามเสนทับวิหารนี้แล้ว) ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ สร้างเพราะมีเหตุผลทิ้งเป็นปริศนาธรรมให้แก่อรรถกถาจารย์ทั้งหลาย ที่ดีเพียงสอนคนอื่น แต่ตัวเองไม่เคยมอง พระสงฆ์ส่วนใหญ่ล้วนไม่บำเพ็ญในทางธรรมแต่กลับชอบพูดธรรมและอวดธรรม

    เล่ากันว่า ครั้งหนึ่ง จมื่นพิทักษ์ฯ มานิมนต์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จเข้าไปเทศน์ในวังหลวง แสดงธรรมกถาเรื่อง ความไม่ดีของสุรา เมื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จรับนิมนต์ให้เทศน์เรื่องสุรายาเมาไม่ดี ท่านก็คิดว่า "ขรัวโตนี้บวชเป็นเณรตั้งแต่ ๗ ขวบ จนอายุ ๗๖ เข้ามานี้ไม่เคยรู้รสเหล้าเป็นอย่างไร เมาแล้วเป็นอย่างไร พรุ่งนี้ได้รับนิมนต์ให้ไปแสดงหน้าที่นั่งว่า สุราเป็นยาไม่ดีนั้น เราในฐานะลูกตถาคตต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน ไม่เช่นนั้นไปเทศน์สั่งสอนคนอื่นจะเป็นเรื่องมุสาไป" ท่านเจ้าประคุณสมเด็จจึงเรียกเด็กรับใช้ในกุฏิไปซื้อเหล้าที่ชาวบ้านทำมาหนึ่งขวด แล้วตีระฆังประกาศฉุกเฉินประชุมพระเณรฆราวาสมาพร้อมหน้าในโบสถ์วัดระฆังฯ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จชูเหล้าขึ้น พร้อมกับกล่าวว่า วันนี้ สมเด็จโตจะกินเหล้า ขอให้ท่านรับทราบไว้ด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าเมาเป็นอย่างไร วันนี้สมเด็จของงดรับแขก แล้วท่านเจ้าประคุณสมเด็จก็เข้ากุฏิปิดประตู ดื่มเหล้าจนหมดขวด สติสัมปชัญญะต่าง ๆ ถูกฤทธิ์เหล้าบั่นทอนจนหลับไป

    รุ่งเช้าเห็นจีวรอยู่ที่หนึ่ง ขรัวโตนุ่งชุดวันเกิดอยู่อีกที่หนึ่ง ก็เข้าใจว่า ความเป็นมาของสุราเมระยะมันเริ่มมาเป็นอย่างไรและแล้ววันรุ่งขึ้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จไปแสดงธรรมหน้าที่นั่ง ซึ่งรัชกาลที่ ๔ ทรงเป็นประธาน เสนาบดีอำมาตย์น้อยใหญ่ห้อมล้อมอยู่มาก บอกว่าวันนี้ก่อนที่อาตมภาพจะมาแสดงธรรมข้อสุราเมระยะนี้ เมื่อคืนนี้สมเด็จโตได้กินเหล้าเข้าไปแล้วหนึ่งขวด เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจะมาโกหกขรัวโตไม่ได้ว่า กินเหล้าแล้วเมาอย่างไร ท่านเจ้าประคุณสมเด็จก็ได้แสดงให้ฟังอย่างถ่องแท้ถึงข้อเสียหายและโทษประการใดบ้าง

    ทีนี้เถรสมาคมประชุมกันใหญ่ พระกินเหล้าอาบัติละ เพราะฉะนั้นให้ไปนิมนต์สมเด็จโตมาแถลงในเถรสมาคม ท่านเจ้าประคุณสมเด็จก็บอกว่า เจริญพรท่านผู้เจริญทั้งหลายที่เป็นทั้งสมเด็จราชาคณะ ที่เป็นทั้งสังฆมนตรีแห่งการปกครอง อาตมภาพนี้ไม่ผิดศีลเด็ดขาด เพระอาตมภาพถือหลักสัจธรรม เขานิมนต์อาตมภาพไปแสดงธรรมเรื่องสุรานี้เมาอย่างไร อาตมภาพยังไม่เคยกินสุรา ไม่รู้ว่ารสเมาเป็นอย่างไร แล้วจะไปสอนให้เขารู้ได้อย่างไร พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เราจะสอนธรรมะ เราอย่ามุสา เพราะฉะนั้นอาตมภาพไม่กินสุรา อาตมภาพแสดงธรรมเรื่องสุรา อาตมภาพก็จะไม่พ้นศีลข้อมุสา สังฆมนตรีนั่งสั่นหัว นิมนต์สมเด็จโตกลับวัดได้


    สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
     
  2. หนุ่ม01

    หนุ่ม01 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +39
    ได้ข่าวว่าอาจารย์ผมเปลี่ยนใจอีกแล้วครับพี่
     
  3. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ขออนุโมทนา กับนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 1/2553 ที่ได้ร่วมกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา เท่าที่สังเกต นักปฏิบัติธรรมฯ รุ่นนี้ มีผู้อาวุโสค่อนข้างเยอะ ทุกท่านมีความสนใจและตั้งใจจริงในการปฏิบัติอย่างจริงจัง
    <O:p</O:p

    สิ่งหนึ่งที่ประทับใจสำหรับนักปฏิบัติฯ รุ่นนี้มากๆ ก็คือ ประสบการณ์ของแต่ละท่านที่ได้เล่าสู่กันฟังอย่างมีอรรถรส ทุกท่านล้วนแล้วแต่มีองค์บารมีด้วยกันทั้งสิ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถค้นหาตัวตนที่แท้จริงได้ เพราะไม่เข้าใจหรือไม่เคยประสบกับเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    บ้างยังไม่เชื่อ บ้างก็ยังลังเลสงสัย ใช่หรือไม่ใช่ เกี่ยวกับสภาวะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือสามัญวิสัย โดยเฉพาะคุณกล้า ถึงขนาดต้องหาจิตแพทย์ เพื่อรักษาและเยียวยาโรคแปลกประหลาดนี้ เพราะรักษายังไงก็ไม่หายสักที ว่าตนเองเป็นอะไรไป ส่วนใหญ่ก็บอกว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว นอกจากจะทำลายจิตใจตนเองแล้ว ยังได้ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมายในครอบครัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อทั้งคุณกล้าและภรรยาได้เข้าใจถึงสภาวะเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้ท่านทั้งสองพึงปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรม ด้วยการเจริญไตรสิกขา ก็ขอให้ภรรยาคุณกล้าอยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจให้สามี และขอให้มีคุณภาพชีวิตของคนทั้งสองดีมากยิ่งๆ ขึ้นนะครับ <O:p</O:p

    <O:p</O:p

    บางท่านก็มีประสบการณ์อยู่บ้างแล้ว โดยไม่แสดงตน ไม่โอ้อวดตน หรือไม่คิดที่จะลองของเลย อีกทั้งยังแสดงการเคารพสถานที่และให้เกียรติซึ่งกันและกัน นับว่าน้ำใจประเสริฐอย่างจริงแท้ บ้างก็เห็นถึงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้หลายๆ คนได้รับรู้และเข้าใจการเข้าถึงจิตวิญญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งผู้บรรยายมีความเต็มใจที่ให้ความรู้ ประสบการณ์ และธรรมวิทยาทานแก่ผู้ปฏิบัติ ไม่ว่าวิธีการเข้าฌานก็ดี การเข้าสมาบัติก็ดี หรือการใช้พลังจิตานุภาพในการสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเกร็ดความรู้ต่างๆ โดยไม่เคยที่จะปิดบังหรือซ้อนเร้นแต่อย่างไร ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้คนเหล่านี้เข้าสู่เส้นทางธรรมตามจริตของตนเองได้อย่างแท้จริงซักที<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    สำหรับบางท่านเป็นครูบาอาจารย์เหมือนกัน มีบารมีมากและพร้อมที่จะเปิดสถานปฏิบัติธรรม ก็ขออนุโมทนาในร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และขอให้การสร้างบารมีสูงมากยิ่งๆ ขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้พิจารณาและนำแนวทางจากการเรียนรู้และปฏิบัติไปประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม และอย่าได้ยึดติดหรือหลงกับคำว่าครูบาอาจารย์หรือเจ้าสำนัก หรือแม้แต่องค์บารมี เพราะพระองค์ท่านมาตามวาระ เมื่อหมดวาระท่านก็ต้องได้กลับ สิ่งที่เหลือก็เพียงตัวเรา จิตเรา เก่งไม่เก่งก็ไม่ได้อยู่แต่พระองค์ท่านเพียงอย่างเดียว ตัวเราเองก็ต้องหมั่นศึกษา เรียนรู้และหาประสบการณ์เพื่อความรู้แจ้ง และพร้อมที่เผยแพร่วิธีการของตนแก่คนรุ่นหลังต่อๆ ไป

    ส่วนท่านอื่นๆ ที่มีปัญหาที่ต้องประสบพบเรื่องราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ยังไม่มีแนวทางเป็นของตนเอง ไม่กล้าเปิดเผยตัว กลัวคนอื่นหาว่าเพี้ยน หรือยังหลงกับสิ่งนี้อยู่ ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจนะครับ เราขอเป็นกำลังใจให้กับคุณ หรือหากต้องการความช่วยเหลือ เรายินดีเป็นคนกลางที่จะแก้ปัญหาให้ตามศักยภาพและกำลังบารมีที่มีอยู่ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ขอเพียงแต่ให้ท่านเป็นคนดีในสังคม และช่วยเหลือสังคมตามโอกาสที่จะอำนวย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการปฏิบัติธรรม แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเข้าร่วมกรรมครั้งที่ 2/2553 หรือติดต่อได้ตามเบอร์โทรนี้นะครับ โทร 081-8086695

    <O:p</O:p<O:p</O:p
     
  4. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    อาจารย์คุณหนุ่มมาร่วมกิจกรรมในวันนั้นด้วยจิตใจที่มุ่งหมั่นมากๆ ครับ
     
  5. หนุ่ม01

    หนุ่ม01 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +39
    ก็ดีใจกับอาจารย์ครับทีนี้ก็คงขึ้นอยู่กับสิ่งต่างๆที่เข้ามาเพื่อให้เรียนรู้และปฎิบัติว่าจะเดินไปทางไหนดี ทุกอย่างล้วนจะเป็นตัวทดสอบสอบว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันคืออะไรและจะทำอย่างไรครับ ก็เท่านั้นเอง ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ ถ้าครั้งหน้างานไม่เข้ายินดีจะมาช่วยพี่เหมือนเดิมครับ
     
  6. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ประกาศ เปิดรับสมัครนักปฏิบัติธรรมรุ่นที่ 2 ประจำปี 2553

    กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่สนใจและตั้งใจจริงทุกๆ ท่าน

    จำนวนที่รับ: 15 ท่าน

    วัตถุประสงค์:
    1) เพื่อพบปะ สนทนา และสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัลยาณมิตร
    2) เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และปฏิบัติสมาธิแบบ TM และแบบกรรมฐาน-วิปัสสนา
    3) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนนักปฏิบัติธรรมให้มีความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงร่วมกิจกรรมสร้างบุญกุศลและสาธารณประโยชน์แก่สังคม

    กำหนดการ:
    วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 10.00 น. - 17.00 น.

    กิจกรรม:
    09.30 น. พบปะ แนะนำ สนทนา แบบพี่ๆ น้องๆ
    10.00 น. บรรยายเรื่อง: โครงการจิตอาสา
    11.00 น. นั่งสมาธิแบบ TM
    12.00 น. พักทานอาหารกลางวัน (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
    13.00 น. บรรยายเรื่อง: แก่นธรรม
    14.00 น. นั่งสมาธิแบบกรรมฐาน-วิปัสสนา
    15.00 น. สอบอารมณ์

    สถานที่:
    98/318 หมู่บ้านลัดดารมย์ ปิ่นเกล้า ถนนวงแหวนรอบนอก ต. บางคูเวียง อ. บางกรวย จ. นนทบุรี แผนที่ตามแนบ

    [​IMG]

    สถานที่ตั้ง
    1) เส้นทางหลัก คือ ถนนกาญจนาภิเษก หรือวงแหวนรอบนอก
    2) อยู่ตรงข้ามกับ เทสโก โลตัส บางใหญ่
    3) ก่อนถึงที่หมาย สังเกตุ ป้ายปั้มน้ำมัน ปตท. (ปั้ม jet เดิม) ถัดจากปั๊ม ปตท. ประมาณ 100 ม. จะถึง หมู่บ้านพฤกภิรมย์ก่อน ถัดไปอีก 200 เมตร ก็จะถึง หมู่บ้านลัดดารม์ ปิ่นเกล้า (จะมีป้ายตัวโตๆ บอกไว้)
    4) อย่าลืมบอก บ้านเลขที่ แก่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย: 98/318 ซอย 2/18


    หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ คุณภราดรภาพ 081-808 6695
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  7. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมรุ่นที่ 2 ประจำปี 2553

    ยินดีต้อนรับ คุณเอ๋

    รับจำนวน: 15 ท่าน
    1) คุณเอ๋

    ยอดผู้สมัคร จำนวน 1 ท่าน
    ยอดคงเหลือ จำนวน 14 ท่าน

    ยังสมัครได้อยู่ครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2010
  8. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    อนุโมทนา ล่วงหน้าแล้วกันนะครับ
     
  9. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 2 ประจำปี 2553

    ยินดีต้อนรับ คุณบุญชนะ


    รับจำนวน: 15 ท่าน
    1) คุณเอ๋
    2) คุณบุญชนะ

    ยอดผู้สมัคร จำนวน 2 ท่าน
    ยอดคงเหลือ จำนวน 13 ท่าน

    ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ
     
  10. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 2 ประจำปี 2553

    ยินดีต้อนรับ คุณจิตรักษา

    รับจำนวน: 15 ท่าน

    1) คุณเอ๋
    2) คุณบุญชนะ

    3) คุณจิตรักษา

    ยอดผู้สมัคร จำนวน 3 ท่าน
    ยอดคงเหลือ จำนวน 12 ท่าน

    ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ
     
  11. หนุ่ม01

    หนุ่ม01 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +39
    กำหนดการ:
    วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 10.00 น. - 17.00 น.

    จ๊าก จัดวันอาทิตย์
     
  12. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    รับทราบครับ จากการสอบถามญาติธรรมหลายๆ ท่าน เห็นควรให้เปลี่ยนกำหนดการจากเดิม วันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ. 53 ไปเป็นวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. 2553 แทนครับ
     
  13. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ประกาศ ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์
    เรื่อง เลื่อนกำหนดการจากเดิมวันอาทิตย์ที่ 21 ก.พ. 53 ไปเป็นวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. 53 แทน

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน
     
  14. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ประกาศ เปิดรับสมัครนักปฏิบัติธรรมรุ่นที่ 2 ประจำปี 2553

    กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่สนใจและตั้งใจจริงทุกๆ ท่าน

    จำนวนที่รับ: 15 ท่าน

    วัตถุประสงค์:
    1) เพื่อพบปะ สนทนา และสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัลยาณมิตร
    2) เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และปฏิบัติสมาธิแบบ TM และแบบกรรมฐาน-วิปัสสนา
    3) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนนักปฏิบัติธรรมให้มีความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงร่วมกิจกรรมสร้างบุญกุศลและสาธารณประโยชน์แก่สังคม

    กำหนดการ:
    วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 10.00 น. - 17.00 น.

    กิจกรรม:
    09.30 น. พบปะ แนะนำ สนทนา แบบพี่ๆ น้องๆ
    10.00 น. บรรยายเรื่อง: โครงการจิตอาสา
    11.00 น. นั่งสมาธิแบบ TM
    12.00 น. พักทานอาหารกลางวัน (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
    13.00 น. บรรยายเรื่อง: แก่นธรรม
    14.00 น. นั่งสมาธิแบบกรรมฐาน-วิปัสสนา
    15.00 น. สอบอารมณ์

    สถานที่:
    98/318 หมู่บ้านลัดดารมย์ ปิ่นเกล้า ถนนวงแหวนรอบนอก ต. บางคูเวียง อ. บางกรวย จ. นนทบุรี แผนที่ตามแนบ

    [​IMG]

    สถานที่ตั้ง
    1) เส้นทางหลัก คือ ถนนกาญจนาภิเษก หรือวงแหวนรอบนอก
    2) อยู่ตรงข้ามกับ เทสโก โลตัส บางใหญ่
    3) ก่อนถึงที่หมาย สังเกตุ ป้ายปั้มน้ำมัน ปตท. (ปั้ม jet เดิม) ถัดจากปั๊ม ปตท. ประมาณ 100 ม. จะถึง หมู่บ้านพฤกภิรมย์ก่อน ถัดไปอีก 200 เมตร ก็จะถึง หมู่บ้านลัดดารม์ ปิ่นเกล้า (จะมีป้ายตัวโตๆ บอกไว้)
    4) อย่าลืมบอก บ้านเลขที่ แก่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย: 98/318 ซอย 2/18


    หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ คุณภราดรภาพ 081-808 6695[/QUOTE]
     
  15. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 2 ประจำปี 2553

    ยินดีต้อนรับ คุณ MIKE

    รับจำนวน: 15 ท่าน
    1) คุณเอ๋

    2) คุณบุญชนะ
    3) คุณจิตรักษา
    4) คุณ MIKE

    ยอดผู้สมัคร จำนวน 4 ท่าน
    ยอดคงเหลือ จำนวน 11 ท่าน

    ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ

     
  16. jeeramo

    jeeramo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ชื่อ จีราค่ะ
    สมัครด้วยค่ะ สนใจค่ะ
     
  17. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 2 ประจำปี 2553

    ยินดีต้อนรับ คุณจีรา

    รับจำนวน: 15 ท่าน
    1) คุณเอ๋
    2) คุณบุญชนะ

    3) คุณจิตรักษา
    4) คุณ MIKE
    5) คุณจีรา

    ยอดผู้สมัคร จำนวน 5 ท่าน
    ยอดคงเหลือ จำนวน 10 ท่าน

    ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ


    คุณจีรา รบกวนติดต่อกลับผมด้วยครับ 081-808 6695
    เพื่อสอบถามข้อมูลและความต้องการนิดหน่อยครับ



     
  18. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD>
    บทความให้ลองวิเคราะห์


    เทวดาประจำตัว เทพพรหม องค์ใน ญาณบารมี คนทรงเจ้า คนมีองค์ คืออะไรกันแน่?

    ยากนักที่จะได้เกิดเป็นคน คนนั้นเป็นสัตว์ประเสริฐที่เกิดได้ยากยิ่ง คนเราทุกคนจึงมีค่ามาก เราเกิดมาหลายชาติภพ บางภพไม่ใช่ภพมนุษย์ เช่น ภพนรก ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาได้ บางภพเช่นภพสวรรค์ เห็นความสวยงามไม่ค่อยเห็นอนิจจัง จึงยากนักที่จะละคลายกิเลส บางชาติ เกิดเป็นสัตว์บำเพ็ญไม่ได้ บางชาติเป็นตาบอด อ่านหนังสือไม่ได้ บางชาติ ไม่มีศาสนาสอนมนุษย์ จึงไม่เข้าใจธรรม ดังนั้น ได้เกิดเป็นคนปกติ มีพระพุทธศาสนาจึงยากยิ่งแล้ว ดังนั้น ระบบการดูแลสามภพ จึงจัดให้คนนั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเทวดาบนสวรรค์ แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น สัตว์นรก ได้รับการลงโทษแทนการดูแล สัตว์เดรัจฉาน ได้รับการปล่อยไปตามยถากรรม ให้กินกันเอง ชดใช้กรรมกันเอง เพื่อบรรเทากรรมที่มีต่อกันให้เบาบางก่อนมาเกิดเป็นคน เมื่อได้มาเกิดเป็นคนแล้ว จึงจะมี “เทวดาประจำตัว” เพื่อคอยดูแล และเทวดาประจำตัวเหล่านี้ จะมีจำนวนมากกว่ามนุษย์ (เพราะมนุษย์เกิดได้ยาก จึงมีจำนวนน้อย) เทวดาประจำตัวจึงต้องมีเวรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาบำเพ็ญบุญบารมี โดยมีพระอินทร์ เป็นผู้จัดสรรที่สำคัญที่สุด ให้เทวดาในชั้นดาวดึงส์ (สวรรค์ชั้นที่สอง) ซึ่งเป็นบริวารของท่านลงมาทำกิจ ในขณะที่ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งปกครองสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับพื้นโลก จะไม่ได้รับผิดชอบเรื่องเทวดาประจำตัว เพราะท่านจะดูแลพื้นที่เขตต่างๆ ทั้งดินน้ำและอากาศของโลก ในรูปของการดูแลจัดการเจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขาแทน ซึ่งเป็นการปกป้องคุ้มครองด้วยการอ้างอิงตามอาณาเขต ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล นับเป็นคนละกิจกัน เทวดาประจำตัว จะมาตั้งแต่ตอนจุติ เพราะต้องคอยระวังปกป้องไม่ให้เจ้ากรรมนายเวรรบกวนทำลาย จิตที่จุติฟักตัวในรูปตัวอ่อนในท้องแม่ เพราะง่ายต่อการตายมาก ถ้าเทวดาประจำตัวทำงานได้ดี การตายในท้อง แล้วจุติใหม่ซ้ำๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น จวบจนกระทั่งถึงวาระสิ้นอายุขัย เทวดาประจำตัวก็จะออกไป เปิดโอกาสให้ยมทูตหรือเทวทูตมารับตัวแทน ซึ่งจะเป็นเทวดาอีกชุดหนึ่ง คนละชุดงานกัน ลงมาทำหน้าที่รับช่วงต่อนี้

    เมื่อคนเกิดมา พระอินทร์จะจัดเวรเทวดาชั้นดาวดึงส์มาดูแลเรา เช่น ที่เรียกว่า แม่ซื้อ ฯลฯ โดยนำเทวดาที่มีกรรมเกี่ยวข้องกับเรามาดูแลเรา จะไม่สะเปะสะปะสับสน ไม่สุ่มมั่วซั่ว เพราะการที่คนที่ไม่มีบุญกรรมต่อกัน มาสร้างบุญกรรมกันระหว่างชาติภพนี้ จะก่อให้เกิดกรรมใหม่ๆ ที่ต้องไปชดใช้กันยุ่งเหยิงมากขึ้น ส่งผลให้การบรรลุธรรมนั้น ต้องมีชาติภพยืดยาวออกไป เพราะต้องใช้ชดใช้เวรกรรมกันให้หมดนั่นเอง ดังนั้น เทวดาประจำตัวเราจึงมาจากคนที่เคยช่วยเหลือจุนเจือ มีบุญสัมพันธ์กับเรามาทั้งสิ้น ตามแต่วาระที่พระอินทร์จะจัดสรรลงมา ได้แก่ พ่อแม่ปูย่าตายายของเราที่ตายไปแล้วจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทั้งหลายนั่นเอง ทั้งนี้ โปรดเข้าใจว่าเทวดาชั้นยามา จะไม่มาทำกิจนี้มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะปฏิบัติธรรมภาวนากันมาก ไม่ค่อยยุ่งกันเรื่องทางโลกเหมือนเทวดาชั้นที่สอง ส่วนเทวดาชั้นที่สี่สูงขึ้นไป คือ ดุสิต ก็จะไม่มาทำกิจเล็กๆ น้อยๆ นัก การที่ลงมาดูแลคนเป็นคนๆ จึงไม่ควรเป็นกิจของพระโพธิสัตว์แห่งดุสิตสวรรค์ เพราะท่านจะรับกิจภาพกว้างมากกว่านั้น เอื้อต่อสรรพสัตว์จำนวนมาก คราวละมากๆ มากกว่านั้น ในขณะที่ชั้นสูงบกว่าดุสิตขึ้นไป จะไม่สนใจมาช่วยเหลือมนุษย์นัก อันได้แก่ ชั้นนิมารดี และปรนิมมิตวสวัตตี ทั้งสองชั้นนี้ เป็นชั้นของมาร ที่มีแต่เห็นแก่ตัวเป็นสำคัญ

    ดังนั้น ทุกคนจึงมีเทวดาดูแลประจำอยู่แล้วทั้งสิ้น แต่จะไม่เรียกว่ามี “องค์ใน” บุคคลที่จะถูกเรียกว่า “มีองค์” หรือมีเทพชั้นสูงๆ มาดูแล ก็ต่อเมื่อเขาถึงวาระแห่งการบำเพ็ญเพียรภาวนาแล้ว เบื้องบนก็จะส่งเทพพรหมที่มีฤทธิ์มาก แตกต่างกันลงมาคุ้มครองดูแล และทำกิจมากกว่าเทวดาประจำตัว เพราะมีอิทธิฤทธิ์ส่งผลต่อชีวิตของคนมีองค์ได้มาก และเทพพรหมเหล่านี้ จะมี “กิจเฉพาะ” ที่ได้รับจากเบื้องบนลงมากระทำต่อบุคคลนั้นๆ ดังนั้น จึงมีผลให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างมากนั่นเอง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม จู่ๆ วิถีชีวิตเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายระทันหันในระยะเวลาสั้นๆ และถูกทักว่า “มีองค์ใน”

    เทพพรหม ฯลฯ ที่ลงมาทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้คนนั้น มีกิจเฉพาะหลากหลายมาก ดังที่ได้เกริ่นมาว่าแต่ละองค์มีฤทธิ์และกิจเฉพาะที่รับมาจากเบื้องบนต่างกันไป ในบรรดาเทพพรหมที่ลงมาทำกิจเหล่านี้ สามารถจำแนกได้ออกเป็นสามกลุ่ม คือ

    ๑) กลุ่มสมณเทพ

    คือ กลุ่มที่มีเทพสองประเภทลงคุ้มครองดูแลหรือทำกิจ ได้แก่ กลุ่มพระสมณะ (เทพที่มีลักษณะเป็นพระตัดกามไร้เพศบำเพ็ญภาวนาทางพุทธะ) และกลุ่มเทพพรหม หรือเทพที่มีฤทธิ์ต่างๆ แต่ไม่ได้ละเพศ ยังมีกามกิเลสตามปกติ กลุ่มคนที่จัดว่ามีองค์ในแบบ “สมณเทพ” นี้ จะถือว่ามีทั้งสองแบบ ดังนั้น จะสามารถล่วงรู้ด้วยญาณของตนได้ว่า ผู้ใดมีองค์ในแบบเทพพรหม และผู้ใดมีองค์ในแบบสมณะดูแลอยู่ สามารถบริหารจัดการคนที่มีองค์ได้ทั้งสองแบบ ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนน้อย และมีแนวทางในการบำเพ็ญภาวนาที่แตกต่างกัน

    ๒) กลุ่มพระสมณะ

    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภทพระสงฆ์ ผู้ตัดกาม ละเพศ บำเพ็ญภาวนาจิตเพื่อพุทธะเพียงอย่างเดียวคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือสอนธรรม หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ กลุ่มนี้ หากได้รับการคุ้มครองก็จะพบปาฏิหาริย์ เช่น รอดตายหวุดหวิด หากได้รับการสอนธรรม ก็อาจได้เห็นนิมิตที่แฝงปริศนาธรรม หรือได้ยินเสียงทิพย์ หากกำลังถูกปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็จะถูกบีบเค้นอย่างหนักให้เข้าสู่ทางธรรมแต่ฝ่ายเดียว ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเลย สำหรับคนที่มีองค์ในแบบสมณะเหมือนกัน มักมองกันก็เข้าใจ คุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย ในกลุ่มนี้ มักเป็นผู้นิยมเข้าวัดประจำๆ และนับถือพระมาก เช่น องค์ในเป็นหลวงปู่ทวด

    ๓) กลุ่มเทพพรหม

    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภท มหาเทพฮินดู, พรหม, เทพจีน ฯลฯ ผู้ยังมีกาม มีเพศอยู่มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ แต่ปกติ จะไม่มีหน้าที่สอนธรรมะ ยกเว้นบางองค์ที่มีปางอวตารเป็นโพธิสัตว์ เช่น องค์ศิวะ, องค์อุมา (บางปางก็คือพระกวนอิม) เป็นต้น หากมีองค์ที่มีปางอวตารแบบนี้ จะมีการสอนธรรมได้ แต่หากไม่มีก็จะไม่สามารถสอนธรรมได้ จะบำเพ็ญเพียรช่วยเหลือคนในด้านอื่นๆ เช่น ช่วยในมูลนิธิต่างๆ ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ มักได้รับการช่วยเหลือแบบพิเศษจากเทพพรหมก่อน แต่หากไม่ทำความดีเลย สุดท้าย เทพพรหมจะถูกเรียกกลับ แล้วปล่อยทิ้งให้ร่างนั้น ถูกเจ้ากรรมนายเวรและภูตผีต่ำช้าอื่นๆ รุมทึ้งเอาแทน ดังนั้น หลายท่านจึงมักบอกว่าอย่าไปรับขันธ์ อย่าเป็นร่างทรง ด้วยเหตุนี้ แท้แล้วการรับขันธ์ไม่ใช่การเป็นร่างทรง ส่วนบุคคลที่เป็นร่างทรงนั้น คือ “อาชีพ” อุปมาเหมือนพระ ที่ไม่มีอาชีพ แต่หากทำตัวเรียกเก็บเงินค่าช่วยเหลือผู้อื่น ก็กลายเป็นอาชีพไป คนที่รับขันธ์ ไม่ควรเป็นร่างทรง แต่ควรบำเพ็ญบารมีช่วยเหลือคนไป โดยไม่สนใจเรื่องเงินและอาชีพ แล้วสุดท้ายจะดีเอง

    ๔) กลุ่มนอกรีต

    คือ กลุ่มสุดท้ายที่เข้ามาครอบงำจิตของคน หลังจากที่ร่างเปิดรับจิตวิญญาณอื่นแล้ว จะปิดได้ยาก หรือปิดเองไม่ได้ เมื่อหลงทะนงตนเย่อหยิ่ง มักจะถูกทอดทิ้งจากเทพพรหมองค์ก่อน เพราะพฤติกรรมที่ตกต่ำเป็นเหตุให้เทพชั้นสูงๆ ไม่สามารถมาช่วยได้ เมื่อท่าจากไป บรรดาเจ้ากรรมนาย
    เวร สัมภเวสี</PERSONNAME> เปรต สัตว์นรก ฯลฯ ก็มาเข้าร่างแทน ซึ่งยังผลให้ชีวิตพบกับความวิบัติหายนะในที่สุด เหล่านี้ รวมเรียกว่า “จิตวิญญาณนอกรีต” เพราะไม่ได้อยู่ในการดูแลบริหารจัดการของเบื้องบน แต่เกิดจากการ “ลักลอบ” หนีจากนรก แล้วมาสิงสู่อาศัยร่วมกับคนเท่านั้นเอง ซึ่งบางท่านถึงกับต้องกลายเป็นปอบ

    คำว่า “ญาณบารมี” ก็เกิดจากการสัมผัส คนมีองค์ต่างๆ นี่เอง เพื่อดูว่าแต่ละท่านมีองค์ใดช่วยอยู่ ในที่นี้ของให้เข้าใจว่า องค์เทพใหญ่ๆ จะไม่ลงมาทั้งองค์ แต่จะแบ่งส่วนบารมีท่านลงมา เรียกว่า “ญาณบารมี” ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงพบคนที่มีองค์เหมือนกันหลายคน เพราะเป็นการแบ่งญาณบารมีของเทพใหญ่ๆ มาช่วยคนพร้อมกันจำนวนมากๆ เท่านั้นเอง ในการบำเพ็ญให้จิตเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเหล่านี้ ให้ระลึกเสมอว่าเราคือท่าน ท่านคือเรา จึงจะราบเรียบ ไม่เกิดการยื้อดึงของร่าง การสั่นของร่าง อย่างที่เราเห็น “คนทรง” เป็นกัน คนที่บำเพ็ญถูกต้องแบบพราหมณ์ฮินดู คือ เข้าใจว่าเราเหมือนอาตมัน เทพเหมือนปรมาตมัน ก็จะหลอมรวมทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว ทำกิจได้เหมือนคนปกติ อย่างราบเรียบกลมกลืน ไม่กระตุก ไม่สั่น ไม่ใช่ร่างทรง และสามารถดึงความสามารถพิเศษที่องค์เทพนั้นๆ มีมาใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง

    อนึ่ง พึงเข้าใจว่า เราและจิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้นคนละส่วนกัน แต่จิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้น มักพูดเสมอว่า เราคือท่าน และท่านคือเรา เพื่อให้เราหลอมรวมแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ท่าน และท่านจะทำกิจได้ง่าย ไม่ขัดขืน ไม่ลังเล หรือยื้อกันไปมาระหว่างจิตสองดวง ดังนั้น หลักการบำเพ็ญของพราหมณ์ฮินดูจึงมักพูดถึงการหลอมรวมระหว่างอาตมัน และปรมาตมันด้วยเหตุนี้ เพื่อเปิดทางให้เทพเบื้องบนทำงานกับเราได้สะดวกนั่นเอง และเราก็จะดึงพลังของเทพที่ท่านมีอยู่ ที่เบื้องบนประทานมาให้นี้ นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต ประกอบกิจการงานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น แต่ทว่า ต้องไม่หลงตัวเอง ไม่หลงลืมไปว่า เราก็ส่วนหนึ่ง คือ อาตมัน และเทพก็ส่วนหนึ่ง คือ ปรมาตมัน (ปรมาตมัน หมายถึง เทพมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณไหนก็ตาม เพราะรับคำสั่งเดียวกันมาจากเบื้องบน แม้จะทำกิจต่างกัน รูปนามต่างกัน) ซึ่ง คนส่วนใหญ่ที่มีอัตตา ตัวกูของกู มากแล้ว มักพบกับความวิบัติภายหลัง เพราะนิยมยึดถือว่าตนเองเป็นเทพยิ่งใหญ่มีฤทธิ์มากอยู่คนเดียว ผู้อื่นไม่ใช่ ผู้อื่นเป็นตัวปลอมผิดไปหมด (ทั้งๆ ที่เทพท่านแบ่งญาณบารมีได้ จึงโปรดช่วยคนได้หลายคนพร้อมกัน) สิ่งนี้ต้องระวังให้มาก เมื่อใดก็ตามหลอมรวมจิตคิดว่าเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ต้องไม่ยึดเป็นอัตตา

    ญาณบารมี มากหรือน้อย เทพจะองค์ใหญ่องค์น้อยนั้นไม่สำคัญเท่ากับการบำเพ็ญของเรา ยกตัวอย่างเช่น พระนารายมาช่วยคนๆ หนึ่ง ท่านเป็นเทพใหญ่มาก แต่หากบำเพ็ญด้อยแล้ว ตัวเองก็จะแย่ ไปสู้กับคุณไสย ก็ถูกคุณไสยเข้าตัวเสียอย่างนั้น สุดท้ายไม่ได้เป็นผลดีเลย ในขณะที่คนอีกคนหนึ่ง มีองค์พิฆเนศ ซึ่งเป็นมหาเทพระดับลูกของพระมหาเทพทั้งสาม (นับว่าอิทธิฤทธิ์รองลงมา) แต่ผู้นั้นคิดสร้างสรรค์งานเพื่อพุทธศาสนา แล้วด้วยบารมีแห่งองค์เทพพิฆเนศ เป็นองค์เทพแห่งความสำเร็จ ท่านลองไตร่ตรองดูเถิดว่าคนประเภทที่สองที่ได้รับองค์พิฆเนศซึ่งรองจากมหาเทพทั้งสามนี้ อิทธิฤทธิ์แม้น้อยกว่าองค์นารายนี้ กลับได้บุญบารมีมากกว่า เพราะช่วยงานพุทธศาสนาจนสำเร็จ ในขณะที่คนแรก ไปต่อสู้กับมนต์ดำ จนตัวเองต้องถลำเข้าไปสู่วังวนการต่อสู้ทางจิต แทบไม่ได้บุญอะไรเลยในบางครั้ง เพราะเอาแต่ปะลองฤทธิ์กัน เช่นนี้ จึงกล่าวได้ว่า เทพองค์ใหญ่หรือเล็กนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวเราทำอะไร หากมีองค์เทพอยู่ด้วย ขอให้ดึงพลังของท่านมาใช้ ให้เกิดประโยชน์สุขให้มากที่สุด ไม่ใช่ใช้ไปนอกลู่นอกทาง ซึ่งยังผลให้บั้นปลายสุดท้าย ต้องรับกรรมอย่างหนักหนาสาหัส ไม่เป็นผลดีต่อตนเองเลย

    การดึงญาณบารมีลงมาประทับ และการดึงญาณบารมีกลับ ในบางครั้ง จำเป็นต้องทำ เพื่อปรับให้การบำเพ็ญสมดุลไม่มากไม่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่น บางท่านมีญาณบารมีแบบสมณเทพ คือ มีทั้งพระสมณะและเทพพรหม หากมีเทพพรหมมากช่วงไหน ก็บำเพ็ญบารมีมาก หากมีพระมากช่วงไหนก็ปฏิบัติจิตมาก บางครั้ง จำต้องปรับญาณบารมีให้ตัวเอง เช่น การไปวัด ทำบุญ สัมผัสพระธาตุ ไหว้พระธาตุ เหล่านี้ทำให้ญาณบารมีฝ่ายสมณะเพิ่มขึ้น (หากต้องการ) หรือ การไปทำพิธีพราหมณ์ ไหว้องค์เทพ ทำให้ญาณบารมีองค์เทพมากขึ้น (หากต้องการ) บางท่านมีพลังจิตพิเศษสามารถติดต่อสื่อสารกับเบื้องบนได้ และอัญเชิญญาณบารมีองค์เทพต่างๆ ลงมาประทับคุ้มครองผู้คนได้ และบางท่านก็สามารถดึงญาณบารมีขององค์เทพกลับได้ หากพบว่ามากเกินไป หลงเกินไป หรือเดินทางผิดพลาด ก็สามารถดึงญาณบารมีเก็บกลับได้เช่นกัน ซึ่งบุคคลผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ได้แท้จริง มีจำนวนน้อย และมักถูกมองหาว่าบ้า เพราะทำหน้าที่ในกิจที่ตาเนื้อมองไม่เห็น ที่เรียกว่า “อนุตรธรรม” ซึ่งจะมีเรื่องของการเปิดจิตญาณต่างๆ นั่นเอง


    </TD></TR><TR><TD align=right>โดย physigmund_foid</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 2 ประจำปี 2553

    ยินดีต้อนรับ คุณโบ

    รับจำนวน: 15 ท่าน
    1) คุณเอ๋
    2) คุณบุญชนะ
    3) คุณจิตรักษา

    4) คุณ MIKE
    5) คุณจีรา
    6) คุณโบ

    ยอดผู้สมัคร จำนวน 6 ท่าน
    ยอดคงเหลือ จำนวน 9 ท่าน

    ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ
     
  20. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ขอคั่นรายการนิดนึงนะคะ.....


    ขออภัยหากเป็นการรบกวน

    ขอเชิญร่วมลงนะ รับศักราชใหม่มหามงคล รับโชคลาภ สำเร็จสมปรารถนา กับหลวงปู่คำเป็ง
    กระทู้ลงนะ...
    http://palungjit.org/forums/%E0%...ml#post2808212
     

แชร์หน้านี้

Loading...