จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " กรรมเก่าไม่มีใครลบล้างได้...กรรมปัจจุบันจช่วยเจ้าเอง"

    -จงจำไว้ลูกเอ๋ย.....+ กรรมที่ทำด้วยเจตนาไม่ว่าจะดีหรือชั่วย่อมมีผลต่อผู้กระทำ...

    ...ทั้งสิ้นไม่มีพรมเทพองค์ใด ช่วยเจ้าลบล้างกรรมนั้นได้...เจ้าต้องช่วยเหลือตนเอง

    -ด้วยการสวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตา...ผลแห่งบุญอันเป็นกรรมปัจจุบันนี้จะช่วยเจ้าเอง

    ...อานิสงค์ของการสวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตา จะทำให้ลูแจ้งในคำสอนของพระพุทธองค์

    -กายจะมีความสงบช่วยระงับความทุกข์ร้อน จิตจะเบิกบาน อิ่มเอิบใจมีความสุข...

    ...ยามนอนหลับเจ้าก็จะเป็นสุขไม่ฝันร้าย....เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย

    ...ยามที่ตื่นก็เป็นสุข มีหน้าตาผ่องใส มีสง่าราศี...อันตรายจากภัยใดๆย่อมทำอันตราย

    -เราไม่ได้ด้วยเทพพรหมมารักษา...เมื่อตายย่อมไม่หลงลืมขาดสติสัมปชัญญะ ...

    ...แท้ดวงตายังไม่เห็นธรรมแต่ต้องตายจากโลกนี้เสียก่อน ก็จะได้ไปเกิดเป็นถึงชั้น...

    -พรหมเลยนะลูกเอ๋ย...

    ...อมตะธรรมของสมเด๋จพระพุฒาจารย์โ(โต พรหมรังสี)

    ...กราบน้อมรับพระธรรมคำสอนขององค์ท่านเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2013
  2. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " ตายแล้วไม่สูญ"

    ( พระธรรมเทศนา...โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ...ตายแล้วสูญ...เป็นกลมายาของกิเลสโดยตรง ที่หลอกสัตว์โลกให้ทำชั่ว...

    ...อยากทำอะไรก็ทำ...พอตายแล้วจะไม่สูญละซิ ทีนี้ก็เสวยกรรมอยู่อย่างนั้น...

    ...หมดกรรมนี้แล้วก็มีกรรมนั้นต่ออีก...ภพนั้นสืบไป ภพนี้สืบไปเรื่อยๆ...

    ...กรรมหนัก กรรมเบา อยู่อย่างนั้นละ...

    .....พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้...ก็มากวาดเอา จิตวิญาณเหล่านี้ให้พ้นไปจาก...

    ...การเวียนว่ายตายเกิด...ให้สร้างความดีซิ ถ้าอยากพ้นทุกข์ไปตามพระพุทธเจ้า...

    ...พระธรรมคำสั่งสอนขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน...

    ...ขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ.........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2013
  3. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    ★ "บทความ" จาก..หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑ ตอนที่ ๓ ★ (๒๔)​

    ﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎﹎​

    ◆ บังเอิญติดดี ◆

    “ข้าพเจ้าได้กราบหลวงพ่อท่านครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒ ตอนนั้นหายป่วยจากแพ้ยาไข้หวัดเกือบตาย ถึงกับเป็นอัมพฤกษ์ ยังไม่แข็งแรงดี กับได้ยินเขาพูดว่า ถ้าขึ้นครูกรรมฐานวันพระ หรือวันไม่ดีจะเป็นบ้า หรือเห็นผีได้ ข้าพเจ้ากลัวผีมากอยู่แล้ว จึงไม่กล้าเอาธูป ๓ ดอก เทียนหนักบาท ๑ เล่ม ดอกไม้สามสี เงิน ๑ สลึง ไปนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อท่าน เพียงแต่ไปกราบ และทำบุญกับท่าน ท่านคุยอะไร ๆ ให้ฟังสนุกดี มีความสุขสบายใจมาก

    ตอนนั้นหลวงพ่อท่านยังไม่มาที่บ้านซอยสายลม ทุกเดือนเหมือนเดี๋ยวนี้ ลูกศิษย์ยังมีน้อยไม่กี่คน ดูท่าเก่งกันทั้งนั้น ข้าพเจ้านั่งฟัง และอายุก็น้อยกว่าด้วย นาน ๆ จะมีคำถามถามท่าน ถามทีไรได้หัวเราะกันเกือบทุกที เพราะคำถามไม่เข้าท่า จนผ่านไปเกือบปีเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า

    "หลวงพ่อเจ้าคะ.. ลูกอยากขึ้นครูกรรมฐาน กับหลวงพ่อ เขาว่าถ้าเป็นวันพระวันไม่ดี จะเห็นผีเป็นบ้าด้วย" เสียงหัวเราะดังขึ้น หลวงพ่อท่านว่า

    “ขึ้นไม่ได้หรอก..ครูหนักแย่ เขาเรียกว่าไหว้ครู วันไหนก็ได้ ถ้ายังมีความกลัว เทวดาท่านจะไม่ปรากฏให้เห็น ไม่ใช่ผี ไม่ว่าใครก็ตามถ้ากำลังทำสมาธิ นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือ "พุทโธ" จะมีเทวดาอย่างน้อย ๒ องค์คุ้มครอง และภายในรัศมี ๒ วา ไม่มีอะไรเข้าถึงตัวได้”

    คงหมายถึงผีชั่ว ๆ หรือมารมั้ง ไม่ได้ถามท่านด้วย พอจะเขียนถึงพูดไม่ถูก จนเดือนมีนา ๒๕๑๓ จึงได้บูชาครูอย่างถูกต้องที่บ้านสายลม คล้าย ๆ จะมีดอกไม้ ๕ กระทง ข้าวตอก ๕ กระทงด้วย ชักลืมไม่ได้จดไว้

    คืนนั้นหลังจากนั่งสมาธิเสร็จแล้ว หลวงพ่อท่านบอกให้ข้าพเจ้าบวชเณรใช้เจ้ากรรมนายเวร ให้งูที่ข้าพเจ้าตีตาย ในห้องน้ำบ้านพักพยาบาล ที่โรงพยาบาลภูมิพล เมื่อ ๑๐ ปี ก่อนที่จะพบหลวงพ่อท่าน ทำไปเพราะความจำเป็น มีแต่เพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น ใครก็ไล่ไม่ได้ ตัวใหญ่ขดอยู่ในซอกโถส้วม กับถังน้ำ ข้าพเจ้ายืนอยู่นอกประตู หลับตาตีไปตรงนั้น เพื่อนลืมตาดูให้ คนตีหลับตาเงื้อไม้กระทบพื้น หรือถูกงูทีก็ร้องว้าย ๆ ทั้งคนตี และคนดู แบบว่าตีไม่นับเลย ไม้ยาวหลายวา

    เคยทราบว่าถ้าตีงูไม่ตายจริง กลางคืนจะมานอนด้วย ตั้งแต่ครั้งนั้นไม่สบายเมื่อไรนึกถึงว่าทำบาป เพราะตีงูทุกที เพราะอย่างอื่นไม่เคยทำ หลวงพ่อท่านบอกว่า

    “งูเขาฟ้องท่านว่าตีเขาเละเลย”

    เจ้าค่ะ..ลูกกลัวจะมานอนด้วย ไม้ยาวยกสุดแขนจนหลอดไฟบนเพดานแตกหมดเลย แล้วลูกคิดถึงบาปอันนั้นเรื่อย ๑๐ปีกว่าแล้วเจ้าค่ะ ครั้งแรกหลวงพ่อท่านรู้แล้วว่าเราทำบาปอะไร ใจข้องอยู่กับงูตัวนั้นด้วยจริง ๆ คืนนั้นกำลังนั่งสมาธิยังนึกว่าเราเคยตีงู ตีงูตัวใหญ่สีดำ ๆ เคยตีงู ตีงู ถ้าสมัยนี้ก็รู้ว่า เขาคงมาอยู่ข้างหน้าเราแล้ว

    คืนเดียวกันนั้น คุณนิด (สุภาพ ปุณศรี) ก็ต้องบวชเณรให้เจ้ากรรมเก่า ในอดีตชาติ เคยทำโทษคนรับใช้ผู้หญิง ขโมยเครื่องเพชรทอง เขายังผูกใจเจ็บอยู่ คุณนิดมีลูกชาย เอาลูกชาย หง่าว (พงศธร ปุณศรี) บวช ข้าพเจ้าไม่มีลูกชาย พี่อ๋อย (เฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา) ภรรยา พล.อ.ท. มรว.เสริม ศุขสวัสดิ์ เจ้าของบ้าน ซอยสายลม จัดการเอาลูกชายคนเล็ก หน่อง (ม.ล.จิรเศรษฐ์) ให้ยืมบวชเณรใช้งูตัวนั้น อีกไม่กี่วันพากันไปบวชเณรน้อยที่วัดท่าซุง กับหลวงพ่อ

    ท่านพระมหาวีระ ถาวโร สมัยนั้นญาติเณรกับพี่น้องเณรเด็ก ๆ ไปกันหมด ญาติเยอะ ลูกไปพ่อแม่ก็ไปด้วย ดีว่าบ้านพี่ชุมศรี มีบ้านหลังใหญ่ที่ในเมืองอุทัยให้พัก จึงสะดวกสนุกเหมือนรวมญาติ หลวงพ่อท่านยังอยู่กุฏิริมน้ำหลังเล็ก ๆ ที่ตั้งตึกเสริมศรียังเป็นศาลาแบบชั่วคราว มีหลังคาสังกะสีกับพื้นไม้กระดานติดดิน ไม่มีฝาโปร่งโล่งดี เณรบวช ๕ วัน โรงเรียนกำลังปิด พี่เลี้ยงเณรน้อยกับกองเชียร์ จึงมีหลายคน เด็ก ๆ สนุก ผู้ใหญ่ก็สนุกชื่นใจ ถามอะไรหลวงพ่อท่านตอบได้หมด

    ยังมีเรื่องแปลก ๆ เล่าให้ฟังเกือบทุกวัน ตื่นเต้นทั้งเด็กผู้ใหญ่ ขนาดให้ลูกอู๋ ลูกอุ๋ย (กุลรัตน์ และ กัลยาวัชร์ มณีจักร) เลือกว่าไปตากอากาศชายทะเล กับไปวัดท่าซุง จะไปไหน ยังเลือกไปวัดท่าซุงเลย ลงเล่นน้ำ หัดว่ายน้ำหน้าวัดเป็นปี ๆ ไม่เห็นชาวบ้านลงเล่นยังนึกว่าเขาโง่ ตักขึ้นไปอาบทำไมให้หนักแรง

    วันหนึ่งถามเขา เขาบอกว่า แม่น้ำสะแกกรังนี่ จระเข้มีเยอะหลุดมาจากบึงบอระเพ็ด นครสวรรค์ เคยขึ้นจับเป็ดจับไก่ชาวบ้านกิน มิน่าเขาไม่ลงน้ำกัน เราเองโง่ ถ้าไม่ใช่บารมีหลวงพ่อท่านช่วย คงคาบเอาไปบ้างแล้ว

    วันหนึ่งข้าพเจ้าลงเล่น นึกขอเป็นน้ำมนต์ของหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อท่าน ช่วยให้แข็งแรง หายจากขาที่ยังไม่แข็งแรงดีเท่าเดิม กำลังว่ายอยู่หลายคน หลวงพ่อท่านเดินออกไปที่หน้าระเบียงกุฏิ ๒ ชั้น ริมน้ำ เวลานั้นเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ท่านถามว่า

    “อัญเชิญลงเล่นหรือเปล่า”

    เล่นเจ้าค่ะ อ้อ ท่านทำน้ำมนต์ให้แล้ว เสร็จจากนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ตอนกลางคืน หลวงพ่อท่านจะนำกล่าวอุทิศส่วนกุศล เราก็ปลุกลูก ๆ ที่หลับอยู่ข้าง ๆ ให้ลุกขึ้นด้วย แล้วเขาก็ได้ฟังหลวงพ่อท่านเล่าเรื่องผี เทวดา สุนัข แมว ตายแล้วเป็นเทวดา ตาสว่างหายง่วง

    พี่อ๋อย กับ พี่เสริม เกรงว่าต่อไปภายหน้าเรื่องแบบนี้ จะไม่มีใครเล่าให้ฟังอีก เกรงว่าจะสูญไปจึงขออนุญาตหลวงพ่อท่าน จัดพิมพ์เป็นหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน โดย “ฤาษีลิงดำ” หลวงพ่อท่านให้นามปากกา จากที่หลวงปู่ปานเคยเรียกท่าน ตั้งแต่นั้นท่านฤาษีลิงดำจึงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ถ้าเอ่ยพระนามเป็นอย่างอื่นก็ต้องว่า ท่านฤาษีลิงดำด้วยถึงจะอ๋อ! กัน มีองค์เดียวเท่านั้น

    วันที่บวชเณรน้อย ๒ เณรแล้ว หลวงพ่อท่านจะนำอุทิศส่วนกุศล และให้พร ท่านบอกข้าพเจ้าว่าท่านพระอินทร์มา เราเคยเป็นหลานท่านให้นึกถึงท่านด้วยนะ เจ้าค่ะ รีบรับปากไว้ก่อนไม่ได้ถามท่าน คิดว่าไม่มีปัญหา เมื่อท่านว่า..ยะถา วาริ วะหา ฯลฯ

    ข้าพเจ้านึกอุทิศส่วนบุญให้งูที่ตี ในห้องน้ำแล้ว งูอะไร ตัวผู้หรือตัวเมียก็ไม่รู้ ตัวนั้นน่ะ แล้วอย่ามาทำให้ป่วยให้ปวดเมื่อยอีก ทีนี้นึกถึงพระอินทร์มีหลายองค์ แบบนางฟ้าเทวดาไง้ (โง่ถึงขนาดนั้น) ไม่ได้ถามว่าองค์ไหนซะด้วย เอาองค์นั้นที่หลวงพ่อท่านสั่ง เมื่อกี้นี้ก็แล้วกันเจ้าค่ะ พิธีเสร็จเรียบร้อยแล้วยังนึกข้องใจ ว่ากราบเรียนพระอินทร์ถูกองค์หรือไม่หนอ จึงเรียนหลวงพ่อว่า

    เมื่อกี้นี้ลูกบอกพระอินทร์แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นองค์ไหนจึงจะถูกองค์ เลยบอกว่าให้องค์ที่หลวงพ่อสั่งเมื่อกี้นี้เจ้าค่ะ เสียงหัวเราะดังขึ้น พี่โป๋ (พันเอกประวิทย์ ศรลัมพ์) นั่งติด ๆ ไม่ฮาเปล่า เอามือตบหลังข้าพเจ้าป๊าบใหญ่ หลวงพ่อท่านหัวเราะด้วยแล้วบอกว่า

    “พระอินทร์มีองค์เดียว เป็นใหญ่ในเทวดานางฟ้าทั้งหมด งูเขาเป็นตัวเมีย เวลานี้เป็นนางฟ้าแล้ว ทีนี้ป่วยปวดเมื่อยก็อย่าโทษเขาอีก เขาอโหสิกรรมให้แล้ว เขาเป็นนางฟ้ามีฤทธิ์ ถ้ามีอะไรให้เขาช่วยก็ขอช่วยได้”

    ข้าพเจ้าไม่เคยขออะไรเลยเพราะขอไม่เป็น คิดสงสัยอะไรหลวงพ่อท่านทราบหมด และแก้ข้อข้องใจให้ด้วย ทีนี้ก็ไปวัดท่าซุงอีกเรื่อย ๆ ไปบ่อย



    อัญเชิญ มณีจักร

    หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2013
  4. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    มีเรื่องเล่าที่ผู้เขียนอยากจะแชร์ให้พี่ๆน้องๆได้รับรู้ ถึงอนุภาพของคุณ"พระพุทธเจ้า พระธรรม และคุณพระสงฆ์"
    เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้บอกน้องสาวว่าจะไปกราบหลวงพ่อทองใบ
    ปภัสฺสโร ที่วัดนาหลวงและได้ให้น้องเอาผักมาส่งตอนตี่3-4 เพราะน้องก็จะ
    เข้ามาตลาดเวลานี้อยู่แล้วของวันนั้น เพื่อจะออกเดินทางไปตอนเช้าของวันฟฤ
    หัสบดี แต่ตอนเย็นของวันพุธ

    ข้าพเจ้าและเพื่อนได้ไปกินอาหารที่ร้านอาหาร และเป็นเพื่อนที่จะเดินทางไปด้วยนั้นก็คือคุณพี่ประไพ ซึ้งเป็นสหธรรมมิตรกับข้าพเจ้า และบ้านก็ติดกัน และ
    ข้าพเจ้าไม่รู้ตื่นมาตั้งตีสี่เพราะไม่ได้รับข้อความจากเพื่อนเพราะเข้านอนก่อน เขาส่งข้อความบอกท้องเสียไปไม่ได้

    ข้าพเจ้าก็เลยไม่ได้ไป แล้วก็บอกเพื่อนไม่เป็นไรไปวันศุกร์ก็ได้ แต่เพื่อนก็ไม่สะดวกเพราะเขาจะไปที่โรงเรียนของลูก เพราะเป็นวันแม่ ก็เลยต้องเป็นวันเสาร์ และทุกๆอย่างก็พร้อมเป็นวันเสาร์ ซึ้งข้าพเจ้ายังไม่เคยไปวัดนี้เลย และเป็นครั้งแรกที่จะได้ไป และเป็นระยะทางไกลพอสมควรต้องใช้เวลา

    หนึ่งวันเต็มๆข้าพเจ้ากับสหธรรมมิตรก็ออกเดินทาง พอไปถึงก็ไม่รู้ว่าท่านจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะยังไม่รู้อะไรก็แล้วแต่บุญ พอไปถึงก็รีบตรงเข้าไปถามลุงคนเฝ้ากระเซ้าที่ญาติโยมนําเอาของมาถวายจะต้องเอาใส่กระเซ้า เพราะหิ้วก็จะไกล เพราะต้องเดินขึ้นเขาไกลพอสมควร ข้าพเจ้าก็ถามลุงว่าหลวงพ่ออยู่ไหม? ลุงตอบกลับมาว่า"ท่านอยู่เพราะทุกๆเสาร์ที่สองของเดือนท่านจะลงเทศน์โปรดญาติโยมตอนเที่ยง" พอข้าพเจ้าได้รับรู้คําตอบข้าพเจ้าถึงกับขนลุกไปหมด แล้วก็ยกมือสาธุ สาธุ แล้วก็เอาผักขึ้นใส่กระเซ้าเดินขึ้นไปด้วยความปราบปลื้มปิติสุข

    พอเขาไปถึงศาลาก็มีญาติโยมเต็มไปหมดแล้ว และก็มีพระมากมายวันนั้นผู้คนมาจากทั่วสารทิศทั้งหมดท่านอ่านว่ามาจากสิบแปดจังหวัด ประมาณแปดร้อยเก้าสิบคนมาร่วม ท่านเทศน์อย่างถึงใจของผู้ฟังโดยเฉพาะข้าพเจ้านี่น้อมจิตฟังตามคําสอนของท่านว่า"วันนี้ท่านจะแกะหรือปอกทุเรียน"ให้ได้เห็นว่าก่อนจะกินทุเรียนต้องเอาเปลือกมันออกก่อน แล้วท่านก็พูดว่าขันธ์ห้า ต้องรู้ให้แจ้ง ถึงจะเห็นของจริง แล้วท่านก็พูดยํ้าๆว่าขันธ์นี่แหละเป็นทุกข์ ให้เห็นให้ชัดๆผู้เห็นได้จะสว่าง เย็น ไม่ทุกข์ เพราะขันธ์เป็นสมมุติ แล้วก็เทศน์ประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ข้าพเจ้าน้อมจิตกราบและทราบซึ้งอย่างไม่สามารถจะอธิบายให้เป็นคําพูดได้ ขอให้ทั้งหลายผู้ยังไม่เคยมากราบท่าน
    ให้ท่านได้มาเจอของดี ที่ผู้เขียนได้นํามาแบ่งปันแค่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ท่านต้องมาเอง แล้วก็เห็นเองค่ะ...สาธุ

    ลูกขอน้อมจิตกราบหลวงปู่ทองใบ ปภัสฺสโร ด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2013
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จิตคนเรานี้เข้าใจยากจริงหรือ?

    เราเป็นคน เป็นมนุษย์ทางโลกยังชอบที่จะเดินทางตรง
    แต่ในทางกลับกันก็คือทางธรรม โดยเฉพาะการปฎิบัติมักจะเดินทางอ้อมกัน
    ผู้ปฎิบัติก็กำหนดไว้ภายในใจเองว่า เราจะปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้น หรือพระนิพพาน

    แต่ผู้ปฎิบัติจะต้องกลับมาถามตนเองว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
    จะมีอะไรอีก นอกจากกำลังใจหรือสติปัญญาตนนั่นเอง
    แต่ความจริงหรือเชิงปฎิบัติ มิได้บังคับกัน ก็ต้องปล่อยหรือว่าไปตามกำลังใจของตน

    อย่าลืม การละปล่อยวางกับทุกสิ่งนั้น เป็นหน้าของจิต มิใช่เรา หรือสิ่งอื่น
    แต่จิตจะปล่อยวางทั้งหมดได้นั้น ก็ด้วยปัญญา
    การละปล่อยวางของแต่ละบุคคลนั้นจึงไม่เท่ากัน เพราะด้วยสติปัญญาต่างกัน

    ผู้ปฎิบัติคอยหมั่นระลึกหรือนึกถึงผลการปฎิบัติของตนและต้องยอมรับผลการปฎิบัติของตนด้วย
    โดยไม่นำไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น หรือไม่นำผลการปฎิบัติผู้อื่นมาเปรียเทียบกับตน
    เพราะมันคนละส่วนกัน ไม่เกี่ยวกับตน
    แต่ให้เปรียบเทียบการปฎิบัติหรือผลการปฎิบัติตน เมื่อก่อนและตอนนี้
    ไม่ใช่เมื่อวานนี้จิตเป็นสมาธิดี แต่วันนี้จิตไม่เป็นสมาธิเลย อันนี้ไม่เกี่ยวกัน
    อันนั้นเป็นเรื่องของจิตคนเรานั้น มันไม่เที่ยง สติก็ไม่เที่ยง เกิดๆดับๆ จิตก็เช่นเดียวกัน
    ยกเว้น จิตผู้ที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้ว เช่น พระอรหันต์ ที่แยกจิตออกมาจากขันธ์๕ได้แล้ว
    ตราบใด ผู้ปฎิบัติยังแยกจิตออกมาจากขันธ์๕ตนไม่ได้ หรือแยกจิตออกมาจากสิ่งสมมุติทั้งหลายทั้งปวงยังไม่ได้
    นั่นก็แสดงว่า เรายังออกจากทุกข์ยังไม่ได้สนิทใจนัก แต่ก็ยังดีกว่าผู้ไม่ได้ปฎิบัติเลย
    เพราะฉะนั้น ผู้ปฎิบัติย่อมได้เปรียบผู้ไม่ปฎิบัติ จึงมีความทุกข์มากเป็นธรรมดา
    เพราะหาทางออกจากทุกข์ของตนยังไม่ได้
    ความจริงทุกข์ของคนเรานั้นมีอยู่ มิได้หายสาบสูญไปไหน แต่ยังคงติดตามตัวเราไปทุกหนทุกแห่ง
    ทุกข์นั้นก็คือ ขันธ์๕หรือร่างกายของเรานั่นเอง
    ผู้ปฎิบัติกับผู้ไม่ได้ปฎิบัติต่างก็มีขันธ์๕หรือร่างกายเหมือนกันหมด
    แต่ต่างกันตรงที่จิต จิตผู้ปฎิบัติธรรมนั้นเป็นจิตที่ถูกฝึกให้แยกออกมาจากขันธ์๕หรือร่างกายของตน
    ส่วนผู้ปฎิบัติจะแยกได้เด็ดขาดหรือไม่นั้น ก็ต้องอยู่กับผู้ปฎิบัติท่านนั้นเอง
    ถ้ายังแยกไม่เด็ดขาด ทุกข์นั้นก็ยังมาปรากฎอยู่ แต่ถ้าแยกได้ จิตย่อมสงบนิ่งตลอดเวลา
    แต่ถ้าเมื่อวานจิตนิ่งหรือว่างดี แต่วันนี้ไม่นิ่ง ไม่ว่าง
    อันนี้ยังใช้ไม่ได้ ต้องซ่อมใหม่ ไม่เป็นไร อย่าไปซีเรียส

    การปฎิบัติธรรม นอกจากเราจะต้องรักษาศีลแล้ว การภาวนาก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับออกจากทุกข์ของตน
    การภาวนาก็มีอยู่ ๒ ประเภท คือ สมถกับวิปัสสนา
    ผู้ปฎิบัติจริงๆแล้ว ตรงนี้ต้องแยกให้ออก ระหว่างสมถกับวิปัสสนา
    อย่าลืม สมถเป็นบาทฐานของคำว่า วิปัสสนา
    วิปัสสนาก็ต้องอาศัยจิตเป็นสมถหรือเป็นสมาธิเป็นหลัก
    เพราะหลักการวิปัสสนาหรือพิจารณาธรรมหรือค้นหาความจริงของเหล่าธรรมนั้นได้
    โดยไม่ต้องเอาความคิดหรือสมองมาเกี่ยวข้อง รู้ทางธรรมหรือปัญญาทางธรรม
    รู้ด้วยปัญญา แต่จะต้องอาศัยจิตที่เป็นสมาธิหรือสงบนิ่งเสียก่อน
    แต่ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิหรือไม่นิ่ง อันนั้นจะรู้ไม่จริง เพราะจิตไม่นิ่งยังมีนิวรณ์หรือกิเลสรบกวน
    หรือบางทีเรียกว่า วิปัสสนึก ก็คือ กูรู หรือตูนึกเอาเอง
    ตรงนี้มันไม่เป็นไปตามพระธรรมหรือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    เพราะฉะนั้น ปัญญาทางโลกกับทางธรรม จึงต่างกัน
    ความรู้ทางโลกเรียนเองคนเดียวหรือถามไถ่ผู้อื่นหรืออ่านฟังมาจากที่ไหนก็ได้
    แต่ความรู้ทางธรรมนั้น ต้องอาศัยจิตเราเป็นสมาธิหรือนิ่งเป็นพิเศษ
    นี่ก็คือที่มาที่ไปของคำว่า กรรมฐาน๔๐กอง หรือการเจริญสติภาวนา
    ความสำคัญของคำว่า กรรมฐาน ก็คือเป็นแค่อุบายทำให้จิตของผู้ปฎิบัติเข้าสู่ความสงบแห่งจิตตนเท่านั้น
    เพราะก่อนจะถึงตัวปัญญา ตามที่พระพุทธองค์กล่าวมานั่นก็คือ ทำจิตให้เป็นสมาธิก่อน
    ผู้ปฎิบัติใหม่ถึงจะเข้าใจคำว่ามรรคมีองค์๘ หรือทำไมต้องเป็นศีล สมาธิ ปัญญา
    พระพุทธเจ้าใ้ห้พวกเราปฎิบัติแค่นี้ แต่เราจะต้องทำทั้ง ๓ อย่างให้ครบก่อน เราถึงเข้าใจคำว่า ปัจจัตตัง
    เดี๋ยวก็รู้และเข้าใจไปตามลำดับๆเอง ถ้าผู้ปฎิบัติเจริญวิปัสสนาญาณครบ
    นั่นก็หมายความว่า เจริญปัญญาให้กลายเป็นปัญญาญาณ ดั่งเช่น พระอรหันต์ เป็นต้น

    เวลาปฎิบัติเขาให้ทำแค่สามอย่าง ได้แก่ หนึ่งตามดูจิต สองตามรู้จิต สามด้วยใจเป็นกลาง
    โดยเฉพาะ ผู้ปฎิบัติส่วนใหญ่ (รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วย) มักสอบตกกันในข้อสุดท้าย
    เพราะสติปัญญาของเรายังมีไม่มากพอ ไม่แปลกอะไร เป็นเรื่องธรรมดา
    อย่าหลงไปโทษตน ให้อภัยตนเสีย สอบตกก็สอบใหม่ ซ่อมบ่อยๆเดี๋ยวก็ผ่านสักวัน
    มีความศรัทธาก็ต้องมีความเพียรด้วย ไม่อย่างนั้นไม่พอ ถ้าเราจะเอาดีในทางมรรคผล

    ขอเน้นย้ำจิตบุญ(ที่ยังพอตักเตือนกันได้) ที่ยังละขันธ์๕ไม่เด็ดขาด
    ส่วนใหญ่จะติดนามข้อที่๓และ๔ เคยบอกไปแล้วว่าการออกจากคราบมนุษย์นั้น มิใช่เรื่องง่าย
    แต่ถ้าง่าย ป่านนี้ก็คงมีจิตอรหหันต์เต็มบ้านเต็มเมืองไปแล้ว
    คำว่าอรหันต์ไม่ต้องไปถามใครหรอก ผู้ที่ยังถามหรือยังสนใจคำสมมุติเหล่านี้อยู่
    พวกเราก็ลองถามตนเองกันดูสิว่า จิตเราอรหันต์ไหม๊ เราต้องตอบตนเองให้ได้
    เพราะฉะนั้น เรื่องแบบนี้ เขาไม่มาพูดที่สาธารณะหรือไปบอกให้กับผู้อื่นรู้
    แต่เรานี่แหล่ะ จะต้องรู้ดีและรู้ก่อนใครด้วย แต่พูดไม่ได้เท่านั้น อิ่มอกอิ่มใจอยู่กับผู้เดียวพอ
    เพราะฉะนั้น จิตใครจะถึงนิพพานหรือไม่นั้นจึงไม่สำคัญ ว่าแต่ว่าจิตเราถึงนิพพานหรือยัง?

    ออกจากทุกข์ของตนสนิทใจให้ได้ก่อนที่จะมาพูดถึงคำว่า นิพพาน
    มันจะไปได้ไหม ถ้าจิตเรามันยังปล่อยวางไม่ได้ จิตยังมีสองมาตราฐาน ก็คือยังมีความพอใจหรือไม่พอใจ
    ยังละความรู้สึกของตนไม่ได้ อะไรมากระทบจิตเข้าหน่อยเดียว ก็แปรเปลี่ยนไปตามสิ่งที่กระทบแล้ว

    ขอโทษ มิได้มีเจตนาล่วงเกินจิตผู้ใด แค่อยากพูดให้ฟัง
    สังเกตให้ดี ผู้ที่ยังออกจากนามข้อที่๓และ๔ไม่ได้ จิตมันก็จะวกวนไปที่เดิมอีก
    นั่นก็คือ ไปตามหากิเลสตัณหาและอุปาทานของตนใหม่ ให้มันปวดหัวเล่นเท่านั้นเอง
    เมื่อเราตัดได้จริง สังเกตง่ายๆก็คือ เบากาย เบาใจตลอดเวลา เพราะจิตเขาปล่อยวาง มิใช่เราอยากปล่อยวาง
    ถ้ายังตัดไม่หมด สังเกตให้ดีๆมีรางวัล เช่น เรานี่แหล่ะจะเป็นผู้จัดการกรรมซะเอง
    เรากำลังกลับไปหาทางโลกตามเดิม ก็จิตเรามันปล่อยวางไม่หมดเอง
    ก็จิตเรามันละขันธ์๕ไม่เด็ดขาดเอง จึงเป็นเช่นนี้
    พยายามแยกเรื่องทางโลกกับทางธรรมให้ออก อย่านำมาปนกัน
    อันไหนเป็นของกาย อันไหนเป็นเรื่องของจิต แยกให้ออก แยกให้ชัด ชีวิตจะได้ไม่มั่ว
    พระอรหันต์ท่านมีแต่ความเมตตากับเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่จะอุเบกขาคอยปิดขบวนสุดท้าย
    โดยเฉพาะวิปัสสนาญาณข้อที่๘ ว่าด้วยเรื่อง สังขารุเบกขาญาณ คือญาณวางเฉยต่อสังขาร
    เมื่อเราวางขันธ์๕หรือร่างกายของเราได้แล้ว ย่อมเข้าใจธรรมและกฎแห่งกรรมเป็นอย่างดี
    จิตไม่เบาแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ส่วนกายก็จะเบาตามมาทีหลัง
    เมื่อจิตปล่อยวางขันธ์๕ได้แล้วก็ย่อมปล่อยวางกับทุกสิ่งได้หมด ไม่มีเหลือ โดยมิต้องกังขาใดๆทั้งสิ้น
    โมทนาสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 สิงหาคม 2013
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    เครื่องยนต์ต้องสตาร์ทให้เครื่องเดินก่อนขับเคลื่อนรถยนต์ได้ฉันใด

    -เมื่อเราสตาร์ท)ฏิปัฏฐาน ๔ สัมมัปปะธาน ๔...

    ...อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรค ๘...

    ...ซึ่งรวมกันเรียกว่า โพธิปักขิยะธรรม ๓๗ ประการ นี้แล้ว...

    ...ธรรมจะหมุนไป เรียกว่าธรรมจักร...

    ...เรายังจักรธรรมให้เป็นไป นี้คือลำดับแห่งวิปัสสนาญาณ...

    ...หากเราเรียนจบทั้งหมดนี้ เรียกว่า เป็นผู้ทรงไตรปิฏก...

    ...เป็นทฤษฏีทั้งนั้นเลย...

    ...เหมือนกินยา ตัวกิเลสจะละลาย แล้วในที่สุดจะพ้นทุกข์...

    ...คัดมาจากหนังสือ "หลวงปู่ฝากไว้ " หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง ช.ม

    ...กราบนมัสการหลวงปู่ด้วยความเคารพเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  7. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    พรุ่งนี้เป็นวันแม่ คําว่า"แม่"เป็นคําที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นๆใดที่ลูกๆจะพึงระลึกถึง คุณของแม่ และเป็นผู้สละเลือดเนื้อให้เราได้เป็นผู้เป็นคน

    คือ ให้ชีวิตกับลูก ทุกๆท่านเกิดมาได้ก็ต้องมีแม่และในการที่เราจะมาปฏิบัติธรรมได้ก็ต้องเป็นคนที่ได้เห็นคุณของแม่-พ่อ ก่อน
    เพราะท่านเป็นพระอรหันต์ของลูก

    ผู้ที่มีความกตัญญกัตเวที่ต่อพ่อ-แม่ จะเจริญและไม่ตกตํ่า เพราะผู้มีคุณต่อบิดา-มารดา เทวดาจะรักษาท่าน และทําหน้าที่การงานอะไรก็จะสมความมุ่งมาดปรารถนา

    เพราะคําว่าเห็นคุณบิดา-มารดานั้นเอง เพราะเรื่องนี้เป็นที่เห็นได้ คือ ผู้ที่จะมาปฏิบัติถ้ายังมีจิตที่เป็นอกุศลต่อมารดา หรือบิดา คือไม่เชื่อฟัง หรือชอบเถียง แม่-พ่อนั้น
    ท่านจะปฏิบัติก็จะมีอุปสรรค เพราะการที่จะเข้าสมาธิ จิตก็จะไม่สงบได้เพราะเรายังไม่ผ่านการทดแทนคุณของท่าน
    เพราะถ้าจิตที่บริสุทธิ์แล้วนั้น คําว่าแม่ และพ่อนั้นยิ่งใหญ่อย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้เลย

    จึงขอเชิญชวนให้ทุกๆท่านได้ไปกราบไหว้มารดา-บิดาของท่านทุกๆท่านที่มีแม่-พ่อ อยู่พร้อมหน้า
    รีบทําความดีกับท่านก่อนที่ท่านจะไม่ให้เราได้ทํานั้นแหละคือสุดยอดของบุญค่ะ และเนื่องในวันแม่
    ข้าพเจ้า ขออาราชธนาคุณ "พระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์" จงมาปกป้องคุ้มครองมารดา -บิดา

    ของข้าพเจ้าให้มีแต่ความสุขความเจริญตลอดทั้ง
    มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ตลอดทั้งมีดวงตาเห็นธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2013
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ดูจิตตนให้มาก
    การปฎิบัติธรรมเราจะต้องเน้นที่ตัวจิตตน ว่ามันเคลื่อนไหวไปมาอย่างไร
    เอาให้มองเห็นให้ชัดเจนก่อน เพราะเริ่มมองเห็นใหม่ๆนั้นจิตยังไม่มีกำลังละปล่อยวางใดๆทั้งสิ้น
    ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจิตเขารู้และก็วางเองในที่สุด

    สำหรับผู้ปฎิบัติใหม่จะยังมองเห็นความเคลื่อนไหวจิตตนยังไม่ค่อยชัดเจนนัก เห็นบ้างไม่ใช่ว่าไม่เห็นเลย
    มีสติทีก็จะเห็นแว๊บๆทีนึงอะไรประมาณนั้น

    เพราะฉะนั้น ผู้ปฎิบัติจำเป็นจะต้องเจริญสติภาวนาให้มาก
    ส่วนผู้ปฎิบัตินานมาแล้ว ก็ลองถามตนเองดูนะว่า มันไปถึงไหน เจริญในธรรมบ้างหรือไม่ พยายามถามตนเองบ่อยๆหน่อย
    ที่ไม่ค่อยเจริญในธรรม ไม่ใช่ขี้เกียจหรอก แต่การเจริญสติของเรามันขาดความต่อเนื่อง เท่านั้นเอง จิตเราก็เลยไม่ไปถึงไหน

    จิตบุญ อยากจะแนะนำว่า รุ่นนี้ต้องเจริญปัญญาให้มากแล้ว ส่วนเจริญสติไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว เ
    พราะทำกันมามากแล้ว เราจะต้องรู้ตัวของเราเอง
    แต่ถ้าเราขยันหรือทำอย่างเนื่องดีแล้ว เราก็มีสติทั่วพร้อม ที่ผ่านมาเราจะต้องมีระดับสติที่เข้มข้นหรือสติสัมปชัญญะกันแล้ว
    เผลอให้น้อยที่สุดแล้ว รุ่นนี้จะต้องสำรวมจิตอย่างเดียวแล้ว แล้วคำว่า วิปัสสนาของเราจะเข้มข้นตามไปด้วย
    ขออนุญาตินำมาพูดกันอีกรอบนึง

    ดูคุณเพ็ญ๒ เป็นตัวอย่าง เมื่อก่อนที่กำลังทำจิตเกาพระใหม่ หน้าตาเธอจะดูไม่ค่อยจะได้
    ก็เพราะว่า จิตมันกำลังทรงฌานเข้มและต่อเนื่องนั่นเอง
    แต่ภายในโล่งโปร่งใสเย็นดีเป็นพิเศษ แต่จะดูไม่ดีสำหรับผู้พบเห็น แต่เมื่อไหร่ จิตผ่านสมถหรือสมาธิหรือฌานไปแล้ว
    หมายถึงเข้าสู่โหมดวิปัสสนาญาณไปแล้ว คราวนี้หล่ะ เริ่มดูดีขึ้นมาหน่อย ที่บอกให้รู้นี่คือผลการปฎิบัติมันต้องได้แบบนี้ เป็นแนวนี้
    เพราะถ้าผู้ปฎิบัติยังติดเฉยหรือติดฌานนั้น มักมีนิสัยสันโดษ คือไม่อยากพบเห็นหน้าผู้ใด เหมือนคนที่กำลังอยู่แต่ในถ้ำ
    คือยังไม่อยากออกมาตอนนี้ เพราะสภาพมันอิดโรย ไม่น่าดู ที่พูดแบบนี้ มิได้มีเจตนาให้ต้องไปแคร์กับขันธ์๕ หรือร่างกายมากนัก
    ไม่เกี่ยวกัน แค่พูดให้กันฟังเฉยๆ

    แต่เดี๋ยวนี้ ไปดูหน้าตาของเธอใหม่ ดูดีเลยทีเดียว เพราะผลการปฎิบัติธรรมนี่เอง
    (แอบไปดูในเฟสมาถึงได้รู้นี่ไง ไม่ได้แอบหรอก มันโผล่มาให้เห็นเอง)
    เพราะฉะนั้น พวกเราก็อย่าเอาสติหรือจิตไปอยู่หรือไปจับกับทางโลกมากนัก เดี๋ยวทั้งกายและจิตจะแลไม่งาม

    แค่สติมีก็แค่รู้เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถถึงกับละปล่อยวางกับอะไรได้
    สำหรับจิตเข้าสู่สมถะหรือสมาธิหรือว่าฌานั้น ก็จะเป็นการดับกิเลสหรือละปล่อยวางได้ขนาดกลางเท่านั้น
    แต่ยังไม่สามารถละปล่อยวางได้ทั้งหมด ตามที่พวกเราเข้าใจกันนั่นแหล่ะ ฌานก็เปรียบเสมือนหินทับหญ้า
    แต่ถ้าหากจะละปล่อยวางได้หมดหรือเกือบจะหมดนั้น เราจะต้องอาศัยจิตที่มีปัญญามาก หรือปัญญาญาณเท่านั้น
    แต่อยากจะแนะนำให้ผู้ปฎิบัติที่สำรวมจิตเป็นเอกัคคตารมณ์ดีแล้ว พยายามมองเห็นทุกสิ่งเป็นสมมุติที่เรารู้กันอยู่แล้ว
    พร้อมตัดลงไตรลักษณ์ให้หมด โดยเฉพาะคำว่า อนัตตา เห็นอะไรก็วิปัสสนาดะเลย อันนี้ดีมาก
    แต่อย่าลืม ก่อนจะเข้าโหมดนี้ได้ จิตต้องเข้าสู่โหมดสมถะหรือสมาธิ ไม่จำเป็นต้องทำสมาธิหลับ
    ลืมตานี่แหล่ะดี ของจริง แค่นี้ก่อน ทำท่าจะยาว

    ขอโมทนาบุญกับผู้ที่ตั้งหน้าปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ เพื่อความหลุดพ้นทั้งปวง
    โดยไม่ไปมัวสนใจว่าใครอรหันต์หรือจิตใครจะไปนิพพาน
    รีบหันกลับมาดูจิตตนดีกว่า อย่าไปเสียเวลากับสิ่งอื่นเลย เพราะความดีหรือความชั่วคนอื่นก็ไม่เกี่ยวกับตน
    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 สิงหาคม 2013
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ถือโอกาสวันแม่ รีบขอขมากรรมกับท่านไวๆ

    ยามยังเยาว์วัยก็ต้องเกาะคุณพ่อ คุณแม่ไปก่อน เพราะเรายังช่วยเหลือตนเองไม่ได้
    พอครั้นเติบใหญ่ก้หนีไปคนละทิศละทาง คือไปตามทางของตน ไปทำงานหรือมีครอบครัว
    บ้าง
    แต่อย่าลืม ผู้มีพระคุณของตน โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ ซึ่งท่านเป็นเสมือนพระอรหันต์ของเรา
    ตราบใด ท่านยังอยู่ ให้รีบๆ รีบกล่าวคำขอขมากับท่านไวๆ เดี๋ยวท่านจากไปแล้วเราจะหมดโอกาส
    เพราะนับตั้งแต่อยู่ในท้อง เราก็เริ่มล่วงเกินท่านแล้ว นับประสาอะไรที่เลี้ยงเราให้เติบใหญ่อีก
    นี่ยังไม่นับถึงกรรมไม่ดีที่เราทำกับท่าน จนนับไม่ถ้วน แต่พวกเราไม่ได้สนใจกันเท่านั้น
    เพราะมัวสนใจแต่ตนเป็นหลัก ทำถูกผิดเราไม่รู้ตัว ความผิดตนมองข้ามไปเสียหมด
    เคยนับไหมกันว่า เราทำให้ผู้มีพระคุณร้องไห้ เสียอกเสียใจไปกี่ครั้ง เราดื้อกับท่านกี่ครั้ง
    ไม่เคยนับกันใช่ไหม ไม่เป็นไร อย่าไปเสียเวลานับ ตอนนี้ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ไหม
    แต่ถ้ามี นับว่าเรายังมีโอกาสดีกว่าผู้อื่น
    แต่สำหรับข้าพเจ้า ได้หมดโอกาสไปแล้ว ไม่เคยขอขมากรรมแม้นแต่ครั้งเดียว
    เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ หรือไม่มีสติหรือมีธรรมเหมือนดั่งตอนนี้ แต่ก็หมดโอกาสไปแล้ว
    ตอนนี้ได้พร่ำคนเดียว เอาบุญกุศลที่เรากำลังประพฤติ ปฎิบัตินี่แหล่ะ ให้ไปทุกวันหรือทุกลมหายใจเท่าที่นึกได้
    เตือนกันแล้ว สำหรับกรรมที่มีผลต่อชีวิตของตนมากก็คือ กรรมที่ทำไม่ดีกับคุณพ่อ คุณแม่
    คือเราทำอะไรก็ติดๆขัดๆ ไม่เจริญเท่าที่ควร เพราะคนส่วนใหญ่มักทำผิดศีลข้อ๓ กับท่านเยอะ
    แอบได้เสียกันโดยพ่อแม่ไม่รู้ ไม่เห็นนี่ก็กรรมหนักเช่นเดียวกัน รับกันไปนะ
    ร้อยละ๙๐% ส่วนใหญ่มักทำผิดหรือล่วงเกินท่านจนลายเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งเจตนาหรือไม่ก็ตาม
    มีผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ รีบๆขอขมากรรมกับท่านไวๆ
    ถือเอาวันแม่นี่แหล่ะดี ทำพร้อมกับเลยกับคุณพ่อด้วย หรือผู้ที่ไม่มีพ่อแม่หรือบุตรกำพร้า ก็ให้ขอขมากับผู้มีพระคุณ หรือท่านที่เลี้ยงดูเรามา
    ก็ลองทำกันดูนะ ถือพวกมะลิกับเงินไปขอขมากับท่าน พร้อมกันนั้นก็ให้ท่านกล่าวคำว่า ให้อภัยกับลูกๆทั้งหมดแล้ว
    เสร็จก็ก้มลงกราบที่เท้าทั้งสองท่าน ทำแค่เนี๊ย คุ้มมาก
    จากที่เราเคยติดๆขัดๆ หรือปฎิบัติธรรมยังไม่ไปไหนไกล คราวนี้แร๊ะ จิตเราถูกแก้ไขใหเดีแล้ว
    เทวดาก็ห้ามไม่ได้ คนมันรุ่งก็ต้องปล่อย มันไม่เสียเวลามากหรอก ดีกว่าทนหน้ารับกรรมไป
    อย่ามัวทำโอทีกันจนเพลิน จนลืมไปขอขมาพ่อแม่ เอางานมาอ้าง โดยเฉพาะบริษัท รัฐวิสาหกิจ
    เงินที่ท่านได้มานั้น อาจจะหมดโดยไว มันไม่คุ้มกันนะ
    สาธุ

    ปล.ลืมบอกไปว่า ครั้งยังเยาว์ให้เกาะผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไปก่อน
    แต่ถ้าเติบใหญ่แล้ว ดูแลท่านบ้าง สมัยก่อนพ่อแม่เลี้ยงลูกเป็นโหลได้ แต่ทำไมลูกจึงเลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้
    ในขณะเดียวกัน คือสิ่งสำคัญที่ละไม่ได้ คือตราบใดที่จิตยังหยาบอยู่ก็ให้เกาะพระรัตนตรัย
    อันนี้อย่าลืม แต่ถ้าขืนไปหลงเกาะอย่างอื่น บอกได้คำเดียวว่า ทุกข์แหง๋ๆ มาแน่ๆ
    ไม่เชื่อก็ลองดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 สิงหาคม 2013
  10. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=s59N4zxiM0g]เรารักแม่ ดูกี่ครั้งก็น้ำตาไหล - YouTube[/ame]

    ขอนำเสนอเรื่องราวดีๆมาฝากทุกท่าน เนื่องในวันแม่ นี้นะครับ​
     
  11. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=woSDJbpdyDg]MV ค่าน้ำนม - YouTube[/ame]

    วันนี้ คุณกราบเท้าคุณแม่แล้วหรือยังครับ​
     
  12. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    เนื่องในวันแม่นั้น เป็นวันเกิดขององค์หลวงมหาบัว ญาณสัมปันโนด้วย

    ...ทุกๆปีของคืนวันที่ ๑๑ สิงหาคมทุกปีจะมีศรัทธาญาติโยมมานอนค้างที่ที่วัดป่าบ้านตาด

    -เพื่อรอใส่บาตองค์หลวงตาและร่วมกันทำบุญ ผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ไปร่วมในเช้าวันที่สิบสอง

    ...สิงหาคม ปีนั้นนานมาแล้ว องค์หลวงตาท่านยังแข็งแรงอยู่ ท่านได้ออกมาเดินสำรวจ

    ...สถานที่ตรวจความเรียบร้อย ภาพขององค์ท่านยังติตาผู้เขียนอยู่ไม่ลืม ท่านเดินเอามือแป้หลังเดินดู

    ...ตอนนั้นก็ชมบารมีท่านไม่ได้คิดอะไร แต่มาถึงตอนนี้ภาพนั้นย้อนมาทำให้ได้ระลึกถึงคำสั่งสอนขององค์ท่าน

    ...ระลึกถึงคำสั่งสอนของแม่ซึ่งเป็นพระประจำตัวเราตั้งแต่เราเริ่มจำความได้ แม่เป็นครูเป็นอาจารย์ของลูก...

    ...แม่ก็จะสอนเราให้ได้รู้จักรหน้าแม่จำเสียงแม่ เมื่อเรามีความรู้ความจำว่านี่คือแม่นะ แม่รู้ถึงการเริ่มรู้เริ่มเรียนของลูก

    ...แม่ก็จะมีการมักทายถึงแม้ว่าจะยังพูดไม่ได้ แต่ก็ยังทักทายด้วยเสียงอ้อแอ้ๆของลูก พอลูกมีเสียงอ้อแอ้ตอบ

    ...มีเสียงอ้อแอ้ๆตอบ แม่ก็เริ่มสอนแล้ว จากเสียงอ้อแอ้ ก็จะกลายเป็นเรียกร้องเรียกหา

    ...แม่ก็เริ่มสอนให้ลูกได้ เรียกพ่อเรียกแม่ เมื่อถึงเวลา ก็จะร้องให้สัญญาแม่ว่า หิ่ว น้ำ

    ..หิ่วนม หิ่วข้าวตามเวลาที่แม่ฝึกสอนไว้ แม่นั้นสอนมาตลอด สอนแต่สิ่งที่ดีให้ลูกมาตั้ง

    ...แต่จำความได้เพื่อให้ลูกนั้นเป็นคนดีไม่มีอะไรที่แม่จะดีใจที่ได้ยินคนอื่นชมว่าลูกของตนนั้นเป็นคนดี

    -แม่ก็จะดีใจภูมิใจคนที่เป็นแม่นั้นจะรู้ แม่ทุกคนจะเป็นแบบนี้ล่ะ ขอให้ทุกคนเป็นคนดีของแม่บอกรักแม่

    ...ไปกราบแม่แล้วบอกแม่ว่าลูกรักแม่และเป็นห่วงแม่นะ เท่านี้แหละแม่จะมีความสุขมากเท่ากับต่อชีวิต

    ...ให้อยู่ดูความสำเร็จของลูกด้วยความพูมิใจ และดีใจที่ได้เห็นคำสั่งสอนของแม่นั้นที่ได้สั่งสอนอบรมมาได้

    ...ทำให้ลูกเป็นคนดี...ที่กล่าวคำระลึกถึงองค์หลวงตา เพราะวันนั้น ท่านได้เทศสั่งสอน ถึงแม่ซึ่งเป็นพระที่อยู่ที่บ้านที่มีความสำคัญ

    -ถึงวันสำคัญคือวันแม่ ซึ่งเป็นวันแม่ของชาติคือองค์พระราชินี ขอให้แม่หลวงของลูก

    ...จงทรงพระเจริญๆๆ. น้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเก้ลา...กราบระลึกถึงพระคุณ

    ...ของแม่ และพ่อด้วยความเคารพรัก. กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2013
  13. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=wGrs5D56JCc]ใครหนอ - YouTube[/ame]

    ใครหนอ ใครคนนั้น ที่รักเราเท่าชีวี อยากรู้ ตามไปดูกันเลยครับ

    ด้วยรัก และปรารถนาดี

    ปาราเมศ ...นิวเวป จบ.14​
     
  14. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " ย้อนจิตเข้ามาดูตนเองอยู่เสมอ"

    มรรคผลนิพพานไม่ลำเอียง ทั้งกิเลส ทั้งมรรคผลนิพพาน ท่านแสดงไว้ว่า

    -อกาลิโก ว่าไง ธรรมที่ท่านแสดงไว้ในบทธรรมคุณ สวากขาโต ภควตาธัมโม...

    ...พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว ตรัสไว้ดีแล้ว สันทิฏฐิโกผู้ปฏิบัติจะ

    ...พึงรู้ด้วยภาคปฏิบัติของตนเอง...จะรู้ขึ้นในใจของตนเองๆ อกาลิโกไม่มีกาล สถานที่

    -เวล่ำเวลามาตัดทอนได้ถ้าตัวยังทำอยู่ นั่นเรียกว่า อกาลิโก เอหิปัสสิโก ธรรมนี้เป็น

    ...เครื่องท้าทายอยู่ในหัวใจ...คือองค์อริยสัจอยู่ในใจของเรา...

    ...เอหิปัสสิโก นี้ถ้าแปลไปตามปริยัติดังที่ท่านแปลไว้แล้ว ท่านแปลตามปริยัติ

    -ล้วนๆ สามารถที่จะเรียกร้องคนอื่นมาดูได้ของจริง นี่ท่านแปลอย่างนั้นเอหิ มันบังคับ

    ...บอกอยู่แล้วในบาลี...เรียกคนอื่นมาดูได้...ธรรมของจริง นี้เป็นปริยัติล้วนๆ เราไม่ได้

    -ปฏิบัติ เราก็ไม่รู้อันนี้นะแต่ก่อน ไม่ได้อวดนะ เวลามาปฏิบัติ เอหิปัสสิโก นั้น...

    ...พระธรรมท่านสอนเรา เราปฏิบัติ ธรรมท่านสอนเราให้ย้อนจิต สติสตัง ปัญญา...

    -เข้ามาสู่ที่นี่ ท่านว่างั้น เอหิ พระธรรมท่านเตือนเราผู้กำลังบำเพ็ญธรรมให้ย้อนจิต

    ...เข้ามาดูตรงนี้...องค์อริยสัจที่จะตรัสรู้ธรรมอยู่ที่นี่ ท่านว่า นี้เป็นภาคปฏิบัตินะ...

    ...องค์หลวงตามหาบัวท่านเทศฝากไว้เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๓๘...

    ...น้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเก้ลา กราบ กราบ กราบ...
     
  15. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=e9KMxSo2FPg]อิ่มอุ่น - ศุ บุญเลี้ยง - YouTube[/ame]

    12 สิงหา มหาราชินี เนื่องด้วยในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ขอส่งเพลงนี้มอบให้กับคุณแม่ทุกท่าน (ก่อนที่เราจะได้กลับไปกราบแทบเท้าของแม่เราจริงๆ ในเร็ววันนี้) สาธุค่ะ...

    ธรรมมณี จบ.52
    :z14
     
  16. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=muupbjsrAGw][MV KARAOKE] ก่อนไม่มีแม่ให้กอด - ปาน ธนพร - YouTube[/ame]

    กอดท่านซะ...ก่อนที่จะไม่มีท่านให้กอด...
     
  17. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=RSLVpaLd704]หนึ่งเดียวคือแม่ ( ไพเราะมาก ) - YouTube[/ame]

    สำหรับเพลงนี้..ขอบอกว่า...ใครไม่ได้เปิดฟัง...ท่านพลาดอย่างแรง...ซึ้ง..เพราะ..จับใจ..สุดๆ..
     
  18. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TIMHMFFmryA]คือหัตถาครองพิภพ - ศรัณย่า - YouTube[/ame]

    สองมือแม่นี้...สร้างโลกทั้งใบให้ลูกคนเดียว...ไม่ซิ..หลายคน...​
     
  19. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=COlNNFakOrw]จุดธูปบอกแม่ : FLAME [Official MV] - YouTube[/ame]
     
  20. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=AvAq4tb9aY0]ผู้หญิงที่อยากกอดตลอดชีวิต - ศุ - YouTube[/ame]

    ขอให้ทุกๆ วัน...เป็นวันแม่ของทุกๆ ท่านน่ะค่ะ...:z8
     

แชร์หน้านี้

Loading...