จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=FnpSQ71TxZY]รักแม่...เท่าฟ้า - YouTube[/ame]

    โมทนาสาธุ...กับผู้จัดทำวีดีโอนี้ด้วยอย่างสูงค่ะ...ขอมอบให้แม่..ผู้หญิงคนนี้ที่ให้ชีวิต..ผู้หญิงที่สู้ และอึดที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมา...เป็นตัวอย่างให้เราได้เห็น และสู้ทุกสิ่งอย่างมาได้จนถึงทุกวันนี้...สาธุ..

    [​IMG]

    หนูกำลังจะกางปีกบินไปหาแม่แล้วน่ะ..อิๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2013
  2. ปักธงชัย

    ปักธงชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +3,721
    วันนี้คุยกับครูเกษ แล้วธาตุไฟแตก , 1 ปี ผ่านไป ผมยังคืบหน้าไม่มากเลย ครับ
     
  3. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ และยินดีที่ยังไม่ลืมกัน ณ ที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับสหายธรรมทุกท่านเสมอ 1 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหกจริงๆ

    ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ใฝ่ธรรมทุกท่านค่ะ ถึงแม้จะคืบหน้าไปไม่มาก ถ้าเทียบกับไม่เริ่มต้นทำเลยแล้วเป็นคืบหลังตลอดนี้ จะเอาแบบไหนค่ะ ที่คุณมีความรู้สึกอย่างนั้น เพราะมี "ความอยาก" เข้ามาแทรก เข้ามาเป็นตัวขวางน่ะ การวางกำลังใจในการปฏิบัติธรรม ก็เหมือนกับการวางของให้ถูกที่ถูกทางถูกตำแหน่งค่ะ จะวางเครื่องปริ๊นเตอร์ไว้ในครัว จะวางของที่ขายไว้หลังบ้าน แล้วอย่างนี้จะขายออกมั้ยค่ะ ฉันใดก็ฉันนั้นค่ะ ต้องวางให้ถูกน่ะ..

    โมทนาสาธุ
    rabbit_eatingrabbit_eatingrabbit_eating สู้ สู้ค่ะ

    ปล.แหม๋...ไม่รู้อะไรซะแล้ว...ว่าครูเกษเคยมีฉายาว่าไร (ถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นอยู่มั่ง อิๆๆ)...ฉายาครูเกษคือ...เต่ายิ้มค่าา..ขอบอก..555..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2013
  4. ปักธงชัย

    ปักธงชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +3,721
    " ความอยาก " ผมเดินสายกลางจนมากเกินไป , ผมอาจจะอ่าน หรือฟัง cd ธรรมะมากเกินไป หรือ ว่าผมขาดการปฏิบัติที่ถูกต้อง
    road map เป็นยังงัย ผมสับสนไปหมด เอาเป็นว่า จับรูปพระ ไปเรื่อยๆ ก่อนแล้วกัน ครับ
     
  5. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ก็นี้แหล่ะค่ะ ว่าทำไมถึงต้องมีครู ให้ช่วยคอยแนะนำ และคอยเติมกำลังใจให้ในระหว่างปฏิบัติ...สาธุ..
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=oIpLrFqpcYs]พุทธประวัติ 30 โปรดพุทธมารดา - YouTube[/ame]

    เนื่องในวันแม่...
    พระคุณแม่ ประเสริฐที่สุด แม่คือผู้ให้กำเหนิดกับเรา อาจจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
    แต่ถ้าไม่มีท่าน เราก็มิได้เกิดนั่นเอง เมื่อเกิดมาแล้ว จงทดแทนบุญคุณ อย่าเนรคุณ
    เพราะจะเป็นบาปหนามาก และติดตามตัวเราไปทุกหนทุกแห่ง ชีวิตอบจนหรือต้องดับสูญสิ้น
    เพราะเทวดาก็จะไม่ปรารถที่จะปกป้องกับผู้ที่มีจิตใจบาป
    ทั้งหน้าที่การงาน การเงิน และความรัก ต้องมาพังมลายหายสิ้นไป หมดปัญญาหาทางออก
    คิดผิดคิดใหม่ เริ่มต้นใหม่ที่ดี ทำกรรมดีปัจจุบันกับผู้มีพระคุณของเรา
    ความรัก ความสุขและความสมหวัง ก็จะกลับมาดีดังเดิมเป็นที่สุด

    ปล. ลูกขอขมากรรมคุณพ่อ คุณแม่ ต่อหน้าพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    ที่ลูกเคยล่วงเกิน ทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ดี
    ขอให้คุณพ่อ คุณแม่ ได้โปรดยกโทษให้กับลูกคนนี้ด้วยเทอญ
    ลูกขอกราบแทบเท้าทั้งบิดามารดาตลอดไปจนกว่าขันธ์นี้ต้องดับสูญสลายไปในชาตินี้
    และบุญกุศลใดที่ลูกกระทำไปทั้งหมด ทั้งปวง ลูกคนนี้ขอยกให้กับผู้เป็นพ่อเป็นแม่ทั้งหมด ทั้งปวงด้วยเทอญ
    สาธุๆๆ
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ครูเกษ ได้เวลาจะกลับเมืองไทย(ถาวร)จริงๆแล้วหรือนี่
    เอ๊า ลูกศิษย์ลูกหา ไปตามหาครูเกษที่เมืองไทยก็แล้วกันเด้อ

    ใครอยากจะทำจิตเกาะพระ ที่เมืองไทย เดี๋ยวครูเกษจะตามไปสอน ไปคอยแนะนำให้กัน
    จิตผู้ใดพร้อม ก็ขอเรียนเชิญทุกๆท่านเลยนะครับ
    บางทีครูเกษอาจจะไปแจมกับครูปลื้ม ครูปรเมศ ครูลูกหว้า
    ทำไปๆ ทำตามกำลังใจแห่งตน ไม่ต้องทำยอด
    ว่ากันไปตามกำลังใจทั้งครู ทั้งผู้เรียนพร้อมก็แล้วกัน

    ขออนุโมทนสาธุล่วงหน้าด้วยนะครับ
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุ ขอเอาใจช่วยนะครับ
    คนเราจะมีดวงตาเห็นธรรมนี่ มิใช่เรื่องง่าย
    เพราะมีเหตุปัจจัยหลายอย่าง
    ไหนกรรมเก่าจะมาคอยตัดรอน ไหนความเพียรของตนเอง
    ขอสรุปว่า ทั้งหลาย ทั้งปวง จิตต้องมาก่อนอื่นเลย แต่ถ้าจิตผู้ใดยังไม่พร้อม
    หรือยังมองไม่เห็นทุกข์ของตนเอง ก็ยากจะหันหน้าเข้าหาธรรม
    แต่ถ้าบุญเก่าไม่หนุนหรือนำส่งให้เราต้องมาปฎิบัติแล้ว ก็ยังมีเหลืออีกหนึ่งทาง นั่นก็คือ
    เลือกทางไปอบายมุขทั้งหลาย หรือเลือกฆ่าตัวตายไปเลยหมดเรื่อง แต่จริงๆแล้วมันไม่หมดนะ
    ถ้าเลือกสองทางหลังนี้ บอกได้คำเดียวว่า ผิดมหันต์ เพราะกายตาย แต่จิตไม่ดับสูญ
    แต่จะมีทางไปนั่นก็คือ ทุคติภูมิ โลกหลังความตายเรา(จิต)จะต้องเผชิญแต่ผู้เดียว
    เพราะญาติๆหรือคนที่เรารักหรือรักเรา เขาเหล่านั้นอยา่งมากเขาส่งเราแค่หลุมฝังศพ หรือเมรุเท่านั้น

    แต่ถ้าบุญเก่าหนุนนำต้องนำพาให้เราปฎิบัติ อันนี้ก็ถือว่าดีมาก เพราะเราจะได้รู้ความจริงแห่งทุกข์ตนเองเสียที
    ว่าเราเกิดมาทำไม เกิดมาแล้วทำไมบางคนโคตรมีความสุข โคตรรวยเลยอะไรประมาณนั้น
    แต่ในทางกลับกัน แต่ทำไมตนเองโคตรทุกข์ โคตรจนเลย ทำไมคนอื่นทั้งหล่อ ทั้งสวย ทำไมมีเพศที่สามสี่อะไรประมาณ
    ล้วนเหตุเกิดแต่กรรมทั้งสิ้น
    มาปฎิบัติและเกิดมีดวงตาเห็นธรรมแล้ว ความลังเล ความสงสัย หรือเครื่องหมาย???? เต็มหัวจะหมดไป
    ถามว่าหมดไปได้อย่างไร นั่นก็คือ จิตเรามีปัญญาเป็นของตนแล้วย่อมรู้ไปเกือบทุกสิ่ง
    ธรรมชาติแห่งของคนเรานั้นย่อม อยากรู้ อยากเห็นด้วยกันทุกๆคนทั้งนั้น
    เมื่อเราหาคำตอบของเราเองได้ หรือเมื่อเราทำจิตให้มีปัญญาตามพระพุทธเจ้าได้ ย่อมหมดความสงสัยทันที
    ต่อไปก็จะไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยสงสัย ไม่ไปหลงดูพฤติกรรมหรือ จริยาผู้อื่นอีกต่อไป
    เพราะจิตมันรู้แล้ว เมื่อจิตรู้แล้วย่อมละปล่อยวาง หรือเลิกลังเล เลิกสงสัย เลิกถามไปเอง
    สำหรับคุณปักธงชัย กำลังมองหาจุดสมดุลย์ให้กับตนเอง ผมขอเรียกว่า บันไดบุญ
    หรือทาน ศีล ภาวนา หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา
    แต่กว่าจะเดินมาถึงจุดใดจุดหนึ่ง มิใช่เรื่องง่าย
    นอกจากอาศัยจิตตนเองที่เคยบำเพ็ญเพียรหรือปฎิบัติมาแต่ชาติปางก่อนแล้ว แต่กรรมปัจจุบันนี้สำคัญกว่าเป็นไหนๆ
    เพราะว่า ถึงจิตผู้ใดจะมีบุญหรือบารมีมากเพียงใด แต่กรรมปัจจุบันกระทำแต่บุญกุศลหรือไม่ หรือทำแต่บาปหรืออกุศลถ่ายเดียว
    คือเราไม่พยายามต่อบุญ ก็ไปยากหรือ จะเข้าหาธรรมยาก หรือ เริ่มอยากปฎิบัติธรรมก็ยาก
    นี่ไง ผมถึงเรียกว่า บันไดบุญ
    สรุปง่ายๆก็คือ ถ้าจิตใจยังไม่พร้อมที่จะปฎิบัติธรรมละก็ ให้เราทำบุญทำทานพร้อมสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำไปเรื่อยๆก่อน
    หรือขอเรียกว่า ต้องบ้าทำบุญก่อน ไปเห่อ ๗วัด๗วา เขาว่าวัดไหนหรือพระไหนดี เราจะไปหมด เอ่ออันนี้ดี
    เพราะกำลังใจหรือบุญบารมีเกือบจะเต็มแล้ว เพราะถ้ากำลังใจเกือบจะเต็มที่นี่ จิตใจเราถึงวอยากจะปฎิบัติธรรม
    โทษที พร่ำซะยาวเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2013
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วันเกิดของลูก คือวันตายของแม่ ​


    เรื่อง พระคุณแม่...
    โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม


    ท่านโปรดจำไว้วันเกิดของลูกคือวันตายของแม่ เพราะวันที่ลูกเกิดนั้น แม่อาจต้องเสียชีวิต การออกศึกสงครามเป็นการเสี่ยงชีวิตสำหรับคนเป็นพ่อฉันใด การคลอดลูกก็เป็นการเสี่ยงตายสำหรับคนเป็นแม่ฉันนั้น ในสมัยโบราณที่วิทยาการต่างๆ ยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้ อัตราการตายเพราะคลอดลูกมีสูงมาก คนโบราณเขาจึงกล่าวว่า วันเกิดของลูกคือวันตายของแม่ เมื่อคลอดลูกแล้ว "แม่" ก็ยังต้องประคบประหงมเลี้ยงดู ให้ดื่มเลือด ในอกเป็นอาหาร ยามที่ลูกเจ็บป่วยก็อมยาพ่น ฝนยาทา รักษากันไปตามมีตามเกิด แม่เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ กระทั่งลูกแต่งงานมีเหย้ามีเรือนไปแล้ว แม่ก็ยังเฝ้าห่วงใยรักใคร่ไม่จืดจาง

    ตั้งแต่อาตมาคอหัก หายใจทางสะดือ ได้พองหนอยุบหนอคิดถึงแม่ทุกลมหายใจ อาตมาเห็นความทุกข์อย่างแสนสาหัสของคนเป็นแม่ ก็ตอนที่เป็นหมอตำแยทำคลอดให้ผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านพ้นมาห้าสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังจำภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ติดตาติดใจมากระทั่งทุกวันนี้

    สมัยนั้นอาตมาอายุสิบหก แต่ยังไม่ประสีประสาอะไร ยังเปลือยกายกระโดดน้ำตูมๆ กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน แต่เด็กสมัยนี้อายุสิบหกเป็นหนุ่มกันแล้ว ตอนนั้นอาศัยอยู่กับยาย ลำบากลำบนมาก ต้องหาเงินเรียนเอง ตื่นตั้งแต่ตีสาม หาบของไปขายที่ตลาดบางขาม ห่างจากบ้านไป 14 กิโลเมตร ถึงตลาดตี 4 กว่า ก็นั่งขายของซึ่งเป็นพวกผักสวนครัวที่ช่วยกันปลูกกับยาย พอตีห้าก็ขายหมด บางวันขายไม่ค่อยดีก็ไปหมดเอา 7 โมง จากนั้นก็หาบกระจาดเปล่ากลับบ้าน หิวข้าวก็ต้องอดทน เพราะยายสั่งไม่ให้ซื้อเขากิน ให้กลับมากินบ้านเรา ยายว่าซื้อเขากินมันแพง จานละตั้งสามสตางค์ สู้กลับมากินข้าวที่บ้านไม่ได้ อาตมาก็จำเป็นต้องเชื่อยาย บางทีกว่าจะถึงบ้านหิวแทบลมจับ

    อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่อาตมาหาบกระจาดเปล่ากลับบ้าน ก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกลางทาง เขากำลังท้องแก่ จะเดินทางไปคลอดลูกที่บ้านแม่ของเขา ที่ต้องเดินทางไปคลอดบ้านแม่ เพราะเขาอยู่กับพ่อผัวแม่ผัว ซึ่งรังเกียจว่าเขาจนและไม่ยอมช่วยเหลือเกื้อกูลแต่ประการใด เดินทางไปได้ครึ่งทางก็เกิดปวดท้องนอนร้องครวญครางอยู่ใต้ต้นไทร พอเห็นอาตมาเดินผ่านมาเขาก็ดีใจร้องบอกกับอาตมาให้ช่วยเขาด้วย เขาปวดท้องใจจะขาดอยู่แล้ว ช่วยเอาลูกออกให้ที อาตมาถึงจะอายุสิบหกแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาออกลูกกันอย่างไร ผู้ใหญ่เขาเคยพูดให้ฟังว่าเขาออกลูกทางปาก บางคนก็บอกออกทางสะดือ บางคนก็ว่าออกทางก้น อาตมาก็เชื่อนึกว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ ที่แท้ก็ถูกผู้ใหญ่หลอก เพิ่งมารู้ความจริงตอนทำคลอดครั้งนี้นั่นแหละ

    ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ร้องใหญ่บอกปวดมากแล้วก็เป็นลูกท้องแรก จึงยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการคลอดลูกมาก่อน ได้ยินเขาร้องโอยๆ อาตมาก็ทำอะไรไม่ถูก เลยถามเขาว่าจะให้ช่วยอย่างไร เขาก็บอกช่วยดึงเด็กออกจากท้องให้เขาที มันกำลังจะออกแล้ว อาตมาก็ยังงงอยู่เลย นึกถึงเทวดา ก็นึกตามประสาเด็กๆ ไม่รู้ว่าเทวดามีจริงหรือเปล่า แต่ยายเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ ก็คิดว่าคงจะมีมั้ง เลยประนมมือบอก รุกขเทวดาประจำต้นไทรให้ช่วย แล้วก็ร่ายคาถาชุมนุมเทวดาที่ยายเคยสอนจนจำได้ขึ้นใจ พอว่าคาถาจบ เทวดาเข้าสิงอาตมาเลย ที่รู้ว่าเทวดาเข้าสิงเพราะท่านมากระซิบข้างหูว่า "ดึงเด็กออกมา ดึงเด็กออกมา" อาตมาถาม "ดึงยังไง เด็กอยู่ที่ไหน" เทวดาบอก "อยู่ในท้อง เอามือล้วงเข้าไปในผ้านุ่งก็จะเจอหัวเด็ก" อาตมาก็ทำตามดึงพรวดสุดแรงเลย เสียงผู้หญิงร้องกรี๊ดและสลบเหมือดไป

    อาตมาก็ตกใจเพราะเห็นไส้ยาวๆ ติดตัวเด็กออกมา คิดว่าเราคงดึงไส้ผู้หญิงคนนั้นออกมาหมดท้องกระมัง เขาคงต้องตายแน่ๆ จะทำยังไงดีหนอ เสียงเทวดากระซิบข้างหูว่า "ไม่ตายหรอก แค่สลบไปเท่านั้น" ไปจัดการตัดสายรกให้เด็กก่อน ที่เธอเห็นนั้นแหละเรียกว่า สายรก ไม่ใช่ไส้เขาหรอก" อาตมาก็ถามว่า "เอาอะไรตัดล่ะ มีดพร้าก็ไม่มี" เทวดาบอก "เอาเล็บของเธอนั่นแหละ จิกแน่นๆ แล้วดึง มันจะขาดเอง" สมัยนั้นหนุ่มรุ่นๆ เขานิยมไว้เล็บยาวกันเรียกว่าเป็นแฟชั่น อาตมาก็ไว้กับเขา คือเขาจะไว้เล็บข้างละสองนิ้ว นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วก้อย อาตมาก็ทำตามที่เทวดาบอก พอรกขาดเลือดพุ่งเลย เด็กส่งเสียงร้องอุแว้ๆ ลั่นป่า เทวดาบอกอีกว่า "ไปเอาฝุ่นมาโรงตรงแผล" อาตมาก็กอบฝุ่นโรยลงไป ปรากฏว่าเลือดหยุดไหลแต่เด็กไม่หยุดร้อง เทวดาก็กระซิบข้างหูอีกว่า "ดูดเลือดที่คั่งในปากออกมา" อาตมาก็เอามือง้างปากเด็ก ดูดเลือดและเสมหะออก แล้วบ้วนทิ้ง ไม่ได้นึกรังเกียจ เพราะกลัวเด็กจะตาย

    เทวดาบอกอีกว่า "เอากระบอกไปตักน้ำมาหยอดปาก" พอดีมีกระบอกไม้อันหนึ่งแขวนอยู่ที่กิ่งไทร ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครนำไปแขวนไว้ ข้างๆ ต้นไทรมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง อาตมาจึงหยิบกระบอกเดินไปตักน้ำมาหยอดใส่ปากเด็ก เจ้าหนูหยุดร้องไห้เลย ดูดหยดน้ำจากนิ้วมืออาตมาเสียงดังจั๊บๆ เป็นภาพที่ซึ้งใจอาตมามาจนถึงทุกวันนี้ ได้เห็นสัญชาติญาณการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ก็ตอนที่เจ้าหนูดูดน้ำจากนิ้วมือนี้แหละ พอได้น้ำเจ้าหนูก็หยุดร้อง ส่วนแม่นั้นสักพักเขาก็ฟื้นถามว่า "ลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย" พอรู้ว่าได้ลูกชายก็ดีใจ อาตมาก็เลยช่วยพากลับบ้านทั้งแม่ทั้งลูก หญิงคนนั้นเป็นเจ้าของตลาดท่าแค ลพบุรี ร่ำรวยมาก นี่แหละที่ทำให้อาตมาเห็นใจคนเป็นแม่และรักแม่มาตั้งแต่บัดนั้น อาตมาสงสารลูกผู้หญิงมาก เห็นคนท้องเดินมาก็จะแผ่เมตตาขอให้เขาคลอดง่าย เพราะเราเห็นว่าการคลอดลูกนั้นเป็นการเสี่ยงชีวิตเหมือนการออกศึกสงครามทีเดียว

    เดี๋ยวนี้อาตมาไม่สอนคนแก่เพราะคนแก่ไม่มีพิษมีภัย อีกไม่นานก็ตายแล้ว สอนเด็กรุ่นใหม่แทนเพราะเมื่อคนรุ่นใหม่ดี รุ่นต่อๆ ไปก็จะดีไม่เป็นวายร้ายหรือภัยสังคม สอนเด็กว่าวันเกิดของเราอย่าพาเพื่อนมาให้พ่อแม่ทำครัวเลี้ยงนะ เธอจะบาป ทำมาหากินไม่ขึ้น เธอต้องเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ให้อิ่มก่อน แล้วจึงไปเลี้ยงเพื่อนทีหลังจึงจะถูกต้อง

    พ่อแม่เลี้ยงลูกเปรียบเสมือนปลูกต้นไม้ ปลูกอย่างมีระเบียบแบบแผน ต้นไม้ก็จะขึ้นอย่างมีระเบียบสวยงามตามแบบตามแผนที่วางไว้ ถ้าปลูกอย่างไม่มีระเบียบปลูกตรงโน้นต้นหนึ่ง ตรงนี้ต้นหนึ่ง นึกจะปลูกตรงไหนก็ปลูก เกะกะเต็มไปหมด มองดูรกรุงรัง หาความสวยงามไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้จะไปโทษต้นไม้ว่ามันขึ้นไม่เป็นระเบียบจะถูกหรือ จะต้องโทษคนปลูก เพราะคนปลูกไม่มีระเบียบ ต้นไม้จึงขึ้นอย่างไม่มีระเบียบ

    ความรักของแม่มีหลายรูปแบบ มีแม่คนหนึ่งมาบอก "หลวงพ่อเจ้าคะ ดิฉันเลี้ยงลูกมานี่ ลูกมันไม่เอาไหนเลย ขอมาฝากบวช 7 วัน" บอกเสร็จก็ออกไปสักครู่ก็กลับมาอีก กำชับอีกว่า "สอนลูกฉันให้ดีๆ นะ" ออกไปอีก กลับมาย้ำอีกทีว่า "ช่วยสอนลูกฉันให้ดีๆ นะ" อาตมาก็ต้องเรียกเข้ามานั่ง แล้วให้คติธรรม "นี่โยมน่ะเป็นแม่เขาใช่ไหม" "ใช่เจ้าค่ะ" "โยมสอนลูกมาตั้ง 20 ปี เอาดีไม่ได้ แล้วจะมาให้อาตมาสอน 7 วันจะดีหรือ" อย่างนี้ต้องเรียกว่าจะมากไป สอนลูกไม่เอาไหน ไม่ใช่ลูกไม่ดีนะ ตัวแม่ไม่ดี ไม่เคยสอนลูกสวดมนต์ไหว้พระเลย อยากให้ลูกดีต้องสอนให้ลูกสวดมนต์ ลูกจะมีระเบียบวินัย โตขึ้นไม่เถียงพ่อเถียงแม่ เมื่ออยู่ในวัยศึกษาก็รับผิดชอบสูง แม้ไปศึกษายังต่างประเทศลูกจะวางตัวดี พ่อไม่ไม่ต้องคอยติดตามทุกฝีก้าวทุกระยะ

    อีกรายเป็นแม่ปริญญาโท มาให้อาตมาช่วยเป่าหัวให้ลูกชายหน่อยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย อาตมาบอก "ขอเจริญพร ขอตั้งสติสักนาที" คิดหนอ เห็นหนอ แม่คนนี้หนอ เป่าให้ไม่ได้หนอ เป่าแล้วเสียลมจากคอเราหนอ เมื่อคืนนี้แม่เอาหนังมาดูถึงตอนตี 2 นี่หรือจะให้เป่าหัว เป่าแทบตายก็ไม่ได้เรื่อง จึงบอกไปว่า "หนู หลวงพ่อเป่าไม่ได้ เมื่อคืนดูหนังอะไรกัน" ลูกชายบอก "จริงหลวงพ่อ ตี 2 ผมง่วง ยังดึงผมหยิกผมให้ลุกมาดูด้วย" แม่อย่างนี้จะให้สอบเข้าได้อย่างไร อย่างนี้พระเป่าหัวก็เป็นพระโง่ เพี้ยงดีๆ ยังไง เป่าแล้วดีเป่าแล้วรวย แต่ขี้เกียจสะบัดอย่างนี้ก็ช่วยไม่ได้ถ้าไม่ช่วยตัวเองก่อน

    ขอฝากไว้คนที่เป็น "แม่" นั้นต้องทำให้ถูกต้อง ถูกบทหมดจดเหมาะเจาะอยู่ที่ "แม่" ส่วนพ่อมีความสำคัญไม่เท่าแม่ พ่อเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่น ส่วนแม่เปรียบเสมือนพระจันทร์ หากพ่อเล่นการพนันไม่เอาไหนไม่เป็นไร แม่นั้นสำคัญมาก แม่จะต้องรักษาลูกไว้ แม่ที่ดีต้องเป็นแม่แบบแม่แผน แม่แปลน แม่บันได แม่บ้านแม่เรือน แม่เคหะศาสตร์ แม่แผนผัง แม่กุญแจอยู่ตรงนี้

    ลูกจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับแม่เป็นหลักให้ลูก ไม่ใช่พ่อ ถึงพ่อแสนดี แม่ฉุยแฉกแตกราน สุรุ่ยสุร่ายไม่เอาไหน ไม่รู้จักเก็บงำทำให้ดี ไม่เป็นแบบที่ดีของลูก รับรองบ้านนั้นเจ๊งแน่ๆ ถ้าพ่อดีแม่ดีเปรียบเสมือนอาคารแน่นลูกดีมีปัญญา เหมือนมีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงประดับบ้าน ฉะนั้น พ่อแม่เท่านั้นที่ทำความดีให้กับลูก ทำถูกให้กับหลาน เป็นกฎแห่งกรรม จากการกระทำของพ่อแม่ ทำให้ลูกชอบ พูดให้ลูกเชื่อ ตามใจในสิ่งที่ถูก ทำตัวอย่างให้ลูกดู สร้างความดีให้ลูกเห็น โบราณท่านว่าไว้ อย่าอยู่ว่าง อย่าห่างผู้ใหญ่ ลูกจะหลงทางได้ง่าย

    อีกเรื่องต้องเรียกว่า หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กประถม 4 คนหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นดอกเตอร์อยู่สหรัฐอเมริกา พ่อกินเหล้า สูบกัญชายาฝิ่น ชอบเล่นการพนัน ตีไก่อยู่ที่บางระจัน สิงห์บุรี แม่ก็หาหวยตามวัด อาตมาดูหนูคนนี้แล้วบอกต้องเป็นใหญ่เป็นโตแน่ จดไว้เป็นกฎแห่งกรรม ติดตามดูแลโดยต่อเนื่อง อาตมาประสบมาเราก็ต้องจดต้องจำ จึงจะกำหนดจดจำ ก็จดชื่อไว้ บอกเด็กไปว่าหลวงพ่อจะสอน จะให้ตังค์ไป 100 บาท ถามว่า เขาเกิดวันอะไร เขาบอกเกิดวันอังคาร หลวงพ่อสอนเด็กคนนี้ครั้งเดียวจำได้

    บอกวันเกิด หนูซื้อขนม 2 ห่อ เรียกพ่อแม่มาคู่กันแล้วกราบนะลูกนะ พ่อก็เมา แม่ก็บอกเดี๋ยวจะรีบไปวัด ลูกก็บอกเดี๋ยว ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไปไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา 2 ห่อ ให้แม่ก่อน 1 ห่อ เพราะแม่อุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก 1 ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีต่อพ่อแม่แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง แล้วลูกจะเรียนหนังสือให้เก่งให้ก้าวหน้า พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วง สร่างเมาเลย ส่วนแม่ก็ร้องไห้ ลูกไปโรงเรียนแล้ว พ่อแม่ก็สำนึกได้บอกลูกมันปฏิญาณตนเป็นคนดีแล้ว เรายังทำตัวอย่างไม่ดีให้ลูกดูอีกหรือ ตกลงพ่อแม่ก็ปฏิญาณตนกัน พ่อก็บอกข้าจะเลิกสูบกัญชา เลิกกินเหล้า และข้างฝ่ายแม่ก็เลิกหาหวยตามวัด ลูกจบปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปต่อดอกเตอร์ที่สหรัฐฯ ได้ดีแล้วเขาก็ไม่ลืมวัดอัมพวัน ไม่ลืมอาตมา ยังมาทำบุญถวายข้าวสารทีละ 50 กระสอบ

    อาตมาไม่สอนใครไปสู่สวรรค์นิพพาน แต่สอนกรรมฐานให้ระลึกชาติได้ ระลึกบุญคุณคนได้ นึกถึงพ่อแม่ นึกถึงตัวเองและสงสารตัวเอง จะได้ทำแต่สิ่งดีๆ แค่นี้พอก่อน บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่ ไม่งั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังเลยดำน้ำไม่โผล่

    หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่เหลือจะนับจะประมาณนั้น คือหนี้พระคุณของบิดามารดา คำพังเพยเปรียบเทียบสั่งสอนมาสองพันกว่าปีแล้ว ว่าจะเอาท้องฟ้าหรือแผ่นดินมาเป็นกระดาษ เอาเขาพระสุเมรุมาศมาเป็นปากกา จะเอาน้ำมหาสมุทรมาเป็นน้ำหมึก ก็ไม่สามารถจะจารึกพระคุณของบิดามารดาไว้ได้ เพราะน้ำในมหาสมุทรจะเหือดแห้งหมด ก่อนที่จะจารึกพระคุณบิดามารดาได้จบสิ้น คนอื่นที่เป็นเพื่อนที่รักหรือยอดหัวใจก็ยังมีโทษแก่ตัวเรา รักเราไม่จริงเหมือนบิดามารดา เขาพึ่งเราได้จึงมารักเรา

    นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึกรามบ้านช่องมาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้แล้ว เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว เรียนสำเร็จแล้วยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้างรับรองทำมาหากินไม่ขึ้น

    คนไม่ทำกิจวัตร ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่รับผิดชอบ แปลว่า คนนั้นเกลียดตัวเอง กินเหล้าเมาสุรา เล่นการพนัน เที่ยวสรวลเสเฮฮา กินโต้รุ่ง พ่อแม่ก็เสียใจยังไปว่าพ่อแม่ ไปทวงหนี้ เอาทรัพย์สมบัติพ่อแม่มาฉุยแฉกแตกราน นี่คือลูกสะสมหนี้ ไม่ยอมใช้หนี้ เดี๋ยวนี้ตัวเราไม่สงสารแล้วกินเหล้าเข้าไป ทรัพย์สมบัติพ่อแม่ให้มาก็ขายแจกจ่ายให้หมด ไม่มีเหลือเลย ตัวเองก็จะขายตัวกิน ขายตัวเองเขาก็ไม่เอาอีก เพราะขี้เกียจเช่นนี้ ขอฝากท่านเป็นข้อคิด พ่อแม่นั้นมีบุญคุณต่อเรามากในมาตาปิตุคุณสูตร พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่า ลูกจะให้แม่นั่งบนบ่าขวา ให้พ่อนั่งบนบ่าซ้าย ถ่ายอุจจาระปัสสาวะลงไปบนบ่าลูก ลูกเป็นผู้เช็ดให้ หาอาหารมาป้อนให้ กระทั่งจนท่านตายหรือกระทั่งลูกตายไป ก็ไม่สามารถจะตอบแทนพระคุณค่าป้อนข้าวป้อนน้ำนมที่ท่านได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงบำรุงเลี้ยงมาอย่างดีได้

    ทำอย่างไรให้ได้ชื่อว่า ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างเลิศที่สุด สรุปคือ ถ้าพ่อแม่เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้ว ลูกสามารถชักจูงพ่อแม่ให้กลับเป็นสัมมาทิฎฐิได้นั้น ถือว่าได้ทดแทนคุณอย่างเลิศ เช่น พ่อแม่มีความเห็นผิด เป็นต้นว่าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ แล้วลูกสามารถชักจูงชี้แจงให้ท่านมีความเห็นที่ถูกต้อง เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บุญบาปมีจริง ถ้าทำอย่างนี้ได้ถือว่า ทดแทนบุญคุณอย่างเลิศที่สุด

    วิธีใช้หนี้พ่อแม่ไม่ยากเลยลูกทั้งหลายเอ๋ย จงสร้างความดีให้กับตัวเองและก็เป็นการใช้หนี้ตัวเองนี่เป็นเรื่องสำคัญ ตัวเราพ่อให้หัวใจแม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองแล้วอยู่ในตัวเรา จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหนอีกเล่า บางคนรังเกียจ "แม่" ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้วก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการมาเจริญกรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ ถือว่าได้บุญมากที่สุดทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ

    ถ้าไม่มี "แม่" เราทุกคนก็ไม่ได้เกิด อันนี้เป็นความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ ผู้ใดก็ตามที่คุณแม่ยังมีชีวิตก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอศีลขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่านก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรมล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ


    คัดลอกจาก :
    ���䫵� ��и����ԧ˺��Ҩ���� (��ǧ��ͨ�ѭ �Ե�����) �Ѵ�����ѹ �ѧ��Ѵ�ԧ�����
     
  10. ปักธงชัย

    ปักธงชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +3,721
    สำหรับคุณปักธงชัย กำลังมองหาจุดสมดุลย์ให้กับตนเอง ผมขอเรียกว่า บันไดบุญ
    หรือทาน ศีล ภาวนา หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา


    ทาน ผมก็ทำอยู่ตลอดตามความเหมาะสม
    ศีล ผมก็รักษาเพิ่มขึ้นเยอะ อาจจะด่างๆ ไปบ้างแต่ก็ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ
    ภาวนา ผม ทำไม่เป็น , นั่งพุทโธได้ไม่นานก็ปวดหลัง มีมารมาขวางเพียบ
    จับรูปพระ ผมทำได้ถึงแม้จะไม่ได้ชัดในทุกรายละเอียดในองค์พระ แต่รู้ว่าที่คือองค์พระวิสุทธิเทพ , แล้วยังไงต่อ ไปไม่เป็น ฟัง cd หลวงพ่อฤาษี กับ ท่านจิตโต จำได้แต่ทำไม่ได้ เหมือนเดินไปในทะเลทราย ไม่มีแผนที่ ครับ
    สมัยก่อนผมไม่เห็นจะใช้ชีวิตลำบาก ตอนนี้ทำอะไรก็กลัวไปหมด ครับ
     
  11. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    ทำต่อไป ให้เกิดความสม่ำเสมอ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการสะสม เมื่อถึงเวลาของมัน มันก็เห็นเอง ทานให้ทำอย่างสม่ำเสมอ แต่ขอให้ปรับรูปแบบเป๋นการดูใจแทนว่าขณะก่อนทำ ขณะที่ทำ และหลังทำนั้น ใจเป็นเช่นไร เรื่องศีลนั่นให้รำลึกถึงทุกๆวัน วันละหลายๆเวลาก็ได้ แล้วแต่สะดวก ส่วนภาพพระให้รำลึกทุกครั้งที่สามารถกระทำได้ ส่วนเรื่องของความกลัวนั้นให้พิจารณาออกเป็นไตรลักษณ์คิดนำก่อนก็ได้ แต่พยายามแยกมันออกจากจิต ให้เห็นเป็น จิตอยู่ส่วนหนึ่ง ความกลัวอยู่อีกส่วนหนึ่ง

    การภาวนานั้นไม่ให้คาดหวังผล มันมีขึ้นมีลง มีเจริญ และเสื่อมลงเป็นธรรมดา ตามกฏของไตรลักษณ์ เมื่อเห็นใจตนเองมากๆ เข้าจะเข้าใจมันเอง
     
  12. บุญ+ทา

    บุญ+ทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +664
    เรียนอาจารย์ทั้ง 3

    อาจารย์ค่ะ ดิฉันได้ส่งรายงานผลการปฏิบัติธรรมทาง mail ไม่ทราบว่าถึงอาจารย์หรือเปล่า เพราะ mail มีอาการแปลกๆ หน้าจอก็ผิดแปลกไป ขออนุโมทนาบุญค่ะ
     
  13. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ทำไมปฏิบัติธรรม แล้วเหมือนชีวิตไม่ดีขึ้น?

    เคยมีหลายคนสงสัยไหมครับ เราทำความดี สร้างกุศลมาตลอด แต่ทำไมชีวิตยังไม่มีความสุข มีโรคภัยไข้เจ็บ ชีวิตไม่รุ่งเรือง

    ไม่ใช่เป็นกันเพียงคนสองคนนะครับ ผมว่าร้อยละเจ็ดแปดสิบเปอร์เซนต์เลย ที่เป็นแบบนี้

    หลายคนก็ปล่อยปละละเลย (เข้าใจว่าปล่อยวาง)และ มองว่าเป็นกรรมเก่า

    บางคนก็เริ่มเห็นความผิดปกติในเรื่องนี้ แต่ยังหาคำตอบไม่ได้

    จิตและมโนกรรมในปัจจุบัน ของเราเองครับ ที่ทำให้เกิดผลเช่นนี้ขึ้น

    จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ต้องมาแก้ที่จิตรักษาความผ่องใส ปรับแก้ทิฐิ ความเชื่อในใจของเรา ให้เป็นบุญ เป็นเรื่องกุศล อาศัยกำลังความสงบของสมาธิและการอธิฐานบารมีมาช่วยครับ

    ถึงจะใช้ธรรมมะเปลี่ยนชีวิต พลิกโชคชะตาได้

    ทำดีต้องได้ดี ต้องทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ

    ไม่เช่นนั้นยิ่งปฏิบัติธรรม ชีวิตยิ่งแย่ลง ใครจะมาปฏิบัติกัน หนีหมด

    ยิ่งปฏิบัติชีวิตยิ่งเจริญ ยิ่งมีความสุข คนยิ่งมาปฏิบัติธรรมกัน

    ทำดีแล้วชีวิตต้องดี ไม่มีเงื่อนไขใดๆมาขัดขวางได้ครับ

    Cr..by อ.คณานันท์ ทวีโภค
     
  14. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    การปฏิบัติธรรมนั้นจงตั้งมั่นที่ใจ อย่าทำที่วาจา ความดีควรมีที่กิริยา จิตที่เข้มแข็งมีกำลังใจเต็มเป็นบารมี
    การปฏิบัตินั้น ขอให้มุ่งในเรื่องอย่ายึดในสิ่งที่เป็นสมมุติ คือ ร่างกาย ทรัพย์สมบัติ พยายามทำใจให้นิ่ง นิ่งเฉยมากที่สุด
    อย่ากลัวพลาด กลัวห่วง กลัวธรรมะ คือ กลัวแก่เจ็บไข้แล้วทรมาน
    กลัวความตายที่กำลังเดินทางเข้ามาหาทุกลมหายใจเข้าออก

    จงอยู่กับปัจจุบัน ปล่อยให้ชีวิตทำหน้าที่ของมันไป ...
    จิตเราก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของหลอกลวง ของสมมุติ...


    พวกที่ศึกษาพระธรรมที่มาจากมหาเถรสมาคมก็ดี พุทธศึกษาหรืออื่น ๆ ก็ดี เขามักจะสอนธรรมวินัย
    ธรรมของโลกเสียมากว่าที่จะสอนให้คนหนีโลก บางคนบอกว่าพระนิพพานเป็นอนัตตา ซึ่งบิดเบือนไปจากคำสอนที่เป็นจริง
    พระนิพพานเป็นอมตะ เป็นของจริงไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนโลก
    พระนิพพานไม่ใช่อนัตตา เหนืออนัตตา เหนือทุกขัง เหนืออนิจจัง เหนือโลก สวรรค์ พรหม อย่าเอาไปเทียบกับของต่ำ
    พระนิพพานเป็นของสูง ของจริง ไม่ใช่ของสมมุติเหมือนโลกนี้

    ...การปฏิบัติธรรมะ ให้ระลึกว่าความตายมีอยู่ทุกขณะ ทุกลมหายใจเข้าออก เพื่อกันความประมาทพลั้งเผลอ
    พิจารณาว่ากายไม่ใช่เรา เราไม่ใช่กาย ตายเมื่อไรจิตเราแยกจากกายเด็ดขาด มุ่งไปแดนพระนิพพาน...
    ที่ไม่มีการเกิดแก่เจ็บตาย ไม่หนาวร้อน ไม่ทุกข์ดีกว่า สบายถาวรดี

    ...การประพฤติธรรมจะถูกจะผิดจะตรงจะชอบ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ถอยหน้า ถอยหลัง นั้น เทวดา พรหม มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
    ท่านทรงทราบทุกอย่างไม่มีอะไรปิดบังได้

    ...เส้นทางชีวิตของแต่ละคนเป็นทางเอก ทางส่วนตัว เราจะต้องดูแลรักษาทางอันนั้นให้สะอาด เดินง่ายเรียบร้อย
    เราอย่าเป็นคนทำทางของเราให้เป็นอุปสรรค กับชีวิตเราเองด้วยการมีอารมณ์ร้อน เศร้าหมอง วิตกกังวล ต้องรักษาจิตใจให้สดชื่นเย็นสบาย
    ทางชีวิตก็ถึงจุดหมายคือพระนิพพานได้

    คำสอนพระพุทธองค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2013
  15. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    โดยทั่วไปคนจะปฏิบัติธรรมให้ถึงโลกุตระทุกคนนั้นมันไม่ค่อยมี

    ...มีแต่ปฏิบัติกาลยาณธรรม...

    ...มีศีล ๕ มีเมตตา กรูณา มุทิตา อุเบกขา...

    ...มีความหมั่น มีการรักษาทรัพย์ มีการคบคนที่ดีงาม ใช้จ่ายประหยัด...

    ...มีความสัตย์ มีความอดทน มีความเสียสละ...

    ...อย่างชาวบ้านอันเป็นกัลยาณธรรม...เขาจึงปฏิบัติอย่างนี้...

    ...พระธรรมคำสอนของหลวงปู่ทอง "พระธรรมมังคลาจารย์ วิ. "

    ...หลวงปู่ทอง สิริมังคโล...วัดพระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่...


    ...กราบนมัสการหลวงปู่เจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2013
  16. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "พระธรรรมคำสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน"

    องค์หลวงตาได้เทศไว้เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๒๘

    ...นี่เราเกิดในภพชาตินี้เหมาะสมอย่างยิ่งแล้ว...ได้พบพระพุทธศาสนา...

    ...ด้วยสอนอรรถสอนธรรมถูกต้องแม่นยำไม่มีสงสัยอะไรแล้ว...อริยสัจทั้งสี่ประกาศ

    -กังวานเพื่อความรื้อถอนภพชาติออกจากจิตใจของสัตว์...ซึ่งเป็นกองทุกข์-

    ...มานานแสนนานนั่นแลจะเป็นอะไรไป...อริยสัจ ๔ พูดอะไรก็ได้ถูกหมด...

    ...มีแต่เครื่องถอดถอนลูกศรที่ทิ่มแทงอยู่ภายในจิตใจนี้ออกทั้งนั้นนี่เป็นอย่างมาก...

    -อย่างน้อยตัดถพชาติให้ย่นเข้ามาๆ...เพราะอำนาจแห่งการพบพระพุทธศาสนา...

    ...ได้ประพฤติปฏิบัติตามหลักของศาสนา...แล้วสุดท้ายก็พ้นไปได้.....

    ...พระธรรมคำสอนขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด...

    ...น้อมกราบองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ...
     
  17. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    อารมณ์พระนิพพานชั่วขณะ

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ เวลากำลังนั่งอยู่เฉย ๆ นี่มีความรู้สึกบอกว่า..."ไม่มีอะไรจะต้องทำแล้ว"
    มันว่างแล้วจิตมันฟูขึ้น เกิดขึ้น ๒ ครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งครึ่งวัน แล้วก็ครั้งหนึ่งในเวลาทำงานได้ชั่วโมงกว่า ๆ มีความรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องทำอีกแล้ว มันเป็นอย่างไรคะ ?

    หลวงพ่อ : นั่นแหละ ...อารมณ์พระนิพพาน ก็เป็นแบบนั้นแหละ ถ้าพูดง่าย ๆ ว่า อารมณ์พระอรหันต์ เป็นแบบนั้น ทำได้เดี๋ยวเดียวเท่านั้นใช่ไหม..

    ผู้ถาม : ประมาณชั่วโมง...แล้วครั้งหนึ่งได้ครึ่งวัน

    หลวงพ่อ : เอาละ...ช่างมันเถอะ! ถ้ามันได้ช่วงนิดๆ หน่อยๆ ก็ดีให้มันชิน บางทีมันจะได้สักชั่วโมง หรือ ๑๐ นาที หรือ ๒ นาที
    เราก็พอใจ ให้มันชิน ไม่ช้ามันจะชินอารมณ์นี้ เวลาตายมันจะจับอารมณ์นี้ แต่การสอน...ท่านสอนว่าอารมณ์ว่าง คำว่า "อารมณ์ว่าง" คือ ว่างจากกิเลส มันจะเป็นความสุขที่สุด มันสุขเบา ๆ ใช่ไหม...มันเป็นนิรามิสสุข ไม่ใช่สามิสสุข ถ้าสามิสสุข...ได้ของ ได้คน ได้สัตว์ที่เราชอบ เป็นความสุขเขาเรียก "สามิสสุข" คือสุขอิงอามิสถ้า"นิรามิสสุข" ไม่เกี่ยวข้องกับอามิส อารมณ์มันอยู่เฉย ๆ

    ผู้ถาม : สังเกตว่าก่อนที่จะได้อารมณ์นี้ จิตนึกถึงความตายค่ะ

    หลวงพ่อ : ใช่...ตัวนี้สำคัญ! ตัวจิตนึกถึงความตายถ้าเป็นสมถะเรียกว่า มรณานุสสติ ถ้าวิปัสสนาญาณเขาเรียกว่า สักกายทิฏฐิ ใช่ไหม...เป็นสังโยชน์ พระพุทธเจ้าจึงทรงแนะนำว่า...ทุกคนให้นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ตัวนี้ต้องยืนตัว ถ้าไอ้ตัวนี้ไม่ยืนตัว อะไรก็ไม่ได้ ถ้าตายทุกคนก็ต้องตาย ไอ้คนที่จะไม่ตายไม่มี แล้วถ้าเรายังเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดมันจะมีประโยชน์อะไร ใช่ไหม...เราตายคราวนี้มันตายครั้งสุดท้าย เราไม่เกิดต่อไปอีกดีกว่า ทำยังไงจะไม่เกิดต่อไป เราไม่ต้องการร่างกายนี่ซิ...ไอ้คำว่า "ไม่ต้องการ" ไม่ใช่ตัดผลุนผลันไปเลยนะ คำว่า "ไม่ต้องการ" ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ปลด แต่หน้าที่มีเท่าไร...ทำให้ครบถ้วน แต่ทว่าทำแล้วก็คิดไปเลยว่า ไอ้งานประเภทนี้จะมีในชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ชาติต่อไปไม่มี วิธีตัดเขาตัดกันแบบนี้นะ...ไม่ใช่ตัดแบบวางมันส่งเดช ข้าวปลาไม่กิน ขี้เข้อก็ปล่อย...ไม่กินข้าวพอทนไหว ไอ้ขี้นี่มันยุ่ง...


    พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษี)


    Cr..FB ปัจจัตตัง
     
  18. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
  19. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
  20. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " กรรมฐานต่ออายุได้"

    กรรมฐานสามารถต่ดอายุได้ ขอให้ญาติโยมโปรดพิจารณาเดี๋ยวนี้ว่า เมื่อสมัย

    -โบราณอาตมาบวชใหม่ ๆ เขานิมนต์พระไปสวดต่นาม พ่อแม่เขาป่วย นิมนต์พระไป

    ...สวดให้ฟัง อาตมาก็เป็นพระบวชใหม่ไม่รู้ก็สวดไป ได้บ้างไม่ได้บ้าง ถามสมภารว่า

    -ต่อนามเป็นอย่างไร สมภารบอกว่าถ้าเราสวดแล้วเขาฟื้นจะมีชื่อเสียง แต่ถ้าเราไปสวด

    ...ถ้าเราไปสวดแล้วเขาตาย จะไม่มีใครมานิมนต์อีก อาตมาก็พยายามสวด นึกในใจขอ

    -ให้เขาฟื้นหน่อยเถอะ...เขาก็เกิดฟื้นขึ้นมา ไปสวดต่อนามก็คือไปสอนกรรมฐาน...

    ...อวิชา ปัจย สังขารา มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ปัญจักขันธา รูปักขันโธ

    ...สวดคิริมานนท์สูตร ที่พระอานนท์สวดถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอาพาธ ...

    ...หายได้ ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าเป็นยอดในโลกยังต้องรับฟัง...ไปสวดต่อนามก็ คือ...

    ...ไปสวดสอนกรรมฐานนั่นเอง...คนป่วยฟังรู้เรื่อง พนมมือฟัง...

    ...สวดกรรมฐานและสวดสติปัฏฐาน ๔...สรุปใจความ การเจริญกรรมฐานเป็นการ

    -ต่ออายุต่อนามของเราเอง...ไม่ต้องไปหาหมอต่ออายุ ไม่ต้องไปหาหมอดู...

    ...และสะเดาะเคราะใด ๆ โบราณเขาบอกว่า หากเคราะหามยามร้ายสร้างพระเข้าตัว

    ...เลยจำผิดเป็นสร้างพระเท่าตัว สร้างถวายกันเกะกะศาลาเขาไปหมด...

    ...สร้างพระเข้าตัว คือเอาพระมาไว้ในใจนี่ คือ นั่งเจริญกรรมฐาน อายุมั่นขวัญยืน

    ...ต่ออายุได้...ขอให้เข้าใจให้ถูกต้องด้วย...

    ...พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อจรัญ "หรือพระธรรมสิงหบุราจารย์"

    ...คัดจากหนังสือแก้กรรมปัจจุบันให้ทันชาตินี้...

    ...กรามน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนของหลวงพ่อเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...