จะทราบได้อย่างไรว่า บรรลุโสดาบัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 21 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    เท่านี้...อารมณ์ของพระโสดาบัน


    พระโสดาบัน ก็คนดีมีคุณภาพ หรืออีกนัยชาวบ้านชั้นดี คนดีของสังคม

    ถ้าไปเจอพระโสดาบัน ที่ท่าน ไม่เหนียม ไม่ติ๋ม ไปแย่ท่านเอามากๆ

    แบบอันธพาล ระวังจะโดนพระโสดาบันเตะเอาดื้อๆนะครับ (พูดถึงท่านที่ไม่ได้บวชพระนะครับผม) พระโสดาบันนี่ ไม่ไช่ทื่อเป็นสากกระเบือนะ

    พระโสดาบันนี่ ท่านเริ่มฉลาดแล้ว แบบว่าฉลาดจริงๆ เพราะว่าท่านเริ่มชนะโลก โลกีย์วิสัย ได้บางส่วนแล้ว

    ยกตัวอย่างเฉยๆอย่งคิดมากนะครับ

    พระโสดาบัน ละเว้นจากการฆ่า โดยเจตนา ได้ 100%แล้ว

    แต่ยังเตะได้อยู่

    หุหุหุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  2. หมอรวย

    หมอรวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +105
    มาดู...ภูมิพระโสดาบัน
     
  3. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    พระอานนท์ ท่านเป็นพระโสดาบันนะครับ ตอนที่เป็นพระอุปฐาก ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ตอนที่พระพุทธเจ้า ดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานแล้ว

    สมัยหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงตรัสถามพระอานนท์ว่า "อานันทะ เธอนึกถึงความตาย วันละกี่ครั้ง"

    ตอนนั้น พระอานนท์ ท่านทรงอารมร์พระโสดาบัน หรือเป็นพระโสดาบันอยู่ พระอานนท์ ตอบกลับไปว่า

    " วันละเจ็ดคร้ง พระพุทธเจ้าค่า" องค์สมเด็จบรมครูศาสาดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสบอกว่า " น้อยไป อานนท์

    คถาคต นึกถึงความตาย ตลอดลมหายใจเข้าออก"(แสดงว่า พระพุทธเจ้าทรงอารมณ์มรณานุสติกรรมฐานเป็นอารมณ์)

    ดูสิครับ พระพุทธเจ้ายังตรัสเลย ขนาดพระโสดาบัน ยังเป็นผู้ที่ประมาทอยู่มาก ยังต้องทำความเพียรต่ออีกมาก
    (พระอานนท์ท่าน เฉลี่ยนึกถึงความตายวันละ7ครั้ง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  4. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ของจริง ทราบไม่ทราบ คงไม่เป็นไร

    ของไม่จริง คิดว่าเป็น คิดว่าละสักกายะทิฏฐิได้ ศีลห้าได้ มั่นคงต่อพระรัตนตรัย ทราบอริยสัจสี่และเห็นไตรลักษณ์ คิดแล้ว ก็แน่ใจ แน่ใจเพราะเห็นว่าทำได้ แบบนี้มีมาก
    ควรลองตรวจสอบ อุปกิเลส16 พรหมวิหารสี่ บุญกิริยาวัตถุ10 สติปัฏฐานสี่(ทันกุศลอกุศลในจิตแค่ไหน) มีการระวังธรรมไม่บิดเบือนธรรมง่ายๆ เพราะมันสำคัญมากนะข้อนี้ ... ฯลฯ
    ที่ว่า พระโสดาบันมีแต่เจริญขึ้น ก็เพราะมีสติรักษาตัวไม่ทำผิดศีลได้ เห็นความผิดในตน ขอโทษได้ง่ายเมื่อรู้ตัวว่า(สำคัญ)ผิด.. แต่มันเป็นเรื่องพูดยาก เพราะคนมักเข้าข้างตัวเองอีก เราจึงเห็นว่ามีคนจำนวนมาก ว่าคนอื่นในสิ่งที่ตัวเองเป็นแทน..
    การรู้ตัว ไม่ใช่เรื่องง่าย (สติปัฏฐาน)

    หรือจะลองเทียบ คุณธรรมเบื้องต้น เช่น ความกตัญญู ความมีวินัย ฯลฯ
    หรือ ความหนักแน่นในจิต สะเทือนไหวแค่ไหน ความกลัว ความปล่อยวาง ..ฯลฯ
    คนมาถึงการเป็นพระอริยะแล้วนะ จะเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ถ้าไม่สันโดษช่วยตนก่อน ก็ไม่กีดขวางบุญของคนอื่น เพราะถ้าไม่อนุโมทนาก็คงมุทิตา..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  5. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    คุณ 789654561 มีจุดประสงค์อะไรแน่ ต้องการจับผิด ยั่วโมโห

    อีกอย่างผมไม่ได้ยกตนข่มท่าน ผมอาจไม่เป็นโสดาบันก็ได้ หรือเป็นก็ได้

    แต่อยากให้รู้ไว้ว่า โสดาบัน แค่ลด ราคะ ตัณหา กิเลส โมหะ โทสะได้อย่างเจือจางลง

    ไม่ใช่หมดลง คุณท้าตีท้าต่อยแบบนี้โสดาบันสงบจากไหนก็โมโห บอกให้ !!!
     
  6. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    แล้วก็ที่ว่าศีลข้อ 4 ผมขาด

    ขาดตรงไหน ผมชี้แจงให้คุณฟังไม่ได้มีประโยคว่ากล่าว หรือด่า หรือสอดเสียด
    และคำโกหกใดๆเลย ผมผิดตรงไหนครับ คุณ 789654561
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เรื่องของ ศีล 5 บริสุทธิ์ นี้ อย่าไปเข้าใจแบบชาวบ้าน

    เพราะว่า ศีลนั้นมี ระดับ ของศีล คือ มีเจตนางดเว้น

    การที่มีเจตนางดเว้น นั้นแสดงว่า จิตใจยังสามารถแตกออกไปในฝ่ายต่ำ ซึ่งยังไม่ใช่ ศีลของพระโสดาบัน แม้ว่าจะรักษาได้ก็ตาม

    พระโสดาบัน ไม่ต้องรักษา เพราะต้นทางของจิตของใจนั้น ไม่แตกไปในทิศทางที่ต่ำกว่ามนุษย์ เช่น คิดฆ่าเขา อยากได้ของเขา อยากได้เมียเขา อยากกินเหล้า อยากพูดเท็จ แบบนี้ไม่มี

    มีแต่ว่า จิตใจที่เป็นปรกติ เมื่อสิ่งต่างๆที่ไม่ดีเข้ามา แล้วจิตใจ ไม่ได้วิ่งไปในทิศทางต่ำ ก็ไม่ต้องรักษา ไม่ต้องมีเจตนางดเว้นอะไร

    นี่ให้เข้าใจ ว่า ระดับ ศีล ต้องเป็นแบบนั้น
     
  8. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    เราเห็นด้วยตามนั้นครับ พระอริยะระดับโสดาบันอารมณ์คล้ายคนทั่วๆ ไปมาก

    แต่อยู่ในกรอบ ใครว่ามาก็ว่ากลับได้น่ะครับ
     
  9. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    เห็นตรงกับท่านขันธ์

    โสดาบันบุคคล คือ ท่านผู้ที่สามารถ ละสังโยชน์ ๓ ข้อต้นๆได้คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส

    ๑. สักกายทิฏฐิ มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา
    ๒. วิจิกิจฉา มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆกันไปอย่างงมงาย <O:p</O:p
     
  10. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    โมโหแล้วอยากต่อย 789654561 ไหม ?
    แล้วถ้ามีโอกาสได้ต่อยจะต่อยเขาไหม ?
     
  11. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    โดยมากเรามักเข้าใจไปเองว่าเรารู้แจ้งในบางสิ่งแล้ว เช่น พอภาวนามากๆ ฟังธรรมบ่อยๆ ก็มักเกิดความรู้สึกว่าเราปล่อยวางได้ ปลงกับชีวิต มองเห็นสังสารวัฏเป็นทุกข์ สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ รักษาศีลห้าได้ครบถ้วน มั่นคงต่อพระรัตนตรัยไม่แปรเปลี่ยน

    สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เสมอ แต่หากว่ามันจะมั่นคงถาวรแล้วหรือยัง???

    การจะตามจี้ดูที่รูปนามจนเกิดปัญญาขึ้นมาได้ ความละเอียดรอบคอบ ทั่วถ้วนในการมอง เป็นเรื่องของมหาสติปัฏฐาน จำเป็นต้องฝึกฝนพากเพียรให้มาก บ่มเพาะอินทรีย์ให้มาก โดยเฉพาะมนุษย์ยุคกึ่งพุทธกาล ที่กระแสโลกมีอิทธิพลต่อการพอกพูนกิเลสตัณหาเป็นอย่างมาก
    ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย บีบี อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone iPad อะไรต่อมิอะไรมากมาย

    มันไม่ง่ายเลยสำหรับการแหวกหมอกควันออกมา เพื่อพบกับแสงสว่าง
    และมันก็ไม่ควรเลยกับการประกาศตัวต่อสาธารณะชนว่าเราถึงธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ เพราะผู้มีปัญญาถึงระดับอริยะชน ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าผลที่จะตามมาเป็นอย่างไร เนื่องด้วยทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไปของมัน พิจารณาโดยแยบคายแล้วจะทราบได้ทันที ว่าเสียมากกว่าดี
    และมันยิ่งไม่สมควรเข้าไปอีก หากมีการแสดงโทสะออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สติปัญญายังไม่แก่กล้าพอจะละโทสะได้ในทันที (ผมไม่ได้บอกว่าต้องไม่มีโทสะนะ โทสะมีได้ แต่ต้องรู้ทันและละได้) เนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องของโลกธรรมเท่านั้น ถ้ายังละไม่ได้ ยังจะเป็นโสดาบันได้อีกหรือ???
     
  12. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ฮึๆๆๆๆๆ และแล้วก็หลุดออกมาจนได้ พระโซดา จัดให้อ่านรับอรุณนะคะ

    พระอริยบุคคลไม่ออกมาท้าตี ท้าต่อยหรอกนะคะ จะโกรธ จะเกลียดก็รู้อยู่ภายในจิต ห้ามไม่ได้ เพราะไม่ใช่พระอนาคามีที่ตัดกามฉันทะหรือพยาบาทหมดแล้ว แต่ไม่หลุดออกมาทางกาย วาจา

    เธอขา ศีลข้อ 4 ยังรักษาไม่ได้เลยนะคะ อยากจะเป็นพระอริยบุคคลแต่ไม่รู้จักอริยมรรค เดินแป๋ไปซ้ายที ขวาที เข้ารกเข้าพง แล้วก็ออกมาประกาศ หรือไม่ก็เลี่ยงบาลี ออกมาแสดงความนัยไม่พูดตรงๆ บ้าง ที่แย่ที่สุดคือ 'ใช่แน่ กุเป็นแน่แล้ว' มีคนเป็นอย่างนี้มากมายจริงๆ ที่สมัครสมาชิกก็เพราะอย่างนี้ ต้องให้รู้สึกเสียบ้าง ไม่ได้มีอะไรกับเธอนะไม่ได้มีความหมายกับชีวิตดิฉัน แต่ต้องพูด ไม่งั้นก็มีคนบ้าเข้าใจผิดกันเต็มไปหมด คนไม่รู้จริงก็อนุโมทนาตามกระบือเป็นแถว ทำเข้าไปได้

    นี่แหละกลับมาที่เดิม อยากจะเป็นพระอริยบุคคลแต่ไม่รู้จักอริยมรรค ไม่เดินตามหลักไตรสิขา ศีล สมาธิ ปัญญา ผลคือฟุ้งซ่าน คิดเอาเอง จิตแพทย์หน่ายกับพวกเข้าวัดมากที่สุด รักษายากที่สุด

    ป.ล. การเปลี่ยน user name เข้ามาเล่น พูดดี พูดเพราะ หลังจากหลุดไป ทางจิตเวชเรียกได้ว่าอยู่ในกลุ่มอาการ multipersonality disorder มีหลายบุคคลิก เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวคลุ้มคลั่ง เดี๋ยวสงบ ทางพุทธคือขาดสติดีๆ นี่เอง อยากจะทำ อยากจะพูดก็ทำไป พูดไป ไม่มีวุฒิภาวะ พอเกิดการสำนึกก็ดีขึ้นพักหนึ่ง ไม่อยากวิเคราะห์เจ้าของกระทู้เพราะเสียเวลา และไม่ได้เงินตอบแทนค่าวิชาชีพ แต่เขียนเพื่อเตือนสติคนอื่นๆ ที่กำลังหลงผิดเพราะขาดการเรียนรู้ที่ถูกต้อง ไม่ได้ศึกษาพุทธวจนะ ไม่ฟังครูบาอาจารย์ แต่จะว่าไปแล้วมันก็ขึ้นกับกรรมอีกเหมือนกัน การเจอกัลยาณิมิตร ไม่ง่ายเลย..............

    วางเฉยดีกว่า กรรมใครกรรมมันนะคะ ฮึๆๆๆๆๆ<!-- google_ad_section_end -->
    ___________________________________________________________

    multipersonality disorde คือโรคการแสดงอารมณ์กลับไปกลับมา ที่ผู้ป่วยมีการแสดงบุคลิกหลายบุคลิกสลับไปมา ที่ชาวบ้านชอบคิดกันเอาเองว่า " ผีเข้า " จะรู้สึกสับสนเรื่องราวในอดีต กับ ปัจจุบัน นี่คืออาการปกติ

    ที่คุณ 789654561 บอกว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไม่เกี่ยวเสมอไปอาการนี้เป็นได้เช่น

    เดี๋ยวอยากเป็นตำรวจ เดี๋ยวอยากเป็นหมอ เดี๋ยวอยากเป็นกัปตันขับเครื่องบิน
    ประมาณนี้ แต่ตัวเองก็มีสติตลอดเวลา มิใช่ที่คุณกล่าวหาผมว่าเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้

    แล้วเรื่องที่ผมบอกผมเป็นโสดาบันแน่ ใช่ครับผมไม่น่าพิมพ์เพราะผมรู้ตั้งแต่เด็กแล้วใครบรรลุอะไร ได้ฌานอะไร บอกไม่ได้ แต่ตอนนั้นผมดีใจ ก็เลยพิมพ์ไป

    แล้วที่คุณไม่อยากวิจารณ์ผม คงดูผมแย่มากๆใช่มะ ?

    เดี๋ยวผมจะลองวิจารณ์คุณนะ
    คุณเป็นคนที่ Anti โลก คิดว่าคนส่วนใหญ่ฉลาดน้อยกว่าคุณ คุณคิดว่าคุณรู้ทุกอย่างพ้นทุกอย่างไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ที่ไหนได้คุณนั่นแหละ ที่อยู่ในตม

    ปล.คุณควรไปพบจิตแพทย์นะบอกเค้าว่าเป็นโรค pretty woman disease ซึ่งโรคนี้ก็พึ่งเคยได้ยินนะ ไม่รู้มีในศัพท์ทางแพทย์รึเปล่าแต่จะแปลให้ฟัง คือโรคที่ผู้หญิงคิดว่าตัวเองมีพร้อมทุกอย่างเก่งกว่าคนอื่นทุกอย่าง ทั้งๆที่ตัวเองกลับเครียดกับการที่ดีเกินไป
    ประมาณนั้นครับ
     
  13. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    เอาอย่างนี้นะคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Sir-Pai<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4404049", true); </SCRIPT> เราเชื่อละกันว่าคุณได้โสดาบัน เราโหวตให้

    เพราะเรารู้สึกเช่นนั้นละกัน ไม่มีเหตุผลอะไรเกิดจากความรู้สึก (ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นความรู้สึกส่วนตัว)
     
  14. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863

    พอเตอะท่าน กลับมาสู่วงเสวนา การเป็นพระโสดาบัน ที่ท่านจขกท ตั้งไว้

    ท่านจขกท ตั้วกระทู้ได้ น่าสนใจมากเลยครับ เพราะชาวบ้าน คนทั่วไป พึงจะ

    พอปฏิบัติกันได้ เป็นการแลกเปลี่ยน ความรู้ ซึ้งกันและกัน เพื่อไปพัฒนาตัวเองไห้ดีขึ้น

    เป้นสิ่งที่ดีมาก ผมขอชื่นชม

    ....พอหมอปาก หอมคอนะ ทีมานี่ สายธรรม ด้วยกันทั้งนั้น หนักนิด เบาหน่อย อภัยกันนะ นะ ผมว่า....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอาเป็นว่า ใครได้โสดาบันเรา ดีใจด้วย นั่นแหละ เรามีจิตใจประเสริฐ เราเองนั้นอาจจะเป็นพระโสดาบันก็ได้

    เหมือนคนมีทรัพย์ล้นพ้น ใครมีเงินมาอวดสักร้อย สักพัน เราก็ดีใจด้วย เพราะเรามีมากแล้ว พอแล้ว เราก็จะดีใจกับเขาเอง

    แต่ถ้าใครไม่มีเงิน เห็นใครมีเงิน เราก็จะรู้สึกไม่พอใจ เพราะเราก็ยังไม่มี

    นี่แหละ เพราะฉะนั้น ใครจะเป็นพระโสดาบัน เราดีใจด้วย
    เขาจะได้จริงหรือไม่จริงไม่รู้ เรามีมุทิตาจิตกับเขา

    แต่ หากว่า เรามีปัญญา มองเห็นว่า เขาหลง เราก็เตือนๆ กัน ให้เข้าทางที่ถูก
     
  16. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    งั้นก็ตั้งวงต่อคร้าบบบ (ไม่ใช่ตั้งวงดื่มสุราเมรัยนะ) อิอิ

    อย่าพึ่งลงความเห็นให้ผมโสดาบัน 100% ครับ

    เผื่อผมไม่ใช่ขึ้นมา จะกลายเป็นมุสาอ่ะครับ

    ขออภัยกับทุกๆคนนะครับที่นอกเรื่อง และก็ขออภัยคุณ 789654561
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  17. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    งั้นมาว่ากันต่อเลย............

    พระปุถุชน 500 รูป ได้ไปกราบลาพระพุทธเจ้าเพื่อไปปฏิบัติธรรมในป่าในช่วงเข้าพรรษา

    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า พวกท่านได้ไปลาท่านสารีบุตร หรือยัง พระปุถุชนทั้ง 500 รูปตอบ ยังพะยะคะ

    พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า พวกท่านไปลาพระสารีบุตรก่อน

    เมื่อพระปุถุชนฯ ไปลาพระสารีบุตร จึงถือโอกาสถามพระสารีบุตร ว่า

    พวกข้าพเจ้าเป็นพระปุถุชนคนธรรมดา จะปฏิบัติธรรมข้อไหนดี ถึงจะเป็น พระโสดาบัน

    พระสารีบุตร...ให้พิจารณาขันธ์๕ ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา เราไม่มีใน

    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็จะเป็น พระโสดาบัน


    แล้วถ้าพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เป็นพระโสดาบันแล้ว จะปฏิบัติธรรมข้อไหนดี ถึงจะเป็น พระสกิทาคามี

    พระสารีบุตร...ก็พิจารณาขันธ์๕ นี้แหละว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา เราไม่มีใน

    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นก็จะเป็น พระสกิทาคามี


    แล้วถ้าพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เป็นพระสกิทาคามีแล้ว จะปฏิบัติธรรมข้อไหนดี ถึงจะเป็น พระอนาคามี

    พระสารีบุตร...ก็พิจารณาขันธ์๕ นี้แหละว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา เราไม่มีใน

    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นก็จะเป็น พระอนาคามี


    แล้วถ้าพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย เป็นพระอนาคามีแล้ว จะปฏิบัติธรรมข้อไหนดี ถึงจะเป็น พระอรหันต์

    พระสารีบุตร...ก็พิจารณาขันธ์๕ นี้แหละว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา เราไม่มีใน

    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นก็จะเป็น พระอรหันต์


    เมื่อข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพระอรหันต์แล้วก็ไม่ต้องพิจารณา ขันธ์๕ อีกแล้วใช่ไหม

    พระสารีบุตร...เมื่อพวกท่านทั้งหลายเป็นพระอรหันต์แล้ว ต้องพิจารณา ขันธ์๕ ให้มากยิ่งขึ้นอีก

    เป็นร้อยเท่าพันเท่าเพื่อความอยู่เป็นสุข
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    รู้อะไรเกี่ยวกับ ตนเองบ้าง

    เราเป็นพระโสดาบันหรือเปล่าหว่า ยังลังเล ดังนั้นแล้ว หากว่า เราเป็นพระโสดาบันจริงด้วยเหตุใดก็ตาม แสดงว่า วิจิกิจฉาเรายังมี เรายังไม่แจ้งในตัวเอง ก็แสดงว่า เรายังทำมรรคไม่แจ้ง ในเมื่อทำมรรคไม่แจ้ง ทำไมไม่มีสติ ในสิ่งที่ควรทำ มานั่งลังเล แล้วมันจะแจ้งขึ้นมาไหม

    แล้ว มรรค นั้นมันต้องทำอย่างไรหว่า มันจึงจะแจ้งขึ้นมา

    อ้าว แล้ว มรรคยังไม่รู้แล้วมันจะ เรียกว่า พระโสดาบันรึ
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ดีละ ดีละ


    พิจารณาขันธ์๕ ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา เราไม่มีใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็จะเป็น พระโสดาบัน


    มาชวนพิจารณาอีก ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

    มันอยู่ ที่กายหรืออยู่ที่จิต

    ถ้าพิจาณาเข้าใจว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อยู่ที่กาย


    หากพิจารณาแล้วว่าอยู่ที่กาย ทำให้เข้าใจว่า กายไม่ใช่เรา
    ทำให้เข้าใจว่า เป็นพระโสดาบัน

    แต่หาก คราวนี้ มาพิจารณาดู อีก ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ได้อยู่ที่กาย แต่อยู่ที่จิต หากมาพิจารณา และเข้าใจว่า แม้ จิตก็ไม่ใช่เรา

    เราไม่มีในจิต จิตก็ไม่มีในเรา
    จะตรงตามที่พระสารี บุตรกล่าวไว้ไหมหนอ
     
  20. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ใช่เห็นด้วยว่า ต้องมีและรู้ว่ามีแต่ไม่ได้สงสัยในความมีหรือไม่มีสิ่งต่างๆเหล่านั้นคนเราเมื่อสงสัยในธรรมก็คือสงสัยตนเองเมื่อสงสัยในตนสมาธิสติปัญญาก็ไม่มีเมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่มี มรรคผลและทางแห่งพระนิพพานก็ไม่ควรจะมี ผมว่าไปตามเนื้อผ้าเพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนอาศัยเหตุปัจจัยเป็นที่ตั้งเสมอมาและเหตุที่พระธรรมของพระศาสดาไม่มีกาลเวลาก็ด้วยเหตุปัจจัยที่เป็นจริงเหล่านี้ ช่วยสอนเขาทีสิครับ
    อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...