ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    .*. ทุกอย่างย่อมมีสิ่งที่ดีกว่าเสมอ!! .*.

    ทุกอย่างย่อมมีสิ่งดีกว่าเสมอ
    เด็กตาบอดคนหนึ่งนั่งตรงขั้นบันได

    โดยวางหมวกไว้ข้างๆ และยกป้ายที่เขียนว่า
    " ผมตาบอดช่วยเหลือผมด้วย"
    ในหมวกใบนั้นมีเพียงเหรียญ อยู่นิดหน่อย
    มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
    เขาหยิบมันออกจากกระเป๋าแล้วหย่อนลงในหมวก
    หลังจากนั้นชายคนนั้นก็หยิบป้ายขึ้นมา
    หมุนป้ายและเขียนคำบางคำลงไป
    เขาวางป้ายนั้นลงเพื่อให้คนที่ผ่านไปมาได้เห็น
    คำที่เขียนใหม่
    ไม่นานนัก เหรียญในหมวกก็เริ่มเต็ม
    มีคนจำนวนมากให้เงินเด็กตาบอดคนนั้น
    บ่ายวันนั้นเอง ชายคนนนั้นกลับอีกครั้ง
    เพื่อมาดูว่าเด็กชายตาบอดเป็นอย่างไรบ้าง

    เด็กตาบอดจำเสียงเดินของชายคนนั้นได้ จึงถามว่า

    คุณคือคนที่เปลี่ยนคำพูดในป้ายของผมใช่ไหม
    คุณเขียนว่าอะไร
    ชายผู้นั้นบอกว่าฉันแค่เขียนความจริง
    ฉันเขียนในสิ่งที่คุณเขียนไว้แล้ว
    แต่ในอีกรูปแบบหนึ่ง
    สิ่งที่ชายคนนั้นเขียนคือ
    วันนี้เป็นวันที่สวยงาม
    แต่ฉันไม่สามารถมองเห็นมัน

    คุณคิดว่าข้อความป้ายครั้งแรก
    กับข้อความป้ายครั้งที่สอง
    กล่าวถึงสิ่งเดียวกันหรือเปล่า
    แน่นอนป้ายทั้งสอง บอกผู้คนว่าเด็กเป็นคนตาบอด
    แต่ป้ายแรกบอกเพียงว่า ให้ผู้คนบริจาค
    เงินเพียงเล็กน้อยลงในหมวก ส่วนป้ายที่สองบอกว่า
    พวกเขาสามารถมีความสุขในวันที่สวยงามได้

    แต่เด็กชายคนนี้ไม่สามารถมีความสุขกับสิ่งนั้นได้
    ้เพราะเขาตาบอดเราได้รับบทเรียนอย่างน้อยสองอย่างในเรื่องนี้

    บทเรียนแรกคือ
    ขอให้คุณรู้สึกพอใจในสิ่งที่คุณมี
    เพราะยังมีคนอื่นที่มีน้อยกว่า
    จงช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่คุณที่สามารถจะช่วยได้

    บทเรียนที่สองคือ
    มีความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดใหม่ๆ
    คิดแง่บวกแค่คิดต่างจากคนอื่น
    และทุกอย่างย่อมมีสิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ

    .....*.....*.....*.....*.....*.....*.....*.....*.....*.....*.....*.....

    เนื้อเรื่องข้างบนนำมาจาก

    ลานธรรมจักร • แสดงกระทู้ - ... ทุกอย่างย่อมมีสิ่งที่ดีกว่าเสมอ...


    [​IMG]

    [​IMG]

    หากใครสนใจที่จะไปเป็นกำลังใจแก่เด็กพิการทางสายตากลุ่มนี้ ลองเข้าไปดูในเวบนี้ครับ มีรูปให้ดูก่อน
    Bloggang.com : Second impact :
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2009
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ทำไมต้องไสยศาสตร์ โดยท่านพุทธทาสภิกขุ

    [​IMG]



    ไสยศาสตร์
    แปลว่า ศาสตร์ของคนหลับ ไม่รู้ ไม่มีปัญญา
    งมงายไปตามธรรมเนียมประเพณี
    บนบานศาลกล่าวอะไรไปตามธรรมเนียมประเพณี
    มันเป็นไสยศาสตร์ อย่างนี้ช่วยไม่ได้ดอกถ้าไม่ทำหน้าที่
    มันต้องทำหน้าที่ พระเจ้าจึงจะเกิดขึ้นได้และช่วยได้

    พุทธศาสตร์
    แปลว่า ศาสตร์ของคนตื่น
    เราเป็นพุทธบริษัทนะ จะต้องถือพุทธศาสตร์
    รู้ธรรมะอย่างถูกต้องทำได้ถูกต้องไปหมด
    สัมมาทิฐิ มีความเห็นถูกต้อง
    สัมมาสังกัปโป ปรารถนาถูกต้อง
    สัมมาวาจา พูดจาถูกต้อง
    สัมมากัมมันโต ทำการงานถูกต้อง
    สัมมาอาชีโว ดำรงชีวิตถูกต้อง
    สัมมาวายาโม พากเพียรถูกต้อง
    สัมมาสติ กำหนดสติถูกต้อง
    ถ้าไม่ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ไม่มีธรรมดอก
    ต่อให้โบสถ์ โบสถ์ไหนก็ตาม มันไม่ทำหน้าที่
    มันมีแต่นั่งสั่นเซียมซี จุดธูปจุดเทียน
    พูดอ้อนวอนขอร้อง มันไม่ทำหน้าที่อะไร
    อย่างนี้ในโบสถ์นั้นไม่มีธรรมะเลย
    ธรรมะไปอยู่กลางทุ่งนาไถนาโครมๆ นั่นกลับมีธรรมะ
    เพราะว่ามันทำหน้าที่ ฉะนั้นในโบสถ์ก็ต้องทำหน้าที่
    ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องทุกกระเบียดนิ้ว
    ในโบสถ์จึงจะมีธรรมะ ในวัดจึงจะมีธรรมะ
    แล้วมันก็รอด ไม่มีพระเจ้าที่ไหนมาช่วยได้ดอก
    ให้จุดธูปจุดเทียน บูชาอ้อนวอน ขอร้องสักเท่าไรก็ตาม
    ถ้าไม่ทำหน้าที่มันไม่รอดดอก มันตาย

    พระเจ้าไม่ช่วยคนไม่ทำหน้าที่

    นั้นคือความจริงที่สุดธรรมะนั่นแหละช่วย

    ตั้งใจมั่นถูกต้อง ให้หน้าที่ของเราถูกต้องๆถูกต้องไปทุกหน้าที่
    เมื่อทำหน้าที่อะไรขอให้รู้ว่าเป็นธรรมะคือหน้าที่
    มีความพอใจมีสติสัมปชัญญะ มีสมธิ มีปัญญา เพราะว่าเอื้อมมือไปเกาที่คัน

    ลานธรรมจักร • แสดงกระทู้ - ทำไมต้องไสยศาสตร์ โดยท่านพุทธทาสภิกขุ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ต้องขอขอบคุณทั้งคุณธิติและคุณboradcard186;241229 ตามข้างต้นด้วยครับ พรใด กุศลใดที่ท่านได้ตั้งใจไว้ดีแล้ว ประณีตแล้ว ขอพรนั้น กุศลนั้น จงเกิดแก่ท่านและครอบครัวพร้อมกับคนที่ท่านรักและนับถือทุกๆ คนด้วยครับ

    [​IMG] " โลกในวันนี้ไม่ค่อยสดใส แต่ความสุนทรีย์ในใจ จะทำให้เรายิ้มได้ " [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ไปตามหาเหรียญพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายตามนี้เองครับ โดยเฉพาะท่านหลวงพ่อแก้ว สุทโธ พี่ใหญ่เคยบอกว่า พอๆ กับ ครูบาศรีวิชัยเชียวนา...

    วงพระเครื่องเข้าใจดีว่า ครูบาอาจารย์ทรงคุณธรรมและคุณวิเศษ ทั้งเพียบพร้อมศีลาจารวัตรนั้นมีใครบ้าง แต่ไม่เข้าใจอยู่อย่างว่าทำไมมรดกขลัง หรือวัตถุมงคลของท่านเหล่านั้นไม่โลดแล่นโจนทยานเท่าที่ควร

    สงสัยจัง ทำไมหลวงปู่กินรี จันทิโย ผู้เป็นพระอาจารย์ของสุวิสุทธิภิกขุองค์นั้นหลวงพ่อชา สุภทฺโท ไม่มีวัตถุมงคลดังเปรี้ยงสนั่นวงการ

    พระกริ่งพิมพ์หนึ่งของท่าน (เข้าใจว่าเป็นรูปพระไพรีพินาศ) ท่านเสกแล้วออกปากว่า ระวังอย่าให้พระนี้ตกอยู่กับโจร

    นี่คือ CERTIFICATE ที่ออกโดยวาจาที่แสดงความมั่นใจสุดขีดของหลวงปู่กินรี

    หลวงปู่แก้ว สุทโธ วัดดอยโมคคัลลาน์ เชียงใหม่ อีกองค์หนึ่งที่มรดกขลังเงียบเชียบอย่างเหลือเชื่อ

    ประกาศนียบัตรสำคัญออกให้โดยหลวงปู่แหวน ผู้ประดุจอาทิตย์ดวงโตบนดอยแม่ปั๋ง ด้วยคำพูดหนักแน่นแต่สมัยดอยแม่ปั๋งยังกันดารในสัญจร

    “บ่ต้องมาหาเฮาดอกเน้อ ทางมันยาก นู่นไปดอยโมคคัลลาน์เน้อ เหมือนกับเฮาทุกอย่าง”

    มีกี่คนที่รู้จัก THE THREE MUSKEETIER แห่งสายกัมมัฏฐานศิษย์พระอาจารย์มั่น ผู้ร่วมทางสู่นครพิงค์?

    1.หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    2.หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
    3.หลวงปู่แก้ว สุทโธ

    เบอร์ 1 กับเบอร์ 2 มรดกขลังของทั้งสองท่าน มีทายาทช่วงชิงเป็นเจ้าของด้วยมูลค่าที่เหมาะควรแล้ว ส่วนชื่อเสียงเห็นจะบอกได้ว่า ลอยอยู่บนฟ้าเช่นเดียวกัน

    หลวงปู่แก้ว สุทโธ ทำไมไม่เหมือน

    คำตอบเห็นจะต้องคว้าแพะที่ชื่อบารมีมารับโทษ

    บารมีเท่านั้นที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นของที่แต่ละคนมีได้ไม่เท่ากัน แม้อัฐิธาตุจะแปรสภาพเป็นพระธาตุเหมือนกันก็ตาม

    ในสายกัมมัฏฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่น เห็นจะบอกได้ว่าความสำเร็จในแง่ของการสะสมมรดกขลังนั้นไม่น่าจะมีใครเกินหลวงปู่ฝั้น อาจาโร แห่งวัดป่าอุดมสมพร สกลนคร

    แทบทุกรุ่นของหลวงปู่ฝั้น มีราคาสูงกว่า

    ไม่ต้องพูดถึงเหรียญรุ่นแรกที่ได้ยินแว่วๆ ว่าเข้าหลักแสนจริงหรือ แต่ที่จริงแท้แน่นอนนั้นหลักหมื่นมานานแล้ว

    คำนิยมที่มักเรียกว่าประสบการณ์ทางของขลังของท่าน ดูเหมือนจะเล่าไม่หมดง่าย

    ปากต่อปากจนกระทั่งต้นตอแทบเลือนหาย

    อย่างน้อยที่สุดชื่อของผู้มีประสบการณ์ก็หายไปจากความจำ

    ตัวอย่างนี้เป็นเรื่องจริง เสียแต่ชื่อของท่านผู้นี้ไม่ทราบว่าซุกอยู่ที่ไหนในลิ้นชักเก็บความจำของผม ชื่อของท่านผู้นี้ยังอยู่ แต่ว่าค้นไม่ออก

    ท่านเป็นบิดาของเพื่อนของเพื่อนผมอีกที วันหนึ่งนั่นรับประทานอาหารในร้านจำหน่ายอาหารแห่งหนึ่งในเมืองอุดรฯ มีคนๆ หนึ่งแต่งกายคล้ายทหารเดินเข้ามาให้ในระยะพอควร ยกปืนขึ้นเล็งใส่แล้วเหนี่ยวไกดังแชะ-3 แชะ

    ท่านหัวเราะ นึกว่าเขาเอาปืนเด็กเล่นมาหยอกเอิน

    หมอนั่นหันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าเหี่ยวไกอีกครั้ง

    ตูม !

    ท่านหงายท้องเป็นลมคาโต๊ะอาหาร เมื่อรู้ว่านั่นมันปืนจริง เอาจริง

    เหรียญหลวงปู่ฝั้น ที่แขวนในคอเหรียญเดียว (จำไม่ได้ว่ารุ่นไหน) ทุกวันนี้ยังคงแขวนไม่ถอด

    คุณมานิตย์ (จำนามสกุลไม่ได้อีกแล้ว) ชาวอุดรฯ ผู้มีผลงานสร้างพระเครื่องสำคัญหลายรุ่น เช่น พระชัยวัฒน์ใบมะขามรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้บอกคุณปัญญา โกวิทวงศ์ ภายหลังคำถามที่ว่า เคยเห็นพระเครื่องที่ถูกลองยิงแล้วไม่ออกบ้างไหม

    “ไม่เคย”

    คุณมานิตย์เล่าต่อไปว่า ที่ไม่เคยนั้นเพราะท่านได้ลองยิงด้วยมือตนเองมาตลอด ไม่ว่าพระเครื่องรุ่นไหนของอาจารย์ใด ดังแค่ไหน เงียบเท่าไหร่ ลองแล้วยิงออกหมด

    ที่ไม่ออกนั้นคือตะกรุด
    ของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    ตอนนั้นไปที่วัดป่าอุดมสมพร ช่วงแรกๆ คาดว่าคงราวปี 251 กว่าต้นๆ พระลูกวัดรูปหนึ่งส่งตะกรุดให้คุณมานิตย์ และบอกว่านี่เป็นของหลวงปู่ฝั้น เอาไปลองดู อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง

    คุณมานิตย์บอกว่า ยิงจนหมดโม่ 5 นัดแรกไม่ออก แต่นัดที่หกระเบิดตูมทั้งกระสุนทั้งลำกล้องปืนที่ฉีกแตก

    “เอาไปลองยิงนั้นไม่ดีหรอก เพราะมันดัง”

    ทั้งสองเรื่องนี้ ผมรับรองด้วยเกียรติว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ได้ปั้นแต่งขึ้นมา บุคคลที่เป็นเจ้าของเรื่องมีตัวตนอยู่ แต่เอาชื่อและนามสกุลออกมาไม่ได้ เพราะลืมสนิท

    คุณปัญญา โกวิทวงศ์ เป็นผู้เดียวที่จำได้ ขณะที่เขียนต้นฉบับนี้ติดต่อกันไม่พบ ทำให้ต้องลงเรื่องทั้งสองลอยๆ เบาๆ ไปก่อน

    พระเครื่องของหลวงปู่ฝั้น เท่าที่ทราบชัดนั้น มีอยู่หลายรุ่นที่ตกอยู่นอกทำเนียบอย่างน่าเสียดาย บางรุ่นทันท่านเสก แต่ทำเนียบทำผิดพลาดจนกลายเป็นท่านไม่ได้เสก เช่น เหรียญยืนเต็มองค์ถือไม่เท้า ต้องซัดเซพเนจรอยู่ในกลุ่มเหรียญตาย คือเป็นเหรียญที่สร้างหลังท่านมรณภาพ นับว่าชะตากรรมช่างโหดร้ายต่อเหรียญดีๆ รุ่นนี้เสียจริง (โอกาสหน้าจะนำมากล่าวถึง)

    พระดีๆอีกรุ่นหนึ่งของหลวงปู่ฝั้น ที่ต้องบันทึกไว้ เพื่อไม่ให้เลือนลับดับสูญ พระพิมพ์นี้เป็นผลงานสร้างของอาจารย์ปถม อาจสาคร ผู้สร้างพระผงดำถ้ำผาปล่อง ของหลวงปู่สิม พุทธาจาโร สร้างด้วยบล็อกเดียวกันอีกด้วย ต่างแต่องค์หนึ่งดำ องค์หนึ่งแดง และไม่ทราบว่าทางท่านผู้สร้างกำหนดชื่อพระรุ่นนี้ไว้อย่างไร ในที่นี้จะขอเรียกว่าพระผงแดงหลวงปู่ฝั้น ไปพลางๆ ก่อน พระผงแดง เป็นพระเครื่องที่เกิดด้วยการเดินทางของผงโสฬสมหาพรหมของท่านพระครูสีทัตถ์ สุวรรณมาโจ (ข้อมูลนี้คุณอาคม ทรงสถาพรเจริญให้มา) อีกรุ่นหนึ่ง

    ผมไม่ทราบว่าพระผงแดงสร้างไว้เมื่อไหร่ คงสร้างไล่เลี่ยกับพระผงดำถ้ำผาปล่อง สร้างแล้วแยกออกถวายทั้งสองอาจารย์ เป็นพระดีทั้งคู่ พบเห็นที่ไหนต้องคว้าไว้ไม่ลังเล

    ผงโสฬสมหาพรหมเล่ากันว่าเป็นผงพุทธคุณที่พระครูสีทัตถ์สร้างไว้ และมอบให้หลวงปู่สนธ์ สุรพโย วัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ผงนี้หลวงปู่สนธ์ได้ยกให้อาจารย์ปถมทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้เกิดพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ หลากหลายอาจารย์ ซึ่งล้วนแต่เป็นฝีมือสร้างของอาจารย์ปถมทั้งสิ้น

    รายละเอียดเคยลงตีพิมพ์ในศักดิ์สิทธิ์ฉบับครบรอบปีที่ 9 (หรือ 10?) เขียนโดยอัทธคู ใครมีหนังสือเล่มนั้นให้กลับไปอ่านทวนได้

    เกี่ยวกับท่านพระครูสีทัตถ์นั้น เชื่อกันว่าท่านกลับชาติมาเกิดใหม่ เวลานี้ก็บวชเป็นพระมาหลายพรรษาแล้ว ท่านมีชื่อว่าพระถวัลย์ โชติธมฺโม และผมอยากส่งข่าวถึงท่านสักเล็กน้อยว่า มีหลวงพ่อองค์หนึ่งอยู่วัดวังใต้ ชื่อว่า พระกิติ สุทธจิตโตบ่นถึงอยู่ไม่วาย

    เดิมหลวงพ่อกิติได้เคยจดหมายถึงกันกับผมเสมอ เกี่ยวกับเรื่องของพระถวัลย์ ตัวหลวงพ่อกิติไม่ทรายว่าพระถวัลย์อยู่ที่ไหน ผมจึงกราบเรียนไห้ว่า พระถวัลย์ อยู่วัดวงศ์สนิทเมตตาธรรม จ.ระยอง เมื่อกราบเรียนไปแล้ว หลวงพ่อกิติได้มีลิขิตมาถึงผมดังนี้

    “เรื่องของพระถวัลย์ โชติธมฺโม (หลวงปู่สีทัตถ์) ถูกแล้วท่านเคยอยู่วัดวงศ์สนิทฯ จ.ระยอง อาตมาเคยเขียนไปที่วัด และท่านก็มาหาที่วัดวังใต้ ค้างด้วยกัน 1 คืน รุ่งเช้าท่านเดินทางกลับ ได้ถวายค่ารถท่าน 200 บาท วันหลังได้มีจดหมายไปที่ระยอง พระอาจารย์ปิ่น เขมปินินฺโท บอกว่า อ.ถวัลย์ได้เดินทางจากวัดวงศ์สนิทฯ ไปหลายวันแล้ว ไม่ทราบว่าธุดงค์ไปไหน เมื่อคุณทราบที่อยู่ของท่าน ท่านอาจกลับไปอยู่ที่ระยองอีกก็ได้ ถ้าคุณมีโอกาสไประยอง ถ้าได้พบท่าน บอกว่าอาตมาคิดถึงท่านเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นลูกบุญธรรมของพระอริยคุณาธาร พระอริยคุณาธาร ก็เป็นอุปัชฌาย์ของอาตมา ฉะนั้นเราเป็นศิษย์พ่อเดียวกัน บอกท่านด้วยว่าอาตมาได้พระอุปัชฌาย์ใหม่คือ สมเด็จพระญาณสังวร แต่อยู่ที่วัดวังใต้ เพราะลูกๆ ต้องการให้อยู่ใกล้ แต่อาตมาไม่ได้ยุงกับพระอื่น รักษาตนเป็นปกติผู้เดียว อาตมาเคยไปอยู่วัดสาขาของสมเด็จฯ คือ วัดพุไทร อ.หนองหญ้าปล้อง 1 พรรษา ต่อมาเป็นมาเลเรียอย่างหนัก เลือดไม่มี ได้มาให้เลือดและรักษาที่ลพบุรี ต่อจากนั้นนานๆ จึงไปพักครั้งหนึ่ง

    อาตมาก็อยากให้พระถวัลย์ไปอยู่วัดวังพุไทร ขณะนี้โบสถ์สร้างเสร็จแล้ว กุฏิมีมากกว่าพระ น้ำและไฟทางชลประทานสร้างเขื่อนกักไว้ให้พร้อมใช้สะดวก พระครูที่นั่นก็เคยเป็นศิษย์พระอริยคุณาธารมาด้วยกัน”

    ผมจึงขอให้เป็นโอกาสอันนี้เพื่อส่งข่าวถึงท่านอาจารย์ถวัลย์ โชติธมฺโม ด้วยลิขิตหลวงพ่อกิติ สุทธจิตโต วัดวังใต้ ลพบุรี
    ใครที่รู้จักท่านอาจารย์ถวัลย์ ช่วยส่งข่าวนี้ให้ท่านทราบด้วย และฝากอีกนิดคือ บอกท่านด้วยว่าผมก็อยากพบท่านเป็นที่สุดเหมือนกัน....

    ภาพพระผงแดงหลวงปู่ฝั้น (ขออนุญาตท่านเจ้าของภาพด้วยนะครับ)<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->



    รูปที่แนบมาด้วย [​IMG] [​IMG]



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ข้อมูลจากนิตยสารศักดิ์สิทธิ์...นานมาแล้ว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2009
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระผงดำถ้ำผาป่อง ​

    [​IMG]


    [​IMG]


    ภาพนี้นำมาจากกระทู้คุณกวงในเวบพลังจิตนี่เองครับ


     
  6. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    เมื่อวานไปที่ธนาคารเพื่อทำธุระ นึกได้ว่าเดือนนี้ยังไม่ได้โอนเงินทำบุญ ตอนที่เขียนวันที่ รู้สึกดีที่ได้ทำบุญอีกวาระหนึ่ง วันที่ 9 /09 /2009 เวลาประมาณ 19.15 น.โอนเงิน ร่วมบุญกับทุนนิธิ 500 บาท อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ฮั่นแน่ มาตามนัดจริงๆ น้องรัก กำลังคิดถึงพอดี โมทนาและสาธุบุญด้วยจ๊ะ


    [​IMG]

    ตั้งใจขวนขวายในบุญบริสุทธิ ผลบุญที่ได้คงจะขาวใสสะอาดเหมือนกุหลาบดอกนี้ล่ะ


     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เป็นพระพิมพ์สมเด็จ เป็นแบบ 2 หน้า หนาประมาณในรูป พบเจอกลางตลาดท่าพระจันทร์ องค์ละไม่เกินร้อยบาท ร้านเจ๊ปากมาก ที่ลูกจ้างเป็นเด็กวัยรุ่นพม่าชอบใส่เสื้อสั้นขาสั้น พลังแรงเหลือใจ หากเชื่อกันก็เก็บไว้ สุดๆ เช่นกัน (พี่ใหญ่ของกระทู้นี้ ที่เป็นฌาณลาภีบุึคคลแอบบอกดังๆ ว่า ทันท่านเจ้าประคุณฯ เสกให้วุ๊ย)

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2009
  9. นิรัช

    นิรัช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +371
    องค์นี้ร่วมทำบุญเท่าไรเหรอครับ
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    เรือนรั่ว...สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อุฏฐายี)

    [​IMG]

    คำโบราณสอนไว้ถึงลักษณะชั่ว อันให้ทุกข์แก่ผู้ประสพว่า “มีคู่ร้าย เพื่อนบ้านชั่ว เรือนหลังคารั่ว เจ้านายชัง” เหล่านี้เป็นเรื่องเดือดร้อน ให้ทุกข์ ต้องวุ่นวายอย่างแท้จริง เฉพาะเรือนรั่ว หรือหลังคารั่ว เมื่อเกิดฝนตกย่อมอยู่ไม่เป็นสุขเลย จนกว่าจะซ่อมแซมให้หายรั่วนั่นแหละ

    บ้านเรือนหลังคารั่วยังเป็นเรือนนอก แต่ยังมีเรือนอีกชนิดหนึ่งเป็นเรือนใน ได้แก่ “เรือนใจ” เรือนใจนี้ต้องระวังให้จงหนัก เพราะถ้ารั่วโดยถูกฝนคือกิเลสซัดจนเปียกชุ่ม ย่อมก่อให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนแก่ผู้นั้นอย่างสาหัสทีเดียว เพราะใจที่ถูกกิเลสรั่วรดย่อมไม่ใช่เป็นใจของตน กลายเป็นใจของกิเลส

    ทำให้โลภจัด โกรธกล้า ปัญญาสูญ สามารถทำชั่วได้ทุกอย่างโดยง่ายดาย แล้วผลกรรมย่อมมาตอบสนองอย่างสาสมเป็นประจำไม่มีเวลาสร่างซาได้เลย ฤดูฝน ทุกคนเอาใจใส่แต่เรื่องมุงหลังคาเรือนอยู่ เรือนนอนเพียงชั่วคราว ถ้าได้หมั่นอุดเรือนในคือใจไม่ให้กิเลสรั่วรดด้วย จะได้รับความสำราญอย่างแท้จริงตลอดไป เพราะ

    วิสุทฺธิ สพฺพเกลฺเสหิ โหติ ทุกฺเขหิ นิพฺพุติ
    ความหมดจดจากกิเลสทั้งปวง เป็นความดับจากทุกข์ทั้งหลาย

    คติธรรมจากแสงธรรม
    โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อุฏฐายี)
    สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๖


    ::
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ต้องขออภัยด้วยครับกระทู้นี้เป็นกระทู้แนะนำการทำบุญให้สงฆ์อาพาธครับ ไม่มีพระจำหน่ายแต่อย่างใด หากจะมีก็คือแจกฟรี แจกในวันทำกิจกรรมของ รพ.สงฆ์ ในทุกๆ เดือน เมื่อเดือนก่อนพระพิมพ์ข้างต้นนี้ผมยังได้พบเห็นท่านยังอยู่ที่ร้านที่ว่า ที่ตลาดท่าพระจันทร์ ก่อนหน้านี้เคยนำมาตรวจกันในกลุ่มคณะกรรมการฯ พอสนุกและเป็นการฝึกจิตยามว่างๆ ผลการตรวจก็เป็นอย่างที่แจ้งผลให้ทราบข้างต้นครับ พระดีแต่นอกมาตรฐานพิมพ์นิยม ขายไม่ได้ เก็บไว้ใช้เองเพราะรู้ค่าขององค์ผู้อธิษฐานจิตดี ว่าท่านตั้งใจทำไว้ให้ลูกหลานใช้กัน แต่ไม่มีคุณค่าทางพุทธพาณิชย์แต่อย่างใด หากคนที่รู้เนื้อใน ก็จะตามเก็บไว้เอง ถ้าอยากได้เดินไปตามลายแทงที่บอกครับ ร้านอยู่กลางตลาดพระท่าพระจันทร์ เข้าทางซอยบาจาเกือบสุด แล้วเลี้ยวขวาไปครับ เดี๋ยวเจอเอง อยากได้ตำหนิบอกได้ครับ พีเอ็มมาก็แล้วกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2009
  12. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับวันนี้ครอบครัวผมใอนเงินทำบุญสงฆ์อาพาธจำนวน500บาท
    ประจำเดือนก.ย52 (11/09/09 เวลา 10:15 น.)
     
  13. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    วันนี้เวลา 17.30 น.ได้โอนปัจจัยเข้าร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯเป็นจำนวนเงิน 2000 บาทครับ
    ปัจจัยทั้งหมดที่ได้มา ก็ได้จากหมู่เพื่อน ที่ท่านเหล่านั้นได้เห็นความสำคัญของการทำบุญ
    โดยเฉพาะ ทำบุญกับสงฆ์อาพาธ จึงได้สละทรัพย์คนละเล็กละน้อย มากบ้างน้อยบ้าง เพื่อกาลนี้
    ขออานิสงค์ผลบุญที่พึงมีพึงได้ ขอให้เหล่าหมู่เพื่อนทั้งหลายรวมทั้งครอบครัวของท่านเหล่านั้นทั้งหมด
    จงเป็นผู้รุ่งเรืองเจริญ ทั้งทางโลกและทางธรรม สุขภาพแข็งแรง โรคภัยอย่าได้กล้ำกลาย
    ขอความสำเร็จจงบังเกิดแก่ท่านเหล่านั้นทั้งหลายด้วยเถิด...สาธุ สาธุ สาธุ....
    .............ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข ขอสัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์...............
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สืบหาพระเครื่องพระสงฆ์ดี สัปดาห์นี้เป็นพระพิมพ์สุดยอดอีกองค์หนึ่งครับ พระพิมพ์สกุลนี้มีของมงคลสูงสุดที่ควรค่าต่อการสักการะของพี่น้องชาวไทยผสมอยู่ด้วย ผมเองเมื่อรู้อย่างนี้แล้วคงต้องรีบหาเหมือนกันครับ มาดูกันว่าเป็นพระพิมพ์รุ่นไหน ใครเสก และมีสิ่งมงคลใดสูงสุดผสมอยู่บ้าง ตามมาครับ...

    พระพุทธชินสีห์ ภปร



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    พระพุทธชินสีห์ ภ.ป.ร. (พระที่มีส่วนผสมจากพระทนต์ในหลวง)

    คณะทันตแพทย์ จุฬาฯ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง“พระสมเด็จพระพุทธชินสีห์” ปี พ.ศ. 2533 เพื่อเป็นการรวมศรัทธาของชาวทันตแพทย์และปวงชนชาวไทย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทาน “ผงจิตรลดา” เป็นมวลสารสำคัญมาผสมเป็นเนื้อพระ และประทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ "ภ.ป.ร." มาประดิษฐานที่ฐานขององค์พระชินสีห์ นอกจากนั้นยังทางคณะทันตแพทย์ ยังได้ขอพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญ“พระทนต์ (ฟัน)”ของพระองค์ ตลอดจนวัสดุต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องในการรักษาพระทนต์ มาเป็นองค์ประกอบหลักขององค์พระด้วย และที่สำคัญพระผงชุดนี้สมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดบวรนิเวศ และเป็นพระที่จัดสร้างกันเองภายในวัด จึงมั่นใจได้ว่าพระที่จัดสร้างทุกองค์จะมีอณูของชิ้นส่วนของพระทนต์อยู่ สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นประธานจัดสร้าง ** พร้อมพระราชทานพระนามว่า “ทนฺโต เสฏฺ โฐ” และสมเด็จพระญาณสังวรฯ ประทานพลอยหลังฝังองค์พระ
    “ พระพุทธชินสีห์ ภปร. ” “ทันโต เสฏฺโฐ ”
    สร้างเนื่องในโอกาสฉลอง 50 ปี ทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลคณะทันตแพทยศาสตร์และพัฒนาการศึกษาด้านทันตแพทย ศาสตร์

    พิธี พุทธาภิเษกใหญ่เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2533 ที่วัดบวรนิเวศวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินสีห์ โดยมีพระเถระคณาจารย์จากทั่วทุกภาครวมถึง 54 รูป ร่วมนั่งปรกในครั้งนี้ อาทิ สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงจุดเทียนชัย, หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม เป็นประธานดับเทียนชัย

    พระเกจินั่งปรกอาทิ หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน สุพรรณบุรี, หลวงปู่ดี วัดพระรูป, หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, พระครูนนทสิทธิการ วัดไทรน้อย นนทบุรี, หลวงพ่อหร่ำ วัดสามัคคีธรรม, หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร, หลวงพ่อฤาษีลิงขาว วัดฤกษ์บุญมี สุพรรณบุรี, พระอาจารย์หลวง กตปุญโญ วัดสำราญนิวาส ลำปางฯลฯ

    นอกจากนั้นยังมีพระบูชาหน้าตัก 5 นิ้วจำนวน 999 องค์ ตรงผ้าทิพย์ มีพระนามย่อรัชการที่ ๙ ภปร ด้วย และยังมีพระพุทธชินสีห์ขนาดเล็กเป็นโลหะ นว เงิน ทอง จำนวนที่สร้างจำไม่ได้ฐานบรรจุด้วยผงจิตรลดาและผงพระทนต์ด้วย ปิดก้นด้วยสัญญลักษณ์พระเี้กี้ยวและทันตแพทย์จุฬาฯ นอกจากนั้นมีพระกรรมการและศิษย์เก่าสีนำ้ตาลอ่อนไปจนถึงแ่ก่ บรรจุผงหลังคาวัดบวร วัดระฆังและวัดพระแก้วจากท่านเจ้าคุณเทพวราจารย์(คณะสูงละออ วัดบวรนิเวศน์วรวิหาร ท่านเจ้าคุณธรรมวราจารย์)


    พระบูชาหน้าตัก 5 นิ้วจำนวน 999 องค์ ตรงผ้าทิพย์ มีพระนามย่อรัชการที่ ๙ ภปร พระบูชาหน้าตัก 5 นิ้วจะมียันต์ "ทันโต เสฏโฐ" ท่านบอกว่าหมายถึงฝึกตนได้ประเสริฐ หรือ จะหมายถึงฟันทนประเสริฐก็ได้ และจะมีพระผงขนาดองค์ใหญ่ ๑ องค์ ติดไว้คู่กับยันต์ แต่บางองค์ผมก็ใส่พระมากกว่าอาจถึง ๕-๑๐ องค์ส่วนกรรมการจะมียันต์อยู่ตรงกลางและพระผงขนาดองค์ใหญ่ ๒ องค์อยู่ด้านละองค์ 999 องค์ ตรงผ้าทิพย์ มีพระนามย่อรัชการที่ ๙ ภปร ส่วนด้านหลังมีคำว่า " ญสส " พระนามย่อของสมเด็จพระญาณสังวรฯ


    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    พระกริ่งพะพุทธชินสีห์ ภปร มืสามชนิด ได้แก่ ทอง เงิน นวโลหะ ตรงผ้าทิพย์ มีพระนามย่อรัชการที่ ๙ ภปร ส่วนด้านหลังมีคำว่า " ญสส " พระนามย่อของสมเด็จพระญาณสังวรฯ ฐานมี "ทันโต เสฏโฐ" มีพระผงพระทนต์และผงจิตรลดาบรรจุอยู่พร้อมเม็ดกริ่ง ในองค์ใหญ่ ๑ องค์พระ


    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]

    องค์นี้เป็นเนื้อเงิน พระเทพฯ ท่านเป็นประธานเททอง เป็นช่อแรกครับ

    ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณอย่างสูงสำหรับข้อมูลจากคุณหมอเกรียงไกรจาก..
    เชียงใหม่ - หน้าแรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2009
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ขอให้พ้นทุกข์เช่นเดียวกันครับ สำหรับน้องทั้งสองท่าน ด้วยพระเมตตา พระบารมี และพระฉัพพรรณรังสี แห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านประทานพรให้แด่ทุกท่านที่ช่วยดูแลพุทธบุตรแห่งท่านที่อาพาธตาม โรงพยาบาลต่างๆ อันบุญใด กุศลใด ที่ตั้งใจไว้แล้ว ได้กระทำด้วยดีแล้ว ขออานิสงค์แห่งบุญนั้่น กุศลนั้น จงบังเกิดแก่ครอบครัวของน้องทั้งสองเช่นกัน...


    [​IMG]



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2009
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เรียบร้อยไปทั้งหมดเลยครับ รูปทั้งหลายที่ผมโพสท์ไว้ในกระทู้นี้ ทุกรูปหายเกลี้ยงตามนโยบายตามที่เวบที่ผมฝากรูปไว้ได้ประกาศแจ้งให้ทราบตามข้างล่าง และผมก็คงจะไม่มีปัญญาตามเก็บได้ทุกกระทู้อีกเช่นกัน ดังนั้น ภาพในกระทู้บางหน้าภาพอาจจะไม่มีครับ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วย และคงต้องหาที่ฝากรูปใหม่ กระจายๆ กันออกไปครับ

    พันวฤทธิ์
    12/9/52

    [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]free image upload by ohozaa.com
    [/FONT] <table bgcolor="#e0ecfe" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="640"><tbody><tr> <td width="640">
    [FONT=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]ประกาศลบภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว[/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td>
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ขณะนี้ทาง Ohozaa.com ได้ทำการเคลียร์รูปทั้งหมดเรียบร้อยแล้วเพื่อดำเนินการนโยบายของกระทรวง ICT [/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td>
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]และต้องขออภัยเจ้าของรูปที่ไม่ลามกแต่ต้องถูกลบไปด้วย เพราะรูปมีจำนวนมากทางทีมงานไม่สามารถคัดรูปได้ทั้งหมด(3 ล้านรูป)[/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td>
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]แต่จากนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพราะได้เพิ่มระบบกรองรูปและมีพนักงานคอยตรวจสอบรูปตลอดเวลา เพื่อไม่ให้มีภาพลามกปะปนอีก[/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td>
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]และต่อจากนี้ไปห้ามฝากรูปลามกทุกชนิด หากพบจะดำเนินการลบและเก็บไอพีทันที หากยังฝ่าฝืนและหลุดรอดจากทีมงาน[/FONT]​
    </td> </tr> <tr> <td>
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ถือว่าผู้โพสยอมรับผิดทุกประการ โดยไม่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการแต่อย่างใด 12/09/09 1:36[/FONT]​
    </td></tr></tbody></table>
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เคล็ดบูชาพระสังกัจจายน์ให้มีโชคลาภร่ำรวย


    ชาวพุทธกราบไหว้สักการบูชาพระสังกัจจายน์เพื่อให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล 3 ประการแก่ตนเองและครอบครัว ดังนี้

    1. โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ พระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องให้เป็นพระผู้อุดมด้วยโภคทรัพย์ และลาภสักการะเสมอด้วยพระสิวลี รูปลักษร์ท่านแสดงถึงความมีลาภพูนทวี

    2. สติปัญญา เนื่องเพราะพระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เป็นเลิศในทางอธิบายความพุทธภาษิต ท่านเป็นอรหันต์ผู้มีปฎิภาณเฉียบแหลม

    3. ความงามและความมีเสน่ห์เป็นเมตตามหานิยม เนื่องจากเพราะก่อนที่ท่านจะอธิษฐานจิตให้รูปร่างเปลี่ยนแปลง พระสังกัจจายน์มีผิวดั่งทองคำและมีรูปงามละม้ายเหมือนพระพุทธเจ้า จนแม้แต่เทพยดา พรหม มนุษย์ทั้งปวงพากันรักใคร่ชื่นชม

    เคล็ดการบูชา


    ใน การบูชาพระสังกัจจายน์นั้นบูชาด้วยธูป 3 ดอก พร้อมดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมต่างๆ หรือดอกบัว๗ดอก มิว่าจะบูชาด้วยดอกใดให้ใช้ 7 ดอก และควรบูชาสองเวลาคือเช้าก่อนไปทำงานและเย็นก่อนนอน เพื่อขอให้ท่านประสาทพรโชคลาภพูนทวี และมีเคล็ดอย่างนึงว่าพระสังกัจจายน์นั้นหากบูชาไว้ในบ้านให้ปิดทองที่พุง ของท่านเชื่อว่าจะมีลาภไหลมาไม่ขาดสายครับ ในตอนเช้าให้กล่าวคำบูชาท่านดังนี้ครับ

    คาถาบูชา

    กัจ จานะ จะ มหาเถโร พุธโธ พุทธานัง พุทธะตัง พุทธัญจะ พุทธะ สุภา สิตัง พุทธะตัง สะมะนุปปัตโต พุทธะ โชตัง นะ มามิหัง ปิโยเทวะ มะนุสสานัง ปิโยพรหม นะ มุตตะโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง ปิยินทะริยัง นะ มามิหัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ปุริโสชะนา อิถีชะนา ราชาภาคินิ จิตตัง อาคัจฉาหิ ปิยังมามะฯ

    และขอให้พรว่าจะไปทำงานให้อะไรก็ว่าไปตามใจปรารถนา

    และเมื่อกลับบ้านก่อนอนให้สวดบูชาท่านด้วยบทนี้ครับ

    คาถาบูชาขอลาภ (สวดบทนี้ได้ทุกวันก่อนนอนเพื่อสิริมงคล)

    กัจจายะนะ มะหาเถโร เทวะตานะระ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง ภะวันตุ เม

    ลาเภนะ อุตะโมโหติ โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง สัพพะลาภา สะทาโสตถิ ภะวันตุ เม

    และขอท่านว่าเราประสงค์สิ่งใด

    ใน ส่วนการไปไหว้พระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ที่วัด นั้นควรมี ดอกบัว๑ดอก ธูป๓ดอก และทองคำเปลวสามแผ่น แผ่นที่๑ปิดที่หน้าผากขอพรให้มีปัญญาเฉียบแหลมแบบท่าน แผ่นที่๒ปิดที่ปากท่านเพื่อขอให้เกิดเมตตามหานิยม แผ่นที่๓ปิดที่พุงเพื่อขอลาภไหลมาพูนทวีแล้วกล่าวคาถา

    คาถาบูชาขอลาภ (สวดบทนี้ได้ทุกวันเพื่อสิริมงคล)

    กัจจายะนะ มะหาเถโร เทวะตานะระ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง ภะวันตุ เม

    ลาเภนะ อุตะโมโหติ โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง สัพพะลาภา สะทาโสตถิ ภะวันตุ เม

    เสร็จ แล้วให้เอามือบีบเข่าท่านและขอพร ทำไมต้องบีบเข่าพระสังกัจจายน์ เพราะมีเรื่องเล่าว่าพระอินทร์จะหมดบุญจากเทวโลก ไม่อยากลงมาเกิดอีก ไปกราบพระโมคคัลาน์ท่านก็แนะนำไม่ให้พระอินทร์ลงมาเกิดไม่ได้จะไปถามพระ พุทธเจ้าพระองค์ก็ทรงไปปลีกวิเวกส่วนพระองค์ พอดีพระอินทร์นึกขึ้นได้ว่าพระสังกัจจายน์ท่านมีปัญญาเฉียบแหลมต้องรู้แน่ๆๆ จึงเสด็จไปหาพระสังกัจจายน์ พอพบท่านพระอินทร์ก็ตรงไปบีบเข่าถวายแก้ปวดเมื่อยท่าน พระสังกัจจายน์ท่านใช้ญาณดูก็รู่ว่าพระอินทร์มาด้วยเรื่องอะไร ท่านเห็นว่าพระอินทร์เป็นผู้นอบน้อม จึงแนะให้พระอินทร์ต่อบุญด้วยการใส่บาตรพระมหากัสสปะขณะออกจากนิโรธสมาธิ เพราะอานิสงส์แรงมาก พระอินทร์กราบลาและไปทำตามปรากฏว่าพระอินทร์ก็ต่อบุญได้อีกไม่ต้องจุติจาก สวรรค์มาเกิดอีก จึงเป็นเคล็ดที่เวลาไปกราบพระสังกัจจายน์ใหญ่ๆๆตามวัดต้องบีบเข่า

    สำหรับ เคล็ดและประวัติพระอินทร์ในการบีบเข่าพระสังกัจจายน์นั้นได้ตำรับ มาจากหลวงพ่อสุรินทร์ (ศิษย์ครูบาเจ้าเกษม)เจ้าอาวาส วัดปราสาทนครหลวง ท่านได้เมตตาบอกเคล็ดแล้วเล่าให้ฟัง ส่วนตัวผู้เขียนทำแล้วรู้สึกดีเลยบอกต่อครับ ส่วนเคล็ดการไหว้พระสังกัจจายน์ที่บ้านหลวงปู่แย้ม ฐานยุตโตบอกว่าหลวงปู่เต๋ คงทองท่านได้บอกญาติโยมครับ

    ที่มา buddhakun.com

    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> [​IMG]
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    แอบรู้กันลึกๆ ภายในว่ายามนี้ พระรุ่นนี้น่ะน่าเก็บเป็นที่สุด สำหรับพระสายอิสานครับ ลองหาดูข้อมูลเอาเอง

    พระกริ่งพระนาคปรก กองบิน23 จ.อุดร




    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระ กริ่งนาคปรกกองบิน จัดสร้างโดยกองบิน 23 จ.อุดรธานี พ.ศ.2533 เพื่อหาทุนสร้างพระประทานปางนาคปรกขนาด 39 นิ้ว สำหรับประดิษฐานประจำหอพระของกองบิน ซึ่งในโอกาสนี้สมเด็จพระญาณสังวรณ์ สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์และประทานอนุญาตให้จารึกพระนามย่อ ญสส. ประดิษฐานบนผ้าทิพย์ของพระประธาน ประกอบพิธีเททองในวันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2533 ณ บริเวณหน้าพระอุโบสถคณะวัดรังสีสุทธาวาส วัดบวรนิเวศวิหาร กทม พระกริ่งนาคปรกรุ่นแรกกองบิน 23 เนื้อนวโลหะ เป็นวัตถุมงคลที่มีเกจิสายกรรมฐานในยุคนั้นร่วมจำนวนมาก จำนวนการสร้างประมาณ 2,533 องค์ มีพิธีพุทธาพิเศก 2 ครั้ง คือ ครั้งที่1 ที่วัดบวรนิเวศ โดยสมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธานในพิธี มีเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในภาคกลาง นั่งปรกปลุกเสก ดังนี้ 1.สมเด็จพระญาณสังวรฯ 2.พระธรรมวโรดม วัดชนะสงคราม 3.พระเทพเมธาจารย์ วัดโพธิสมภรณ์ 4.พระเทพปริยัติสุธี วัดมัชฌิมาวาส 5.พระเทพปริยัติมุนี วัดโพธิ์ชัย 6.หลวงปู่เทสก์ เทสรังษี วัดหินหมากเป้ง 7.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง 8.หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ 9. หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง 10.หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลฯ 11.หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต 12.พระสุธิสารโสภณ วัดจันทรสามัคี 13.พระหลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน 14.หลวงพ่อแคล้ว วัดดอนเมือง 15.หลวงปู่ถิร ฐิตธมโม วัดทิพยรัฐนิมิตร 16.หลวงพ่อคำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย 17. พระอาจารย์คำพอง ติสโส วัดป่าพัฒนาธรรม 18.หลวงพ่อยุ่น วัดอัมพวัน 19. หลวงพ่อบุญทัน วัดป่าสามัคคีสันติธรรม 20.พระครูพุทธบทบริรักษ์ วัดพระพุทธบาทบัวบก 21.พระอาจารย์สนธิ์ เขมิโย วัดอรัญญานาโพธิ์ 22.พระอาจารย์ทูล ขิปปปัญโญ วัดป่าบ้านค้อ 23.พระอาจารย์บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล 24.พระอาจารย์สะอาด ฐิโตภาโส วัดป่าดอนหายโศก 25.พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก 26.หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่


    ครั้งที่ 2 พุทธาภิเศก ณ วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี โดยเกจิสายวิปัสนากรรมฐานในภาคอีสาน ที่มีชื่อในยุคนั้นที่พอนึกได้ เช่น หลวงปู่เทศก์ฯ หลวงปู่ชอบฯ หลวงปู่ศรีจันทร์ฯ หลวงปู่อ่อนสาฯ หลวงตามหาบัวฯลฯ โดยเฉพาะหลวงตามหาบัวฯ ได้เป็นองค์จุดเทียนชัยในพิธีด้วย
    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%">

    [​IMG]
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097


    [​IMG]

    <!-- img011.jpg [ 66.25 KiB | เปิดดู 419 ครั้ง ] -->
    โดย รณธรรม ธาราพันธุ์

    ครั้ง ผมศึกษาวิทยาคุณกับครูบาอาจารย์ในสายเขาอ้ออยู่ ท่านเหล่านั้นต่างสอนว่า ธาตุ ทั้งสี่มีความสำคัญมากกับการบรรจุคุณ เพราะเมื่อเราจะประจุคุณพระและอำนาจปราณลงไปแล้ว ถ้าไม่มีกองธาตุรองรับพลังเหล่านั้นก็ไม่รู้จะไปเกาะเกี่ยวอยู่กับอะไร

    อุปมาว่าเมื่อวิญญาณธาตุของสัตว์จะมาปฏิสนธิในครรภ์ หากไม่มีธาตุทั้งสี่รองรับวิญญาณเหล่านั้นจะไปเกิดกับอะไร

    ดังนั้น ก่อนการเสกจำต้องตั้งธาตุสี่ขึ้นให้สมบูรณ์เสียก่อนและยังแยกอีกว่าเอาธาตุ ใดตั้งเอาธาตุใดหนุน ด้วยการตั้งธาตุอย่างหนึ่งหนุนด้วยธาตุอีกอย่างหนึ่งจะให้ผลไม่เหมือนกัน เช่น ตั้งธาตุไฟเอาดินหนุนก็เป็นคงกระพัน มหาอุด เป็นต้น

    หลวงพ่อสาลีโขเล่าถึงศิษย์ชายคนหนึ่งของท่าน มีศรัทธาไปบวชพระอยู่กับหลวงปู่พรหมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย ภูกระเจียว จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่ครั้งหลวงปู่ยังไม่เป็นที่รู้จักแก่ใคร ๆ ทั้งวัดสวนหินเองก็มีสภาพไม่ต่างจากป่าดงดี ๆ นี่เอง

    ศิษย์ท่านนั้น เล่าว่าพักอยู่ได้ไม่นานวัน กลางดึกคืนหนึ่งก็เกิดเรื่องประหลาดด้วยว่าวัดทั้งวัดซึ่งเป็นภูเขาทั้งลูก มีอาการสั่นไหวโยกโคลงประดุจเกิดแผ่นดินไหว เมื่อออกมาถามสหธรรมิกก็ไม่มีใครทราบเหตุ

    จนสว่างจึงได้กราบเรียนถาม เรื่องนี้กับหลวงปู่พรหมา ท่านบอกเล่าอย่างเมตตาว่าเมื่อคืนนี้ท่านสูตรของ(เสกพระนั่นแหละ)และการสูตร ท่านต้องตั้งธาตุหนุนธาตุเสียก่อน นั่นเป็นเหตุให้ธาตุทั้งสี่ที่อยู่ในรัศมีจิตถูกปลุกเร้าจนเกิดความเปลี่ยน แปลงสั่นสะเทือนคล้ายแผ่นดินไหว

    นี่คือผู้สำเร็จธาตุ !

    ผมจึงบอกเพื่อนพ้องเสมอว่าวัตถุมงคลในหลวงปู่พรหมานั้นไม่โหลดอก ใครมีจงมั่นใจเลยว่าป้องกันตัวได้จริง หากันเอาไว้ ไม่ต้องรุ่นดังหรอกขอแค่เชื่อมือคนสร้างว่าเสกจริงไม่เสริมไม่เกินเป็นแขวน ได้ ผมรับรอง (ไม่อยากบอกให้สอบถามคุณอำพลเดี๋ยวจะว่าเชียร์กันเอง)

    ใช่ว่ามีเพียงหลวงปู่พรหมาเท่านั้นที่เก่งกาจเรื่องธาตุ ที่จริงพระสงฆ์หรือใครก็ตามที่เรียนวิทยาคุณด้านนี้มาโดยตรงย่อมผ่านการ เรียนธาตุมาก่อน ถือเป็นลำดับที่สองต่อจากการเรียนอักขระขอม หากยากตรงที่ใครจะเชี่ยวชาญในการตั้งธาตุจนเกิดเป็นปฏิภาคนิมิตนี่ต่างหาก ที่สำคัญ

    เท่าที่รู้มาพระอาจารย์ในสายวัดเขาอ้อต้อง "เป็น" หมด เพราะด่านแรกที่จะผ่านมาเป็นนักไสยศาสตร์ที่ดีต้องเสกน้ำมันงาให้แข็งเป็น ก้อนได้เสียก่อน

    เสกเดือดน่ะเด็ก ๆ

    เพราะน้ำมันงามีคุณสมบัติที่ไม่แข็งตัวง่าย ขนาดเอาเข้าตู้เย็นเป็นอาทิตย์ยังไม่กระเทือน ถ้าคิดทำให้แข็งด้วยมือเปล่าเป็นอันอย่าหวัง ฉะนั้นคนสักน้ำมันงามาก ๆ จึงขี้หนาวเพราะน้ำมันงามีคุณสมบัติซับความเย็นได้ดี

    สายเขาอ้อทุกอาจารย์ล้วนเสกน้ำมันงาจับตัวแข็งได้ มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้งแข็งหรือจาระบี แม้ฆราวาสอย่างอาจารย์ชุม ไชยคีรี ก็ทำได้สะดวกดาย และเมื่อป้อนศิษย์แล้วหากคนนั้นไม่ผิดข้อห้าม เชื่อเถิดว่าคงกระพันตลอดชีวิตและกันคุณไสยได้เด็ดขาดนัก

    นอกจากนี้ผู้ชาญธาตุที่ปรากฏชัดก็มี ท่านพระครูศรีฉฬังคสังวร หรือ หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกเฌอ ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นี่แหละ องค์นี้น่ะยอดวิทยายุทธเลยเทียว แต่เรื่องของท่านยาวเป็นกิโล จึงขอยกยอดไว้โอกาสหน้าผมจะ เม้าท์ ให้ฟัง

    ที่ขาดไม่ได้และใกล้ตัวคือ พระครูภาวนาภิรัติ หรือ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ หลวงปู่ทิมนี่พูดได้คำเดียวว่า ชั้นหนึ่ง ผมศรัทธาและเก็บพระท่านมาแต่ พ.ศ. 26-27 ตอนนั้นท่านไม่ดังเลย ถ้าว่าดังก็ค่อนไปทางไม่ดี เขาหาว่าท่านเป็นพระเชียร์ แค่พระแก่ ๆ หูก็ตึง

    ฟังมันว่า

    ทุกวันนี้คนว่าหาพระท่านควั่ก

    กิตติคุณในหลวงปู่ทิมทุกวันนี้ปรากฏชัดว่ามิใช่แรงเชียร์ หากท่านไม่ดีจริงแขวนแล้วไม่เกิดประสบการณ์ในทางบวกกับคนแขวน เชียร์ให้ตายก็ขายไม่ออก

    ทว่าท่านเป็นพระที่เก่งจริงดีแท้ ผู้ศรัทธาจึงยอมรับด้วยใจ แต่ในวัดละหารไร่ก็ยังมีพระดีซุ่มอยู่อีกรูปหนึ่ง เมื่อแรกท่านไม่ใคร่เป็นที่รู้จักแก่ใคร ๆ สังเกตได้ว่าด้วยเหตุสองประการ อย่างแรกชื่อเสียงหลวงปู่ทิมดังกลบมิด อย่างที่สองท่านผู้นี้แม้มีอายุอ่อนกว่าหลวงปู่ทิมแค่ 2 ปี แต่ท่านก็ยกย่องและเคารพเทิดทูนในหลวงปู่ทิมมากจนไม่อยากเปิดตัว...เคารพ มาก...

    มากขนาดที่เรียก คุณพ่อ ทุกคำ
    ท่านผู้นี้นามว่า หลวงปู่แก้ว เกสาโร

    หลวงปู่แก้วมีนามเดิมว่า เชียงคำ เกิดในสกุล คำมี ที่บ้านชนบท ต.ท่าฆ้อ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันอังคาร เดือน 6 ปีวอก ท่านเคยบวชเณรเมื่ออายุได้ 15 ปีและเที่ยวหาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณเพื่อศึกษาเล่าเรียน วิชาที่ท่านเรียนนั้นเน้นหนักไปทางคงกระพันชาตรีและมหาอุด ด้วยถูกจริตนิสัยของท่านที่ค่อนไปทางนักเลงมาแต่เด็ก ต่อมาก็ลาสิกขาไปเมื่ออายุได้ 22 ปี

    ช่วงชีวิตที่พลิกผันก็มาถึง เมื่อท่านเข้าพวกกับพรานป่าออกล่าสัตว์อยู่นานปีจนพลัดเข้าไปอยู่กับหมู่โจร โดยที่ท่านไม่ทราบมาก่อน ในที่สุดท่านก็จำยอมต้องเข้าพวกร่วมปล้นโดยมีเสือฉิ่งเป็นหัวหน้าและตัวท่าน เป็นรอง

    อาคมที่ท่านศึกษาเล่าเรียนมาได้ปรากฏชัดจนลือชื่อในระยะนี้เอง เพราะวันหนึ่งเสือฉิ่งคุมพวกเข้าปล้นบ้านนายบุญเพื่อเอาม้าเลี้ยงไปขาย หลวงปู่แก้วในขณะนั้นจึงโดดขึ้นหลังม้าเพื่อควบหนีไป ทว่านายบุญเจ้าของบ้านยกปืนส่องเข้ากลางหลังอย่างจังถึงกับตกจากหลังม้า

    ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหลายไม่ว่าโจรว่าเจ้าของบ้านต่างมั่นใจว่าท่านตาย แล้วแน่ ๆ ทันทีนั้นท่านก็ลุกพรวดพราดกระโดดขึ้นหลังม้าควบไปท่ามกลางความตกตะลึงของ หมู่โจรและเจ้าบ้าน

    ครั้นพวกเสือฉิ่งหนีกลับรังมาได้ก็ขอดูบาดแผลท่านเป็นการใหญ่ สิ่งที่เห็นเป็นแค่เพียงรอยช้ำเป็นจ้ำเป็นจุดเท่านั้น ลูกปืนยาวหาได้ระคายผิวท่านไม่

    แต่นั้นมาลูกน้องทั้งหลายก็ขอให้ท่านเป็นผู้สักยันต์ให้ และคนเหล่านั้นได้กลายเป็นเสือติดปีกที่ปล้นฆ่าจนสร้างความหวาดกลัวให้ชาว บ้านเป็นอันมาก การปราบปรามของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ยังไม่สามารถทำอะไรโจรห้าร้อยพวกนี้ ได้เลย

    ท่านตั้งใจสักให้ลูกน้องเพื่อหวังคุ้มภัย แต่คนเหล่านั้นกลับไปเที่ยวก่อภัย ท่านเกิดความสลดสังเวชใจจึงเลิกสักให้ใครมานับแต่นั้น

    สมัยฆราวาสท่านหนีอาญาบ้านเมืองไปอยู่ที่ใดท่านก็ได้ภรรยาที่นั้นทุกคราวไป ท่านหลบเจ้าหน้าที่มาเรื่อยและได้กบดานเงียบอยู่ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ถึง 10 ปี ตำรวจก็รู้แหล่งอีกจนได้ ท่านจึงหนีลงมาอีกกระทั่งถึง ต.ตาสิทธิ์ (ต.หนองละลอก-ปัจจุบัน)

    และที่นี่เองท่านได้พบพวกมิจฉาชีพด้วยกันเพราะตำบลนี้สมัยก่อนเป็นป่าดิบดง ทึบ บรรดาเสือที่หนีการจับกุมของทางการพากันมารวมตัวที่นี่มากมาย เช่น เสือชู เสือเหี้ยม เสือไม้ รวมถึง เสือเชียงคำ คือท่านด้วย

    ดังกล่าวแล้วว่าอยู่ไหนก็ได้เมีย ที่นี่ท่านก็มีอีกหนึ่งพร้อมให้กำเนิดบุตรชายอีกคนซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า ด.ช. เช้า คำมี ซึ่งต่อมาหลวงปู่ทิมได้อุปการะเด็กชายเช้าจนเติบใหญ่ได้ดีเป็นถึงแพทย์ประจำ ตำบล

    หลวงปู่แก้วใช้ชีวิตระหกระเหินจนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตที่ผ่านมา ท่านนึกถึงความชั่วร้ายที่ท่านก่อไว้เป็นอันมากในอดีตก็ยิ่งสลดใจ ท่านจึงตัดสินใจบวชพระเมื่ออายุได้ 60 ปี ณ พระอุโบสถวัดหวายกรอง โดยมี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอกเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เกียงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สวัสดิ์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เกสาโร

    บวชแล้วท่านยังได้ต่อวิชากับพระอาจารย์เกียงซึ่งเป็นพระชาวเขมรจนเจนจบ ต่อมาได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดละหารไร่ และได้ต่อวิชาอีกกับหลวงปู่ทิม ท่านได้เห็นความเก่งกล้าสามารถในวิชาอาคมและอำนาจจิตตานุภาพที่กล้าแข็งของ หลวงปู่ทิม ท่านจึงยอมรับหลวงปู่ทิมว่าเก่งจริงจนหมดใจ ถึงกับเรียกหลวงปู่ทิมอย่างเคารพสูงสุดว่า "คุณพ่อ"

    ต่อมาหลวงปู่แก้วก็เริ่มมีชื่อเสียงด้วยการสรรเสริญจากปากขององค์อาจารย์คือ หลวงปู่ทิมบ่อยครั้ง ผู้คนจึงเริ่มเข้าหาท่านโดยขอตะกรุดบ้าง ผ้ายันต์บ้าง และที่สร้างชื่อให้ท่านมากคือการสักยันต์ ซึ่งส่วนมากการสักของท่านจะเป็นการสักน้ำมันเสียทั้งนั้น

    คุณอาท่านหนึ่งของผมเป็นทหารเรือ เป็นราชองครักษ์พิเศษของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นคนที่รักในทาง ขลังอยู่ไม่น้อย ท่านชื่อนาวาเอกจำเนียร ตู้จินดา เคยเดินทางไปกราบหลวงปู่ทิมบ่อยครั้ง เมื่อศรัทธาในหลวงปู่ทิมถึงที่สุดก็เอ่ยปากขอให้ท่านสักยันต์ให้ด้วย

    ทว่า หลวงปู่ทิมกล่าวปฏิเสธ ท่านว่าเลิกสักใครมานานแล้ว แต่ถ้าอยากสักจริง ๆ ก็ไปขอท่านแก้วเขาสักให้ เรียบร้อยแล้วจึงมาหาท่านอีกทีท่านจะเป่าให้

    คุณอาจึงเดินไปขอเมตตาหลวงปู่แก้วสักน้ำมัน ท่านก็รับคำด้วยดี เหล็กสักปักลงหลังของผู้นั่งเหยียดเท้าประณมมือครั้งแล้วครั้งเล่า คุณอาทนเจ็บด้วยหวังในวิทยาคุณอันประเสริฐ พักใหญ่การสักก็เสร็จสิ้น แต่หลวงปู่ยังให้คุณอานั่งอยู่ในท่าเดิมสักพัก

    ทันใดนั้น นายทหารใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงแรกกระแทกเข้ากับแผ่นหลังดัง บึ้ก อย่างแรงจนสะเทือน ด้วยความแปลกใจก็หันขวับไปดู แล้วท่านก็ตกใจสุดขีดเมื่อเห็นหลวงปู่แก้วถือดาบโบราณยาวเป็นวาขาววับอยู่ เบื้องหลังในอาการที่เหมือนว่าจะ "ซ้ำ" เป็นหนสอง

    นาทีนั้นทั้งที่อยู่ในท่านั่งเหยียดเท้าคุณอากลับดีดตัวเองด้วยความตกใจ อย่างที่สุดออกห่างองค์หลวงปู่ไปหลายเมตร จนคุณอาเองยังแปลกใจอยู่ทุกวันนี้ว่าตัวลอยไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร อาเนียรเล่าไปขำไป ผมก็พลอยขำไปด้วย แต่ในใจยังสงสัยว่าถ้าเป็นตูจะขำออกหรือเปล่า

    เหตุนี้ท่านผู้การ จำเนียรจึงให้ความเชื่อถือในอาคมของหลวงปู่แก้วเป็นอันมาก ไปกราบหลวงปู่ทิมคราวใดต้องแวะหาหลวงปู่แก้วด้วยทุกครั้งไป

    หลวงปู่ทิมการันตีหลวงปู่แก้วหลายต่อหลายครั้งว่า “ท่านแก้วเขาสำเร็จธาตุ” คำประกาศนี้อาจไม่ใหญ่คับฟ้าดังประกาศของหนังสือชั้นนำอย่างกินเนสบุ๊ค แต่มันเป็นประกาศนียบัตรทางวาจาที่ปราชญ์ในศาสตร์นี้มีให้แก่กัน

    ประมาณว่าปราชญ์ย่อมรู้ในปราชญ์

    หากผมเองที่เป็นได้เพียง "ประหลาด" ไม่อาจหยั่งรู้เรื่องราว "ภายใน" ของท่านทั้งสองได้ เห็นทางเดียวว่าเชื่อไว้ก่อนเป็นการดี

    ครั้งที่คนมือซนเอาเหรียญ "เจริญพร" ของหลวงปู่ทิมไปลองยิง ความทราบถึงหลวงปู่แก้วท่านก็พิโรธเป็นนักหนา บ่นว่า “ไอ้พวกนี้มันถือดีเอาของคุณพ่อไปลองได้ยังไง ถ้าจะลองไม่ต้องไปลองคุณพ่อหรอก” ว่าแล้วท่านก็เดินไปที่ตอไม้กระท้อนข้างกุฏิซึ่งตัดไปนานแล้ว

    จากนั้นก็ลงนั่งยอง "ฉี่" รดตอกระท้อนนั้น แล้วบรรลือสีหนาทว่า

    “ถ้ามันอยากยิงให้มายิงตอนี้ให้ออกก่อน”

    ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนมือซนรู้ข่าวแล้วพากันลองหรือไม่ ทราบเพียงว่าชื่อเสียงของท่านเคียงบ่าเคียงไหล่มากับหลวงปู่ทิมผู้เป็น อาจารย์ก็พอ

    ต่อมาผู้ทรงวิทยาคุณเช่นท่านปรารภว่าหากตายก็เสียดายอยู่สองอย่าง หนึ่งคือวิชาอาคมที่ศึกษามาจนแตกฉานจะพลอยสูญไปกับตน สองคือเกรงว่าศพจะเป็นภาระให้แก่คนรุ่นหลังยุ่งยากเรื่องค่าใช้จ่ายในงาน ประชุมเพลิง ดำริแล้วท่านก็ขออนุญาตกับหลวงปู่ทิมว่าจะทำเหรียญสักรุ่น ซึ่งหลวงปู่ทิมก็ไม่ขัดข้องประการใด

    เมื่อคุยกับกรรมการวัดอันมี คุณลุงสาย แก้วสว่าง ผู้เป็นไวยาวัจกร และ คุณชินพร
    สุขสถิตย์ ผู้เป็นศิษย์แล้ว เห็นควรให้จัดทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกของหลวงปู่แก้วขึ้น ซึ่งเลขยันต์หลวงปู่แก้วเป็นองค์กำหนด หลวงปู่ทิมก็ได้เห็นต้นแบบภาพเหรียญ ท่านยังพูดเหมือนเก่าคือ

    “ท่านแก้วเขาสำเร็จธาตุ” จึงสมควรใช้ยันต์แม่ธาตุใหญ่คือ นะ มะ พะ ทะ

    เหรียญรุ่นแรกของท่านมีความสวยงามมาก ดูมีชีวิตชีวาสมเป็นงานแกะชั้นครู ฝีมือระดับนี้ถ้าไม่เป็นช่างเกษม มงคลเจริญ ก็ต้อง ช่างประหยัด ลออพันธุ์สกุล ไม่เป็นอื่น อีกฝีมือที่แน่นอนว่าเยี่ยมยุทธ์คือช่างยิ้ม ยอดเมือง แต่ช่างยิ้มไม่ใคร่แกะแบบนูนสูง จึงเดาว่าเป็นสองช่างดังกล่าวมา

    เหรียญหลวงปู่แก้วมีด้วยกันทั้งสิ้น 2,447 เหรียญ แบ่งออกเป็น

    1. เหรียญนวโลหะพิเศษเฉพาะกรรมการไม่มีจำหน่าย สร้าง 32 เหรียญ

    2. เหรียญเงินบริสุทธิ์ สร้าง 94 เหรียญเท่าอายุของท่าน ตอกเลขซึ่งถือเป็นโค้ดในตัวตั้ง แต่หมายเลข 1 ถึง 94

    3. เหรียญทองแดงไม่รมดำ-น้ำตาล สร้าง 2,001 เหรียญ ตอกเลขตั้งแต่ 95 ถึง 2,095

    4. เหรียญทองแดงพิเศษ ไม่ตอกเลขอย่างเรียงลำดับ หากตอกเฉพาะเลข 94 ไว้ที่กลาง สังฆาฏิ มีจำนวนทั้งสิ้น 320 เหรียญ

    และเหรียญรุ่นแรกนี้คณะศิษย์ไม่ได้สร้างเนื้อทองคำ ฉะนั้นถ้าเจอที่ไหนบอกได้คำเดียวว่า

    ปลอม

    ประสบการณ์จากเหรียญรุ่นนี้มีมากเหมือนกัน เสียแต่ไม่มีสื่อแจ้งให้ทราบของดีอย่างนี้จึงถูก เสือซุ่ม ทั้งหลายเก็บเงียบไปเรื่อย ที่จริงผมก็ไม่อยากลงกลัวลงแล้วแพงเพราะยังอยากได้อีก แต่เห็นวัตถุมงคล(หรือเปล่าไม่รู้)หลายวัดหลายแห่งสร้างออกมาแล้วให้สลดใจ

    จึงขออนุญาตบอกกล่าวกันในกลุ่มว่าพระเก่งพระดีมีอยู่ ราคาไม่แพงด้วย เก่าจริงด้วย ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ด้วย และอีกสารพัดด้วยถ้าจะเชื่อกัน

    ผมเองก็แขวนท่านบ่อยครั้ง ไหนว่าเก่งเหนียว แต่แขวนทีไรได้โชคได้ลาภเป็นเงินเป็นทองทุกทีไป ชะรอยท่านจะเสกแบบครอบจักรวาลให้สมนามว่ารุ่นหนึ่งกระมัง

    ขออวยพรให้ผู้ศรัทธาได้รับความคุ้มครองจากหลวงปู่แก้วโดยทั่วกัน.


    ขอขอบคุณ

    หน้าแรก




     

แชร์หน้านี้

Loading...