ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. bebneekormeduy

    bebneekormeduy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=lbl_highlight>ปุณฑริก ๙ ระดับชั้นแห่งสุขาวดี</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=lbl_normal> 極樂淨土 九品蓮華
    ปุณฑริก ๙ ระดับชั้นแห่งสุขาวดี
    (แปลจาก อมิตยุรธยานสูตร ภาคภาษาจีน)
    สรรพสัตว์ผู้ปรารถนาจักไปอุบัติยังดินแดนสุขาวดี พึงต้องมีจิต ๓ ประการ ถึงจะไปบังเกิดได้ มี ๑.มีจิตตั้งมั่น ๒.มีจิตศรัทธาลึกซึ้ง ๓.มีจิตปณิธาน หากมีจิตทั้ง ๓ ประการนี้ ย่อมได้อุบัติที่สุขาวดีพุทธเกษตรแน่นอน ยังมีสรรพสัตว์อีก ๓ ประเภท ที่จักได้ไปอุบัติด้วย คือ ๑.ผู้มีจิตเมตตา ไม่ฆ่าสัตว์ มีศีลสมบูรณ์ ไม่ด่างพร้อย ๒.ผู้สาธยาย อ่านท่องพระธรรมมหายาน ๓.ผู้ปฏิบัติอนุสสติ ๖(พุทธานุสติ ธรรมานุสติสังฆานุสติ ศีลานุสติ ทานานุสติ เทวานุสติ) แล้วตั้งจิตมุ่งไปเกิดยังสุขาวดีโลกธาตุ หากเมื่อสมบูรณ์ในกุศล เหล่านี้ครบ ๑ ถึง ๗ วันก็จักได้อุบัติที่สุขาวดีพุทธเกษตรแน่นอน

    ชั้นที่ ๙ (สูงสุด)
    ด้วยเหตุที่บุคคลนั้นมีความเพียรแกล้วกล้า พระอมิตาภะพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ และพระพุทธนิรมิตจำนวนอสงไขย พระภิกษุจำนวนร้อยพัน(๑๐๐,๐๐๐) หมู่เทพยดาจำนวนไม่มีประมาณ ปราสาท ทิพยมณเฑียรสถาน อันประดับด้วยสัปตรัตนะ จะมาปรากฎภาพอยู่เบื้องหน้าบุคคลนั้นพระอมิตาภะพุทธะ จะทรงเปล่งมหารัศมีโอภาส มายังกายของบุคคลนั้น และพระโพธิสัตว์ทั้งปวงจะยื่นพระหัตถ์ออกมารับ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ ก็จะกล่าวสดุดีถึงจิตที่พากเพียรนั้นเมื่อผู้นั้นได้ประสบเช่นนี้ จึงเกิดความปราโมทย์ยินดี เป็นอุเพงคาปิติ(โลมาลุกชัน) จักแลเห็นตนเองนั่งอยู่ในวชิรอาสน์(ที่นั่งเพชร) ลอยเคลื่อนตามพระพุทธเจ้าไป เวลาชั่วลัดนิ้วมือเดียว ก็ไปอุบัติยังสุขาวดีเมื่ออุบัติยังสุขาวดีแล้ว จักได้พบพระพุทธกายที่มีมงคลลักษณะสมบูรณ์ ได้พบพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่มีรูปลักษณ์สมบูรณ์ จักได้สดับพระธรรมเทศนา เมื่อได้ฟังแล้วจักบรรลุ อนุตปตติก ธรรมกษานติ จากนั้นจักท่องเที่ยวไปกระทำพุทธกิจยังโลกธาตุทั่วทศทิศ ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์เหล่านั้น แล้วกลับมาสู่สุขาวดีโลกธาตุ บรรลุธารณีธรรมจำนวนอมิตะร้อยพันประการ

    ชั้นที่ ๘
    ผู้ที่ไม่เพียงแต่น้อมรับ ยึดมั่นในพระธรรม แต่ยังสามารถกล่าวแสดง จำแนกปรมัตถสัตย์ได้อย่างช่ำชองพิศดาร ในจิตมิตระหนกหวาดหวั่น เชื่อมั่นในเหตุผลแห่งกรรมยิ่งนัก มิให้ร้ายโพธิสัตวธรรม(มหายาน) โดยอุทิศกุศลนี้ เพื่อขอไปอุบัติยังสุขาวดีโลกธาตุบุคคลนี้ เมื่อกาลจักสิ้นชีพ พระอมิตาภะพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ และพระอริยบริษัทจำนวนไม่มีประมาณ จะทรงชมพูนุชปัทมา (ดอกบัวทองคำชมพูนุช) มายังเบื้องหน้าบุคคลนั้น แล้วกล่าวว่า “ดูก่อนธรรมาบุตร เธอเป็นผู้ดำเนินตามโพธิสัตวจริยา(มหายานจริยา) รู้แจ้งแลจำแนกซึ่งปรมัตถสัตย์ ด้วยเหตุนี้เราจึงมารับเธอ”พระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๐๐๐ องค์ที่พระอมิตาภะพุทธะทรงนิรมิตจักยื่นพระหัตถ์ออกมารับบุคคลนั้นพร้อมกัน ผู้นั้นจักแลเห็นตนเองนั่งอยู่บนแท่นทองชมพูนุช พนมมือ และสรรเสริญพระคุณแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง แล้วในเวลาขณะเดียว ก็ไปอุบัติยังสัปตรัตนโบกขรณี ในสุขาวดีโลกธาตุทันที แลสุวรรณชมพูนุชอาสน์นั้นก็จักแปรเปลี่ยนเป็นปุณฑริกมาศดอกมหึมา แล้วค่อยๆ ผลิบานออกอันกายของผู้นั้นจักอร่ามเรืองรองดั่งสีแห่งทองชมพูนุช ใต้บทบาทจะมีสัปตรัตนปทุมมาลย์รองรับอยู่ในเพลานั้น พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งปวง จะทรงเปล่งพระรัศมีไปยังบุคคลนั้นๆ จึงลืมตาขึ้นด้วยเหตุที่ได้ปฏิบัติบำเพ็ญมาแล้วแต่กาลก่อน เมื่อได้สดับเสียงแห่งธรรมต่างๆ ที่กล่าวแสดงถึงปรมัตถสัตย์อันคัมภีรภาพแล้ว จึงก้าวลงจากสุวรรณอาสน์ แล้วพนมกรถวายอภิวาท และสรรเสริญต่อพระพุทธองค์ผ่านไป ๗ วัน ก็จักเป็นผู้มั่นคงต่อพระอนุตรสัมโพธิญาณ ไม่เสื่อมถอยอีกต่อไป สมัยนั้นจักจาริกท่องเที่ยวไปในทิศทั้งสิบ เพื่อกระทำพุทธกิจ แล้วได้ดำรงอยู่ในสมาธิทั้งปวงที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ทรงบำเพ็ญแล้วผ่านไปอีก ๑ จุลกัลป์๑๑ จักได้บรรลุอนุตปตติก ธรรม กษานติ และได้รับพุทธพยากรณ์ ๑๑ จุลกัลป์ นับตั้งแต่อายุมนุษย์เหลือ ๑๐ ปี โดยผ่านไปทุกๆ ๑๐๐ ปี อายุจะเพิ่มขึ้น ๑ ปี เรื่อยไปจนถึง ๘๔,๐๐๐ ปี จากนั้นให้ผ่านไปอีกทุกๆ ร้อยปี ให้ลดอายุลง ๑ ปี ไปจนอายุมนุษย์เหลือ ๑๐ ปีตามเดิม ถึงเรียกว่า “จุลกัลป์” , ๒๐ จุลกัลป์ เป็น ๑ มัชฌิมกัลป์ , ๔มัชฌิมกัลป์เป็น ๑ มหากัลป์

    ชั้นที่ ๗
    สรรพสัตว์ผู้ศรัทธาเชื่อมั่นในเหตุผลแห่งกรรม มิทำลายโพธิสัตวยาน(มหายาน) ได้ประกาศพระอนุตรสัมโพธิจิต แล้วอุทิศกุศลนี้เพื่อไปอุบัติยังสุขาวดีโลกธาตุบุคคลนี้เมื่อคราจะสิ้นอายุขัย พระอมิตาภะพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ พร้อมด้วยพระโพธิสัตว์ทั้งปวง จะทรงสุวรรณปทุมชาติ แล้วนิรมิตพระพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ เพื่อมารับบุคคลนี้ก็อันพระพุทธเนรมิตทั้ง ๕๐๐ นี้ จะยื่นพระกรออกมาพร้อมกัน แลตรัสว่า “ดูก่อนธรรมาบุตร เธอเป็นผู้บริสุทธิ์นิรมล ได้ประกาศ(บังเกิด)พระอนุตรโพธิจิต เราตถาคตมารับเธอ”เมื่อบุคคลนี้ได้ประสบเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว จักยลเห็นตนเองนั่งอยู่ในบัวทองคำ เมื่อนั่งลงแล้วบัวนั้นจักหุบ แล้วลอยตามพระพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ นั้นไปจนถึงสัปตรัตนโบกขรณี ในสุขาวดีโลกธาตุเป็นเวลา ๑ ทิวาราตรี ปทุมชาตินั้นจักบานออก ใน ๗ วารจักได้พบพระพุทธองค์ แต่ทว่าแม้นจักได้เห็นมงคลลักษณะแห่งพระพุทธกายนั้นแล้ว ในจิตก็ยังมิรู้แจ้ง ผ่านไปอีก ๒๑ วาร จึงได้รู้แจ้งพระสัทธรรมจักได้สดับซึ่งสรรพเสียงทั้งปวง ที่ล้วนแต่กล่าวเป็นสัทธรรม แล้วเที่ยวไปในทิศทั้งสิบ เพื่อถวายสักการะพระพุทธเจ้าทั้งปวง ยังเบื้องพระพักตร์นั้นแล จักได้สดับพระพุทธเทศนาจากพระพุทธโลกนาถเหล่านั้นผ่านไปอีก ๓ จุลกัลป์ จักได้สำเร็จ ศตธรรมทวาร แล้วบรรลุปฐมภูมิแห่งพระโพธิสัตว์

    ชั้นที่ ๖
    สรรพสัตว์ผู้สมาทานเบญจศีล อัฏศีล และศีลทั้งปวง มิกระทำอนันตริยกรรม ๕ และความผิดชั่วทั้งปวง แล้วอุทิศกุศลนี้ เพื่อขอไปอุบัติยังสุขาวดีโลกธาตุเมื่อเพลาจักสิ้นใจ พระอมิตาภะพุทธะ พร้อมด้วยภิกษุบริษัทผู้ติดตาม จักทรงเปล่งสุวรรณประภาสเรืองรองสว่างไสว มายังบุคคลนั้น แล้วประทานพระธรรมเทศนาเรื่องทุกข์ ศูนยตา อนิจจตา อนัตตาสรรเสริญเนกขัมมะ(การออกบวช, การออกจากกาม) และวิมุตติคุณ อันหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงก็เมื่อบุคคลนั้น ได้สดับแล้ว ในจิตย่อมเกษมยินดีมหาศาล ยลเห็นกายแห่งตนนั่งอยู่บนปัทมอาสน์คุกเข่า(แบบยืดตัวขึ้น) แล้วพนมกร ถวายอภิวาทพระพุทธองค์อยู่เมื่อเงยหน้าขึ้น จักพบว่าตนเองได้มาอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตรแล้ว แล้วแลปัทมชาตินั้นจักค่อยๆผลิบานออกทีละน้อย ก็เมื่อขณะที่กำลังผลิออกนั้น จะได้สดับเสียงที่สรรเสริญจตุราริยสัจ ในบัดดลก็จักได้บรรลุอรหันตผลในทันที สมบูรณ์ซึ่งวิชชา ๓ อภิญญา ๖ แลสมบูรณ์ในวิโมกษ์ ๘

    ชั้นที่ ๕
    สรรพสัตว์ผู้สมาทานอุโบสถศีล แม้เป็นเพลา ๑ ทิวากับทั้ง ๑ ราตรี หรือสมาทานสามเณรศีล สมบูรณศีล เป็นเพลา ๑ ทิวาราตรี สำรวมระวังซึ่งอิริยาบท แล้วอุทิศกุศลนี้เพื่อขออุทิศไปอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตร อันบุคคลผู้มีความหอมด้วยศีลาจารนี้ เมื่อคราที่จะกระทำกาละจะได้พบกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าพร้อมด้วยบริษัทบริวารทั้งปวง ที่ทรงเปล่งสุวรรณประภาสสว่างไสว ทรงสัปตรัตนปทุมมาลย์ ประทับมายังเบื้องหน้าบุคคลนั้นผู้นั้นจะได้ยินเสียงก้องมาในนภากาศ เฉพาะตนคนเดียวว่า “ดูก่อนกุลบุตร เธอผู้เป็นกุศลบุคคลผู้บำเพ็ญตามพระธรรมแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายในตรีกาล เราตถาคตมารับเธอ” บุคคลนั้นจักพิศเห็นตนเองนั่งอยู่ในปทุมชาติ บัวนั้นจักหุบแล้วลอยไปอุบัติยังสัปตรัตนปทุมในแดนสุขาวดี ผ่านไป ๗ วาร ปทุมชาตินั้นจักบานออก แล้วลืมตาขึ้น ประนมกร กล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณ ได้สดับพระธรรมเทศนา แล้วได้บรรลุโสดาปัตติผลในเบื้องต้นผ่านกาลไปอีกครึ่งกัลป์ จักได้บรรลุซึ่งความเป็นพระอรหันต์แล

    ชั้นที่ ๔
    กุลบุตร กุลธิดาผู้มีความกตัญญู เลี้ยงดูบุพการี ดำเนินอยู่ในโลกด้วยความเมตตากรุณา บุคคลเหล่านี้ เมื่อคราจะสิ้นชีพ จะได้พบกัลยาณมิตร มากล่าวถึงเรื่องราวของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ความสุขของสุขาวดีโลกธาตุ และพระมหาปณิธาน ๔๘ ประการของภิกษุธรรมกร๑๔เมื่อได้สดับแล้ว จึงค่อยๆสิ้นใจลง อุปมาช่วงเวลาที่ผู้มีกำลัง เหยียดแขนจนสุดแล้วดึงกลับ บุคคลนั้นก็ได้ไปอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตรแล้วผ่านไป ๗ วารจักได้พบพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ แล้วได้สดับพระธรรมเทศนา จิตเกิดความยินดีปราโมทย์ จักได้บรรลุโสดาปัตติผลในขณะนั้น ผ่านไปอีก ๑ จุลกัลป์ จึงได้สำเร็จซึ่งความเป็นพระอรหันต์

    ชั้นที่ ๓
    สรรพสัตว์ที่ทำความชั่วทั้งปวง แม้นจักมิได้ทำลายพระธรรมให้เสื่อมเสีย แต่กระทำอกุศลกรรมนานา ไร้ซึ่งหิริโอตตัปปะกาลจะสิ้นชีพนั้น หากได้ประสบกัลยาณมิตร มาแสดงหัวข้อหรือนามของพระธรรมบทต่างๆ ให้ฟังเมื่อได้ยลยินแล้ว จักกำจัดบาปกรรมที่หนักหนา(ครุบาป) จำนวนพันกัลป์ให้สิ้นไปหากผู้มีปัญญานั้นได้สอนให้ พนมมือเพื่อภาวนาว่า “นโม อมิตาภายะ พุทธายะ” แล้วไซร้ วิบากกรรมแห่งสังสารวัฏจำนวน ๕๐ โกฎิกัลป์ก็จักดับสิ้นในเวลานั้น พระอมิตาภะพุทธะ จะทรงนิรมิตพระพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ มายังเบื้องหน้าของบุคคลนั้น แล้วตรัสขึ้นว่า “ดูก่อนกุลบุตร ด้วยเหตุที่เธอสรรเสริญพระพุทธนาม วิบากกรรมทั้งปวงจึงมลายสูญไป เราจึงมารับเธอ”เมื่อตรัสเช่นนี้แล้ว บุคคลผู้นั้นจักทัศนาเห็นพุทธรัศมีจากพระพุทธนิรมิตนั้น เปล่งแสงสว่างไสวไปทั่วห้อง เมื่อได้แลเห็นก็เกิดปิติยินดีเป็นที่สุด จึงสิ้นใจลง แล้วโดยสารรัตนปัทมาเคลื่อนลอยตามพระพุทธนิรมิตไปอุบัติยังรัตนะโบกขรณีผ่านไป ๔๙ วัน ปัทมชาตินั้นจักบานออก แลเมื่อบานแล้ว พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ผู้มหากรุณาและพระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ จะเปล่งมหารัศมีไปยังเบื้องหน้าบุคคลนั้น ได้ประทานพระธรรมเทศนาอันคัมภีรภาพนานัปการ เมื่อบุคคลนั้นได้สดับ ก็เกิดศรัทธายิ่ง แล้วบังเกิดโพธิจิตผ่านไป ๑๐ จุลกัลป์ ก็จักสมบูรณ์ในศตธรรมประภาสทวาร แล้วเข้าสู่โพธิสัตวปฐมภูมิ

    ชั้นที่ ๒
    สรรพสัตว์ผู้ละเมิดเบญจศีล อัฏศีล และสมบูรณศีล เป็นโมหบุรุษ ลักขโมยของสงฆ์ แสดงธรรมด้วยความไม่บริสุทธิ์ (หวังลาภสักการะ, บิดเบือนพระธรรม) ปราศจากหิริและโอตตัปปะ มากด้วยความชั่วสารพัน กระทำบาปทั้งปวง ด้วยวิบากกรรมนี้จะทำให้ตกสู่นรกภูมิก็เมื่อสมัยแห่งกาลกิริยา จะมีเพลิงนรกปรากฏให้เห็น หากได้พบกัลยาณมิตร ผู้มีมหาเมตตากรุณากล่าวสรรเสริญทศพละแห่งพระอมิตาภะพุทธเจ้า และสรรเสริญสดุดีพระพุทธคุณอีกนานัปการ ทั้งสรรเสริญอิทธิพละ คุณแห่งศีล สมาธิ ปัญญา และคุณแห่งวิมุตติอีกอเนกประการเมื่อได้รู้เห็นตามนั้น บุคคลนั้นจักมีวิบากกรรมจำนวน ๘๐ โกฏิกัลป์ที่สูญสิ้นไป นรกอัคคีกลายเปลี่ยนเป็นสายลมเย็น พัดพาเอาทิพยบุปผามา ก็อันบุปผชาติเหล่านั้นมีพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ประทับอยู่ภายใน ซึ่งล้วนเสด็จมารับบุคคลในชั่วขณะเดียว ก็ได้ไปอุบัติที่ปทุมชาติในสระโบกขรณีที่ประดับตกแต่งด้วยรัตนอัญมณี ๗ประการผ่านกาลเวลาไป ๖ กัลป์ ดอกบัวนั้นจึงบานออก พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ จักปลอบโยนบุคคลนั้น แล้วแสดงพระโพธิสัตวมหายานธรรมอันคัมภีรภาพ ด้วยพรหมโฆษะเมื่อบุคคนั้นได้สดับธรรมแล้ว ในเวลานั้นจึงเกิดพระอนุตรสัมโพธิจิต

    ชั้นที่ ๑ (ต่ำสุด)
    ผู้กระทำกรรมชั่ว อนันตริยกรรม ๕ อกุศลกรรมบท ๑๐ มิกระทำกุศลความดีทั้งปวง เป็นโมหบุรุษด้วยอกุศลวิบาก ยังให้ตกสู่อบายภูมิรับโทษทรมานหลายกัลป์มิรู้จบสิ้นหากโมหบุรุษนี้ เมื่อเวลาจวนสิ้นใจ ได้พบกัลยาณมิตรมาปลอบโยน ให้กำลังใจ แล้วแสดงธรรมสอนให้ระลึกนึกถึงพระพุทธนาม แต่ด้วยวิบากกรรมของเขา ยังให้เขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานมิอาจระลึกถึงได้กัลยาณมิตรนั้นจึงกล่าวว่า “หากเธอไม่สามารถระลึกถึงพระพุทธองค์ได้ ก็จงภาวนาพระนามของพระอมิตาภะพุทธะเถิด” โมหบุรุษนั้นจึงตั้งใจภาวนาต่อเนื่องกัน ๑๐ ครั้ง เพราะด้วยเหตุที่ได้ภาวนาพระพุทธนามนี้ โดยขณะที่ภาวนาอยู่นั้นวิบากกรรมจำนวน ๘๐ โกฏิกัลป์ได้ถูกกำจัดให้สิ้นไปก็เมื่อคราที่จักสิ้นใจนั้น จักได้แลเห็นสุวรรณปุณฑริกดอกมหึมา ดุจดวงอาทิตย์ปรากฏเป็นมงคลนิมิตยังเบื้องหน้า และในขณะเดียวก็ได้ไปอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตรทันทีผู้นั้นจะต้องอยู่ในดอกปุณฑริก ๑๒ มหากัลป์ เมื่อปุณฑริกมาศนั้นผลิบานออก จะได้พบพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทั้ง ๒ นี้จะประทานพระธรรมเทศนาด้วยสำเนียงแห่งมหากรุณา เรื่องธรรมสัตยลักษณ์ทั้งปวง กล่าวธรรมที่ยังให้กรรมสิ้นไป ก็เมื่อได้สดับแล้วจึงบังเกิดความปิติปราโมทย์เป็นยิ่งนัก ในเวลานั้นจึงได้บังเกิดพระอนุตรสัมโพธิจิต อันประเสริฐ ๑๕ เรื่องของสุขาวดีที่ว่า ผู้ก่ออนันตริยกรรม และกรรมชั่วอื่นๆ โดยที่มิเคยทำกุศลกรรมเลย ก็สามารถไปอุบัติยังสุขาวดีพุทธเกษตรได้นั้นถือเป็นประเด็นข้อโต้เถียงและครุ่นคิดตีความกันในหมู่นักศึกษา โดยกล่าวว่าเป็นการผิดกฎแห่งกรรม ฯลฯ หากศึกษาตามอรรถกถาของนิกายนี้จะกล่าวว่า การภาวนาพระอมิตาภะพุทธนามนั้นมีพลานิสงค์มหาศาล(ด้วยการเจริญพุทธานุสสติ) สามารถชำระบาปกรรมจำนวน ๘๐ โกฏิกัลป์ได้ ซึ่งในกรณีนี้หมายถึง การได้พบหลักธรรมที่ว่าด้วยแดนสุขาวดี และพระอมิตาภะพุทธะนั้นจะทำให้เราหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้เร็วขึ้น ๘๐ โกฏิกัลป์ โดยไม่ต้องเผชิญกับวิบากกรรมแห่งวัฏสงสารในอนาคต ซึ่งวิบากกรรมนั้นยังไม่ถึงเวลาสนองผลเราก็ได้หลุดพ้นก่อนเสียแล้ว, และการที่ไม่ต้องไปชดใช้กรรมในอบายภูมิ แต่ได้ไปเกิดในสุขาวดีนั้น ตามอรรถกถาก็กล่าวว่า ผู้ทำกรรมชั่วจะได้รับวิบากชั่วได้นั้น ก็ต่อเมื่อมีปัจจัยให้วิบากนั้นเกิดขึ้นเพื่อสนองผล แต่ในสุขาวดีปราศจากซึ่งปัจจัยแห่งอบาย ดังนั้นผู้ที่ไปเกิดจึงไม่ต้องรับทุกข์ทรมาน แต่ต้องบำเพ็ญเพียรในดอกบัวของตนเอง เป็นเวลาแสนนานแทน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. bebneekormeduy

    bebneekormeduy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=lbl_highlight>สุขาวดีพุทธเกษตร</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=lbl_normal> กล่าวกันว่าพุทธเกษตรเป็นสถานที่สวยงามวิจิตรงดงาม อลังการมาก ๆ เบื้องล่างใต้แท่นดอกบัวลงไปเป็นพื้นราบเกลื่อนด้วยทรายทอง ต้นไม้ยักษ์เป็นแถวเป็นทิว แต่ละต้นสูงหลายร้อยฟุต กิ่งทองใบหยก ใบเป็นรูป 3 เหลี่ยมบ้าง 5 เหลี่ยมบ้าง 7 เหลี่ยมก็มี ล้วนออกดอกเป็นแสงได้ทุกต้น วิหกนกไพรนานาชนิด ล้วนมีแสงในตัว นกบางตัวมี 2 หัว กระทั่งหลายหัว 2 ปีก กระทั่งหลายปีก พวกมันโผบินว่อนล้อลมอย่างอิสระเสรี ขับลำนำเป็นนามศักดิ์สิทธิ์ของอมิตพุทธเจ้า รอบ ๆ รั้วลูกกรงตกแต่งด้วยสีสันต่าง ๆ 7 สี ชาวพุทธฝ่ายมหายานเกือบทุกนิกายจะกล่าวถึงสุขาวดีพุทธเกษตรของพระอมิตภะพุทธเจ้า และตั้งใจที่จะได้ไปจุติยังพุทธเกษตรของพระองค์ เพราะว่าในหนึ่งวันของพุทธเกษตรเท่ากับ 1 กัปป์ในโลกมนุษย์ผู้ที่อุบัติในดินแดนสุขาวดีนั้นล้วนเป็นโอปปาติกะทั้งนั้นที่นั่นมีแต่ความสุข ปราศจากโรคภัย มีอายุยืนนานอันหาที่เปรียบมิได้ และที่สำคัญผุ้ที่อยุ่ในดินแดนนั้นจะบรรลุนิพพานแน่นอน หากผู้ที่ยังมีกิเลสหนาอยู่จะได้รับการขัดเกลาจากที่นั่น

    หลักการสำคัญที่มีการยอมรับนับถือในการปฏิบัติมากที่สุดคือ หลักของอาจารย์วสุพันธุ มีดังนี้

    1. สิ่ง แปลว่า ศรัทธา ต้องมีศรัทธาปะสาทะต่อองค์พระอมิตาพุทธอย่างแท้จริง และไม่สงสัยในองค์ท่าน
    2. จ๋วง แปลว่า ปณิธาน คือ ต้องมีปณิธานอันแน่วแน่ทีจะมุ่งไปสู่สุขาวดีพุทธเกษตร
    3. เหง แปลว่า ลงมือปฏิบัติ คือต้องลงมือปฏิบัตกุศลกรรมทังปวงที่เป็นปัจจัยส่งเสริมไปยังพุทธเกษตรอย่างสม่ำเสมอ

    ในหลักการทั้ง 3 นั้นจะต้องปฏิบัติตนดังนี้

    1.หมั่นบูชาพระอมิตาพุทธเจ้าเป็นนิจ (กายกรรม)
    2.สวดสรรเสริญสาธยายมนต์ของพระอมิตตาพุทธ เช่น นะโมอมิตาภายะ พุทธายะ หรือ นำมอออมิทอฮุก (วจีกรรม)
    3.ตั้งปณิธานอันแน่วแน่และมั่นคงที่จะไปสุขาวดี (มโนกรรม)
    4. กำหนดจิตตรึกตรองถึงพุทธเกษตรของพระอมิตาพุทธ และพระอวโลกิเตศรวร และพระมหาสถานปราปต์ เป็นประจำ
    5. แผ่ส่วนกุศลให้เหล่าสรรพสัตว์ทั้งปวงโดยไม่แบ่งแยก

    แต่มีข้อยกเว้นของผู้ที่ไม่สามารถที่จะไปที่นั่นได้คือ

    ผู้กล่าวจาบจ้วงพระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งปวงและ ผู้ทำอนัตริยกรรม 5 คือ ฆ่าพ่อ1 ฆ่าแม่1 ฆ่าพระอรหันต์1 โลหิตปาทา1 และสังฆเภท ทำให้สงฆ์แตกแยก1 ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นกรรมหนัก ไม่ได้ขึ้นแม้แต่สวรรค์ หรือนิพพาน หากแต่ตกอเวจีมหานรก อย่างเดียว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. bebneekormeduy

    bebneekormeduy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=lbl_highlight>觀自在 มองอย่างอิสระ มองอย่างเบาสบาย</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=lbl_normal> 觀自在 มองอย่างอิสระ มองอย่างเบาสบาย
    โดย ศิโรฒน์ รัตนาภรณ์ siroat_07@hotmail.com
    10 พฤษภาคม 2552

    เมื่อเรามีโอกาสได้สวดมนต์บท ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร (般若波羅蜜多心經) หรือหฤทัยสูตร (心經) เราพบพระนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นเบื้องแรก ว่า กวน จือ ไจ้ ผู่ ซ่า (觀自在菩薩) ซึ่งแปลว่า พระโพธิสัตว์ผู้มองอย่างอิสระ พระนามนี้แปลโดยพระสมณะเสวี๋ยนจ้าง (玄奘) หรือที่เรารู้จักในนามพระถังซำจั้ง

    พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ถือเป็นพระโพธิสัตว์ฝ่ายกรุณาองค์สำคัญทางพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน พระองค์มีแววพระเนตรที่มองดูเหล่าสัตว์ผู้ทุกข์ทรมานด้วยกิเลสอย่างคนที่คิดแต่จะให้ พระองค์จะทรงช่วยเหลือเขาเหล่านั้นให้พ้นจากวังวนแห่งความทุกข์ ในพระคัมภีร์ชื่อ สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต (妙法蓮華經觀世音菩薩普門品) กล่าวถึงการโปรดสัตว์อย่างเป็นอิสระของพระองค์อย่างน่าสนใจ ว่าพระองค์สามารถนิรมานกายได้ถึง 33 พระรูปกายในการโปรดเวไนยสัตว์ผู้มีพื้นฐานทางจิตใจแตกต่างกัน และเมื่อสรรพสัตว์มีทุกข์ภัยที่ไหนพระองค์ก็สามารถปรกโปรดช่วยเหลือเขาเหล่านั้นให้พ้นจากทุกข์ภัยนานา

    การที่พระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งจะมีความสามารถในการโปรดสัตว์อย่างเป็นอิสระแบบไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณได้นั้น ต้องถือว่าพระโพธิสัตว์พระองค์นั้นมีฐานในการสร้างบารมีมาอย่างดี เพราะการมองสรรพสัตว์อย่าสมภาค เท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ พระองค์มองสัตว์โลกอย่างถึงแก่น คือ เห็นว่าทุกคนไม่มีอะไรต่างกัน ทุกคนมีพุทธจิต มีธรรมญาณ ด้วยกันทั้งสิ้น ทุกคนมีศักยภาพในการเข้าถึงธรรมได้ทั้งนั้น การมองของพระองค์จึงไม่แบ่งแยกว่า คนนี้ชั่ว คนนี้ดี คนนี้ผู้หญิง คนนี้ผู้ชาย คนนี้ถูกใจ คนนี้ไม่ถูกใจ พระองค์จะมองด้วยสายตาที่อิสระ สายตาที่มีความเบาสบาย

    คนในยุคปัจจุบันมักมองอะไรแล้วไม่ กวน จื้อ ไจ้ มองไม่อิสระอย่างท่าน เรามักมองว่าคนนี้สีนี้ ไม่ใช่สีเดียวกับเรา ตายไปซะก็ดี คนนี้ไม่เห็นด้วยกับเรา เจอที่ไหนก็ฆ่าได้ทันที เรามักมองกันแบบมีกรอบ ไม่อิสระ ไม่มองถึงจิต ไม่มองถึงธรรมชาติว่าคนทุกคนก็ไม่มีอะไรต่างกัน ทุกคนต่างประกอบด้วยธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าขาดธาตุใดธาตุหนึ่ง ก็เป็นดั่งท่อนไม้ เป็นชีวิตที่ตายแล้ว

    เรามัวแบ่งแยก ด้วยความโกรธ ความกลัว และความหลง ซึ่งพระโพธิสัตว์ท่านเหนือไปจากเราตรงสภาวะใจที่เหนือสมติบัญญัติ ทวิบัญญัติ พระองค์จึงมองดูพวกเราอย่างลึกซึ้งถึงเนื้อใจ เนื้อพุทธจิต ธรรมญาณ ที่อยู่ในตัวของเรา ที่ท่านฉุดช่วยเราเพราะท่านเห็นว่าเราก็มีธาตุรู้ มีพุทธะในตัว การฉุดช่วยเราก็เหมือนการปลุกพุทธจิตในตัวของเราให้ตื่น เพื่อการสร้างคุณงามความดี สร้างบุญบารมี

    การสร้างบุญบารมี ถือเป็นการไม่ประมาทในชีวิต เพราะชีวิตนั้นแสนสั้น เราเกิดมาล้วนเดินเข้าสู่ความตายอยู่ทุกขณะ การหลงยินดีกับเสื้อสี กับความขัดแย้ง การแบ่งแยก แล้วทุ่มชีวิตและจิตใจเพื่อเป้าประสงค์ที่เป็นมิจฉากิริยา นับเป็นผู้ถูกกระแสแห่งมารเหนี่ยวรั้ง ถูกความมืดมิดบังจิตใจแห่งพุทธะ พระพุทธองค์ทรงตรัสเตือนเราไว้อย่างน่าฟังว่า “ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย” ถ้าเรายังหลงยินดีกับมุมมอง 2 ด้าน แล้วจมอยู่กับมันก็นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

    พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จึงเป็นพระโพธิสัตว์ที่เราควรให้ความสำคัญในภาวะปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะ จริยาของท่านที่เหนือการมองแบบแบ่งแยก สู่การมองอย่างลึกซึ้ง มองอย่างอิสรเสรี มองอย่างเบาสบาย เราจะเห็นถึงความเหมือนในความต่างทางรูปลักษณ์ภายนอก แล้วเราจะไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่พยาบาทอาฆาตใคร เราจะมองเขาอย่างกรุณา ความกรุณานี้แหละเป็นทางออกของความขัดแย้งในปัจจุบัน การมองอย่างอิสรเสรีนี้แหละจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมลดน้อยลงไป

    ขอให้ท่านลองนำพระนามและคุณลักษณะของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไปพิจารณา ถ้าหากเราสวดมนต์บทปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร อยู่ทุกเช้าค่ำ ก็ขอให้เราพิจารณาบทสวดมนต์บทนี้อย่างลึกซึ้ง ด้วยปัญญาอันเห็นชอบ แล้วเราจะเห็นว่า คนทุกคนบนโลกล้วนเท่าเทียมกัน คนทุกคนบนโลกไม่มีใครควรค่าแก่การเกลียดชัง ชีวิตของคนทุกคนบนโลก ควรแห่งการรักษา ไม่ควรเข่นฆ่ากัน และคนทุกคนบนโลกล้วนแต่เป็นเพื่อนพี่น้องกันอย่างถึงที่สุด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. bebneekormeduy

    bebneekormeduy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=lbl_highlight>เบิกบานในสถานการณ์วิกฤต</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=lbl_normal> เบิกบานในสถานการณ์วิกฤต
    โดย ศิโรฒน์ รัตนาภรณ์ siroat_07@hotmail.com 11 เมษายน 2552

    เหตุการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นกับประเทศขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมประท้วง การปิดถนน การสร้างความวุ่นวาย หรือความแตกแยกของคนในสังคม นับเป็นสิ่งที่ใครๆไม่ปรารถนา

    การชุมนุมเคลื่อนไหวตามวิถีทางประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่กระทำได้ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ที่มีสิทธิในการชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ แต่ถึงกระนั้น ก็ควรกระทำไปในทางที่ไม่ไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น

    การดำเนินการใดๆที่อ้างวิถีทางประชาธิปไตยแต่กลับไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น สร้างความลำบากใจแก่พี่น้องร่วมชาติที่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการของตน นับเป็นวิถีทางแห่งความเบียดเบียน จนผู้คนในพื้นที่ต่างๆทนไม่ไหวกับการลิดรอนสิทธิของตนต้องออกมาปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น สิทธิในการเดินทาง ดูได้จาก พนักงานบริษัทแถวสาทร ที่ออกมาขับไล่ผู้ชุมนุมที่ออกมาปิดถนนจนล่าถอย

    ในภาวการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้คนในสังคม หาความเบิกบานใจไม่ได้ จิตใจที่ควรเบิกบานในวิถีชีวิตประจำวันกลับต้อง ขุ่นข้อง หมองใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น หลายคนก็หมดหวังในชีวิตเพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตของบ้านนี้เมืองนี้จะเป็นอย่างไร ไปทางไหน และทางออกทางสังคมจะเป็นอย่างไร

    อย่าคิดมากไปกว่านี้เลยครับ

    ผมขอให้เรากลับมาอยู่กับตัวเองสักพัก อยู่กับปัจจุบันขณะ หายใจเข้าอย่างอ่อนโยน หายใจออกอย่างผ่อนคลาย ทำใจนิ่งๆทำใจเบาๆทำใจสบายๆ

    บางครั้งภาวะภายนอกที่รุมเร้าอาจทำให้จิตใจของเราขุ่นมัวเกินไป ว้าวุ่นเกินไป สับสนเกินไป ขอให้เรากลับมาดูแลบ้านที่แท้จริงของเรา คือ จิตใจที่ประภัสสรผ่องใส ให้ใจของเรามีความสว่างไสว เป็นจิตใจแห่งความสุขกันเถอะ

    พระพุทธองค์ เคยตรัสไว้อย่างนุ่มนวลเมื่อสมัยพุทธกาลว่า “จิตมนุษย์นี้ ดั่งเดิมประภัสสร มีความงดงามภายในตนเอง” หรือทางฝ่ายมหายานก็กล่าวไว้คล้ายๆกันว่า “จิตดั่งเดิมของทุกคน คือ พุทธะ จิตเป็นผู้รู้ ผู้ตื่นและที่สำคัญ จิตใจของเรามีความเบิกบาน มาแต่เดิม”

    การส่งใจออกนอกตัวไปกับเรื่องราวต่างๆทำให้เราห่างไกลจาก ความเบิกบาน และความงดงามทางจิตใจ ขอให้เรามีสติ อยู่กับปัจจุบันขณะ ที่เบิกบาน ในสถานการณ์ วิกฤตรอบตัว ด้วยการหายใจเข้าอย่างอ่อนโยน หายใจออกอย่างเบาสบาย

    และใช้เหตุการณ์รอบตัวเป็นประโยชน์ต่อการรักษาใจของเรา เช่น เมื่อเราเจอรถติด แทนที่เราจะส่งใจออกนอกไปด่าเขา ไปว่าเขา ที่ทำไมต้องมาปิดถนนด้วย ก็ให้เรามองเขาอย่างลึกซึ้ง มองอย่างเข้าไปในจิตเดิมแท้ของเขาว่า เขาก็มีจิตใจที่ประภัสสรเหมือนกับเรา ที่เขาออกมา แสดงว่าเขาต้องมีทุกข์อะไรสักอย่างที่มาครอบงำให้ใจของเขาไม่เบิกบาน ต้องออกจากบ้านมาชุมนุม วิธีการอย่างนี้ ผมขอเรียกว่า วิถีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบยกเอาคุณลักษณะของพระโพธิสัตว์กวนอิม มาเป็นแบบอย่าง

    พระโพธิสัตว์กวนอิมท่านมีคุณลักษณะพิเศษตาม ชื่อ คือ การมองไปยังจิตใจอย่างลึกซึ้ง และฟังจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง

    ถ้าเรามองและฟังจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง เราจะเห็นว่าเขามีความทุกข์ แล้วเราจะทุกข์อย่างเขาไปทำไม? เราควรกลับมาดูกาย ดูใจของเราให้มีความสุข มีความเบิกบาน มีความงดงาม แล้วก็ส่งความปรารถนาดีให้เขา ด้วยการแผ่เมตตา ส่งความปรารถนาดีทางใจให้เขาเหล่านั้น ให้เขาพ้นจากความโลภ ความโกรธเกลียดพยาบาท และความหลง ขอให้เขามีสัมมาทิฐิ และมีโอกาสแห่งการเข้าถึงความสันติสุขอย่างลึกซึ้ง

    ก่อนนอนก็ลองนั่งสมาธิ ทำใจใสๆ ทำใสสงบๆด้วยการกลับมาดูกาย ดูใจ หายใจเข้าอย่างอ่อนโยน หายใจออกอย่างสันติและผ่อนคลาย ระลึกถึง ธรรมะเป็นที่ตั้ง เราอาจจะเอาพรหมวิหาร 4 เป็นที่ตั้ง แผ่เมตตา ปรารถนาให้เขามีความสุข กรุณา ปรารถนาให้เขาปราศจากทุกข์ มุทิตา ยินดีเมื่อเขามีความเบิกบาน อุเบกขา วางเฉยเมื่อเขายังหลงวนเวียนในสิ่งนั้นที่กัดกร่อนใจของเขาจนเป็นทุกข์ และอธิษฐานโดยอาศัยจิตใจที่สงบสุข ไปยังประเทศชาติ ให้ความสงบของเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศชาติมีความสงบ สันติโดยเร็ว ให้ผู้คนปราศจากความแตกแยก ให้ประเทศไทยพ้นจากผู้คนอวิชชาความหลงผิด และให้เขาทั้งหลายพ้นจากความหลงผิดโดยเร็ว

    ขอให้เราอย่างนี้ทุกวัน ใจเราจะมีความสงบมากขึ้น และมีความเบิกบานในทุกสถานการณ์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. bebneekormeduy

    bebneekormeduy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=lbl_highlight>ตามรอยเท้าพระโพธิสัตว์ด้วยปฏิบัติบูชา</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=lbl_normal> ตามรอยเท้าพระโพธิสัตว์ด้วยปฏิบัติบูชา
    นายศิโรฒน์ รัตนาภรณ์ siroat_07@hotmail.com 5 มีนาคม2552

    “นโมมหากรุณิกายะอวโลกิเตศวรายะโพธิสัตวายะ”
    ขอนอบน้อมต่อพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

    พระพุทธธรรมมีความยิ่งใหญ่ลึกซึ้งดังมหาสมุทร มหากรุณาแห่งพระอวโลกิเตศวรก็เปรียบดั่งน้ำในมหาสมุทรแห่งธรรมที่ชุ่มเย็นดับความร้อนรุ่มในจิตใจของเรา ให้มลายหายสูญ

    การบูชาบุคคลที่ควรแก่การบูชาเป็นทางมาแห่งความสุข และความเจริญของชีวิต ฉันใด การได้กราบสักการบูชาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็เป็นทางมาแห่งความสุขและความเจริญของชีวิต ฉันนั้น

    ในบรรดาพระโพธิสัตว์ตามคติพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ถือเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับความเคารพ นับถือ สักการะ บูชา มากที่สุดพระองค์หนึ่ง เพราะเหตุใดระยะเวลากว่าพันปีที่พระโพธิสัตว์พระองค์นี้ยังได้รับการเคารพบูชาไม่เสื่อมคลาย ....

    ท่านทั้งหลายโปรดพิจารณาคำสรรเสริญดังที่ยกไว้ข้างต้นว่า “นโมมหากรุณิกายะอวโลกิเตศวรายะโพธิสัตวายะ” ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้า…

    เพราะมหากรุณาของพระองค์ท่านจึงทำให้สายธารแห่งพระพุทธธรรมคำสอนที่ทอแสงประกายผ่านพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ได้รับการสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น จึงทำให้กฤษดาภินิหารแห่งพุทธธรรมและกรุณาภินิหารแห่งวิถีแห่งความกรุณาสาดส่องทั่วหล้า ยังประโยชน์คือความสุขกาย สุขใจ แก่พุทธศาสนิกชนรุ่นแล้วรุ่นเล่า

    ความกรุณาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ ทำให้พุทธบริษัทจำนวนมากได้รับความอบอุ่นทางจิตใจหลายต่อหลายท่านได้ยึดเอาคุณลักษณะแห่งความกรุณาของพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตตามโพธิสัตว์มรรค ก้าวเดินตามมหาปณิธานของพระองค์ท่านที่จะโปรดสรรพเวไนยทั้งมวลให้พ้นจากความทุกข์และชี้นำความสันติสุขจนสรรพสัตว์บรรลุถึงพระนิรวาณเสร็จกิจดั่งนี้ท่านถึงจะเข้าถึงความเป็นพระพุทธาเป็นพระองค์สุดท้าย


    ภารกิจที่ยิ่งใหญ่สมความหาญกล้าของมหาบุรุษทำให้นาวาธรรมแห่งความการุญสืบสานอย่างไม่รู้เบื้องปลายว่าจะสิ้นสุดวันไหน เวลาใด สมัยใด แต่ท่านคงอุ่นใจว่าชื่อของท่านทำให้คนจำนวนมากละทิ้งมิจฉาปฏิปทา หันมา สมาทานสัมมาปฏิปทา เป็นแบบอย่างให้ผู้คนทั่วหล้าได้ประพฤติปฏิบัติตามหนทางแห่งธรรม ดำเนินตามพระสัทธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างน่ายินดี

    ความยิ่งใหญ่ของพระอวโลกิเตศวรมากมายเกินกว่าคำบรรยายที่จะอรรถาธิบายได้หมดสิ้น พระองค์เป็นทั้งบิดาแห่งความกรุณาในจิตใจของเราและเป็นทั้งมารดาแห่งความกรุณาในจิตใจของเรา มหาบุรุษโพธิสัตว์ผู้อาจหาญ พระแม่ผู้มีความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ

    พระแม่กวนอิม หรือ แม่กวนอิม จึงเป็นนามแห่งความเคารพเชิดชู แสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นในจิตใจของพุทธศาสนิกทั่วหล้า

    พุทธสาวก สาวิกา ทั้งหลาย หรือลูกๆของพระโพธิสัตว์ทุกคน เมื่อซาบซึ้งในความกรุณาและความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่านก็ควรจะแสดง กตัญญูกตเวทิตา ด้วยการปฏิบัติบูชาด้วยการน้อมรับเอาคุณลักษณะแห่งความเมตตาปราณี มาดำเนินในชีวิตประจำวัน

    พระโพธิสัตว์คงไม่มีความประสงค์ให้เราไม่ทำอะไรเลย แล้วมาปักธูปบูชา ถวายน้ำชา เผากำยาน สวดมนต์ภาวนาสรรเสริญ แต่เรายังเห็นแก่ตัวจัดไม่คิดบริจาคทานช่วยเหลือผู้คนมีความตระหนี่ถี่เหนียว ไม่สมาทานศีลวัตร ไม่ใช้ปากให้เป็นมงคลแต่ใช้ปากในทางมิจฉาวาจา กระทำตนเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เรานับถือโพธิสัตว์อย่างคนที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่ปรนนิบัติบำเพ็ญเมื่อพ่อแม่ละสังขารกลับหาอาหารชั้นดีและจุดธูปเคาะโลงให้วิญญาณท่านมารับเครื่องเซ่นสังเวย

    ความกตัญญูที่แท้คือการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนและคุณลักษณะของท่าน ถือเป็นการประกาศคุณเผยแผ่กิตติคุณพระโพธิสัตว์ไปยังเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขที่ยังหาคนทางแห่งความสันติมิได้

    ขอให้เชิญชวนท่านทั้งหลายร่วมปฏิบัติบูชาด้วยการประพฤติปฏิบัติตนตามมรรคแห่งพระโพธิสัตว์ ปฏิบัติให้เขาดูมีความสุขให้เห็น ช่วยเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์อย่างคนที่รับฟังอย่างลึกซึ้ง และถือเอาความทุกข์ของสรรพสัตว์เป็นดั่งทุกข์ของตนเอง ถึงแม้จะทุกข์ยากลำเค็ญเพียงใด ก็ยังไม่ย่อท้อที่จะช่วยเหลือเขาเหล่านั้นและสรรพสัตว์ทั้งมวลให้พ้นจากทุกข์

    ขอให้เราแปลงความรัก ความกรุณาที่เราได้รับจากพระโพธิสัตว์มาสู่ความรักและความกรุณาต่อเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายทั้งมวลในโลกนี้ แล้วท่านจะพบว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมมิได้อยู่ไกลแต่อยู่ภายใน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. bebneekormeduy

    bebneekormeduy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=lbl_highlight>สายธารสวรรค์ กับพระผู้ประเสริฐสุดของโลก</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=lbl_normal> สายธารสวรรค์ กับพระผู้ประเสริฐสุดของโลก
    โดย ศิโรฒน์ รัตนาภรณ์ siroat_07@hotmail.com

    วันนี้ผู้เขียนจะนำท่านเข้าสู่เทศกาลแห่งความชุ่มฉ่ำใจ เพราะ วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2552 นี้จะเป็นวัน วิสาขบูชา (Vesak Day) อันถือเป็นวันแห่งพระประสูติกาลของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นวันที่พระองค์ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ และเป็นวันเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน

    ตามคติพุทธศาสนาฝ่ายมหายานเมื่อเข้าสู่เทศกาลวิสาขบูชา บรรดาพุทธศาสนิกชนทั้ง พระภิกษุ พระภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ต่างพร้อมเพรียงกันประกอบพิธี “สรงน้ำพระ” เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ เมื่อครั้งเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงประสูติ แล้วมีสายธาราทิพย์ที่ระคนด้วยสุคนธาของหอม หลั่งรินชำระพระวรกาย

    เทศกาล “สรงน้ำพระ” ถือเป็นเทศกาลใหญ่สำคัญ ตามพุทธสถานฝ่ายมหายานในประเทศจีน ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ต่างจัดกิจกรรมเช่นนี้อย่างเอิกเกริก บ้างก็มีขบวนรถบุปผชาติ ซึ่งแสดงเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติแห่รอบเมือง เพื่อเป็นการประกาศพระเกียรติคุณและเฉลิมฉลองในวันแห่งพระพุทธเจ้า

    การที่พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาส ตักน้ำที่ประกอบด้วยเครื่องสุคนธาของหอม ดอกไม้หอมนานาชนิด แล้วสรงไปที่องค์พระพุทธปฏิมากร พระพุทธเจ้าปางประสูติ ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้ชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ บริสุทธิ์จากอะไร? บริสุทธิ์จากกิเลส น้ำที่สรงเปรียบดั่งธรรมะ กลิ่นหอมที่ออกมาจากน้ำ เปรียบได้กับกลิ่นศีลกลิ่นธรรม การสรงน้ำพระพุทธปฏิมาภายนอก แม้จะดูน่าตื่นตาตื่นใจแต่ก็แฝงด้วยคติธรรม คตินิยม ที่แยบคายของบรรพบุรุษชาวพุทธ

    ฉะนั้น ถ้าหากเราได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมสรงน้ำพระก็ควรถือเอากิจกรรมที่ยิ่งใหญ่อลังการอันเป็นอามิสบูชา เข้าสู่การปฏิบัติบูชา ด้วยการรักษากาย วาจา ใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใสดั่งสายธารา รักษาศีล 5 ด้วยความบริสุทธิ์เปรียบดั่งกลิ่นหอมของเครื่องหอมที่ผู้จัดระคนใส่ดั่งทิพยวารี

    นอกจากเราจะรู้จักการวางใจในพิธีสำคัญเช่นนี้แล้ว เราก็ควรมีความตระหนักรู้ ในความสำคัญของพระพุทธปฏิมาที่เรามักนำมาเป็นพระประธานในพิธี คือ พระพุทธรูปปางประสูติ (Baby Buddha) พระพุทธรูปปางนี้ ให้คติอะไรกับเรา ? พระพุทธรูปปางนี้ให้คติแก่เราว่า เมื่อครั้งพระองค์ประสูติออกมาจากพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา ทรงดำเนินพระบาทออกมา 7 ก้าว แล้วทรงเปล่ง อาสภิวาจา หรือคำพูดที่อาจหาญ ร่าเริงในธรรม ว่า “เราเป็นผู้เลิศของโลก เราเป็นผู้เจริญสุดในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดของโลก การเกิดของเราครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ภพใหม่ต่อไปไม่มี” ในขณะที่ทรงเปล่งพระวาจา พระหัตถ์หนึ่งชี้ขึ้นฟ้า อีกพระหัตถ์หนึ่งชี้ลงพื้นปฐพี นับเป็นความอัศจรรย์ที่เราควรตระหนักรู้ตามเหตุการณ์ดั่งกล่าว ว่า พระบรมศาสดาของเรา เป็นผู้มีแรงปณิธานยิ่งใหญ่ การกล่าววาจาเช่นนี้ถือเป็นการแสดงแผนผังในชีวิตของการเกิดมาแล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ให้จงได้ เราผู้เป็นพุทธศาสนิกชน ขณะสรงน้ำก็ควรตั้งผังชีวิต ในการสร้างบารมี ให้หนักแน่นมั่นคงให้ประทับจิตติดวิญญาณไปข้ามภพข้ามชาติดั่งพระองค์ท่าน

    การสร้างบารมีตามเส้นทางพระโพธิสัตว์นับว่ายาวไกล เราจะปลดเปลื้องทุกข์ของเวไนย์ ได้อย่างมั่นคงแน่วแน่ก็ต้องอาศัยปณิธานหรือการตั้งผังชีวิตที่แนบแน่น เพราะผู้ที่ตั้งใจที่จะปลดเปลื้องกิเลสของ เวไนย์ นับเป็นบุคคลหาได้ยากของโลก เขาหรือเราทั้งหลายถ้ามีจิตมุ่งไปสู่การช่วยเหลือสรรพสัตว์ อย่างไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ เรามักจะต้องประสบพบเจอกับมหาอุปสรรคที่จะทำให้เราท้อถอยในการสร้างบารมีได้อย่างสม่ำเสมอ ฉะนั้น การตั้งผังชีวิต หรือปณิธานต้องมีความหนักแน่นดั่งหินผา ให้ผังนี้เป็นผังที่แนบแน่น มั่นคง ติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งแรงปรารถนา ในช่วงที่เรายังเป็นพระโพธิสัตว์น้อยๆ ก็ควรถือเอาจริยาเมื่อครั้งประสูติของพุทธบิดาเป็นแม่แบบในการสร้างบารมี

    เราจะเห็นได้ว่าเทศกาล “สรงน้ำพระ” ไม่ใช่เป็นเทศกาลที่จะมาฉลองกันแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นแต่ได้แฝงคติทางธรรม คติในการสร้างบารมีในเส้นทางพระโพธิสัตว์สายนี้ได้อย่างแยบคาย

    “การสรงน้ำพระ” นอกจากจะแฝงคติทางธรรมอันลึกซึ้งดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่การสรงน้ำพระยังเป็นบุญพิเศษ ที่จะให้อานิสงส์อันจะนับจะประมาณมิได้ เพราะผลบุญที่ได้จากการบูชาบุคคลที่ควรบูชาดั่งเช่นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ไม่มีประมาณ การบูชาด้วยสุคนธาของหอมก็ดี การบูชาด้วยดอกไม้นานาสีนานาชนิด การจุดประทีปดวงเทียน การใช้เสียงเปล่งบทพุทธคุณ การสาธยายพระสูตร การก้มกราบพระพุทธปฏิมากร การก้มกราบพระสงฆ์ การถวายสังฆทานแด่หมู่สงฆ์ผู้ประพฤติธรรม การทำบุญถวายธรรมทาน นับเป็นกิจกรรมที่ต้องควบคู่กับพิธีสรงน้ำพระอย่างแน่นอน ฉะนั้น การสรงน้ำพระบุญพิเศษบุญเดียวอาจเป็นทางมาแห่งบุญนานาชนิด

    “บุญ” เป็นชื่อแห่งความสุข เป็นชื่อแห่งการขัดเกลากิเลส บุญที่มีคุณภาพดี จะถูกสั่งสมจนเป็นบารมี การสร้างบารมีอย่างพระโพธิสัตว์จำเป็นต้องมีรากบุญรากกุศล รากคุณงามความดี อามิสบูชานับเป็นทางมาแห่งบุญอันจะหนุนเนื่องต่อการปฏิบัติบูชา และการสร้างบารมีในอนาคต การให้ทาน การรักษาศีล การเจริญสมาธิภาวนา นับเป็นฐานแห่งการสร้างบารมี พระพุทธเจ้าก่อนจะเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากการตั้งผังสำเร็จในการสร้างบารมีของพระองค์แล้ว พระองค์ยังมีฐานบุญ ฐานกุศล ฐานบารมี ที่สั่งสมมานับภพนับภพนับชาติไม่ถ้วน ในเทศกาลเช่นนี้ ถ้าเราหาบุญได้ก็ควรหาโอกาสสร้างบุญ

    การสร้างบุญที่มีคุณภาพดีต้องอยู่บนพื้นฐานของใจที่ผ่องใส ถ้าใจไม่ผ่องใสทำมากๆเพื่อเอาหน้า วัตถุมากจริง แต่ปริมาณบุญนับว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับผู้มีใจผ่องใสทำด้วยใจที่คิดจะให้อย่างไม่ยึดติดผลใดๆ แม้บุญนั้นจะมีอานิสงส์มากมายเพียงใด เขาก็ไม่ได้ปรารถนาผลอันนั้นจนกลายเป็นกิเลสแบบโลภบุญ หรือบ้าบุญ การทำบุญ 2 แบบที่เสียดายเวลาและเพิ่มพูนกิเลส คือทำเพื่อเอาหน้า กับทำด้วยความบ้า บ้าในที่นี้คือไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักกำลังปัจจัยตัวเอง ทำแบบไม่เหลือ กลับบ้านไปก็ต้องลำบาก บ้างก็ต้องไปหยิบยืมปัจจัยจากญาติพี่น้องให้เขาดูถูกผู้บำเพ็ญธรรมในพระพุทธศาสนาว่า คนศึกษาธรรมะทำไมไม่รู้จักตนเอง ทำให้เขามองภาพพระศาสนาด้วยสายตาเหยียด และไม่เคารพในการปฏิบัติธรรมของเรา ทำให้เขากลับได้บาปโดยเราคาดไม่ถึง อีกประเภท คือทำเพื่อเอาหน้า คือต้องการให้คนอื่นยอมรับในตน ให้ตนเองได้มีหน้ามีตามากกว่าผู้อื่น ให้พระที่เราเคารพชมว่าเหมือนมหาอุบาสก มหาอุบาสิกา ทั้งๆที่ในใจก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร เอาเป็นว่าฉันอยากนั่งหน้า อยากเด่น คนประเภทนี้ทำไปมากเข้าๆกิเลสคือความหลงจะพอกพูนอย่างน่าเสียดาย คุณภาพบุญเปรียบดั่งตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หาประโยชน์มิได้ ถ้ากล่าวว่า เสียเวลาเปล่า ก็อาจกล่าวเช่นนั้นได้

    การสร้างบารมีหรือบำเพ็ญธรรมจึงควรมีสัมมาทิฐิ ความเห็นถูกเป็นเสาเข็มแห่งชีวิต มีผังแห่งการสร้างบารมีเป็นแบบ มีพระพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์เป็นดั่งครู มีพระสงฆ์เป็นพี่ มีเพื่อนสหธรรมมิกเป็นดั่งกัลยาณมิตร ผู้ร่วมเดินทาง และมีใจที่เบิกบานผ่องใส อยู่ทุกขณะ

    และขอให้วันวิสาขบูชาปีนี้ เป็นวันวิสาขะที่เราจะได้ “สรงน้ำพระ” ด้วยใจที่มีรากบุญ รากกุศล รากแห่งความเห็นถูก ขอให้น้ำที่หลั่งรินเป็นดั่งสายธารจากสวรรค์ในดวงใจ ขอให้พระผู้ประเสริฐคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นดั่งแสงสว่างนำทางชีวิตในการสร้างบารมีบนเส้นทางที่แสนไกลสายนี้ จนถึงที่สุดแห่งธรรม

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. bebneekormeduy

    bebneekormeduy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=lbl_highlight>มนตราเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=lbl_normal> มนตราเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี
    นายศิโรฒน์ รัตนาภรณ์ siroat_07@hotmail.com 19 มี.ค.2552

    “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ”

    พุทธภาษิตบทนี้เราคงเคยได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง และเป็นพุทธภาษิตที่มีท่านผู้รู้หลายท่านอธิบายขยายความไว้มากมาย โดยเฉพาะวงการพุทธศาสนากับการแพทย์ ซึ่งผู้เขียนจะไม่ขออธิบายขยายความ แต่วันนี้ผู้เขียนจะนำท่านผู้อ่านเข้าไปสู่การภาวนาในวิถีพุทธโดยอาศัยการสวดมนต์เป็นตัวเสริมแรงในการดูแลสุขภาพของเราในชีวิตประจำวัน

    พระสูตรมหายาน พระสูตรหนึ่งที่ชื่อว่า “ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตปูรณปณิธานสูตร” ถือเป็นพระสูตรสำคัญที่แฝงไปด้วยคติทางจิตวิญญาณการแพทย์ คือการรักษาโรคทาง จิตใจ เราจะเห็นได้ว่า โรคต่างๆหลายโรค ปฐมเหตุมักเริ่มมาจาก จิตใจ และโรคหลายโรคที่ดูร้ายแรงถ้าผู้ป่วยมีจิตใจที่ดีงาม เขาก็สามารถอยู่ต่อไปในโลกนี้ได้อีกยาวนาน

    จิตใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการที่เราต้องดูแลรักษา ให้เป็นจิตใจที่มีคุณภาพ มีความประภัสสร ผ่องใสอยู่เสมอ วิธีการหนึ่งที่จะทำให้จิตใจของเรามีความผ่องใสอยู่เสมอคือการนำใจไปฝากไว้กับแหล่งแห่งความผ่องใสที่สมบูรณ์ แหล่งแห่งความผ่องใสที่สมบูรณ์ คือ อำนาจแห่งพระพุทธคุณ เพราะพระพุทธคุณหรือคุณของพระพุทธเจ้ามีความยิ่งใหญ่อุดมไปด้วยความกรุณา และปัญญาอันบริสุทธิ์ ถ้าเราได้เอาใจของเราไปฝากไว้กับพระพุทธเจ้าก็ทำให้ใจของเราได้ซึมซับเอาคุณลักษณะที่ดีงามของพระองค์มาสู่ใจของเรา

    จากจิตใจที่ห่อเหี่ยวด้วยโรคร้ายรุมเร้าก็จะเป็นจิตใจที่ประภัสสรผ่องใส อยู่เสมอ การขอพุทธบารมีในการเยี่ยวยารักษาสุขภาพร่างกายภายนอกจึงเป็นไปได้อย่างง่ายดาย

    ในทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต ถือเป็นพระพุทธเจ้าที่ชาวพุทธจะน้อมนำใจไปผูกไว้เป็นพุทธานุสติ พระพุทธเจ้าองค์นี้ ทรงปณิธานในการบำบัดเยี่ยวยารักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วย การที่เราได้ภาวนาพุทธนามหรือธารณีมนต์ประจำพระองค์อยู่เนืองๆจึงถือว่าได้เราได้อาศัยพุทธบารมีมาสร้างเสริมกำลังใจของเราให้เข้มแข็งในการต่อสู้กับสรรพโรคาพาธ

    ในปณิธานข้อที่ 7 พระองค์ท่านทรงตั้งไว้เมื่อครั้งบรรพกาลว่า

    “เมื่อกาลที่เรามาอุบัติยังโลกและได้บรรลุพระโพธิญาณแล้ว หากสรรพชีวิตทั้งปวงเป็นผู้ถูกโรคาพาธเสียดแทง ไร้ผู้อนุเคราะห์ ไร้ผู้ชี้แนะ ปราศจากการรักษา ปราศจากโอสถ ไร้ญาติขาดมิตร ไร้ที่พักพิง มีความอัดคัดยากจน ได้รับทุกข์ทรมานเป็นที่ยิ่ง ผิว่านามแห่งเราจักไปให้สดับยังโสตเพียงครั้ง สรรพโรคาทุกข์ทั้งปวงจะมลายสิ้น กายแลจิตมีความสุขและศานติ ....”

    จากปูรวปณิธาน ประการที่ 7 ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เราจะเห็นได้ว่าถ้าหากเรามีจิตใจที่ตั้งมั่น มั่นคงในพุทธคุณจิตใจของเราจะมีกำลังกล้าแกร่งขึ้นและมีความเชื่อมั่นและศรัทธา การเป็นคนไข้ที่มีความเชื่อมั่นศรัทธาหรือความหวังโอกาสที่จะหายขาดจากโรคมีมากกว่าคนที่นั่งหรือนอนจมปลักอยู่กับ ความทุกข์อันเกิดจากกายสังขารรังแต่จะทำให้ใจเศร้าหมองห่อเหี่ยว ไร้กำลังใจอยู่ต่อไปบนโลกนี้

    และสิ่งที่พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ให้โอกาสเราในการดูแลสุขภาพกายและใจ คือ พระพุทธมนต์ ซึ่งพระพุทธมนต์ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้ามีดังนี้

    “นโม ภควเต ไภษัชยคุรุ ไวฑูรฺยประภา ราชายะ ตถาคตายะ
    อรถเต สัมยักฺ สัมพุทธายะ ตัทยถา
    โอม ไภษัชเย ไภษัชเย ไภษัชย สมุทคเต สวาหา”

    วิธีการท่องสวดพระพุทธมนต์ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเพื่อการบำบัดเยี่ยวยารักษาโรค ในพระสูตรกล่าวว่า


    1.ควรชำระร่างกายให้สะอาดอยู่เป็นนิจ นำอาหาร โอสถ หรือน้ำที่ปราศจากสิ่งสกปรก เสกด้วยคาถานี้ ๑๐๘ จบ พร้อมกับอาภรณ์และอาหารนั้น บรรดาทุกข์แห่งโรคก็จักดับสิ้นไป

    2.หากปรารถนาสิ่งใด แล้วภาวนาสาธยายด้วยความเป็นที่สุดแห่งใจแล้วไซร้ ย่อมบรรลุได้ตามประสงค์ทุกประการ จักเป็นผู้ไร้โรคาพาธเบียดเบียน อายุสิริวัฒนา

    3.เมื่อสิ้นอายุขัยแล้วในภายหลัง จักไปอุบัติยังศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรแห่งนั้น
    มิเสื่อมถอยย้อนกลับตราบจนถึงพระโพธิญาณ

    และในแต่ละวันก็ขอให้เรานำใจไปเกาะเกี่ยวกับพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าด้วยการระลึกถึงภาพของท่านให้ติดตาติดใจเป็นพุทธนิมิต ลักษณะของท่านก็แล้วแต่ใจเราชอบ เราอาจจะนึกถึงพุทธลักษณะตามพุทธศิลป์แบบจีน ครองจีวรเปลือยอกเห็นเครื่องหมายสวัสดิกะ อันเป็นมงคลสัญลักษณ์แห่งความสุข ความกระตือรือร้น ความแข็งแรง และความโชคดี พระหัตถ์ขวาถือบาตรน้ำมนต์พระหัตถ์ซ้ายวางบนหัวเข่าในทางดีดน้ำพระพุทธมนต์

    หรือจะนึกถึงภาพท่านเป็นศิลปะแนวทิเบตคือพระพุทธรูปที่มีพระวรกายดุจมณีสีฟ้า พระหัตถ์ขวาถือหม้อน้ำพระพุทธมนต์หรือบาตรน้ำมนต์พระหัตถ์ซ้ายวางบนหัวเข่าถือต้นยาสมุนไพร ก็ได้

    นึกภาพท่านให้ติดตาติดใจ พร้อมกับภาวนาพระนามของท่านหรือภาวนาพระพุทธมนต์ประจำตัวของท่านไปด้วยอย่าสบายๆเหมือนเราฮำเพลงที่ชอบ ไม่ว่าเราจะทำงานบ้านหรือทำกิจกรรมใดๆก็ลองทำดูเมื่อมีโอกาสอำนวย

    ก่อนนอนหรือทุกเช้า-ค่ำ ก็อาจปฏิบัติภาวนาตามวิธีการนี้ด้วยการหลับตาเบาๆสบายๆนึกถึงภาพของท่านให้เป็นอารมณ์เป็นพุทธนุสติ แล้วก็ภาวนาพระนามท่านในใจหรือภาวนาพระพุทธมนต์ประจำตัวท่าน เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิก็ให้ท่านอธิฐานขอพุทธบารมีให้เรามีกำลังใจในการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ให้สุขภาพแข็งแรง และก็แผ่เมตตาไปยังผู้มีคุณหรือเจ้ากรรมนายเวรก็สุดแล้วแต่ท่านจะแผ่ความรักความปรารถนาดีไปยังใครบ้าง

    ถ้าท่านทำได้เช่นนี้กำลังใจของท่านก็จะสูงขึ้น ความเชื่อมั่นในพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าจะเต็มเปี่ยม ความสงบสุขทางใจจะเพิ่มพูน โรคภัยไข้เจ็บมลายสูญ ชีวิตมีความสุขบริบูรณ์ตลอดไป และที่สำคัญเมื่อใกล้ละสังขารจะมีสติที่สมประกอบ มีสติมั่นคงเดินทางจากโลกนี้ไปอย่างคนที่สงบ เย็น เพราะในใจมีความศรัทธาเชื่อมั่นในความดี

    ขอให้ท่านทั้งหลายเมื่ออ่านจบแล้วก็ลองนำไปปฏิบัติถือเป็นการบูชาพระวิสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการรักษากาย วาจา ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในทางแห่งความดี และที่สำคัญเมื่อใจเราเกาะเกี่ยวอยู่กับพระพุทธคุณ อวิชชา อันเป็นต้นเหตุของโรคนานาชนิดก็จะถูกถอดถอดไปอย่างแท้จริง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. bebneekormeduy

    bebneekormeduy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=lbl_highlight>ตัวตายชื่อไม่ตาย (มรณกรรมอันงดงามของพระมหาเถระเซิ่งเหยียน)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=lbl_normal> ตัวตายชื่อไม่ตาย (มรณกรรมอันงดงามของพระมหาเถระเซิ่งเหยียน)

    ศิโรฒน์ รัตนาภรณ์ siroat_07@hotmail.com 8 กุมภาพันธ์ 2552

    ข่าวการมรณภาพของพระมหาเถระเซิ่งเหยียน(聖嚴法師) แห่งวัดฝ่ากู่ซัน (法鼓山) ประเทศไต้หวัน ทำให้ผู้เขียนรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านเป็นพระมหาเถระที่ทำงานอย่างหนักเพื่อการสร้างสรรค์พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานในส่วนของการศึกษา การภาวนา และการสร้างศานติภาพในระดับสากล แม้ตัวผู้เขียนเองไม่เคยได้กราบนมัสการพระคุณท่านเป็นการส่วนตัวแต่ก็ได้สัมผัสท่านผ่านงานเขียนต่างๆที่ทางสำนักฝ่ากู่ซันได้ทำการจัดพิมพ์เผยแผ่เป็นระยะๆ

    ในประเทศไต้หวันมีสำนักทางพระพุทธศาสนาสำคัญอยู่ 4 สำนักใหญ่ หรือ 4 ขุนเขาใหญ่ (台湾佛教四大山:ไถวันฝอเจี้ยวซื่อต้าซัน) คือ วัดโฝวกวงซัน(佛光山)องค์กรการกุศลฉือจี้( 慈濟 ) วัดจงไถ่ซัน(中台禪寺)และวัดฝ่ากู่ซัน(法鼓山)
    ฝ่ากู่ซัน ถ้าแปลเป็นไทยอย่างสละสลวย ก็น่าจะแปลได้ว่า “ ธรรมเภรีบรรพต

    ฝ่า(法) คือ ธรรมะ
    กู่ ( 鼓) คือ กลอง ถ้าใช้ศัพท์สวยขึ้นหน่อยก็คือ เภรี
    ซัน(山)คือ ขุนเขา หรือ บรรพต

    วัดฝ่ากู่ซัน โดยการนำของพระมหาเถระเซิ่งเหยียนมีความเจริญรุ่งเรือง เป็นอย่างมาก ที่เห็นได้ชัดคือการศึกษาของพระภิกษุพระภิกษุณีสงฆ์ รองลงมาคือการปฏิบัติกรรมฐาน แบบเซน พระเถระเซิ่งเหยียนมิใช่เป็นพระผู้เด่นในการศึกษาทางปริยัติและวิชาการเท่านั้นพระคุณท่านยังเป็นอาจารย์ภาวนาที่มีศีลาจารงดงาม สงบ เยือกเย็น สมถะ

    พระคุณท่าน มีใบหน้าที่เย็น ยิ้ม และสดใส ตามแบบพระภาวนาจารย์ ที่มีความมั่นคงทางจิต ทำให้ท่านเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติที่มีความสนใจใคร่รู้ในด้านภาวนาต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนกรรมฐานกับท่านปีละจำนวนมาก นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ท่านมีคุณูปการต่อหมู่ชนทุกชาติทุกภาษา สมเป็นพุทธชิโนรส โดยแท้

    แม้กายสังขารของพระคุณท่านจะจากเราไป แต่ ชื่อของท่านยังจารึกในใจของบรรดาเหล่าพุทธศาสนิกชนที่ได้เคยรับรสแห่งอมตธรรมธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านการอรรถาธิบายของท่านอีกนานเท่านาน

    หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง รูปกายของท่านได้สูญสลายสิ้นเหลือเถ้ากระดูก แต่ธรรมกายของท่านยังอยู่มิรู้คลาย เพราะ ธรรมะหรือธรรมกาย เป็นสิ่งที่เป็นอมตะ ท่านแสดงสัจธรรม คือ ความจริงของโลกไม่ว่าจะผ่านกาลเวลานานสักเท่าใด ความจริงก็คือความจริง จึงเรียกว่า อมตะธรรม

    ขอให้ท่านทั้งหลายเมื่อเห็นมรณกรรมของพระมหาเถระเซิ่งเหยียนแล้ว ขอให้ท่านพิจารณาการจากพรากว่าเป็นสิ่งธรรมดาของโลก แต่เราจะจากโลกนี้อย่างไรให้เราทิ้งประโยชน์ให้กับโลกใบนี้อย่างพระคุณท่าน ที่การเกิดมาของท่านเป็นการเกิดที่ไม่เสียทีที่ได้เกิดมา เพราะท่านได้แสดงความกตัญญูกับโลกใบนี้ด้วยการทำหน้าที่ประกาศธรรม นำให้โลกสงบร่มเย็น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. threeam

    threeam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,364
    "คนที่ต้องเกิดมาเพื่อทำงานเกี่ยวข้องกับภัยพิบัตินี้ ทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 5,000 คน"(อ้างอิงจากคุณno.9)
    ขออนุญาตถามว่า รับทราบได้อย่างไรว่าเป็น 1 ใน 5000 คน นั้น
    ขออภัยด้วย ถ้าคำถามนี้ไร้สาระ
     
  10. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ปัจจุบันผู้ที่มีหมายเลข ซึ่งได้รับการรับรองจากระบบแล้ว ก็ถือว่าเป็นคนระบบแน่นอนครับ เป็นผู้ที่ทำงานแบบรู้ตัวว่าทำงานให้กับระบบ แต่บุคคลที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกนั้น เราก็ไม่ทราบครับว่าใครเป็นคนระบบบ้าง และคนระบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมารู้จักกันเลยครับ เช่น ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ดร.เทพพนม เมืองแมน และอดีตรองประธานาธิปดีอัลกอร์ ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น สองท่านที่กล่าวนามนี้(เป็นอย่างน้อย) ระบบระบุว่าเป็นคนของระบบแน่นอนอีกเช่นกันครับ

    แต่ถ้าหมายถึงตัวคุณtreeamเอง ที่สงสัยว่าเป็นคนระบบหรือไม่นั้น ก็ไม่ยากหรอกครับ เพราะอย่างที่ผมเรียนแล้วว่าคนระบบจะมีWAVEของระบบเข้ามากันทุกคน จะเป็นWAVEความอยากติดตามอยากรู้อยากทราบเกี่ยวกับเรื่องUFOบ้าง มีความสนใจอ่านในกระทู้นี้อย่างไม่เบื่อหน่ายบ้าง อะไรเหล่านี้เป็นต้นครับ ไม่ใช่ผมกล่าวเกินจริงนะครับ เป็นเพราะระบบเคยแจ้งไว้ และตั้งเป็นข้อสังเกตไว้เฉยๆ ก่อน แต่ถ้าไม่ใช่คนระบบแค่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้แป็บเดียว เดี๋ยวก็ว่าเราบ้าแล้วก็ลาจากไปแล้วละครับ
     
  11. ukrin

    ukrin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +1,463

    ก้ากกกกก...ขออนุญาติขำหมอน้อยกับคุณโนนาย

    คาดว่าอาจารย์เม้าท์แกก็ลืมยินดีต้อนรับเหมือนกันคับ


    ขอสวัสดีคุณมองตนและท่านอื่นทุกๆท่านด้วยคับ


    ฝากข้อความถึงอาจารย์เม้าท์ด้วยคับ


    ขอจองประคำ 199-อีก1เส้นคับ


    ติดตังค์ไว้ก่อน


    ขอบคุณคับ


    deeja__a (deejai) hello8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2009
  12. pyramid

    pyramid Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2005
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +28
    ขอบคุณจารย์โม่ และ คุณ bebneekormeduy ที่ได้หาความรู้ทางด้านมหายานทีบางบทหาอ่านได้อยาก

    อยากขอให้ลงเรื่อง ตถาคตครรภ์สูตร (เขียนผิดขออภัย) ที่ท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ได้เคยพูดถึงรายชื่อพระสูตรต่างๆ ไว้ (จำชื่อไม่ได้ว่าเล่มไหน)
    ;38


     
  13. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เนื่องจากขณะนี้ ทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) โดยอาจารย์สุดใจ ชื่นสำนวน ได้รับเงินบริจาคซื้อที่ดิน
    และก่อสร้างอาคารสถานปฏิบัติธรรม มูลนิธิ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ณ บ้านเขากะลา ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และได้ดำเนินการถมดิน เดินสายไฟฟ้า ท่อประปา เข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้ว มีผู้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ จำนวนหนึ่ง ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะดำเนินการให้ได้แล้วเสร็จ หรือหากมีผู้บริจาคจนได้ครบตามจำนวนแล้ว ก็จะนำปัจจัยที่ได้จากประคำประมวลพลังนี้ ไปใช้ในงานที่เป็นกุศลต่อไป


    ดังนั้น อาจารย์ Astro Neemo จึงได้จัดทำประคำประมวลพลัง
    ขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อนำปัจจัยค่าบูชาประคำ ไปช่วยเหลือเป็นค่าก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม และช่วยงานกุศล ดังกล่าว

    ท่านใดมีความประสงค์ใคร่ขอบูชาประคำประมวลพลัง
    สามารถลงชื่อจองไว้ก่อน หลังจากร้อยประคำเสร็จ จนกระทั่งผ่านกรรมวิธีรับคลื่นพลังจากระบบลงสายสร้อยประคำ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะแจ้งให้ทราบ เพื่อให้ท่านได้โอนเงินค่าบูชา
    และส่งมอบประคำให้แก่ท่านต่อไป


    รายชื่อผู้จองประคำประมวลพลัง

    1. แบบเม็ดประคำทำจากผงเหล็กน้ำพี้ ร่วมบูชาสร้างสถานปฏิบัติธรรม เส้นละ 199.-บาท(หนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าบาท)

    ๑. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->EUROPE<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2101397", true); </SCRIPT> ........................................ 1 เส้น
    ๒. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->naraiyana...................................... 2 เส้น
    ๓. คุณJoypor........................................... 5 เส้น(โอนแล้ว 21/5)
    ๔. คุณamadi (สีดำ 1,สีน้ำตาล 1)................... 2 เส้น
    ๕. คุณดาวดวงน้อย...................................... 2 เส้น
    ๖. คุณwanpos.......................................... 3 เส้น
    ๗.คุณอินทรียสงวร (สีดำ 1,สีน้ำตาล 1).............. 2 เส้น
    ๘. คุณซุปเปอร์แมน....................................... 3 เส้น
    ๙. คุณsitprogpo (สีดำ)............................... 1 เส้น
    ๑๐.คุณศราวุธ (สีดำ)..................................... 1 เส้น
    ๑๑.คุณอภิญญา8 (สีดำ 2,สีน้ำตาล 2)................. 4 เส้น
    ๑๒.คุณengporn (สีดำ 3,น้ำตาล 2).................. 5 เส้น
    ๑๓.คุณton344 (สีดำ)................................... 2 เส้น(โอนแล้ว 24/5)
    ๑๔.คุณทนงศักดิ์ ศิริภูวณิชย์.............................10 เส้น
    ๑๕.คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Surajeng(สีดำ).................................. 1 เส้น<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2122443", true); </SCRIPT> (โอนแล้ว 22/5)
    <!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2102131", true); </SCRIPT>๑๖.คุณBlog 17 (สีดำ).................................. 2 เส้น
    ๑๗.คุณก้านแก้วเก้า (ดำ 2,น้ำตาล 2)................. 4 เส้น(โอนแล้ว26/5)1,845.-
    ๑๘.คุณพุทธันดร (สีดำ).................................. 5 เส้น
    ๑๙.คุณukrin.............................................. 5 เส้น (โอนแล้ว 24/5)
    ๒๐.คุณกุเวร (สีดำ)....................................... 2 เส้น
    ๒๑.คุณAugeas (สีดำ).................................. 1 เส้น
    ๒๒.คุณsam.tansiri(ดำ,น้ำตาล)...................... 2 เส้น(โอนแล้ว 23/5)(1,459.-)
    ๒๓.คุณwinny ( ดำ 3, น้ำตาล 3 )..................... 6 เส้น
    ๒๔.คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Surajeng (สีน้ำตาล)........................... 1 เส้น
    ๒๕.คุณukrin............................................... 1 เส้น

    รวม....73 เส้น


    2. แบบเม็ดประคำเป็นหินมงคล มีสีขาว แดง ดำ ฟ้า เป็นต้น
    ร่วมบูชา เส้นละ 999.-บาท(เก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท)


    ๑. คุณsitprogpo จองประคำหินสีขาว......................1 เส้น
    ๒. คุณLuoShanHui (ไม่ระบุสี).............................1 เส้น
    ๓. คุณจิตตานุปัสสนา (ฝาก อ.นีโม่ พิจารณาสี)........... 1 เส้น
    ๔. คุณลุงจิ๋ว (จองสีขาว 1 และสีแดง 1).................... 2 เส้น
    ๕. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->pkanlaya<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2103650", true); </SCRIPT> (จองสีขาว 1,สีแดง 1).................. 2 เส้น
    ๖. คุณamadi (จองสีเขียว).................................. 1 เส้น
    ๗. คุณrutchanon (จองสีเขียว)............................ 1 เส้น(โอนแล้ว18/5)1,049.-
    ๘. คุณprapaanpong (อ.โม่ พิจารณาให้ด้วย).......... 1 เส้น
    ๙. คุณnanasaratamma (สีแดง)......................... 1 เส้น(โอนแล้ว 18/5)
    ๑๐.คุณ<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->chanasorn<!-- google_ad_section_end --> (สีเขียวเข้ม)............................1 เส้น(โอนแล้ว 22/5)
    ๑๑.<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2107843", true); </SCRIPT> คุณศราวุธ (หินสีเขียว).................................... 1 เส้น
    ๑๒.คุณอภิญญา8 (หินสีเขียว)................................. 1 เส้น
    ๑๓. คุณAriyaporn (แดง 1,ขาว 1)......................... 2 เส้น
    ๑๔.คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->guyvettanajittham<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2112285", true); </SCRIPT> (พิจารณาสีให้ด้วย)......... 1 เส้น
    ๑๕.คุณsuwat.su (สีฟ้า)...................................... 1 เส้น (โอนแล้ว19/5)
    ๑๖.คุณkwok (สีฟ้า)............................................ 1 เส้น
    ๑๗.คุณลูกแก้วแววตา (สีเขียว,สีฟ้า).......................... 2 เส้น
    ๑๘. คุณengporn (สีเขียว,สีแดง)............................. 2 เส้น
    ๑๙.คุณBlog 17 (สีฟ้า,สีแดง)................................. 2 เส้น
    ๒๐.คุณพุทธันดร (สีแดง,สีขาว)................................. 3 เส้น
    ๒๑.คุณก้านแก้วเก้า (รวมสี)..................................... 1 เส้น(โอนแล้ว26/5)1,845.-
    ๒๒.คุณsam.tansiri(สีขาว).................................... 1 เส้น(โอนแล้ว23/5)( 1,459.-)
    ๒๓.คุณwinny(เขียวหยก 1, ฟ้า 1 )........................... 2 เส้น

    รวม....33 เส้น

    (สรุปถึง 08.19 น. 27/5/52)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    “อย่าส่งจิตออกนอก”
    ช่วงนี้รู้สึกย้ำเน้นกันตรงนี้เหลือเกิน เหมือนภายในกำลังร่ำร้องตะโกนว่า
    เรื่องของฉันๆๆ เรื่องของเธอก็ดูตัวเธอไปสิ เรื่องของฉันอย่ามายุ่ง
    มันให้ความรู้สึกสะท้อนออกมาอย่างนั้นจริงๆ นะ
    เอ...หรือว่าเราอุปทานคิดไปเองหรือเปล่าน๊อ...(ท่าจะจริง...อิอิ)
    “อย่าส่งจิตออกนอก”
    ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งเนอะ ขอทบทวนธรรมมะของพระอาจารย์มิสซุโอะดีกว่า

    มานะ 9 ของพระอาจารย์มิสซูโอะ<O:p
    ชีวิตมีทั้งวันวาน วันนี้ และวันพรุ่งนี้
    เมื่อปัจจุบันธรรม เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต
    ชีวิตในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงมากกว่ากาลใดๆ
    วันนี้มีสำหรับแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว
    <O:p
    แก้ตัว คือไม่ยอมรับความจริงในการทำผิดของตน
    พยายามผลักความผิดไปให้ผู้อื่น หรือสิ่งแวดล้อม
    <O:p</O:p
    แก้ไข คือยอมรับความจริง หากมีอะไรผิดพลาดบกพร่อง ก็ยอมรับผิด
    แล้วพยายามแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาตนเอง
    <O:p</O:p
    คนดีชอบหาจุดบกพร่องของตนเอง มีหิริโอตตัปปะ ละอายแก่ใจ กลัวบาป<O:p
    คนชั่ว ชอบหาดูจุดบกพร่องของคนอื่น
    จับผิดคนอื่นแล้วคิดไปว่า เราดี เขาไม่ดี<O:p

    เมื่อคิดว่าเขาดีกว่า ก็คิด อิจฉา ริษยา น้อยใจ<O:p
    ถ้าดีกว่าเขา ก็คิด ถือตัวถือตน ดูถูกดูหมิ่นเขา
    <O:p
    เป็นสภาวะที่เกิด อัตตาเกิดตัวตน อัตตาตัวตน และทุกข์ เป็นบริษัทเดียวกัน<O:p
    อัตตาตัวตน สร้างขึ้นใช้เวลานานแสนนาน เป็นเวลาหลายภพหลายชาติ
    ด้วยอำนาจอวิชชากิเลส ตัณหา อุปาทาน คิดผิด และสำคัญผิด
    <O:p
    สำคัญผิด 9 อย่าง หรือ มานะ 9<O:p
    1.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ก็ผิด<O:p
    2.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด<O:p
    3.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด<O:p
    4.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าดีกว่าเขา ก็ผิด<O:p
    5.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด<O:p
    6.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด<O:p
    7.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าดีกว่าเขา ก็ผิด<O:p
    8.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด<O:p
    9.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด<O:p
    <O:p
    เมื่อใจดี จะไม่มีความคิดเป็นเรา เป็นเขา
    แต่จะเห็นสัตว์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้

    "เห็น" เป็นหลัก เป็นกริยา
    คนเรานั้นเมื่ออยู่ในสมมติโลก เราต้องอยู่ด้วยกันหลายคน
    มองเห็นเป็นธรรมไม่ให้ตัวตนเข้าไปยึด
    ควบคุมจิตเป็นโอปนยิกธรรมน้อมเข้าหาตนเสมอ<O:p
    <O:p
    แล้วอย่าลืมพรหมวิหาร 4 กันด้วย
    เมตตา....ปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับความสุข<O:p
    กรุณา.....ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์<O:p
    มุฑิตา.....ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี (ด้วยความจริงใจ)<O:p
    อุเบกขา...วางเฉยได้ เข้าใจถึงกฎของกรรม ทำเช่นใด ได้เช่นนั้น

    สาธุขอบคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านค่ะ ที่ให้สติ
    ไม่งั้นคงฟุ้งซ่าน กินไม่ได้นอน นอนไม่ได้กิน
    ยืนไม่ได้นั่ง นั่งไม่ได้ยืน ไปอีกนานเป็นแน่ อิอิ
    ;hi2 ;k05
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    พรุ่งนี้ (28/5/52) วันบะจ่าง

    เอาบะจ่างมาฝากอาจารย์นีโม่ครับ

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]


    <TABLE class=ts width="100%"><TBODY><TR><TD style="PADDING-TOP: 0px" id=tDataImage3 vAlign=bottom width="25%" noWrap align=middle>[​IMG] <TR><TD id=tDataText0 vAlign=top width="25%" align=middle>[FONT=arial,sans-serif][SIZE=-1]บะจ่าง หลับได้เสมอ[/SIZE][/FONT]




    <TD id=tDataText1 vAlign=top width="25%" align=middle><TD id=tDataText2 vAlign=top width="25%" align=middle><TD id=tDataText3 vAlign=top width="25%" align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>


    สุขสันต์วันเกิด ตามปฏิทิน คติจีน วันบะจ่าง 28/5/52

    ขอให้อาจารย์นีโม่ มีความสุข ประสบความสำเร็จในการ
    นำคำสอน ให้สาธุชน เข้าถึง การปล่อยวาง และละอัตตาตัวตน
    ได้ทุกคน ตามจิตปรารถนาเทอญ

    [​IMG][​IMG]



    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2009
  16. Taksamun

    Taksamun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +180
    ;aa39ขอให้อ.นีโม่ มีสุขภาพร่างกายที่
    แข็งแรงมีความสุขในการเป็นผู้นำทางลูกศิษย์
    สู่การปล่อยวางและหนทางสู่นิพพานด้วยเทอญ สาธุ;aa20
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เนื่องจากขณะนี้ ทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) โดยอาจารย์สุดใจ ชื่นสำนวน ได้รับเงินบริจาคซื้อที่ดิน
    และก่อสร้างอาคารสถานปฏิบัติธรรม มูลนิธิ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ณ บ้านเขากะลา ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และได้ดำเนินการถมดิน เดินสายไฟฟ้า ท่อประปา เข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้ว มีผู้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ จำนวนหนึ่ง ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะดำเนินการให้ได้แล้วเสร็จ หรือหากมีผู้บริจาคจนได้ครบตามจำนวนแล้ว ก็จะนำปัจจัยที่ได้จากประคำประมวลพลังนี้ ไปใช้ในงานที่เป็นกุศลต่อไป

    ดังนั้น อาจารย์ Astro Neemo จึงได้จัดทำประคำประมวลพลัง
    ขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อนำปัจจัยค่าบูชาประคำ ไปช่วยเหลือเป็นค่าก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม และช่วยงานกุศล ดังกล่าว

    ท่านใดมีความประสงค์ใคร่ขอบูชาประคำประมวลพลัง
    สามารถลงชื่อจองไว้ก่อน หลังจากร้อยประคำเสร็จ จนกระทั่งผ่านกรรมวิธีรับคลื่นพลังจากระบบลงสายสร้อยประคำ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะแจ้งให้ทราบ เพื่อให้ท่านได้โอนเงินค่าบูชา
    และส่งมอบประคำให้แก่ท่านต่อไป


    รายชื่อผู้จองประคำประมวลพลัง

    1. แบบเม็ดประคำทำจากผงเหล็กน้ำพี้ ร่วมบูชาสร้างสถานปฏิบัติธรรม เส้นละ 199.-บาท(หนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าบาท)

    ๑. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->EUROPE<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2101397", true); </SCRIPT> ........................................ 1 เส้น
    ๒. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->naraiyana...................................... 2 เส้น
    ๓. คุณJoypor........................................... 5 เส้น(โอนแล้ว 21/5)
    ๔. คุณamadi (สีดำ 1,สีน้ำตาล 1)................... 2 เส้น
    ๕. คุณดาวดวงน้อย...................................... 2 เส้น
    ๖. คุณwanpos.......................................... 3 เส้น
    ๗.คุณอินทรียสงวร (สีดำ 1,สีน้ำตาล 1).............. 2 เส้น
    ๘. คุณซุปเปอร์แมน....................................... 3 เส้น
    ๙. คุณsitprogpo (สีดำ)............................... 1 เส้น
    ๑๐.คุณศราวุธ (สีดำ)..................................... 1 เส้น
    ๑๑.คุณอภิญญา8 (สีดำ 2,สีน้ำตาล 2)................. 4 เส้น
    ๑๒.คุณengporn (สีดำ 3,น้ำตาล 2).................. 5 เส้น
    ๑๓.คุณton344 (สีดำ)................................... 2 เส้น(โอนแล้ว 24/5)
    ๑๔.คุณทนงศักดิ์ ศิริภูวณิชย์.............................10 เส้น
    ๑๕.คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Surajeng(สีดำ).................................. 1 เส้น<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2122443", true); </SCRIPT> (โอนแล้ว 22/5)
    <!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2102131", true); </SCRIPT>๑๖.คุณBlog 17 (สีดำ).................................. 2 เส้น
    ๑๗.คุณก้านแก้วเก้า (ดำ 2,น้ำตาล 2)................. 4 เส้น(โอนแล้ว26/5)1,845.-
    ๑๘.คุณพุทธันดร (สีดำ).................................. 5 เส้น
    ๑๙.คุณukrin.............................................. 5 เส้น (โอนแล้ว 24/5)
    ๒๐.คุณกุเวร (สีดำ)....................................... 2 เส้น
    ๒๑.คุณAugeas (สีดำ).................................. 1 เส้น
    ๒๒.คุณsam.tansiri(ดำ,น้ำตาล)...................... 2 เส้น(โอนแล้ว 23/5)(1,459.-)
    ๒๓.คุณwinny ( ดำ 3, น้ำตาล 3 )..................... 6 เส้น
    ๒๔.คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Surajeng (สีน้ำตาล)........................... 1 เส้น
    ๒๕.คุณukrin............................................... 1 เส้น
    ๒๖.คุณno.9 (สีดำ)....................................... 5 เส้น(โอนแล้ว 27/5)1,000.-รับเอง

    รวม....78 เส้น


    2. แบบเม็ดประคำเป็นหินมงคล มีสีขาว แดง ดำ ฟ้า เป็นต้น
    ร่วมบูชา เส้นละ 999.-บาท(เก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท)


    ๑. คุณsitprogpo จองประคำหินสีขาว......................1 เส้น
    ๒. คุณLuoShanHui (ไม่ระบุสี).............................1 เส้น
    ๓. คุณจิตตานุปัสสนา (ฝาก อ.นีโม่ พิจารณาสี)........... 1 เส้น
    ๔. คุณลุงจิ๋ว (จองสีขาว 1 และสีแดง 1).................... 2 เส้น(โอนแล้ว27/5/52)2,050.-
    ๕. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->pkanlaya<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2103650", true); </SCRIPT> (จองสีขาว 1,สีแดง 1).................. 2 เส้น
    ๖. คุณamadi (จองสีเขียว).................................. 1 เส้น
    ๗. คุณrutchanon (จองสีเขียว)............................ 1 เส้น(โอนแล้ว18/5)1,049.-
    ๘. คุณprapaanpong (อ.โม่ พิจารณาให้ด้วย).......... 1 เส้น
    ๙. คุณnanasaratamma (สีแดง)......................... 1 เส้น(โอนแล้ว 18/5)
    ๑๐.คุณ<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->chanasorn<!-- google_ad_section_end --> (สีเขียวเข้ม)............................1 เส้น(โอนแล้ว 22/5)
    ๑๑.<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2107843", true); </SCRIPT> คุณศราวุธ (หินสีเขียว).................................... 1 เส้น
    ๑๒.คุณอภิญญา8 (หินสีเขียว)................................. 1 เส้น
    ๑๓. คุณAriyaporn (แดง 1,ขาว 1)......................... 2 เส้น
    ๑๔.คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->guyvettanajittham<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2112285", true); </SCRIPT> (พิจารณาสีให้ด้วย)......... 1 เส้น
    ๑๕.คุณsuwat.su (สีฟ้า)...................................... 1 เส้น (โอนแล้ว19/5)
    ๑๖.คุณkwok (สีฟ้า)............................................ 1 เส้น
    ๑๗.คุณลูกแก้วแววตา (สีเขียว,สีฟ้า).......................... 2 เส้น
    ๑๘. คุณengporn (สีเขียว,สีแดง)............................. 2 เส้น
    ๑๙.คุณBlog 17 (สีฟ้า,สีแดง)................................. 2 เส้น
    ๒๐.คุณพุทธันดร (สีแดง,สีขาว)................................. 3 เส้น
    ๒๑.คุณก้านแก้วเก้า (รวมสี)..................................... 1 เส้น(โอนแล้ว26/5)1,845.-
    ๒๒.คุณsam.tansiri(สีขาว).................................... 1 เส้น(โอนแล้ว23/5)( 1,459.-)
    ๒๓.คุณwinny(เขียวหยก 1, ฟ้า 1 )........................... 2 เส้น

    รวม....33 เส้น

    (สรุปถึง 13.34 น. 27/5/52)
     
  18. foggy3

    foggy3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +130
    ขอจองสีเขียว 1 ใน 5 จำนวน 1 เส้นค่ะ แล้วจะโอนเงินตามมาค่ะ
     
  19. pkanlaya

    pkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +597
    จอง 1 เส้นค่ะอาจารย์ Neemo จะโอนเงินให้สิ้นเดือนนี้พร้อมกันกับเส้นสีขาวและแดงค่ะ
     
  20. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    ขอจองเส้นนึงด้วยนะครับ นะ นะ

    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...