คำคมเตือนสติ (คมมากนะ ขอบอก) *..*

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ทองอยู่, 10 กันยายน 2010.

  1. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191

    [​IMG]

    อันนี้ผีคงไม่กล้าผลัก เนาะ



     
  2. เจ้าจันทร์

    เจ้าจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +431
    [​IMG]

    อากาศเย็น ดูแลสุขภาพ นอนอย่าลืมห่มผ้า [​IMG]
     
  3. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    เรื่องนี้คมมาก ชอบ รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลด้วย คมบาดใจเลย
     
  4. Senseless guy

    Senseless guy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +991
    จัด. . .ป่ะ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    โรง'บาลนี้ พอไหวไหมเพ่ อิอิอิ
     
  5. Senseless guy

    Senseless guy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +991
    [​IMG]

    คงเป็นเรื่องน่าเศร้า
    หากคนเราต้องบิดเบือนความจริงในใจ
    แล้วใส่หน้ากากเข้าหากัน
    เราคงมีชีวิตอยู่กับความสุขปลอมๆ
    ท่ามกลางความกลัวที่จะผิดหวัง
    ทั้งที่ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ถอดหน้ากากออกดีไหม
    จะเป็นไรไป หากใครจะอ่านสายตาของเราได้
    หรือแม้แต่จะมองทะลุถึงใจของเรา
    เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่เราไม่ต้องปิดบัง อำพราง
    ไม่ต้องไว้ท่าไว้ทางหรือมีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
    เมื่อนั่น ใจของเราย่อมมีพลังอย่างเต็มที่
    ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้บังเกิดขึ้น
    ซึ่งต่างค้นพบพลังแห่งความจริงใจ
    เป็นพลังที่เกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ
    แต่มีอานุภาพเหลือประมาณ

    [​IMG]

    ฉะนั้น..
    อย่ากลัวเลย..ที่จะเป็นคนจริงใจ
    เป็นคนซื่อๆ ใสๆ
    ปากกับใจตรงกัน
    ถึงแม้เราไม่เก่ง ไม่ดีเด่น
    ไม่ได้เป็นคนสำคัญ
    ขอเพียงเรามีความจริงใจต่อกัน
    แค่นี้ก็สุขสบายใจ.. <O:p</O:p
     
  6. ปรายน้ำ

    ปรายน้ำ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +13
    ชอบมากค่ะ ขอบคุณนะคะ :cool:
     
  7. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    ฉันเหนื่อย . . .
    ฉันกำลังเหนื่อยกับการต่อสู้อยู่กับสิ่งที่มองไม่เห็น
    สิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ
    และเป็นความรู้สึกที่ยากเกินบรรยาย


    [​IMG]</PRE>มันหนักเหลือเกิน สำหรับตัวฉัน
    ฉันก็เป็นได้เพียงเท่านี้
    พยายามให้ดีกว่านี้เพื่อใครไม่ได้อีก
    เพราะนี่คือตัวของฉันเอง และฉันก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว..


    [​IMG]</PRE>หัวใจที่หนักอึ้ง . . . อมความในใจไว้มากมาย
    หากแต่จะมีใครสักคน เพียงจะมาเข้าใจ จะมารับรู้ความรู้สึกของฉันในตอนนี้
    ฉันเพียงรับไว้เองทั้งหมดไม่ได้
    ฉันต้องการระบายมันออกไปบ้าง . . .


    [​IMG]</PRE>ฉันเคยตัดสินใจ . . .
    ที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ช่วยมาแบ่งเบาใจฉันบ้าง
    แต่สิ่งที่ตอบรับกลับมา . . .
    คือเสียงสะท้อนของฉันเอง . . .


    [​IMG]</PRE>ฉันกำลังตอกย้ำตัวเองหรือ?
    ว่าฉันไม่มีใคร . . .


    [​IMG]</PRE>ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฉันร่ำไห้ให้กับการใส่ใจคนอื่นมากเกินไป
    คนอื่นๆ . . . คนที่ฉันรัก คนที่ฉันห่วงใย
    แต่กลับไม่มีใครเห็นค่าความใส่ใจของฉันเลย
    ฉันไม่ต้องการคำขอบคุณ สิ่งที่ฉันต้องการ . . . มีเพียงสิ่งเดียว
    คือมอบความรักให้ฉันบ้าง . . .


    [​IMG]</PRE>คนที่ฉันรัก . . . ไม่ว่าจะเป็น ครู เพื่อน หรือพี่น้อง
    ฉันไม่เคยได้รับความรักจากพวกเขาเลย
    หนำซ้ำ . . . ยังโดนตำหนิเสมอ


    [​IMG]</PRE>สิ่งที่ฉันทำได้ดี กลับไม่ได้รับความชื่นชมยินดี
    สิ่งที่ฉันทำพลาดไป
    กลับได้รับสิ่งตรงข้ามกับที่ฉันต้องการ
    ฉันผิดหรือ?
    ฉันผิดตรงไหน . . . ที่ฉันจะพลาดไปบ้าง
    มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ . . . และยังไม่เคยเข้าใจ


    [​IMG]</PRE>ฉันต้องการความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจ
    ฉันรู้จักที่จะมอบสิ่งเหล่านั้น
    แต่ฉันยังไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านั้นเลย
    หรือฉันดีไม่พอทีจะคู่ควรกับความรักของพวกเขา?


    [​IMG]</PRE>มันก็จริงอยู่ . . .
    ที่ฉันใส่ใจคนอื่นมากเกินไป จนทำให้ตัวเองเจ็บ..
    แต่ฉันก็เข้าใจว่า . . .
    ฉันควรจะได้รับความใส่ใจจากการที่ฉันมอบให้ไม่ใช่หรือ?


    [​IMG]</PRE>ถึงจะเห็นว่าฉันทำเป็นไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
    แต่ใครจะเข้าใจ . . .
    ว่าฉันเองก็มีน้ำตา
    และฉันก็เสียใจเป็น . . .


    [​IMG]</PRE>วันนี้รอยยิ้มยังปรากฏอยู่บนหน้า
    ใครเล่าจะรู้ . . .
    ว่าหัวใจที่แข็งดวงนี้ ยังซ่อนความอ่อนแอไว้ภายใน
    วันนี้ฉันก็ยังยิ้ม . . . ยังยิ้มให้ทุกคน


    [​IMG]</PRE>และขอให้ทุกคนที่มีความในใจแบบนี้หายดีเร็วๆ มีความสุขที่สุดอีกครั้ง
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    [​IMG]</PRE>
     
  8. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    [​IMG]

    ขอขอบคุณสาระดีดี จาก... ธรรมะดิลิเวอร์รี่


    มีชาวเดนมาร์คคนหนึ่ง นอนหลับอยู่ที่บ้านในเวลากลางคืน
    มีนางฟ้าลงมาหาเขา ชวนให้ไปเที่ยวสวรรค์กับนรก เขาก็ตกลงไปด้วย
    นางฟ้าพาไปที่ที่หนึ่ง แล้วบอกว่า "ถึงนรกแล้ว"
    ที่นั่นเป็นห้องใหญ่ๆ มีโต๊ะยาวๆ
    บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีต อร่อยมีคุณค่าทุกประเภท
    มีคนนั่งอยู่หลายคน นางฟ้าก็บอกว่า "นี่สัตว์นรก"
    คนเหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลก
    แต่ตัวเขาผอมเหลืองน่าสงสาร

    ... นางฟ้าบอกว่า ที่นี่อนุญาตให้กินอาหารดีๆ ได้
    แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามใช้มือหยิบ
    ต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรตักอาการกินเท่านั้น
    เวลาจะใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเอง
    คนที่นรกก็ตักไม่ถึงสักที... ​

    อาหารที่อร่อยหกลงบนพื้นเกือบหมด
    เขาเลยมีความวุ่นวายเดือดร้อนมาก
    พยายามตักอาหารเท่าไรก็ไม่ถึงปาก
    จึงผอมโซเพราะอดอาหาร
    ทั้งที่อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ
    แต่ไม่สามารถเอาเข้ามาถึงในปากของตนเองได้

    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    นางฟ้าพาไปอีกห้องหนึ่ง แล้วบอกว่า "ถึงสวรรค์แล้ว"
    ห้องที่สองนี้ มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกประการ
    มีโต๊ะอาหารยาวๆ อาหารประณีตหลายๆ อย่างเหมือนกันกับห้องนรก
    มีเก้าอี้รอบ มีคนนั่งอยู่หลายคน นางฟ้าบอกว่า "นี่เทวดาบนสวรรค์"
    แต่แปลกที่คนบนสวรรค์นั้นยิ้มแย้มแจ่มใสอ้วนท้วนสมบูรณ์สบาย

    ... ดูว่าเขากินอาหารอย่างไร ทั้งๆ ที่เขาก็ต้องใช้ช้อนยาวหนึ่งเมตรเหมือนกับที่นรก

    "เอ... ทำไมมันไม่เหมือนที่นรก? ทำไมคนที่นี่สนุกสนานแจ่มใสร่าเริง แข็งแรง"

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    [​IMG]พอดูดีๆ อ้อ! เห็นวิธีของชาวสวรรค์
    คือคนข้างหนึ่งของโต๊ะ เขาตักอาหารด้วยช้อนยาวๆ
    เอาไปป้อนใส่ปากของคนตรงข้าม
    คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนข้างนี้
    ก็เลยได้กินกันทุกคน อยู่อย่างสุขสบาย

    [​IMG]สรุปว่า... ที่นรกนั้นคนคิดแต่จะได้อย่างเดียว
    คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง
    คิดแต่ว่าเราจะได้อาหาร ได้สิ่งที่เราชอบ โดยไม่คิดถึงคนอื่น

    แต่ที่สวรรค์นั้น... มีการช่วยเหลือกัน มีความรักสามัคคีกัน
    คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย
    จึงก็ได้รับความสุขทั่วถึงกันทุกคน

    ... ตื่นขึ้นมาแต่ละวันอย่าถามว่าจะได้อะไรจากสังคม
    แต่จงถามให้มากว่าจะให้อะไรกับสังคม...

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    [​IMG]



    ในช่วงชีวิตไม่สั้นไม่ยาวของคนเรา อาจจะมีเรื่อง...ทั้งดีและร้ายปะปนกัน
    ความสัมพันธ์ของคนเราก็เฉกเช่นชีวิต ที่มีทั้งดีและร้าย

    เชื่อลึกๆในใจว่าความสัมพันธ์คือการลงทุน คือการเสี่ยง...โอกาสได้และเสียมีเท่ากัน
    ผู้ลงทุนมีได้หลายประเภท ตั้งแต่...กล้าได้กล้าเสีย ไปจน...ไม่กล้าลงมือทำอะไรเลย
    ช่างน่าแปลกนัก... คนกล้าได้กล้าเสียอาจจะรุกสุดตัว แต่โอกาสเสียก็ใช่ว่าน้อยลง
    คนไม่กล้าลงมือทำอะไรเลย โอกาสได้...ก็ไม่ได้มากขึ้น ...


    ความสัมพันธ์ก็เหมือนใจคนที่ลึกล้ำ เป็นเรื่องที่...อธิบายไม่ได้จริงๆ
    เคยคิดลองดีท้าทายกับความสัมพันธ์ แหกกฏซึ่งก็ไม่เคยตายตัวอยู่แล้วออกไปนอกข่าย ปล่อยให้ทุกอย่างผิดรูปผิดรอย
    แล้ววันนี้...มันก็ย้อนมาตอบแทนกันได้สาสม คล้ายจะบอกให้จำเป็นบทเรียน ที่...กล้าล้อเล่นกับความสัมพันธ์
    ความสัมพันธ์ในทุกรูปแบบของคนเรา
    ทั้งที่สั้น...จนน่าตกใจและที่ยาว...จนไม่น่าเชื่อ
    ทั้งที่ดี...จนน่าปลาบปลื้มและร้าย...จนทำให้เสียน้ำตา
    ความสัมพันธ์ทุกครั้งได้บอกและฝากบางสิ่งไว้ไม่ไกลในตัวเรา
    สิ่งนั้น...คือความทรงจำ
    เหมือนเป็นวงเวียนห่วงโซ่
    เมื่อมีความสัมพันธ์ที่ดีและไม่ดี
    ความทรงจำก็มีทั้งดีและไม่ดีตามไปด้วย
    แต่มันก็คือ...บทหนึ่งของชีวิตทั้งนั้น


    คนทุกคนต้องก้าวเดินต่อจนกว่าจะถึงสุดทาง
    บางคนเลือกที่จะทิ้งทั้งความสัมพันธ์และความทรงจำที่ไม่ดี ...ไว้ข้างหลัง
    แต่บางคน...ก็เลือกที่จะเก็บติดตัวไปจนวันตาย
    หากก็มีความสัมพันธ์และความทรงจำบางประเภท ที่แยกไม่ออกเสียทีว่า...ดีหรือร้าย มันกลางๆ...แปลกๆ...บอกไม่ถูก จะว่าดี...ก็ใช่ ร้ายก็...ไม่เชิง


    สำหรับฉันแล้ว มันคือความทรงจำประเภทที่ คนที่เคยรักและดีต่อกัน...ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน เพื่อน...คนรัก...ครอบครัว...หรืออะไรก็ตาม ทำร้ายกันได้หน้าตาเฉย
    ความทรงจำประเภทนี้จะค้างคา จะตัด...ก็ไม่ได้ จะเก็บ...ก็ไม่ดี
    เพราะจะอย่างไรก่อนหน้านี้ก็มีแต่ภาพดีดี แต่ภายหลังให้มาแต่ความรู้สึกแย่ๆ
    จะตัดก็ตัดไม่ลงทั้งหมด จะเก็บมันก็เสียดแทงใจ
    มันจึงตามมาด้วยคำถาม...ที่อาจไม่มีคำตอบ
    ทำไม...เขา...ถึงทำกับเราได้ขนาดนี้
    ความสัมพันธ์นั้นจึงกลายเป็น... ความทรงจำที่ค้างคาและคำถามที่ค้างใจ



    [​IMG]
     
  10. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    [​IMG]

    ความอ้างว้างไม่ได้โหดร้ายอะไรนัก มันก็แค่ช่วงเวลาที่เธอควรใช้มันให้กับตัวเอง
    หลังจากที่วุ่นวายไปกับชีวิตคนอื่นมานานพอควร
    ถ้าเธอเคยหกล้ม เธอก็จะเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น ไม่ใช่คิดจะไม่เดินอีกเลย
    บางครั้งคนเรา ก็ต้องยอม รับในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ และต้องยอมรับในการตัดสินใจของคนอื่น

    ถึงมันจะไม่ดีกับเธอเลยก็ตาม เพราะเราเลือกแต่เหตุการณ์นี้ ให้เกิดกับชีวิตเราไม่ได้เสมอไป
    ความรักก็มีชีวิตเหมือนดอกไม้ และไม่มีแจกันใด จะถนอมความงามของดอกไม้ไว้ได้ตลอดไปหรอก

    ความเสียใจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากเสียใจไม่จบสิ้น นั่นจึงแปลก
    ในขณะที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ มันก็ต้องไม่ลืมที่จะหมุนรอบตัวเอง
    ในขณะที่เธอรักใคร เธอก็ต้องไม่ลืมที่จะรักตัวเอง
    หากคนเรามีความรักได้ครั้งเดียวในชีวิต นั่นจึงควรร่ำร้องเมื่อรักได้สูญหาย
    แต่ความจริงแล้ว คนเรามีความรักได้หลายพันครั้งตลอดทั้งชีวิต
    เมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใคร นั่นคือสัญญาณเตือนว่า เธอควรให้ความสำคัญกับตัวเองได้แล้ว

    คนเราสามารถจำอะไรก็ได้ แต่เมื่อจำแล้ว กลับไม่สามารถเลือกที่จะลืมบางส่วนของมันได้
    แต่เลือกที่จะนึกถึงมันให้น้อยที่สุดได้
    ไม่ว่าความรักจะทำให้วันนี้ของเธอปวดร้าวยังไง
    แค่ครั้งหนึ่ง เธอเคยได้รัก คนที่อยากรัก เธอก็โชคดีมากแล้ว

    [​IMG]
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ขอบคุณมากค่ะ
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
    :cool:


    นิพพานัง ปรมัง สุขัง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง






    :z15
     
  12. เจ้าจันทร์

    เจ้าจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +431

    [​IMG]
     
  13. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    นำบทความนี้มาให้อ่านกัน คิดว่าน่าจะทำให้บางคนคิดได้(บ้าง)
    ไปอ่านกันเลยค่ะ.....
    .
    .
    .
    .
    วันนั้นฉันอยู่เวรเด็ก...


    นางสาวเอคนไข้หญิงสาววัย 24 ปี ตั้งท้อง 6 เดือนเศษ
    มีประวัติเหน็บยาเร่งคลอดเข้าที่ปากมดลูกด้วยตนเอง(หรือสามี?) ก่อนมาโรงพยาบาลไม่กี่ชั่วโมง

    ตอนมาถึง ER เธอปวดท้องจวนเจียนจะคลอดแล้ว ปากมดลูกเปิดเกือบสุด ถุงน้ำแตก
    เธอเบ่งพรวดเดียวหลุดแทบไม่ต้องใช้แรง...แทบไม่มีบาดแผลที่ปากช่องคลอด แทบไม่เสียเลือด



    เพราะเด็กตัวเล็กมากๆ

    เด็กคนนั้นหนักแค่ครึ่งกิโล
    เล็กกว่าขวดน้ำปลา
    เล็กเหมือนลูกแมว
    เล็กจนวางบนมือข้างเดียวได้
    ซึ่งหากเกิดมาตาย...เรื่องนี้ก็จบด้วยดี

    แต่ทว่า...ทารกหญิงตัวน้อยยังไม่ตาย
    หนูร้องแอ๊วๆ เบาๆสองสามทีเหมือนแมวคราง ก่อนที่จะหายใจพะงาบๆ เพราะปอดขาดสาร surfactant ทำให้ไม่สามารถทำงานแลกเปลี่ยนก๊าซได้เต็มที่ เหมือนลูกโป่งที่เป่ายังไงก็ไม่พอง
    หนูกำลังตัวเขียว ซี่โครงบุ๋มเพราะปอดที่แฟ่บไม่อาจขยายได้

    ดญ.(ที่ไม่มีวันได้มีชื่อกับเค้า)ยังคงพยายามสูดลมหายใจด้วยกำลังทั้งหมดที่มี...แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
    เหนื่อย...เหนื่อย...เหนื่อย

    ฉันซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์เวรเด็ก...ถูกตามมารอรับตัวอีหนูที่แม่ไม่ต้องการ

    เราและพยาบาลช่วยกันสอดท่อช่วยหายใจ ดูดเมือกในปาก สอดสายน้ำเกลือเข้าทางสะดือ ฉีดยากระตุ้นสารขยายปอด(ซึ่งถึงฉีดไปก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่หรอก) ต่อเครื่องช่วยหายใจ และให้นอนตู้อบเพื่อเพิ่มความอบอุ่น

    หนูนอนหลับตา ตัวนิดเดียว มีตา หู จมูก มือเล็กๆ เท้าเล็กๆ
    ไม่รู้ว่าเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่
    เธอมีนิ้วที่เล็กมาก และกำแน่น

    เธอเป็นมนุษย์เหมือนพวกเรานี่แหละ ไม่ใช่ก้อนเนื้อ ก้อนเลือด อะไร

    ฉันในฐานะนักศึกษาแพทย์ปี 6 ที่(เจือก)วิ่งวุ่นช่วยชีวิตเด็กที่สมควรตาย(มั้ง)อยู่ 3 ชั่วโมงจนคืนนั้นไม่ได้นอน(เพราะเด็กเตียงอื่นก็มีธุระให้รักษานะจ๊ะ ไม่ใช่มีคนไข้แค่คนเดียว)
    ...ก็เพราะแค่อยากให้หนูได้มีชีวิตจนได้ลืมตาเห็นโลกเท่านั้น

    เผื่อถ้าฟลุก หนูรอดตายและได้ออกจากโรงพยาบาล...แม้ว่าจะมีอันต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็หวังว่าคงมีซักวันที่หนูคิดว่า "โชคดีที่ยังได้เกิดมา"
    (พูดเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นไปได้)

    ตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น เด็กเริ่มระดับอ๊อกซิเจนตก ตัวเขียวมาก ความดันลดต่ำลง...พี่หมอเด็กบอกว่าหมดหวังแน่ๆ

    อื้อ..
    ไม่หวังก็ได้

    ฉันตัดสินใจเดินไปวอร์ดสูติ ซึ่งอยู่ห่างห้องicuเด็กทารก ไปแค่ไม่กี่เมตร

    หญิงชายหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งตระคองกอดกันอยู่บนเตียงแบบไม่อายสายตาคนไข้รวมอีก 20 กว่าเตียงในห้องเดียวกัน

    คุณสามีหยิบผลไม้มาป้อนให้คุณภริยาด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเหลือจะกล่าว
    คุณภริยาสะท้านน้อยๆด้วยความดื่มด่ำในความห่วงใยและความรักของคนรัก เธอกุมมือสามี มองลึกเข้าไปในดวงตาของเค้า...ก่อนที่จะอ้าปากกินส้มกลีบนั้น

    "คุณเอที่แท้งมาเมื่อคืนใช่ไหมคะ"
    "ใช่ค่ะ"
    "ลูกของคุณกำลังจะตายแล้วนะคะ"
    "อ้าว ยัง...ไม่ตายเหรอ" (ประโยคหลังพึมพำเบาๆ)
    "ยังค่ะ ยังไม่ตาย เมื่อคืนเธอร้องและพยายามหายใจ หมอใส่ท่อช่วยหายใจไปแล้ว แต่ปอดยังไม่แข็งแรง คิดว่าบ่ายนี้อาจจะไม่รอด ..."
    "ตกลงยังไงก็ไม่รอด?" ท่าทางทั้งคู่โล่งอก
    "ค่ะ แล้วตกลงจะไม่ไปดูหน้าลูกหน่อยเหรอคะ" พอมองดีๆแล้วเด็กคนนี้หน้าคล้ายแม่หน่อยๆแฮะ
    "ไม่ต้องหรอก"
    "ลูกคุณนะคะ"
    "หมอก็จัดการไปสิ!"
    คราวนี้คู่สามีภรรยาดังกล่าวหันมาถลึงตามองฉันที่บังอาจเป็นนางมาร มารบกวนเวลาปลอบประโลมชื่นมื่น(และสมหวัง?)ของพวกเค้า

    บ่ายสามโมงวันนั้น ความดันเธอเริ่มตกลงเรื่อยๆ ชีพจรเต้นรัวเร็วมากๆๆ
    และในที่สุดหัวใจก็หยุดเต้น
    หน้าอกยังคงกระเพื่อมเพราะเครื่องช่วยหายใจ
    เราตัดสินใจถอดท่อช่วยหายใจออก
    มือเล็กๆกำอยู่หลวมๆ แขนเล็กๆลีบๆวางตกอยู่ข้างลำตัว ตาสองชั้นเล็กๆที่ไม่มีขนตายังคงปิดอยู่เหมือนเดิม
    แต่หน้าอกไม่กระเพื่อมแล้ว

    เด็กหญิงที่ไร้ชื่อตายอย่างเดียวดาย

    ไม่ปรากฏญาติมาเยี่ยม
    ไม่มีผู้มารับศพ
    ไม่มีงานศพ
    ไม่มีโลง
    ไม่เผา ไม่ฝัง
    แค่ถูกฉีดยากันเน่าก่อนที่จะลำเลียงไปยังห้องดับจิตของโรงพยาบาล


    เด็กตัวเล็กกว่าขวดน้ำปลาที่ไม่มีคนร้องไห้ให้

    ฉันก็ไม่ได้ร้องไห้ มันร้องไม่ออก
    แค่ปาดน้ำตาไปทีนึง...


    พวกเค้าไม่ใช่คนยากจนหาเช้ากินค่ำที่ยังไม่มีเงินเลี้ยงลูก ไม่ใช่วัยรุ่นอ่อนหัดที่ไม่รู้จักวิธีคุมกำเนิด ไม่ใช่นักเรียนใจแตกที่ท้องก่อนเรียนจบ ไม่ได้ติดเชื้อหัดเยอรมันหรือมีโครโมโซมผิดปกติที่จะทำให้เด็กพิการเมื่อเกิดมา ไม่ได้มีโรคประจำตัวที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อแม่หากต้องตั้งครรภ์

    พวกเค้าเป็นชายหญิงทำงานบริษัท เรียนจบแล้ว อายุไม่น้อย การศึกษาก็ดี(ปวส.และปริญญาตรี)
    พวกเค้าแต่งกายดี พูดจาภาษากลางไม่ติดสำเนียงเหน่อ มีโทรศัพท์มือถือใช้ ผิวพรรณสะอาดสะอ้านแบบคนที่ไม่ต้องทำงานหนัก ผมตัดเข้าทรงไม่รุงรัง

    พวกเค้ามีเหตุผลอะไรกันนะที่สำคัญมากจนไม่สามารถเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้

    เพราะเค้ายังไม่พร้อม...งั้นเหรอ?


    edit เรื่องนี้เป็นประโยคบอกเล่าเท่านั้นนะคะ
    กรุณาอย่ามาจุดประเด็นว่ายาเหน็บทำแท้งที่ว่าชื่ออะไร
    ไม่บอกและไม่อยากบอกค่ะ

    -----------------------------------------

    จากใจจขกท.
    เฮ้อออ อ่านแล้วก็เจ็บปวดจริงๆ TT-TT
    ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือจะดีใจกับเด็กคนนั้นดี??? ใจนึงก็สงสาร เพราะเค้ามีเวลาหายใจอยู่ได้แค่คืนเดียว
    แต่พอมาคิดอีกที....ก็..ไม่รู้จะเรียกว่า\"ดีใจ\"ได้รึเปล่า?? เพราะ เค้าไม่ต้องเกิดมาเผชิญกับความโหดร้ายของพ่อแม่ตัวเอง!


    ก็ขอให้คิดกันให้ดีๆนะคะ ว่าถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์นั้น เราพร้อมกับสิ่งที่จะตามมารึเปล่า
    บางคนอาจจะคิดว่า...ฉัน/ผม ป้องกันแล้ว!!...........เคยได้ยินคำพูดคำนี้มั๊ยคะ "ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน"
    เพราะฉะนั้น คิด ให้ ดี!! อย่าให้บรรยากาศพาไป มันเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต อย่าให้มันชักจูงคุณง่ายๆ!!!


    เครดิต : pantip.com ห้องสวนลุมฯ จากคุณ <!--MsgFrom=0-->...Minoru...
    (กลัวว่าแค่ชื่อเว็บจะไม่พอง่ะ เลยเอามาให้หมดเลย= =\")



     
  14. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    [​IMG] [​IMG]



    [​IMG]
     
  15. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    คนเราโง่...
    โง่ ที่คิดว่า.....ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
    โง่ที่คิดว่า.....ใครบางคนให้ความสำคัญกับตัวเรามากกว่าคน อื่น
    โง่ที่คิดว่า..... คนที่เรารัก เค้าจะรักเราคนเดียว
    โง่ที่คิดว่า..... คนที่เราดีใจเมื่ออยู่ใกล้เค้า จะไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่ สุด
    โง่ที่คิดว่า..... เรามีความสำคัญกับใครคนหนึ่งมากจนเค้าขาดเราไม่ได้
    โง่ที่คิดว่า..... การโกหกจะไม่เกิดขึ้นระหว่างคู่รักที่รักกันจริงๆ
    โง่ที่คิดว่า..... คำหวานจากปากเค้า เค้าพูดเพราะเป็นห่วงเราจริงๆ
    โง่ที่คิดว่า..... เวลาที่เราต้องการเค้าที่สุด เค้าจะอยู่กับเราเสมอ


    อยากฉลาดม๊ะ.....
    ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า.......ความพยายามบางครั้งมันก้อเป็นแค่ความพยายาม
    ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......อย่าหวังว่าใครจะเห็นเราสำคัญมากไปกว่าตัวเค้าเอง
    ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......คนที่เรารัก....บางทีเค้าก็มีคนที่เค้ารัก
    ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......คนที่เราอยู่ใกล้เค้าแล้วมีความสุขอาจ เป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุด
    ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......คำหวานจากปากเค้า เค้าพูดเพียงเพราะเค้าชอบพูดคำหวานกับใครๆ เสมอ...
    ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......การโกหกเกิดขึ้นตลอดเวลาไม่ว่าใคร
    ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......คนที่เรารักอาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่ไม่เคยรักเรา
    ฉลาดพอที่จะเข้าใจ ว่า......เวลาที่เราต้องการเค้าที่สุดอาจ เป็นเวลาเดียวกันกับเวลาที่เค้าหมดรักเรา แล้ว


    และจง...
    จง...เข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง
    จง...อ่อนแอพอที่จะรับรู้ว่าลำพังเรานั้นทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง
    จง...ฟุ่มเฟือย น้ำใจ เมื่อมีใครต้องการความช่วยเหลือ
    จง...ประหยัดสิ่ง ที่จำเป็นไว้
    จง…คิดก่อนทุกครั้ง ที่จะปล่อยเงินออกจากมือ
    จง...ฉลาดพอที่จะ รู้ว่าเราไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
    จง...โง่พอที่จะ เชื่อในปาฏิหาริย์
    จง...เต็มใจจะแบ่ง ปันความสุขของตัวเอง
    จง...เต็มใจที่จะ แบ่งรับความทุกข์ของผู้อื่น
    จง...เป็นผู้นำหาก ทางที่ผู้อื่นทิ้งไว้ให้นั้นเลือนราง
    จง...เป็นผู้ตามหาก ตกอยู่ในวงล้อมแห่งความไม่แน่นอน
    จง...เป็นคนแรกที่ แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของคู่แข่ง
    จง...เป็นคนสุดท้าย ที่จะวิจารณ์ความผิดพลาดของเพื่อน
    จง...มองเพียงแค่ ก้าวถัดไปเพราะมันจะทำให้เราไม่ล้ม
    จง...มองไปยังจุด หมายปลายทางให้แน่ใจ ว่าไม่ได้กำลังเดินผิดทาง
    จง…ใช้เวลามอง หรือ ให้โอกาสกับตัวเองที่จะเรียนรู้คนที่เขาบอกรักคุณ
    จง...รักคนที่รัก คุณ แม้อีก 5 ปี 10 ปี หรือ 50 เขาก็ยังรักคุณ
    จง...รักคนที่ไม่ รักคุณแล้ว...สักวันนึงเค้าอาจจะเปลี่ยนใจมารักคุณ
    จง…อย่าปล่อยให้คน ที่รักคุณหลุดลอยไป

    สุดท้าย จง…อย่าหลอกตัวเอง!!!!

    [​IMG]
     
  16. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    [​IMG]

    กล้องทุกตัวย่อมตกรุ่น - - ทำอย่างไรให้มีความสุขกับมัน

    ธรรมดาโลกมนุษย์ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย

    เก่าไป ใหม่มา ถือเป็นเรื่องสัจธรรม

    เมื่อมีความอยาก จิตก็ย่อมเป็นทุกข์

    มันทุกข์เพราะของมันไม่มี แล้วอยากจะให้มี

    ครั้นพอมีขึ้นมาจริงๆ มันกลับรู้สึกเฉยๆ

    (ไม่รู้ว่า "กล้อง" กับ "เมีย" ความรู้สึกมันอย่างเดียวกันหรือเปล่า)

    เวลาผ่านไป เทคโนโลยีใหม่เข้ามา

    เห็นกล้องรุ่นใหม่ ราคาถูกลง คุณภาพดีขึ้น

    มันก็เริ่มจะไม่ค่อยพอใจตัวเก่าซะอีก

    จะหาทางออกแบบไหน .. แก้ปัญหาหัวใจของเราดีนะ

    - ตามใจแรงปรารถนา ... ทางออกมันต้องใช้เงิน -> ใจเป็นทุกข์

    - เหตุเกิดจากใจ ต้องดับที่ต้นเหตุก็คือ "ใจ"

    การดับที่ใจ มันดีกว่าการ "ตามใจ" ตรงที่ .. ไม่เสียเงิน

    ของมันควักจ่ายไปแล้ว ใช่จะไปทำงานหาคืนมาได้ง่ายซะเมื่อไหร่


    [​IMG]


     
  17. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    สุดท้าย จง…อย่าหลอกตัวเอง!!!!
    อันนี้ โดนจังครับ...อิ
    อิ
     
  18. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    <TABLE style="MARGIN: 0px" cellSpacing=0 width="100%" border=0 padding="0"><TBODY><TR><TD id=story-56699-expansion-table>



    [​IMG]

    คุณ 'กำ' อะไรอยู่

    ครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่ง
    ในครอบครัวนี้มี พ่อ แม่ และบุตรชายวัย 5 ขวบ กำลังน่ารักเลยทีเดียว
    เจ้าหนูเป็นเด็กที่ซนอย่างร้ายกาจและขี้สงสัยอย่างมาก

    อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูก
    ไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิง
    ซึ่งนั่นก้อหมายความว่ามันราคาแพงมาก
    นำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงาย สักพักก้อล้วงมือเข้าไปในแจกัน
    ทันใดนั้นเจ้าหนูก็ทำตาโตเท่าไข่ห่านดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไปเจออะไรสักอย่าง

    แต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่าเจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไร
    เจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่ายพยายามดึงมือออกมาแต่ก้อไม่สำเร็จ

    จนต้องใช้ไม้ตายคือ
    ' ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน'

    เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู
    เมื่อมาพบเข้าต่างก้อพยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนูออกจากแจกันด้วยวิธีต่างๆ

    น้ำมันก็แล้ว น้ำสบู่ก็แล้วทำอีท่าไหนก็ไม่ออก
    จนสุดท้ายผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้งเพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้

    เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้วพ่อและแม่
    ก็พบว่ามือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่น

    ผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า 'หนูกำอะไรอยู่จ้ะลูก ?'
    เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง 'ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ'

    ' แล้วมันคืออะไรจ้ะลูก ?' ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย
    ' มันเป็นสตางค์ครับ' เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อยๆแบมือออกอย่างทนุถนอม จึงปรากฏว่า

    ในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญสลึงอยู่สองเหรียญ
    เจ้าหนูหารู้ไม่ว่าการที่เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้
    ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของมีค่ากว่าเป็นพันๆเ ท่า


    แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ คุณกำลัง 'กำ' อะไรไว้ในชีวิตบ้าง

    เงิน ?
    บ้าน ?
    งาน ?
    รถ ?
    หัวโขน ?
    ทิฐิ ? ...

    แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง

    เวลา....
    ครอบครัว....
    พ่อแม่.....
    คนที่รักเรา.....
    ความสุข
    สวรรค์

    คุณ ' กำ ' อะไรอยู่ ??
    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    [​IMG]

    “ สวัสดีครับ” เสียงจากต้นสายสั่นเล็กน้อย ด้วยเพราะคนปลายสายไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

    “เมื่อวาน ผมพบเหรียญเรียนดีของมหาวิทยลัย...ที่ร้านของเก่าแถวเยาวราช” คนต้นสายเริ่มเรียกเรียงคำพูดให้ฟังรู้เรื่อง แต่ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน

    “เหรียญอะไรค่ะ แล้วคุณทราบเบอร์โทร.นี้ได้อย่างไร“ เสียงทุ่มๆ ชัดๆ แบบอาจารย์ มีแววกังวลในน้ำเสียง

    “คืออย่างนี้ครับ ผมค้นหาเบอร์โทร.นี้จากเยลโล่เพสเจ็ส เมื่อวานผมเห็นเหรียญรางวัลเรียนดีเกียรตินิยมอันดับ 1 มีชื่อคุณสลักอยู่ด้านหลังของเหรียญ”

    เสียงจากปลายทางเงียบไป คล้ายจะคุ่นคิดอะไรบางอย่าง

    “อ๋อ เหรียญนี้เคยไว้ที่ท้ายรถ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีคนมาทุบกระจกท้ายรถ และเอาทรัพพย์สินไปพร้อมกับเหรียญนี้” คนปลายสายไม่เอ่ยสรรพนามแทนตัวเอง

    “คุณยังต้องการเหรียญนี้อยู่หรือไม่ครับ หากต้องการผมอาจจะซื้อมาแล้วส่งให้คุณอีกที”

    เสียงจากปลายสายหายเงียบไปสักพัก ก่อนตอบ “ยินดีค่ะ”

    เขาเก็บเรื่องนี้มาคิด ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลย

    หากเจ้าของเหรียญเอาเรื่อง ขึ้นมา เอาหมายจับมาเล่นงาน โทษฐานที่เขาเป็นผู้ขโมยเหรียญ และทรัพย์สินในครั้งนั้น

    เรื่องไม่เป็นเรื่องมักเกิดกับมนุษย์บางคนอย่างไม่คาดคิด

    สองวันต่อมา

    “สวัสดีครับ มาแจ้งข่าวครับว่า เหรียญนั้นผมซื้อมาแล้ว และจะส่งให้คุณทางไปรษณีย์ ขอที่อยู่ด้วยครับ”

    “ส่งเหรียญมาที่....ขอบคุณค่ะ" เสียงของเจ้าของเหรียญ วันนี้ดูแจ่มใส และเป็นกันเองมากขึ้น เธอบอกที่อยู่ที่ที่ทำงาน และคำนำหน้า ซึ่งพอเดาได้ว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน

    “คุณซื้อมาเท่าไรคะ”

    “ไม่แพงหรอกครับ” เขาไม่อยากตีราคาของที่มีค่าประเมินไม่ได้สำหรับเจ้าของคำถาม

    “จะมีสิ่งใดที่จะตอบแทนได้บ้างค่ะ”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมชอบสะสมเหรียญที่ระลึก เมื่อพบเหรียญนี้แล้ว ก็อยากให้กลับไปอยู่กับเจ้าของ”

    วันต่อมา เขาจัดการส่งเหรียญนั้นไปตามที่อยู่ที่ผู้เป็นเจ้าของเหรียญบอกไว้

    เขาคิดมากตามเคย ตายละหว่า เขาเขียนที่อยู่บนซองนั้นไปด้วย อยากจะปกปิด

    คิดอีกที ความบริสุทธิ์ใจย่อมเป็นใบเบิกทางที่มนุษย์จะยื่นให้กัน

    หลังจากส่งไปแล้ว เขารู้สึกโลงใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ได้ยากเย็นอะไร

    หลังจากนั้นไม่นานนัก มีพัสดุไปษณีย์หนักๆมาถึงบ้านของเขา ในห่อนั้นมีเหรียญที่ระลึกหลายรุ่น หลายแบบ ที่นักสะสมสมัครเล่นชอบสะสมกัน

    เขาแอบยิ้มอยู่ในใจ

    [​IMG]
     
  20. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    รูป 10 ของหายาก ราคาสูงระดับโลก

    ดูไว้เผื่อไปเจอที่ไหน อย่าทิ้ง!! มันมีราคา


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]ไม่รู้ เป็นอันเดียวกะที่มือเจ้าหนูนั่นเข้าไปติดจนต้องทุบแตกรึปล่าว หุหุ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...