ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ม.นเรศวร ออกแบบ “พระพุทธปฏิมากร นเรศวรมังคลาปุระ”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>28 กรกฎาคม 2553 01:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สถานศิลปะสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ภาคเหนือตอนล่าง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.นเรศวร ออกแบบสร้างพระพุทธปฏิมากร อันเชิญพระนาม “พระพุทธนเรศวรมังคลาปุระ” พระนามที่ยกย่องพระเกียรติยศของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช บูรพกษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยซึ่งจำนำไปประดิษฐาน ณ พุทธมณฑล จังหวัดพิษณุโลก


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ศาสตราจารย์ ดร.สุจินต์ จินายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวถึง โครงการออกแบบพระพุทธปฏิมากร “พระพุทธนเรศวรมังคลาปุระ” ว่าเป็นโครงการสำคัญตามนโยบายการนำความรู้มาบูรณาการและพัฒนาพิษณุโลกให้เป็นเมือง The Great King การสร้างเมืองพิษณุโลกให้เป็นจังหวัดที่สะท้อนถึงความเป็นเมืองประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นเมืองชาวพุทธ ที่มีพระพุทธชินราชที่สวยที่สุดในโลกประดิษฐานอยู่ อีกทั้งเป็นเมืองของพระมหากษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่ โดยพระเกียรติยศขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพลังขับเคลื่อนเบื้องหลังประชาชาติสยาม

    อาจารย์ธีรวุฒิ บุญยศักดิ์เสรี อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะและการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และคณะผู้ออกแบบกล่าวว่า สถานศิลปะสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ภาคเหนือตอนล่าง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ได้ร่วมออกแบบองค์พระ แท่นประทับ รวมถึงทัศนียภาพโดยรวม บริเวณพุทธมณฑล จังหวัดพิษณุโลก แนวคิดในการจัดสร้างพระพุทธนเรศวรมังคลาปุระ มีรูปแบบศิลปกรรมสุโขทัย อันเป็นที่ยกย่องในเชิงศิลปกรรม ว่าเป็นยุคสมัยที่รูปแบบพุทธปฏิมากร มีความเจริญสูงสุด พระพุทธรูปองค์นี้มีความสูง 9.9 เมตร หล่อด้วยโลหะสำริดและมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางลีลา รูปลอยตัว คณะผู้ออกแบบคำนึงถึงความงามเชิงประติมากรรมร่วมสมัย ประกอบกับโครงสร้างรับน้ำหนักของโลหะกว่า 5 ตัน มีจุดรับน้ำหนักเพียงจุดเดียวคือ ที่พระบาทด้านที่ประทับอยู่บนฐาน ตามแบบอย่างพระพุทธรูปปางลีลาสมัยสุโขทัย มุ่งหมายให้มีลักษณะเด่นของแบบอย่างศิลปะสุโขทัยแสดงออกอย่างเด่นชัด จึงใช้หลักกายวิภาคและแรงโน้มถ่วง เพื่อสร้างดุลยภาพให้กับองค์พระ แต่ยังคงพุทธลักษณะตามแบบศิลปะประเพณีไทย รายละเอียดที่สร้างขึ้นแบบผสมผสานระหว่างศิลปะโบราณและรสนิยมทางศิลปะสมัยปัจจุบัน พร้อมนี้การออกแบบแท่นประทับใช้แนวคิดเรื่องจักรวาลในพุทธศาสนา มาเป็นหลักสำคัญสำหรับการวางผังและสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดเนื้อหาที่สอดคล้องกับพุทธประวัติ ตอนที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังเสด็จลงจากดาวดึงส์ หลังจากเสด็จขึ้นไปแสดงธรรมแด่เจ้าจอมมารดา”


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จังหวัดพิษณุโลกเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีสถานที่สำคัญ อาทิ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทร์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร โบราณสถาน และวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น

    “ทุกสิ่งทุกอย่างจะสามารถสะท้อนให้ทุกคนเกิดจิตสำนึกและภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย โดยนำมาสู่กระบวนการพัฒนาในรูปแบบบริการและการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางมาเยือนจังหวัดพิษณุโลก สามารถให้เวลาเพิ่มในการพักผ่อนอย่างมีคุณค่า เน้นเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์โดยการสร้างความประทับใจในการต้อนรับของชาวเมืองพิษณุโลก”อาจารย์ธีรวุฒิ สรุป


    ขอขอบคุณแหล่งที่มา


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
  4. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210

    ภาพนี้งดงาม มีพลังมากค่ะ

    มองแล้วตัวชา น้ำตาซึม
     
  5. จมื่นราชฯ

    จมื่นราชฯ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +57
    ณ วัน เวลานั้น จักงดงามปานใด
     
  6. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    รำลึกเทิดพระคุณ สมเด็จแม่สุพรรณกัลยา
    "... โปรดเถิดพระบิดาอย่ากังวล ลูกรู้จักหน้าที่ตนอย่างสมบูรณ์
    โดยเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นไทยชาติ โดยวงศ์ญาติยศไกรมไหศูรย์
    โดยประวัติแกล้วกล้าทั้งตระกูล ประชาชนเทอดทูนทั่วเวียงไชย
    ถ้าเกิดมาเป็นชายก็ได้ฉัตร ปกป้องครองรัฐยิ่งใหญ่
    จะรอรบต่อสู้กู้กรุงไกร คืนเอามาเป็นไทดังก่อนกาล
    เสียดายที่เกิดเป็นสตรี ยากที่จะเข้าหักหาญ
    รบรอต่อกรรอนราญ ประจัญบานเช่นชายชาตรี
    ขอพระจงนำข้าไปแลกน้อง รวมเป็นสองรองบาทบทศรี
    กู้เกียรติอยุธยาธานี ไม่ช้าทีก็จะฟื้นคืนตัว ..."
     
  7. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    พระออกศึก คราใด ขอไปด้วย
    เป็นผู้ช่วย ด้วยกัน ขวัญทหาร
    พระออกศึก ครั้งใด ใจเบิกบาน
    คิดมุ่งหาญ ผลาญประจัญ กันศัตรู
    แม้ยามเหนื่อย เมื่อยล้า กว่าข้าศึก
    ยังเฮิมฮึก ศึกใดใด ใครจะรู้
    ข้าองค์ขาว พราวแสง แกร่งศัตรู
    ให้มึงรู้ กูสู้ กู้แผ่นดิน
    พี่กูสู้ รู้อยู่ กูไม่ถอย
    เป็นเพื่อนคอย เข่นฆ่า พม่าสิ้น
    เอาเลือดกลบ ศพพม่า อ่าไอดิน
    ฆ่าให้สิ้น กลิ่นพม่า ชาติรามัญ
    เห็นพระองค์ ทรงเหนื่อย แสนเมื่อยล้า
    สู้ฟันฝ่า กล้าประจัญ ขวัญไม่หนี
    อันตัวน้อง ผองภัย ใคร่ต่อตี
    เมื่อเจ้าพี่ มีชัย ใจเบิกบาน
    (จากบทประพันธ์ของหลวงพี่พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ)ตัวอักษรสีแดง เติมเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2010
  8. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    <TABLE class=tborder id=post3597894 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_3597894 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">ความรักที่สมเด็จพระเอกาทศรฐมีต่อสมเด็จเจ้าฟ้าสุทัศน์และเมืองอโยธยา

    มาคิดถึงเจ้าใจแทบขาด ...................โอ้ลูกรักของพ่อมาทิ้งหนี

    เพื่อชีวิตของเจ้าพ่อยอมพลี ................ขอเพียงลูกได้อยู่คู่แผ่นดิน

    ด้วยคำว่า ขบถ เจ้าจึงหนี ..................พ่ออาลัยสิ้นแม้ชาติเป็นที่สอง
    เสวยพิษดับสิ้นซึ่งชีวี ......................หัวใจพ่อดิ้น จะแหลกกลาย
    โอ้ลูกจ้า ลูกรักของพ่อนี้ ..................เหตุใดเล่า จึงได้ใจน้อยหนา
    แม้บัลลังค์พ่อให้เจ้าไม่อาวรณ์............ เพียงเพื่อลูกคนเดียวยอดดวงใจ

    ถึงแม้เจ้านั้นต้อง ขบถ.................... พ่อยอมทิ้งซึ่งบังลังค์ พัฒสถาน
    ขอเพียงแต่เราได้อยู่ไม่จากกัน ............เฝ้า ค้ำจุน ดูแล และจุนเจือ
    เมื่อกาลนี้เจ้าจากไปใจสิ้นแล้ว .............พ่อจึงเร่งสร้างกุศลให้เจ้าหนา
    ทั้งตั้งจิตอธิษฐานในการบุญ............... ด้วยกุศลตรงต่อพระศาสดา
    อันตัวข้านี้ไซร้ บุญน้อยนัก............ .....อันแจ้งชัดต้องสิ้น ซึ่งบุตรา
    ในเบื้องหน้าครั้งใดได้มาเกิด............... ขอให้ได้พานพบเป็นสุขศรี
    ขอให้ได้ค้ำจุนและดูแล ....................ให้ก่อเกิดเป็นรักอันล้นเหลือ
    ให้ได้จดได้จำถึงชาตินี้ .....................ว่าเคยได้เป็นบุตรซึ่งผูกพันธ์

    ก่อนสิ้นชีวีในภพนี้ ........................อาลัยนักลูกรักที่พันธ์ผูก
    ตั้งแต่เล็กพ่อเลี้ยงและอุ้มชู ...............ใคร่หวังเจ้าเมื่อเติบใหญ่ครองแผ่นดิน
    เมื่อเจ้าจากพ่อไปใจพ่อสิ้น ...............มลายแล้วหน่อเนื้อดวงใจเอ๋ย
    เจ้ามาทิ้งพ่อไปใจติดตรึง................. ใจพ่อช้ำเสียยิ่งเหนือกระไร
    ลูกพ่อเอ๋ยคราใดใจพ่อทุกข์ ..............ได้เพียงเจ้าที่เฝ้าคอยอาศัย
    จอมดวงใจของพ่อฟังนะเอย.............. แม้เกิดชาติใดขอให้เป็นลูกพ่อ

    อันอโยธยาศรีรามเทพนคร................. ที่ข้ากู้แลกชีวิตกับเจ้าพี่
    ภายภาคหน้าข้ากับลูกจะมาชู ..............ให้ก่อเกิดเกียรติประวัติเมืองสยาม
    อันภพนี้ข้านั้นขอลาจาก ....................ขอเมืองแก้วอยู่เป็นร่มปวงราษฏร์นา
    ขอองค์เจ้าเป็นฉัตรคู่บ้านเมือง.............. ให้ปวงราษฏรอยู่ดีแลมีสุข
    หากเจ้าใดใจคิดเป็นพยศ..................... ให้ฉัตรหลุดแทงเสียบเป็นอาดูร<!-- google_ad_section_end -->
    ให้เป็นเครื่องเตือนจิตมิอดสู..................แต่เจ้าใดถึงพร้อมซึ่งหน้าที่
    ขอให้ได้เป็นมิ่งขวัญคู่แผ่นดิน................มิอาจสิ้นด้วยกลโกงหรือมนต์ดำ
    <!-- / message -->



    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"></TD><TD class=alt1 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2010
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,898
    ค่าพลัง:
    +6,434
    หมู่บ้านนายก่าย

    <TABLE id=table1 border=0 cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD class=sans9 bgColor=#ccc999 width="100%" align=middle>วัดถนนจีน
    </TD></TR><TR><TD class=sans8> ประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยา


    [​IMG]ดูแผนที่

    รายละเอียด

    วัดถนนจีน เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมือง ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านชาวจีนใกล้กับคลองในไก่ คำว่า “ในไก่” นี้นักประวัติศาสตร์บางท่านสันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจาก “นายก่าย” นามของชาวจีน ซึ่งอาจจะเคยตั้งบ้านเรือนอยู่ในบริเวณนี้ นอกจากนั้นยังมีประตูในไก่เป็นประตูน้ำ ชักน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านเข้ามาตามคลองในไก่ไปออกแม่น้ำป่าสัก ถัดจากประตูในไก่ไปตามลำน้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตกจะมีป้อมอกไก่ และประตูจีน ซึ่งเป็นประตูน้ำชักน้ำเข้าไปตามคลองประตูจีน (คลองข้าวเปลือก)

    ในสมัยอยุธยา วัดถนนจีนน่าจะเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของชาวจีน ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ระหว่างคลองประตูจีน (คลองข้าวเปลือก) กับคลองในไก่ และเชื่อว่าคงจะเป็นหมู่บ้านใหญ่มาก พระยาโบราณราชธานินทร์ได้กล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยา ว่า “ย่านบ้านแห ขายแหแลเปลป่านด้ายตะกอแลลวด มีตลาดขายของคาว ปลาสด เช้าเย็น อยู่ในบ้านแขกใหญ่ ชื่อตลาดจีน ๑… ย่านบ้านวัดน้อยประตูจีน ขายปรอท ทองเหลืองเคลือบ ๑ ย่านในไก่เชิงสะพานประตูจีนไปเชิงสะพานประตูในไก่ เป็นย่านจีนอยู่ตึกทั้งสองฟากถนนหลวง นั่งร้านขายของสรรพเครื่องสำเภา ไหม แพร ทองขาว ทองเหลือง ถ้วย โถ ชาม เครื่องสำเภาครบ …จีนทำเครื่องจันอับ แลขนม ทำโต๊ะเตียงและถังน้อยใหญ่ และทำสรรพเครื่องเหล็ก…”

    นามของหมู่บ้านชาวจีนมีกล่าวถึงในพระราชพงศาวดารสมัยอยุธยาหลายตอน อย่างเช่น ในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ พุทธศักราช ๒๒๖๙ เจ้าฟ้าอภัยสั่งให้ข้าราชการวังหลวงจัดแจงผู้คนกะเกณฑ์กระทำการตั้งค่ายคู ดูตรวจตราค่ายรายเรียงไปตามคลอง แต่ประตูข้าวเปลือกจนถึงประตูจีน และในช่วงรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พุทธศักราช ๒๒๙๘ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งพระยาราชสุภาวดีบ้านประตูจีน เป็นเจ้าพระยาอภัยราชาว่าที่สมุหนายก ถ้าพิจารณาตามชื่อวัด สันนิษฐานได้ว่าน่าจะตั้งอยู่ริมถนนจีน ซึ่งเป็นถนนคู่ขนานกับถนนป่าโทน แต่ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้สร้าง

    ปัจจุบันเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๕๘ ตอนที่ ๑๖ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ แต่ยังไม่ได้ทำการขุดแต่งบูรณะ สภาพทั่วไปของวัดถนนจีนเท่าที่ปรากฏในปัจจุบันคงมีแต่ปรางค์ ๑ องค์ อยู่ในสภาพชำรุด มีต้นไม้ปกคลุม มีเนินโบราณสถานอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนด้านทิศเหนือของโบราณสถานวัดถนนจีนนี้ มีคูน้ำเป็นแนวยาว ทางด้านทิศตะวันตกเป็นสระน้ำค่อนข้างใหญ่ และทางด้านทิศใต้เป็นบ้านอยู่อาศัยของประชาชน ซึ่งใกล้กับองค์ปรางค์มากจนดูเหมือนว่าปรางค์ของวัดถนนจีนเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณบ้าน ปรางค์ของวัดถนนจีน เป็นปรางค์ขนาดใหญ่ก่อด้วยอิฐ อยู่ในสภาพชำรุดมาก อิฐชั้นนอกหลุดกระเทาะออกจนเกือบหมด เห็นแต่แนวอิฐชั้นในซึ่งก่ออิฐสอดินเป็นโครงทรงสี่เหลี่ยม มีร่องรอยของซุ้มเรือนธาตุ ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณ ซุ้มด้านทิศตะวันออกถูกขุดทำลายเป็นช่องกว้างใหญ่มากจนสามารถเห็นห้องกรุภายในเรือนธาตุ สังเกตได้ว่าโครงสร้างภายในของปรางค์วัดถนนจีนนี้เป็นทรงสี่เหลี่ยม ทำซ้อนกันเป็นผังรูปกากบาท ช่องว่างระหว่างกากบาทใส่ดินกรุอัดแน่นเป็นการประหยัดอิฐ และช่วยเสริมให้โครงสร้างแข็งแรงยิ่งขึ้นอีกด้วย ส่วนบนของเรือนธาตุยังคงมีแนวปูนฉาบอยู่ด้านข้าง ทำให้เห็นร่องรอยลักษณะของทรงปรางค์ซึ่งน่าจะมีรูปแบบเหมือนซ้อนทรงสี่เหลี่ยมเรียงลดหลั่นกันขึ้นไป รูปแบบศิลปกรรมอย่างนี้น่าจะอายุอยู่ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๒๐ - ๒๑

    ในบริเวณผิวดินรอบๆ วัดถนนจีนแห่งนี้ ได้พบศิลปวัตถุเป็นชิ้นส่วนของพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ อยู่ในสภาพชำรุด ซึ่งหัวหน้านครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาในขณะนั้น ได้นำไปเก็บรักษาไว้ ณ ที่ทำการของหน่วยศิลปากร เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๓ ลักษณะเป็นพระพุทธรูปนุ่งห่มดองหรือเฉวียงบ่า เห็นริ้วรอยของชายผ้าห้อยอยู่ที่พระพาหาซ้าย สายรัดประคดห้อยอยู่ที่หน้าพระอุทร ๒ สาย เป็นรูปแบบการนุ่งห่มอย่างพระพุทธรูปจีน อยู่ในท่าประทับนั่งสมาธิราบ พระหัตถ์แสดงปารมารวิชัย พบเฉพาะส่วนพระอุระลงมาถึงพระเพลา ซึ่งเป็นก้อนศิลาเรียงต่อกัน ส่วนพระเศียรหักหายไป ต่อมาได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังได้พบส่วนของพระอุระถึงบั้นพระองค์ มีลูกประคำห้อยอยู่ที่พระอุระ รูปแบบพระพุทธรูปนุ่งห่มอย่างจีนนี้ที่จัดเป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยา ยังไม่เคยได้พบมาก่อน

    ฉะนั้น การจะกำหนดอายุได้แน่นอนว่าเป็นพุทธศิลปะช่วงใดของสมัยอยุธยา ต้องอาศัยพิจารณาองค์ประกอบอย่างอื่นเป็นเครื่องช่วยตัดสิน ถ้าจะอาศัยการพิจารณาจากเนื้อศิลา หรือวิธีการนำศิลาท่อนมีขนาดต่างๆ กันมาต่อประสานแล้วสลักเป็นพระพุทธรูปก่อนฉาบปูนหรือลงรักปิดทองอย่างพระพุทธรูปที่พบ ณ วัดถนนจีนนี้ ในสมัยอยุธยาก็นิยมทำกันมาทุกยุคทุกสมัย นับตั้งแต่ยุคแรกเป็นต้นมา หากพิจารณาจากรูปทรงขององค์พระพุทธรูป ซึ่งมีรูปร่างค่อนข้างสูง นิ้วพระหัตถ์มีลักษณะเหมือนนิ้วมนุษย์ อาจสันนิษฐานได้ในเบื้องต้นว่า น่าจะอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น คือ พุทธศตวรรษที่ ๒๐ - ๒๑ เช่นเดียวกัน วัดถนนจีนยังไม่ได้รับการขุดแต่ง จึงพบเห็นซากอิฐอยู่บนผิวดินโดยทั่วไป ซึ่งชาวบ้านแถบนั้นเล่าว่า จะขุดดินเพื่อทำการเพาะปลูกก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีแต่เศษอิฐเต็มไปหมด ดังนั้นหากโบราณสถานแห่งนี้ได้รับการขุดแต่งบูรณะเมื่อใด อาจมีข้อมูลอีกมากมายเป็นหลักฐานทางโบราณคดีประวัติศาสตร์ของชาติต่อไป


    บ้านนายก่ายอยู่ตรงไหนยังหาอยู่ค่ะ แต่หมู่บ้านนายก่ายก็น่าจะตั้งอยู่ตามตำแหน่งที่อ้างถึงในบทความนี้ ส่วนบ้านนายก่ายจะอยู่ในหมู่บ้านนี้หรือไม่ จะลองหาดูอีกสักหน่อยค่ะ

    แหล่งข้อมูล:

    www.literatureandhistory.go.th
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    [​IMG]


    ขอสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพไทย ในการปกป้องอธิปไตย


    เหนือพื้นที่รอบเขาพระวิหาร



    " ไทยรวมกำลังตั้งมั่น จะสามารถป้องกันขันแข็ง

    ถึงแม้ว่าศัตรูผู้มีแรง มายุดแย้งก็จะปลาศไป

    ขอแต่เพียงให้เราอย่าผลาญญาติ ร่วมชาติร่วมจิตเป็นข้อใหญ่


    ไทยอย่ามุ่งร้ายทำลายไทย จงพร้อมใจพร้อมกำลังระวังเมือง"
     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...ต้องเข้าใจกันนะครับ แผนบริหารพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่กัมพูชานำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งนี้ กัมพูชาไม่สามารถทำเป็นแผนที่ได้ ต้องเลี่ยงไปทำเป็น "แผนผัง" เพื่ออ้างว่าไม่ได้รุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย แต่ในข้อเท็จจริง ถึงจะเป็นแผนผังก็ยังกินเข้ามาในแดนไทยอยู่ดี
    อย่างทางทิศตะวันออก "ด้านบันไดหัก" ยังไม่มีการกันพื้นที่ เป็นปัญหาเขตแดนที่ยังตกลงกันไม่ได้ แต่อยู่ในแผนผังที่กัมพูชานำเสนอฝ่ายเดียว ในการเจรจานอกรอบไทย-กัมพูชา เมื่อวานที่ประเทศเจ้าภาพจัดให้มีขึ้น ตัวแทนไทย-นายสุวิทย์ คุณกิตติ ก็โต้แย้งกับนายซกอาน รองนายกฯ เขมรในจุดนี้
    สรุปแล้ว ตกลงอะไรกันไม่ได้!....


    มรดกโลก "การบ้าน" ของการเมือง | ไทยโพสต์
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...ดูท่าทางจากนาย "ฮอร์ นัมฮง" รัฐมนตรีต่างประเทศผู้เก๋ากึ๊กของกัมพูชาแล้ว บอกได้คำเดียวว่า
    "เป็นไรเป็นกัน เขมรบ่ยั่นไทย"!
    และเมื่อดูฝ่ายไทย เกมนี้ดูท่าพร้อม "เกหมดหน้าตัก" เป็นไร-เป็นกัน ถ้ามันไม่เป็นธรรม และไม่แฟร์ ถูกรุมหยามรังแกกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ละก็ ไทยยอมใครเป็นซะที่ไหนล่ะ เรื่องจะให้มาเหยียบปลายหัวแม่ตีน (นอกจากคนไทยด้วยกัน) กันฟรีๆ น่ะ อย่าว่าแต่เขมรเลย
    ต่อให้ยูเนสโก คณะกรรมการมรดกโลก จนถึงสหประชาชาติด้วย ลองรวมหัวเล่นกันไม่แฟร์กับไทย เรื่องเป็น-เรื่องตาย มันเรื่องจ้อย เรื่องหน้าตา-ศักดิ์ศรีประเทศชาติมันเรื่องใหญ่
    มา...เรียงหน้าเข้ามา ให้มันแหลกกันไปข้าง...
    ให้มันรู้ซะบ้างว่า ไทยไม่ใช่ "ไก่รองบ่อน" ของใครๆ นะเฟ้ย!
    คราวนี้รัฐบาลไทย นายกฯ อภิสิทธิ์ "นโยบายชัด-พูดชัด" ยอมไม่ได้ ฝ่ายกัมพูชาจะเดินหน้าบริหารแผนอะไรได้ แต่ขั้นแรกต้องยอมรับก่อนว่า "ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกันของ ๒ ประเทศ ไทย-กัมพูชา"
    ถ้าฝ่ายเขมรยังไม่ยอมรับ ยังไม่ยอมตกลงในประเด็นนี้ "ทุกกรณี" ที่กัมพูชาเสนอสู่คณะกรรมการมรดกโลก ไทยค้าน และไม่ยอมรับชนิด "ถึงไหน-ถึงกัน"
    วอล์กเอาต์ แถลงการณ์ประณาม จนถึงขั้นลาออกจากคณะกรรมการมรดกโลก และลาออกจากการเป็นสมาชิกยูเนสโก ไทยพร้อม "ตบโต๊ะ-ตอบโต้-ตบเท้า" บ่ยั่นหน้าอินทร์-หน้าพรหม หน้าไหนทั้งนั้น
    ลองฟังลีลาพยัคฆ์หน้าหยก "นายกฯ อภิสิทธิ์" บ้างก็ได้ จะได้รู้ว่า "ผู้นำ" ในยามวิกฤติปัญหาแสดงออกซึ่งภาวะผู้นำแบบไหน นักข่าวถามว่า "นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาประกาศว่า หากคนไทยบุกรุกเข้าไปในบริเวณปราสาทพระวิหารจะยิง?" นายกฯ ไทยตอบทันทีว่า
    "คงไม่ต่างจากท่าทีที่เราแสดงออกไป นี่คือเหตุผลที่ผมบอกกับยูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลกมาตลอดว่า สถานการณ์ไม่ควรจะตึงเครียดโดยการให้ทำแผนจัดการพื้นที่ทับซ้อน ทางที่ดีที่สุดคือ ให้ทุกคนกลับมาสู่กระบวนการเดิม ตามที่กำหนดไว้ในบันทึกว่าด้วยความเข้าใจ (MOU) ที่จัดทำเมื่อปี ๒๕๔๓ เพราะขนาดรายงานที่กัมพูชาส่งให้กับคณะกรรมการมรดกโลก ก็ยังยอมรับว่าแผนที่ใช้ไม่ได้ เพราะมี MOU อยู่ และคณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วม (JBC) อยู่ จึงเป็นตัวพิสูจน์ว่า ไม่ควรเดินหน้าจัดทำมรดกโลก รวมถึงแผนบริหารจัดการต่างๆ และช่วยยืนยันสิ่งที่ผมพูดมาตลอดว่า MOU มีประโยชน์ ทำให้กัมพูชาอ้างแผนที่ไม่ได้ ที่เขาส่งรายงาน ตอนนี้เขาเลยทำได้แค่ ส่งแผนผังไปก่อน เพราะติดข้อตกลงของ JBC อยู่ แล้วเขาก็พยายามจะบอกว่า แผนผังที่ส่งไปไม่กระทบเขตแดน ซึ่งเราบอกว่า เรายอมรับไม่ได้"
    นี่..เห็นมั้ย ยามสับสน ผู้นำ "ตีธง" ชี้ทิศทางปฏิบัติชัดเจน ผิดพลาดหรือถูกต้องยังไง "ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่ผู้เดียว" ...


    http://www.thaipost.net/news/300710/25551
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...ทุกข์ซ้ำ กรรมซัด วิบัติเป็น หรือนี่คือเส้นทางชะตาชาติไทยยามนี้?
    แต่ก็น่าดีใจนะครับ "ยามชาติมีภัย คนไทยรักกัน" ผมสังเกตในระยะ ๔-๕ วันมานี้ คนไทยประสานเป็นเสียงเดียวกัน "ไม่ยอมเสียดินแดนให้เขมร" กระทั่งกองทัพไทย พี่น้องทหารเคลื่อนย้ายไปทำหน้าที่พิทักษ์ตลอดแนวประชิดไทย-กัมพูชาด้วยจิตอาสาแท้จริง
    เป็นไรเป็นกัน ที่จะยอมให้เขมรยืมมือมรดกโลกมาฉกชิงดินแดนไป คนไทยทุกคน...ไม่ยอม!...


    http://www.thaipost.net/news/300710/25551
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...ประเทศไทยก็ถูกเล็งไว้ด้วย แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและพระวิสัยทัศน์ยาวไกลตั้งแต่รัชกาลที่ 3 ที่ทรงรอบรู้เหตุการณ์รอบบ้าน ที่ถูกอังกฤษ ฝรั่งเศส และฮอลันดา มุ่งมั่นที่จะยึดครอง เอารัดเอาเปรียบ และในการนี้อังกฤษส่ง ร้อยเอกเฮนรี่ เบอร์นี่ เข้ามาทำสัญญาค้าขายในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกว่าสัญญาเบอร์นี่ ที่อนุญาตให้พ่อค้าอังกฤษทำการค้ากับพ่อค้าไทยได้อย่างเสรี โดยเก็บภาษีตามความกว้างของปากเรือ ไทยตรวจสอบสินค้าได้ ห้ามอังกฤษค้าฝิ่น และอังกฤษต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย ซึ่งอังกฤษรู้สึกว่าไม่ได้เปรียบนัก จึงส่ง เซอร์ เจมส์ บรุก มาเจรจาขอแก้ไขสัญญาที่มีลักษณะเอาเปรียบมากขึ้น และล้มเหลว ไทยปกป้องผลประโยชน์ไว้ได้ตามสมควร

    ชาติตะวันตกเริ่มหาเรื่องที่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจอธิปไตย แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาเกี่ยวกับลัทธิจักรวรรดินิยมที่คุกคามอย่างรุนแรง เนื่องจากเกิดการชิงความเป็นใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และรัสเซีย โดยเฉพาะในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย ที่ทรงแต่งตั้ง เซอร์ จอห์น เบาริ่ง ให้เป็นราชทูตมาเจรจาทำสนธิสัญญาใหม่กับไทย ซึ่งด้วยแสนยานุภาพของอังกฤษ ทำให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยอมลงพระนาม เพื่อรักษาเอกราชของไทยไว้ ทั้งๆ ที่อังกฤษได้เปรียบอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังควบคุมสินค้าสำคัญของไทยไม่ให้มีการส่งออก เช่น ข้าว ปลา และเกลือ นั่นหมายถึงอังกฤษทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลาง ค้าเอง ลดอัตราภาษีที่ไทยควรจะได้รับ แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคือสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ทั้งคนอังกฤษและคนในอาณัติอังกฤษ ไม่ต้องขึ้นศาลไทย รวมทั้งอายุสัญญานาน 10 ปี

    สนธิสัญญานี้เป็นต้นแบบให้ชาติตะวันตกรวม 13 ประเทศ รวมทั้งญี่ปุ่นอีก 1 ประเทศ นำมาบีบบังคับให้ไทยต้องทำสนธิสัญญาลักษณะเดียวกันนี้ และเป็นการเสียอำนาจอธิปไตยโดยต่างชาติไม่ต้องใช้กำลังรุกรานเพราะมีอำนาจข่มขู่ทางรัฐศาสตร์

    แต่การเสียบูรณภาพแห่งแผ่นดินให้ชาติตะวันตกนั้น เริ่มตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยพระยาไทรบุรีให้อังกฤษเช่าเกาะหมาก หรือเกาะปีนังเพราะหวังให้อังกฤษคุ้มครอง และไทยสูญเสียดินแดนอีกถึง 13 ครั้ง ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ฝรั่งเศสแข่งขันกับอังกฤษในการล่าเมืองขึ้น ขณะที่อังกฤษครอบครองอนุทวีป และฮอลันดาครอบครองหมู่เกาะอินโดนีเซีย จึงมองเห็นเวียดนาม ลาว และเขมร เป็นบำเหน็จของตัวเอง

    ฝรั่งเศสคุกคามอย่างหนักตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 4 และต้นรัชกาลที่ 5 โดยใช้ทั้งเล่ห์กลและการใช้กำลังรบข่มขู่ จนทำให้ไทยเสียดินแดนให้ฝรั่งเศส 5 ครั้ง รวม 481,660 ตารางกิโลเมตร ซึ่งครั้งสำคัญๆ ได้เกิดขึ้นใน ร.ศ.112 โดยฝรั่งเศสใช้เหตุการณ์กระทบกระทั่งชายแดนไทย-อินโดจีน จึงส่งเรือรบ 2 ลำ เข้ามาข่มขู่ถึงในลำน้ำเจ้าพระยา แต่ถูกปืนจากป้อมพระจุลจอมเกล้ายิงเสียหาย จึงเรียกร้องค่าทำขวัญ 3 ล้านบาท พร้อมทั้งยึดเมืองจันทบุรีเป็นประกันต่อมายึดตราดซึ่งไทยยอมแลกเปลี่ยนกับเมืองเกาะกง และไทยเสียประเทศลาวและเกาะแก่งทั้งหลายในแม่น้ำโขง เสียเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ เป็นต้น รวมเนื้อที่ 143,000 ตารางกิโลเมตร

    เป็นเหตุให้ไทยเสียเขาพระวิหาร ซึ่งไทยเป็นคนค้นพบ เพราะทางขึ้นอยู่ในประเทศไทย สนธิสัญญา พ.ศ. 2447 ฝรั่งเศสยอมรับการใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดนต่อมา พ.ศ. 2451 ฝรั่งเศสทำแผนที่ใหม่ แต่ทำฝ่ายเดียว และไม่ได้ใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน แต่ไทยนิ่งเฉยเพราะไม่รู้จะทักท้วงอย่างไร จึงเป็นเหตุให้ศาลโลกใช้กฎหมายปิดปากเป็นตัวแปรว่าไทยไม่สนใจที่จะประท้วงเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยเหนือองค์พระวิหาร จึงตัดสินให้เขมรได้ครอบครอง...


    Daily News - Manager Online - ͸Ի����˹������������
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,898
    ค่าพลัง:
    +6,434
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,898
    ค่าพลัง:
    +6,434
    แหล่ประวัติศาสตร์ชาติไทย(เป็นคนไทยต้องฟัง)

    คำร้อง : บุญนำพา
    ทำนอง : เบง บางระกำ
    ดนตรี : ติ๊ดหยอง สุรินทร์/ถาวร บัวระบัติ
    ศิลปิน : (น้องฝน) เด็กหญิงวาทินี อัญญะโพธิ์
    ห้องบันทึกเสียง : AS Studio (สำนักสื่อฯ) เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๕
    เผยแพร่ :

    เออ…..ประเทศไทยจะดำรงคงอยู่ได้
    เพราะในอดีตชาติไทยมีคนเก่ง
    ถ้าคนไทยเหี้ยมเกรียมเหลี่ยมนักเลง
    จะร้องเพลงชาติไทยให้ใคร…

    ฟังสิบนิ้วน้อมคำนับลงกราบกราน
    พี่น้องชาวบ้านที่รักสมัครหมาย
    ทั่วทั้งถิ่นขวานทองพี่น้องไทย
    จงร่วมใจสมานสมัครสามัคคี

    ถึงเวลาแล้วเรา ชาวพุทธศาสตร์
    เป็นทายาทสืบสายในกรุงศรี
    เราคนไทยใจกล้าทั่วธานี
    มาสามัคคี หันหน้าเข้าหากัน

    องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ทรงลงหลักปักรั้วทั่วถิ่นฐาน
    พระทรงกรียงไกรเกล้า ปรีชาชาญ
    ตั่งปณิธาน ปกป้อง เทิดผองไทย

    พระบารมีปกเกล้าฯ เราทั้งชาติ
    ประวัติศาสตร์ต้องจารึก ผนึกไว้
    สามัคคีอันล้ำเลิศเกิดจากใคร
    แม้ไม่ใช่ทรงพระคุณกรุณา

    เป็นขวานทองเล่มสุดท้ายที่ไทยหวัง
    สิบสี่ครั้งรอดมาได้ เพราะไทยรักษา
    เอาชีวิตเข้าแลกไว้ จึงได้มา
    เป็นพื้นพสุธาของท่านลูกหลานไทย

    เสียครึ่งแรก เกาะหมากจากแผนผัง
    เขาเปลี่ยนชื่อ เป็นปีนัง จำได้ไหม
    นั้นแหละบิ่นจากขวานทอง เล่มของไทย
    สามร้อยกว่าตารางไมล์ หลักฐานมี

    ครั้งที่สอง เสียซ้ำยังจำได้
    เสียมะริด และทวายตะนาวศรี
    สองพันสามร้อยสามสิบหก โชคไม่ดี
    เสียเนื้อที่ ห้าหมื่นกว่าตารางกิโล

    ครั้งที่สาม บัณทายมาตร์ ถูกตัดเฮี้ยน
    เขาเปลี่ยนมาเป็นฮาเตียน ตั้งชื่อใหม่
    สองพันสามร้อยห้าสิบสาม แสนช้ำใจ
    เสียเนื้อที่มากเท่าไร…ไม่ปรากฏ ในบทความ

    ครั้งที่สี่ เจ็บแค้นเสียแผนสี
    กินเนื้อที่ถึงเชียงตุง เหนือกรุงสยาม
    ตั้งเก้าหมื่นตารางกิโล โถมันทำ
    ทนสร้างกรรมบัดเดี๋ยวนี้ เขาดีกัน

    ครั้งที่ห้า เสียรัฐเปรัก
    ถูกเขาผลักหกล้ม เฉือนนคมขวาน
    สองพันสามร้อยหกสิบเก้า แสนร้าวราน
    ต่างหยิบขวานขึ้นมาถือ ดูชื่อไทย

    ครั้งที่หก อกตรมเดินก้มหน้า
    เสียสิบสองปันนา น้ำตาไหล
    ตั้งหกหมื่นตารางกิโล โอ้โหไทย
    แทบขาดใจต่อสู้ศัตรูมา

    ครั้งที่เจ็ด เสียแคว้นแดนเขมร
    เกิดพิเรนทร์เพราะฝรั่งกำลังบ้า
    เที่ยวออกล่าเมืองขึ้นชื่ออุรา
    เสียอีกหนึ่งแสนกว่าตารางกิโล

    ครั้งที่แปด เสียแคว้น ดินแดนใหม่
    ชื่อสิบสองจุไทก็ใหญ่โข
    แปดหมื่นที่กว้างตารางกิโล
    แทบร้องโฮใจละเหี่ยเพราะเสียดาย

    ครั้งที่ เก้า เศร้าแสนแค้นไม้สิ้น เอ่อ …. (ซ้ำ)
    เสียลุ่มน้ำสาระวินด้านฝั่งซ้าย
    สิบสามหัวเมืองจำต้องเหมาให้เขาไป
    ใครที่ทำช้ำใจ ไทยต้องจำ

    ครั้งที่สิบ เลียบลำแม่น้ำโขง
    ถูกเขาโกงฝั่งซ้ายไทยถลำ
    ครั้งที่สิบเอ็ด เสียฝั่งขวาช่างหน้าดำ
    มันเจ็บจำฝังจำอยู่กลางใจ

    ครั้งที่สิบสอง ใจรันทดแทบหมดท่า
    เสียมณฑลบูรพาอีกจนได้
    เขาพรากไปจากแหลมทองพี่น้องไทย
    อีกสามหมื่นตารางไมล์โดยประมาณ

    ครั้งที่สิบสาม ตังกันนูไทรบุรี
    ดินแดนที่มองเห็นเป็นหลักฐาน
    ไปถึงมะริดติดรัฐกาลันตัน
    อีกห้าหมื่นโดยประมาณตารางไมล์

    ครั้งที่สิบสี่ เสียเขาพระวิหาร
    ปัจจุบันให้เขมรท่านเห็นไหม
    จำไว้เถิดเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
    ใครที่ทำช้ำใจไทยต้องจำ

    เหมือนลงเรือลำเดียวน้ำเชี่ยวจัด
    มาช่วยกันพัดมาช่วยกันพายให้ถึงฝั่ง
    อย่าหันหลังหันหน้าพะว้าพะวัง
    คนที่นั่งกลาง อย่าเอาเท้าลาลงวารี

    เป็นขวานทองเล่มสุดท้ายที่ไทยหวัง
    ทะเลล้อมรอบข้าง หมดทางหนี
    ครั้งที่สิบห้าต่อไปคงไม่มี
    ใครกดขี่ข่มเหง ขอสู้ตาย…
     
  17. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    แผ่นดินที่ไทยต้องเสียไปต้องได้กลับคืนมาในเร็ววันครับ ส่วนปราสาทเขาพระวิหาร เขมรไม่มีวันได้ขึ้นทะเบียนแน่นอนครับ ขอไทยก็คือของไทย
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,898
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พี่อุกามณีจะมากรุงเทพฯ วันที่ 18-20 สิงหาคม 2553 ถ้าน้อง of ว่างไปเจอพี่ที่วัดวรเชษฐ์วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2553 ไหมคะ พี่จะพาพี่อุกามณีไปไหว้พระอาจารย์สิงห์ทนด้วยกันค่ะ

    กำลังหาสีเขียวก่อน เขียวๆๆ จริงๆภาพเดิมของพระมหาฤทธิชัยที่สร้างสีพระภูษาไว้ก็สวยแล้ว พี่ทางสายธาตุไปแจ้งเรื่องสีเขียวว่าเป็น Royal green of Ming Dynasty ท่านพระมหาฯจึงอยากให้ถูกต้อง งานเข้าต้องหาสีเขียวให้พระมหาฯท่านให้ได้ เขียวไหนกันหล่ะโยม เขียวออกน้ำเงินไหมหล่ะโยม พระมหาฯท่านถามมาแบบนี้ โยมก็ยังไม่แน่ใจ อาทิตย์นี้แหละต้องได้คำตอบให้พระมหาฯท่าน ^^"
     
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,898
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สวัสดี คุณ puken ทำตัวตามสบายนะคะ เพราะทางสายธาตุทำงานเพื่อเทิดไท้ไม่มีเจตนาไม่ดีต่อผู้ที่เข้ามาอ่าน จะร่วมงานบุญกันก็ดี จะร่วมจิตทำกุศลถวายพระเจ้าอยู่หัวก็ดี หรือเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นการส่วนตัวหรือส่วนกลุ่ม ทางสายธาตุขออนุโมทนาทั้งหมดค่ะ ทำดีเพื่อชาติ ต้องได้ดีแน่นอน ไม่ต้องกังวลนะคะ ส่วนเรื่องที่จีน ขอเวลาทางสายธาตุสักนิด ภาษาอังกฤษที่แปลมาจากภาษาจีนก็ไม่ใช่ง่ายๆนัก ต้องใช้เวลาไตร่ตรองข้อมูลเสียก่อนค่ะ ^_^
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,898
    ค่าพลัง:
    +6,434
    หลวงพ่อพระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภท่านเป็นพระที่อยู่ในข้อวัตรปฎิบัติอย่างเคร่งครัด หลวงพ่อท่านคงไม่ทักว่าใครเป็นใครมาก่อน ท่านจะบอกว่าอยากรู้ให้อธิษฐานขอต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าท่านด้วยตนเอง ดังนั้นการปรามาสต่อสงฆ์ผู้มีวัตรปฎิบัติเคร่งครัดนั้นไม่ควรทำ บางคนว่าท่านทักคนนั้น ทักคนนี้ว่าเป็นองค์นั้น องค์นี้มาเกิด ขอยืนยันด้วยตัวเองว่าพระสงฆ์องค์เจ้าท่านไม่ทำแบบนั้นแน่นอนค่ะ ส่วนใครจะคิดว่าตนเองเป็นใครพระท่านจะรู้หรือไม่รู้ก็แล้วแต่พระสงฆ์ย่อมเก็บวาจา ทางสายธาตุรู้สึกว่าพระท่านไม่ทักใครเลยนี้ถือว่าเป็นการดีค่ะ อย่างทางสายธาตุนะคะ เมื่อก่อนเกิดเป็นบ่าวไพร่ใช่ไหม ก็ขอให้ตนเองระลึกได้เอง ไม่ขอให้ใครทักหรือท้วงเพราะคนที่ถูกทักหรือท้วงย่อมจะเกิดความอาย พระท่านเก็บวาจานั้นท่านก็ไม่มัวหมองด้วยกิเลสของคน งานใหญ่ที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อเทิดพระเกียรติบูรพกษัตริย์ และถวายความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ก็จะเป็นไปด้วยความราบรื่นและสง่างาม

    สงสารพระท่าน ท่านอยู่ของท่านในวัดแท้ๆ โยมก็ไปหาท่านกันโครมๆ พอไม่ถูกใจในบางอย่างที่อยากให้พระท่านพูดรับรองให้ได้ดั่งใจของโยมวาดหวัง ก็บอกว่าพระท่านปฎิบัติไม่เหมาะไม่รู้จริง ไม่สมควรจะเป็นพระสงฆ์ ก็พระท่านอยู่ของท่านเฉยๆแท้ๆไม่น่าจะต้องมามัวหมองเพราะกิเลสของโยมทั้งหลายเลย....
     

แชร์หน้านี้

Loading...