จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
     
  2. จิตบุญ ๑๐๗

    จิตบุญ ๑๐๗ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +65
    ความว่างที่รองรับพระพุทธคุณ

    [​IMG][​IMG]
    สุญญตาสูตร
    กล่าวถึงสมาธิในแนวจิตว่าง
    โดยท่าน พระคุณเจ้าดาบส สุมโน
    ๘ .ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอิก ภิกษุไม่ใส่ใจจำหมายว่า อะไรๆ นิดหนึ่งก็ไม่มี ไม่ใส่ใจจำหมายว่ามีอยู่ก็ใช่ไม่มีอยู่ก็ใช่ ใส่ใจแต่สิ่งเดียวเฉพาะความว่างไม่มีนิมิต เพราะไม่ทำในใจถึงนิมิต จิตของเธอย่อมแล่นไป เลื่อมใส ตั้งมั้น และนึกน้อมอยู่แต่ความว่างเปล่าไม่มีนิมิต เธอจึงรู้ชัดอย่างนี้ว่า สมาธิอันไม่มีนิมิตนี้แล ยังมีเหตุปรุงแต่งจูงใจได้ ก็สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่มีเหตุปรุงแต่งจูงใจได้นั้น ไม่เทียง มีความดับไปเป็นธรรมดา เมื่อเธอรู้อย่างนี้ เห็นอย่างนี้ (จิตของเธอย่อมถอนอุปาทาน ไม่เข้าไปยึดถือแม้ใดๆ ทั้งฝั่งและมิใช่ฝั่ง) จิตของเธอย่อมหลุดพ้นแม้จากเครื่องหมักหมมคือกาม แม้จากเครื่องหมักหมมคือภพ แม้จากเครืองหมักหมมคือ อวิชชา เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรมจรรย์จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มี เธอจึงรู้ชัดอย่างนี้ว่า ในญาณนี้ ไม่มีความกระวนกระวายชนิดที่หมักหมมคือกาม ชนิดที่อาศัยความหมักหมมคือภพ ชนิดที่อาศัยความหมักหมมคืออวิชชา มีอยู่ก็แต่เพียงความกระวนกระวายคือความเกิดแห่งอายตน ๖ อาศัยกายนี้เอง เพราะชีวิตเป็นเหตุ เธอรู้ชัดว่า ความจำหมายอันนี้ ว่างจากความหมักหมมคือกาม ความจำหมายอันนี้ ว่างจากความจำหมายคือภพ ความจำหมายอันนี้ ว่างจากความจำหมายคืออวิชชา และรู้ชัดว่า มีไม่ว่างอยู่ก็คือ ความเกิดแห่งอายตน ๖ อาศัยกายนี้เอง เพราะชีวิตเป็นเหตุ ด้วยอาการอย่างนี้แหละ เธอจึงมองเห็นความว่างนั้นด้วยสิ่งที่ไม่มีอยู่ในสมาธิเลย และรู้ชัดสิ่งที่เหลืออยู่ ว่ายังมีอยู่ ดูกรอานนท์ แม้อย่างนี้ ก็เป็นการก้าวลงสู่ความว่างเปล่าตามความเป็นจริง ไม่เคลื่อนคลาด บริสุทธิ์ ของภิกษุนั้น ฯ

    ดูกรอานนท์ สมณะหรือพราหมณ์ใดในอดีตกาล ไม่ว่าพวกใดๆ ที่บรรลุสมาบัติคือความว่างอันบริสุทธิ์เยี่ยมยอดอยู่ ทั้งหมดนั้น ก็ได้บรรลุสมาบัติคือความว่างอันบริสุทธิ์เยี่ยมยอดนี้เองอยู่ สมณะหรือพราหมณ์ใดในอนาคตกาล ไม่ว่าพวกใดๆ ที่จักบรรลุสมาบัติคือความว่างอันบริสุทธิ์เยี่ยมยอดนี้เอง ทั้งหมด ดูกรอานนท์ เพราะฉะนั้นแล พวกเธอพึง ศึกษาไว้อย่างนี้เถิดว่า เราจักบรรลุสมาบัติ คือความว่างอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ฯ
    จบสุญญตาสูตร
    ข้อความที่ควรรู้
    ความแห่งสุญญตาสูตรนี้ ชี้มองให้เห็นความว่างและความไม่ว่างแห่งจิต ได้ชัดเจนเป็นอย่างดี เพราะท่านเทียบเคียงให้เห็น ให้รู้สึกในความว่างและไม่ว่างแต่ข้อต้น ตั้งแต่หยาบสืบเลื่อนเข้าไปหาประณีต ตามลำดับ เป็นทอดๆ จนถึงสุดท้ายจิตว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย โดยที่สุดแม้อาสวะกิเลสก็ปราศจากว่างเปล่าไปด้วย พระสูตรๆ นี้ยังชี้ให้เห็นผลจริงก่อนที่จะเริ่มลงมือปฏิบัติอีกด้วย นักเรียนที่เรียนหนังสือ เริ่มจำแต่ ก. ข . ก . กา ยังเป็นการเริ่มที่ยากกว่าเสียอิก และเมื่อผู้ปฏิบัติลงมือปฏิบัติไป ก็สะดวกสบาย เพราะมีความเกียวเนืองกันไปตามลำดับเป็นทอดๆ เหมือนเดินทางราบในที่สว่างเส้นเดียวมีระยะสืบต่อๆกันไป หรือเหมือนชาวบ้านผู้นอนหลับอยู่ในเรือน พอรู้สึกตัวตื่นเปิดตาขึ้นก็เห็นมุ้ง เปิดมุ้งก็เห็นฝาเห็นหลังคา เปิดฝาเปิดหลังคาก็เห็นฟ้า เลื่อนระดับขึ้นไปอย่างนี้
    (อาศรมไผ่มรกต.com)
    [/URL]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=CKDwsFbq1_c]ขอใจเธอแลกเบอร์โทร - หญิงลี ศรีจุมพล【OFFICIAL MV】 - YouTube[/ame]

    ฮัลโลวันหยุดจร้าาา...ขอคั่นรายการธรรมมะ ด้วยเพลงฮิตติดชาร์จ เพลงนี้น่ะค่ะ...เดี๋ยวจะหาว่ากระทู้จิตพร้อมฯ..เชย...อิๆๆ...ก็บอกแล้วว่า..รอบนี้มอบให้คุณพี่ลินดาจ้า..:cool:

    ปล.ได้ยินเสียงเพลงทีไร...ทำให้คิดถึงคุณพี่พอใจทุ๊กที....({)({)({)
     
  5. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=GkSu57ZfOzQ]หญิงลั้ลลา - หญิงลี ศรีจุมพล【OFFICIAL MV】 - YouTube[/ame]

    hp_dayหรรษาวันหยุด.pig_ballet..ขอแถมอีกสักเพลงก็แล้วกันน่ะค่ะ...คุณพี่ลินดา...เชิญหน้าฮ้านเลยคร้าาา...คิๆๆๆ...dannce_dannce_dannce_
     
  6. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    โอ๊ยเต้นจนเหนื่อย หิหิ น้องเกษเค้าเชิญเชิญมา ขัดไม่ด้าย ขอบใจนะน้องคอยคนมาชงนานแร ะ ลุคประมาณฯ๊็นี้ พอไหวมะน้อง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lk.bmp
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      71
    • imagesCA71TKGZ.jpg
      imagesCA71TKGZ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.6 KB
      เปิดดู:
      47
  7. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า...แจ่มเลยจ้า...คุณพี่...คิๆๆ:cool:
     
  8. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของไม่ยาก

    ๑. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ

    ๒. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)

    ๓. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ

    ๔. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหมในชาติต่อไป

    ทุกท่านเห็นนิพพานแล้ว ตั้งใจไปพระนิพพานโดยเฉพาะ เท่านี้ทุกท่านจะหนีอบายภูมิพ้น และไปพระนิพพานได้ในที่สุด


    หมายเหตุ : เทศน์ที่ "เทวสภา" วันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๓๕ เวลา ๘.๐๐ น. พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เมตตาเล่าให้ลูกหลานฟัง เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ เวลา ๒๑.๐๐ น.

    CR : FaceBook ศูนย์พุทธศรัทธา
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "เมื่อมีความพอใจ ย่อมมีตัณหา"

    ...ภุกษุทั้งหลาย,,,เปรียบเหมือนไฟกองใหญ่ พึงลุกโพลงด้วยไม้สิบเล่มเกวียน

    บ้างยี่สบเล่มเกวียนบ้าง สี่สิบเล่มเกวียนบ้าง...บุุรุษพึงตามหญ้าแห้งบ้าง มูลโคแห้งบ้าง

    ลงไปในกองไฟนั้น...ตลอดเวลาที่ควรเติม อยู่เป็นระยะๆ.

    ...ภุกษุทั้งหลาย...ด้วยอาการ อย่างนี้แล ไฟกองใหญ่ซึ่งมี เครื่องหล่อเลี้ยง

    อย่างนั้น...ก็จะพึงลุกโพลง...ตลอดการยาวนาน...

    -ข้อนี้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย...เมื่อภิกษุเป็ยผู้ปกติ...เห็นด้วยความเป็นอัสสาทะ

    (น่ารักน่ายินดี) ใน อุปาทานิยธรรม (ธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน) อยู่ตัณหา

    ย่อมเจริญ อย่างทั่วถึง...เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะมีอุปาทานเป็นปัจ

    จัย...จึงมีภพ เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะมีชาติเป็นปัจจัย...

    ...ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลายจึงเกิดขึ้นครบถ้วน...

    -ความเกิดขึ้นนั้นพร้อมกับกองทุกข์ทั้งสิ้น...ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้...

    ...คัดจากหนังสือพุทธวจน อินทรีสังวร (ตามดู...ไม่ตามไป) ขออนุญาตินำมาเป็นธรรม

    ทานเพราะ นี่คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า.น้อมกราบพระองค์ท่านทุกๆพระองค์เจ้าค่ะ...
     
  10. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ชีวิตใหม่ของหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก...

    "พิธอุปสมบทครั้งที่ ๒ ของท่านมีขึ้น เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๔๙๒ณ วัดนางบวช

    ต. นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ. สุพรรณบุริ มีพระครูแขก วัดหัวเขา เป็นพระอุปัชฌาย์

    พระสมุห์ทองย้อย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการไสว (พระครูประโชติปัญญาคุณ)

    เป็นพระอนุสาวนาจารย์...และท่านได้จำพรรษา ณ วัดบ้านทึง อ.สามชุก จ. สุพรรณบุรี

    ...วัดบ้านทึงในยุคนั้นใช้แม่น้ำท่าจีนเป็นทางสัณจร ไม่มีถนนใหญ่ๆ อย่างเช่นปัจจุ

    บัน วัดจึงอุดมไปด้วยต้นไม้ยืนต้น ร่มรื่นส่วนอีกทางหนึ่งเป็นป่าช้ามืดครึ้ม มีต้นยาง ต้นไทร

    ต้นเลียบ ต้นรังสูงใหญ่ เต็มไปหมด ในป่าช้ามีทั้งเผาเป็นกองฟอน และฝัง ซึ่งเรียกว่า...

    ป่าช้าผีดิบ...ในเขตป่าช้านั้นไม่มีใครที่จะใช้เป็นทางผ่านมากนัก นอกจากจำเป็นจริงๆ

    มีทางเดินทางเท้าเล็กๆผ่านทะลุ บางทีอาจมีจักรยานถีบผ่านมาบ้าง แต่เวลากลางคืนมีผู้

    เฒ่าผู้แก่เล่าว่าผีดุชมัด ในเวลาราตรีกาลแล้ว ถ้าจำเป็นต้องผ่านป่าช้าละก็...ต้องวิ่งอย่าง

    เดียว...บางคนเล่าว่า ขณะขี่จักรยานในความมืด ถ้ามีคนซ้อนท้ายก็แล้วไป แต่ถ้าไปคน

    เดียว...จะมีคนออกมาในเงามืดมาซ้อนท้ายหนักอึ้งเลยทีเดียวเลย เอาละเล่าแค่นี้ก่อนนะ

    คะเดี๋ยวจะมาเล่าต่อถ้าท่านผู้อ่านไม่เบื่อเสียก่อนค่ะ กราบหลวงปู่สังวาลย์เจ้าค่ะกราบๆๆๆ
     
  11. เสาวนีย์ วรสิริ

    เสาวนีย์ วรสิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +366
    เจดีย์พุดตาลค่ะที่อยู่หน้าหลวงพ่อเงินไหล
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ประวัติการสร้างพระเจดีย์พุดตาน

    โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ

    ท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้ตรงกับวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ เมื่อตอนเช้ามืด เวลาประมาณ ๙ นาฬิกาเศษๆ หลังจากทำงานจากหนังสือแล้ว ก็นอนพัก พอเริ่มภาวนา ก็มีพระท่านมาบอกว่า เรื่องการสร้างเจดีย์ก็ดี สร้างองค์พระปฐมก็ดี สร้างวิหารองค์พระปฐม ทั้งหมดนี้ ควรจะทำเป็นหนังสือไว้ เพื่อลูกหลานทั้งหลายจะได้มีความเข้าใจว่า สร้างทำไม ก็ขอนำเรื่องนี้มาคุยกันอันนี้ไม่มีตำรานะ คุยกันแบบธรรมดาๆ

    การสร้างเจดีย์ พุทธบริษัทและลูกหลานทุกคน โปรดทราบว่าเมื่อตอนต้นปี ๒๕๓๔ ตอนนั้นกำลังป่วยมาก เวลานี้ก็ป่วย แต่ว่าการป่วยคราวนั้นต่างกับเวลานี้ ถ้าถึงเวลา ๔ โมงเย็น มันจะเริ่มอาเจียนแล้วก็อาเจียนเรื่อยไป จนถึง ๔ ทุ่ม หลังจาก ๕ ทุ่มแล้วจึงนอนได้ เป็นอย่างนี้ทุกวัน การฉันอาหารก็ไม่ได้ฉันมาก บางทีพอกินน้ำไปหนึ่งแก้วก็อาเจียนออกมา ๓ แก้ว ท้องก็ผูก

    แล้วต่อมาก็มีโรคความดันสูงถึง ๑๖๐ และก็มีน้ำในปอด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อย่างนี้เป็นต้น ได้รับการทรมานทางร่างกายอย่างหนัก แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายไม่มีใครเคยคิดว่า เนื้อแท้จริงๆแล้ว เบื่อจริงๆ เวลานี้อยากจะหยุดทุกอย่างที่ทำเพราะว่าทั้งแก่และทั้งป่วย แต่ว่าในขณะนั้น มีวันหนึ่งตอนต้นปี ขณะที่เจริญภาวนาอยู่ ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆเป็นที่พอใจ เป็นที่สบายแล้วก็กลับพื้นที่

    เมื่อกลับพื้นที่ พอจะถอนสมาธิ ก็พอดีเห็นพระท่านมา ท่านบอกว่า คุณยังตายไม่ได้นะ ความจริงเวลานั้น หรือเวลานี้ก็ตาม อยากตายเต็มที่ ถ้าตายเมื่อไร ก็มีความสุขเมื่อนั้น เพราะมีบ้านอยู่ แต่ก็ลองอยู่คราวหนึ่งถอยหลังจากนี้ไป ๒๐ วันเศษๆ จะไปจริงๆ ประตูบ้าน

    ก็เป็นอันว่า พระท่านบอกว่า วัดยังไม่เสร็จ ยังตายไม่ได้ ประการที่สอง ทุนสำหรับบำรุงวัดและพระสงฆ์ภายหลัง ถ้ายังมีไม่พอ ยังตายไม่ได้ อย่างอื่นไม่สำคัญ แต่เรื่องทุน จะไปเกณฑ์ใครเขาต่างคนต่างก็มีทุกข์ ทุกคนต่างหากิน พอบ้างไม่พอบ้าง ที่เหลือกินเขาก็มี เขาจำเป็นต้องกิน ต้องเก็บไว้ใช้บ้างและท่านบอกว่า วัดยังขาดเจดีย์ คุณอย่าคิดนะว่า วัดนี่ทำครบถ้วนแล้วตามความประสงค์ของฉัน

    อย่าลืมนะ บรรดาท่านพุทธบริษัท วัดท่าซุงที่สร้างขึ้นนี้ไม่ได้สร้างตามความประสงค์ของอาตมา อาตมาเองหนีการก่อสร้างมาจากวัดบางนมโค เบื่อการก่อสร้าง หวังจะหาที่อยู่สงัด เมื่อเห็นวัดท่าซุงมีสภาพเหมือนวัดร้าง ก็คิดว่า วัดอย่างนี้ไม่ค่อยมีคนมา เราจะสร้างกุฏิสักหลังเดียวแบบกระต๊อบเล็กๆ ก็สบายใจแล้ว นั่นเป็นความประสงค์ของอาตมา แต่ที่ไหนได้ ต่อมาก็กลายเป็นความประสงค์ของพระ พระท่านมากะเนื้อที่ว่าต้องสร้างให้เต็มตามบริเวณนี้ มีเนื้อที่เท่านั้น สร้างรูปอย่างนั้น สร้างรูปอย่างนี้

    เวลานั้นสตางค์ก็ไม่มี เงิน ๑๐๐ บาทยังไม่เคยติดกระเป๋า จึงได้ถามท่านว่า จะสร้างได้อย่างไร ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ฉันจะช่วยหาสตางค์ ในเมื่อท่านรับปากจะช่วยก็ยอมรับทำ เมื่อทำมาถึงขั้นนี้ มันก็ใกล้จะเสร็จยังขาดอยู่วิหาร ๒๕ ไร่ยังไม่ได้ทาสี ทางเดินรอบ ๑๐๐ ไร่ยังไม่บรรจบกัน ถึงอย่างไรก็ดี ก็ต้องพบกันจนได้ ค่อยๆ ทำไปจนเสร็จ ถ้ายังไม่ตาย

    ท่านบอกว่า ที่คุณคิดว่าเสร็จ มันก็ยังไม่เสร็จ กุฏิไม้ที่สร้างไว้ในครั้งก่อน หลังโบสถ์ ให้รื้อขึ้นมาเป็นคอนกรีตให้หมดจะได้ไม่พัง และอีกประการหนึ่ง วัดต้องมีเจดีย์ เลยชี้ให้ท่านดูยอดวิหารว่า วิหารหรือมณฑปทุกหลัง มียอดทั้งหมด คล้ายเจดีย์อยู่แล้ว ท่านบอกว่า นั่นมันยอดวิหาร ยอดมณฑป ไม่ใช่ยอดเจดีย์ คุณต้องสร้างเจดีย์จึงจะครบถ้วน

    ก็เลยถามท่านว่า จะสร้างที่ไหน ผมไม่มีที่จะสร้าง ท่านบอกว่า สร้างที่ ๑๐๐ ไร่ก็ได้ เลยกราบเรียนท่านบอกว่า ถ้าที่ ๑๐๐ ไร่ไม่สร้าง ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าที่ ๑๐๐ ไร่ ปลูกต้นไม้ไว้เต็ม ต้องการให้เป็นป่า เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของคน และสัตว์ วันแรกตกลงกันไม่ได้ ท่านกำหนดสร้างพระเจดีย์ใหญ่มาก และก็สูงมาก

    ต่อมาวันที่สองท่านมาใหม่ ในเวลาเดียวกันคือเวลาประมาณเกือบตีสี่ เลิกเจริญกรรมฐาน ท่านก็มาพูดอีก อาตมาก็ไม่ยอมรับว่า ถ้าจะให้ผมซื้อที่ใหม่ ผมไม่ซื้อ ที่ที่เหมาะที่จะสร้างเจดีย์ไม่มี ถึงอย่างไรก็ตาม เจดีย์ใหญ่ขนาดนั้นผมไม่ทำแน่นอน ท่านก็นิ่ง แล้วท่านก็กลับไป

    คืนที่สาม พระท่านก็มาใหม่บอกว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน องค์ใหญ่ไม่ต้องทำ แต่ให้ทำองค์เล็กๆ แต่ต้องราคาแพง ถามพระท่านว่าราคาประมาณเท่าใด พระท่านก็ตอบว่า ไม่รู้ละ ฉันหาให้ทันก็แล้วกันเรื่องราคามันไม่แน่นอน เพราะของมันจะขาด ของมันจะขึ้นราคาภายหน้า ไม่ช้าของจะขาดมือลง ในท้องตลาดราคาจะสูงขึ้น ถ้ากำหนดราคาเวลานี้ก็ใช้ไม่ได้


    ก็เป็นอันว่าท่านยอมรับว่า ท่านจะหาเงินให้ทัน แล้วท่านก็สั่งบอกว่า ถ้าจะสร้าง เอาที่ตรงนี้นะ เอาที่ใกล้ๆ พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร ต้องทำให้สวย แล้วก็มีดอกไม้ แล้วดอกไม้ก็ปิดทอง ถามท่านว่าทำไมจึงต้องสวย ท่านบอกว่าเป็นการเจริญศรัทธาทุกอย่างที่ให้ทำนี่ ไม่ต้องการโอ้อวด ไม่ต้องการแข่งขันกับใคร จึงทำไม่เหมือนใคร ต้องการอย่างเดียว ให้ทุกคนที่มองเห็นแล้ว ติดตาติดใจว่า วัดท่าซุง มีอะไรบ้างที่เราชอบใจ ถ้าเวลาก่อนเขาจะตาย จิตเขานึกขึ้นมาว่า เราเคยเห็นวัดท่าซุงชอบใจตรงนั้นตรงนี้ ในขณะนั้นพร้อมกับเขาตายไป เขาจะไปสวรรค์ทันที

    อันนี้เป็นลีลาของพระท่าน ที่ต้องการให้คนไปสวรรค์ โดยใช้รูปแบบสวยๆ จึงเรียกนายช่างประเสริฐ กับจำเนียร แก้วมณี สองสามีภรรยาเป็นช่างประจำวัด ช่างปั้นพระ เรื่องความสวยงามต้องยกให้สองคนนี้ ก็มาปรึกษาหารือ ให้กะสถานที่ว่า ถ้าที่ตรงนี้จะสูงขนาดไหน เธอกะสถานที่แล้วก็บอกว่าที่ตรงนี้ จะสูงได้ก็ประมาณไม่ต่ำกว่าพระยืน เฉพาะยอดนะเอาถึงยอด ก็เป็นที่พอใจ

    ก็บอกกับเธอว่า เจดีย์นี้ต้องมีดอกพุดตานทั้งหมดปิดทองคำ ร่องพุดตานก็ปิดกระจกเงาขาวใส ห้ามใช้กระจกสีเพราะว่าไม่สวยเวลาสะท้อนแสงแดด ก็ตกลง เธอก็ใช้เวลาผ่านมานาน ใกล้ฤดูฝน เห็นจะเป็นเดือน พฤษภาคม ๒๕๓๔ ก็ลงมือทำ

    ก่อนที่จะทำก็มี คุณอภิชาติ สุขุมรู้ข่าว ก็ไปถ่ายภาพเจดีย์มาจากวัดต่างๆ วัดโพธิ์บ้าง วัดไหนบ้างก็ตาม เอามาหลายภาพเอามาให้เลือก เมื่อเลือกแล้ว ไม่เป็นที่พอใจของพระท่าน ทีนี้จึงให้ประเสริฐเขียนภาพมาสองภาพ แบบเรียบๆ กับแบบมีขั้นตอน เธอก็เขียนขึ้น พระท่านก็เป็นที่พอใจ

    ต่อมาเขาก็ลงมือสร้าง ส่วนล่างทั้งหมดจนถึงคอระฆัง เป็นเรื่องของประเสริฐกับจำเนียร ด้านคอระฆังเป็นเรื่องของเขา พระสามารถซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางนี้อยู่พอสมควร การก่อสร้างเจดีย์ก็เป็นอันเริ่มขึ้น

    พระเจดีย์นี้มีความสำคัญอย่างไร

    ก็ต้องขอตอบว่า ถ้าเฉพาะเจดีย์จริงๆ ก็มีความสำคัญ เพราะว่า พระเจดีย์เป็นองค์แทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็น พุทธานุสสติ ถ้าเราเห็นพระเจดีย์ เรานึกถึงพระสงฆ์ผู้สร้าง ก็เป็นสังฆานุสสติ เห็นพระเจดีย์ ภาพสวยงามเป็นภาพกุศล ตายก็ไปสวรรค์ทันที ถ้าจิตใจดีมีความมั่นคงมาก ก็ไปพรหมได้ นี้เฉพาะเจดีย์

    สำหรับการบรรจุสิ่งของในพระเจดีย์

    ก็มีพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระพุทธรูปทองคำ เทวรูป อีกมากมาย ตลอดจนแก้วแหวนเงินทอง เพื่อบูชาพระรัตนตรัย ยังมีสมบัติของพระเจ้าศรีธรรมปิฎกหรือพระเจ้าพรหมมหาราชในอดีต ซึ่งสร้างวัดและพระเจดีย์ระหว่างเขตพิษณุโลกกับเพชรบูรณ์ คณะคุณสันต์ ภู่กร แห่งจังหวัดพิษณุโลกขุดได้นำมาถวาย เพื่อบรรจุไว้ในพระเจดีย์พุดตาน

    แต่ก่อนที่จะซื้อมา ท่านบอกว่า ก่อนที่จะทำการขุดว่าคนที่เขาขุดพบ เขาขายเอกสิทธิ์ เขาขุดพบ เขาได้อะไรไปบ้างก็ไม่ทราบทีนี้คณะนี้ต้องการจะขุดต่อจากเขา เขาขายเอกสิทธิ์ของเขา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของเขา เขาขายให้ในราคาหลายหมื่นบาท จำไม่ได้ว่าสามหมื่นหรือสี่หมื่น ก่อนที่จะลงมือขุดก็ทำพิธีบวงสรวง เมื่อทำพิธีบวงสรวงเสร็จ เสียงใต้ดิน มีเสียงคึ่กคั่กๆ คล้ายๆ กับคนขนของจะหนี เสียงดังสะท้านขึ้นมาเหนือดิน คุณสันต์ ภู่กรบอกว่า ไม่ได้เอาไปไหนหรอก จะขุดไปถวายหลวงพ่อที่วัดท่าซุง เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระ ท่านก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ เพราะของนี้เป็นของสงฆ์ ก็ถือว่าไปถวายหลวงพ่อก็แล้วกัน

    พอบอกเพียงเท่านี้เสียงนั้นก็เงียบ แล้วก็ขุดได้ตามความประสงค์ เมื่อขุดๆ ไปแล้ว เธอก็มาแจ้งข่าวให้ทราบว่า ยังไม่ได้พระบรมสารีริกธาตุ ก็บอกว่าให้ไปบูชาใหม่ว่า พระบรมสารีริกธาตุอยู่ทางไหน ให้ตั้งใจขุดทางนั้น ก็เป็นอันว่าได้พระบรมสารีริกธาตุ ได้พระพุทธรูป เทวรูปมามาก

    ฉะนั้น เจดีย์องค์นี้จึงบรรจุของทั้งหมด ที่คณะคุณโยมสันต์ ภู่กร พิษณุโลก คณะของท่านนำมาเอาไว้ในเจดีย์องค์นี้ และก็ยังมีของอื่นอีกมาก ที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทบูชา ที่เป็นแก้วแหวนเงินทองบูชาพระรัตนตรัย ถ้าจะคิดราคาจริงๆ ราคาทั้งในเจดีย์และเจดีย์ ถ้าใครให้ ๕ ล้านหรือ ๑๐ ล้านก็ไม่ขาย ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะพระไม่มีอาชีพขายเจดีย์ พระไม่มีอาชีพขายพระพุทธรูป

    ก็รวมความว่าเจดีย์มีค่าสูงสุด ที่มีความสำคัญจริงๆ บรรดาท่านพุทธบริษัท ที่พระท่านมาจัดการสร้างเอง ท่านเคี่ยวเข็ญให้สร้าง เป็นความประสงค์ของท่าน เป็นการยากที่เราจะได้พบ และที่ท่านชี้ว่าต้องสร้างตรงนี้ เพราะบริเวณนี้เป็นที่มีพระสารีริกธาตุมาก สร้างทับลงไป กับวิหารพระพุทธเจ้าองค์ปฐมอีกหลังหนึ่งทับที่พระบรมสารีริกธาตุ ท่านขึ้น (เสด็จลอยขึ้นมาบนพื้นดิน)

    เวลาขึ้นมาลอยสวยอร่ามเหมือนกับดาวดวงใหญ่ ลอยเหนือยอดไม้อยู่บ่อยๆ ลอยวนไปวนมาแล้วก็กลับที่เดิม วิหารท่านก็สั่ง ต้องสร้างตรงนั้น ตรงนั้นก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ รถแทรกเตอร์ เวลาเกรดที่อยู่ดีๆ ถึงตรงนั้นดับ ไปไม่ได้ แต่ถอยสตาร์ทเครื่องติดเหมือนเดิม ทำงานอื่นได้พอถึงตรงนั้นเครื่องดับ ห้ามผ่าน..!!!

    เจดีย์พุดตานสร้างเสร็จและได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ อันเป็น "วันมาฆบูชา" พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้เป็นองค์ประธานการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัท เรื่องประวัติการสร้าง "พระเจดีย์พุดตาน" ก็ยุติกันเพียงเท่านี้...


    โมทนาสาธุ
    ข้าพเจ้าก็เพิ่งจะเคยเห็นและได้ยินชื่อคราวนี้ นี่แหล่ะ!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2013
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุ

    ข้าพเจ้าไปทำอะไร อยู่ที่ไหนมาเนี๊ย
    เพิ่งจะเคยเห็น เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อคราวนี้ นี่แหล่ะ
    ขอโมทนาสาธุกับคนนำเสนออีกครั้ง ก็คือ ครูเกษ(คนชี้สถานที่) ส่วนคนที่บอกชื่อถูกก็คือ ครูแนท
    แต่ต้องขอบใจคุณเสาวนีย์วร (แต่พิมพ์ชื่อผิดไปหน่อย) มาเน้นย้ำชื่ออีกครั้งนึง
    ข้าพเจ้าก็เลยนำเสนอเรื่องราวของการสร้าง พระเจดีย์พุดตาน

    ทั้ง ๓ ท่าน ก็พลอยได้อานิสงส์กับหลวงพ่อไปโดยปริยาย แบบเจ้าตัวก็ยังมิรู้ตัวเลย เห่อๆ
    มิใช่เป็นความบังเอิญแน่ๆ (นี่หลวงพ่อยังนั่งยิ้มข้างๆอยู่เลย สาธุๆๆ)

    เอ๊าพวกเรา พยายามจดจำชื่อพระเจดีย์พุดตาน ตามที่พระมาบอกกับหลวงพ่อในสมาธิให้ดีๆนะครับ
    แต่ถ้าใครนึกถึงพระเจดีย์พุดตานได้ เพราะมีความหมายมาก มีอานิสงส์มาก

    โดยเฉพาะพระเจดีย์เป็นองค์แทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็น พุทธานุสสติ

    ถ้าเราเห็นพระเจดีย์ เรานึกถึงพระสงฆ์ผู้สร้าง ก็เป็นสังฆานุสสติ

    เห็นพระเจดีย์ ภาพสวยงามเป็นภาพกุศล ตายก็ไปสวรรค์ทันที
    ถ้าจิตใจดีมีความมั่นคงมาก ก็ไปพรหมได้ นี้เฉพาะเจดีย์


    ***พอข้าพเจ้าอ่านเสร็จก็ขนลุกขนพองสยองเกล้าเลย ไม่อยากพูดต่อแล้ว
    มุ่งหน้าทรงเอกัคคตารมณ์(ทำจิตเป็นสมาธิหรือสำรวมจิต)+บุญกุศล(ทำจิตผ่องใส)+พระพุทธคุณ(น้อมจิตรับพลังพุทธะ)
    เพื่อกำลังใจแห่งตน เพื่อละขันธ์๕เด็ดขาดกันต่อไป

    ลูกคนนี้ จะขอระลึกนึกถึงท่านพ่อ(สมเด็จองค์ปฐม) หลวงพ่อฤาษีฯ และคุณงามความดีของท่านตลอดไป..สาธุๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2013
  14. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    โมทนาสาธุ กับ ครูเกษ ที่เป็นไกด์พาพวกเราทำบุญ และเที่ยวชม วัดท่าซุง
    ในยุคปัจจุบัน ๒๕๕๖


    สำหรับวันนี้ วันหยุดก็จะขอนำเสนอ วีดีโอชุด ประวัติศาสตร์ ที่หาชมไม่ได้อีกแล้ว...นั่นคือ ท่านจะได้รู้จัก วัดท่าซุงในอดีต ตั้งแต่ ปี ๒๕๑๑ คือ ปีแรก
    ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เริ่มมาอยู่ที่วัดจันทาราม(ท่าซุง) นี้ เป็นครั้งแรก...จวบจน วาระสุดท้ายของชีวิตท่าน วันมรณภาพ 30 ตุลาคม ๒๕๓๕
    รวมเวลาถึง ๒๔ ปี ที่ท่านได้สร้างวัดนี้ ...


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=vplcCR4c8f4]2535 10 30หลวงพ่อฤาษีมรณภาพ รับจากnetพศ2546 x264 - YouTube[/ame]​

    ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับท่านปรีชา พึ่งแสง (ภาพ/เสียงบรรยาย)


    ในวีดีโอนี้เราจะสามารถเห็นสภาพของวัดท่าซุงตั้งแต่ยุคที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อรับอาราธนาเข้ามาบูรณะวัด
    ภาพโบสถ์หลังคาทะลุ,กำแพงไม่มี,เสาศาลาการเปรียญโย้เย้พังแหล่มิพังแหล่ จนถึงภาพกาลเวลาที่องค์หลวงพ่อละสังขาร
    และรวมถึงอิริยาบถผ่อนคลายของหลวงพ่อกับลูกๆกว่า ๓๐๐ ตัว​


    ลูกได้ดูวีดีโอนี้แล้ว มิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ และ มิอาจจะเก็บเอาไว้คนเดียว
    ต้องขออนุญาตหลวงพ่อ เผยแผ่เกียรติคุณให้ลูกหลานหลวงพ่อ รุ่นหลังๆ
    ได้รับชมรับทราบเป็นธรรมทาน
    ควรมิควรแล้วแต่หลวงพ่อจะโปรดเมตตา เจ้าค่ะ.​


    ลูกขอน้อมจิต ก้มกราบแทบเท้าหลวงพ่อผู้มีพระคุณกับชีวิตลูกอย่างหาที่สุดมิได้ เจ้าค่ะ ...
    กราบ กราบ กราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2013
  15. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976

    ขออนุโมทนาสาธุกับ คุณพี่แนท ด้วยค่ะที่ท่านได้นําเอาวีดีโอสมัยเริ่มแรก ที่หลวงพ่อเข้ามาบูรณะวัดท่าซุ่ง เห็นแล้วยิ่งทราบซึ้งในความมุ่งมั่นของท่าน ที่จะทําไว้ให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้บูชา น่าอัศจรรย์จริงว่าพลังแห่งพุทธะของพระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดไหน? ดูจากภาพเดิมก่อนท่านมาบูรณะกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย

    ถ้าท่านไม่ทําเพื่อลูกๆหลานๆแล้วท่านจะทําเพื่อใคร? เพราะท่านเห็นความสําคัญของพระศาสนาก็คือ เป็นที่พึงทางใจของผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ เป็นภาพที่สวยงาม แต่ก่อนจะได้อย่างนี้ละ? เราเคยถามตัวเราเองไหม?ว่าหลวงพ่อทุกข์ยากสําบากขนาดไหน? ที่มีวันนี้นะแล้วเราๆท่านๆเป็นลูกหลานของท่านแค่เป็นผู้เดินตามก็ยังเกิดความท้อแท้แล้ว...แล้วหลวงพ่อละ ท่านทําเพื่อใคร? ทั้งที่สุขภาพของท่านก็ไม่สุขสบายเลยทั้งป่วยทั้งเจ็บอยู่ตลอดเวลา

    ลูกคนนี้ขอน้อมกราบแทบเท้าหลวงพ่อฤาษีลิงดําด้วยความเคารพและจะก้าวเดินตามรอยของพ่ออย่างไม่ลดละความเพียรในชาตินี้ ขอให้งานที่ลูกๆทําตามรอยพ่อไม่ว่าลูกๆจะทําเกี่ยวกับด้านพระศาสนาที่ไหน? เวลาใด?ก็ขอให้ท่านพ่อและหลวงพ่อมาคุ้มครองดูแลลูกๆของพ่อตลอดกาลนานด้วยเทอญ
    ลูกขอน้อมกราบแทบเท้าพระบาทขององค์ท่านพ่อปฐมและหลวงพ่อฤาษีลิงดําด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
  16. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    โมทนาสาธุๆๆ ค่ะพี่แนท สำหรับการนำวีดีโอนี้มาเผยแพร่ให้พวกเราได้ชมบารมีของหลวงพ่อ นับเป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การเก็บรักษาไว้ยิ่ง นับว่าเป็น unseen vdo เลยค่ะสำหรับเกษ ดูไปน้ำตาไหลไป ยิ่งดูยิ่งรักท่านมากขึ้นกว่าเดิมจนสุดจะบรรยายค่ะ มันส่งผลให้จิตลูกมีพลัง และมีกำลังใจขึ้นมาก ในการที่จะมุ่งมั่นทำหน้าที่ให้กับพระพุทธศาสนา หลวงพ่อ ท่านปู่ ท่านพ่อ ต่อไปตราบจนกว่าชีวิตนี้ของลูกจะหาไม่...

    ลูกขอน้อมกราบ กราบ กราบ หลวงพ่อผู้มีเมตตาเป็นที่สุดด้วยเศียรเกล้า เจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ...
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอแนะนำผู้ปฎิบัติใหม่

    การปฎิบัติธรรมก็คือ การดูจิต(ตนเอง)

    งานหลักของการปฎิบัติธรรมก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ ให้สติเห็นจิต(ตนเอง)
    โดยเฉพาะสังขารขันธ์ บางทีเรียกว่าเจตสิก(อาการของจิต)
    เช่น ความคิดปรุงแต่ง ความฟุ้งซ่าน ความโกรธ ความยินดี/ยินร้าย ความดีใจ/เสียใจ


    เมื่อสังขารขันธ์เกิดขึ้นหรือดับไปแล้วก็ตาม ไม่มีผู้ใดห้ามได้ ถึงพยายามก็ห้ามมิได้
    เพราะฉะนั้น ปล่อยให้ตัวสังขารขันธ์เขาทำงานไป คือปล่อยมันเกิดและดับเองโดยธรรมชาติ
    นี่มิใช่เป็นความผิดปกติแต่อย่างใด แต่เป็นธรรมชาติแห่งจิต

    เพราะฉะนั้น ผู้ปฎิบัติจะต้องมองเห็นชัดตัวสังขารขันธ์ของตนเองนี้ ส่วนตัวที่จะมองเห็นได้ชัดเจน ได้แก่ สติ
    โดยเฉพาะปัญญาจะมองเห็นได้ชัดเจนมากกว่าสติธรรมดา และก็ปฎิบัติอยู่อย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าเป็นสังขารขันธ์เป็นธรรมดา
    หรือสติป้อนปัญญาให้กับจิต เพราะจิตจะปล่อยวางทุกสิ่งได้ด้วยปัญญา ต่อไปจิตก็จะไม่ไปวิ่งตามมันอีกต่อไปแล้ว
    เมื่อจิตไม่หลงไปวิ่งตามนั่นแสดงว่าจิตเขาปล่อยวาง เราจึงจะพ้นทุกข์ได้เมื่อนั้น
    เวลาดูจิต อย่าได้หลงไปห้ามตัวสังขารขันธ์นี้ของตน ถ้าผู้ใดทำแบบนั้นแสดงว่าปฎิบัติผิดทางแล้ว
    แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองปฎิบัติผิดทาง สังเกตง่ายนิดเดียว เช่น ใจเราจะรู้สึกหนัก เพราะเราไปฝืนจิตตนเอง
    การปฎิบัติธรรมก็แปลว่า ต้องปฎิบัติเป็นไปตามโดยธรรมชาติ มิใช่ไปฝืนจิตตนเอง
    ธรรมชาติในที่นี้ก็หมายถึง ธรรมชาติแห่งจิตตนเอง มิใช่อื่นใด

    แต่มีสิ่งเดียวที่ผู้จะต้องปฎิบัติกันให้ได้นั่นก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ ให้เรามีสติเยอะๆ+สติเกิดอย่างเนื่อง
    ขอเน้นย้ำ คำว่าอย่างต่อเนื่อง เพราะตรงนี้มักจะเป็นจุดอ่อนสำหรับนักภาวนาทั่วๆไป

    เจริญสติภาวนา หรือสร้างสติกันไปทำไม เพราะในเมื่อสติก็เกิดขึ้นอยู่แล้วโดยตามธรรมชาติเฉกเช่นกิเลส
    เพียงแต่สติถือว่าเป็นฝ่ายดี สำหรับกิเลสนั้นถือเป็นฝ่ายไม่ดี
    เพราะกิเลสทำให้คนเราเกิดความทุกข์ได้ในเบื้องปลาย แต่สตินั้นจะตรงกันข้ามกับกิเลส
    เพียงแต่สติกับกิเลสนั้นมักเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน เกิดสลับไปมาอยู่อย่างนี้ คอยสังเกตให้ดี
    เมื่อเรามีสติ กิเลสก็จะหมอบชั่วคราว แต่เมื่อไหร่ที่คนเราเผลอสติ กิเลสก็จะโผล่ขึ้นมาทันที รุกมาทำหน้าที่ของมัน
    หน้าที่หลักจริงๆของกิเลสก็คือ พาใจคนเป็นทุกข์ แต่สติกลับตรงกันข้ามคือ พาใจคนสงบสุข

    แล้วมองย้อนกลับไปที่ตัวสังขารขันธ์หรือความคิดปรุงแต่งนี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ห้ามทุกข์คือห้ามที่ตัวสังขารนี้
    แต่ต้องห้ามด้วยสติปัญญา นั่นก็หมายความว่า...เมื่อความคิดปรุงเกิดขึ้น ให้เรามีสติเยอะๆ เพื่อมิให้จิตลื่นไหลไปตามความคิดปรุงแต่งนั้น

    ผู้ใดมีสติปัญญามากย่อมไม่ไปวิ่งตามสิ่งเหล่านี้แน่ เพราะสุดท้ายเมื่อจิตเดินมาสุดซอยแล้ว ก็มีอยู่แค่๒ธรรมเท่านั้นคือ เกิดกับดับ

    ถ้าเรามีสติมากพอย่อมมองเห็นการเกิดและดับของตัวสังขารขันธ์นี้ เป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง
    เหมือนวิญญาณขันธ์(ตัวจิต)ของคนเราคือพระอาทิตย์ ส่วนสังขารขันธ์(นิสัยจิต)คือแสงพระอาทิตย์
    เพราะฉะนั้น จึงไม่มีผู้ใดไปห้ามพระอาทิตย์มิให้ส่องแสงได้ ตัวสังขารขันธ์ของตนก็เช่นเดียวกัน ห้ามไม่ได้ คนที่รู้ธรรมจริงเขาจะทราบดี
    เพราะฉะนั้น ให้เราแค่เป็นผู้ดูเฉยๆ การดูจิตเขาให้ทำแค่๓อย่างเท่านั้น นั่นก็คือตามดู(จิต) ตามรู้(จิต) ด้วยใจเป็นกลาง

    แต่ปรากฎว่าผู้ปฎิบัติตกข้อสามกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่พยายามสร้างสติตนให้เกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
    จึงเป็นเหตุหลงวิ่งตามตัวสังขารขันธ์ อันเป็นเหตุให้ต้องตกไปอยู่กองทุกข์ของตนในที่สุด นั่นเอง

    ไม่ยากเลยใช่ไหม ถ้าคนเข้าใจธรรมตรงนี้ ย่อมอยู่กับกองทุกข์(ขันธ์๕)นี้ อย่างไม่ทุกข์อีกต่อไป
    แต่ถ้าจิตของผู้ใดยังละทุกข์ของตนยังไม่เด็ดขาด คำว่านิพพาน ก็ยังคงไกลสำหรับผู้นั้น เป็นแน่แท้


    สุดท้ายนี้จึงขอให้ผู้ปฎิบัติธรรมทุกท่าน เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ

    จาก..ผู้ปรารถนาอยากให้คนพ้นทุกข์
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    มาฟังเพลงนี้กัน
    พวกเราเห็นธรรมกันไหม
    พวกเราเห็นธรรมกันไหม มองเห็นสังขารขันธ์ของคนเรา(ชัดเจน)กันไหม


    เห็นไหมครับ กรรมทุกกรรมก็มาจากตัวนี้แทบทั้งสิ้น
    และก็ยากที่จะตามมันทันด้วย นอกจากผู้ที่มีสติปัญญาเมากท่านั้น

    มันขยันสร้างกรรมเหลือเกิน โดยที่เรามิรู้มาก่อนเลย จนกว่าเราจะลงมือปฎิบัติธรรม

    ถ้าพวกเราปล่อยให้จิตของเราลื่นไหลไปกับตัวสังขารขันธ์ของตนอยู่นี้
    แล้วเราจะหลงมาเกิดตาย หรือตายเกิดสักกี่รอบ สักกี่ชาติกันหรือ..
    ตามกิเลสมากก็มีพลังมาก เช่น รักมาก หึงหวงมาก หลงมาก อาฆาตพยายาทมาก
    แล้วจิตคนเราจะเป็นอิสระได้อย่างไร ในเมื่อจิตตกเป็นทาสกิเลสอยู่อย่างนี้
    เมื่อไหร่ ผู้ที่ยังไม่มีกำลังใจที่จะอยากปฎิบัติธรรม มีอีกมากเท่าใด เคยคิดกันบ้างไหม๊
    และพวกเขาเหล่านั้น ต้องทนทุกข์นานแสนนานอีกเท่าใด
    แล้วอีกเมื่อไหร่ จะเงยหัวขึ้นได้สักที

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว จะนิ่งดูดายพวกเขาเหล่านั้นกันได้อีกหรือ
    อุเบกขาต้องใช้ปัญญา พรหมวิหารต้องนำหน้าอุเบกขาญาณเสมอ
    ขอให้พวกเรามีเมตตากันและกันมากๆ โลกนี้จึงจะน่าอยู่
    เพราะโลกใบนี้ สังคมนี้ กำลังต้องการใครสักคนนึง ที่มีพลังงานบวก
    ผู้ปฎิบัติทุกท่านคอยหมั่นระลึกนึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณให้มากๆ
    โดยเฉพาะพระพุทธคุณ คือคุณงามความดีของพระองค์
    แล้วสักวันนึง ท่านก็จะรับอารมณ์ของพระพุทธเจ้าได้

    (จงทำในสิ่งที่เชื่อ จงเชื่อในสิ่งที่ทำ แล้วเราจะมีพลังจิตมาก มีกำลังใจมาก)
     
  19. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ขอน้อมระลึกถึงองค์ท่านด้วยค่ะ อย่าว่าแต่คุณภูเลย แม่มาลินี นี่ซิ

    หน้าจะได้ไปกราบท่านตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่พอมาถึงตอนนี้รู้แล้วว่าตอน

    นั้นมันยังไม่ถึงเวลา แต่ไม่น้อยใจหรอกค่ะ เพราะถึงตอนนี้ก็ยังโชคดีได้มา

    ร่วมปฏิบัติทางจิตเกาะพระซึ่งเป็นคำสั่งสอนขององค์ท่าน และได้พบพี่น้อง

    ทางสายญาติธรรมซึ่งมีความเมตตาซึ่งกันและกัน นี่แม่นีถือว่าแม่นีโชคดีที่สุด

    ...ขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่เอาธรรมะของท่านมาให้เป็นธรรมทาน และนำ

    ประวัติขององค์ท่านมาให้ได้รู้ละเอียดยิ่งขึ้น ขออนุโมทนากับทุกๆท่านค่ะ.

    ...น้อมกราบแทบพระบาทของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ตลอดถึง พ่อ

    แม่ ครู อาจารย์ที่เป็นผู้นำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มาสั่งสอนและเป็นตัว

    แทนของพระพุทธเจ้าต่อๆกันมาค่ะ.กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2013
  20. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]

    ที่มา; FB
     

แชร์หน้านี้

Loading...