ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    愛。 อ่านว่า อ้าย แปลว่า รัก

    เมื่อวานเห็นคำนี้ในสมาธิ เด่นขึ้นมาโดดๆ

    จะเกี่ยวหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบจริงๆค่ะ ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับศิลปะนี้เลยในเวลานี้



    เผื่อไว้อาจจะเป็นแนวทางให้หาความหมายของศิลปะรูปแบบนี้ได้ในอนาคตค่ะ

    (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2009
  2. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    [​IMG]



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.739395/[/MUSIC]
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ."....................................................................ถือว่าเป็น
    ศิลปกรรมชั้นครูอย่างแท้จริง เพราะแฝงกลเม็ดพิเศษ ในการ
    วางแบบแปลนการก่อสร้างเอาไว้ คือถ้าเรามองจากภายนอก
    ระเบียงเข้าไป จะเห็นเป็นมุมไม้สิบสอง ทั้งยังซ้อนกันอยู่
    สองชั้นอีกด้วย แต่ถ้ามองจากลานพระอุโบสถออกมา จะเห็น
    เป็นรูปสี่เหลี่ยม ตามลักษณะลานพระอุโบสถ ไม่มีการย่อมุม
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ก็เคยมี
    กระแสพระราชวิจารณ์ ถึงภูมิสถาปัตย์ของวัดพระเชตุพน
    ด้วยควมชื่นชมโสมนัส ไว้ในหนังสือพระราชวิจารณ์ ว่าด้วย
    ด้วยจดหมายความทรงจำ ของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวง
    นรินทรเทวีว่า
    ... ที่แท้พระระเบียงวัดพระเชตุพนนี้ หาได้เป็นสองชั้น
    รอบไม่ เพราะเหตุที่ลานพระอุโบสถข้างในเป็นสี่เหลี่ยม
    ระเบียง จึงต้องเป็นสี่เหลี่ยมมีพระวิหารทิศกลางย่าน
    พระระเบียงทั้งสี่ทิศ พระระเบียงที่ว่าเป็นสองชั้น พระระเบียง
    ชั้นนอกหรือชั้นที่สองนั้น ไม่ได้หักมุมหุ้มพระระเบียงชั้นใน
    แต่ย่อเข้ามาทั้งสองข้างชน พระวิหารทิศ เพราะฉะนั้น
    เมื่อดูภายนอกรอบพระระเบียงจึงเห็น เป็นไม้สิบสอง
    เป็นการช่างอย่างดี ซึ่งข้าพเจ้าพอใจเป็นอันมากได้ดูอยู่
    เป็นนิจ ไม่มีแห่งใดเหมือนเลย ..."



    -คัดลอกมาฝากกันครับ อย่างน้อยเราก็ได้เห็นถึงการถ่ายทอดวัฒนธรรม

    ทางด้านศิลปะที่งดงามระหว่างจีนกับไทยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2009
  4. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    อนุโมทนา กับคุณพี่ทางสายธาตุ นะคะ

    ที่มีสิ่งดีดี มาเสนอแก่ท่านผู้ที่แวะเวียนมาอ่าน

    อนุโมทนา กับ ท่านจงรักภักดี

    น้องฟอรท์ และคุณไก่เหลืองหางขาว


    ห้องนี้มีแค่ แค่นี้ ไม่กี่คน

    หากท่านผุ้อ่าน ท่านไหน จะแวะเวียนมาเสนอเรื่องราวดีีดี

    ตามนโยบายของ ท่านจงรักภักดี ก็เชิญชวนนะคะ

    การที่เราได้แสดงความจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตรย์

    เป็นสิ่งที่ประชาชน ควรกระทำ อย่างยิ่งค่ะ

    ทุกถ้อย คำ ในกระทุ้นี้ ที่โมเย อ่านดูแล้ว

    มิมีถ้อยคำไหนที่จะทำให้ พระบารมีเหนือเกล้า นเรศวรมหาราช ต้องมัวหมอง

    มิเคยมีถ้อยคำที่มิงามเลย ในกระทู้แห่งนี้ต้องปรบมือให้ท่านจงรักค่ะ ที่วางนโยบายไว้ดีมาก

    การที่เราได้แสดงความจงรัก ภักดี ได้เทิดพระเกียรติ และสืบสานพระปณิธาน

    ไม่ว่า วิธีไหน ล้วนแล้วแต่ เป็นภาระที่ทุกคน ถนัดต่างกันค่ะ

    พระมหากษัริตย์ ทุกประองค์ ท่านทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงประชา ทุกยุคทุกสมัยมาเสมอ

    และนี่คือ หัวใจ ที่งดงามของคนไทย ที่เป็นแบบนี้ อย่างนี้ มาหลายชั่วเวลาแล้ว

    ชีวิตนี้ สั้นนักค่ะ

    รีบทำความดี เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน และบุรพมหากษัตริย์ กันเถอะค่ะ


    โมเย ได้มีโอกาศ ประกาศ ความจงรักภักดี และประกาศพระเกียรติของพระองค์

    ด้วยการแต่งเพลง เทิดพระเกียรติ
    เพราะเป็นสิ่งที่ตนเองถนัด

    และมีปณิธานว่า จะประกาศพระเกียรติ ของพระองค์ให้ก้องฟ้า

    ด้วยเพราะเป้นข้าแผ่นดิน ผืนนี้ ที่ พระองคืได้สร้างไว้ให้ลูกหลานค่ะ

    ด้วยเจตนา ด้วยจิตที่อธิฐาน และด้วยหน้าที่

    ที่แต่งขึ้นมามิได้มีสิ่งใดเคลือบ แฝง ในทางธุรกิจ ........

    เพราะ....หากเป็นเพียงทำเพื่อธุรกิจ หรือเจตนา มิชอบ

    แค่การจับปากกาจะคิดทำนอง... ก็คงคิดไม่ได้เขียนไม่ออก

    วาระต่างๆคงไม่เปิดให้ทำได้แน่ค่ะ ....เพราะ บทเพลงเหล่านี้

    แต่งกันเล่นๆ ทำกันเล่นๆมิได้ค่ะ

    แต่หากสิ่งที่โมเยกำลังปฏิบัติ อยู่นี้

    ทำให้เกิดท่านใดก็ตามได้เกิดจินตนาการ ไปไกล

    เกี่ยวกับการอ้างตนไปถึงบุคคลในอดีต ต้องขออภัยด้วยค่ะ

    มิเคยมีข้อความไหน ที่โมเย เผยแพร่ไป เป็นการกล่าว อ้างเช่นนั้นค่ะ

    จะขออนุญาติใส่เพลงประกอบไปเป็นระยะในบ้านแห่งนี้นะคะ ท่านจงรักภักดี

    เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ หรือท่านอื่นมีเพลง เพราะๆก็นำมาแบ่งปันกันฟังได้ค่ะ


    พี่โมเยชอบ ธรรมะดีดีที่น้องฟอร์ทนำมาเสนอ มากค่ะ

    โมเยชอบ บทความเรื่องราวในประวัติศาตร์ และ มีการเขียนเชิงเสนอคิดเห็น

    ของคุณพี่ทางสายธาตุ มากค่ะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2009
  5. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488

    สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนากับปี้สาว โมเย โตย ขอรับ
     
  6. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    <TABLE class=tborder id=post9476 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 28-02-2009, 08:59 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->DITCE<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_9476", true); </SCRIPT>
    ทีมงานเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Mar 2005
    โพสต์: 1,629
    ได้ให้อนุโมทนา: 107,434
    ได้รับอนุโมทนา 25,647 ครั้ง ใน 1,554 โพส



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_9476 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">[​IMG] <CENTER><!-- google_ad_section_start -->การจัดการความหลง<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>Artist: พระปราโมทย์ ปาโมชฺโช


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD width=20><INPUT id=play_21983 onclick=document.all.music.url=document.all.play_21983.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=21983 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>3.kilet pramot pamocho.mp3 (58.80 MB, 2294 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>
    <!-- google_ad_section_start -->การจัดการความหลง
    โดย พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช


    [​IMG]

    พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ท่านได้เล่าชีวประวัติของท่านโดยย่อ สมัยที่ท่านยังเป็นฆราวาส ซึ่งสมัยนั้นพระอาจารย์ได้โพสกระทู้ในเว็บไซต์ลานธรรม โดยใช้ชื่อว่า "สันตินันท์"

    ประวัติพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช (โดยย่อ)

    ผมเห็นพวกเราแนะนำตัวกันอย่างละเอียดเหมือนการแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อกัน เพื่อพวกเราจะอยู่ในสังคมเดียวกันต่อไป จึงเห็นว่าสมควรแนะนำตัวบ้างครับ

    ผมเกิดเมื่อปี 2495 เป็นชาวจังหวัดพระนครโดยกำเนิด บ้านเกิดอยู่ที่ถนนบริพัตร ริมคลองโอ่งอ่าง อำเภอป้อมปราบฯ ตั้งแต่อายุ 3 เดือนแม่ก็พาเข้าวัดฟังธรรมไม่ได้ขาด(ความจริงแม่เขาฟัง ส่วนผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก) วัดที่ไปก็ได้แก่วัดพระพิเรนทร์(วัดเดิมของท่านเจ้าคุณประยุทธิ์) กับวัดโพธิ์ พออายุ 7 ขวบพ่อก็พาไปวัดอโศการามของท่านพ่อลี ได้รับคำสอนในเรื่องอานาปานสติ ก็นำกลับมาปฏิบัติเองที่บ้าน และเนื่องจากอยู่ห่างอาจารย์และยังไม่มีสัมมาทิฏฐิ การปฏิบัติตั้งแต่เด็กจึงเป็นเรื่องการส่งจิตออกนอกทั้งสิ้น คือพอสงบแล้วก็เที่ยวออกรู้เห็นภายนอก หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้เลย

    เข้าเรียนประถมต้นที่โรงเรียนสุรวงศ์ แล้วไปต่อประถมปลายที่โรงเรียนวัดพลับพลาชัย ที่วัดพลับพลาชัยนี้เองเกิดความสลดสังเวชใจเกี่ยวกับพระศาสนาขึ้น เพราะมองวัดวาอารามและพระสงฆ์องค์เจ้าแล้วรู้สึกแปลกแยก รู้สึกตลอดเวลาว่านี้ไม่ใช่! พระพุทธศาสนาจริงๆอยู่ที่ไหน? ก็ได้แต่กำหนดลมหายใจเรื่อยมา โดยไม่ทราบว่าทำไปทำไม รู้แต่ว่าต้องทำเท่านั้น

    จากนั้นไปเรียนมัธยมที่โรงเรียนโยธินบูรณะ จบแล้วเรียนตรี - โทที่คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ในช่วงที่เรียนปริญญาตรีนั้นเข้าร่วมกิจกรรมกับศูนย์นิสิตโดยตลอด งานหลักไม่ใช่การเรียนหนังสือแต่ได้แก่งานล้มรัฐบาลในช่วง 14 ตุลาคม หลังจากนั้นก็ออกชนบทในฐานะผู้ประสานงานของศูนย์นิสิต จะว่าเป็นบุญก็คงได้ครับเพราะชนบทที่เลือกไปนั้นคือภาคอีสาน นับจากนั้นเป็นต้นมาก็คุ้นเคยกับภาคอีสาน แล้วเป็นโอกาสให้เข้าไปศึกษาธรรมตามวัดป่าในเวลาต่อมา

    ต่อมาเกิดไปคลั่งลัทธิวัตถุนิยมเข้าอย่างแรงครับ ได้ศึกษาลัทธิมากซ์กับกรมการเมืองและกรรมการกลางพรรคบางคน แต่ไม่ว่าจะศึกษาอย่างไรใจก็ไม่เชื่อว่าจะเหมาะกับเมืองไทย

    หลังจากนั้น ไปบวชที่วัดชลประทาน ได้ศึกษางานของท่านอาจารย์พุทธทาส แต่ขาดความรอบคอบจึงเกิดทิฏฐิวิปลาส เห็นว่าตายแล้วสูญ โอปปาติกะไม่มี

    พอเรียนจบแล้วไปรับราชการ ทำหน้าที่ปราบลัทธิเพี้ยนๆอยู่ 17 ปี ช่วงนั้นได้พบและร่วมงานกับท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ท่านคงสมเพชก็เลยสอนปริยัติให้ แล้วผมก็พากเพียรอ่านพระไตรปิฎกจนจบ แต่ความรู้สึกก็บอกตนเองเสมอว่าการเรียนรู้นี้ยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ยังมีอะไรที่เราไม่รู้อยู่อีกในพระพุทธศาสนา

    ช่วงต้นปี 2525 ได้อ่านอริยสัจจ์แห่งจิตของหลวงปู่ดูลย์ แล้วรู้สึกดูดดื่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงขึ้นไปกราบท่านที่สุรินทร์เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2525 หลังจากนั้นก็ปฏิบัติเรื่อยมาในสายพระป่า นอกจากการดูจิตตามที่หลวงปู่สอนแล้ว ก็วนเวียนไปหาประสบการณ์ตามสำนักครูบาอาจารย์เป็นจำนวนมาก

    ซึ่งท่านก็เมตตาสั่งสอนให้ด้วยดีทุกครั้งเช่น หลวงพ่อพุธ เจ้าคุณอริยเวที หลวงปู่สาม หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่สิม หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่บัวพา หลวงปู่หลุย หลวงปู่ชอบ หลวงตามหาบัว ท่านอาจารย์บุญจันทร์ นอกจากนั้นก็เที่ยวศึกษาแนวทางปฏิบัติของสำนักต่างๆเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ กระทั่งสำนักปฏิบัติในฝ่ายอภิธรรมก็เข้าไปศึกษาจากหลายสำนักเหมือนกัน แต่เป็นการไปเรียนเพื่อรู้ เพราะการปฏิบัตินั้นถูกจริตกับการดูจิตเสียแล้ว

    รับราชการจนได้ชั้นพิเศษแล้วเกิดเบื่อหน่ายในระบบราชการ ก็เลยลาออกมาเป็นผู้ใช้แรงงาน(ดีใจที่ได้หยุดงานวันแรงงานด้วย) ทำหน้าที่รับจ้างวิเคราะห์งานไปวันหนึ่งๆพอไม่ให้อดตาย

    เริ่มรู้จัก Internet เมื่ออายุมากแล้ว ครั้งแรกเข้าไปที่ Pantip ไปเจอกลุ่มนักเขียนเข้าก่อน แล้วต่อมาเจอกระทู้ "พบพระพุทธเจ้าให้ฆ่าพระพุทธเจ้า" ของอาจารย์วันวิสาข์ ก็เลยอยู่ในกระทู้ธรรมะเรื่อยๆมา จึงเป็นบุญวาสนาที่ได้เจอกัลยาณมิตรมากมาย

    อนาคตกะว่าถ้าหมดภาระต้องเลี้ยงพ่อแล้วจะพาภรรยาออกบวชครับ เพื่อพยายามทำธุระชิ้นสุดท้ายที่ตั้งใจไว้ให้เสร็จเสียที

    จากคุณ : สันตินันท์ [ 19 ส.ค. 2542 / 14:27:49 น. ]


    หมายเหตุ

    ท่านสันตินันท์ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วเมื่อกลางปี 2544

    ที่มา http://www.dharma-gateway.com/ubasok...inan-index.htm<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย paang : เมื่อวานนี้ เมื่อ 05:09 AM เหตุผล: เพิ่มภาพและประวัติ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -ขอขอบคุณ คุณ DITCE ครับ อยากได้ประวัติท่านมานานแล้ว ขออนุโมทนา

    ด้วยครับ ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสไปฟังเรื่องนี้ในวันที่ท่านไปแสดงธรรมที่สถาบันฯ

    คนเยอะมากเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2009
  7. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว เป็นเวปหลักที่ขึ้นตรงกับสวนสันติธรรมและหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น นอกจากเวปนี้แล้ว เวปอื่นๆเป็นเวปที่ผู้เจตนาดี ที่ต้องการจะเผยแผ่กิจกรรมของสวนสันติธรรม ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น

    แต่ทางผู้ดูแล wimutti.net จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมข้อความใดๆ ที่แสดงไว้ ดังนั้น ขอความกรุณาให้ท่านเจ้าของเวปอื่นๆ คอยติดตามความเคลื่อนไหวของ wimutti.net เพื่อจะได้มีข้อมูลที่ตรงกัน และไม่ก่อให้เกิดความสับสนต่อผู้เข้าชมแต่ประการใด

    อนึ่ง ขอให้ท่านผู้เยี่ยมชมตามเวปต่างๆ เข้าใจด้วยว่า เวปอื่นๆ นั้น ทาง wimutti.net ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมข้อมูลใดๆ ดังนั้น จึงขอให้เข้าใจในเบื้องต้นว่า เวปอื่นๆ นั้น อาจจะมีการนำเสนอของครูบาอาจารย์หลายท่าน ไม่ไช่เฉพาะของหลวงพ่อปราโมทย์เท่านั้น

    !!! เพื่อประโยชน์สำหรับท่านที่สนใจขอรับ
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สาธุ คุณFort อ่านตรงนี้ดีใจ

    ช่วงต้นปี 2525 ได้อ่านอริยสัจจ์แห่งจิตของหลวงปู่ดูลย์ แล้วรู้สึกดูดดื่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงขึ้นไปกราบท่านที่สุรินทร์เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2525 หลังจากนั้นก็ปฏิบัติเรื่อยมาในสายพระป่า นอกจากการดูจิตตามที่หลวงปู่สอนแล้ว ก็วนเวียนไปหาประสบการณ์ตามสำนักครูบาอาจารย์เป็นจำนวนมาก


    เพราะเมื่อวันพุธรถเสีย นั่งรอช่างดูอาการของรถ รออยู่นาน หยิบหนังสือธรรมหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ชื่อหลวงปู่ฝากไว้ เล่มเล็กๆ อ่านแล้ววางไม่ลง เพิ่งเคยได้อ่านข้อธรรมของท่าน ท่านพูดสั้นๆ แต่ลูกศิษย์เก็บไปคิดได้เลย ประทับใจตั้งแต่วันพุธ วันนี้ได้รับทราบปฎิปทาของหลวงปู่อีกที ขนลุกปิติซาบซ่านใจ ขออนุโมทนาค่ะ


    พรุ่งนี้จะได้มีโอกาศไปทั้งวัดวรเชษฐ์(ในเกาะ) และวรเชษฐ์ (นอกเกาะ) แล้วค่ะ พี่ที่ทำงานโรงพยาบาลสุรินทร์มากรุงเทพฯ จึงนัดจะไปวัด แล้วก็จะไปดู เจดีย์คู่หน้าวัดทั้งสองวัดด้วยค่ะ

    คุณโมเยน้ำใจงาม ขอให้สมปรารถนาในสิ่งที่ตั้งใจค่ะ

    พี่จงรักภักดีคะ ทางสายธาตุอนุโมทนาที่พี่เปิดพื้นที่ให้พวกเราได้มาวางอักษร เพื่อถวายความจงรักภักดีค่ะ
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    หลวงปู่ฝากไว้

    ขอนำข้อธรรมสั้นๆที่เป็นบันทึกคติธรรมและธรรมเทศนา ของพระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) รวบรวมและบันทึกไว้โดย พระราชวรคุณ วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    @@@ ต้องขอขอบคุณคุณโมเยมากนะครับที่กรุณากล่าวให้เป็นเกียรติ

    แก่บ้านหลังนี้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพลงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    ที่คุณโมเยได้อัญเชิญมาลงไว้เป็นระยะๆนั้น เป็นมหามงคลและเป็นเกียรติ

    แก่บ้านน้อยหลังนี้เป็นอย่างที่สุด ถ้าท่านใดได้คลิกไปดูที่หน้าแรกของ

    กระทู้ก็คงจะเข้าใจและตระหนักดีในกติกาและข้อตกลงพื้นฐานกันไว้ เรารัก

    ที่จะใช้คำนี้เพราะมันเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นเพื่อน พี่น้อง ที่มีความเท่า

    เทียมเสมอกันและมีอุดมการณ์ร่วมกันในเรื่องของความจงรักภักดีและเคารพ

    เทิดทูนในองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า กับทั้งจะร่วมมือร่วมใจกันปก

    ป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเชื่อมั่นว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้า

    ใจได้ว่าท่านควรจะต้องทำอย่างไรต่อการมีส่วนร่วมกับกระทู้นี้ที่ผมมักจะใช้

    คำแทนว่าบ้านเล็กปลายซอยอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายนี้ผมก็ยังขอยืนยันในเจต

    นารมณ์เดิมของกระทู้ไม่เปลี่ยนแปลง จะไม่กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้เป็นที่ระคาย

    เคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท และจะดำรงความจงรักภักดีจนกว่าชีวิตจะหาไม่

    ขอขอบพระคุณต่อทุกๆท่านที่ได้มีส่วนร่วมให้กระทู้ได้ก้าวเดินไปอย่างสง่างาม

    ไม่ว่าท่านจะได้เข้ามาร่วมในการโพสต์หรือเพียงผ่านเข้ามาเยี่ยมเยียนก็ตาม

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่านเจ้าของเว็บไซท์และทีมงานทุกท่านครับ
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    กำลังนำบทสวด โพชงคปริตร ของคุณโมเย ใส่แผ่นซีดีเพื่อไปถวายหลวงพ่อสิงห์ทน นราสโภ

    ตามความตั้งใจของคุณโมเยอยู่ค่ะ ใส่เพลงเดียวแต่ใส่หลายๆครั้งอยู่ค่ะ เดี๋ยวค่อยกลับมาพิมพ์เรื่องจิ้มก้องนะคะ
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จิ้มก้องและกำไร การค้าไทย-จีน 2195-2396

    หนังสือ จิ้มก้องและกำไร การค้าไทย-จีน 2195-2396
    ผู้เขียน ดร. สารสิน วีระผล
    บทที่ 3 ยุคแรกเริ่ม พ.ศ. 2195-2263 (ค.ศ. 1652-1720) ข้อจำกัดทางการค้าของจีน
    หน้าที่ 39

    ความคุ้มค่าทางการค้าของคณะฑูตบรรณาการอาจเห็นได้จากประเภทของขวัญที่คณะชาวสยามได้รับที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเสริมการซื้อขายสินค้า ประเภทอับเฉาที่กวางตุ้ง ราชสำนักสยามและผู้เชิญเครื่องบรรณาการจะได้รับผ้าไหมพื้นและผ้าไหมที่ประดับประดางดงาม เครื่องถ้วยชาม เงินสดและสิ่งของราคาสูงชนิดอื่นๆ ในปริมาณมหาศาล ตามระเบียบแล้ว ราชสำนักชิงจะแสดงความใจกว้างต่อคณะทูตสยามกับที่ให้กับทูตจากเกาหลี เวียดนามและริวกิว ขุนนางสยามไม่เพียงแต่จะให้ค่าของขวัญเหล่านี้อย่างสูงเท่านั้น หากยังนำไปขายได้ในราคาที่น่าดึงดูดใจในตลาดท้องถิ่นและส่งออกต่อไปยังตะวันตกอีกด้วย เมื่อพิจารณาว่าในเวลานั้นเอกชนไม่อาจส่งสิ่งของเหล่านี้ออกจากประเทศจีนได้ตามปกติอันเนื่องมาจากประกาศห้ามค้าขายทางทะเล และปัจเจกชนอาจแสวงหาสิ่งเหล่านั้นได้ผ่านทางการถวายเครื่องราชบรรณาการเท่านั้น จางเต๋อชาง (Chang Te-ch'ang) คิดว่าของขวัญบางอย่างที่ชาวสยามได้รับคงถูกขายไปก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางกลับประเทศ กระบวนการนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการในระบบบรรณาการของราชสำนักสยามโดยรวมด้วย

    ข้อได้เปรียบอีกอย่างของการค้าที่เกิดขึ้นผ่านการถวายเครื่องบรรณาการก็คือ คณะทูตสยาม สามารถจัดหาวัสดุ "ทางยุทธศาสตร์" ได้ โดยทั่วไปคือ ทองแดง เหล็กและโลหะอื่นๆที่ถูกห้ามส่งออกจากประเทศจีนในสภาวะการณ์ปกติ เจ้าหน้าที่ชิงจะยกเว้นให้กับสิ่งของเหล่านี้ภายใต้บริบทของระบบบรรณาการ

    ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับความพยายามใดๆ ของราชสำนักสยามในเวลานั้นที่จะใช้ช่องทางของระบบบรรณาการเพื่อจัดหาวัสดุทางยุทธศาสตร์อย่างหนึ่งอย่างใดโดยเฉพาะ แม้ว่าจะเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจได้อุปกรณ์เครื่องมือเหล็กจากกวางตุ้งโดยวิธีนี้ แม้กระนั้น ชาวสยามก็ต้องใช้ช่องทางระบบบรรณาการเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้โลหะที่ปรารถนามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 18 เมื่อประเทศทำสงครามกับพม่าที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านและมีความจำเป็นต้องใช้อาวุธ


    การค้าระบบบรรณาการเป็นช่องทางในการจัดหาสินค้าประเภทยุทธศาสตร์ด้วย

    เนื่องจากประเทศจีนห้ามค้าขายทางทะเลในสมัยต้นราชวงศ์ชิง แต่เพราะว่าไม่ห้ามการค้าในระบบบรรณาการ เมื่อขุนนางสยามได้รับของตอบแทนก็ต้องขายของเหล่านั้นทันที เพื่อนำเงินที่ได้จากการขายนั้นกลับเข้าประเทศ เพราะของเหล่านั้นไม่สามารถเอาออกนอกประเทศได้

    ขุนนางสยามที่ไปทำหน้าที่ราชทูตถวายเครื่องราชบรรณาการจึงต้องเป็นผู้มีความคล่องแคล่วคล่องตัวสูง และต้องทำการค้าด้วยตนเองได้ด้วย เพราะเมื่อได้รับเครื่องราชบรรณาการตอบแทนจากพระจักรพรรดิ ก็ต้องทำการขายเพื่อแปลงเป็นเงินนำกลับประเทศค่ะ




    ป.ล. พรุ่งนี้จะคุยเรื่องเจดีย์คู่ที่สร้างไว้หน้าวัดเพื่ออุทิศกุศลจากการสร้างวัดให้บิดา-มารดาของผู้สร้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2009
  13. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    ขอบพระคุณมาก ค่ะคุณทางสายธาตุ โมเยจะส่งจิตตามไปหนะคะ

    ช่วงนี้ยังหาโอกาส ที่จะไป เยือนพระนคร และอโยธยาอีกครั้ง

    ตอนไปหนะ เห็นนกตัวใหญ่มาก บินวนเวียนไปมาที่พระเจดีย์ สมเด็จพระนเรศวรค่ะ

    ต้อง อนุโมทนา กับท่าน นก ทหารนก ที่ทำหน้าที่ยังทำหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี


    เดี๋ยว พ่อทหารนก ก็จะได้ไปเกิด แล้ว

    (โปรดใช้วิจารณญาณ เป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2009
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สิ่งที่พวกเราร่วมถวายความจงรักภักดีเป็นสิ่งที่น่าปลื้มใจมาก

    วันนี้ไปวัดวรเชษฐ์ (นอกเกาะ) อีกครั้ง ปลื้มใจมาก

    ปัญหาใหญ่ๆเรื่องแม่ชีสมมติ ที่สร้างถาวรวัตถุไว้รอบๆเจดีย์

    ถูกสั่งย้ายและรื้อถอนออกไปจนหมดแล้ว วัดสว่างโปร่งยิ่งขึ้นไปอีก

    -------------------------------------------------------------

    วัดวรเชษฐาราม (ในเกาะ)ก็ได้ไปดูพระเจดีย์คู่แล้ว

    เป็นเจดีย์คู่บนฐานเดียวกันก็จริง แต่ไม่ใช่ศิลปร่วมสมัยกับ

    วัดสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดตาก

    เป็นอันว่า ไม่มีความเป็นไปได้ว่าวัดวรเชษฐารามนี้จะเป็นสถาที่

    เก็บพระบรมอัฐิสมเด็จฯท่าน และวัดเล็กมาเดินวัดก้าวได้เลย

    ทหารจะตามพระเจ้าแผ่นดินมาปฎิบัติธรรมไม่ได้มาก แต่ทหารโบราณ

    ปฎิบัติธรรมทุกคน จึงไม่น่าจะใช้วัดเล็กขนาดนี้รองรับจำนวนทหารเป็นหมื่นเป็นพัน

    --------------------------------------------------------------

    ไปดูพระปรางค์น้อย เจ้าแม่วัดดุสิต พระธิดาของแม่อิน ที่วัดไชยวัฒนาราม

    และพระเจ้าปราสาทองทรงเป็นพระโอรสของแม่อิน

    ดังนั้น เจ้าแม่วัดดุสิตและพระเจ้าปราสาททองเป็นพี่น้องกัน เป็นพระเชษฐภคินีกับพระอนุชา

    วัดไชยวัฒนารามในแผนที่ฝรั่งคือ Pagode De la Reine หรือเจดีย์ขององค์พระอัครมเหสี

    นั่นคือ แม่อินเป็นพระอัครมเหสีของพระมหากษัตริย์ การใช้พระนามว่า แม่อิน จึงเป็นเพียงนามแฝงของพระนาง

    สรุปแล้ว เจ้าแม่วัดดุสิตและพระเจ้าปราสาททอง ทรงเป็นพระธิดาและพระโอรสของสมเด็จพระอัครมเหสี

    หลวงพ่อสิงห์ทนท่านให้พิมพ์พวกหลักฐานเหล่านี้ไปถวายท่านอ่าน และคงได้ประสานงานกับท่านพลตรีพิจิตร ขจรกล่ำ

    หากท่านพลตรี ต้องการหลักฐานเรื่องแผนที่แนวถนนโบราณของหมอแกมเฟอร์

    -------------------------------------------------------------------

    ประชาสัมพันธ์ค่ะ พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ ท่านจะไปศูนย์ปฎิบัติธรรมดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ทุกวันจันทร์ - พฤหัส

    และจะอยู่วัดวรเชษฐ์ (นอกเกาะ) ในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์

    ญาติโยมชาวเชียงใหม่สามารถไปนมัสการท่านได้ทุกจันทร์-พฤหัส ทุกสัปดาห์ค่ะ

    -------------------------------------------------------------------

    รูปภาพนี้คงรอหน่อย ให้พี่ชาวสุรินทร์ถ่ายรูปให้จึงจะทยอยมาลงค่ะ

    วัดวรเชษฐ์ กำลังจะกลับมาเป็นวัดยิ่งใหญ่อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ปลื้มใจ

    -------------------------------------------------------------------

    ขอตัวไปส่งพี่ชาวสุรินทร์ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงก่อนนะคะ

    ถ้าคืนนี้ไม่เหนื่อยเกินไปจะมาต่อเรื่องจิ้มก้องค่ะ

    สวัสดีค่ะ ปลื้มใจค่ะวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2009
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จิ้มก้องและกำไร การค้าไทย-จีน 2195-2396

    หนังสือ จิ้มก้องและกำไร การค้าไทย-จีน 2195-2396
    ผู้เขียน ดร. สารสิน วีระผล

    บทที่ 3 ยุคแรกเริ่ม พ.ศ. 2195-2263 (ค.ศ. 1652-1720) ข้อจำกัดทางการค้าของจีน
    หน้าที่ 43

    ในทศวรรษที่ 1600 และที่ 1670 เมื่อกบฏเจิ้งรุนแรงที่สุดนั้น ผู้อาศัยอยู่แถบชายฝั่งฮกเกี้ยนถูกบังคับให้ย้ายเข้าไปอยู่ทางตอนใน ซึ่งระยะแรกส่งผลให้ทางการค้าต่างประเทศในบริเวณนั้นลดลงอย่างฮวบฮาบ แต่เมื่อถึงปี พ.ศ. 2217/ค.ศ. 1674 กองกำลังกบฏสามารถยึดเอ้หมึงกลับมาได้ชั่วคราว และเปิดการค้ากับต่างประเทศอีกครั้ง ระหว่าง พ.ศ. 2217-2223/ค.ศ. 1674-1680 กองกำลังเจิ้ง ภายใต้เจิ้งจิง สามารถจัดตั้งกองกำลังขึ้นได้ในหลายพื้นที่ของแผ่นดินใหญ่จากอำเภอหุ้ยโจวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกวางตุ้ง ไปถึงเอ้หมึงทางใต้ของฮกเกี้ยน

    การเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้บางประเทศ อย่างอันนัมและสยามกลับมาค้าขายกับประชากรที่กลับคืนมา สยามในตอนนั้นเป็นที่จดจำของชาวฮกเกี้ยนว่ามีข้าวอุดมสมบูรณ์ และมีการนำสินค้าบางอย่างมาขายที่เอ้หมึง เช่น ดีบุก อัญมณี นอแรด งาช้าง พริกไทย ไม้ฝางและไม้สำหรับสร้างเรือ


    ความวุ่นวายอันเกิดจากการก่อกบฎในสมัยปลายราชวงศ์หมิง เกิดขึ้นสม่ำเสมอตั้งแต่ก่อนราชวงศ์จะล่มสลาย กล่าวคือ ทศวรรษที่ 1600 ตรงกับช่วงปีพ.ศ. 2143-2153 ก่อนราชวงศ์แมนจูจะยึดปักกิ่งได้เกือบ 50 ปี ดังนั้นเหล่านขุนนาง พ่อค้าคงมีการขยับขยายการตั้งถิ่นฐานใหม่ตั้งแต่ก่อนการล่มสลายของราชวงศ์หมิงแล้ว
     
  16. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    ขอ อนุโมทนา กับคุณพี่ทางสายธาตุ ด้วยค่ะ

    จิตเป็นสุขจังเลยค่ะ

     
  17. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    <TABLE class=tborder id=post2637172 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 20-11-2009, 04:28 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->VANCO<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2637172", true); </SCRIPT>
    ทีมงานเว็บพลังจิต (เต้)

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2007
    ข้อความ: 22,771
    Groans: 4
    Groaned at 22 Times in 20 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 104,862
    ได้รับอนุโมทนา 168,614 ครั้ง ใน 22,048 โพส
    พลังการให้คะแนน: 7095 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2637172 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->สาเหตุของความตาย<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->
    [​IMG]


    คนเรามันมีวาระที่ความตายเข้ามาหลายสาเหตุด้วยกัน
    สาเหตุที่หนึ่งเขาเรียกว่า อุปฆาตกรรม เป็นกรรมที่มาตัดรอน เกิดจากที่เราเคยฆ่าคนหรือสัตว์ใหญ่ไว้ก่อน กรรมตรงนี้เมื่อมาทันก็มาตัดชีวิตของเราไป

    สาเหตุที่สองเกิดจากหมดอายุ สมมติว่าเรามีอายุขัย ๗๕ ปี ถ้าไม่ได้ประกอบกรรมความดีเพิ่มเติมในลักษณะของการต่ออายุเลย มันจะหมดแค่นั้น

    สาเหตุที่สาม หมดอาหาร อาหารมันมี ๑)กวฬิงการาหาร ก็คือข้าวและน้ำทั่ว ๆ ไป ๒) ผัสสาหารคือลมหายใจเข้าออก ถ้าไม่มีเข้าไปสันดาป เผาผลาญ ช่วยย่อย พวกระบบร่างกายต่าง ๆ ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ ๓) วิญญาณาหาร ความต้องการทางตา ทางหู ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เห็นรูปสวย ๆ มันชื่นใจ ได้ยินเสียงเพราะ ๆ ชื่นใจ มีกำลังอยู่ต่อได้ แล้วก็ ๔)มโนสัญเจตนาหาร ความที่ใจมุ่งมั่นอยู่ รู้สึกว่างานยังไม่เสร็จอย่างไรก็ไม่ไป ถ้าหากว่ากำลังใจมั่นคงจริง ๆ อยู่ต่อได้ แบบเดียวกับที่พระท่านอธิษฐานให้ร่างกายท่านอยู่เป็นกัป

    สาเหตุสุดท้าย หมดกรรม หมวดนี้จะต้องเก็บไว้สำหรับพระอริยเจ้าระดับสูงสุดเท่านั้น ก็คือ หมดกรรม หมดงานแล้ว ไปดีกว่า

    เพราะฉะนั้นถ้าความตายมาถึงแล้วไม่มีอะไรที่น่ากลัวสักอย่าง

    อุปฆาตกรรม เราทำเขาไว้ ใช้คืนเขาไป จะได้ไม่ตามทวงอีก

    หมดอายุ อยู่มาจนป่านนั้นแล้ว ถ้าอายุ ๗๕ ก็แทบจะตะบันน้ำกินแล้ว ไปดีกว่า

    หมดอาหาร ไม่มีอาหารกินแล้วมีชีวิตอยู่ อย่างนี้ไปดีกว่า

    หมดกรรม ตรงนี้ใคร ๆ ก็อยากหมด ก็ต้องหยุด

    แรก ๆ ก็ทำไปความดี เว้นความชั่วไปเรื่อย ๆ ภายหลังก็จะเหลือสักแต่ว่าทำ รู้ว่าดีก็ทำเพราะว่ามันส่งผลให้แต่ดี รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่ไปแตะต้องในส่วนของความชั่ว จิตใจก็ปลดออกมา ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ก็กลายเป็นสักแต่ว่าทำ กรรมก็ไม่เกิด ถ้าหากถึงระดับนั้นแล้วทำดีก็ไม่ได้ผลดี ทำชั่วก็ไม่ได้ผลชั่ว เพราะมันเลยดีเลยชั่วไปแล้ว แต่ท่านทำดีเพื่อเป็นเนติ คือ แบบอย่างให้คนรุ่นหลัง และในขณะเดียวกันก็เว้นชั่วเพื่อไม่ให้ความเศร้าหมองต่าง ๆ มันมาเกาะกินท่านได้ รอเวลาหมดกรรม ฉะนั้นพระถ้าทำถึงที่สุดแล้ว หมดงานเมื่อไหร่ท่านไปเลย






    สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ มีพระจากจังหวัดราชบุรีอยู่รูปหนึ่ง อายุแค่ ๓๗ เท่านั้น เมื่อเข้าถึงที่สุดแล้ว พิจารณาตนเองว่ามีงานที่จะทำหรือไม่ ก็ปรากฏว่าไม่มี งานของท่านในชาตินี้มีอยู่อย่างเดียว คือทำตัวของท่านให้ถึงที่สุดก็พอ เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านก็เลยมากราบลาหลวงพ่อเพื่อไปนิพพาน เนื่องจากว่าหลวงพ่อท่านรักษาการณ์แทนพระใหญ่ ถึงเวลาก็เลยต้องมาลาเจ้านายไปนิพพาน

    พม่าก็มีหลวงปู่สุริยะ จำไม่ได้ว่าอายุ ๕๒ หรือ ๕๓ ท่านไปแล้ว ทุกวันนี้ก็ทิ้งสังขารไว้ ไม่น่าไม่เปื่อย ให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้เป็นหลักฐาน สถานที่ที่ท่านปฏิบัติ เหยียบเข้าไปถึงมันเย็นอย่างกับห้องแอร์เลย กระแสความดีของท่านยังอยู่ แล้วก็รู้สึกว่าคนพม่าเขาจะเข้าใจตรงจุดนี้ เขากลึงหินอ่อนปักไว้ตรงนั้น ติดป้ายให้รู้เลยว่าเป็นจุดปฏิบัติธรรมแล้วท่านบรรลุ ถ้าใครอยากได้ง่าย ๆ ก็ไปนั่งแปะอยู่ตรงนั้นแล้วก็ปฏิบัติ เดินเข้าไปถึงเย็นชนิดที่ว่าอยากจะนั่งลงเดี๋ยวนั้นเลย







    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
    วันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

    www.watthakhanun.com


    ๐๐๐ ขอขอบพระคุณทุกแหล่งที่มา ด้วยขอรับ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    อนุโมทนา สาธุ กับธรรมะ เตือนใจ จากน้องฟอร์ท

    ความตายนี้เป็นเรื่องธรรมดา



    ขอบคุณ คุณเต้ทีมงานเว็บพลังจิต
    ด้วยค่ะ
     
  19. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    <table id="post1456842" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">ขุนไพรีพินาศ<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1456842", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 65
    Groans: 0
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 104
    ได้รับอนุโมทนา 709 ครั้ง ใน 60 โพส
    พลังการให้คะแนน: 47 [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </td> <td class="alt1" id="td_post_1456842" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center><!-- google_ad_section_start -->ข้อคิดในแง่ของธรรมะ ๑๐๐ ข้อ อ่านจบสามรอบ คบได้ๆ<!-- google_ad_section_end -->

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start --> [​IMG]
    [​IMG]



    ข้อคิดในแง่ของธรรมะ ๑๐๐ ข้อ
    ๑. จงทำดี อย่าหวังค่าตอบแทน ถึงแม้จะเป็นเพียงคำสรรเสริญก็ตาม

    ๒. จงทำดี ให้มันดีถึงแม้ผลงานออกมาไม่ดี ก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว

    ๓. จงทำดี แต่อย่าอวดดีเพราะทุกคนก็มีดีไม่เหมือนกัน

    ๔. อุปสรรคมักจะเกิดขึ้นในขณะที่กำลังทำความดีดีเหลือเกินหนี้สินเก่าจะได้หมดไป

    ๕. อุปสรรคมักจะไม่เกิดขึ้นในขณะกำลังทำความชั่ว เพราะเป็นทางกู้หนี้สินใหม่เข้ามาแทน

    ๖. ทุก ๆ คนปรารถนาแต่สิ่งที่ดี แต่ไม่รู้จักการทำความดี

    ๗. ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ อย่าพยายามแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

    ๘. คนโง่ไม่มีความพยายามที่จะเข้าใจอะไรได้เลย ได้แต่เอะอะโวยวายว่า "ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไม ? ถึงต้องเป็นเรา ทำไม ? ทำไม ?

    ๙. ผู้ฉลาดในธรรม ยอมรับว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ซึ่งไม่มีอะไรที่น่าตกใจเลย เพราะเป็นเรื่องธรรมดา

    ๑๐. ชีวิตที่ไม่ขาดทุน คือการไม่เคยทำความชั่วเลย

    ๑๑. เพราะฉะนั้นคนเราเจอทั้งสุขและทุกข์ เพราะว่าทำทั้งดี ทำทั้งชั่ว

    ๑๒. การตามใจตัวเองอยู่เสมอ เป็นทางตันในการดำเนินชีวิต

    ๑๓. การขัดใจตัวเอง ก็คือการขัดเกลาหนทางให้ราบเรียบ

    ๑๔. ถ้าหากเราอยากให้คนอื่นมาเข้าใจหรือเอาใจในตัวเรา เหมือนกับว่าเรายังเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่รู้จักเติบโตเลย

    ๑๕. เราพยายามที่จะเข้าใจคนอื่น มากกว่าที่จะให้คนอื่นมาเข้าใจ ตอนนี้ เรากำลังจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว

    ๑๖. หลาย ๆ ชีวิต เดินสวนทางกันไปมาอยู่ในขณะนี้มีทางดำเนินชีวิตไม่เหมือน และก็มีอุปสรรคที่ไม่เหมือนกัน

    ๑๗. เราอย่าเข้าใจว่า มีความทุกข์มากกว่าคนอื่น คนอื่นมีความทุกข์มากกว่าเราก็ยังมี

    ๑๘. การร้องไห้เป็นการแสแสร้งที่แบบเนียนเหลือเกินในวัน เพราะพรุ่งนี้เราจะร้องเพลงก็ได้

    ๑๙. เพราะฉะนั้น เวลาเรามีความทุกข์
    ก็ อย่าเข้าใจว่า เรามีความทุกข์ เวลาเรามีความสุข ก็อย่าเข้าใจว่า เรามีความสุข ไม่เช่นนั้นเราต้องเป็นคนบ้า ร้องไห้บ้าง ร้องเพลงบ้าง ตามประสาคนบ้า

    ๒๐. คนอื่นจะให้ได้ดังใจเรานั้น ทุกอย่างไม่มีเลย เพียงแต่เรายอมรับเขา อยู่ในฐานะใดฐานะหนึ่งเท่านั้น

    ๒๑. แม้แต่ตัวของเราเองก็ยังไม่ได้ดังใจเรา แล้วคนอื่นจะให้ได้ดังใจเรานั้น เป็นอันไม่มี

    ๒๒. เราไม่ได้ดังใจเขา จะให้เขาได้ดังใจเราอย่างไร

    ๒๓. ปรารถนาสิ่งใด อย่าพึงดีใจไว้ล่วงหน้า พลาดหวังสิ่งใด อย่าพึงเสียใจตามหลัง

    ๒๔. ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นเช่นนั้นเอง

    ๒๕. หากยึดถือมาก ให้ความสำคัญมันมาก ทุกข์มาก

    ๒๖. หากยึดถือน้อย ให้ความสำคัญมันน้อย ทุกข์น้อย

    ๒๗. ยินดีไปตามความอยาก คือความมักมากไม่มีสิ้นสุด

    ๒๘. แท้จริง ผัว ไม่มี เมียไม่มี ลูกไม่มีทรัพย์สมบัติก็ไม่มี แต่ความยึดมั่นด้วยความลุ่มหลงอย่างหนาแน่นว่าเรามี

    ๒๙. สักวันหนึ่ง เราคงจะไม่มีอะไรสักอย่างเลย ถึงวันนั้น เราทำใจได้ไหม ?

    ๓๐. การเกิดขึ้น เพื่อเริ่มต้นไปสู่ความดับลง ท่านจะยึดถือ หรือไม่ยึด นั้นมันเป็นเรื่องของท่าน

    ๓๑. อุปาทานคือความยึดมั่นถือมั่น กับความรับผิดชอบ มันคนละอย่างกัน

    ๓๒. วันนี้ต้องดีกว่าวานนี้พรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้

    ๓๓. ทำดีในวันนี้ พรุ่งนี้จะดีของมันเอง

    ๓๔. คนโง่จะเสียใจ ร้องไห้ตลอดวัน โดยไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

    ๓๕. ส่วนคนฉลาด จะรีบแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เท่าที่จะทำได้

    ๓๖. เรารักในสิ่งใด จะต้องจากในสิ่งนั้น ช้าหรือเร็วมันอีกเรื่องหนึ่ง

    ๓๗. ถ้าผัวตายก่อนเมีย เมียจะต้องเสียใจ ถ้าเมียตายก่อนผัว ผัวจะต้องเสียใจ ทำอย่างไร จึงจะไม่เสียใจ

    ๓๘. ถ้าไม่อยากเสียใจ เมื่อจากกันไป ก็อย่าดีใจเมื่อตอนได้มา

    ๓๙. ท่านแน่ใจหรือว่าท่านเป็นพระเอกหรือนางเอกตลอดนิรันดรกาล

    ๔๐. ใช่แน่นอน ! ท่านเป็นตัวเอกในเรื่องของท่าน แต่ท่านอาจจะเป็นตัวสำรองในเรื่องของผู้อื่น

    ๔๑. เรายืนอยู่บนสนามชีวิต ต้องต่อสู้อุปสรรคทุกรูปแบบ จนกว่าจะปิดฉากละครแห่งชีวิต ด้วยการตายลงไป

    ๔๒. บทเรียนในตำราเรียน กับบทเรียนในชีวิตจริง มันคงละอย่างกัน

    ๔๓. ไม่มีตำราเล่มไหน ที่จะสอนเราทุกอย่างก้าวว่าวันนี้เราจะต้องเจออะไรบ้าง และจะต้องแก้อย่างไร ?

    ๔๔. เสียเงินทอง เสียสิ่งของ เสียเวลา และก็เสียใจ เป็นการจ่ายค่าเทอมชีวิต

    ๔๕. คนฉลาดจะจ่ายค่าเทอมที่ถูกที่สุด ส่วนคนโง่จะจ่ายค่าเทอมที่แพงกว่ากัน

    ๔๖. ที่จริงคนตาบอด พิกลพิการเขาน่าจะเป็นทุกข์มากกว่าเรา ทำไม ? เขายังยิ้มแย้มแจ่มใสได้

    ๔๗. ทำไมเราจึงทุกข์กว่าคนพิกลพิการเล่า ?

    ๔๘. กายพิการ แต่ใจไม่พิการ ใจพิการ

    ๔๙. เราสามารถตัดสินหนทางดำเนินชีวิตของเราเองได้ ดีหรือชั่ว อยู่ที่ตัวของเรา

    ๕๐. คนอื่นสามารถบังคับเราเป็นเพียงบางเวลา
    ส่วนใจของเรานั้น ไม่มีใครสามารถบังคับได้นอกจากตัวของเราเท่านั้น

    ๕๑. ถึงแม้งานจะสับสนยุ่งยากเหลือเกิน หากใจมีอิสระแล้ว ไม่เห็นจะยุ่งยากตรงไหน

    ๕๒. ทุกคนเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ ตายเพื่อทำหน้าที่ ดีกว่าตายเพราะไม่ทำหน้าที่

    ๕๓. รับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบเพื่อนที่ดี และรับผิดชอบสังคม

    ๕๔. วันนี้เราด่าเขา วันหน้าเขาต้องด่าเรา

    ๕๕. คนทำบาป เพราะเห็นแก่กิน ไม่ต่างอะไรกับกินอาหารผสมยาพิษอย่างเอร็ดอร่อย กินมากก็มีพิษมา กินน้อยก็มีพิษน้อย

    ๕๖. กฎหมายทางโลก คุ้มครองสัตว์บางจำพวกเท่านั้น ส่วนกฎแห่งกรรมทางธรรม คุ้มครองสัตว์ทุกจำพวก

    ๕๗. กฎระเบียบของทางโลก อนุโลมไปตามความอยาก ส่วนกฎทางธรรมอนุโลมไปตามความเป็นจริง

    ๕๘. กรรมคือการกระทำให้สัตว์หยาบ และละเอียดประณีตต่างกัน

    ๕๙. ไม่มีพระเจ้าองค์ใด ที่จะสร้างเรา
    บริสุทธิ์ไม่มีพระเจ้าองค์ใด ที่จะทำให้เราร่ำรวยได้ ไม่มีพระเจ้าองค์ใด ที่จะทำให้เราเป็นผู้ได้นอกจากตัวของเราเอง

    ๖๐. คำว่า "ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว"มากเหลือเกินที่คนได้ยิน น้อยเหลือเกินที่คนรู้จัก

    ๖๑. เหตุการณ์ความเป็นไปของทางโลก
    ไม่มีสิ้นสุด เราไม่สามารถจะติดตามได้ตลอดกาลเพราะอายุยังมีที่สิ้นสุด เราจะบ้ากับมันหรือไม่บ้า มันก็เป็นไปอยู่อย่างนั้น

    ๖๒. เพื่อมิให้เสียเวลา จงกลับมามองดูจิตใจของตนเอง ทำไมถึงซอกแซกสับส่ายถึงขนาดนั้น

    ๖๓. มันเคยตัว เพราะเราให้โอกาสมันมากเกินไป เพราะรักมันมาก จึงไม่กล้าขัดใจ นาน ๆ ไปอาจกลายเป็นโรควิกลจริตทางด้านจิตใจ

    ๖๔. การเอาชนะใจตนเอง ไม่ให้ไหลสู่อำนาจฝ่ายต่ำ เป็นสิ่งประเสริฐแท้

    ๖๕. วันนี้ เราตามใจของตนเองด้วยอำนาจแห่งความอยาก วันพรุ่งนี้ เราต้องหมดโอกาสที่จะสบายใจ

    ๖๖. วันนี้ เราไม่ตามใจตนเองพรุ่งนี้ เราจะอยู่อย่างสบาย

    ๖๗. ยิ่งแก่ ยิ่งงก เพราะเขางกมาตั้งแต่ยังไม่แก่ ยิ่งแก่ ยิ่งดี เพราะเขาดีตั้งแต่ยังไม่แก่

    ๖๘. การวิ่งไปตามความอยาก คือการฆ่าตนเองด้วยความพอใจ

    ๖๙. ศัตรูมักมาในรูปรอยแห่งความเป็นมิตร ความทุกข์มักมาในรูปรอยแห่งความสุข

    ๗๐. น้ำหวานผสมยาพิษ คนโง่จะชอบดื่ม เพราะไม่รู้ ยาเสพติด ทำลายร่างกายตนเอง คนโง่ก็จะพากันเสพทั้งที่รู้

    ๗๑. ความสบายกายและสบายจิต
    จะหาซื้อด้วยเงินแสนเงินล้านไม่มีเลย ไม่จำเป็นจะต้องซื้อด้วยเงินและทอง

    ๗๒. คนที่มีศรัทธามีคุณค่ายิ่งกว่าเงินแสนเงินล้าน

    ๗๓. เมื่อมีศรัทธา ควรมีปัญญาประกอบด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นคนงมงาย ขาดเหตุผล

    ๗๔. คนนิยมสร้างพุทธ
    ที่เป็นรูป คือพุทธรูป แต่ไม่นิยมสร้างพุทธ ที่เป็นนาม คือสภาวธรรมที่รู้แจ้ง รู้จริง ทำให้รู้จักพุทธะ

    ๗๕. ความจริงต้องมีให้พิสูจน์
    จึงจะถือว่าจริงแน่นอน คนโง่จะไม่เชื่อตั้งแต่เริ่มต้น จึงไม่พบกับความจริงในชีวิต มีแต่ความงมงายในชีวิต

    ๗๖. คนใดถือสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ
    ถือสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระคนนั้นมีทางดำเนินในทางที่ผิด เขาจะไม่พบแก่นสารชีวิตที่แท้จริงเลย

    ๗๗. ผู้ที่หลงเปลือกนอก ย่อมไม่เห็นแก่นใน ผู้ถึงแก่นใน ย่อมเข้าใจเปลือกนอก

    ๗๘. ความสนุกสนานมัวเมาประมาทในชีวิต ไม่ใช่หนทางดำเนินชีวิตที่แท้จริง มันเป็นหนทางที่ทำให้เสียเวลา

    ๗๙. หากคนให้ความสำคัญกับการ กิน เล่น เสพกาม
    และนอน มากกว่าคุณธรรม เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานจะไม่ดีกว่ากันหรือ ? เพราะว่าไม่มีกฎหมายห้าม

    ๘๐. หากจิตใจเต็มด้วยความโลภ โกรธ หลง ช่องว่างในหัวใจไม่มี มีแต่ความอึดอัด

    ๘๑. อาหารที่กินเข้าไปมาก แสนจะอึดอัด แต่มีทางระบายออก

    ๘๒. ยิ่งความโลภ โกรธ หลง ลดลงมากเท่าไร ความปลอดโปร่ง ยิ่งมีขึ้นมากเท่านั้น

    ๘๓. แสงสว่างในทางธรรม จุดประกายให้ชีวิต ให้พบแต่ความสดใส

    ๘๔. ความสุขทางโลก
    เหมือนกับการเกาขอบปากแผลที่คัน ยิ่งเกายิ่งมัน เวลาหยุดเกา มันแสบมันคัน เพราะเป็นความสุขเกิดจากความเร่าร้อน

    ๘๕. เมื่อตอนที่อยากได้ ก็เป็นทุกข์ขณะที่แสวงหา ก็เป็นทุกข์ ได้มาแล้วกลัวฉิบหายไป ก็เป็นทุกข์

    ๘๖. เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ก็ต้องมี เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ย่อมไม่มี

    ๘๗. หากมีแล้ว ทำให้มีความสุข ควรมี ถ้าหากมีแล้ว ทำให้มีความทุกข์ ไม่รู้จะมีไว้ทำไม ?

    ๘๘. ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เที่ยง เราไปยึดมั่นความไม่เที่ยงนั้นว่าความสุข

    ๘๙. แม้ความสุขนั้นมันก็ไม่เที่ยง จะไปหวังเอาอะไรอีกเล่า ?

    ๙๐. พบกันก็เพื่อจากกันได้มาก็เพื่อจากไป

    ๙๑. มองทุกข์ให้เห็นทุกข์ จึงจะมีความสุข

    ๙๒. ความเบาใจ คลายกังวล ย่อมมีได้ แก่บุคคลผู้เข้าใจธรรมะ

    ๙๓. ยิ่งเข้าถึงธรรมที่เป็นจริงมากเท่าใด ความเบาสบายใจยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

    ๙๔. เพราะความสุขทางโลก ไม่ให้อะไรมากไปกว่าความเพลิดเพลิน มัวเมา ประมาทในชีวิต จนลืมทางธรรม

    ๙๕. ทางเดิน ๒ ทาง ทางโลก และ ทางธรรม

    ๙๖. ทางโลก คือการปล่อยใจไปตามความอยากในโลกีย์ ทางธรรม คือการควบคุมใจตนเอง ให้มีธรรมเป็นเครื่องคุ้มครอง

    ๙๗. ผิดหวังทางโลก ยังมีทางธรรมคุ้มครอง หากคนนั้นรู้จักธรรม

    ๙๘. ผิดหวังทางโลก อยากทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งตนเอง คนนั้นแหละ ไม่รู้จักธรรม

    ๙๙. ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ควรยึดถือมั่น
    ๑๐๐. มันเป็นเช่นนั้นเอง.


    </td></tr></tbody></table>
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post2391272 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 31-08-2009, 04:51 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->aprin<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2391272", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Oct 2005
    ข้อความ: 2,854
    Groans: 0
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 2,837
    ได้รับอนุโมทนา 15,034 ครั้ง ใน 2,109 โพส
    พลังการให้คะแนน: 858 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2391272 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->คำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->
    [​IMG]



    พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)

    * คำสอนทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น
    เป็นเพียงอุบายให้คนทั้งหลายหันมาดูจิตนั่นเอง
    คำสอนของพระพุทธองค์มีมากมายก็เพราะกิเลสมีมากมาย
    แต่ทางที่ดับทุกข์ได้มีทางเดียว พระนิพพาน
    การที่เรามีโอกาสปฏิบัติธรรมที่ถูกทางเช่นนี้มีน้อยนัก
    หากปล่อยโอกาสให้ผ่านไป

    เราจะหมดโอกาสพ้นทุกข์ได้ทันในชาตินี้
    แล้วจะต้องหลงอยู่ในความเห็นผิดอีกนานแสนนาน
    เพื่อจะพบธรรมอันเดียวกันนี้

    ดังนั้นเมื่อเราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว
    รีบปฏิบัติให้หลุดพ้นเสีย มิฉะนั้นจะเสียโอกาสอันดีนี้ไป
    เพราะว่าเมื่อสัจจธรรมถูกลืมความมืดมนย่อมครอบงำปวงสัตว์ให้อยู่ในกองทุกข์สิ้นกาลนาน

    * นิมิตบางอย่างมันก็สนุกดี น่าเพลิดเพลินอยู่หรอก
    แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้นก็เสียเวลาเปล่า
    วิธีละได้ง่ายก็คือ อย่าไปดูสิ่งที่ถูกเห็นเหล่านั้น
    ให้ดูผู้เห็น แล้วสิ่งที่ไม่อยากเห็นนั้นก็จะหายไปเอง

    * ขอให้ท่านทั้งหลาย สำรวจดูความสุขว่า
    ตรงไหนที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต
    ครั้นสำรวจดูแล้วมันก็แค่นั้นแหละ แค่ที่เราเคยพบมาแล้วนั่นเอง
    ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้นไม่มี
    โลกนี้มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แค่นั้น
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ร่ำไป
    มันจึงน่าจะมีความสุขชนิดพิเศษกว่า
    ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น
    พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย
    เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต สงบกิเลส
    เป็นความสุขที่ปลอดภัยหาสิ่งใดเปรียบมิได้เลย

    * ภิกษุเราถ้าปลูกความยินดีในเพศภาวะของตนได้แล้ว
    ก็จะมีแต่ความสุข เยือกเย็น
    ถ้าตัวเองอยู่ในเพศภิกษุ แต่กลับไปยินดีในเพศอื่น
    ความทุกข์ก็จะทับถมอยู่ร่ำไป
    หยุดกระหาย หยุดแสวงหาได้ นั่นคือภิกษุภาวะโดยแท้
    ความเป็นพระนั้น ยิ่งจน ยิ่งมีความสุข

    * ศีรษะที่ปลงผมหมดแล้ว
    สัตว์เลื้อยคลานเล็กน้อยเช่น เหาย่อมอาศัยอยู่ไม่ได้ฉันใด
    จิตที่พ้นจากอารมณ์ ขาดการปรุงแต่งแล้ว
    ทุกข์ก็อาศัยอยู่ไม่ได้ฉันนั้น

    * ในทางโลกเขามีสิ่งที่มี แต่ในทางธรรมมีสิ่งที่ไม่มี
    คนในโลกนี้ต้องมีสิ่งที่มี เพื่ออาศัยสิ่งนั้นเป็นอยู่
    ส่วนผู้ปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติจนถึงสิ่งที่ไม่มีและอยู่กับสิ่งที่ไม่มี

    * การปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหน
    ในเมื่อกายยาว ๑ วา หนา ๑ คืบ นี้แลเป็นตัวธรรม
    เป็นตัวโลก เป็นที่เกิดแห่งธรรม เป็นที่ดับแห่งธรรม
    เป็นที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้อาศัยบัญญัติไว้ซึ่งธรรมทั้งปวง
    แม้ใครใคร่จะปฏิบัติธรรม ก็ต้องปฏิบัติที่กายและใจนี้
    หาได้ปฏิบัติที่อื่นไม่

    ดังนั้น ถ้าตั้งใจจริงแล้ว นั่งอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น
    นอนอยู่ที่ไหน ยืนอยู่ที่ไหน เดินอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น

    * หลักธรรมที่แท้นั้นคือ จิต
    ให้กำหนดดูจิต ให้เข้าใจจิตตัวเองให้ลึกซึ้ง
    เมื่อเข้าใจจิตตัวเองได้ลึกซึ้งแล้วนั่นแหละได้แล้วซึ่งหลักธรรม

    * กิเลสทั้งหมด เกิดรวมอยู่ที่จิต ให้เพ่งมองที่จิต
    อันไหนเกิดก่อน ให้ละอันนั้นก่อน

    * จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากสติที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิต เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ

    คำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    <!-- google_ad_section_end -->


    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เพิ่งเคยได้อ่านธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโลค่ะ


    อ่านแล้วประทับใจ อบอุ่นใจ

    ขออัญเชิญพระธรรมของหลวงปู่มาอีกองค์

    ร่วมอนุโมทนากับธรรมะคุณ Fort กับคุณโมเยค่ะ

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...