ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    "...พระพี่นางจึงต้องตัดสินพระทัยครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญ เพราะไม่มีทางอื่นให้ท่านทรงเลือกแล้ว
    ท่านต้องทรงแลกพระองค์เองกับพระอนุชาคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช..
    ."


    ทันทีที่อ่านข้อความที่คุณทางสายธาตุ ทิ้งท้ายไว้ ก็เกิดความความเข้าใจและซาบซึ้งในเพลงพระสุพรรณกัลยา
    ของพี่โมเย ที่ร้อยเรียงไว้ด้วยถ้อยคำที่ตราตรึงใจยิ่งนัก

    -"ต้องยอมสละสิ้นแล้วทุกสิ่ง ต้องละวางทิ้งสุขนับคณา
    หยดรินไหลร่วงน้ำตา เพื่อสุขประชาไพร่ฟ้าสราญ
    ..."

    ขออนุโมทนากับคุณทางสายธาตุและพี่โมเย ครับผม
     
  2. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    ...."พระราชมารดาทรงสอนพระราชธิดาและพระราชโอรส:

    ที่ถูกที่ควรนั้นต้องแบกทุกข์ของประชาชนและปัดเป่าทุกข์นั้นให้ได้ แม้จะได้เพียงเล็กน้อย ทุกข์นั้นก็จะเบาบางลง ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข พ่อและแม่นี้แม้จะตายจากลูกๆ ไปแล้วก็จะมีความสุขด้วย หากลูกปฎิบัติตนได้อย่างที่แม่กล่าวสอนนี้แล้วไซร้ ลูกของแม่ทั้งสามจึงสมควรเป็นลูกเป็นหลานของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา......."

    ...............................

    "...พระพี่นางจึงต้องตัดสินพระทัยครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญ เพราะไม่มีทางอื่นให้ท่านทรงเลือกแล้ว
    ท่านต้องทรงแลกพระองค์เองกับพระอนุชาคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช..."


    -ถ้าเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์และติดตามเรื่องราวที่คุณ

    ทางสายธาตุได้กรุณานำเสนอไว้ เราย่อมจะเข้าใจได้

    ทันทีว่าทั้งสองข้อความที่ได้คัดลอกตัดตอนมานำเสนอ

    ไว้อีกครั้งนั้นล้วนมีความเกี่ยวพันและเป็นเหตุเป็นผลกัน

    อย่างไม่ต้องสงสัย

    -แต่ เอ ! ฟอร์ทชักเอะใจว่า พี่โมเย จะต้องมองภาพ

    ประวัติศาสตร์ตอนนี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่งและเข้าใจ

    ในน้ำพระทัยของพระพี่นางสุพรรณกัลยาอย่างลึกซึ้ง

    ถึงได้ร้อยกรองถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงที่ซาบ

    ซึ้งและตราตรึงใจ นับถือครับพี่สาวโมเย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    รอคอยเกร็ดประวัติศาสตร์จากคุณทางสายธาตุ อยู่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2009
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เกร็ดประวัติศาสตร์ ช่วงการเมืองภายในสยาม ช่วงที่สมเด็จพระนเรศเจ้าท่านทรงหนีจากหงสาวดี

    ถ้าอ่านการเมืองภายในช่วงนี้จะเห็นชัดเลยว่า ขุนนางหลายคนอ่อนแอและเสียขวัญกันมาก หลังเสียกรุงศรีฯครั้งที่ 1
    ซึ่งอายุอานามเหล่าขุนนางก็น่าจะสามสิบขึ้นไปจนหกเจ็ดสิบปี จิตนาการเมื่อสมเด็จพระนเรศวรเจ้าท่านอายุ 16 ชันษา
    แล้วหนีมาจากหงสาวดี พระองค์ท่านจึงดูเป็นผู้เยาว์และอ่อนประสบการณ์ในสายตาขุนนางเหล่านี้
    พระองค์ท่านจะต้องมีพระหฤทัยเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งเพียงใด ที่จะยืนหยัดขึ้นยืนเป็นผู้นำและปรับปรุงให้การเมืองภายในเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เรามาอ่านพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับวันวลิตกันค่ะ คำพูดเขาอาจเขียนไว้บางครั้งกล่าวถึงพระมหากษัตริย์สยามหลายๆพระองค์
    ไม่สวยงามและเคารพเพียงพอ แต่พวกเราชาวไทยก็ต้องถือว่านายวัน วลิตนี้มีคุณกับไทยอยู่มาก
    ที่ทำให้เราได้ทราบประวัติศาสตร์และเกียรติภูมิของบรรพบุรุษไทยในมุมมองของคนต่างชาติ
    เพราะเอกสารของชาติไทยเราเสียหายไปมากครั้งกรุงศรีฯแตกครั้งที่ 2
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับวันวลิต พ.ศ. 2182 : วันวลิต, แต่ง
    : เลียวนาร์ด แอนดายา, แปลเป็นภาษาอังกฤษจากภาษาฮอลันดา
    : มิเรียม เจ. แวน เดนเบอร์ก, คัดลอกจากต้นฉบับเดิม
    : เดวิด เค. วัยอาจ, บรรณาธิการ
    : วนาศรี สามนเสน, แปลเป็นภาษาไทยจากภาษาอังกฤษ
    : ประเสริฐ ณ นคร, ตรวจ : ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, 2523.

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    พระมหาธรรมราชา

    ( Prae Maehae d Harma Raetsiae )

    พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๑๙ แห่งแผ่นดินสยาม

    เสวยราชย์อยู่ ๒๒ ปี

    ออกญาพิษณุโลกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินเมื่ออายุได้ ๕๔ ปี ทรงพระนามว่า

    พระมหาธรรมราชาพระเจ้าสองแคว ( Prae Maehae d Harmae Raetseae Prae t’Jaeu Songh Queen )

    พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่เมตตา และขยันขันแข็ง ทรงขยายตัวเมืองศรีอยุธยาออกไป

    ซึ่งยังปรากฎอยู่จนกระทั่งบัดนี้ และสร้างกำแพงเมืองล้อมรอบ ยังทรงสร้างหอคอยสูงห้าหอ ณ พระราชวัง


    พระองค์ทรงปกครองขณะที่บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ ดังนั้น ผืนแผ่นดินที่ถูกทำลายก็เริ่มเจริญงอกงามอีกครั้งหนึ่ง

    จำนวนประชาชนที่ลดน้อยลงอย่างมากมาย และยากจนลงเนื่องจากสงครามกับพะโค ก็เริ่มเพิ่มจำนวนและร่ำรวยขึ้น

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    (ความเห็นส่วนตัวค่ะ) แผ่นดินกลับมาเจริญอีกครั้ง นี่แหละสเน่ห์ของสยาม แผ่นดินนี้อุดมสมบูรณ์ ทรัพย์อยู่ในดิน สินอยู่ในน้ำ พม่าขนไปไม่รู้จักเท่าไหร่ ไทยก็ไม่จน ^^
    พม่านั้นอิจฉาแผ่นดินสยามนี้นัก ปลูกอะไรก็งอกงาม ข้าวปลาก็อุดม ต่างชาติก็ชอบคบค้ากับไทยมากกว่าคบกับพม่า เพราะคนไทยอัธยาศรัยดี
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------
    (ต่อ)
    ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินนักรบ อย่างไรก็ดี พระองค์ทรงนับถือแสนยานุภาพของพะโค ไม่ใช่เพราะว่าทรงเกรงกลัว
    แต่เป็นเพราะทรงเห็นว่าอาณาจักรก็รกร้างแทบจะไม่มีประชาชน และสถานที่หลายแห่งถูกทำลายไปมากแล้ว

    ภายหลังที่พระนเรศได้มาเป็นตัวประกันที่พะโค ( ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ) ได้ประมาณ ๒ ปี

    พระองค์ก็ถูกพระเจ้าแผ่นดินพะโคบริภาษ ขู่จะประหารชีวิต เนื่องจากประลองยุทธ์แต่ละครั้ง
    เช่น ทรงม้า ล่าสัตว์ ชนช้าง และอื่น ๆ พระองค์ทรงสามารถทำได้ดีกว่าพระเจ้าแผ่นดินพะโค

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ฟ้าประทานพระโพธิสัตว์นักรบมาให้แผ่นดินสยามยามนั้น พระนเรศวรมหาราชเจ้า



     
  5. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    พะโคกับหงสาวดี ก็คงจะเป็นเมืองเดียวกันใช่ไหมครับ
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เจ้าชายผู้ทรงพระเยาว์เสด็จหนีจากหงสาวดี

    เจ้าชายผู้ทรงพระเยาว์ ( พระนเรศวร ) ทรงเจ็บช้ำในพระราชหฤทัย
    ที่ทรงถูกเหยียดหยามและขู่เช่นนั้น จึงเสด็จลอบหนีพร้อมด้วยข้าราชบริพาร
    ( ขุนนางสยามประมาณ ๓๐๐ คน ) ในเวลาค่ำคืนไปยังพิษณุโลก
    ทรงเผาและทำลายสถานที่หลายแห่งของเมืองพะโคตลอดทางที่ผ่านมา

    -----------------------------------------------------------------------

    เมื่อพระเจ้าแผ่นดินพะโคทรงทราบข่าวการเสด็จหนีของตัวประกัน
    จึงให้ขุนทัพสองคน ชื่อ Weengh Ceu และ Ceu Thaen พร้อมทั้งทหาร ๕,๐๐๐คน
    ออกติดตามจับพระนเรศกลับมาเป็นเชลยให้ได้ พระนเรศทรงตระหนักดีว่า
    กองทัพพะโคจะยกทัพมายังพิษณุโลก จึงเสด็จออกไปรบพร้อมด้วยชาวเมืองพิษณุโลก
    และได้ชัยชนะเหนือขุนทัพทั้งสอง ทรงปราบปรามทหารพะโค จับได้เป็นเชลยถึง ๓,๐๐๐ คน
    ส่วนที่เหลือหนีกลับไปพะโคทูลให้พระเจ้าแผ่นดินทรงทราบข่าวที่น่าเสียใจนี้

    --------------------------------------------------------------------------------------------------

    พระนเรศ ประทับอยู่ที่พิษณุโลกด้วยความเกรงกลัวสมเด็จพระบิดา
    ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินสยามประการหนึ่ง และทั้งเกรงว่าพระเจ้าแผ่นดินพะโค
    จะส่งแม่ทัพคนอื่นมาทำลายและยึดเมือง แต่พระองค์ทรงหวังว่า
    ขณะที่พระองค์ทรงประทับอยู่ที่นี่ จะสามารถกระตุ้นพลเมืองให้ต่อต้านทัพพะโคได้

    --------------------------------------------------------------------------------------------------

    พระเจ้าแผ่นดินพะโค ทรงทราบข่าวว่าพระนเรศประทับอยู่ที่พิษณุโลก
    ก็ทรงส่งพระอนุชา Sarrathij พร้อมทั้งทหาร ๑๐,๐๐๐ คน
    มาจับพระนเรศเป็นเชลยถ้าหากสามารถทำได้
    พระนเรศ ชาวเมืองพิษณุโลก และเมืองข้างเคียง
    ได้ทราบข่าวพระอนุชา Sarrathij ยกทัพมา
    พลเมืองก็จะตื่นกลัวจนกระทั่งไม่กล้าจะรอให้
    กองทัพยกมาถึงเมือง พากันหนีไปกรุงศรีอยุธยา
    อย่างไรก็ดีกองทัพ Sarrathij ก็ได้ไล่ติดตามไป

    เมื่อพระนเรศทรงทราบว่า Sarrathij ยกกองทหารมาแต่น้อย
    ก็ไม่พอพระทัยที่พลเมืองหนีไปอย่างไม่ถูกกาลเทศะเช่นนั้น
    เพื่อจะลบล้างความอัปยศอดสูที่พวกพะโคปฎิบัติต่อพระองค์
    และที่พลเมืองถอยหนีไป และเพื่อจะจับชาวพะโคที่โอหัง
    พระนเรศก็รวบรวมกองทัพเข้าโจมตี Sarrathij ณ วัดมหาพรหม
    ( Mae Hae Pram ) ตีกองทัพทหารแตกพ่ายไป จับช้างได้ ๒,๐๐๐ เชือก
    และม้า ๓๐ ตัว

    Sarrathij เสด็จหนีรอดไปพร้อมกับทหารกลับไปยังพะโค
    แต่เมื่อกลับมาถึงเมืองก็ทราบข่าวว่าพระเชษฐาสิ้นพระชนม์
    และพระราชโอรสองค์ใหญ่ทรงพระนามว่ามหาอุปราชา
    ( Ma Hae Oubraets Jae ) ได้ขึ้นครองราชสมบัติ

    พระนเรศได้เสด็จไปยังกรุงศรีอยุธยา และอนุญาตให้ชาวเมืองพิษณุโลก
    กลับไปบ้านเดิมของตน เมื่อเข้าเฝ้าพระราชบิดาซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินสยามนั้น
    พระนเรศทรงมีพระชนมายุได้ ๑๘ พรรษา

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    (ความเห็นส่วนตัวค่ะ) พวกเรามักรู้จักสมเด็จฯท่านผ่านฉากทรงยุทธหัตถี
    ขณะที่ท่านทำยุทธหัตถีนั้นท่านทรงมีพระชนมายุ 35 ชันษา คนอื่นจะคิดแบบ
    ทางสายธาตุหรือไม่ ก็ไม่รู้นะคะ ทางสายธาตุจินตนาการเห็นภาพสมเด็จท่านทีไร
    ก็จะจินตนาการที่ช่วงพระชนมายุราวๆ 35 ปี พออ่านพระมหาวีรกรรมใดๆของสมเด็จฯ
    ก็จะคิดว่าท่านทรงเก่งอยู่แล้ว ท่านเป็น Hero อยู่แล้ว เหมือนเรามอง Super hero
    ว่าอย่างไรๆก็แล้วแต่ สุดท้ายก็จะชนะ ซึ่งถ้าเราเอาใจใส่เข้าไปอีกสักนิด
    เราจะพบว่า สมเด็จฯท่านเป็นมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อ มีความเจ็บ ความกลัว ความกล้าหาญ
    ท่านไม่ได้มีพรวิเศษจากเทพเจ้าติดตัวมาตั้งแต่ประสูติว่า ฆ่าไม่ตาย ท่านเป็นคนเหมือนเราทุกคน

    แต่เหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ สมเด็จฯท่านเพิ่งจะมีพระชนมายุ 16 ชันษา
    เพียงเรียนจบวิชาการรบ พิชัยสงคราม ยังไม่ได้ออกรบจริงๆมาก่อน
    ท่านก็ต้องเข้าสู่การรบพุ่งจริงจังตั้งแต่พระชนม์มายุเท่านั้น
    ดังนั้น สมเด็จท่านคือผู้กล้าอย่างแท้จริงแห่งอุษาคเนย์
    ทางสายธาตุให้เครดิตอาจารย์นักรบผู้กล้าของสมเด็จฯท่านด้วยค่ะ
    พระองค์นั้นก็คือ ผู้ชนะสิบทิศ พระเจ้าบุเรงนอง
    เพราะพระเจ้าบุเรงนองนี้ถือเป็นแม่พิมพ์สำคัญที่ถ่ายทอดบุคคลิกผู้นำ
    ความองอาจกล้าหาญ ความเก่งกาจสามารถ แด่สมเด็จฯท่านด้วย
    คนเก่งเท่านั้นที่จะสอนคนเก่งได้ ทางสายธาตุมีความเห็นแบบนี้ค่ะ



    เรื่องรบพุ่ง ทางสายธาตุไม่มีความรู้นะคะ ว่าเก่งด้านไหน ดาบคู่ ดาบเดี่ยว
    ขี่ม้ายิงธนู ทางมวยอะไรๆ ก็ไม่มีความรู้เลยนะคะ ท่านใดรู้รายละเอียด
    จะแสดงความคิดเห็นก็ตามสบายเลยค่ะ ที่พอจะเคยอ่านอยู่บ้าง
    ก็อ่านจากหนังสืออาจารย์ คึกเดช กันตมระ บรรยายไว้ในนิยายค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขุนนางหลายคนไม่เห็นด้วยที่สมเด็จพระนเรศวรเสด็จหนีจากหงสาวดี ?

    เมื่อพระเจ้าแผ่นดินสยามออกรับพระราชโอรส คือพระนเรศ
    ทรงทั้งผิดหวังและสลดพระทัยมาก ถึงแม้พระราชโอรสทรงทูล
    ให้ทราบถึงสาเหตุที่ต้องเสด็จหนี และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
    นับตั้งแต่เสด็จหนีจากพะโคเป็นต้นมา ก็ไม่ทำให้พระเจ้าแผ่นดิน
    ทรงพระสำราญได้ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะมีไมตรีกับเมืองพะโคดังเดิม
    ทรงชี้แจงให้พระนเรศเห็นถึงความขาดแคลนของกรุงศรีอยุธยา สถานที่ต่างๆ ซึ่งถูกทำลาย
    ความยากจนของประชาชนและกองทหารที่มีอยู่เพียงจำนวนน้อย

    ---------------------------------------------------------------------

    แต่พระนเรศ ( ถึงแม้ว่าทรงพระเยาว์ ) ก็ไม่ทรงพรั่นพรึง
    และไม่ทรงเข้าพระทัยในสันติภาพ ที่พระราชบิดาทำกับ
    พระเจ้าแผ่นดินพะโค เช่นว่า แผ่นดินสยามจะต้องส่งบรรณาการ
    ทรงเร่งเร้าพระราชบิดาด้วยเหตุผลหลายประการ
    ทรงกล่าวว่า พระองค์มีอำนาจและประชาชนเพียงพอ
    ไม่แต่เพียงจะต่อต้านกองทัพพะโคเท่านั้น
    แต่ยังสามารถตีเมืองพะโคได้เลยทีเดียว

    ----------------------------------------------------------------------

    พระเจ้าแผ่นดินพะโคทรงพิโรธ และเสียพระทัยในการที่พระนเรศ
    ทรงสามารถหนีไปได้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตาม
    ทรงส่งคณะฑูตมายังเมืองสยาม และเรียกร้องให้ส่งตัวประกันคืน

    -----------------------------------------------------------------------

    พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงโอนเอียงที่จะยินยอม แต่ไม่สามารถชักชวน
    คณะมุขมนตรี หรือพระราชโอรสทั้งหลายให้เห็นตามได้
    ดังนั้นคณะฑูตจึงเดินทางกลับไปโดยไม่ประสบความสำเร็จ

    ถึงแม้ว่าพระเจ้าแผ่นดิน ( พะโค ) จะทูลทวงข้อสัญญา และเงื่อนไข

    ตามที่พระเจ้าแผ่นดินสยามได้รับพระราชทานแผ่นดินสยาม
    จากพระราชบิดาของพระองค์ และพระองค์ทรงถือว่าเป็นหน้าที่ของพระองค์
    ที่จะต้องให้พระเจ้าแผ่นดินสยามปฎิบัติตามสัญญานั้น มิฉะนั้นก็จะต้องทำสงครามกัน
    คณะฑูตไม่ประสบความสำเร็จที่จะอัญเชิญพระนเรศเสด็จกลับพะโคพร้อมตนได้
    เมื่อทรงเห็นว่าสันติวิธีหรือการข่มขู่ไม่ได้ผลแล้ว พระเจ้าแผ่นดินพะโคจึงกรีธาทัพ
    มีทหารทั้งหมด ๗๐,๐๐๐ คน ทรงแต่งตั้งแม่ทัพสามคนคุมทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา
    ประกอบด้วยพระเจ้าอาพระยาพสิม ( Phia Moussin ) และขุนนางอีกสองคน
    คือพระยาแปร ( Pia Praem ) และ Sarrathij

    ----------------------------------------------------------------------


    เมื่อพระเจ้าแผ่นดินสยามทราบข่าวกองทัพพะโค ก็ทรงเตรียมทัพไว้ต่อสู้เช่นกัน
    แต่ขาดกำลังใจ เนื่องจากขาดยุทธภัณฑ์ที่ใช้ในการทำสงคราม ซึ่งสืบเนื่องมาจาก
    กรุงศรีอยุธยาถูกทำลายในสงครามคราวก่อนอย่างมากมาย
    และมีเวลาอยู่อย่างสงบเพียงแค่ระยะสองสามปี

    อย่างไรก็ดี พระนเรศก็มีพระประสงค์ให้พระราชบิดาเตรียมรบมากกว่าทำอย่างอื่น
    ทรงรบเร้าให้พระราชบิดาเตรียมทัพเพื่อหยุดยั้งกองทัพพะโคที่ชายแดนไทย
    เพื่อให้กรุงศรีอยุธยารอดพ้นจากการถูกทำลายเป็นครั้งที่สอง

    อย่างไรก็ตาม พระนเรศก็ไม่สามารถบรรลุความสำเร็จตามที่ประสงค์
    กองทัพพะโคยกเข้ามาถึงตัวเมืองโดยปราศจากการกีดขวาง และทำลายทุกสถานที่
    ที่ทัพผ่านมาอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือไว้ให้ใช้ได้อีกต่อไป ทัพพะโคได้ล้อมกรุงศรีอยุธยา
    และเรียกร้องให้พระนเรศออกมาประลองยุทธ์

    พระเจ้าแผ่นดินและขุนนาง ไม่เห็นควรที่จะให้พระนเรศพร้อมทั้งทหารออกไปรบข้าศึก
    พิจารณาเห็นว่าเป็นการดีที่จะให้กองทัพพะโคมาอยู่ด้านหน้ากรุงศรีอยุธยา
    ( ซึ่งขณะนั้นเพิ่งจะสร้างกำแพงและหอคอยปฎิมากรรมแบบอินเดียเสร็จใหม่ ๆ )
    เพราะจะเป็นการที่ข้าศึกทำลายตัวเอง

    แต่พระนเรศไม่ทรงยอมเข้าพระทัย ทั้งไม่ทรงยอมรับความอัปยศที่ไม่ออกไปประลองยุทธ์
    ตามคำท้าทายของแม่ทัพพะโค ในที่สุดเมื่อได้รับพระบรมราชานุญาต
    ก็รวบรวมทหารออกโจมตีข้าศึก ขับไล่กองทัพพะโคพ่ายแตกไป
    ทรงจับแม่ทัพได้ทั้ง ๓ พระองค์ ได้ช้าง ๓๐ เชือก และม้า ๑๐๐ ตัว

    -----------------------------------------------------------------------

    ทหารพะโคถูกฆ่าตายมากมาย ที่หนีไปได้ก็กลับไปเมืองพะโคกราบทูล
    ให้พระเจ้าแผ่นดินทรงทราบ พระองค์ทรงเศร้าสลดพระทัยในการพ่ายแพ้ครั้งนี้
    เป็นอย่างมาก พระองค์ทรงอยู่อย่างสงบที่พะโคเป็นเวลาอีกหลายปี

    พระนเรศทรงประสบชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่นี้เมื่อพระชนมายุได้ ๒๐ พรรษา
    ทรงได้รับเกียรติยศอย่างสูงสุดจากทุก ๆ คน พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักรบ
    ทรงปลื้มปีติที่ได้รับชัยชนะ ทรงจัดการทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีอิสรภาพและปรากฎชื่อเสียงเช่นเดิม

    แต่พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ทรงพิจารณาว่ากรุงศรีอยุธยามีอิสระเสรีเพียงพอแล้ว
    สมควรที่จะตั้งอยู่อย่างสงบคอยตั้งรับกองทัพพะโค เพื่อจะได้ดินแดนและวัวควายที่ถูกทำลาย
    ได้มีโอกาสฟื้นฟูและงอกงามต่อไป

    -----------------------------------------------------------------------

    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่านทรงเป็นกษัตริย์นักรบอย่างแท้จริง
    ข้อสังเกตุส่วนตัวของทางสายธาตุ จะเห็นว่า สมเด็จพระนเรศวรเจ้าท่าน
    ก็ทรงตระหนักในเรื่องความขาดแคลนของกรุงศรีฯเพราะเพิ่งว่างจากศึกเพียง 2-3 ปี
    ถ้าท่านผู้อ่านยังจำตอนที่พระราชมารดาท่านอบรมไว้ตอนหนึ่งว่า

    นอกจากสมเด็จฯท่านจะมีเพื่อนนักรบแล้ว ในความเข้าใจของทางสายธาตุเอง
    ท่านคบหาชาวต่างชาติไว้เป็นเพื่อนอีกมาก เพราะประชากรในกรุงศรีฯนั้นน้อย
    อย่าว่าแต่กำลังจะไปออกรบเลย กำลังที่จะปลูกข้าว พืชผลเพื่อการบริโภคเองยังแทบไม่มี
    ท่านทรงคบหาหมู่มิตรทั้งมอญ ไทยใหญ่ ลาว ฝรั่งฮอลันดา ฝรั่งโปรตุเกต ญี่ปุ่น จีน

    และคิดว่าพระองค์ท่านได้ทรงเชื้อเชิญกันให้มาตั้งถิ่นฐานรกรากกันในสยามนี้ด้วย
    หลายๆครอบครัว หลายๆเชื้อชาติคงถูกท่านเชื้อเชิญให้เข้ามาตั้งรกรากในแผ่นดินนี้นะคะ
    และหลายๆครอบครัวนั้น ก็เข้ามากระมัง ดูจากแผนที่กรุงศรีอยุธยา ก็จะทราบว่ามีแหล่ง
    พำนักของคนแต่ละเชื้อชาติ เป็นแหล่งๆไป เป็นการเพิ่มประชากรแบบทันตาเห็นที่สุดแล้ว
    สมเด็จพระนเรศวรเจ้าท่าน คงเหมือนกับบุคคลที่ผ่านการศึกษาจากเมืองนอกเมืองนามา
    เพราะท่านไปจบการศึกษาจากหงสาวดี จึงทำให้ท่านคุ้นเคยกับคนต่างชาติต่างภาษาเป็นอย่างดี
    ทรงตรัสได้หลายภาษา พม่า ไทย มอญ เป็นต้นค่ะ





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขออนุโมทนาและขอบคุณคุณทางสายธาตุมากครับ

    ในสิ่งที่เลวร้ายก็ยังมีประกายแห่งความดีให้เห็นกัน

    นะครับ หลายๆท่านก็วิเคราะห์ตรงกันกับคุณทางสาย

    ธาตุครับว่าพระองค์ดำทรงได้รับการถ่ายทอดวิทยา

    ยุทธจากบุเรงนองอยู่หลายส่วน สมเด็จของไทย

    ทรงมีพื้นฐานดีเป็นทุนอยู่แล้วเมื่อได้ครูดีอย่างจะเด็ด

    หรือพระเจ้าบุเรงนองอีกด้วยก็ยิ่งเชี่ยวชาญและแตก

    ฉาน คงจำกันได้นะครับว่าจะเด็ดนั้นเป็นศิษย์เอกของ

    ครูดาบตะคะญี (ถ้าจำไม่ผิด เป็นบิดาของแม่นางกันทิมา)

    และถ้าจะเดากันต่อไป ในช่วงพระชนมายุก่อน 9 พรรษา

    ลักษณะทางพระสรีระยังไม่เข้าสู่วัยรุ่น การฝึกการต่อสู้และ

    ศาสตราวุธน่าจะเป็นในแนวกว้างๆเพื่อเตรียมความพร้อม

    คงจะยังไม่เจาะจงไปในเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นพิเศษ คง

    จะเป็นพวกมวย การต่อสู้ด้วยมือเปล่า อาวุธก็น่าจะหนักไป

    ทางดาบซึ่งก็คงต้องเป็นดาบสองมือ พวกทวนกับง้าวนั้น

    คงเรียนแค่พอรู้ เนื่องจากเป็นอาวุธที่หนักยังไม่เหมาะกับ

    พระสรีระของพระองค์ในพระชัณษาขณะนั้น เมื่อพระองค์

    ท่านไปเติบใหญ่ที่หงสาวดี แน่นอนว่าแบบจำลองนักรบ

    ในใจของสมเด็จท่านย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพระเจ้า

    บุเรงนองหรือจะเด็ดนั่นเอง ไม่ว่าจะดาบสองมือเมื่อเข้าหั้ม

    หั่นกับข้าศึกบนพื้นดิน หรือการใช้ทวนอย่างแคล่วคล่อง

    บนหลังม้าเมื่อยามเข้าประจัญบานพระองค์ดำท่านย่อมต้อง

    ถ่ายทอดและฝึกปรือมาอย่างเชี่ยวชาญ ไม่แน่นะครับ

    สมเด็จท่านอาจจะเคยเป็นศิษย์ของครูดาบตะคะญี ก็ได้

    นะครับ
     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ถ้าจะเดากันอย่างค่อนข้างจะมีเหตุผลกันถึงความชำนาญในสรรพอาวุธของ

    สมเด็จท่านละก็ คงเป็นอย่างที่คุณทางสายธาตุกล่าวไว้แล้วคือน่าจะแทบทุก

    ชนิด แต่ถ้าใช้คำว่าเป็นพิเศษละก็อาจจะเป็น ดาบสองมือ ทวน และพระแสง

    ปืน การที่พระองค์ท่านใช้พระแสงปืนยิงถูกสุรกรรมาเสียชีวิตที่แม่น้ำสะโตง

    ก็เป็นเหตุผลที่ชัดเจนไม่ต้องสงสัยกันเลย เพราะถ้าไม่ทรงเชี่ยวชาญและ

    ชำนาญจริงๆแล้วคงจะยิงไม่ได้และก็คงจะไม่ถูก เผลอๆลำกล้องปืนอาจจะ

    แตกก็ได้ เรื่องดาบสองมือก็เช่นกันถ้าพระองค์ไม่ทรงชำนาญในการใช้ดาบ

    แล้วคงจะไม่มีพระวีรกรรมในการปีนค่ายข้าศึกดอกนะครับ ในจังหวะที่ทรงปีน

    ค่ายบุกนำทหารนั้น พระองค์ย่อมจะตระหนักในพระทัยดีว่าพระชนม์ชีพของ

    พระองค์ฝากไว้กับดาบคู่พระทัย ผมพิเคราะห์อย่างนี้นะครับ
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อนุโมทนา เรื่องสู้รบ อาวุธ ไม่สามารถพูดได้เลยค่ะ
    ถ้าเรื่องที่เคยฝัน จะเห็นแต่กองเรือสำเภา
    ผูกกันเป็นแพ แพละ 3 ลำ ต่อๆกันไปคิดว่า 15-20ลำ
    เพื่อขึ้นสินค้าให้พร้อม นัดกันออกทะเลพร้อมกัน
    เรือสำเภาจากหลายๆครอบครัวจะมาจอดกันเต็ม
    รอเวลาเปิดด่าน แล้วไปจัดกระบวนกันอีกทีที่ปากแม่น้ำ
    ออกทะเลแต่ละครั้ง เรือสำเภาจะไปกันเป็นร้อยลำ
    ฝันอย่างนี้ค่ะ ฝั่งเรือสำเภา หันหัวเรือออกปากแม่น้ำ
    ส่วนเรือฝรั่ง หันหัวเรือเข้าพระนคร ฝรั่งมา จีนไป
    แน่นขนัดไปหมด จนเรือใหญ่แม้แต่สักลำเดียวก็แทรกกลางไม่ได้
    จะไปไหน ต้องไปเรือแจว เหมือนเรียกมอเตอร์ไซค์
    ให้มอเตอร์ไซค์ซอกแซกไประหว่างรถติด
    ฝันเห็นแต่เรือกับโกดัง

    เล่าแทรกๆไว้ให้เห็นภาพว่า มีการค้าขายกันคึกคัก
    แต่อันนี้คือในความฝันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009
  12. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    อนุโมทนาครับ สมัยนั้นกองเรือทางด้านพาณิชย์นาวีคงจะยิ่งไหญ่ไม่น้อยนะครับ
    มีการส่งกองเรือไปค้าขายยังต่างประเทศเช่นจีน ฟิลิปปินส์ ทางด้านกิจการทหาร
    ก็น่าจะรุ่งเรืองควบคู่กันไปด้วย ทราบว่าประวัติศาสตร์จีนมีหลักฐานว่าในรัชสมัย
    สมเด็จพระนเรศวรผู้เป็นเจ้าสยามได้เคยขอที่จะส่งกำลังไปช่วยจีนรบกับญี่ปุ่น
    เกี่ยวกับกรณีเกาหลีนี่แหละครับ
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา

    [​IMG]


    พระตำนานของพระนางสุพรรณกัลยา

    คัดมาจากหนังสือ .. " ย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา "
    เขียนโดย หลวงปู่โง่น โสรโย



    พระสุพรรณกัลยา ทรงเป็นพระธิดาใน สมเด็จพระมหาธรรมราชา
    และ พระวิสุทธิกษัตรีย์เป็น พระพี่นางของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    และสมเด็จพระเอกาทศรถ สมภพเมื่อวันเสาร์ ปีมะเส็ง พุทธศักราช ๒๐๙๕
    ณ พระราชวังจันทน์เมือง พิษณุโลก (บริเวณที่ตั้ง โรงเรียนพิษณุโลก พิทยาคมในปัจจุบัน)


    พระองค์เป็นวีรสตรี ผู้กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทรงเสียสละความสุข
    ส่วนพระองค์ ยอมพลัดพรากจากแผ่นดินไทยไปเป็นองค์ประกัน
    ณ กรุงหงสาวดีเพื่อแลกกับ องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ
    สมเด็จพระเอกาทศรถ ต่อมาได้ทรงสิ้นพระชนม์ชีพในแผ่นดินพม่า
    อย่างไร้พิธีอันสมพระยศ ความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระองค์
    ในครั้งนั้น เป็นผลทำให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกลับมากอบกู้
    เอกราชของชาติไทยได้สำเร็จ วีรกรรมดังกล่าวของพระสุพรรณกัลยา
    จึงสมควรได้รับการเทิดพระเกียรติให้แพร่หลายยิ่งขึ้นสืบไปตลอดกาลนาน



    สถานที่สักการะบูชา พระอนุสาวรีย์ พระสุพรรณกัลยาณี
    ณ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (กองทัพภาคที่ ๓)
    อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกหลังสงครามเสียกรุง
    ศรีอยุธยาครั้งแรก เมื่อปี พุทธศักราช ๒๑๑๒ พระนาง และ
    พระอนุชาทั้งสองพระองค์ ได้ถูกพระเจ้าบุเรงนอง กวาดต้อน
    ไปเป็นเชลย ยังเมืองหงสาวดีพร้อมด้วย พระมหินทราธิราช
    เจ้าเหนือหัวแต่พระมหินทราธิราช เสด็จสวรรคตที่เมืองอังวะ
    เสียก่อนพม่าจึงแต่งตั้งให้พระมหาธรรมราชาขึ้นครอง
    กรุงศรีอยุธยา ในขณะที่โอรสและธิดายังเป็นเชลยอยู่
    เพื่อเป็นองค์ประกันป้องกัน การคิดทรยศของฝ่ายไทย
    ทั้งสามพี่น้องอยู่ที่หงสาวดีถึง ๖ ปี จึงได้กลับมา
    กรุงศรีอยุธยาครั้งหนึ่ง


    เมื่อพระนางมีพระชนมายุได้ ๑๙ พรรษา ด้วยเหตุที่
    พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เกิดความพึงใจในพระสิริโฉม
    ของพระสุพรรณกัลยา จึงมาสู่ขอ จากพระมหาธรรมราชา
    และนำกลับไปอภิเษกเป็นพระชายา ณ เมืองหงสาวดี
    ต่อมาพระนาง ได้ออกอุบายทูลขอให้พระอนุชาทั้งสอง
    พระองค์กลับสู่กรุงศรีอยุธยา โดยอ้างว่า เพื่อไปช่วยพระบิดารับศึก
    พระยาละแวกแห่งเขมร พระสุพรรณกัลยา มีสภาพ เหมือน
    ถูกทอดทิ้ง ให้ผจญกรรมเพียงลำพังกับไพร่พลเล็กน้อยใน
    ท่ามกลางหมู่ อริราชศัตรูทั้งสิ้น แต่กระนั้นพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง
    ก็ทรงมีพระเมตตา รักใคร่ สิเนหาแก่พระสุพรรณกัลยาอยู่ไม่น้อย
    และด้วยบารมีแห่งพระสุพรรณกัลยา ได้ปกแผ่คุ้มครองแก่คนไทย
    ที่ตกเป็นเชลยอยู่ในเมืองพม่า มิให้ได้รับความลำบาก



    ต่อมามังไชยสิงหราช (นันทบุเรง) โอรสของพระเจ้าบุเรงนอง
    เป็นผู้มักมากใน กามคุณและต้องการเป็นใหญ่ จึงร่วมมือกับ
    ชายาชาวไทยใหญ่ นามว่า " สุวนันทา " วางแผนชิงราชสมบัติ
    และแย่งอำนาจ ทำให้พระเจ้าบุเรงนองตรอมพระทัย และ
    สวรรคตอย่างกระทันหัน เมื่อพระเจ้านันทบุเรงขึ้นครองราชย์
    เกิดความวุ่นวาย เนื่องด้วยการไม่ยอมรับ ของพระญาติวงศ์ หลายฝ่าย
    ทำให้พระเจ้า นันทบุเรง เกิดความหวาดระแวง กอปรด้วยรู้ว่า
    มีการรวบรวมไพร่พลเตรียมการกู้ชาติของพระนเรศวรและ
    พระเอกาทศรถ ทางเมืองไทย

    จึงสั่งจับจองจำพระมารดาเลี้ยง (พระสุพรรณกัลยา) และ
    พระธิดาองค์แรกของพระนางให้อดอาหารลงโทษทัณฑ์ทุบตี
    โบยอย่างทารุณ ในขณะที่พระนางทรงครรภ์แปดเดือน จน
    พระธิดาสิ้นพระชนม์ จากนั้นก็ทำทารุณ กรรมต่อพระนางอีก
    จนอ่อนเปลี้ยสิ้นเรี่ยวแรงแล้วใช้ดาบฟันฆ่าพระนาง
    พร้อมด้วยทารกในครรภ์

    แม้ร่างกายของพระนางสิ้นสูญแล้ว ก็ยังไม่เป็นที่สาแก่ใจ
    ของพระเจ้านันทบุเรง แม้ดวงพระวิญญาณของพระองค์ก็
    ถูกกระทำพิธีทางไสยศาสตร์ตราสังรัดตรึง ไม่ให้วิญญาณ
    กลับสู่เมืองไทยให้วนเวียนอยู่อย่างทุกข์ทรมานนานนับร้อยปี ...


     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ถ้าจักรพรรดิจีนทรงยอมให้สมเด็จพระนเรศวรไปปราบญี่ปุ่น
    ที่ไปรุกรานเกาหลีในตอนนั้น คิดว่าแสนยานุภาพของพระองค์
    จะกระฉ่อนมากขึ้นในด้านการรบทางทะเล เหมือนจะเคยได้ยินว่า
    หาดเจ้าสำราญ มาจากทั้งสองพระองค์ คือสมเด็จพระนเรศวร
    และสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงไปซ้อมรบทางทะเลโดยอาศัย
    ชายหาดแห่งนี้เป็นสถานที่ซ้อมรบ พระองค์ทรงเตรียมความพร้อม
    ไว้เพื่อการรบในทะเลด้วย แต่ผลที่สุดจักรพรรดิจีนไม่ทรงเห็นด้วย
    ที่จะให้สมเด็จพระนเรศวรเจ้าท่านไปปราบญี่ปุ่น เรื่องนี้จึงยุติไป
     
  15. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    -ครับคุณทางสายธาตุ มาถึงตอนนี้ประวัติศาสตร์ของชาติที่เก่าแก่
    และยิ่งใหญ่อย่างจีนได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานชัดเจนแล้ว ก็ต้องยอม
    รับและยกย่องในพระเกียรติคุณของพระองค์และถือเป็นหน้าเป็นตา
    ของคนไทยและชาติไทยเราด้วย ดังนั้นเราจึงสมควรที่จะต้องเรียน
    รู้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยเรากันให้มากๆครับ อนึ่งกรณีเสด็จ
    ประพาสทางเรือที่หาดเจ้าสำราญของสมเด็จและพระอนุชานั้น
    ฟอร์ทจำได้ว่าสมัยติดตามข้อเขียนของพี่ภาวิโต (ขออนุญาตที่ต้อง
    เอ่ยนาม ) พี่ภาวิโตก็เคยเขียนวิเคราะห์ไว้ช่นกันกับคุณทางสายธาตุ
    เลยครับว่าน่าจะเป็นการซ้อมรบและเครียมการยกพลขึ้นบกซึ่งเป็น
    ยุทธวิธีของทหารนาวิกโยธินในปัจจุบันนั่นเองครับ
     
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระราชไมตรีระหว่างกรุงสยามกับกรุงจีน

    มีการจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานแน่ชัดค่ะคุณ Fort โดยหาอ่านได้จาก
    จดหมายเหตุ "เรื่องพระราชไมตรีระหว่างกรุงสยามกับกรุงจีน และ
    นิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน"
    นายนิสสัย เชชาชีวะ
    พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ
    นายโฆสิต เวชชาชีวะ
    ณ สุสานหลวง วัดเทพศิรินทราวาส
    27 เมษายน 2507
    หน้า 35 ย่อหน้าสุดท้าย


    แผ่นดินบ้วนและปีที่ 20 หยิมสิน (ตรงปีมะโรง จุลศักราช954
    พ.ศ. 2135 ชาวเยะป๋าน (ญี่ปุ่น) ยกกองทัพไปตีเฉียวเซียน
    (เกาหลี) ราชสาส์นมาว่า จะขอยกกองทัพลอบไปตีเยะป๋านก๊ก
    (ประเทศญี่ปุ่น) ตัดกำลัง ตอนหลังชาวเยะป๋านเสีย พระเจ้า
    สินจงฮองเต้รับสั่งให้ขุนนางผู้ใหญ่หารือกัน ขณะนั้นจงคี
    (ขุนนางในที่ว่าการอุปราช)ชื่อเซกเชงเห็นตามข้อความใน
    ราชสาส์นที่มีมา แต่เลี้ยงกวางจงต๊ก(เทศาภิบาลผู้สำเร็จราชการ
    สองมณฑล คือ มณฑลกวางตุ้งกับมณฑลกวางซี) ชื่อเซียวเง่น
    มีหนังสือบอกมายังเมืองหลวงว่าขออย่าได้ยอมให้ชาวเสี้ยมหลอก๊ก
    ยกกองทัพไปเป็นอันขาด พระเจ้าสินจงฮองเต้ทรงเห็นด้วยก็ไม่ยอม
    หมายเหตุท้ายหน้า 35 เขียนไว้ว่า


    ความตรงนี้ที่ปรากฏว่า สมเด็จพระนเรศวรรับจะยกกองทัพไทยไปตีเมือง
    ญี่ปุ่นช่วยจีน ประหลาดหนักหนา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2009
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา

    [​IMG]



    ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ หลวงปู่โง่น โสรโย แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวกอำเภอ ตะพานหินจังหวัดพิจิตร ได้รับกิจนิมนต์จากพระมหาปีตะโกภิกขุ ให้ไปช่วยงาน ด้านประติมากรรม ซ่อมแซม รูปลายฝาผนังเมืองพะโค (หงสาวดี) ประเทศพม่า ในขณะนั้นประเทศพม่ามีเหตุการณ์ทางการเมืองภายในเกี่ยวกับสมณศักดิ์ พระภิกษุหลวงปู่โง่นพลอยต้องอธิกรณ์โทษการเมืองไปด้วย กลับเมืองไทยไม่ได้

    ระหว่างถูกกักบริเวณท่านใช้เวลาในการฝึกจิตกำหนดตัวแฝงและพลังแฝงในกายได้ สามารถติดต่อกับโลกวิญญาณ และได้เข้าถึงกระแสพระวิญญาณที่สื่อสารต่อกัน กล่าวว่าท่านเคยเป็นนายทหารช่างสร้างบ้านเรือนทั้งยังเคยถูกพม่ากวาดต้อนไปพร้อมกับพระนางในครั้งนั้นเคยเป็นข้ารับใช้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และ กรุงธนบุรี พระสุพรรณกัลยาได้ขอร้องให้หลวงปู่โง่น ช่วยแก้พันธนาการ ทางไสยศาสตร์เพื่อดวงพระวิญญาณของพระองค์ จะได้กลับไปเมืองไทย และให้นำภาพลักษณ์ของพระองค์ อันเกิดจากกระแสพระวิญญาณ เผยแพร่ให้แก่ชาวไทย ผู้ลืมพระองค์ท่านไปแล้ว พระองค์จะกลับมาทำคุณประโยชน์ ช่วยเหลือ ประเทศ ชาติทั้งยังปณิธานจะกลับมาอุบัติเป็น เจ้าหญิงในปัจฉิมสมัยของวงศ์กษัตริย์ไทย จะสร้างบารมีประกอบคุณความดี เพื่อให้อยู่ในหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ ด้วย

    เหตุเพราะ คนไทยลืมคุณกู้ชาติของพระองค์ ที่ยอมสละความสุขในชีวิต เพื่อให้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ มีโอกาสกู้ชาติบ้านเมือง ได้สำเร็จ


    ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น หลวงปู่โง่น โสรโย และท่านพลโทถนอม วัชรพุทธ แม่ทัพกองทัพภาคที่ ๓ ได้ร่วมมือกันสร้าง พระอนุสาวรีย์ ของพระ สุพรรณกัลยา มีขนาดเท่าองค์จริง และได้อัญเชิญ มา ประดิษฐานไว้ ณ ริมฝั่ง แม่น้ำน่านในบริเวณ " ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช " ใกล้กับพระบรมราชานุสาวรีย์ พระอนุชาทั้งสองพระองค์ โดยได้นำส่วนของสรีระเช่นกระดูกฟัน และเครื่องประดับ ของมีค่าบางอย่างที่ขุดค้นได้จากแหล่งฝังพระศพของพระนาง นำมาบรรจุ ในพระอุระของพระรูปด้วย เพื่อให้ชาวไทยทุกคน ได้มีโอกาสเคารพ สักการะ วีรสตรี ผู้เสียสละยิ่งใหญ่กว่าผู้ใด เพียงให้สยามไทย ได้คงอยู่ชั่วฟ้าดิน .



    <!-- / message --><!-- attachments -->

    <FIELDSET class=fieldset>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2009
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระราชสมบัติทองคำ ในกรุวัดราชบูรณะ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
    • [​IMG] <!--WapAllow7=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 7 <A class=inlineimg title=Surprised href="javascript<img src=" border="0" alt="" omg-smile.gif? smilies images palungjit.org http: smilieid="34">penInformWindow(7)">[​IMG]


    • <!--MsgIDBody=7-->ผมเล่าเรื่องนี้ไว้ในห้องลึกลับ ตอนต้นๆๆ บางคนน่าจะจำได้ โดยเล่าว่า สมบัติเป้นของใคร และยังมีอยู่อีก 13 ******บ ฝังอยู่ใต้พื้น.
      .ลองไปหาอ่านเอาในกระทู้ที่ เขียนไว้..น่าจะหลุดเฟรมไปแล้ว อาจจะมีบางท่านเก็บไว้ ลองลิงค์ขึ้นมาดู ครับ <!--MsgFile=7-->

      จากคุณ : <!--MsgFrom=7-->ตาที่สาม [​IMG] - [ <!--MsgTime=7-->26 พ.ค. 48 07:46:44 <!--MsgIP=7-->] <!--pda content="end"-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​


    <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=7--><!--MsgIDTop=8-->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
    • [​IMG] <!--WapAllow8=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 8 penInformWindow(8)">[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=8--><!--MsgIDTop=9-->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224422 border=1><TBODY><TR><TD>
    • [​IMG] <!--WapAllow9=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 9 [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    พอดีกำลังสนใจเรื่องลวดลายดอกไม้จีนบนพระมาลาทองคำที่ไปอยู่ที่อเมริกา ทางสายธาตุกำลังตามหาร่องรอยของ
    พระนางเจ้าพระองค์หนึ่ง เมื่อมาพบความเห็นอ.สามตา The Third Eyes เขียนไว้ น่าสนใจดีคะ

    เอามาให้อ่าน เพราะเกี่ยวกับพระราชสมบัติที่เป็นเครื่องราชูปโภคทองคำของสมเด็จพระนเรศวรเจ้าท่าน

    (ความคิดเห็นนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ประกอบความสนใจในเรื่องราวอันเกี่ยวเนื่องกับพระองค์ท่าน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เรื่องราวดูจะกระชับและใกล้วัดวรเชษฐเข้ามาทุกขณะนะครับ
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,896
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เหนื่อยเลย หาตั้งนานว่าทำไมตอบไม่ได้นะ ทาง Webmaster เขาอยากจะให้มีการยอมรับกติกาก่อน Accept แล้วก็โพสต่อได้ค่ะ

    ค่ะ คุณจงรักภักดี ใกล้มากค่ะ เรื่องราวของวัดวรเชษฐ์นี้น่าสนใจค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...