@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    "... #คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า นี่ ลูกหลานทั้งหลาย ถ้าใครจำได้นะ ถ้าใครจำคาถาได้ #ทำให้เป็นสมาธิ #ทำให้เป็นฌาน มีผล ๒ อย่าง คือว่า ถ้าเป็นฌานแล้ว #ลาภสักการะจะเกิดไม่ขาดสาย ขึ้นชื่อว่า #ความขัดข้องใดๆไม่ค่อยจะมี หากว่ามีขึ้นมาก็มีการชดใช้ หมายความว่าหาทัน..."
    เปิดดูไฟล์ 5832280 โอวาทธรรม : #พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    #วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
    ..
    หนังสือ : #คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง๖๗
    หน้า : ๒๖
    264682796_4845914005461192_6138284339068289574_n-jpg.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    #เคล็ดไม่ลับพระคาถา
    ..................................................
    ถ้าใครเคยอ่านประวัติหลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ว่าท่านโดนผีกดมือไว้ กดมือซ้าย พอเอื้อมมือขวาไปหยิบหวาย ผีก็กดมือขวาไว้ เป่าคาถาใส่ผีก็บอกว่า "กูไม่กลัว มึงท่องได้ครึ่งเดียว" ท้ายสุดหลวงพ่อท่านบอกว่าไม่มีที่พึ่งแล้ว มานึกขึ้นได้ว่า ๓ โลกนี้ไม่มีใครเหนือกว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว ในเมื่อไม่มีใครเหนือกว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว ผีก็ไม่มีทางเหนือที่จะกว่าพระพุทธเจ้าได้ เพราะฉะนั้น..เราขอพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แล้วท่านก็ว่า "พุทโธ" เป่าทีเดียวผีหกคะเมนไปเลย
    นั่นคือการที่เข้าถึง เข้าใจในตัวคาถาจริง ๆ ทำให้กำลังสมาธิทั้งหมด เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นและความเคารพอย่างแท้จริง ถ้าใครสามารถทำถึงตรงจุดนี้ได้ คาถาทุกบทนอกจากจะได้ผลแล้ว ยังได้ผลอย่างมหาศาลอีกด้วย
    อย่างการใช้คาถา พระอรหัง สุคโต ภควา นะเมตตาจิต สมาธิทรงตัวหรือไม่ ? ทรงตัวก็ได้ผล แต่ถ้าจะได้ผลเต็มที่ต้องเข้าใจว่า พระอรหัง สุคโต พระผู้หมดกิเลส ไปดีแล้ว นะเมตตาจิต ประกอบไปด้วยความเมตตา ความเมตตาในดวงจิตขนาดไหน ? พระอรหันต์ท่านเมตตาขนาดไหน ? ถ้าเข้าใจตรงนี้ ขอให้ความเมตตานี้เกิดขึ้นในจิตใจของผู้อื่นมีต่อเรา เหมือนกับที่พระอรหันต์มีต่อเรา คราวนี้คงเอาไปใช้กันมั่วแหละ เอาไปเป่าคนข้าง ๆ เลย..ลองดู...
    อาตมาบอกเคล็ดลับไปแล้ว ตัวเองค้นแทบเป็นแทบตายกว่าจะเจอ แต่พวกเราเองไม่เข้าใจตรงนี้ ในเมื่อไม่เข้าใจตรงนี้ก็ได้ผลไม่เต็มที่หรอก แต่อย่าคิดเกินไปนะ เมตตาจิตคือเมตตาอย่างเดียว อย่าไปคิดถึงพรหมวิหาร ๔ เดี๋ยวจะกลายเป็นพระอรหันต์ท่านอุเบกขาขนาดไหน ? ซวยเลยคราวนี้..! ปล่อยให้เอ็งรับกรรมไปคนเดียวเถอะ เพราะท่านยอมรับกฎของกรรม วางอุเบกขาไปแล้ว..!
    แล้วถามว่าคาถาอื่นล่ะ ? หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่า หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ มีคาถาอยู่บทหนึ่ง หลวงพ่อเรื่องท่านเปิดสำนักเรียนบาลี ลูกศิษย์ลูกหามาเรียนเป็นร้อย ๆ เลย แล้วก็มากินมาอยู่กับท่านนั่นแหละ ถ้าวันไหนข้าวไม่พอเลี้ยงพระเลี้ยงเณร ท่านจะขึ้นกุฏิไปจุดธูปไหว้พระ แล้วด่าลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน พักเดียวเท่านั้นเอง ชาวบ้านหอบเอาข้าวสารอาหารแห้ง ผักหญ้าอะไรมาถวายให้เป็นหาบ ๆ เลย พอให้พระท่านได้ฉัน
    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถามหลวงพ่อเรื่องว่า ทำไมต้องด่าหยาบคายขนาดนั้นด้วย ? หลวงพ่อเรื่องท่านว่า "ก็คาถาเป็นอย่างนั้นเองนี่หว่า..!" อันนี้ท่านตอบปัญหาเดียว คือท่านไม่มีวิจิกิจฉา ไม่มีความลังเลสงสัยว่า คาถานี้ครูบาอาจารย์ท่านให้มา ต้องมีผลแน่นอน ต่อให้เป็นคำด่าหยาบคายขนาดไหนกูก็ไม่สนใจ ครูบอกว่าใช้ได้ก็คือใช้ได้ นี่คือการวัดว่า กำลังใจเรามีวิจิกิจฉาในครูบาอาจารย์หรือเปล่า ?
    แล้วการเข้าถึงคาถาเข้าถึงอย่างไร ? เราลองมานึกว่า คนเป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่สนิทกันจริงจะด่ากันไหม ? ต้องเพื่อนรักชนิดไล่เตะตูดกันได้ ตายแทนกันได้ใช่ไหม..? ถึงจะด่ากัน ประเภทยิ่งด่าก็ยิ่งรัก พ่อแม่ด่าเราเพราะรักเราใช่ไหมถึง ? เราไปถึง "พ่อขอสตางค์หน่อย" ด่ากระจายเลย "ไอ้ลูกล้างลูกผลาญ..!" แต่เดี๋ยวก็ควักให้แล้ว
    เราต้องเข้าถึงตัวคาถาให้ได้ คำด่าก็เหมือนคำด่าของพ่อของแม่ หรือคำด่าของเพื่อนรักของเรา สักแต่ว่าด่า แต่ใจจริงพร้อมที่จะเมตตาสงเคราะห์ เราขอความช่วยเหลือ เพื่อน ๆ ก็ด่ามา "ไอ้ห่..ไม่รู้จักทำมาหาแด..หรือวะ..!" แต่ท้ายสุดก็ควักสตางค์ให้เรา ก็เหมือนกัน ก็คือลักษณะเดียวกันว่า "ด่า..แต่ให้" ถึงเวลาท่องคาถาเป็นคำด่าล้วน ๆ แล้วทำไมคนเอาของมาให้ ?
    ฉะนั้น..เรื่องของการเข้าถึงพระคาถานี้บอกกันไม่ได้ ถ้าวันไหนที่เรามีความเข้าใจอย่างชัดเจนในตัวพระคาถานั้นเมื่อไร เราจะใช้ได้ผลอย่างเต็มที่ทันที แต่ถ้ายังเข้าถึงไม่ได้ ก็ได้ประมาณครึ่งเดียวจากสมาธิเท่านั้น เพราะขาดความเข้าใจ ความแตกฉาน และความศรัทธาเชื่อมั่นอย่างแท้จริง บอกเคล็ดลับให้แล้วนะ ไปจัดการกันเอาเอง
    ............................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    ............................................
    Cr. www.watthakhanun.com
    #สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    คาถาป้องกันภัย คาถาชั้นสูงของหลวงปู่ศุข
    ตั้งนะโม ๓ จบ
    นะโม พุทธะยันตัง ธัมมะรัตตะนัง สังฆะปะวะรัง ยะทิทัง สะวาหับ ฯ
    ๐คาถาป้องกันภัยนี้ ใช้ในทางป้องกันภัยอันตรายต่างๆ เช่น ภัยจากลมพายุร้าย ภัยจากไฟไหม้ ภัยจากน้ำท่วมและแผ่นดินไหว คนถูกไฟไหม้และน้ำร้อนลวกให้หาน้ำมาครึ่งขัน เสกคาถานี้ ๗ จบ แล้วเป่าลงไปในน้ำ อมน้ำในขันพ่นที่แผลๆจะหายเร็ว น้ำมนต์ที่เหลือเอาไว้ให้คนป่วยทาที่แผล
    วิธีแก้ลมพายุร้ายเมื่อมองเห็นลมพายุร้ายจะพัดกระหน่ำมาที่บ้านเรือนเรา ให้ยืนหันหน้าไปทางลมพายุร้าย ประนมมือขึ้นตั้งจิตอธิษฐานขอให้คุณพระพุทธ คุณพระธรรม และคุณพระสงฆ์ จงมาเป็นกำแพงภูเขาที่สูงใหญ่เกิดขึ้นมากันลมพายุร้ายนี้เอาไว้ อย่าให้มันเข้ามาทำ ลายบ้านเรือนของข้าพเจ้าได้เลย ต่อจากนั้นให้สวดคาถานี้ ๗ จบ แล้วเป่าไปทางลมพายุที่จะพัดมาหาเรา เป่าไปครั้งแรกให้ว่า "พุทโธ ขอจงป้องกันภัยจากลมพายุร้ายนี้ ธัมโม ขอจงป้องกันภัยจากลมพายุร้ายนี้ สังโฆ ขอจงป้องกันภัยจากลมพายุร้ายนี้ ให้เสื่อมสลายหายไปในเร็วพลัน" ให้สวดไปเรื่อยๆจนกว่าลมพายุร้ายจะหยุด คาถานี้เหมาะกับยุคสมัยนี้เพราะยุคสมัยนี้มีลมพายุที่อันตรายร้ายแรงเกิดขึ้นเสมอ ใครกลัวลมพายุให้นำเอาคาถาไปใช้ ถ้าใช้พร้อมกันหลายๆคนจะมีอานุภาพมาก ถ้าปล่อยให้มันพัดบ้านเรือนแล้วจึงสวดมักจะใช้ไม่ได้ผล ต้องขับไล่ให้มันหนีไปก่อน
    บทความโดย บรมครูพ่อปู่ฤาษี วิศวามิตร
    https://web.facebook.com/Rueanglaochaosiam/
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    267770812_1310463162764178_8249758020471816362_n-jpg.jpg

    "ท่านเจ้าคุณนรฯ"เผยวิธีเสกพระอย่างน่าอัศจรรย์ ศักดิ์สิทธิ์มากมายจนเหล่าศิษย์ทั้งหลายนำไปใช้ได้ผลเลิศทุกด้านทุกประการ
    มีผู้เคยกราบถามเจ้าคุณนรฯ ว่า คาถาที่ใช้ในการอาราธนาปลุกเสกพระของท่านนั้น ใช้คาถาอะไร ท่านเจ้าคุณนรฯ สวนตอบกลับไปว่า...
    ให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และระลึกท่าน (เจ้าคุณนรฯ) แล้วท่องคาถาว่า “ธมฺมวิตกฺโก”
    แล้วให้แผ่เมตตาว่า...
    “เราไม่ใช่ศัตรูของผู้อื่น และผู้อื่นก็ไม่ใช่ศัตรูของเรา”
    และถ้าอยู่ในระหว่างคับขัน ก็ให้ระลึกถึงท่าน (เจ้าคุณนรฯ) และภาวนาคาถาว่า “ธมฺมวิตกฺโก” (อ่านว่า ธัม มะ วิ ตัก โก )
    "ธัม มะ วิ ตัก โก" ท่านให้ท่องเสมอๆ
    หลวงปู่มหาอำพัน ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านไม่ยอมให้ใครถ่ายรูปท่านได้ง่ายๆ เจ้าคุณนรฯ ท่านบอกว่า
    "กายเน่า เอาไปทำไม? เอานามของท่านไปดีกว่า"
    คาถานี้มีลูกศิษย์หลายต่อหลายคน ใช้ได้ผลในหลายๆ ทาง
    ท่าน ธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ" หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า " เจ้าคุณนรฯ" หรือพระยานรรัตนราชมานิต เป็นผู้มีความกตัญญูสูงสุด มีสัจจะมั่นคง มีขันติวิระยะแรงกล้า มีเมตตา และทรงคุณธรรมอันประเสริฐ สามารถปฏิบัติธรรมสำเร็จผลสูงสุด ท่านจึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้นสาธุชนได้เคารพกราบไหว้สักการะบูชา ในฐานะผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และปฏิบัติออกจากทุกข์โดยแท้จริง
    พระยานรรัตนราชมานิต มีนามเดิมว่า ตรึก จินตยานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2440 ที่บ้านใกล้วัดโสมนัสวรวิหาร กรุงเทพฯ เป็นบุตรของพระนรราชภักดี (ตรอง จินตยานนท์ ) และนางนรราชภักดี ( พุก จินตยานนท์) ศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนวัดโสมนัสฯ ชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร ชั้นอุดมศึกษาที่โรงเรียนข้าราชการพลเรือนหอวัง (ต่อมาได้ยกฐานะเป็นจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ) ได้รับประกาศนียบัตรในวิชารัฐศาสตร์ เมื่อจบการศึกษาแล้ว ได้เข้าซ้อมรบเสือป่าที่ค่ายหลวง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทอดพระเนตรและพอพระราชหฤทัยจึงโปรดเกล้าฯ รับสั่งชวนให้เข้ารับราชการในราชสำนักนับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านได้เข้ารับราชการเริ่มแรกในกรมมหาดเล็กหลวง แผนกตั้งเครื่อง ตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 และในระยะเวลาเพียง 9 ปี ท่านก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯให้เป็นเจ้ากรมห้องพระบรรทม มีบรรดาศักดิ์เป็น พระยานรรัตนราชมานิต เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2465 ขณะที่มีอายุ 25 ปี และได้เป็นองคมนตรีในรัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม พ.ศ. 2467
    ท่านมีความสนใจขวนขวายแสวงหาวิชาความรู้อยู่เสมอ โดยเฉพาะด้านภาษานอกจากนี้ได้แก่ ศิลปการป้องกันตัว โยคศาสตร์ ซึ่งวิชาเหล่านี้ได้เป็นประโยชน์ต่อการรับราชการและสุขภาพของท่านในเวลาต่อมา
    ในตำแหน่ง ต้นห้องพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านได้ปฏิบัติงานด้วย ความวิริยะอุตสาหะ ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ถวายชีวิตและความสุขส่วนตัว เพื่อพระองค์ท่านด้วยความจงรักภักดีและความกตัญญูเป็นที่ยิ่ง ด้วยความเอาใจ ใส่ต่อราชการ จึงทำให้ท่านก้าวหน้าในหน้าที่ราชการอย่างรวดเร็ว
    ท่านเจ้าคุณ นรรัตนราชมานิต รับราชการจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ขณะนั้น ท่านมีทั้งฐานะ ทั้งทรัพย์สมบัติ และโอกาสที่จะหาความเจริญในทางโลกต่อไปอย่างพร้อมมูล แต่ท่านได้สละทุกสิ่งทุกอย่างออกอุปสมบท เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวาย แด่สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2468 ณ วัดเทพศิรินทราวาส โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) เป็นพระอุปัชฌาชย์ ได้รับฉายาทางสมณเพศว่า "ธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ" และท่านก็ได้ครองสมณเพศตลอดมาจนถึงมรณภาพ
    เมื่ออยู่ในสมณเพศ ท่านธมฺมวิตกฺโก มีชีวิตโดยเคร่งครัดในศีล และการประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ท่านไปลงโบสถ์ทำ วัตรเช้าและเย็นวันละ 2 ครั้ง และไม่ออกนอกวัดเพื่อไปในงานหรือกิจการใด ไม่พบปะพูดคุยกับผู้ใดนัก นอกจากการสนทนาธรรม ซึ่งท่าน ยินดีจะให้คำตอบและอธิบายอย่างเต็มใจเท่าที่สามารถกระทำได้ และเนื่องจากท่านเป็นสมณะที่เคร่งครัด อุดมไปด้วยศีลาจารวัตรที่งดงาม จึงมีผู้คนไปขอพรท่านเป็นจำนวนมาก จนท่านได้เขียนโอวาทไว้ว่า "ทำดี ดีกว่าขอพร" คือให้ทุกคนตั้งใจพยายามทำแต่กรรมดี โดยไม่มี ความเกรงกลัวหวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ เลื่อมใสในคุณพระรัตนตรัย ก็จะทำให้บุคคลนั้นมีความสุขและมีความเจริญสำเร็จสมประสงค์
    ตลอดระยะ เวลาที่ท่านอยู่ในสมณเพศเป็นระยะเวลา 46 ปีเต็ม นับได้กว่า15,000 วัน ไม่มีวันใดเลยที่ท่านจะว่างเว้นจากการ กรวดน้ำอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และในวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันเสด็จสวรรคต ของพระองค์ ท่านธมฺมวิตกฺโก ก็จะงดเว้นการฉันอาหาร 1 วัน และนั่งกระทำสมาธิตลอดคืน เพื่อน้อมจิตอุทิศถวายกุศลผลบุญที่ได้ปฏิบัติมา โดยตลอด แด่พระองค์ท่านและได้บำเพ็ญกุศลต่างๆ เพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลอีกเป็นอเนกประการ
    ส่วนสมเด็จพระพุทธโฆ ษาจารย์ พระอุปัชฌาชย์ ท่านธมฺมวิตกฺโก มีความเคารพเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งเพราะท่านเป็นพระเถระ ที่สงบเคร่งครัดต่อการประพฤติปฏิบัติและมีเมตตาสูง ท่านได้เพียรพยายามประพฤติปฏิบัติตามคำอบรมสั่งสอนอย่างเคร่งครัดและรับใช้ ใกล้ชิด ในสิ่งที่พึงปฏิบัติได้ ครั้นเมื่อ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ถึงแก่มรณภาพ งานบำเพ็ญกุศล วันคล้ายวันมรณภาพวันที่ 8 มิถุนายน เวียนมาถึงแต่ละปี ตอนเช้าท่านธมฺมวิตกฺโก จะเดินส่งอัฐิที่อัญเชิญเข้าประดิษฐานในพระอุโบสถเป็นประจำทุกปีไม่เคยขาด และรับเป็นเจ้าภาพเครื่องไทยธรรมสำหรับถวาย พระสวดมนต์และพระเทศน์เป็นประจำตลอดชีวิต
    นอกจากนี้ท่านธมฺมวิตกฺโก ยังมีความกตัญญูกตเวที โดยเฉพาะกับบุพการีและผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่งเมื่อครั้งที่ยังรับราชการ ทุกคราวที่มาถึงบ้านและกลับไปเข้าวัง จะต้องมากราบคุณแม่และคุณยายทั้งขามาและขากลับ เงินเดือนที่ได้รับจากการทำงาน จะนำมามอบ ให้คุณแม่ทั้งหมด แล้วขอไปใช้ส่วนตัวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อีกทั้งอบรมสั่งสอนให้น้องๆ ช่วยเหลือดูแลคุณพ่อ,คุณแม่และคุณยายเพื่อตอบ แทนพระคุณ จึงนับได้ว่าท่านเป็นคนที่มีความกตัญญูอย่างแท้จริง
    ตั้งแต่ท่าน ธมฺมวิตกฺโก อุปสมบท ไม่เคยปรากฎว่า ท่านแสดงธรรมเทศนาที่ใด แม้โอวาทของท่านก็มีเพียงสั้นๆ แต่ท่าน จะฟังเทศน์ที่พระเณรรูปอื่นเทศน์ในพระอุโบสถ โดยความเคารพอย่างสูงทุกครั้ง แสดงให้เห็นว่า การเคารพธรรมอย่างสูงไม่ควรเลือกว่าใครพูด ใครแสดง ถ้าเป็นธรรมประกอบด้วยเหตุผลของท่านผู้รู้แล้วประเสริฐทั้งสิ้น
    ข้อมูลจาก ทีนิวส์



    https://web.facebook.com/ศักดิ์สิทธิ์-490609941416175
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ถาม : ทำไมเวลาสวดมนต์ ต้องชุมนุมเทวดาก่อนตั้งนะโม ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีบารมีสูงสุด
    ตอบ : การที่เราปฏิบัติความดีย่อมมีสิ่งที่คอยขัดขวาง เรียกว่า มาร การที่เราชุมนุมเทวดาก่อนมีประโยชน์หลายสถาน ได้แก่
    ประการแรก การระลึกถึงเทวดา เป็นเทวดานุสติ เป็นความดีที่พระพุทธเจ้าสอนให้เราทำอยู่แล้ว
    ประการที่สอง ถ้าหากว่าเกิดมีมารมาขัดขวางการปฏิบัติความดีของเร าถ้าไม่เกินวิสัยเทวดาท่านจะคุ้มครองป้องกันให้ อย่าลืมว่าเทวดาชั้นต่ำสุดที่อยู่ปลายแถวของเทวดา ยังไง ๆ ก็เหนือกว่าหัวแถวของมนุษย์มาก
    ฉะนั้นถ้าหากว่าท่านมีความรัก มีความเมตตาต่อเรา เห็นว่าเราเองไม่ลืมระลึกถึงท่าน ถึงเวลาทำทุกอย่างก็ทำเพื่อท่าน ถ้ามีอะไรที่ไม่เกินวิสัยที่ท่านสงเคราะห์ได้ ก็ให้ท่านสงเคราะห์ด้วย
    ประการสุดท้าย(สำคัญที่สุด) เราจะทำความดี พรหม เทวดา ท่านพร้อมที่จะโมทนาบุญของเราอยู่แล้ว เป็นการช่วยเสริมกำลังบุญของเราอยู่แล้ว เป็นการช่วยเสริมกำลังบุญของท่านให้สูงขึ้นเพื่อเข้าสู่ภพภูมิที่ท่าน ปรารถนาได้เร็วยิ่งขึ้น เท่ากับว่าเราทำความดีอย่างมหาศาลไปในตัวด้วย ถ้าเราคิดถึงจุดนี้ได้คือ "พรหมวิหาร" นั่น เอง เท่ากับว่าเราเป็นผู้มีความเมตตา กรุณา เป็นปกติ ตั้งใจสงเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลายโดยไม่เลือก ไม่ว่าจะอยู่ในภพใด ภูมิใด หมู่ใด เหล่าใด ก็ตามเราตั้งใจสงเคราะห์ทั้งหมด ต่อให้พรหม เทวดา ที่ท่านมีความดีกว่าเราอยู่แล้วก็ตาม เราก็พร้อมจะแบ่งบุญอันนี้ให้ กำลังของพรหมวิหาร ๔ ของเราไม่ว่าจะเป็นเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็จะเจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    RmSQ5TTx9GBcG2Wa1s-J8i8b1nmb5VyOx&_nc_ohc=7vB2O-wqQTAAX_2PuPK&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk29-2.jpg
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงก่อนวันเกิดประมาณหนึ่งเดือน กับช่วงหลังวันเกิดประมาณหนึ่งเดือน จะเป็นช่วงจังหวะรอยต่อของกรรมพอดี ถ้าไม่เร่งทำความดีไว้ บางทีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น ฉะนั้น..ต้องชิงทำกุศลไว้ก่อน อย่ารอให้ถึงวันเกิดแล้วค่อยทำ ก่อนวันเกิดสักเดือนหนึ่งก็รีบทำได้แล้ว"
    .........................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่ทหารติดตามพระเจ้าตากออกรบกัน ตอนช่วงนั้นพระเจ้าตากมีทหารคู่พระทัยอยู่ ๑๐ ท่านด้วยกัน #ท่านทั้งหลายเหล่านี้รบไปรบมากลายเป็นพระยากันหมด มีพระยาศรีสิทธิสงคราม พระยาสามเมืองระย่อ พระยาพนอราชบาท พระยาไพรีพินาศ พระยาพิฆาตไพรี พระยาพิชัยสงคราม เป็นต้น
    มีศึกอยู่ครั้งหนึ่งพม่ามาตี จึงยกทัพออกไปตั้งค่ายรับ ปรากฏว่าตั้งค่ายเสร็จม้าเร็วก็ยังไม่มาแจ้งว่ากองทัพพม่าอยู่ที่ไหน แปลว่ายังห่างจากพม่าอยู่ ท่านพระยาทั้งสิบก็ “#เฮ้ย..#ไปหาหวากกินกันหน่อย” อันนี้เป็นเรื่องนอกประวัติศาสตร์นะ #ถือว่าเล่านิทานให้ฟัง
    เด็กสมัยนี้คงไม่รู้จัก "หวาก" จริง ๆ #แล้วก็คือกระแช่หรือน้ำตาลเมานั่นแหละ ขาไปนั่งคานหามไปอย่างโก้เลย เพราะว่าพระยาจะมีคานหามประจำตำแหน่ง #พอไปถึงบ้านที่มีหวากขายก็ไล่ทหารรับใช้กลับ ถามว่าทำไมถึงไล่กลับ ท่านบอกว่า “#เมาเหมือนหมา..#เดี๋ยวคนจะไม่เคารพ” ต้องไล่กลับก่อนแล้วค่อยเมา
    พอกินกันหัวทิ่มหัวตำเรียบร้อยดีแล้วค่อยกลับค่าย #ผลปรากฏว่ามาเอาค่ำแล้ว..#ค่ายปิด กลางคืนค่ายปิดนี่อย่าไปเรียกให้เปิดนะ..หัวขาดเลย เพราะกลัวว่าข้าศึกจะปลอมตัวมาหลอกให้เปิดค่าย #ท่านทั้งสิบก็ไปซุกนอนอยู่กับทหารยาม
    เมาก็เมา ง่วงก็ง่วงเลยนอนเพลิน ฟ้าสว่างโร่ทัพพม่ายกโผล่มาชายทุ่งแล้ว #คราวนี้ต้องตาลีตาเหลือกลุก อาวุธก็ไม่มี คว้าดาบพลทหารได้ก็วิ่งดาหน้าเข้าหากองทัพพม่า #บอกพลทหารว่าให้รีบไปแจ้งพระเจ้าตากให้ยกทัพมาช่วย เป็นการรบที่พร้อมเพรียงมาก ๑๐ กองทัพออกพร้อมกันหมดเลย กำลังพล ๑๐ นาย #ไม่มีลูกน้องแม้แต่คนเดียว..!"
    "ด้วยความที่นายทหารแข็งแรง กำลังดีกว่า ก็จะใช้อาวุธที่ทั้งหนาทั้งหนัก #แต่นี่ไปคว้าอาวุธทหารยามมา #ซึ่งเป็นอาวุธน้ำหนักเบากว่า บางกว่า พอไปปะทะกับแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามก็เป็นเรื่อง #เพราะเอาอาวุธพลทหารไปปะทะกับอาวุธแม่ทัพ ครั้งนั้นพระยาพิชัยท่านถึงได้ฉายาว่า "#ดาบหัก"
    ความจริงไม่ใช่อันตรายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง #เป็นอันตรายเกิดขึ้นกับพระยาศรีสิทธิสงคราม ข้าศึกฟันจากข้างหลังเพราะว่าตะลุมบอนกัน #พระยาพิชัยท่านสอดดาบเข้าไปรับแทน ดาบจึงหัก
    ครั้งนั้นถ้าหากว่าพระเจ้าตากเปิดค่ายมาช่วยไม่ทันก็คงน่วม พอถล่มทัพพม่าเละเทะเรียบร้อยเสร็จสรรพ ยกทัพกลับค่าย #สิบพระยาก้มหน้าดูดินกันหมดเลย พระเจ้าตากชี้หน้าบอกว่า “#งานนี้ถ้าแพ้พม่า #พวกมึงหัวขาดหมด..!” ยังโชคดีว่าสิบท่านยันพม่าอยู่ จนเปิดค่ายออกมาต่อสู้ได้ทัน ตอนนั้นพูดง่าย ๆ ว่าสู้กันถวายหัว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยันให้หยุดให้ได้ #สรุปว่าเรื่องนี้เป็นนิทาน อวสานแต่เพียงเท่านี้แล..!"


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
    -------------------
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ครั้งหนึ่งขณะที่หลวงปู่ดู่กำลังจะถวายข้าวพระก่อนที่จะฉัน ท่านมองมาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า
    "เเกนั่งดูหลวงปู่ชิว่าเป็นอย่างไร"
    เด็กนั่งสมาธิเเล้วลืมตา แววตาแสดงความเเปลกใจเเล้วกล่าวว่า
    "เห็นหลวงปู่เเต่งตัวเเบบละคร มีชฎาสวมใส่ด้วย"
    หลวงปู่ท่านหัวเราะ เเล้วพูดติดตลกว่า
    "เออจริงของเเก จำไว้ด้วยนะเวลานั่งเห็นใครเเต่งตัวเเบบนี้ คนนั้นเเหละจะเป็นพระเอก"
    ภายหลังเด็กจึงบอกว่า เห็นหลวงปู่เเต่งตัวเเบบพระพุทธรูปทรงเครื่อง วัดหน้าพระเมรุนั่นเอง

    ?temp_hash=79fed1cbb27b436d28c46ee01f7084d7.jpg

    https://www.facebook.com/ศักดิ์สิทธิ์-490609941416175/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ?temp_hash=b22272be3ad215552cf7e3b5f87334ba.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ?temp_hash=aeaa27553be7766c5bc0a095cb93e06b.jpg


    *เคยเกิดเป็นลูกพระพุทธเจ้ามาหลายพระองค์*
    ฉันมีพระพุทธเจ้าเป็นพ่อจริงๆ นะ ๘๔ องค์ แสดงว่าฉันนี่เก่งจริงๆ มีพ่อเป็นพระพุทธเจ้าทั้ง ๘๔ พระองค์ แล้วยังเข้านิพพานไม่ได้ นี่แสดงว่าต้องเก่งจริงๆ นะ ท่านไปนิพพานนะ ไม่แน่เท่าเรา ฉันเก่ง ทีแรกฉันพบ ๑๐ พระองค์ ท่านก็บอกว่าเป็นพ่อทั้ง ๑๐ องค์ ที่แรกฉันรู้แค่ ๒ องค์ คือ สมเด็จองค์ปฐม และพระพุทธกัปสสป แล้วต่อมานั้นท่านก็มานั่งให้ดู ๑๐ องค์ สมเด็จองค์ปฐม ท่านก็บอก “มีพ่อ ๘๔ องค์นะ" เป็นพ่อมาองค์ละกี่ชาติท่านบอกเลยนะ เกิดเป็นอะไรบ้าง วันนั้นท่านพาไป เราไม่รู้จะไปไหนนี่ เวลานี้มันหาที่ไปไม่ได้ไปไหนก็ไม่สนุก ท่านก็พาไปนิพพาน
    เราก็ไปตามเรื่องตามราว ก็ไปวิมานของพระพุทธเจ้า ไปชมพระพุทธเจ้า ๘๔ องค์ ท่านบอกว่า นี่องค์นี้พ่อเอาองค์ไหน พระสมณโคดม ก็เป็นพ่อ ในฐานะที่เป็นคน ๘๓ ชาติ เป็นช้าง ๑ ชาติ ฉันก็นิยมเป็นช้างจริงๆ องค์ไหนก็ตามสตาร์ทเป็นพ่อในสมัยเป็นช้างทุกที คงจะแบกซุงมาเยอะ แบกหรือเปล่าก็ไม่รู้
    แล้วสมเด็จองค์ปฐมก็บอก ท่านเป็นพ่อครั้งแรกสมัยที่เป็นช้าง และทุกองค์ที่ผ่านมาทั้งหมดก็บอกเป็นพ่อครั้งแรก ก็สมัยเกิดเป็นช้าง แหม คงจะเกิดเป็นช้างบ่อยจริงๆ เวลานี้ถึงเหมือนช้าง เวลานี้ก็แบก แบกทั้งธรรม แบกทั้งโลก แบกอิขลุกขลุกขลักไปหมดเลย เหมือนกับช้างนะ
    นี่จำไว้นะ เวลาปฏิบัติธรรม อย่าอยากสว่าง มันต้องตัด ไอ้ สังโยชน์ นี่ต้องศึกษาให้มาก อารมณ์พระโสดาบัน คือ
    ๑. เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
    ๒. มีศีล ๕ บริสุทธิ์ และ
    ๓. รักพระนิพพานเป็นอารมณ์
    จุดนี้ให้ศึกษาให้ได้ ถ้าจุดนี้ไม่ได้ ปฏิบัติก็ไม่มีประโยชน์ ยังมีสิทธิ์ลงนรก
    หนังสือพระคุณพ่อ ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยาน หน้าที่ ๑๐๐
    เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    พิมพ์โดย นภา อิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    "ครูบาอาจารย์องค์สำคัญมาเยี่ยมเสมอ
    พระอาจารย์เจี๊ยะท่านเป็นพระสำคัญ แต่คนโดยส่วนมากไม่รู้ ดูจากภายนอกไม่เห็นความหมายดีเด่นอะไร แต่สิ่งที่ปรากฏเป็นระยะๆ อันเป็นสิ่งแปลกมากก็คือ พระอาจารย์องค์สำคัญๆ เช่นหลวงปู่หลุย หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ตื้อ พระอาจารย์มหาบัว พระอาจารย์วัน พระอาจารย์จวน พระอาจารย์สิงห์ทอง หลวงพ่อพุทธ พระอาจารย์สุวัจน์ และสายพระป่าองค์สำคัญๆ อีกมากมาย มักจะเดินทางมาเยี่ยมและกราบเยี่ยมท่านเสมอ
    โดยเฉพาะพระอาจารย์วัน อุตฺตโม มาเยี่ยมบ่อยเป็นพิเศษ มาแต่ละครั้งจะแสดงความเคารพนอบน้อมต่อพระอาจารย์เจี๊ยะมาก ในช่วงระยะนั้นพระอาจารย์วันท่านโด่งดังมาก เดินทางมาทีมีลูกศิษย์นั่งรถเบนซ์ติดตามเป็นแถว เมื่อพระอาจารย์วันเข้ามาเจอพระอาจารย์เจี๊ยะ พระอาจารย์วัน จะแสดงกิริยาประดุจเณรน้อยๆ คลานเข้าไปกราบพระอาจารย์เจี๊ยะใกล้ๆ ถามอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกๆ ครั้งที่ถามพูดจะยกมือพนมเสมอ ส่วนพระอาจารย์เจี๊ยะก็สบายๆ ไม่คลุมจีวรใส่แต่อังสะนั่งสบายเฉยๆ
    พระอาจารย์เจี๊ยะถามพระอาจารย์วันขึ้นว่า “วันโว้ย!...ทำไมถึงดังวะ!”
    “มันถึงคราวมันครูบาอาจารย์” พระอาจารย์วันกราบเรียน แล้วก็เอามือนวดแข้งนวดขาให้พระอาจารย์เจี๊ยะ
    มีอยู่คราวหนึ่งในงานพระราชทานเพลิงศพท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เขานิมนต์พระมาสวดมนต์ฉันเช้า ๙ รูป พระอาจารย์วันเป็นหนึ่งใน ๙ รูปนั้น พระอาจารย์วันนั่งฉันในปะรำพิธีที่สูงกว่า มองเห็นพระอาจารย์เจี๊ยะนั่งฉันปะปนกับพระหนุ่มเณรน้อยอยู่ด้านล่าง พอฉันเสร็จพระอาจารย์วันก็เข้ามาขอขมาต่อพระอาจารย์เจี๊ยะว่า “ครูอาจารย์! เกล้าฯ ขอขมาที่นั่งสูงกว่า” ทำเอาพระเณรทั้งหลายตกใจกันใหญ่
    อีกครั้งหนึ่งในงานฉลองพระใหญ่ วัดพระบาทภูคำ จังหวัดขอนแก่น ที่อดีตเจ้าอาวาสวัดอโศการามไปสร้างไว้ พระอาจารย์วันขึ้นนั่งบนแท่นใหญ่ในพิธี พระอาจารย์เจี๊ยะนั่งข้างล่าง พระอาจารย์วันเห็น รีบกระโดดลงมาขอขมา พระอาจารย์เจี๊ยะบอกว่า “วัน...ไปๆ ไม่เป็นไร”
    พอตกดึกๆ สงัดจากผู้คน พระอาจารย์วัน ก็เดินเข้ามากราบสนทนาธรรมะกับพระอาจารย์เจี๊ยะ เป็นเวลาชั่วโมงๆ เมื่อพระอาจารย์เจี๊ยะพูดธรรมะ พระอาจารย์วันจะนั่งนิ่งฟัง
    พระอาจารย์เจี๊ยะถามว่า “วัน...ถึงไหน พิจารณาอย่างไร?”
    พระอาจารย์วันกราบเรียนว่า “ถึงตรงนั้น พิจารณาอย่างนั้น เพราะเหตุนั้น”
    พระอาจารย์เจี๊ยะก็ขึงขังขึ้นมาทันทีว่า “มันต้องอย่างนั้นซิวัน เรื่องนิพพานกับเรื่อง...นี้ มันต้องพิจารณาอย่างนั้นนะ กามราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชาต้องตีให้กระจุยกระจาย” พระอาจารย์เจี๊ยะพูดซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น พระอาจารย์วันนั่งนิ่งเงียบ
    กับพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร ก็เหมือนกัน เวลาที่พระอาจารย์เจี๊ยะ มีโอกาสเดินทางไปทางภาคอีสาน ท่านให้ลูกศิษย์ติดตามหอบหิ้ว หัวปลาแห้งไปฝากพระอาจารย์สิงห์ทอง พระอาจารย์เจี๊ยะจะพูดถึง พระอาจารย์สิงห์ทองเสมอว่า “ทอง! มันขี้เล่นว่ะ แต่มันเฉียบ! มันหมดแล้วนะ มันเฉียบ! แต่มันขี้เล่นไปหน่อย เดี๋ยวเอาหัวปลาไปฝากมันหน่อยว่ะ มันชอบว่ะ”
    สมัยก่อนครูบาอาจารย์ท่านเคารพรักกันมาก เห็นแล้วเข้ากันสนิทด้วยคุณธรรม ไม่เหมือนสมัยนี้แซงหน้าแซงหลัง
    ในเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๐๐ พระอาจารย์เจี๊ยะไปช่วยงานฉลองสมโภช ๒๕ พุทธศตวรรษของท่านพ่อลีที่วัดอโศการาม หลวงปู่ตื้อนั่งรถแท็กซี่มาหาพระอาจารย์เจี๊ยะ พร้อมกับตะโกนพูดว่า “เจี๊ยะโว๊ย! วัดแตกแล้วโว๊ย” ในที่สุดก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตอนหัวค่ำหลวงปู่ตื้อเทศน์ ตอนดึกๆ พระอาจารย์เจี๊ยะเทศน์ เทศน์ถึงพริกถึงขิง คนที่มาในงานฟังเทศน์แตกฮือ! บางคนถึงกับฟังไม่ได้ รับไม่ได้
    •หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท•
    =AZWWTqLy-JOdRcDPnuDNQZrGlMJgBsnN-QhBVkDdugfxU_Z8ZUxFUUqzgbOg4PV-iBlYBFLyzF7d00qU-SHZDgWI5gx1i0TLTCr5BfumAMU8vV6o4ZyhnhFiewN2MmGs-SjA7OojT3eTtSJkj5MaB-97nazdr9NRcxm9dZK2pLt8kNCSvVjGWXXTop2WB72NNMY&__tn__=EH-R'] 1Nlli1WpEGXiqlBtuWT3R3sU3TaIfxc2K&_nc_ohc=m6ydjB2upNwAX9ECqRq&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ในชั้นเรียนมีเด็กคนหนึ่ง
    ถูกเพื่อนแกล้งเอากระดาษ
    ที่เขียนว่า “คนโง่” แปะไว้ที่หลัง
    และเพื่อนคนนั้นก็ห้ามไม่ให้ใครบอกเขา
    ทุกคนในห้องต่างหัวเราะเยาะกันอย่างสนุกสนาน
    .
    จนกระทั่งถึงคาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์
    คุณครูเขียนโจทย์ที่ยากบนกระดาน
    และถามหาให้นักเรียนมาตอบ
    ซึ่งทุกคนก็เงียบ
    เว้นแต่เด็กที่ถูกเพื่อนแกล้งคนนั้น
    เดินไปหน้าชั้น
    ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคัก
    และได้แก้โจทย์ปัญหาจนเสร็จอย่างถูกต้อง
    คุณครูจึงให้เพื่อน ๆ ปรบมือ
    พลางดึงกระดาษออกจากหลังให้
    และจึงบอกกับเขาว่า :
    “ดูเหมือนว่าเธอไม่รู้ว่าถูกเพื่อนแกล้ง
    และทั้งห้องที่เหลือ
    ก็ไม่มีใครบอกเธอเลยสินะ”
    .
    จากนั้นคุณครูก็พูดกับนักเรียนทั้งหมด :
    “ก่อนที่จะทำโทษพวกเธอ
    มี 2 สิ่งที่ครูอยากจะฝากไว้
    #อย่างแรก..ในชีวิตของมนุษย์
    มักจะมีคนคอยติดป้าย
    ที่เขียนถึงเราในด้านลบ ลับหลังเสมอ
    เพื่อหยุดหรือชะลอความก้าวหน้า
    ซึ่งบางครั้งถ้าเรารู้ตัวก็อาจจะเสียกำลังใจ
    แต่ถ้าไม่ เราก็จะไม่ใส่ใจในสิ่งนั้นเลย
    เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเธอควรทำคือ
    ไม่ว่าคนอื่นจะติดยี่ห้อ ติดป้าย
    ติดฉลากให้ยังไงก็ตาม
    จงอย่าใส่ใจ, ก้าวต่อ, เรียนรู้
    และใช้ทุกโอกาสที่ได้รับ
    ทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อพัฒนาตนเอง”
    .
    #อย่างที่สอง..ดูเหมือนว่าในชั้นเรียนนี้
    เธอไม่มีเพื่อนที่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย
    จึงไม่มีใครกล้าบอกเธอถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
    ดังนั้น, จำนวนเพื่อนเท่าไหร่จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ
    แต่มันอยู่ที่ความจริงใจต่อกัน
    ระหว่างเพื่อนมนุษย์
    นั่นคือ สาระสำคัญมากกว่า”
    .
    ถ้าหากในชีวิต
    ไม่มีเพื่อนที่จะปกป้อง ดูแล ใส่ใจ
    และช่วยเหลือคุณในยามลับหลัง
    การอยู่ลำพังถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
    .
    ในส่วนผู้ที่มักใส่ร้ายป้ายสีให้คนอื่น
    ติดยี่ห้อ รายละเอียดเสียหายทั้งที่จริงและไม่จริง
    ใส่ลงไป และยังหาใช่หน้าที่ไม่
    ขอจงหยุดพฤติกรรมที่ทำร้ายผู้อื่นลับหลังแบบนี้
    เพราะนอกจากจะเสียเวลา
    เป็นบาปกรรมต่อเพื่อนมนุษย์แล้ว
    มันจะไม่มีวันทำให้ชีวิตคุณสูงส่งและสงบสุขได้เลย
    Fwline
    ขอบคุณเจ้าของบทความ
    ขอบคุณเจ้าของภาพ
    OLRi8rT4i9SiI&_nc_ohc=NRl4IrqmLCsAX_06jPk&tn=6cH58Tvc5DnXEYO9&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    CeXo2JZWM0jtx&_nc_ohc=-Ez_ohP9VhwAX-iUmoo&tn=6cH58Tvc5DnXEYO9&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-4.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พระคาถาโองการท้าวเวสสุวรรณ
    ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า



    บูชาด้วยกุหลาบแดง ๙ ดอก ธูป ๙ดอก สวดคาถา ๙ จบ ปรารถนาสิ่งใดๆให้กระทำในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ..ดีนักแล.
    พระคาถาโองการท้าวเวสสุวรรณ (หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า)‏
    คาถาบูชา
    ตั้งนะโม ๓ จบ ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ และหลวงปู่ศุข
    อิติปิโส ภะคะวา ยมราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโน มรณังสุขัง อรหัง สุคะโต นโมพุทธายะ ท้าวเวสสุวัณโน จตุมหาราชิกา ยักขพันตาภัทภูริโต เวสสะพุสะ พุทธังอรหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโน นโมพุทธายะ
    ภาวนาพระคาถานี้ ๙จบ
    แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากท่านท้าวเวสสุวรรณ จะสำเร็จสมความมุ่งมั่นปรารถนา ปกป้อง คุ้มครองตัว เดินทางปลอดภัยปราศจากอุบัติเหตุภยันอันตรายทั้งปวง หากบูชาในช่วงระยะเวลา ๓ เดือนขึ้นไป จะสังเกตได้อย่างดีว่ามักจะมีโชคมีลาภลอยมาอยู่เสมอบรรดาภูตผีทั้งหลายต่าง เกรงกลัวกันนัก
    หากต้องการสักการบูชาขอ พร หรือปรารถนาสิ่งใดๆให้กระทำในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ โดยบูชาด้วย กุหลาบแดง ๙ ดอก จุดธูป ๙ดอกภาวนาคาถานี้ ๙ จบแล้วตั้งจิตอธิษฐานตามความปรารถนา จะประสพผลสำเร็จทุกประการ หรือ จะภาวนาคาถานี้เวลาเดินทางไปค้างแรมต่างถิ่น
    หลวงปู่ศุข
    บูชาด้วยกุหลาบแดง ๙ ดอก ธูป ๙ดอก สวดคาถา ๙ จบ "โองการท้าวเวสสุวรรณ..หลวงปู่ศุข"ปรารถนาสิ่งใดๆให้กระทำในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ..ดีนักแล.
    หากต้องการจะขับไล่คนถูกผีเข้าหรือบ้านเรือนที่มีความเฮี้ยน ความอาถรรพณ์ของวิญญาณแอบแฝงอยู่ หรือขับไล่คุณไสยเสนียดจัญไรออกจากตัวให้อารธนารูปหล่อท้าวเวสสุวรรณแช่ในขัน เพื่อทำน้ำมนต์ จุดธูป ๙ ดอก เทียน ๒ เล่ม และใช้เทียนอีก ๑ เล่มวางบนขอบขันน้ำมนต์ ทำจิตให้เป็นสมาธิตั้งนโม ๓ จบบูชาพระรัตตรัย แล้วว่าพระคาถานี้
    โอมท้าวเวสสุวรรณผู้เป็น ใหญ่ในหมู่อสูร ท้าวเธอจึงใช้ให้กูมากำหราบปราบหมู่มารไพรี ฝูงผีปีศาจ ราชทูต ผีภูติ ผีพรายอันร้ายกาจทุกแห่งหนสูจะทนทาน กูอยู่มิได้พวกสูจงเร่งพากันหนีไปให้พ้นกูจะปัดจะพ่นด้วย พระมนต์อันศักดา ท้าวกุเวรมหาราชประสิทธิไว้ให้กู เวสสุวรรณโนมหาราช เวสสะวุธทัสสะ อัตถะมหายักขังเสนาสุขิตา ภวันตุเม โอมสวาหะ สวาหายฯ มนต์บทนี้ใช้ทำน้ำมนต์หากมีคนถูกผีเข้าหรือทำให้ถูกคุณไสย์มนต์ดำให้เขากิน น้ำมนต์นี้ พร้อมกับรดน้ำมนต์ไปและภาวนาคาถานี้พร้อมกันไปด้วย ผีที่เข้าสิงจะออกจากร่างคนนั้นพากันหนีไปสิ้น หากต้องการปัดเป่าเสนียดจัญไรออกจากตัวเองให้อาบน้ำมนต์นี้บริเวณกลางแจ้ง ก่อนเวลาตะวันตกดิน หรือจะภาวนามนต์ทั้งหลายนี้อาราธนารวมกันกับพระคาถาในตอนต้นก็ได้ ยิ่งทวีความศักดิ์สิทธิดีนักแล
    ท้าวเวสสุวรรณ
    พระคาถาต่างๆนี้มีปรากฏในตำราคัมภีร์โบราณแท้ๆซึ่งเป็นลายมือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตำรานี้ปัจจุบันอยู่วัดคลองคู้ พิจิตร ซึ่ง หลวงพ่อแวว อุปคุตโต ท่านได้คัดลอกไว้แล้วมอบให้หลวงปู่ขวัญ ปวโร และ หลวงปู่ ปัญญา วัดยางคอยเกลือ พิจิตร ซึ่งตำรานี้ หลวงพ่อเนียม ก็ได้ถ่ายทอดให้หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคด้วย และหลวงปู่กาหลง เตชะวัณโณ ก็ได้รับถ่ายทอดวิชานี้มาเช่นกันแต่ไม่ทราบสืบมาทางสายใด
    บทความโดย บรมครูพ่อปู่ฤาษี วิศวามิตร

    aX4YDsWQYD7EBuRGYW1JrIZtrTGuGMjM1&_nc_ohc=dZcphWql4ZgAX_bykpF&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-8.jpg
    8rNfr0uMqo8yazAZHroogdZHzPaWQJZK5&_nc_ohc=daMf3Fmhdb0AX-bWJA0&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-8.jpg
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พระอาจารย์กล่าวว่า "การที่เราทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่งานเล็กก็ตาม ไม่มีใครทำด้วยความมั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ว่าจะสำเร็จ ทุกอย่างต้องศึกษาลู่ทางให้ดีที่สุด แล้วก็ตัดสินลงมือทำไปตามข้อมูลที่มีอยู่ ระหว่างนั้นถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับแก้ไปตามหน้างาน ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้พวกเราเจอมาทุกคน ไม่ใช่ว่าพอวางแผนงานมาแล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้นเป๊ะ ๆ คราวนี้การปรับตามหน้างานถือว่าเป็นวิวัฒนาการ เราจะเห็นว่า ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ก็ตาม ถ้าปรับตัวไม่ได้นี่ก็สูญพันธุ์หมด
    มีคนเขาบอกว่า "คนโง่มองว่าตัวเองขาดอะไร คนฉลาดมองว่าตัวเองมีอะไร" อาตมาไปบรรยายเกี่ยวกับการบริหารงานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนให้ประสบความสำเร็จว่าต้องทำอะไรบ้าง ก็เลยบอกว่า บังเอิญอาตมาจะว่าโง่ก็ไม่ใช่ จะว่าฉลาดก็ไม่เชิง ก็เลยมองทั้ง ๒ อย่าง คือ มองว่าเราขาดอะไรแล้วสร้างใหม่ขึ้นมา มองว่าเรามีอะไรแล้วปรับให้ดียิ่งขึ้นไป
    ฉะนั้น...การจะประสบความสำเร็จจริง ๆ ก็คือ การล้มลุกคลุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าต้องไม่ท้อถอย คราวนี้การที่ล้มลุกคลุกคลานนั้น ก็สำคัญตรงที่ว่าใครจะลุกได้เร็วกว่า ก็คือบุคคลที่ไม่ใส่ใจกับความผิดพลาด ความล้มเหลวในชีวิต มีมุมมองที่เป็นแง่บวกเสมอ
    โทมัส แอลวา เอดิสัน ทดสอบเรื่องการสร้างหลอดไฟ ล้มเหลวมา ๒๐๐ กว่าครั้งแล้ว ลูกศิษย์บอกว่า "อาจารย์ครับ...เราล้มเหลวมา ๒๐๐ กว่าครั้งแล้ว อาจารย์ยังคิดจะทำต่ออีกหรือ ?" เอดิสันบอกกับลูกศิษย์ว่า "ใครบอกว่าฉันล้มเหลว ? ฉันประสบความสำเร็จมา ๒๐๐ กว่าครั้ง เพราะฉันรู้ว่า ๒๐๐ กว่าหนทางนั้นใช้ไม่ได้" แล้วก็ทดลองหาทางต่อไป จนกระทั่งเรามีหลอดไฟใช้จนทุกวันนี้
    ฉะนั้น...สำคัญที่มุมมอง คนที่แพ้เป็น ล้มเป็น จะเจ็บน้อย ไปได้เร็ว การล้มเป็นนี่ต้องดูการต่อสู้แบบพวกยูโด ไอกิโดอะไรพวกนั้น เทควันโดก็ได้ ถ้าหากว่าโดนคู่ต่อสู้ทุ่ม หรือว่าเตะตัด ล้ม ถ้าล้มเป็นจะไม่เจ็บ หรือไม่ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบา เจ็บก็เจ็บไม่มาก
    คนที่ผิดพลาด ล้มลงแล้วมัวแต่คร่ำครวญอยู่ตรงนั้น จะประสบความสำเร็จยาก ประมาณว่าจิตตก หมดกำลังใจที่จะไปต่อ แต่คนที่ล้มแล้วลุกเลย ไปต่อได้ระยะทางที่ไกลกว่า ถึงที่หมายเร็วกว่า"
    __________________
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เดือนตุลาคม ๒๕๖๒
    -------------------
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดพุทธบริษัท
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #แบ่งปันธรรมะ
    (ขอบคุณ เครดิตภาพ A'tist Toon)

    ?temp_hash=f8ca017889032f76099316f1832075d0.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    “คนเราถ้าพอใจในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย..."

    VmQvSjEODaW8A&_nc_ohc=ED6KDr03sbAAX_QTMCM&tn=6cH58Tvc5DnXEYO9&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465


    พุทธวิธีทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ | กุณฑลิยสูตร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    #คาถาน้ำมนต์อาตมานี้ขลังคักๆๆเด้อ
    แค่เฮาเว้าหยั่ง ก็ขลังดีแท้ อาตมาเพ่งอะไรผ่านตานี้ขลังหมดทุกสิ่งอย่างเด้อ
    #เอาเฮาสิบอกคาถาน้ำมนต์อาตมานี้ขลังดีนะ!!
    นะ มะ อะ อุ นะ
    ขึ้น นะ ลง นะ เด้อ แล้วตามด้วยคาถาอาตมาอีก
    พุทธะ กันตัง
    ธัมมะ กันตัง

    สังฆะ กันจิต
    ท่านเมตตาอธิษฐานจิต ทำน้ำมนต์ให้ไปไว้ดื่ม รักษาร่างกาย คณะศิษย์
    โอวาทธรรม ลป แสง ญาณวโร พระอริยะสงฆ์
    วัดป่าดงสว่างธรรม ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร
    ขอขอบคุณ คุณวิทิต ทองเนตร ผู้บันทึก 30 มค 2565
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...