ความเชื่อเรื่อง พระสมเด็จสองคลอง พระสมเด็จฝากกรุ

ปรับแสงสว่าง ปรับขนาดภาพเอามาโชว์ซ้ำ ครับ..................(kiss)(kiss)

 

สวัสดีวันจันทร์ครับ เปิดแสดงโชว์รอบดึก ครับ....................(kiss)(kiss)(kiss)

 

เมื่อเช้าตีห้านิดๆเปิดทีวีช่องห้าดูรายการหนึ่ง เนื้อหาของรายการเน้นขายปุ๋ยเคมีและขายพระสมเด็จฯเป็นหลัก ผมนั่งดูก็ไม่อยากจะเชื่อหูเชื้อตาตัวเองว่าคนมันจะกล้าทำกันถึงขนาดนี้ มันพูดให้เชื่อมโยงแอบอ้างท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯอย่างหน้าตาเชย พิธีกรบอกว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเอานิ้วมือชี้ลงแตะดินแล้วกล่าวทำนายไว้ว่า อย่าทำร้ายพระแม่ธรณี ถ้าทำร้ายพระแม่ธรณีเมื่อไหร่ประชาชนจะทุกข์ยาก ผมก็จำที่มันพูดไม่ได้หมด มันบอกต่ออีกว่าคำทำนายของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นจิงในยุคนี้แล้ว ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯท่านเป็นผู้หยั่งรู้อนาคต เราจึงได้ทำปุ๋ยเคมีบำรุงดินสูตรต่างๆออกมาจำหน่าย ตามคำทำนายของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เขาพูดให้เข้าใจหมายถึงประมาณนี้ หากินอย่างนี้กันแล้วน่ะครับกล้าไปยกเอาบุญบารมีของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯมาพูดโฆษณาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในสินค้าของพวกมัน ยังไม่พอครับยังโฆษณาโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจว่าได้ครอบครองหีบบรรจุพระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังฯและบล็อคแม่พิมพ์ของหลวงวิจารณ์ทั้งหมดจำนวนหลายหมื่นองค์ โดยเป็นสมบัติของหลวงวิจารณ์ตกทอดมาถึงลูกหลานรุ่นปัจจุบัน ตอนท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างพระพิมพ์ด้วยบล็อคแม่พิมพ์ของหลวงวิจารณ์ พอสร้างเสร็จแล้วท่านให้เอาพระพิมพ์และบล็อคแม่พิมพ์ลงบรรจุไว้ในหีบ แล้วสั่งเสียกำชับไว้ว่าห้ามผู้ใดเปิดหีบออกดูจนกว่าจะครบ ๑๒ รอบปีนักษัตรคือครบ ๑๔๔ ปี ตอนนี้ครบ ๑๔๔ ปีตามที่ท่านเจ้าประคุณสั่งเสียไว้แล้ว ใครสนใจเชิญมาบูชาพระสมเด็จฯแท้ได้ที่ศุนย์..........หาดใหญ่ มีใบรับรองตรวจหาอายุจากสถาบันนิวเคลียร์แห่งชาติด้วย ดูแล้วฟังแล้วปวดตับแสกดากกับพวกนี้จิงๆครับ.............

 

โชว์สุดท้ายคืนนี้ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาชม คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ ครับ.................(f)(f)(f)

 

สวัสดีวันอังคารครับ แสดงโชว์เพลินจนลืมถ่ายรูปพระชุดใหม่ คงต้องเอารูปเก่ามาโชว์ซ้ำแก้ขัดไปก่อน ครับ...........

 

ได้เวลาเปิดโชว์ของแล้ว ครับ..........................(kiss)(kiss)(kiss)

 

ตอนที่๖ ในบันทึกของท่านมหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษาสอน โลหนันทน์ บันทึกไว้ว่า ครั้นท่านพระยาพิษณุโลกทราบแล้ว จึงจัดการรับท้องตราก่อน เสมียนตราด้วงจึงเชิญท้องตราบัวแก้วขึ้นไปบนจวน เชิญท้องตราตั้งไว้ตามที่เคยรับมาแต่กาลก่อนเมื่อเจ้าเมือง ยกกระบัตร กรมการมาประชุมพร้อมกันแล้ว เสมียนตราด้วงจึงแกะครั่งประจำถุงตรา เปิดซองออกอ่านท้องตราให้เจ้าเมือง ยกกระบัตร กรมการฟังทราบพระประสงค์และพระกระแสร์รับสั่งตลอดเรื่องแล้ว เจ้าเมืองกรมการน้อมคำนับถวายบังคมพร้อมกันแล้ว เสมียนตราด้วงจึงวางไว้บนพานถมบนโต๊ะแล้วคุกเข่าถวายบังคม ภายหลังแล้วจึงคำนับท่านเจ้าเมือง ไหว้ยกกระบัตร กรมการทั่วไปตามฐานันดรแลอายุ ท่านเจ้าเมืองจึงลงไปอาราธนาสมเด็จพระวันรัต และสามเณรโตขึ้นมาพักบนหอนั่งบนจวน กระทำความคำนับต้อนรับเชื้อเชิญตามธรรมเนียม โดยเรียบร้อยเป็นอันดี ผู้ว่าราชการจึงสั่งหลวงจ่าเมือง หลวงศุภมาตรา ๒ นาย ให้ไปบอกข่าวท่านสมภารวัดตะไกรให้ทราบว่า สมเด็จพระวันรัต(นาค)วัดระฆังฯมาถึงแล้ว ให้ท่านสมภารจัดเสนาศ์ปูอาศนะให้พร้อมไว้ขาดแคลนอะไร หลวงจ่าเมือง หลวงศุภมาตราต้องช่วยท่านสมภาร สั่งหลวงแพ่ง หลวงวิจารณ์ ให้จัดที่พักคนเรือและนำเรือเข้าโรงเรือ เอาใจใส่ดูแลรักษาการณ์ทั่วไป สั่งขุนสรเลขให้ขอแรงกำนันที่ใกล้ๆช่วยยกสำรับเลี้ยงพระเลี้ยงคนในตอนพรุ่งนี้ จนตลอดงาน สั่งพระยายกกระบัตรให้มีตราเรียกเจ้าเมืองทั้ง๔ ให้มาถึงปะรืนนี้ สั่งหลวงจู๊ให้ขอกำลังเลี้ยงฝีพายบางกอก สั่งรองหลวงวิจารณ์ รองจ่าเมือง ให้นัดประชุมกำนันในวันปะรืนนี้ฯ......................ที่ยกเอามาเขียนยึดยาวนี่ผมคิดว่ามันเป็นตอนที่สำคัญมากๆเพราะจะให้เห็นชื่อและตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบของแต่ล่ะคน ๑.ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดระฆังฯเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้สามเณรโต ๒.เสมียนตราด้วงเป็นผู้เชิญท้องตราบัวแก้วขึ้นไปแจ้งแก่เจ้าเมืองพิษณุโลก ๓.หลวงวิจารณ์และรองหลวงวิจารณ์เมืองพิษณุโลก มีหน้าที่เป็นผู้คอยต้อนรับดูแลรับรองจัดหาที่พักแขกเมืองเท่านั้น แต่ๆแล้วทำไม หลวงวิจารณ์ เจียระนัย กรุงเทพฯกลับมีตำแหน่งหน้าที่เป็นถึงช่างทองหลวงประจำราชสำนักไปได้ มันก็ตลกดีน่ะครับ............

 

โชว์สุดท้ายคืนนี้ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาชม คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ..........(f)(f)(f)

 

ระหว่างบันทึกของท่านมหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ ที่ถอดเรื่องตีความตามภาพเขียนเล่าอัตชีวประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯจากฝาผนังโบสถ์วัดอินทร์บางขุนพรหม ตีความเรียบเรียงบันทึกขึ้นในปี พ.ศ ๒๔๗๓ แล้วเสร็จในปี พ.ศ ๒๔๗๕ กับนิยายน้ำเน่าของคนขายพระที่จงใจเขียนมั่วโกหกบิดเบือนแต่งเติมเสริมความเท็จไร้เหตุไร้ผล แอบอ้างยกเมฆเลื่อนลอยไร้หลักฐานสนับสนุนอ้างอิง อันใหนมีความน่าเชื่อถือกว่ากันครับ บันทึกของท่านฯพระยาทิพโกษา สอน โลหนันทน์ เขียนอ้างถึงรัชกาลที่๒.เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากลมหลวงอิศรสุนทร อ้างถึงปี พ.ศ อ้างถึงสถานที่รายละเอียดต่างๆไว้อย่างชัดเจน แล้วตำราฉบับของเซียนใหญ่เซียนน้อยทั้งหลายเขียนขึ้นแต่งขึ้นปีใหน พ.ศ อะไรจากต้นฉับบใด ใครเป็นผู้บันทึกครับ................:boo:

 

เสมียนตราด้วง หลวงวิจารณ์ (ไม่มีเจียระนัย) มีชีวิตตัวตนอยู่จิง เสมียนตราด้วงมีชีวิตรับเป็นโยมอุปฐากตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นสามเณรโต เข้ามาเรียนหนังสือในพระนครใหม่ๆ เป็นคนเชิญท้องตราบัวแก้วไปวางแจ้งต่อเจ้าเมืองพิษณุโลกให้ได้ทราบพระกระแสร์รับสั่งของ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากลมหลวงอิศรสุนทร(รัชกาลที่๒) ในการนำสามเณรโตขึ้นไปบวชพระที่วัดตะไกร ในปี พ.ศ ๒๓๕๑ ส่วนหลวงวิจารณ์ มีหน้าที่ต้อนรับขับสู้ดูแลรักษาการณ์อำนวยความสะดวกแก่แขกเมืองพิษณุโลก บันทึกนี้เป็นหลักฐานสำคัญมาก ตำแหน่งช่างทองหลวงในสมัยรัชกาลที่๔ น่าจะยังไม่มี ในรัชกาลที่๒ จะเรียกช่างทำเครื่องใช้ในราชสำนักว่าชาวพระคลังวิเศษ ครับ.......

 

มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าตำแหน่งหลวงวิจารณ์ ไม่ใช่เป็นตำแหน่งช่างทองในราชสำนักอย่างที่เชื่อกัน แล้วในกรุงเทพฯมีตำแหน่งหลวงวิจารณ์เหมือนหัวเมืองใหญ่หรือเปล่า ผมคิดว่าน่าจะมีแน่ๆ เพราะมีตำแหน่งหลวงแพ่ง หลวงศุภมาตรา หลวงสรเลข และหลวงอื่นๆ กรุงเทพฯเป็นศุนย์กลางอำนาจการปกครองจะต้องมีตำแหน่งเหล่านี้แน่นอน ถ้าเขาไม่เขียนระบุเจาะจงให้หลวงวิจารณ์ เป็นตำแหน่งช่างทองในราชสำนัก ก็พอฟังพอเชื่อได้ว่าหลวงวิจารณ์เป็นผู้แกะแม่พิมพ์พระแบบต่างๆให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเอาไปพิมพ์สร้างพระเนื้อผงวัดบางขุนพรหมและวัดระฆังฯตามลำดับ ครับ...........

 

เสมียนตรา ด้วง ถ้าดูตามบันทึกฉบับท่านมหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษาสอน โลหนันทน์ มีฐานะเป็นข้าราชการสังกัดในกลมพระราชวังบวรฯ มีหน้าที่รับผิดชอบจดบันทึกรายละเอียดจำนวนไพร่พลสักเลกในสังกัดต่างๆ เป็นผู้เชิญท้องตรารับสั่งในกลมพระราชวังบวรฯ อย่างที่ปรากฎในบันทึก ไม่ใช่เป็นตำแหน่งของพ่อค้าคหบดีผู้มั่งคั่งดังที่เชื่อกันมา คนที่เขาเชื่อว่าเสมียนตรา ด้วง เป็นพ่อค้าคหบดีผู้มั่งคั่งแห่งตำบลบางขุนพรหมเขาไปเอาข้อมูลหลักฐานมาจากใหน ถ้าใช่จิงๆลูกหลานของเสมียนตรา ด้วงในปัจจุบันนี้มีฐานะเป็นอยู่อย่างไร อยู่ที่ใหนประกอบธุระกิจการงานอะไรกันบ้าง มีลูกหลานที่สืบสายตระกูลจากสมัยรัชกาลที่๔ มาถึงปัจจุบันนี้มีให้เห็นหลายตระกูลที่เป็นเจ้าของธุระกิจใหญ่ๆโตๆทั้งแบบผูกขาดและแบบกึ่งๆแข่งขัน ย่านบางขุนพรหมในยุคต้นรัตนโกสินทร์เป็นแหล่งชุมชนค้าขายถ่ายเทสินค้าจากปากใต้ถ่ายขึ้นเหนือ เสมียนตราด้วงทำมาค้าขายสินค้าอะไรบ้าง อย่าลืมน่ะครับว่าครอบครัวของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯมีอาชีพค้าขายสินค้าจากเมืองเหนือล่องลงมาขายถ่ายเทแลกเปลี่ยนสินค้าจากปากใต้ แล้วถ่อขึ้นไปขายในหัวเมืองเหนือ ไปลงหลักปักฐานตั้งบ้านร้านโรงไว้พักกักเก็บสินค้า ณ.เมืองพิจิตร ถือได้ว่าเป็นผู้มีฐานะมั่งคั่งครอบครัวหนึ่งในหัวเมืองเหนือสมัยนั้น แล้วเสมียนตรา ด้วง คหบดีผู้มั่งคั่งแห่งบางขุนพรหมล่ะ ข้อมูลรายละเอียดเป็นมาอย่างไรกัน........:boo:

 

ทุกวันนี้ตำแหน่งหลวงวิจารณ์ ไม่มีแล้วมีแต่ผู้ที่ทำอาชีพเป็นนักวิจารณ์ กีฬาแฟชั่นเสื้อผ้าดาราอาหารและการเมือง ส่วนตำแหน่งเสมียนตรา น่าจะเป็นกลมเสมียนตรา สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ก่อตั้งสมัยรัชกาลที่๕ มีหน้าที่ขึ้นทะเบียนชายไทยอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีเพื่อเข้าคัดเลือกเป็นทหารกองเกิน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการค้าวาณิชใดๆเลย ดูแลด้านบัญชีกำลังพลล้วนๆมาร้อยกว่าปีมาแล้วครับ ถ้าข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปก็ต้องขออภัยไว้ด้วยน่ะครับ............

 

เอ๊ะ!หรือว่ามีตำแหน่งหน้าที่แบบหลวงวิจารณ์ นี้อยู่แต่เรียกเป็นชื่ออื่นตำแหน่งอื่นน่ะ??........

 

'ครอบครัวของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้ย้ายจากบางขุนพรหมพระนครขึ้นไปปักหลักสร้างบ้านเรือนที่เมืองพิจิตร ประกอบอาชีพค้าขายสินค้าขึ้นล่อง จนหนูโตอายุเจ็ดขวบถึงวัยโกนผมจุก แม่จึงจัดพิธีโกนจุกให้ พออายุได้สิบสามปีแม่ได้พาไปฝากให้เรียนหนังสือกับท่านพระครูใหญ่ วัดใหญ่ฯเมืองพิจิตร เรียนหนังสือกับพระครูใหญ่จนหมดทุกคำภีร์แล้ว สามเณรมีความตั้งใจจะศึกษาหาความรู้ให้สูงขึ้นไปอีก ท่านพระครูใหญ่ได้เมตตาฝากตัวส่งให้ไปเรียนที่สำนักวัดเมืองไชยนาทบุรี สามเณรโตเรียนที่สำนักวัดเมืองไชยนาทบุรีจนหมดทุกคำภีร์แล้ว สามเณรโตมีความปราถนาที่จะค้นคว้าศึกษาหาความรู้ให้สูงยิ่งๆขึ้นไปอีก สำนักเรียนด้านปริยัติธรรมในหัวเมืองตอนเหนือไม่มีที่จะให้สามเณรโตได้ศึกษาค้นคว้าอีกแล้ว สามเณรโตจึงได้กราบเรียนกับท่านพระครูใหญ่วัดเมืองไชยนาทบุรี ว่าประสงค์อยากจะบวชเรียนให้มีความรู้แตกฉานให้มากกว่านี้ ท่านพระครูเมืองไชยนาทบุรีก็เห็นชอบด้วยจึงทำหนังสือฝากสามเณรโตเข้ามาเรียนในพระนคร โดยมีคุณตาลงมาส่งฝากตัวเรียนกับท่านพระครูวัดบางลำพูบนนอกคูกำแพงพระนคร บันทึกตรงนี้เป็นหลักฐานสำคัญว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯบวชเป็นสามเณรที่วัดใหญ่ฯเมืองพิจิตรและวัดเมืองไชยนาทบุรี ไม่ใช่บวชเป็นเณรที่วัดอินทร์บางขุนพรหมอย่างที่ตำราเซียนเขียนให้เชื่อกัน ครับ........:boo:

 

บวชเป็นเณรที่วัดอินทร์บางขุนพรหม มีบันทึกในฉบับใหนครับ มาอยู่ที่วัดบางลำพูบนไม่นาน พระโหราธิบดีโหรผู้มีชื่อ พระวิเชียร เป็นกรมราชบัณฑิต และเสมียนตราด้วงก็นำสามเณรโตเข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากลมหลวงอิศรสุนทร กลมพระราชวังบวรสถานมงคล (ในรัชกาลที่๑) มีรับสั่งให้สามเณรโตย้ายจากวัดบางลำพูบนมาอยู่พำนักที่วัดมหาธาตุเรียนหนังสือในสำนักสมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงปี พ.ศ ๒๓๙๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๔ จึงได้รับโปรดเกล้าเป็นพระเทพกวี ไปครองวัดระฆังฯ นับเวลาอยู่วัดมหาธาตุ ๔๖ ปี(๒๓๔๙-๒๓๙๕)ตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ไปบวชเณรที่วัดอินทร์บางขุนพรหม กับท่านเจ้าคุณอรัญญิก(ด้วง)พระชาวลาวเวียงจันทร์ตอนใหนหรือ ครับ............

 

หรือเป็นเณรอยู่วัดมหาธาตุ แต่ได้มาเรียนหนังสือกับเจ้าคุณอรัญญิก(ด้วง)ที่วัดอินทร์เป็นบางครั้งบางโอกาสหรือ อย่างนี้อาจจะเป็นไปได้ครับ แต่ไม่ใช่มาบวชเป็นเณรอยู่ประจำที่วัดอินทร์บางขุนพรหมอย่างที่เชื่อกันมา ครับ.........:boo:

 

สวัสดีวันพฤหัสบดีครับ ขอเอาของเก่ามาโชว์ซ้ำอิกครั้ง ครับ................(kiss)(kiss)

 

สวัสดีวันศุกร์ครับ จิงๆแล้วไม่ต้องไปรู้หรอกครับว่าใครเป็นคนแกะบล็อคแม่พิมพ์ สิ่งต้องรู้ต้องเข้าใจให้มากกๆๆๆอันดับแรกคือพระวัดระฆังฯมีบล็อคแม่พิมพ์ที่เขานิยมกี่อัน ที่เขาไม่นิยมมีกี่อัน แบบที่นิยมมีลักษณะพิมพ์ทรงองค์พระตำหนิเด่นๆเป็นแบบใหน แบบไม่นิยมลักษณะพิมพ์ทรงองค์พระตำหนิต่างๆเป็นแบบใหน สามารถดูออกบอกได้ว่าพระองค์นี้เนื้อหามวลสารมีอายุเก่าจิงหรือเก่าไม่จิง ไม่ว่านิยายตำราตำนานประวัติจะเขียนแต่งเติมเสริมสร้างมาอย่างไร สิ่งที่จะตัดสินฟันธงพระองค์นั้นแท้ไม่แท้อยู่ที่ความเก่าความแห้งของพระองค์นั้นๆ รู้ประวัติจิงๆแท้ๆของผู้สร้าง รู้ประวัติการสร้างว่าสร้างทำไมสร้างที่ใหนสร้างแบบใด เอาวัตถุมวลสารหลักมวลสารผสมมีอะไรลักษณะเป็นอย่างไร รู้และเข้าใจแค่นี้เราก็จะสามารถคัดกรองแยกแยะพระวัดระฆังฯออกจากกองปูสี่เหลี่ยมชี้นฝักได้ ครับ.........

 

ได้เวลาโชว์แล้ว ครับ..........................(kiss)(kiss)