จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    กร๊ากกกกกกก...พี่ต้อยนะพี่ต้อย...เล่นเอาขากรรไกรค้างเลยค่ะเนี่ย!!! ฮ่าๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2013
  2. samrung

    samrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +1,258
    ทำเอา เข้าใจผิด นึกว่า มีแต่ ว่าที่อรหันต์ ที่เคร่งวินัย
    แต่มีอรหันต์ จี้กง ในที่นี้ด้วย
    ฮา ยังกับ ท่าน มหาสมปอง
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,308
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2013
  4. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=UeU2rg0oxf0&feature=player_detailpage#t=227s]คนขี่หลังควาย - YouTube[/ame]
    ตื่นเช้ามาอ่านธรรมะของหลายท่านที่ลงไว้ ดีมากๆค่ะ ธรรมะสอนเราให้คิดดี พูดดี และทำดี (ง่ายๆ)
    เพลงนี้ศิลปินในดวงใจ อีกท่านหนึ่ง (เพลงถ่ายทอดธรรมชาติของจังหวะได้ดี)(ธรรมะก็ถ่ายทอดธรรมชาติของความจริง เช่นนั้นแล...)
     
  5. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังครับ(แม้จะล่วงมานานหลายวันแล้ว ฮาๆ) ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก จงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย ชาวจิตเกาะพระทุกท่าน ถึงพร้อมด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทั้งโภคทรัพย์ และอริยทรัพย์ ทั้งในโลกนี้และ สัมปรายภพ ทุกผู้ทุกคนเทอญ

    โมทนาสาธุกับจิตอันเป็นกุศลทุกผู้ทุกนามนะครับ

    ปล.กราบสวัสดีพี่ภู และ ชาวจิตเกาะพระทุกท่านนะครับ แล้วเจอกันในไม่ช้านี้ครับ
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=NzBCxh8syd0]พื้นที่ชีวิต ความลับของความสุข 2 - YouTube[/ame]​
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=thTovKganUQ]พื้นที่ชีวิต - ความกลัว 22Aug12 - YouTube[/ame]​
     
  8. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    มีรายงาน ของผู้ปฏิบัติจิตเกาะพระ ที่กำลังเดินมรรคอยู่ ...จิตบำเพ็ญ ค่ะมาให้ทุกท่านโมทนากับเธอด้วย...สาธุ

    กราบขอขมาทุกท่านค่ะ โปรดอภัยด้วยเถิดภาระของกาย แต่อย่างไรใจยังทำหน้าต่อเนื่องค่ะ
    รูป-นาม นั้นคือ กาย-ใจ ต่างหน้าที่กัน ใจเป็นผู้บงการ ว่าเจ้าต้องทำอะไร ในทุกขณะ รับสิ่งภายนอกส่งมาที่สมองแปลว่าเป็นสิ่งต่างๆนั้นคือปรุ่งแต่ง ตัวปรุงนี้คือจิต ที่ชอบ ไม่ชอบ หรือเฉย นั้นแหละกิเลส ตัวที่เห็นคือ "สติ" เมื่อมีสิ่งกระทบ พิจารณาลงไตรกฏลักษณ์ มีเกิดแล้วดับ เคารพกฏแห่งกรรม กรรมเป็นเรื่องของกายอะไรเป็นเรื่องทุกข์ของกานเราไม่สน มองทุกอย่างเป็นธรรมดา ปัญหาที่อยู่รอบๆตัวเรามนุษย์ สัตว์ และ สิ่งของ ทุกอย่างเป็นสิ่งสมมุติ เพราะไม่มีอะไรยั่งยืน ยึดไม่ได้ เป็นเพียงสิ่งแวดล้อมเท่านั่น แท้จริงแล้วเพียง"จิต" สติ อยู่กับ จิต อยู่กับพระ เพียงเท่านี้ ครอบหมด ศีล สมาธิ ปัญญา การทำๆๆๆไม่หยุด คือ แม้กาย อยู่ที่แห่งใด เหนื่อย หิว ง่วง แต่ใจไม่เคยหยุด ทำไปเรื่อยๆๆ จนกายจะหมดน่าที่ คือ ตาย นี่คือการเดิน มรรค์. นี่เป็นความเข้าใจที่ได้จากการปฏิบัติตั่งแต่ วันแรก ถึงขณะนี้ค่ะ หากเข้าใจผิดพลาดประการใด กราบขอคำแนะนำไขข้อส่งสัยจากครูบาอาจารย์ทุกๆท่าน เพื่อเป็นธรรมทาน ของผู้ที่ปัญญายังน้อยนิด กราบขอบพระคุณทุกๆท่านค่ะสาธุ

    เป้ ค่ะ
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ทำหรือไม่ทำ สิทธิ์ใครสิทธิ์มัน การที่ครูบาอาจารย์ท่าน.

    ให้ความเป็นห่วง และห่วงใยในลูกหลานของท่านที่กำลังทุกข์อยู่ท่านอยากให้ลูกหลานของ

    ท่านได้พ้นทุกข์ ท่านถึงต้องให้พวกเราได้เรียนรู้ในการฝึกสมาธิปฏิบัติธรรม เพื่อที่จะได้

    ละความชั่ว ทำแต่ความดี ที่ต้องฝึกนั้น เพราะเวลาทำความชั่วนั้นมันง่าย แต่จะทำความ

    ดีนั้นมันยาก สำหรับผู้ที่ยังประมาทอยู่ การทำชั่วนั้นมันได้ทุกอย่างที่เราต้องการ ทำชั่ว

    นั้น ทำตามกิเลสของเราและก็ได้มาง่าย คนที่แสวงหาความสุขแบบสัตว์โลกที่มีความไม่

    เพียงพอไม่เคยคิดถึงคำว่าพอดี. มองหาแต่สิ่งภายนอกจนลืมคิดไปเลยว่าจริงๆแล้วจิตภาย

    ในนี้สำคัญมากกว่า เพราะเราไม่ได้หาทุกข์มาใส่ตัว ท่านทราบว่าถ้าพวกเราคิดเสมอถึง

    จิตภายในของเรานั้นผลที่ได้รับมีแต่ความสุข เพราะเราคิดแต่เรื่องดีๆคิดแต่เรื่องที่จะให้ตัวเอง

    มีความสุข คงไม่มีใครหรอกที่คิดทีจะให้ตัวเองเป็นทุกข์ ท่านถึงได้เอาธรรมะคำสั่งสอน

    ของพระพุทธเจ้าที่ท่านได้ปฏิบัติมาแล้วและได้ผลกับท่านแล้วมาอบรมณ์สั่งสอนพวกเรา

    ให้พวกเราได้เข้าใจและศึกษาเพื่อที่จะได้นำมาปฏิบัติเพื่อที่จะได้ความสุขที่แท้จริงซึ่งอยู่

    ภายใน ท่านถึงสอนเราว่าให้มาฝึกทำสมาธิปฏิบัติธรรม เพื่อที่จะได้ขัดเกานิสัยใจคอของ

    ตนเองไม่ให้ไปทำชั่ว ผู้ที่ประฏิบัติอยู่จะรู้ตัวเอง จะคิดจะทำแต่สิ่งที่ดี เหมือนกับการ

    ปฏิบัติก็เหมือนกันผู้ปฏิบัติที่รู้แล้วเห็นแล้วก็อยากให้ผุ้อื่นที่ยังทุกข์อยู่ได้มาปฏิบัติเหมือน

    เราบ้าง เมื่อเรามีใจศรัทธาและตั้งใจที่จะปฏิบัติแล้วก็ให้รีบทำเพื่อความสุขของเราเอง

    ซึ่งไม่มีใครทำให้เราได้เราต้องตั้งใจขยันมั่นเพียรทำไปเรื่ิอยๆ ซึ่งใช้ร่างกายหรือตัวเรานั่น

    แหละที่เป็นที่ฝึกการปฏิบัติของเรา เมื่อเราปฏิบัติเป็นประจำเราจะได้พบความสุขที่แท้จริง

    นั้นเอง. บางคนบางท่านยังสงสัยอยู่ว่าปฏิบัติตั้งนานเมื่อไหร่จะได้ผล. ท่านทำไปไม่ต้อง

    หวังถึงผลอะไร ไม่ต้องไปคิดว่านานเท่าใดจึงจะได้ผล จะต้องนั่งหลับตาภาวนานานสัก

    เท่าไหร่ โดยเข้าใจเอาเองว่า การนั่งหลับตาได้นานๆ คือผลของการปฏิบัตินั้น หาใช่ไม่.

    การประปฏิบัติธรรมนั้น เป็นเรี่อของจิตใจ มิใช่กาลเวลาจะนั่งนานหรือไม่นาน นั่นมิใช่

    ผลที่จะนำมาเป็นเครื่องตัดสินได้ สำคัญอยู่ที่ว่า ในการนั่งแต่ละครั้งนั้น จิตเราสงบไหม

    จิตตั้งมั่นอยู่กับปัจจุบันได้ไหม นั่นต่างหาก.

    บุคคลใด แม้จะนั่งได้นิดเดียว หรือนั่งได้นานก็ตาม.

    แต่จิตสงบได้ตลอดสาย นั่นดีมาก.

    บุคคลใด นั่งได้นานๆ แต่จิตสงบบ้าง ไม่สงบบ้าง นั่นดีพอใช้

    บุคคลใด นั่งนานๆ แต่จิตไม่สงบเลย นั่นยังใช้ไม่ได้เลย.

    ทุกคนทุกท่าน มีสิทธิ์ สิทธิ์ใครก็สิทธิ์มัน ว่าจะใช้สิทธิ์นั้นแบบไหน. บางคนใช้สิทธิ์

    นั้นรีบทำไวๆ ใครมีสิทธิทำได้ขอเพียงให้ดูดีๆ ใครมีความเพียรย่อมถึงก่อน ใครผัดผ่อนก็

    ย่อมโศกี เพราะว่าชีวิตนี้ มิรู้ว่าจะตายเมื่ิอไร. ขอฝากเป็นธรรมทานกับท่านผู้อ่านค่ะ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2013
  10. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ภาพยนต์อนิเมชั่น “พุทธศาสดา”
    เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ชมและดาวน์โหลดได้ ๔๔ ตอน

    ภาพยนตร์

    การทราบประวัติพระพุทธเจ้า ได้เห็นพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระวิสุทธิคุณช่วยเพิ่มศรัทธาหรือความรักในองค์พระพุทธเจ้า จะช่วยให้การเกาะพระได้ดียิ่งขึ้น แทนที่จะนึกถึงรูปพระอย่างเดียว ก็นึกถึงท่านโดยความศรัทธา เคารพ รัก

    มีลูกศิษย์ที่มีคำถาม เกาะพระด้วยใจไม่ได้ ต้องไปเค้นภาพพระจากสมอง ทำให้นึกถึงพระได้ไม่ต่อเนื่องด้วยความถี่ที่จะทำให้เห็นผลได้ หรือที่เรียกกันว่าเกาะพระไม่ติดสักที (คำพุดนี้เป็นสมมติบัญญัติ ใช้เพื่อการสื่อสารสอนจิตเกาะพระให้เกิดความเข้าใจ มิได้เจตนาจะปรามาศพระองค์ท่านแต่ประการใด) การนึกถึงท่านโดยความศรัทธา เคารพ รักจะช่วยให้เกาะพระด้วยใจได้ และได้ผลต่อเนื่องโดยการแนะนำของครูได้
     
  11. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=xBCl1JrKsQE]พื้นที่ชีวิต - ดี? งาม? จริง? 1Aug12 - YouTube[/ame]


    เชื่อว่ามีหลายท่านที่ดูวิดีโอนี้แล้วจะได้ข้อคิดที่ดีจากเทปนี้
    ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และพุทธศาสนา
    (โดยเฉพาะช่วงสัมภาษณ์ อ.คามิน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2013
  12. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    การที่เราต้องฝึกหัดปฏิบัติธรรม ก็เพราะว่าเราควรเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์

    เมื่อเวลาที่มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา เราจะได้รับกับเหตุการณ์นั้นๆได้ เพราะได้เตรียมการไว้

    เราฝึกสมาธิภาวนาแล้วเราก็จะมีสติพร้อมรับกับเหตุการณ์นั้นๆได้. เราจะอยู่กับความสมหวัง

    และความผิดหวังได้โดยใจไม่ทุกข์. อยู่กับโลก ได้ด้วยใจเป็นธรรม กายส่วนกาย ใจส่วนใจ

    แต่อาศัยกันอยู่เท่านั้นเอง. อยู่กับหน้าที่โดยไม่ยึดหน้าที่ เพียงแต่จะทำหน้าที่นั้นๆให้

    ดีที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้ในปัจจุบันนั้นเท่านั้นเอง.ที่ทำไม่ดีก็ปล่อยไป. จิตเราพร้อมที่จะทำ

    หรือหยุดได้โดยไม่ทุกข์ใจ หมายถึงเมตตาและอุเบกขาเสมอกัน ทำได้ ก็หยุดได้ อย่างไรก็ได้

    ไม่ทุกข์ใจเท่านั้น อิสระสบายจริงๆ ในจิตตน. นี่แหละคือผลรับที่เราได้ฝึกฝนมา.

    จึงขอฝากไว้ว่าผลของการปฏิบัตินั้นมีแต่สุข สุขใจ สุขกาย สุขอย่างแท้จริง.

    เพราะเราไม่วิตกกังวลต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดเราก็รับได้ทุกอย่างไม่ทุกข์ ไม่ร้อน.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2013
  13. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    เรื่องที่บังเอิญ หลายๆท่าน อาจจะมีเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือ โดยโชดชะตานําพาก็ว่าได้ อย่างเรื่องที่ผู้เขียนจะเล่านี้ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้เขียน เพราะผู้เขียนเป็นคนที่ชอบเอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติ และได้ผลจากการปฏิบัติ ก็เหมื่อนคนค้าขายพอมี กําไร ก็ชอบที่จะทําต่อ ก็ฉันนั้นกับคนที่ปฏิบัติธรรม พอได้ประสบผลแค่ความสงบที่เป็นธรรมขั้น "สมถะธรรม"นี้ตอนแรกๆก็สุขแบบไม่เคยได้รู้ได้เห็นมาก่อน เพราะก่อนนั้นชีวิตก็จะมีแต่ความวุ่นอยู่กับงาน คือ งานๆ ก็แทบจะไม่มีเวลา แต่เราก็ได้เห็นทุกข์คู่กันไป กับ ธรรมด้วย เพราะเราเกิดความเบื่อหน่ายในความเป็นอยู่ที่ต้องรับผิดชอบ และจิตก็ได้ถามว่าที่ทําอยู่นี้ ตายไปจะเอาไปได้ไหม?และจิตก็ตอบเอาไปไม่ได้ แล้วเอาไปไม่ได้แล้วทําไหม?ไม่ออกมาจากมันหละ?พอมันเห็นเหตุความเกิดดับของจิตที่คิดไปต่างๆนาๆ แล้วก็มาสรูปว่าตายไปเอาอะไรไปไม่ได้แค่นั้นแหล่ะ มันโล่งเลย แล้วเราก็ศรัทธาพระเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จําความได้ว่าตอนเป็นเด็กยาย ก็จะให้ไปส่งข้าวพระ ตอนเช้า คือ "จังหัน"เราก็ไปอย่างนั้นแหล่ะเพราะผู้ใหญ่ใช้ แต่ตอนนั้นยายเดินไม่ได้เพราะทั้งตา และขา ท่านไม่ค่อยดี ส่วนแม่ต้องรีบไปทําไร่ทํานา ก็เลยเป็นหน้าที่ของผู้เขียนต้องไป แต่ไปตามคําสั่งเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ตอนนี้ได้เข้าใจเพราะที่เราทํานั้น เหมือนมันบังเอิญแต่ไม่ใช่บังเอิญ เพราะเรามีความศรัทธาพระ พอเห็นพระสงฆ์องค์เจ้าเราก็จะทําบุญเลย และเป็นอยู่อย่างนี้มาตลอด จนผู้เขียนได้มาอยู่อังกฤษ ก็มาใหม่ๆไม่รู้จะไปหาวัดที่ไหน ก็ผูกพันธ์มาตลอด ก็คิดๆ วันหนึ่งได้ไปเรียนภาษาที่เขาเปิดเป็นโรงเรียนสอนคนต่างชาติ ก็จะมีคนเยอะมากมาเรียนมีทุกชาติ ทั้ง อิตาลี่ ยุโรป ญีปุ่น เราก็ได้เห็นความแตกต่างของคน... แต่ที่ไม่แตกต่างก็คือเรากับได้เจอกับพระอาจารย์ที่ท่านเป็นพระไทยองค์แรกที่เราได้เจอ จนมาถึงทุกวันนี้เรายังไม่เคยลืมท่านและก็ได้เป็นลูกศิษย์ท่านมาจนถึงทุกวันนี้ นี่จะเรียกว่าความบังเอิญที่ไม่ใช่บังเอิญก็ว่าได้เพราะอาจจะเป็นโชดชะตาที่ต้องได้มาอาศัยบุญบารมีของพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ก็คือเนื้อนาบุญที่ท่านได้สืบทอดพระศาสนามาจนถึงทุกวันนี้ และผู้เขียนก็ได้นําธรรมะมาเป็นเครื่องรักษาบํารุงจิตใจมาจนถึงทุกวันนี้ จึงนํามาเล่าว่า"ถ้าเราชอบสิ่งไหน เราก็ได้สิ่งนั้น" ก็เหมือน คํากล่าวว่า"หาสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น"จึงขอนํามาแชร์เพื่อเป็นประสบการณ์เล่าสู้กันฟังค่ะ
     
  14. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

    คนที่เขาเข้าใจก็เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง. ส่วนคนที่ไม่เข้าใจก็ถามว่าปฏิบัติเพื่ออะไร

    การปฏิบัติธรรมนั้น เพียงเพื่อฝึกจิตให้รู้เท่าทันกับสภาพความจริงแท้ของอุปาทาน

    ในความหลงยึดถือรูปร่างกายและสิ่งของต่างๆ ในโลกนี้ อันเป็นธาตุ ๔ ว่าเป็นตัวเราเป็นของเรา

    ออกให้หมดสิ้นเท่านั้นเอง มิใช่เพื่อความมีความเป็นใดๆ ทั้งสิ้น ผลคือเพื่อความไม่ทุกข์ทางใจ

    อีกต่อไปนั่นเอง เพราะถ้าการมีตัวเราของเราเกิดขึ้นในจิตเมื่อไหร่ ทุกข์จะเกิดขึ้น

    เมื่อนั้นทันที เช่นว่า ถ้าสิ่งของผู้อื่นหาย ใจเรารู้สึกเฉยๆ แต่พอของเราหาย ใจเราจะ

    เกิดทุกข์ทันที จริงไหม? เพราะมีของเราเกิดขึ้นนั่นเอง.

    ผู้ปฏิบัติบางท่าน พูดถึงจุดหมายของการปฏิบัติธรรมว่า เพื่อความเป็นพระโสดา

    พระสกิทาคา พระอนาคา พระอรหันตา จิตข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่า ใครหนอที่จะมา

    เป็นผู้ตัดสินแต่งตั้งตำแหน่งนั้นให้ได้ มิใช่เหมือนการแต่งตั้งผู้ว่า หรือนายอำเภอ ยศนั้น

    ยศนี้นี่ ซึ่งการตำแหน่งเหล่านั้นจะต้องมีผู้แต่งตั้งให้ แล้ว ตำแหน่งความเป็น

    พระโสดา สกิทาคา อนาคา และอรหันตา
    ล่ะ

    เพราะมีความเป็น นั่นยังมิใช่จุดหมายแห่งธรรม. ธรรมแท้ๆ เป็นไป

    เพื่อออกจากอุปาทานของความมีความเป็นให้หมดสิ้นต่างหาก "ชื่อเหล่านั้นจึงเป็นเพียง

    อาการชื่อของจิต"
    ในแต่ละขณะที่รู้เห็นเองว่า จิตเบาบางจากความโลภ ความโกรธ

    ความหลง ได้มากน้อยแค่ไหน มันเป็นอาการชื่อของจิตที่มีความทุกข์น้อยลงๆ จนกระ

    ทั่งไม่ทุกข์เลยต่างหาก. คำว่าอรหันต์ จากบทสวดมนต์แปลว่า ผู้ห่างไกลจากกิเลส

    มิได้แปลว่า ความเป็นอะไรทั้งสิ้น และคำว่ากิเลส ก็แปลว่า เหตุแห่งทุกข์.


    สรุปแล้ว คำว่า อรหันต์ ก็คือ ผู้ห่างไกลจากเหตุแห่งทุกข์ เมื่อเหตุแห่งทุกข์ไม่มี

    ผลทุกข์ย่อมไม่มี (หมายถึงใจ) ดังนั้น จุดหมายแท้ของการปฏิบัติธรรม ก็เพื่อออกจาก

    ทุกข์ใจให้หมดสิ้นเท่านั้น ส่วนทุกข์กายมันเป็นเรื่องธรรมดาของสังขารอันไม่เที่ยงนั่นเอง.



    คัดมาจากหนังสือธรรมะกับการปฏิบัติธรรมค่ะหวังว่าคงมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านบ้างไม่มาก
    ก็น้อยเพราะเห็นว่า เป็นธรรมะที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับผู้ปฏิบัติ จึงนำมาเป็นธรรมทาน
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2013
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความสุขที่แท้จริง ต้องอยู่กับธรรมชาติ
    มิใช่..ฝืนธรรมชาติ หรือ ธรรมะเข้าข่มจิต
    คำว่า ธรรมชาติหรือธรรมะ
    มักไม่ค่อยจะขัดแย้งกันและจะอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน


    เราเคยผิด เราเคยถูกมาบ้างแล้ว
    แต่ตอนนี้เราเคยอยู่ระหว่างตรงกลาง คำว่า ถูก-ผิด หรือยัง?

    เราเคยเลว เราเคยดีมาบ้างแล้ว
    แต่ตอนนี้เราเคยอยู่ระหว่างตรงกลางค ำว่า เลว-ดี หรือยัง?

    เราเคยแพ้ เราเคยชนะมาบ้างแล้ว
    แต่ตอนนี้เราเคยอยู่ตรงกลางระหว่าง คำว่า แพ้-ชนะ หรือยัง?

    เราเคยทุกข์ เราเคยสุขมาบ้างแล้ว
    แต่ตอนนี้เราเคยอยู่ตรงกลางระหว่าง คำว่า ทุกข์-สุข หรือยัง?

    ขอให้ผู้ปฎิบัติทุกท่าน โดยเฉพาะจิตบุญ
    ลองไม่เอาทั้ง คำว่า ผิด-ถูก เลว-ดี แพ้-ชนะ หรือ ทุกข์-สุข

    และลองมาปล่อยวางชั่วคราวกับ คำว่า ความรู้สึกใดๆ หรือ ความนึกคิดใดๆ
    แล้วพวกเราจะรู้สึกอย่างบ้าง?

    มันโล่ง มันว่าง มันเบาไหม๊?

    แต่ถ้าจะปล่อยวาง หรือ ออกจากทุกข์แบบถาวร
    ผู้นั้นจะต้องนำจิตมาเดินมรรคด้วยตนเอง

    เพราะจิตเท่านั้น จะเป็นผู้ทำหน้าที่ "ปล่อยวาง"
    มิใช่เรา
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=-TWk6yNfBx0&list=PL04323ACB99B7C42D]เพลงสำหรับนั่งสมาธิ - YouTube[/ame]
    กระทู้นี้ฯ ต้องการเห็นผู้คนมีความสุข
    ไม่อยากให้มีความขัดแย้งกันเลย

    อยากแบ่งปันแต่สิ่งที่ดีๆ ให้กันและกัน
    นอกจากภายในใจของเราสงบสุขแล้ว
    ยังทำให้ผู้ที่อยู่รอบๆข้างเราสงบสุขตามไปด้วย

    อย่าปล่อยกิเลสตนเองไปรบกวนผู้อื่นเลย
    เพราะคนที่รอบๆตัวเรานั้น ล้วนแต่มีกิเลสหยาบ-ละเอียด-ละเอียดยิ๊บๆ
    อย่าไปคิดว่า..เราสิ้นอาสวกิเลสไปแล้ว ถ้าตราบใดยังมีขันธ์ ๕ ถือว่ายังเลวอยู่
    (รวมทั้งตัวผู้เขียนด้วย)

    พี่ภู..ขอร้องนะๆๆๆ
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เมื่อต้นน้ำใส ปลายน้ำจะขุ่นได้อย่างไร
    คนเราก็เหมือนกัน
    ถ้าจิต หรือภายในของคนเรามันดีอย่างเดียว คำพูดและการกระทำย่อมดีตามไปด้วย
    โดยที่คำพูดและการกระทำ แทบไม่ต้องระวัง เราแค่สำรวมจิตเพียงอย่างเดียว

    ที่ว่าผู้อื่นหรือโลกยุ่งหรือวุ่นวายนั้น ไม่จริงหรอก
    ความจริง ก็คือ จิตของเรามันไม่นิ่งเอง และไปยุ่งกับผู้อื่นหรือโลกเอง
    ก็เลยยุ่ง+วุ่นวายหนักเข้าไปใหญ่

    แต่ถ้าจิตเรานิ่งเพียงอย่างเดียว เราจะไม่ไปยุ่งหรือวุ่นวายกับผู้อื่นหรือโลก
    ถึงแม้นผู้อื่นหรือโลกมายุ่งหรือวุ่นวายกับเราก็ตาม
    (ไม่มีผู้ใดหนีพ้นโลกธรรม ๘)
    แต่ก็มิได้ทำให้เรายุ่งหรือวุ่นวายตามด้วยเลย

    และอย่าคิดไปเปลี่ยนแปลงบุคคลอื่นเลย เพราะเป็นไปไม่ได้
    ควรคิดเปลี่ยนแปลงจิตใจของตนเองจะดีกว่า

    สรุปแล้ว
    เมื่อจิตใจของเรามันนิ่ง มันสงบสงัด มันเงียบได้ที่แล้ว
    ถ้าหากผู้อื่นหรือโลก มันจะยุ่งหรือวุ่นวาย ก็ช่างมันปะไ
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อย่าหลงไปดูจิตของบุคคลอื่น
    เพราะมันเสียเวลาปฎิบัติมรรคผลของตนเอง


    ผู้ปฎิบัติใหม่คอยหมั่นเจริญสติ แต่จิตเกาะพระ สร้างสติโดยการนึกถึงพระบ่อยๆถี่ๆ
    แต่สำหรับจิตบุญ หมั่นทรงฌานให้เป็นปกติเข้าไว้(บอกปากจะฉีก)
    เพราะเราจะได้มีทั้งสติ ทั้งปัญญา พร้อมกันทีเดียว
    และในขณะที่ทรงฌานอยู่นั้น จิตเราก็ตั้งอยู่แต่ฝ่ายบุญ ฝ่ายกุศลตลอดเลย
    พอมาถึงตรงนี้ ผู้เขียนถึงบางอ้อเลย ว่า...
    ทำไม..การภาวนาถึงได้เป็นบุญใหญ่ เพราะในขณะที่ภาวนาอยู่นั้น จิตสะอาด
    จิตปราศจากกิเลส
    ยิ่งผู้ที่ทรงฌานเป็นนิจถึงได้เปรียบกว่าผู้อื่น
    ก็เพราะเสมือนเราได้สร้างบุญกุศลอยู่ตลอดเวลาหรือแทบจะทุกลมหายใจ
    ในขณะที่เราทรงฌานอยู่นั้น

    แต่ถ้าผู้ที่สอบผ่านวิปัสสนาแล้ว แทบไม่ต้องไปคอยระวังศีลหรือไม่ต้องไปคอยสร้างสติเลย
    เพราะเป็นมหาสติ
    แต่ก็ไม่อยากให้เป็นการเข้าใจผิดหรือเพื่อความไม่ประมาท ขอให้เจริญสติภาวนาเป็นปกติ จะดีกว่า

    ผู้เขียนไม่ได้มาสอนสั่งธรรมใครๆนะ อย่าเข้าใจผิด แต่สนทนาธรรมกันเฉยๆ
     
  19. นางไพจิตต์

    นางไพจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +956
    ..............................................
    (i)pity_pigthaxx;41jaah
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ละกิเลสหยาบก่อน ถึงละกิเลสละเอียดภายหลัง
    ผู้ปฎิบัติใหม่ละกิเลสหยาบ(รูป=ขันธ์๕)ให้ได้ก่อน
    แล้วค่อยมาละกิเลสละเอียด(นาม=เจตสิก)ในภายหลัง ได้แก่ ความรู้สึกต่างๆ หรือ ความนึกคิดต่างๆ

    แ่ต่ถ้าเป็นจิตบุญให้พยายามละกิเลสละเอียด หรืออัตตาละเอียด(คราบมนุษย์)ต่อไป
    เมื่อละกิเลสละเอียดได้แล้ว จิตก็จะเข้าสู่ดินแดนวิมุตติหรือสุญญตา(ความว่าง)

    แต่ถ้าจิตบุญ สามารถพัฒนาจิตให้ถึงจิตพุทธะได้ก็ยิ่งดีใหญ่
    ว่ากันตามกำลังใจตนเป็นหลัก อย่าได้นำผลของการปฎิบัติของตนไปเทียบกับผู้อื่น
    ขอให้เทียบกับผลของตน คือก่อน-หลังการปฎิบัติตนเอง เป็นหลักก่อน
    และอย่าหยุดเพียงแค่นั้น ตราบใดขาเรายังเหยียบนิพพานข้างเดียว
    จิตรอดแล้ว ก็ทิ้งสติเลย อันนี้ถือว่าเสียหายๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆ
    อย่าเอาสติห่างจิต เพราะจิตเราจะทุกข์ได้ สติอย่าเป็นตัวถ่วงจิต
    ให้นำสติ+จิต=1=ฌาน=ปัญญา
    ......
    ขอพูดถึงแค่นี้ก่อน พูดมากหรือสูงกว่านี้ไม่ได้ นอกจากเฟส
    เพราะเลยเขตปัจจัตตัง
    เดี๋ยวจะโดนข้อหา อุตริมนุสธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...