ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. นะจักรวาล

    นะจักรวาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,911
    ค่าพลัง:
    +8,323
    วันนี้ผมโอนเงินร่วมทำบุญ 400 บาทครับ
     
  2. vilapeng

    vilapeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +479
    วันนี้โอนเงินร่วมทำบุญ 230 บาทค่ะ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ขออ้างข้อความเดิมจากเดือน พ.ย.จากรายการสรุปความต้องการในการใช้ผ้าห่มและชุดกันหนาวสำหรับพระสงฆ์ที่อาพาธตาม รพ.ต่างๆ ข้างต้น ในปี พ.ศ.2522 นี้สามารถสรุปและจัดสรรตามงบประมาณของทุนนิธิฯ ได้ตามตารางข้างล่างนี้

    โดยในวันนี้ผมได้ดำเนินการโอนเงินไปยัง รพ.ต่างๆ เพื่อจัดซื้อผ้าห่ม ผ้าอังสะและหมวกไหมพรมแล้ว โดยยังขาดในส่วนของผ้ามัสลินและซันเฟอร์ไรด์ที่จะนำไปตัดเป็นผ้าปูนอน ปลอกหมอน และผ้าอื่นๆ ที่สงฆ์อาพาธต้องใช้ จึงขอนำหลักฐานการโอนเงินมาแจ้งให้ทราบครับ

    [​IMG]

    รายการโอนไปยัง จนท.พยาบาลของ รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ และ รพ. ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น

    [​IMG]

    รายการโอนไปยัง จนท.พยาบาล ของ รพ.ด่านซ้าย จ.เลย และ
    รพ.แม่สอด จ.ตาก

    [​IMG]

    รายการไปยัง จนท.พยาบาล ของ รพ. สมเด็จพระยุพราช (ปัว)
    จ.น่าน


    ทั้งนี้ จนท.พยาบาลดังกล่าวข้างต้นทางผมได้ติดต่อประสานงานไว้เบื้องต้นทุก รพ.แล้ว และทุกคนยินดีที่จะไปจัดซื้อให้ตามที่ต้องการ ทั้งนี้ จนท.ทุกท่านต่างให้คำมั่นสัญญาว่า จะขออนุโมทนาบุญในครั้งนี้กับทุนนิธิฯ ด้วย และหากมีเงินคงเหลือจากการซื้อผ้าห่มฯ เท่าไร ทุกคนก็จะสมทบเข้าบริจาคกับบัญชีของสงฆ์อาพาธในแต่ละ รพ.เลย และฝาก อนุโมทนาบุญมายังผู้ที่บริจาคทุกๆ ท่านด้วยครับ



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ต้องขอขอบคุณท่านทั้งหลายและขออนุโมทนาและสาธุบุญย้อนหลังให้ทุกท่านด้วยครับ ช่วงนี้ผมติดภารกิจเยอะ หาเวลาเข้าเวบได้น้อย เพราะลำพังแค่เรื่องติดต่อ รพ.ต่างๆ และเรื่องการโอนเงินทั้งเงินบริจาคประจำเดือน และบริจาคผ้าทั้งผ้ามัสลินที่ขายเป็นหลา ผ้าห่มนวม หรือผ้าอังสะแล้ว+งานประจำที่จะต้องรีบทำช่วงปลายปีที่ต้องรีบสรุปตัวเลขทุกอย่างด้วย ผมจึงมีเวลาให้กระทู้่นี้ค่อนข้างน้อยไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่เมื่อเห็นทุกท่านทั้งรายชื่อเดิม และรายชื่อใหม่ที่เข้ามาบริจาคแล้ว คงต้องขออนุญาตใช้คำของพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาบัวมาใช้ครับ คำนี้ก็คือ "พอใจ...พอใจ" และก็ต้องต่อด้วยคำว่าชื่นใจให้อีกด้วย เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ซื้อสิ่งของทั้งหลายนี้ก็มาจากเงินในบัญชีส่วนกลาง และเงินที่หลายคนพอรู้ข่าวเรื่องการบริจาคเงินซื้อผ้าห่มหนาว ก็ร่วมกันมาด้วย อย่างน้องแมวเหมียว ก็ให้ทันที 7 พันกว่าบาท หรือคนอื่นๆ อีกหลายคน นี่เงินก็ส่งกันไปตามผู้รับผิดชอบตาม รพ. ต่างๆ จนหมดแล้ว ยกเว้นผ้ามัสลิน ที่เจ้าของร้านบอกอย่าเพิ่งโอนเงิน รอให้ส่งของครบก่อนค่อยโอน เจ้าของร้านนี้ใจบุญ และใจดีมากๆ เป็นผู้หญิงอายุไม่ีเยอะ แต่ชอบทำบุญมาก เช่นเราซื้อ 120 หลา แต่เขาบอกเอาไปเลยหนูร่วมทำบุญให้่ จัดเพิ่มเป็น 140 หลา โดยไม่คิดส่วนต่างเพิ่ม พร้อมจัดส่งให้เสร็จ เป็นต้น นี่ละครับ บุญที่เกิดจากความเต็มใจ และยินดี ผมโชคดีที่เจอเพื่อนๆ และผู้คนอย่างนี้หลายคนในการทำบุญกับสงฆ์อาพาธนับแต่เริ่มโครงการและเปิดกระทู้นี้มากว่า 2 ปี เจอเพื่อนที่ดีมุ่งในทาน ศีล ภาวนา ก็เหมือนเจอกับขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แล้ว ส่วนอื่นๆ นับว่าเป็นปลีกย่อย ขอสาธุในกุศลผลบุญของแต่ละท่านอีกครั้ง


    [​IMG]


     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สัปดาห์นี้ สืบหาพระเครื่องดีสัปดาห์มีชุดนี้มาฝากครับ (ราคายังไม่แพงมากด้วย เหรียญสวยน่าเก็บจริงๆ)


    [​IMG]


    เหรียญสุบินนิมิต พระอาจารย์มั่น พิธีใหญ่ ..หลวงปู่โต๊ะจุดเทียนชัย..

    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]

    เหรียญสุบินนิมิตพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ศ. 2521 ออกแบบมาจากมูลเหตุสำคัญที่พระอาจารย์มั่นฯ พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานได้พบแก่นแท้ของการวิปัสสนากรรมฐาน ที่นิมิตไปว่าได้มีม้าสีขาวพาท่านวิ่งไปพบตู้พระไตรปิฎกอยู่กลางป่า จึงทำให้ท่านมุ่งมั่นพากเพียรต่อการปฏิบัติอย่างยิ่ง จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในเวลาต่อมา ในการสร้างเหรียญรุ่นนี้เพื่อหารายได้ไปสมทบทุนสร้างพระวิหาร และเสนาสนะของวัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ พิธีมหาพุทธาภิเษก มีขึ้นที่พระวิหารวัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2521 โดยมีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมจำนวนหลายรูป เช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานจุดเทียนชัยและนั่งปรกพร้อมด้วยพระคณาจารย์จากสายพระอาจารย์มั่นฯ และสายครูบาศรีวิชัยอีกจำนวนมากมาร่วมพิธีและนั่งปรกตลอดงาน เช่น ครูบาคำแสน วัดป่าดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พระอาจารย์ทองบัว วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ฯลฯ ที่สำคัญพิเศษสุดได้นำไปให้หลวงปู่แหวนฯ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ อธิษฐานจิตเดี่ยวที่วัดดอยแม่ปั๋ง อีกด้วย โดยเหรียญนี้มีโค๊ต "จล" (เจดีย์หลวง) ที่ผ้าสังฆาฏิบริเวณหัวไหล่ซ้ายครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2009
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    นั่งค้นคว้าในเวบค้นไปค้นมา เจอบทความหนึ่ง เห็นว่าควรนำมาเผยแพร่เพื่อให้ทราบกัน เผอิญมีอยู่ในกระทู้นี้อยู่แล้ว จึงขอนำเรื่องเดิมมาปัดฝุ่นอีกครั้งหนึ่ง...

    ได้ฟังเล่ากันอึกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับพระสมเด็จแก้โรคอหิวาต์ จะเขียนแทรกลงไว้ตรงนี้ เมื่อปีระกา พ.ศ.2416 เกิด โรคอหิวาต์(โรคป่วง) ครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายกันมาก กล่าวในจดหมายเหตุบัญชีน้ำฝนของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (เล่ม3) ดังนี้ "ระกา ความไข้ คนตายนับได้ เกือบใกล้สี่พัน เบาน้อยกว่าเก่า หาเท่าลดกันมะโรงก่อนนั้น แสนหนึ่งบัญชี เขาจดหมายไว้ในสมุดปูนมีมากกว่าดังนี้เป็นไป

    "(เดือน 8 ข้างขึ้น)
    เกิดไข้ในวัดม้วย วันละคน
    ตั้งแต่สองค่ำดล หกเว้น
    ศิษย์พระวอดวายชนม์ ถึงสี่ เทียวนา
    บางพวกไกลโรคเร้น ชีพตั้ง ยังเหลือ

    จบเสร็จเผด็จสิ้น ปีระกา
    โรคป่วงเกิดมีมา ทั่วดาน
    น้ำน้อยไม่เข้านา เสียมาก เทียวแฮ
    ในทุ่งรวงข้าวม้าน ไค่กล้า นาเสีย"


    กล่าว กันว่า ในคราวนั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระราชทานแจกสมเด็จ (ชนิดปรกเมล็ดโพธิ์ ที่เรียกกันว่า "สมเด็จเขียว") ว่าคนเป็นอันมากได้รอดตายเพราะพระสมเด็จนั้น จึงเกิดกิตติศัพท์เลื่องลือกันแพร่หลายสืบมา


    ส่วนเนื้อเรื่องในกระทู้ทำบุญสงฆ์อาพาธมีดังนี้


    พระสมเด็จกรุบางน้ำชน (ปีระกาป่วงใหญ่) พิมพ์ปรกโพธิ์เม็ด

    [​IMG]
    พระพิมพ์นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ "สมเด็จปีระกา" ,"สมเด็จปีระกาป่วงใหญ่"
    "สมเด็จ เขียว" , "สมเด็จกรุบางน้ำชน" เป็นพระสมเด็จที่สร้างขึ้นที่วัดบวรสถานสุทธาวาส(วัดพระแก้ววังหน้า)และทัน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)และที่ถือว่าเป็นรุ่นพี่สมเด็จกรุบางขุนพรหมเพราะ สร้างก่อนเมื่อเกิดโรคป่วงหรืออหิวาห์ตกโรคขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2416 หลังจากที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ถึงแก่ชีพิตักษัย(มรณะภาพ)เมื่อปี พ.ศ.2415แล้วโรคป่วงหรืออหิวาห์ตกโรคได้คร่าชีวิตผุ้คนไปจำนวนมากมายเป็น หมื่นคนโรคนี้ระบาดอยู่ถึง 30 วัน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ได้มาเข้าฝันชาวบ้านให้เอาพระพิมพ์ของท่านทำ น้ำมนต์ดื่มกินเพื่อแก้โรคร้ายซึ่งน่าแปลกว่าโรคร้ายนี้ก็สงบลงภายใน 7 วัน เป็นพระพิมพ์ ร.5 ท่านพระราชทานให้ราษฎรและเจ้านายเชื้อพระวงศ์ข้าราชบริพารเพื่อเอาไว้ทำ น้ำมนต์ตามที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ได้มาเข้าฝันข้างต้น พระพิมพ์ที่ทรงพระราชทานส่วนใหญ่จะเป็นพิมพ์ปรกโพธิ์เม็ดและพิมพ์ปรกใบ แต่พิมพ์อื่นๆก้มีแต่น้อยกว่า 2 พิมพ์นี้ ท่านอาจารย์ประถม ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าพระพิมพ์กรุนี้ใช้แทนสมเด็จกรุบางขุนพรหมได้เลย อิทธิคุณเสมอกัน
    ปัจจุบันพระพิมพ์กรุนี้มีพบเห็นในสนามพระบ้างส่วนใหญ่จะเป็นพิมพ์ที่
    มีลักษณะแบบพิมพ์สมเด็จบางขุนพรหม ส่วนพิมพ์ปรกโพธิ์เม็ดและพิมพ์ปรกใบ ค่อนข้างหาได้ยากมากๆนานๆจะพบสักองค์


    นี่ล่ะคือภาพพระพิมพ์สมเด็จ "ปีระกาป่วงใหญ่" ที่มีลักษณะเนื้อออกสีเขียวตามรูป เป็นเนื้อแก่ปูนเหมือนพระพิมพ์สมเด็จบางขุนพรหม บางองค์ที่พบ แอบมีตราหมึกด้านหลังทำนองจะขายเป็นพระพิมพ์สมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ทรงเส้นด้ายซะด้วยซ้ำ สมาชิกประจำในกระทู้ที่ชอบพระพิมพ์สมเด็จมีกันเยอะ พระพิมพ์สกุลนี้ผู้ืที่เก็บไว้มากเป็นที่ปรึกษาทุนนิธิฯ ซะด้วยมาทำบุญกับทุนนิธิฯ ในช่วงที่มีรายการใหญ่ๆ เป็นประจำบางทียอท่านมาก ก็เอามาให้เช่าในราคา 300 บ้าง 500 บ้าง ซึ่งถูกกว่าพระออกใหม่สมัยนี้เป็นไหนๆ แต่ขอโทษอิทธิคุณยังห่างไกลกันเยอะ พอเอามาทีก็แย่งกันสนุกมือไป พระพิมพ์สกุลนี้น่าสนใจมากจริงๆ เนื้อหาสวย พระออกเนื้อเขียวอ่อน เลี่ยมทองแล้วสวยงามจริงๆ รับรองได้ อ้อ..ลืมบอกไป วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาฯ วันครบรอบทำบุญ 2 ปี ทุนนิธิฯ ที่จะถึงนี้ ท่านจะมาด้วย ผมจะให้ท่านติดไม้ติดมือมาสัก 4-5 องค์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2009
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอประชาสัมพันธ์มาให้ผู้ที่บริจาค และผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมในกระทู้นี้ทราบดังนี้

    1. กำหนดจัดกิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ในเดือนนี้ มีกำหนดการจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27/12/52 และถือเป็นการจัดงานครบรอบ 2 ปี ของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร

    2. ประมา๊ณการช่วยเหลือประจำเดือน ธันวาคม 2552 แยกตามแต่ละ รพ. เป็นดังนี้

    5.1 รพ.สงฆ์
    - ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.-
    - ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
    - ถวายค่าโลหิต 5,000.-

    5.2 รพ.ภูมิภาค
    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราช (ปัว) 8,000.-
    จ.น่าน
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย 5,000.-
    จ.เลย
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000.-
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
    - รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-
    รวมเป็นเงินในข้อ 5.1+5.2 = 66,000.-

    โดยเงินทั้งหมดในส่วนของ รพ.ภูมิภาค ผมและนายสติได้ดำเนินการโอนผ่านธนาคารและทางไปรษณีย์ธนาณัติไปเรียบร้อยแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลักฐานการโอนทั้งหมดสัปดาห์หน้าจะนำมาลงให้ทราบกันครับ

    3. กิจกรรมอื่นๆ ของทุนนิธิฯ

    กิจกรรมพบปะสังสรรค์เพื่อรับฟังผลงานในรอบปีที่ผ่านมาของทุนนิธิฯ และรับมอบพระพิมพ์ต่างๆ ที่ผ่านการตรวจอิทธิคุณเรียบร้อยแล้ว จากท่าน อ.ประถม อาจสาคร ที่จะเดินทางจากบ้าน จ.ชลบุรี มามอบให้ด้วยตนเองโดยมอบให้ผู้ที่มาร่วมงานทุกท่านฟรีถือเป็นการส่งความสุขในวันปีใหม่ให้ท่านด้วยสิ่งที่เป็นมงคลและเป็นพุทธานุสติเพื่อยังตนเข้าทาน ศีล และภาวนา ในปี พ.ศ.2553 ที่จะมาถึง พร้อมกับตอบข้อซักถามกับผู้ที่สนใจใน พระพิมพ์สกุล2408, 2411, พิมพ์วังหน้า, พิมพ์สกุลกรมท่า, พิมพ์สกุลปัญจสิริ, พิมพ์สกุลปีระกาป่วงใหญ่ และพระพิมพ์สกุลต่างๆ ที่ผ่านอธิษฐานจิตโดย หลวงปู่บรมครูพระธรรมฑูตเทพโลกอุดร หรือ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) หรือหลวงปู่อภิญญาต่างๆ ในสมัยนั้นเช่น หลวงพ่อเงิน หลวงปู่ภู หลวงปู่ศุข หลวงปู่เอี่ยมฯ

    หากผู้ที่สนใจและไม่ได้ติดภารกิจใดๆ ก็ขอเชิญมาร่วมทำบุญรับปีใหม่ และเนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี กับทุนนิธิฯ ด้วยครับ โดยกำหนดนัดเจอกันที่โรงอาหารของโรงพยาบาลด้านซ้ายมือของประตูทางเข้าในเวลา 7.30 น. และคาดว่าพิธีการเสร็จสิ้นน่าจะอยู่ช่วงเวลา ไม่เกิน 10 โมง โดยในงานก็จะมีวัีตถุมงคลให้ศึกษาและให้เช่าหากันในราคาถูกเพื่อสมทบทุนเข้าช่วยบริจาคให้สงฆ์อาพาธด้วยและหากท่านสนใจที่จะร่วมถวายสังฆทานอาหารแด่พระสงฆ์ที่อาพาธอยู่บนตึกต่างๆ ก็ช่วยนำนมกล่อง ผลไม้ ขนมอื่นๆ มาร่วมด้วยก็จะถือเป็นบุญกุศลของตนและครอบครัวสืบไป หรือหากจะนำขนมอื่นๆ เช่นขนมปัง หรือคุกกี้มา้้เ้พื่อให้สมาชิกที่มาร่วมกิจกรรมได้ประทังหิวช่วงที่พบปะพูดคุยกัน คณะกรรมการฯ ก็จะถือเป็นน้ำใจอันดีที่มีต่อกัน และผมเองก็ยินดีที่จะมอบพระพิมพ์ในนามส่วนตัวมอบให้ด้วยครับ

    พันวฤทธิ์
    20/12/52


     
  8. rawats_99

    rawats_99 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,947
    น่าสนใจครับ..อย่างไรก็แล้วแต่ในช่วงปลายเดือนก็จะได้ร่วมบุญกับคณะอีกครั้งครับ
     
  9. rawats_99

    rawats_99 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ดูไปไม่เป็นครับแต่เห็นแล้วถูกตาต้องใจครับ
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    = = = = นาฬิกา = = = =

    <!-- Main -->


    [SIZE=-1]<CENTER>โดย วินทร์ เลียววาริณ

    [SIZE=-1]จาก หนอนในตะกร้า เว็บ winbookclub.com [/SIZE][SIZE=-1]</CENTER>[/SIZE]





    [SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]</CENTER>[/SIZE]




    [SIZE=-1]ผมไม่ได้สวมนาฬิกาข้อมือมาราวสิบห้าปีแล้ว [/SIZE]



    [SIZE=-1]สิบกว่าปีนี้ผมยังไม่เคยผิดนัดกับใคร ส่วนใหญ่ไปก่อนเวลานัดเสมอ [/SIZE]



    [SIZE=-1]สาเหตุที่ไม่สวมนาฬิกาข้อมือ ไม่ใช่เพราะแอนตี้คนขายนาฬิกา หรือดัดจริตต่อต้านสังคม (ที่หลายคนบ่นว่าตกเป็นทาสของเวลา) หรือเพื่อความเท่แต่ประการใด ผมรำคาญกับการสวมสร้อย แหวน หรือการสวมสารเคมีบนร่างกายมานานแล้ว วันดีคืนดี ผมมองดูนาฬิกาบนข้อมือแล้วเกิดความรู้สึกว่า น่าจะปลดมันออกได้แล้ว (แหวนแต่งงานไม่อยู่ในข่ายนี้ เพราะสวมเพื่อคนอื่น) [/SIZE]



    [SIZE=-1]เปล่า ผมยังไม่ได้ปฏิเสธนาฬิกาโดยสิ้นเชิง ตรงข้ามกลับชอบดูดีไซน์นาฬิกาสวย ๆ บางครั้งก็ยังซื้อมาดูเล่น เพราะชอบการออกแบบ เมื่อเดินทางข้ามประเทศ ก็พกมันไปด้วยเพื่อเทียบเวลา แต่ยัดมันใส่ในกระเป๋า [/SIZE]






    [SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]</CENTER>[/SIZE]




    [SIZE=-1]ถ้าเช่นนั้นรู้ว่าเป็นเวลาไหนได้อย่างไร? [/SIZE]



    [SIZE=-1]ลองไม่ใส่นาฬิกาสักหนึ่งวัน คุณอาจพบว่า ไม่ว่าคุณกวาดตาไปที่ไหนก็เห็นนาฬิกา [/SIZE]



    [SIZE=-1]อาคารทุกหลังมีนาฬิกา โทรศัพท์มือถือทุกเครื่องมีนาฬิกา และเกือบทุกคนที่เดินผ่านคุณ สวมนาฬิกา [/SIZE]



    [SIZE=-1]นาฬิกาท่วมโลกเสียจนคนแปลกหน้าที่มาถามเวลาเราน้อยลงทุกที [/SIZE]






    [SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]</CENTER>[/SIZE]




    [SIZE=-1]ทว่านาฬิกาเป็นคนละเรื่องกับเวลา[/SIZE]



    [SIZE=-1]นาฬิกาไม่ใช่เวลา ![/SIZE]



    [SIZE=-1]คนที่สวมนาฬิกาจึงไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ตรงต่อเวลา[/SIZE]



    [SIZE=-1]คนที่ตรงต่อเวลาก็ไม่จำเป็นต้องสวมนาฬิกา [/SIZE]






    [SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]</CENTER>[/SIZE]





    [SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]</CENTER>[/SIZE]




    [SIZE=-1]จริงอยู่โลกของเราตอนนี้ ถูกผูกรัดด้วยคำว่า "เวลา" ตั้งแต่ตื่น (โดยนาฬิกาปลุก) จนเข้านอน [/SIZE]



    [SIZE=-1]08.00 น. ทำงาน …12.00 น. กินข้าวเที่ยง …17.00 น. เลิกงาน [/SIZE]



    [SIZE=-1]ความจริงก็คือ ไม่มีใครหนีตารางเวลาของโลกพ้น [/SIZE]



    [SIZE=-1]ต่อให้เป็นคนที่ไม่ต้องทำงานใต้แรงกดดันของเวลา ....กระทั่งคนที่อยู่คนเดียวในเกาะร้าง [/SIZE]
    [SIZE=-1]ก็ต้องเกี่ยวข้องกับเวลา ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม [/SIZE]



    [SIZE=-1]ดอกไม้ออกดอก สัตว์ป่าผสมพันธุ์บางเวลา[/SIZE]



    [SIZE=-1]ชาวนาปลูกข้าวเกี่ยวข้าวได้เพียงบางเวลาของปีเท่านั้น[/SIZE]



    [SIZE=-1]ชาวสวนเก็บผลไม้ในบางฤดูกาล[/SIZE]



    [SIZE=-1]พวกเขาอาจไม่มีนาฬิกา แต่พวกเขากลับ "ตรงต่อเวลา" อย่างที่สุด [/SIZE]







    [SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]</CENTER>[/SIZE]





    [SIZE=-1]การตรงต่อเวลาจึงมิใช่การตกเป็นทาสของเวลา [/SIZE]




    [SIZE=-1]ผู้ที่เป็นทาสของเวลาคือ พวกที่ดูเหมือนจะทำงานอย่าง "ตรงเวลา" [/SIZE]

    [SIZE=-1]เช่น หากไม่ถึง 08.00 น. จะไม่ยอมเปิดสำนักงานหรือไม่เริ่มทำงานเด็ดขาด [/SIZE]

    [SIZE=-1]และเมื่อนาฬิกาชี้ที่เวลาเลิกงาน ลานทำงานในตัวพวกเขาก็หยุดเดินทันที [/SIZE]




    [SIZE=-1]มนุษย์เรามีข้ออ้างเสมอในแทบทุกอย่าง เห็นการตรงต่อเวลาเป็นการตกเป็นทาสของเวลา นิยมละลายชีวิตด้วยการฆ่าเวลา ยังไม่หนำใจ ก้าวไปปรับเวลาของธรรมชาติ โดยการทำลายระบบนิเวศอย่างสาหัส จนฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และทำลายธรรมชาติอย่างมโหฬาร ส่งผลให้ชีวิตอื่นต้องเลิก "ตรงต่อเวลา" ไปด้วย หลายชีวิตถึงขั้นสูญพันธุ์ [/SIZE]



    [SIZE=-1]ใช่ .....คนแปลกหน้าที่มาถามเวลาเราน้อยลงทุกที [/SIZE]






    [SIZE=-1]<CENTER>วินทร์ เลียววาริณ [/SIZE]

    [SIZE=-1]20-10-2004[/SIZE][SIZE=-1]</CENTER>[/SIZE]






    [SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]</CENTER>[/SIZE]






    [SIZE=-1]<CENTER>ธรรมสวัสดี</CENTER>[/SIZE]




    <CENTER>ร่มไม้เย็น ค่ะ[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>
    [/SIZE]
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097





    <CENTER>นำมาจาก diary ของเว็บ dek-d.com/-NooNUY-/


    บทที่ 7 เรื่อง ‘ปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง ? นั่งสมาธิ : ทำไมต้องขวาทับซ้าย’


    เขียนโดย ว.วชิรเมธี





    <CENTER>[​IMG]</CENTER>




    ปุจฉา



    เหตุใดพุทธศาสนาจึงแนะนำว่า เวลานั่งสมาธิให้นำขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย


    ซึ่งบางมุมมองก็มีสอนว่าการจะทำอะไรก็ตาม สำคัญอยู่ที่ใจ


    ดังนั้น โยมจึงคิดเองว่า การที่เรามีความตั้งใจดีที่จะนั่งสมาธิ


    ไม่น่าจะต้องมีพิธีรีตองอะไรมากขนาดที่ต้องนำขาขวาทับขาซ้าย



    ที่โยมแย้งมา มิได้ชอบแหกกฎแต่ประการใด เพียงแต่อยากทราบเหตุผลกลใด จึงมีการสั่งสอนมาเช่นนี้


    โยมคิดว่าคงจะเป็นกุศโลบายอะไรสักอย่าง มันน่าจะมีเหตุผลอะไรมากกว่านี้


    (มิใช่สักแต่ว่าทำต่อๆกันมา)


    ไม่ทราบว่าท่านมีความเห็นเป็นประการใดคะ?


    อรวรรณ / รามอินทรา / กรุงเทพฯ




    หลวงปู่ ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>




    วิสัชนา


    โดย ว.วชิรเมธี




    ตอนยังเด็ก ผู้เขียนเคยไปนั่งเรียนพิมพ์ดีดอยู่สองสามเดือนกว่าจะพิมพ์สัมผัสได้


    ก็ต้องไปนั่งหลังขดหลังแข็ง หัดวางมือให้ตรง นั่งให้หลังตรง ตาต้องมองที่กระดาษไม่ใช่มองที่แป้นพิมพ์


    ในขณะที่เรียน รู้สึกว่าอะไรๆมันช่างหยุมหยิมเสียเหลือเกิน ร่ำๆ จะเลิกเรียนกลางคันก็หลายครั้ง


    เพราะผู้เขียนเป็นคนไม่ชอบพิธีรีตอง ไม่ชอบอะไรที่เป็นแบบแผน แต่เมื่อทนเรียนไปจนจบหลักสูตร


    สอบผ่านเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถมานั่งพิมพ์งานได้คล่องปร๋ออย่างสบายอกสบายใจ


    พอพิมพ์เป็นแล้ว ก็ไม่ต้องมานั่งถามตัวเองว่าเรานั่งหลังตรงหรือไม่ วางมือถูกต้องหรือไม่


    เมื่อเราเริ่มฝึกใหม่ๆ เราต้องทำตาม




    หลวงพ่อ ลี ธมฺมธโร วัดอโศการาม

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>




    การฝึกจิตก็เช่นเดียวกัน เมื่อเราเริ่มฝึกใหม่ๆ เราต้องทำตามแบบแผนต่างๆที่ท่านวางไว้


    เมื่อทำตามแบบแผนจน "เป็น" แล้ว คราวนี้ละ เราจะเดินสมาธิ นั่งสมาธิ นอนสมาธิ วิ่งสมาธิ


    หรือแม้แต่จะทำกับข้าวไป ทำสมาธิไป ก็ยังได้




    แบบแผนต่างๆที่ดูยุ่งยาก รุงรัง รุ่มร่ามนั้นมีความหมาย มีเหตุผลอยู่ในตัวเองทุกอย่าง


    ตราบใดที่เรายังไม่เข้าใจ ยังไม่ซาบซึ้งถึงเหตุผลที่ท่านบัญญัติจัดวางไว้ ก็อย่าเพิ่งตำหนิว่า


    สิ่งเหล่านั้นไร้ค่า หมดความหมาย แต่ควรเปิดใจให้กว้าง ลองศึกษาหาเหตุผลให้ถี่ถ้วนเสียก่อน


    เมื่อค้นพบคำตอบที่ชัดเจนแล้ว จะวิพากษ์วิจารณ์ตัดสินอย่างไร ก็ค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง





    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ภาพแสดงท่านั่งสมาธิและแสดงตำแหน่งที่ตั้งจิต....หน้าตรง




    การทำสมาธินั้น ที่ท่านให้นั่งขวาทับซ้าย ก็เพราะคนทั่วไปถนัดขวาเป็นส่วนมาก


    การเอาขวาทับซ้าย จึงเหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ถนัดขวาอยู่แล้ว


    การเอามือขวาทับมือซ้าย ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน




    ส่วนการตั้งกายให้ตรงนั้น เพราะการนั่งให้หลังตรง จะช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ สะดวก


    การสั่งงานของระบบประสาทต่างๆจากสมอง สู่ไขกระดูกสันหลังจะเป็นไปอย่างราบรื่น สะดวก




    การหลับตา ก็เพื่อจะให้จิตเป็นสมาธิเร็วขึ้น เพราะเมื่อเราลืมตา ก็จะเห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้


    เมื่อเห็นรูป จิตก็ไม่สงบ คอยแต่จะพล่านอยู่ตลอดเวลา


    แต่เมื่อเราปิดตาก็เท่ากับว่าเราจัดสภาพแวดล้อมให้จิตสงบได้ง่ายขึ้น




    <CENTER>[​IMG]</CENTER>




    รวมความว่า การเอาเท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาวางบนมือซ้าย ตั้งกายให้ตรง


    ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้เรานั่งได้อย่างสะดวกที่สุด เกิดดุลยภาพทางกายได้มากที่สุด


    เพราะเมื่อนั่งในท่านี้ จะเป็นท่าที่องคาพยพทุกส่วนเกิดดุลยภาพดีที่สุด





    ท่านั่งมาตรฐานอย่างนี้ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นสมาธิ


    ต่อเมื่อใดก็ตาม ที่นั่งสมาธิเป็นแล้ว จับหลักได้


    จะพลิกแพลงไปอย่างไร ก็ได้ทั้งนั้น




    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ธรรมสวัสดี
    </CENTER>



    <CENTER>ร่มไม้เย็น ค่ะ[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER>
     
  12. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างใช้เวลาส่วนใหญ่สร้างพระเครื่องถวายพระอาจารย์ วันนี้พระทั้งหมดได้ทำเสร็จและนำไปถวายให้พระอาจารย์อธิษฐานจิตเพื่อนำมาให้บูชาที่วัดในคืนวันส่งท้ายปีเก่าคือ 31 ธันวาคมนี้

    จริงๆแล้วพระชุดนี้ได้มีเจตนาทำเพื่อให้บูชาวันเททองหล่อพระนอนที่วัดในวันที่19ธันวาคมแต่ หลวงพ่อห้ามไว้ ว่างานบุญใหญ่ พระผู้ใหญ่มากันมากไม่อยากนำบูชาในงาน จึงเลื่อนมาเสกซ้ำเพื่องานปีใหม่ที่วัด

    ในคืนปีใหม่ที่วัดจะมีการสวดมนต์จนถึงเที่ยงคืนจนข้ามปีใหม่ มีการทำบังสกุลตายและบังสกุลเป็นให้กับทุกๆท่านที่ไปร่วม เป็นประเพณีที่วัดที่ทำกันมาแล้วนับสิบๆปี มาหลายท่านประสบโชคดี และแคล้วคลาดปลอดภัยกันมากต่อมากจนเป็นที่รู้กันโดยไม่ต้องประชาสัมพันธ์ใดๆ ในคืนส่งท้ายปีเก่าผู้มีจิตศรัทธาจะมากันจนเต็มศาลาขนาดใหญ่ล้นมาด้านนอกหลายพันคนครับ

    ไว้ค่ำๆมาเขียนต่อว่าที่เล่ามานั้นคือวัดไหนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ธันวาคม 2009
  13. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ภาพเททองหล่อพระนอนที่วัดในวันที่19ธันวาคมที่ผ่านมา โดยคณะทุนนิธิฯหลายท่านรวมถึงพี่ใหญ่ได้ร่วมกันทำบุญและมอบชนวนที่เหลือจากการสร้างพระปิยะบารมีร่วมหล่อพระนอนด้วย
    [​IMG]

    ภาพร่างที่ช่างได้เขียนสำหรับปั้นพระต้นแบบเพื่อหล่อเป็นพระนอนองค์ใหญ่ที่วัดต่อไป

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ธันวาคม 2009
  14. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    มาเฉลยครับ เรื่องที่เล่ามาแต่แรกคือ หลวงพ่อเชื่อม เจ้าอาวาส วัดเขาทองพุทธาราม ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ในวันส่งท้ายปีใหม่นี้ ท่านใดยังไม่รู้จะไปเที่ยวหรือทำบุญที่ไหนขอเชิญครับ วัดจะมีงานตั้งแต่หัวค่ำ มีอาหารโรงทานเลี้ยงฟรีตลอดคืน โดยเฉพาะปีนี้จะมีพระที่หลวงพ่ออนุญาตให้ออกบูชาได้ทำบุญปีใหม่กัน มาชมตัวอย่างพระที่มีให้บูชาครับ

    [​IMG]



    [​IMG]

    เหรียญหล่อรูปไข่ทำจากเนื้ออาปาก้าที่หล่อยาก ส่วนใหญ่จะเป็นการปั๊มครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    เหรียญหล่อใบโพธิ์เนื้ออาปาก้า ถ้าดูเผินๆจะคล้ายๆกับรูปหล่อใบโพธิ์ทั่วๆไป แต่ถ้าพิจารณาจะพบว่าใบโพธิ์จะพริ้วอ่อนช้อย และเส้นยันต์ด้านหลังของจริงจะคมชัดและเป็นเส้นเล็กๆ เพราะพระนี้ทำด้วยวิธีโบราณแกะมือด้วยช่างชั้นครู ไม่ใช่เครื่องครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    แต่ที่แนะนำคือล็อกเก็ตรุ่นแรก ที่หลวงพ่ออนุญาตให้ทำได้ ทำไมผมถึงบอกว่าดีเพราะว่า
    ล็อคเก็ตนี้ทำการเสกถึงสามวาระ
    ครั้งแรกคือทำการเสกตะกรุด
    ครั้งสองคือทำการเสกตัวล็อคเก็ต
    ครั้งที่สามคือเมื่อนำล็อคเก็ตมาอุดผงวิเศษที่หลวงพ่อมอบให้และฝั่งตะกรุดเกศาจีวรแล้วทำการเสกอีกครั้งครับ

    พระทั้งหมดนี้ทำบุญได้ในวันงานสิ้นปีนี้ที่วัดครับ หลวงพ่อเชื่อมท่านเป็นพระปฎิบัติที่ไม่ทำพระออกมาบ่อยนั้น เป็นศิษย์ในหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อยี และอีกหลายท่าน เคยอยู่ป่าใช้ชีวิตแบบฤาษีมาหลายปีจนหนวดยาวเสื้อผ้าที่ใส่ขาดหมด เมื่อถึงวาระอันสมควรจึงบวชพระจนปัจจุบันอายุได้81พรรษาครับ
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้มีบทความการทำงานในทุนนิธิฯ แห่งนี้ ก่อนที่จะถึงวันจัดกิจกรรมครบรอบ 2 ปี ที่ รพ.สงฆ์ในวันอาทิตย์ที่ 27 ธ.ค. 52 นำมาให้ผู้ที่เข้ามาในกระทู้ได้อ่านกันครับ


    บางทีการสร้างบารมีในการทำงานให้ทุนนิธิฯ จากเริ่มต้นมายังปีที่หนึ่ง และปีที่สองนั้น มันต้องผ่านจุดทดสอบทั้งความอดทน สติปัญญา พร้อมทั้งการเอาใจใส่มากกว่างานที่ได้ทำประจำไว้มาก เพียงแค่คิดว่าจะตั้งแต่ไม่ทำก็เป็นเพียงแค่ความคิดซึ่งหาได้เกิดอรรถประโยชน์อย่างใดไม่ หรือตั้งแล้วไม่เอาใจใส่ก็ยังผลไม่เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมแต่อย่างใด
    ทุนนิธิฯ นี้ ก่อตั้งมาครบ 2 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวทั้งในเรื่องการติดต่อประสานงานกับ จนท.ตาม รพ.ต่างๆ การวางแผนการทำงานในแต่ละเดือน ในเรื่องการวางแผนการทำงานในแต่ละขั้นตอนมามากพอสมควร วันนี้ จึงขอนำ 10 วิธีการสร้างบารมีมาลงให้อ่านกันพอเป็นสังเขป บางคนอาจจะมีหลายข้อ บางคนอาจจะมีน้อยข้อก็ถือว่าเป็นวาสนาบารมีที่แต่ละคนจะต้องเร่งเพียรพยายามกันต่อไป ลองมาอ่านดูบทความข้างล่างนี้ดูกันครับ เมื่ออ่านแล้วก็จะรู้เองว่าตนเองควรทำอย่างไร และควรเป็นเช่นไร...

    10 วิธีการสร้าง 'บารมี'


    คำว่า 'บารมี'
    ตามพจนานุกรม บารมี แปลว่า คุณความดีที่ได้บำเพ็ญมา
    แต่ในชีวิตจริงมีคนใช้ในความหมายว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่
    มีความสามารถสูง เก่ง ดี
    และตีความว่าต้องดี-เก่งทุกเรื่อง


    หลายคนเชื่อผิดๆว่า
    บารมีเป็นคุณสมบัติของผู้บริหารระดับสูง
    ข้าราชการผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์
    หรือผู้มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น

    คนทำงานตำแหน่งเล็กๆหรือ
    ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่มีบารมีอย่างเขา
    หรือท่านเหล่านั้นแน่ๆ

    จากบทความที่ป้าเสลาพบในคอลัมน์ Body Mind
    ในนิตยสารเปรียว พูดถึง 10 วิธีการสร้าง 'บารมี'
    ไว้อย่างน่าสนใจมากว่า ....


    ในความเป็นจริงแล้วเราทุกคน ไม่ว่าเด็ก วัยรุ่น
    หรือผู้ใหญ่ สามารถสร้างบารมีขึ้นมาเองได้
    ด้วยการทำความดี
    โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีวุฒิภาวะ
    หรือเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน......



    สำหรับวิธีการสร้างเสริมบารมีให้กับตัวเองมีดังนี้


    1. รู้จักการให้
    ความไม่ตระหนี่ถี่เหนียว การแบ่งปันให้คนรอบข้าง
    ไม่เห็นแก่ตัว มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนรอบข้าง
    ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่หวังผลตอบแทน
    หรือคิดถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว

    2. รักษาศิล
    เป็นผู้ปฏิบัติดีมีศีลธรรมประจำ สม่ำเสมอ
    ทั้งกาย วาจา ใจ เป็นคนคิดดี พูดดี ทำดี
    ไม่ให้ร้ายผุ้อื่น

    3. ระงับความอยาก
    ไม่เป็นคนหมกมุ่น ฝักใฝ่ แสวงหา
    มุ่งหวังประโยชน์ให้ตนเอง

    4. มีเมตตา
    ให้ความรักใคร่และเมตตา
    ช่วยเหลือเกื้อกูลคนรอบข้าง
    ชี้แนะ ให้คำปรึกษา ช่วยแก้ไขปัญหา

    5. ฉลาดรอบรู้
    เป็นคนรู้จักคิดและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยุ่เสมอ
    ซึ่งจะมีประโยชน์ในการทำงาน แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
    ตลอดจนช่วยเหลือให้คำแนะนำผู้อื่นได้ด้วย

    6. อดทนอดกลั้น
    อดทนต่องานหนัก ต่อสู้กับปัญหาต่างๆได้โดยไม่หวาดหวั่น
    มีความเพียรพยายาม ไม่ท้อถอย
    สามารถควบคุมอารมณ์ ใช้สติปัญญา
    ใตร่ตรองแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยความรอบคอบ
    และลุล่วงด้วยดี

    7. ซื่อสัตย์
    ความซื่อสัตย์และซื่อตรง เป็นหัวใจสำคัญในการทำงาน
    ไม่คิดคดโกงกับเพื่อนหรือองค์กร
    รักษาคำพูด เมื่อตกปากรับคำไว้แล้ว
    ก็ทำให้คนเชื่อถือได้

    8. ขยันหมั่นเพียร
    เป็นคนขยัน กล้าเผชิญกับงานยาก
    ไม่ท้อถอย ตั้งใจเรีนรู้งาน
    ปฏิบัติงานด้วยความเพียรอุตสาหะ

    9. มีความตั้งใจแน่วแน่
    เมื่อมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบแล้ว
    ก็งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
    ให้สำเร็จลุล่วง ด้วยความตั้งใจแน่วแน่
    โดยอาศัยความเพียร พยายาม สติปัญญาและอดทน
    โดยมุ่งหวังความสำเร็จเป็นที่ตั้ง

    10. มีใจเป็นกลาง
    มีความยุติธรรม ไม่ลำเอียงเข้าข้างผู้ใด
    ด้วยถือความสนิทสนมหรือเอาความเกลียดชัง
    มาเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจหรือพิจารณา




    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top>[​IMG]....</TD><TD vAlign=top>



    ทั้งหมดนี้....
    หากสามารถปฏิบัติได้ครบทั้ง 10 ข้อแล้ว
    ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร
    ก็สามารถมี 'บารมี ' ได้
    ไม่แพ้คนอื่นแน่นอน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    10
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    บุญ ๑๐ วิธี
    ตามหลักพุทธศาสนา มีการทำบุญด้วยกัน ๑๐ วิธี เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (สิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ ๑๐ ประการ) คือ
    ๑. ให้ทาน แบ่งปันผู้อื่นด้วยสิ่งของ ไม่ว่าจะให้ใครก็เป็นบุญ (ทานมัย) การให้ทานเป็นการช่วยขัดเกลาความเห็นแก่ตัว ความคับแคน ความตระหนี่ถี่เหนียว และความติดยึดในวัตถุ นอกจากนี้สิ่งของที่เราแบ่งปันออกไปก็จะเป็นประโยชน์กับบุคคลหรือชุมชนโดยส่วนรวม
    ๒. รักษาศีล ก็เป็นบุญ (ศีลมัย) เป็นการฝึกฝนที่จะ ลด ละ เลิกความชั่ว ไม่ไปเบียดเบียนใคร มุ่งที่จะทำความดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่นเป็นการหล่อเลี้ยงบ่มเพาะให้เกิดความดีงามและพัฒนาคุณภาพชีวิตไม่ให้ตกต่ำ
    ๓. เจริญภาวนา ก็เป็นบุญ (ภาวนามัย) การภาวนาเป็นการพัฒนาจิตใจและปัญญา ทำให้จิตสงบ ไม่มีกิเลส ไม่มีเรื่องเศร้าหมอง เห็นคุณค่าสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ผู้ที่ภาวนาอยู่เสมอย่อมเป็นหลักประกันว่า จิตจะมีความสงบ ชีวิตมีความสุข คุณภาพชีวิตดีขึ้น สูงขึ้น
    ๔. อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้น้อยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็แสดงออกในความมีเมตตาต่อผู้น้อย และต่างก็อ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรมรวมถึงการให้เกียรติ ให้ความเคารพในความแตกต่างซึ่งกันและกันทั้งในความคิด ความเชื่อและวิถีปฏิบัติของบุคคลและสังคมอื่น เป็นการลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตน ก็เป็นบุญ (อปจายนมัย)
    ๕. ช่วยเหลือสังคมรอบข้าง ช่วยเหลือสละแรงกาย เพื่องานส่วนรวม หรือช่วยงานเพื่อนบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็เป็นบุญ (ไวยาวัจจมัย)
    ๖. เปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมทำบุญกับเรา หรือในการทำงานก็เปิดโอกาสให้คนอื่นมีส่วนร่วมทำ ร่วมแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงการอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย ก็เป็นบุญ (ปัตติทานมัย)
    ๗. ยอมรับและยินดีในการทำความดี หรือทำบุญของผู้อื่น การชื่นชมยินดีหรืออนุโมทนาไม่อิจฉาหรือระแวงสงสัยในการกระทำความดีของผู้อื่น ก็เป็นบุญ (ปัตตานุโมทนามัย)
    ๘. ฟังธรรม บ่มเพาะสติปัญญาให้สว่างไสว ฟังธรรมะ ฟังเรื่องที่ดีมีประโยชน์ต่อสติปัญญา หรือมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นความจริง ความดี ความงาม ก็เป็นบุญ (ธรรมสวนมัย)
    ๙. แสดงธรรม ให้ธรรมะและข้อคิดที่ดีกับผู้อื่น แสดงธรรมนำธรรมะไปบอกกล่าว เผื่อแผ่ให้คนอื่นได้รับฟัง ให้เขาได้รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นเรื่องของความจริง ความดี ความงามก็เป็นบุญ (ธรรมเทศนามัย)
    ๑๐. ทำความเห็นให้ถูกต้องและเหมาะสม มีการปรับทิฏฐิ แก้ไขปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น ความเข้าใจให้ถูกต้องตามธรรม ให้เป็นสัมมาทัศนะอยู่เสมอ เป็นการพัฒนาปัญญาอย่างสำคัญ ถือเป็นบุญด้วยเช่นกัน (ทิฏฐุชุกรรม)
    ทิฏฐุชุกรรมหรือสัมมาทัศนะ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำบุญทุกชนิดและทุกโอกาส จะต้องประกบและประกอบเข้ากับบุญกิริยาวัตถุข้ออื่นทุกข้อ เพื่อให้งานบุญข้อนั้น ๆ เป็นไปอย่างถูกต้องตามความหมายและความมุ่งหมาย พร้อมทั้งได้ผลถูกทาง

    การทำบุญ ๑๐ ประการนี้ สามารถสรุปเป็นข้อความคล้องจองกันว่า
    ๑. แบ่งปันกันกิน ๒. รักษาศีล คือ กาย วาจา
    ๓. เจริญสมาธิภาวนา ๔. กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
    ๕. ยอมตนรับใช้ ๖. แบ่งให้ความดี
    ๗. มีใจอนุโมทนา ๘. ใฝ่หาฟังธรรม
    ๙. นำแสดงออกไม่ได้เว้น ๑๐. ทำความเห็นให้ถูกต้อง


    ขอขอบคุณ
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    นิทานสีขาว... "คนขายสุนัข"

    <!-- Main --><CENTER>[​IMG]</CENTER>



    มีร้านค้าแห่งหนึ่งติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง


    วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่งก็มากระตุกชายเสื้อเขา เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่


    เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับเด็กบอกอย่างสุภาพ


    อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดีแล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา


    เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมาที ละตัว เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ? เด็กชายถาม


    เจ้าของร้านตอบว่า ? อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้


    สิ้นคำเจ้าของร้าน ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน


    ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ เห็นได้ชัดว่ามันพยายามคลานมาหาเขา หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย ท่าทางจะชอบเขามาก


    เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?


    ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ เจ้าของร้านตอบ


    เด็กชายนิ่งอึ้งไปก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับเขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้ เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ


    เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย


    เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า
    ทำไมครับ ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้


    ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน
    และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ ความจริงอาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ ลองดูตัวอื่นดีไหม?

    เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า คุณอาดูอะไรนี่สิครับ ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น


    เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่าขาของเด็กชายคนนี้เล็กลีบเช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้


    คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ?


    เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา


    เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่าผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ในราคาสองพันบาทเท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท คุณอาจะว่าอย่างไรครับ?


    เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ พลางกล่าวขอโทษขอโพยในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป


    เขาบอกว่าไม่ขัดข้องที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูก สุนัขตัวนี้และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก.


    .....................


    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
    ที่มา : นิทานสีขาว เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา


     
  18. temmeko

    temmeko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2009
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +271
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 borderColor=#ffffff cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD colSpan=2>วันอาทิตย์นี้เท็มคงไม่ได้ไปร่วมทำบุญค่ะ พอดีตอนนี้มาเชียงใหม่กับที่บ้านแล้วค่ะ แต่ก็ขอบริจากเพื่อร่วมทำบุญวันอาทิตย์นี้ด้วยนะค่ะ



    รายละเอียดการทำรายการ




    </TD></TR><TR><TD width="34%">
    วิธีโอนเงิน
    </TD><TD width="66%">ออนไลน์ (06.00 - 21.00) </TD></TR><TR><TD width="34%">จากบัญชี</TD><TD width="66%">xxx-x-xxxxx-x</TD></TR><TR><TD width="34%">ธนาคารเจ้าของบัญชี</TD><TD width="66%">ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)</TD></TR><TR><TR><TD width="34%">เพื่อเข้าบัญชี</TD><TD width="66%">348-1-23245-9 ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร</TD></TR><!-- Adding Account Name UAT defect number 414--><TR><TD width="34%">ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล</TD><TD width="66%">PRATOM F.</TD></TR><!-- /Adding Account Name --><!-- <tr> <td width="25%">สาขา</td> <td width="75%">ถนนวิภาวดีรังสิต(ซันทาวเวอร์ส) </td> </tr> --><TR><TD width="34%">จำนวนเงิน (บาท)</TD><TD width="66%">1,000.00</TD></TR><TR><TD width="34%">ค่าธรรมเนียม (บาท)</TD><TD width="66%">25.00</TD></TR><TR><TD width="34%">วันที่โอนเงิน</TD><TD width="66%">25/12/2009 [15:25:53]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ
    ตัวผมเองก็ยังหาโอกาสจังหวะลงไปร่วมงานบุญใหญ่ด้วยตัวเองไม่ได้ซักทีเลยครับ
    คงได้แต่ฝากร่วมทำบุญทางไกลกับพี่ๆแทนนะครับ
    วันนี้คงไม่ได้เข้าเว็บแล้วเลยแจ้งร่วมทำบุญเอาไว้ก่อนเลยนะครับ
    ช่วงเย็นๆค่ำๆ ผมและครอบครัวจะโอนเงินร่วมทำบุญเพื่อให้ทันร่วมบุญครบรอบ2ปีวันพรุ่งนี้นะครับ ได้ร่วมบุญดีๆแบบนี้ทุกๆเดือนรู้สึกดีมากๆเลยครับ

    สาธุๆๆๆ

    วันนี้(26ธค.)ผมและครอบครัวโอนเงินทำบุญของเดือนนี้แล้วนะครับ 200บาทครับ
    โอนช้าไปหน่อยแต่ยังทันทำบุญพรุ่งนี้นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2009
  20. คุณบุญยัง

    คุณบุญยัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    382
    ค่าพลัง:
    +890
    วันนี้ผมได้โอนเงิน 300 บาท เพื่อร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุอาพาธแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...