จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

พรหมวิหารธรรม ๔

๑. เมตตาธรรม คือ เว้นจากการเบียดเบียนตนและผู้อื่น

๒. กรุณาธรรม คือ ช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากกองทุกข์

๓. มุทิตาธรรม คือ พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นมีสุข

๔. อุเบกขา คือ วางเฉย ถือว่าเป็นกรรมของสัตว์โลกไป.

 

5555หันหลังกลับเดินเข้าไปถางหญ้าป่าในของตัวเองกันซะบ้าง
เพราะท้ายทอยเราไม่มีตานะจะบอกหั่ย 555555

 

รับทราบค่ะ..ขอโมทนา..

 

ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๑๓๓ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา
กับจิตบุญดวงที่ ๑๓๓
ของกลุ่มจิตบุญเทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ​

​

 

คุณฝ้าย เป็นลูกศิษย์ครูผึ้ง ครูหน่อย ครูเมิล ครูริน และครูดัชค่ะ
จบกิจจิตเกาะพระเป็นจิตบุญ 133 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556

โมทนาสาธุ กับคุณฝ้าย และทีมครูผู้สอนทุกท่านค่ะ

ขอเชิญตัวแทนทีมครูผู้สอน มาบอกเล่าการฝึกจิตเกาะพระเป็นธรรมทานด้วยค่ะ

ครูเกษ จบ.52 (ผู้ประกาศข่าวชั่วคราว)

ปล. จริงๆ คุณฝ้ายท่านยกจิตมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้วค่ะ แต่มีเหตุขัดข้องในการประกาศจิตบุญบนกระทู้ ฉะนั้น ลำดับของจิตบุญอาจมีการคลาดเคลื่อนสลับกันเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นเพียงสมมุติทางโลกเท่านั้นค่ะ ไม่ต้องซีเรียสน่ะค่ะ ขอให้ตัวเลขเป็นตัวบอกแค่ว่า งานของท่านพ่อไม่มีหยุดหรือสะดุดใดๆ และยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่องค่ะ สาธุ

 

ทุกอย่างอย่าไปคิดว่ากำลังรับผลของกำ แต่ถ้าเราแบมันออกมา

เราจะเห็นร่องรอยสิ่งต่างๆ พาให้ไตร่ตรองเป็นคติสอนใจ

หากนิวรณ์มาอย่างนี้ เราจะแก้อย่างไร

พอประสบการณ์มันต่อยอด เราจะแยกแยะออก ในปัจจยการ

เขาอาจจะทิ้งไว้ เพื่อให้เห็นร่องรอยในสิ่งเหล่านั้นก็ได้

ที่ไม่ใช่การมาร้าย เพราะนั่นคือความจริง หากหงายจิตใจรับมัน

ก็จะไม่งงกับการลบลิ้ง

 

ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ 133 กับครูผู้ฝึกสอนทุกท่านะคะ
ขอให้ท่านเจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้นไปคะ

 

ขอขยายธรรมะของ ครูจิตบุญ 2 ท่านนี้หน่อย​

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ dutchanee
กงจักรแห่งจิต

การฝึกจิตเกาะพระเป็นอีกวิธีหนึ่งเพื่อทำการหมุนกงจักรธรรมมะในจิต
ให้เดินไปในทิศทางแห่งความหลุดพ้น กงจักรจะหมุนไปได้ตลอดเวลา
ก็ขึ้นอยู่กับการปฎิบัติของบุคคลนั้นๆ
จิตเกาะพระ
มีแนวทางการปฎิบัติเพื่อให้กงจักรธรรมะในจิตได้หมุนไปอย่างต่อเนื่อง
ตลอดเวลา เราจะมานั่งหมุนกงจักรไปแค่
วัตรเช้าสองชั่วโมงกับวัตรเย็นอีกสองชั่วโมง
อีก20 ชั่วโมง กิเลสเอาไปแด๊รกจนหมดสิ้น
กลับไปลิ้มรสกับสิ่งที่กิเลสปรนเปรอกันต่อไปนั้น
มันออกจะเป็นการเสียเวลาการปฎิบัติไป
กงจักรที่ว่า ก็เหมือนกับพัดลมที่เมื่อไหร่ที่เปิด ใบพัดก็จะหมุน
หากการปฎิบัติเข้มข้น เมื่อเราโยนสิ่งใดเข้าไปในพัดลมที่กำลังพัดอยู่
สิ่งนั้นๆก็จะกระเด็นออกมา ถ้าหากไม่แน่ใจว่า
ความแรงของมันดีมากจริงมั้ย แรงจริงมั้ย ก็ลองเอานิ้วมือเข้าไปแหย่ดู
หากนิ้วมือเราขาดก็แปลว่า มันเก่ง มันแรง มันคม มันกล้า
มันสามารถตัดนิ้วเราได้ สิ่งที่พุ่งเข้าไปก็เหมือนกับกิเลส
เช่น รัก โลภ โกรธ หลง
พัดลมยิ่งเพิ่มความแรงไปได้ยิ่งตัดหรือดีดสิ่งต่างๆออกไปได้
พัดลมที่พัดเพียงแค่ยามเช้าสองชั่วโมง แล้วถูกปิดทั้งวัน
รอเวลาพัดอีกทีตอนเย็นสองชั่วโมง
ในหว่างวันก็จะถูกฝุ่นเกาะเขรอะ เหมือนเปิดโอกาสให้กับ
กิเลสวิ่งเข้ามาหาจิต
ฉะนั้นการเดินมรรค ก็ควรให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตลอดวัน
เพื่อทำการล้างบางกิเลสที่ถาโถมเข้ามาหาจิตอยู่ตลอดเวลา
การขับเคลื่อนของกงจักรแห่งธรรม จะหมุนไปไม่ได้หาก
ขาดกำลังแรงที่หมุน เปรียบไปได้ดัง สติ
หากต้องการให้กงจักรแห่งธรรมในจิตหมุนไปอย่าง
ราบรื่นก็จงหมั่นเติมน้ำมันลงไปเพื่อความลื่นไหลไปได้คล่อง
คือการเจริญสติให้ได้อย่างต่อเนื่อง
จนมันติด ติดอยู่ในจิตของตนว่า กำลังเจริญสติอยู่นะ
การเจริญสติ เป็นหนทางนำไปสู่การเป็นมหาสติ
เป็นกุญแจ สู่ดินแดนนิพพาน
เมื่อไหร่สติอยู่กับจิตได้อย่างต่อเนื่องเป็นอัตโนมัติแล้ว
ก็ไม่ต้องกลัวการตกฌาน สติเป็นตัวดึงฌานให้ทรงอยู่
กุญแจดอกนี้ดอกเดียวที่จะทำให้กงจักรแห่งธรรมให้จิตเราเคลื่อนไหว
หมุนเวียนไปเรื่อยๆ หมุนอยู่ต่อเนื่อง ตลอดเวลา
กุญแจดอกนี้หาได้ไม่ยาก ลองตามหาดูให้ดีๆ
แล้วจะเห็นประตูแห่งปัญญา
ที่จะนำพาเราสู่ดินแดนแห่งนิพพาน
โมทนาสาธุ


อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลูกพลัง
โมทนาสาธุกับครูดัชด้วยครับ
มาถูกทางแล้วครับ..
พระศาสดาทรงตรัสว่า"มหาสติปัฏฐาน4คือทางสายเอกสู่ปัญญาวิมุติ"
เจริญสติ ==> มหาสติ ==> มหาปัญญา
แล้วจะรู้ได้อย่างไร?
ก็ทำไปเถิด.. เจริญสติให้มากๆ(ตามรู้ตามดูจิต/กายเวทนาจิตธรรม) จนปัญญาอัตโนมัติมันเกิด(หยาบ-กลาง-ละเอียด)
"ธรรมจักร"นี้มันก็จะค่อยๆหมุนๆๆๆอบรมจิตตนเองไปเรื่อยๆ(ละวางสรรพสิ่งต่างๆลงไปเรื่อยๆทั้งรูปและนาม)
จนถึงที่สุดแห่งที่สุด "ภาวนามยปัญญา"เกิด.. จิตจะเป็นผู้บอกเองว่า"ถึงแล้ว..แจ้งแล้ว.."
สภาวะนั้นเป็นปัจจัตตัง เป็นอจิณไตย ไม่ควรไปคาดเดาให้เสียเวลา (สภาวะดับหมด/วางหมด/ทิ้งหมด..)
(หลวงตามหาบัวปฎิบัติธรรมอย่างอุกฤษใช้เวลาถึง9ปีในการบรรลุธรรม)

ปัญญาก็คือความคิด คิดอะไรก็ได้ คิดโลก คิดธรรม
ความคิดที่มีสติตามรู้ทันอยู่ทุกขณะจิตนั่นคือ"ปัญญาในสมาธิ"

สาธุครับ

ปล.
สติ, ปัญญา, วิตก(นึก), วิจาร(คิด), เอกัคตา(ฌาน) และอื่นๆอีกรวม52ดวง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเจตสิกทั้งสิ้นต้องเกิดขึ้นพร้อมกับจิต
จิตเปรียบเสมือนน้ำ เจตสิกต่างๆเปรียบเหมือนสีต่างๆ ที่หยดลงไปในน้ำ
บุคคลผู้บรรลุธรรมชั้นสูง จะมีคุณสมบัติคือ จะมีเจตสิกสติ+เจตสิกปัญญา ประทับ/เกิดอยู่ในจิตตลอดเวลา นี่คือสภาพจิตที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้ว(เจริญสติ/มหาสติ) ณ.สภาวะปกติ

ขอโมทนาสาธุกับครูดัชชี่และครูลูกพลัง
แหม๊! พี่ภูอ่านแล้ว น่าชื่นใจจริงๆ ใสปิ๊งๆเลยอ่ะ
แหม๊จิตคนที่อยู่ในป่านี่ดีเน๊อะ อีกท่านนึงก็อยู่แต่ในถ้ำ ก็ดีเหมือนกัน
พี่ภูก็อยากหนีเข้าป่ามั่งจัง แต่ยังไปไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา
พี่ภูก็เลยโดนกิเลสมันรุมเล่นงานจนง่อมไปเล๊ย เห่อ แต่ไม่ท้อ
ตั้งหน้า ตั้งหน้ารับกรรมมันไปเห่อ อย่าไปหนีมัน เพราะไม่มีผู้ใดจะหลีกหนีกรรมของตนเองได้ ก็เลยแอ่นอกรับไปตามระเบียบ แต่ไม่เป็นไร
rating อาจจะตกไปบ้าง แต่จิตไม่ตก เพราะผมไม่ได้ทำเพื่อสิ่งนั้น

ชีวิตคนเรานี่ เดี๋ยวมีดี มีร้ายเข้ามาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ เป็นธรรมดาของโลกไม่เที่ยง
อย่างอื่นอย่าไปสนใจ ขอให้สนใจจิตตนเองให้มาก
ขอให้มีพระพุทธเจ้าอยู่ในจิตให้มากๆๆ เจริญสติภาวนาไปจนกว่าจะดับขันธ์

 

คิดถึงนะครับ ครูวิทย์สุดเลิฟ
(ยังคิดถึงจิตบุญทุกคนเลย เหมือนเดิมๆ)
แหม๊ เข้าใจเปลี่ยนบรรยากาศเน๊อ เดี๋ยวภูเอามั่งๆ
ครูวิทย์ คุณจำคำนี้ได้ไหม ทำไปๆๆ เอ่อน่ะ เริ่มนับหนึ่งอีกครั้งแล้วนะ
อยากทราบไปถามคุณแนท พี่สาวเธอเอาเองเด้อ!

คุณพี่สุภาทร อย่าไปคิดมากอีกนะ วันนี้ขออนุญาตเป็น Dj กับครูวิทย์
ทำไม๊ ทีคุณวิทย์หรือใครๆจัดเพลง ไม่เห็นมีใครบ่นอ่ะ
อิอิ

อสงไขย - หญิง ธิติกานต์ - YouTube​

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=n0-My1CfaOg]เปิดใจ เริ่มต้นเป็นคนใหม่ - YouTube[/ame]​

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=PnuZjPwXTXw]พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน.mp4 - YouTube[/ame]​

นำจิตไปอยู่ใกล้ๆ กับพระพุทธเจ้ากันเถิด
จิตจะได้อยู่เหนือขันธ์ ๕ ได้เด็ดขาด
และอยู่เหนือความรู้สึกและความนึกคิดของมนุษย์ด้วย

อย่าลืมนะ ตัดเพียงขันธ์ ๕ ตัวเดียวเท่านั้น นิพพานก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
การละสังโยชน์ 10 ประการได้นั้น ต้องนำจิตไปเดินมรรคเท่านั้น
เมื่อละได้แล้ว แต่ต้องเจริญสติภาวนาไปจนกว่าจะดับขันธ์

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ
ขอให้ทุกๆท่าน จงมีแต่ความสุขกาย สบายใจด้วยเทอญ
(ยิ้ม)​

 

ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆจากครูวิทย์ที่ส่งมาถึงพวกเรา...ยังรอฟังเทศน์จากเสียงหนุ่มๆ เอ้ย! เสียงนุ่มๆ จากครูวิทย์นะค่ะ (y)

;ปรบมือ

 

ขอโมทนาสาธุกับคุณฝ้าย จิตบุญ 133 และครูผึ้ง ครูหน่อย ครูเมิล ครูริน ครูดัช รวมทั้งท่านอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยนะค่ะ....สาธุ สาธุ สาธุ

 

อ่านดีๆ มีประโยชน์!

กดไปเจอสองท่านนี้สนทนากัน มีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่สนใจจะปฏิบัติธรรม ขออนุญาตนำมาขยายเป็นธรรมทานนะค่ะ...สาธุค่ะ

 

เอาจิตไปเกาะพระแล้วจะทำงานได้อย่างไร ?

คุณครูดัชนีมีคำตอบให้ค่ะ....ขอบพระคุณครูดัชนะค่ะ...ขออนุญาตนำมาเป็นธรรมทานค่ะ ^^

จากคำถามเรื่องเอาจิตไปเกาะพระแล้วจะทำงานได้อย่างไร

คำตอบ

การทำงานทำการของเราเป็นการปฎิบัติการทางขันธ์คือกาย และสมอง ​

แต่การทำงานของจิตคือการนำจิตไปเกาะพระ (เห็นภาพพระ) การระลึกนึกถึงพระคนละส่วนกัน คนละเวอร์ชั่น คนละภาค
...............​

ในยามปกติเราไม่ได้ทำงานเราก้อจะสามารถนึกเห็นภาพพระได้ตลอดเวลา​

แต่ยามเมื่อต้องทำงานนั้นมันช่างยากเย็นนักในการต้องคอยส่องหาภาพพระ​

เอางี้สิ... ​

เคยเป็นมั้ย เวลาทำงานนึกถึงแฟน ลองเปลี่ยนแฟนมาเป็นภาพพระ​

เคยเป็นมั้ย เวลาทานข้าว นึกถึงแฟน ลองเปลี่ยนแฟนมาเป็นภาพพระ​

เคยเป็นมั้ยเวลาขับรถนึกถึงแฟน ลองเปลี่ยนแฟนมาเป็นภาพพระ​

เคยเป็นมั้ยเวลาคุยโทรศัพท์ ใจไปอยู่ที่แฟน ลองเปลี่ยนแฟนมาเป็นภาพพระ​

เคยเป็นมั้ยเวลาประชุมใจไปหาแฟน ลองเปลี่ยนแฟนมาเป็นภาพพระ​

เคยเป็นมั้ยเข้าส้วมแล้วนึกถึงแฟน ลองเปลี่ยนแฟนเป็นภาพพระ​

ทุกอิริยาบทที่ทำเปลี่ยนมันให้หมดให้เป็นภาพพระ

แฟนไม่รู้หรอกว่าจิตเรา เปลี๊ยนไป๋ 5555555​

ถามหน่อย....​

ตอนนึกถึงแฟน ทำไมทำงานได้ ทำไมตักข้าวเข้าปากได้ไม่เอาเข้าทางจมูก​

ทำไมขับรถไปแล้วไม่ชนเพื่อน ทำไมโทรศัพท์ได้โดยไม่หลงการพูดคุย​

ทำไมยังประชุมได้ พูดและฟังการประชุมเข้าใจ ทำไม ของเสียยังออกได้ทั้งๆที่ไม่ได้คิดถึงมัน​

ทำไมและทำไม​

ก้อเพราะ.... ​

กายกับจิตไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกัน แต่มานุดเรานี้แหละเหลวเอง ​

เอามาปนกันจน เละ แหลก ลาน ลน ร้อน วน วุ่น วาย จนจิตหาที่มาที่ไปไม่เจอ ​

จะนิ่งซักหน่อย ก้อยังมีเรื่องเข้ามาได้ตลอด ​

พอจะรู้รึยังว่า ทำไมพี่ดัชบอกให้เอาจิตไปเกาะพระ เกาะให้จิตนิ่งไง พักเขาไว้มั่ง​

อย่าพาจิตส่งออกไปข้างนอกตลอดเวลา จิตอยู่ที่นี่กับพระ กายก้อทำงานไปสิ​

เหมือนกับนึกถึงแฟนตลอดและทำงานได้เรื่อยๆ นั่นไง​

ต่อคำถามว่า...แล้วจะมองหาภาพพระตลอดได้ไง เพราะต้องทำงาน​

เอางี้สิ.......​

เมื่อมองเห็นภาพพระแล้ว ทรงอารมณ์สบายดีแล้ว แม้ภาพพระหายไป อารมณ์สบายยังอยู่​

จิตไม่วอกแวก แสดงว่าจิตเกาะพระติด และให้คอยเข้าไปเช็คว่าภาพพระ​

ยังอยู่มั้ยหากภาพพระยังอยู่นึกปั๊บมาปุ๊บ จิตยังเกาะพระอยู่ แต่หากยังใช้เวลานานในการ​

หาภาพพระแสดงว่า จิตหลุดจากการเกาะพระแล้ว ได้ข้อสรุปรึยัง​

คือ เมื่อภาพพระไม่อยู่ให้เห็น แต่ยังสามารถทรงอารมณ์สบายๆได้อยู่​

ก้อถือว่าใช้ได้ จิตเกาะพระดี แต่ต้องคอยเช็คหาภาพพระอยู่เนืองๆนะ​

วันนี้จบแค่นี้ก่อน ขอให้จัดเรื่องศีลให้ลงล๊อคด้วยให้พร้อมและเต็ม​

ขอเป็นกำลังใจในการปฎิบัติหลายๆเด้อ​

 

สาธุค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับจิบุญดวงที่ ๑๓๓ ด้วยค่ะ และขออนุโมทนาบุญกับ

คุณครูผู้สอนทุกๆท่าน และทุกท่านที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จครั้งนี้ ที่ช่วยกันตาม

ลูกๆกับบ้านแทนสมเด็จพ่อองค์พระประฐม ขออำนาจบุญกุศลที่ทุกท่านได้ตั้งใจทำ

จงเป็นปัจจัยให้ทุกๆท่านได้พบแต่ความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม มีดวงตาเห็นธรรมยิ่งๆขึ้นสาธุ.

 

สาธุลูกดาว มันต้องอย่างนี้ซิ คุณครูดาว เอาธรรมะจากใจออกมาอย่างนี้ซิ

ออกมาเป็นธรรมทาน ให้กับผู้ปฏิบัติจะได้นำไปพิจจารณาและนำมาปฏิบัติ

แม่นีเชื่อเลยว่ามีหลายๆคนนะที่เข้ามาอ่านแล้วก็ร้อง อ๋อ ใช่เลย และสำหรับ

ผู้ที่ปฏิบัติที่ยังติดและขัดอยู่จะได้นำไปใช้และถามตัวเองว่ามันติดตรงไหนก็

นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์กับตนเองได้ แม่นีขออนุโมทนาจ้ะดาว สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขออนุโมทนา กับ จิตบุญดวงที่ ๑๓๓ คือ คุณฝ้าย และครูผู้สอนทุกๆท่านด้วย เพราะการทําหน้าที่ของท่านทั้งหลายที่มีความศรัทธาต่อพระศาสนา และเสด็จพ่อองค์ปฐมอย่างล้นพ้นจากใจทําให้ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงไปได้ ขออนุโมทนา สาธุ ค่ะ

 

ขออนุโมทนา กับ จิตบุญ ดวงที่ 133 คุณฝ้าย และคุณครูผู้สอนที่เกี่ยวข้อง ทุกท่าน ด้วยค่ะ สาธุ

 

"วาสนานั้นเป็นไปตามอัธยาศัย
คนที่มีวาสนาในทางที่ดีมาแล้ว แต่คบคนพาล
วาสนาก็อาจเป็นเหมือนคนพาลได้
บางคนวาสนายังอ่อน เมื่อคบบัณฑิต
(ผู้มีปัญญาและประพฤติดี)
วาสนาก็เลื่อนขั้นขึ้นเป็นบัณฑิต
ฉะนั้น บุคคลควรพยายามคบแต่บัณฑิต
เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น"

-โอวาทธรรม พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ลูกขอน้อมกราบหลวงปู่มั่นด้วยความเคารพด้วยเศียรเกล้าค่ะ