ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ก่อนจะข้ามประเด็นนี้ไป ทางสายธาตุเคยค้นหาข้อมูลพระนามของเจ้าแม่วัดดุสิตและสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ที่ได้รับพระราชทานมาจากพระราชบิดา น่าจะเป็นดังนี้

    เจ้าแม่วัดดุสิต พระนมเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช น่าจะทรงได้รับพระราชทานนามว่า "พระสุวรรณขวัญเมือง" เมื่อครั้งที่ทรงประสูติ พระราชบิดาได้สร้างวัดไว้แห่งหนึ่งเพื่อเป็นขวัญให้กับพื้นที่แนวตั้งรับข้าศึกแห่งหนึ่ง สร้างไว้เมื่อปี พ.ศ. 2127 (หลังจากทรงประกาศอิสรภาพได้ไม่กี่มากน้อย คิดว่าน่าจะหลังจากทรงประกาศอิสรภาพราวๆ 5 หรือ 6 เดือน พระองค์บัวทรงเสด็จมาประสูติ) ปัจจุบันวัดนี้ชื่อวัดทองนพคุณทูลฉลอง และทรงพระราชทานนามนี้ให้สอดคล้องกับสมเด็จพระพี่นางของพระองค์ คือสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา ในสมัยที่ยังทรงพระอิสริยยศเจ้าฟ้าเมืองสองแคว ทรงพระนามว่า พระสุวรรณเทวี ดังนั้นพระองค์บัวน่าจะทรงมีพระนามที่ได้รับพระราชทานมาว่า พระสุวรรณขวัญเมือง ตามร่องรอยที่ได้ตามมาจากชื่อของวัด

    สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือพระองค์ไล ได้รับพระราชทานนามว่า พระสุริยกุมาร พระนามนี้มีบันทึกไว้ในพงศาวดาร

    ด้วยเหตุที่ต้องการเทิดพระเกียรติเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์นี้จึงเขียนไว้ในอนาคตอาจหาหลักฐานได้ชัดเจนกว่านี้ค่ะ ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2010
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    วัดทองนพคุณทูลฉลอง (วัดสุวรรณขวัญเมือง)

    เลขที่ ๑ หมู่ที่ ๒ ตำบลขวัญเมือง<O:p</O:p
    อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑๓๒๒๐<O:p</O:p
    โทร. ๐-๓๕๓๘-๑๐๖๓ ๐-๑๙๔๔-๑๗๐๘<O:p</O:p
    พระปลัดจรูญ ชาตปญฺโญ เจ้าอาวาส <O:p</O:p
    ๐-๑๕๒๙-๒๘๙๖

    <O:p</O:p
    วัดทอง เดิมชื่อ "วัดสุวรรณขวัญเมือง" สร้างขึ้นตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้โปรดให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับพระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงอยู่ เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้าน <O:p</O:p
    ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้โปรดให้บูรณะ เรียกชื่อใหม่ว่า "วัดทองนพคุณทูลฉลอง" ชาวบ้านเรียกกันว่า "วัดทอง" เมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ ๒ ได้กลายสภาพเป็นวัดร้างไปเช่นเดียวกับวัดต่าง ๆ ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราว พ.ศ. ๒๓๒๐ สมัยกรุงธนบุรี และได้วิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๐ <O:p</O:p
    วัดทอง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำลพบุรี ทิศเหนือและใต้ติดต่อกับที่ดินของชาวบ้าน ทิศตะวันออกติดแม่น้ำลพบุรี ทิศตะวันตกติดกับถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข ๓๒) จึงนับว่าเป็นวัดที่มีการคมนาคมสะดวก ทั้งในอดีต และปัจจุบัน<O:p</O:p
    วัดทองมีพื้นที่ ๒๒ ไร่ ๓ งาน ๙๐ ตารางวา มีชาวพุทธ หมู่ที่ ๒ และหมู่ที่ ๓ ของตำบลขวัญเมืองดูแลอุปถัมภ์ และบำเพ็ญกุศลประกอบศาสนกิจ ตามประเพณี<O:p</O:p
    จากความร่วมมือร่วมใจของเจ้าอาวาส พระภิกษุสามเณร และชาวพุทธวัดทอง ทำให้วัดทองมีอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ครบถ้วน มั่นคง แข็งแรง สวยงาม เช่นพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฏิ วิหาร และฌาปนสถาน<O:p</O:p
    เจ้าอาวาสที่พอจะสืบทราบนามได้ มีดังนี้<O:p</O:p
    ๑. พระอธิการกัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ - ๒๔๖๘<O:p</O:p
    ๒. พระอธิการหรุ่น พ.ศ. ๒๔๖๙ - ๒๔๗๓<O:p</O:p
    ๓. พระอธิการผาย ประดิษฐ์ขวัญ พ.ศ. ๒๔๗๔ - ๒๔๗๗<O:p</O:p
    ๔. พระอธิการนาค พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๒๔๘๕<O:p</O:p
    ๕. พระอธิการจินดา พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๒๔๘๖<O:p</O:p
    ๖. พระอธิการแปลก พึ่งญาติ พ.ศ. ๒๔๘๗ - ๒๔๙๒<O:p</O:p
    ๗. พระอธิการผิน โชติปาโล พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๕๑๐<O:p</O:p
    ๘. พระอธิการสะอาด เกิดพงษ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ - ๒๕๑๓<O:p</O:p
    ๙. พระอธิการทวี พ.ศ. ๒๕๑๔ - ๒๕๑๖
    <O:p</O:p๑๐. พระครูวินัยธรผดุงศักดิ์ ฐิตปญฺโญ พ.ศ. ๒๕๑๗ - ๒๕๔๓
    <O:p</O:p๑๑. พระอธิการเชิด ภาคสุข พ.ศ. ๒๕๔๓ - ๒๕๔๓<O:p</O:p
    ๑๓. พระปลัดจรูญ ชาตปญฺโญ พ.ศ. ๒๕๔๔ - ปัจจุบัน
    <O:p</O:p
    วัดทองเป็นสถานที่ทำนุบำรุงจิตใจ ของชาวพุทธ ได้ใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจและเรียนรู้วิชาการต่าง ๆ ในอดีตได้เคยมีโรงเรียนประถมศึกษาตั้งอยู่ในบริเวณวัด มีเนื้อที่ ๗ ไร่ โดยเริ่มเปิดสอนเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ แต่ปัจจุบันนี้ได้ยุบเลิกไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมด้วย ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๔
    <O:p</O:p
    มีประเพณีที่ชาวพุทธวัดทองได้กระทำต่อ ๆ กันมาคือ "การทำบุญประจำปี"โดยจะจัดขึ้นในวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๕ ของทุกปี โดยเชื่อกันว่าเป็นวันประสูติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    <O:p</O:p
    นอกจากจะเป็นแหล่งรวมใจของพุทธศาสนิกชน และแหล่งเรียนรู้ทางวิชาการแล้ว วัดทองยังได้พยายามทำวัดให้ร่มรื่นด้วยการรักษาต้นไม้เก่าแก่ไว้ เช่น ต้นโพธิ์ ๕ ต้น และยังได้พยายามปลูกเพิ่มเติมอีกด้วย
    <O:p</O:p
    ปูชนียวัตถุ สำคัญของวัดทอง ได้แก่
    <O:p</O:p
    ๑. พระเจดีย์ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ มีรูปทรงสวยงาม<O:p</O:p
    ๒. พระพุทธรูปปางนาคปรก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่องค์หนึ่ง หน้าตักกว้าง ๒๐ นิ้ว มีพุทธลักษณะที่งดงาม เล่ากันว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดให้สร้างขึ้น เมื่อคราวเสด็จกลับการประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง มาแวะพักทัพที่บริเวณวัดแห่งนี้ ต่อมาได้โปรดให้สร้างวัดและพระพุทธรูปขึ้น<O:p</O:p
    ๓. รูปหล่อพระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่เป็นที่ยอมรับกันว่า มีพระพุทธลักษณะที่สวยงาม ผู้ที่ได้เคารพกราบไหว้ย่อมรู้สึกอิ่มเอิบใจ สงบใจ และมีความสุข<O:p</O:p
    ๔. หลวงพ่อดำ พระพุทธรูปเก่าแก่คู่มากับวัด เชื่อกันว่า พระพุทธรูปองค์นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงสร้างไว้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๓๙ เป็นที่เคารพนับถือและเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของชาวตำบลขวัญเมืองกันมาก เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย อยู่ในพระวิหาร ของแก้บนที่มีผู้นิยมกันมากที่สุดคือ พวงมาลัย<O:p</O:p
    ๕. รูปหล่อพระมหากษัตริย์ไทย ได้แก่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทุกพระองค์เคยเสด็จมาที่วัดทองแห่งนี้<O:p</O:p
    วัดทอง ได้รับความศรัทธา และดูแลจากญาติโยมมาโดยตลอด และความร่วมมือร่วมใจเช่นนี้ ช่วยให้วัดทองมีความเจริญมั่งคงเป็นแหล่งส่งเสริมพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าคู่กับพระศาสนา ตลอดไป
    <O:p</O:p
    วัดทอง ทองเทียบแท้ คือธรรม <O:p</O:p
    ทองตกตมดินดำ ไป่เปื้อน<O:p</O:p
    ธรรมในโลกีย์กรรม ฤาหม่น หมองเฮย<O:p</O:p
    ปวงปราชญ์ท่านเอ่ยเอื้อน เปรียบไว้วิจารณ์<O:p</O:p
    มีธรรมปานเปรียบได้ ดังทอง<O:p</O:p
    กิเลศรุมฤาหมอง หม่นเศร้า<O:p</O:p
    พุทธบริษัทพึงครอง สติอยู่ เสมอนา<O:p</O:p
    ระลึกถึงพระพุทธเจ้า จักพ้นภัยพาล.
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2010
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ....การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน คือ เช้า ค่ำ นั่งวิปัสสนา ครั้งละ 30 – 60 นาที แล้ว เวลาที่เหลือ ที่ต้องทำงานคือกำหนดตามดูลมหายใจ เป็นหลัก และ เวลากลางวัน ก็เดินจงกรม เวลาทำงาน นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ พิมพ์งาน อ่านหนังสือ ขับรถ กระพริบตา เคี้ยวอาหาร กลืนน้ำลาย ก็ตามรู้กายที่รู้สึก คือเมื่อรู้สึกที่ไหนของกายก็รู้ สักแต่เพียงรู้ รู้แล้วไม่ปรุงแต่ง วางใจเป็นกลาง มีอุเบกขา และมีสติเท่าทันความคิด ความรู้สึก อารมณ์ต่างๆ ไม่คิดว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะหากชอบเราก็จะมีความโลภเกิดขึ้น ถ้าไม่ชอบเราก็จะมีความโกรธ ยิ่งเป็นการเพาะเชื้อกิเลสขึ้นไปอีก ดังนั้น จึงดู สักแต่รู้ อย่างเดียว ...


    ครับ รู้ลงในปัจจุบัน ด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ยินดียินร้าย
    "อาตาปี สัมปชาโน สติมา" "ขยันรู้สึกตัว"

    โมทนา สาธุ ครับ คุณชานนคนไทย
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    การแสดงละครเวทีเรื่อง ” สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ”

    การแสดงละครเวทีเรื่อง ” สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ” มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีไทยนานาชาติ 2553


    เตรียมพบกับการแสดงละครเวทีครั้งยิ่งใหญ่ของสยามประเทศ เรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กำหนดการแสดง 3 รอบ ในวันศุกร์ที่ 6 และ วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2553 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

    [​IMG]
    ละครเวทีอิงประวัติศาสตร์
    เรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    เขียนบทโดย สมภพ จันทรประภา
    กำกับการแสดงโดย ม.ล. จุลลา งอนรถ

    ความเป็นมา
    ด้วย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ร่วมกับมูลนิธิเกศอัมรินทร์และมูลนิธิดุริยประณีต จะจัดการแสดงละครเวทีเรื่อง “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” โดยเป็นส่วนหนึ่ง ในงานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีไทยนานาชาติ ประจำปี 2553 ซึ่งจะจัดในระหว่างวันที่ 4 - 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อน้อมรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่แห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย มิให้ตกเป็นทาสของชาติอื่น ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณนี้ ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของชาวไทยตราบจนกระทั่งถึงวันนี้

    ละครเรื่อง ดังกล่าว ได้เคยจัดแสดงถวาย ตามพระราชเสาวณีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 และแสดงถวายเนื่องในวโรกาสราชาภิเษกสมรสครบ ๕๐ ปี เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2553 ในนามคณะละครอาสาสมัครในพระบรมราชินูปถัมภ์

    โดยที่วันที่ 12 สิงหาคมศกนี้ เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์ให้เกิดการแสดงละครเรื่องนี้ขึ้น ในนามคณะละครอาสาสมัครในพระบรมราชินูปถัมภ์ จึงเห็นเป็นวโรกาสอันเหมาะสมที่จะจัดแสดงถวาย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วยความจงรักภักดี

    การแสดงละคร เวทีอิงประวัติศาสตร์ เรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นการแสดงในรูปแบบละครเวที ที่นำศิลปะการแสดงและดนตรีไทย มาร้อยเรียงด้วยเพลงต่างๆ ตามอารมณ์ในท้องเรื่องมากกว่า 40 เพลง โดยครูสุดจิตต์ ดุริยประณีต ศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้บรรจุเพลง ส่วนทีมนักแสดงจะเป็นชุดเดิมกับนักแสดงชุดใหม่ผสมกัน ที่มีความรักต่อบทละครที่ประพันธ์โดยอาจารย์สมภพ จันทรประภา อีกทั้งเป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ให้คนไทยได้ประจักษ์ถึงหน้าที่ต่อแผ่นดิน และมีความรักความสามัคคีกัน เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้ลูกหลานสืบไป

    การแสดงละคร เวทีอิงประวัติศาสตร์ เรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในบทประพันธ์ของอาจารย์สมภพ จันทรประภา นอกจากจะเดินเรื่องรวดเร็วกระชับอย่างที่คนรุ่นใหม่ชอบกันแล้ว ยังจะให้ความรู้เกี่ยวกับเพลงไทยในหลากหลายอารมณ์ ซึ่งถือเป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่ ที่จะได้เรียนรู้สมบัติของชาติผ่านความบันเทิง และยังได้ระลึกรู้ถึง ความเป็นเอกราชของชาติไทยที่บรรพบุรุษได้เพียรรักษาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังต้องรับหน้าที่ต่อดังคำที่ว่า ‘หน้าที่ เรารักษาสืบไป’

    ด้านทีมงานสนับสนุน อาทิ เครื่องแต่งกาย คุณโกมล พานิชพันธ์ หรือรู้จักกันในนามโกมลเมืองแพร่ ผู้เชี่ยวชาญผ้าไทย ที่มีประสบการณ์ด้านผ้าไทยมาเกือบ ๓๐ ปี และเคยออกแบบเสื้อผ้าให้กับภาพยนตร์เรื่อง สุริโยทัย ละครเรื่อง กษัตริยา / สาปภูษา ซึ่งชุดที่ออกแบบให้กับละครเวทีอิงประวัติศาสตร์ เรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จะมีความสวยงามและอลังการด้วยผ้าไทย ที่สวยงามไม่แพ้ชาติใด

    ด้านฉาก ออกแบบและจัดสร้างโดย คุณสุธี ปิวรบุตร อดีตข้าราชการกรมศิลปากร ที่คลุกคลีกับงานออกแบบและจัดทำฉากละครมาเกือบทั้งชีวิต สำหรับฉากที่ใช้ในละครเวทีอิงประวัติศาสตร์ เรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนี้ นับเป็นการใช้ฉากมากที่สุดเท่าที่เคยทำละครมา คือมีมากถึง ๑๖ – ๑๗ ฉาก

    เรื่องย่อ
    เมื่อ พ.ศ. ๒๑๑๒ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าอย่างที่ไม่ควรจะเสีย ทั้งนี้เพราะสมเด็จพระมหินทร์ฯ ซึ่งครองราชสมบัติแตกความสามัคคีกับพระมหาธรรมราชาน้องเขย ซึ่งครองพิษณุโลกอยู่ จนพระมหาธรรมราชาต้องไปเข้าด้วยพม่า ครั้งนั้นพระเจ้าบุเรงนองทำลายไทยจนยับเยิน แล้วกวาดต้อนเจ้านาย ขุนนาง ประชาชน และทรัพย์สมบัติไปไว้หงสาวดี จำนวนมาก ให้พระมหาธรรมราชาครองกรุงศรีอยุธยา โดยขอเอาพระนเรศวรไปไว้เป็นตัวประกันที่หงสาวดี ตั้งแต่พระชนมายุ ๙ พรรษา

    เมื่อ พระนเรศวรมีพระชนม์ได้ ๑๕ พรรษา พระมหาธรรมราชานำพระสุพรรณ-กัลยาไปขอแลกตัวพระนเรศวรกลับคืนมา ซึ่งบุเรงนองได้พระราชทานพระสุพรรณกัลยา ให้เป็นชายามังไชยสิงห์ราชโอรส ความสามารถของพระนเรศวรเริ่มปรากฏเมื่อบุเรงนองสวรรคต พระนเรศวรต้องเสด็จไปร่วมพิธีพระบรมศพที่พม่า และสามารถตีเมืองรุม เมืองคัง ซึ่งตั้งแข็งเมืองให้กับพม่าได้

    ระหว่าง ทางที่เสด็จกลับอยุธยา พระยาเกียรติ พระยาราม ขุนนางพม่าชาวมอญ ได้ตามมากราบทูลให้ทรงทราบว่า พม่าจะยกกำลังติดตามมาสังหารพระองค์ พระนเรศวรจึงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับกรุงหงสาวดีอีกต่อไป และเร่งฝึกกำลังพลเพื่อรับศึกพม่า แต่กลับต้องยกทัพไปปราบพระยาพิชัย และพระยาสวรรคโลกซึ่งทรยศไปเข้ากับพม่าเสียก่อน

    นันทบุเรง (มังไชยสิงห์) ให้พระมหาอุปราชา (มังกะยอชวา) ยกทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธย แต่กลับต้องพ่ายแพ้สิ้นพระชนม์ในการยุทธหัตถี พระนเรศวรเสด็จขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่นั้นพม่าก็ไม่กล้ายกมาตีไทย อีกต่อไป

    รายละเอียดการแสดง

    • องค์ที่ 1 พระมหาธรรมราชาขอแลกตัวประกัน
    พระนเรศวรตกเป็นตัวประกันอยู่ที่หงสาวดี แต่ได้รับการศึกษาเช่นลูกกษัตริย์ มีความสามารถสูงในทุกด้าน ทำให้เป็นที่ริษยาของมังกะยอชวา หลานพระเจ้าบุเรงนอง มักจะหาเหตุเหยียดหยามว่าเป็นเชลยอยู่เสมอ

    ทางกรุง ศรีอยุธยาพระมหาธรรมราชาหารือกับพระวิสุทธิ์กษัตรีย์ ที่จะกอบกู้เอกราชให้พ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของหงสาวดี และเห็นว่ามีแต่จะต้องได้พระนเรศวรกลับมาเป็นกำลังสำคัญ พระสุพรรณกัลยา จึงอาสาให้นำตัวไปแลกพระนเรศวรกลับคืนมา

    พระมหาธรรมราชา พาพระสุพรรณกัลยาไปเฝ้าบุเรงนองที่กรุงหงสาวดี พระเจ้าบุเรงนอง จึงขอพระสุพรรณกัลยาให้เป็นชายามังไชยสิงห์พระโอรสองค์ใหญ่ และยินยอมให้พระมหาธรรมราชารับพระนเรศวรกลับคืนไป

    พระนเรศวรสงสารพระสุพรรณกัลยาว่าจะต้องถูกนางพม่าข่มเหง แต่พระมหาธรรมราชาและพระสุพรรณกัลยาชี้แจงว่าเป็นความจำเป็น ถ้าต้องการให้กรุงศรีอยุธยาเป็นเอกราชอีกครั้ง ก็ต้องแลกด้วยชีวิตพระสุพรรณกัลยา

    • องค์ที่ 2 พระสุพรรณกัลยาในกรุงหงสาวดี
    มังไชยสิงห์มหาอุปราช รักใคร่เมตตาพระสุพรรณกัลยายิ่งกว่าชายาองค์อื่น ทำให้ตะละแม่ภูคำชายาเอก และมเวสินหม่อมห้าม ริษยา หาเหตุประชดประชันเหยียดหยามพระสุพรรณกัลยาอยู่เสมอ เมื่อดูถูกไปถึงกรุงศรีอยุธยาทำให้นางลำเพา พระอภิบาลของ พระสุพรรณกัลยาทนไม่ได้ เกิดวิวาทกับมเวสิน ตะละแม่ภูคำให้พระสุพรรณกัลยาลงโทษลำเพา พระสุพรรณกัลยาไม่ยินยอม มังไชยสิงห์มาหาพระสุพรรณกัลยาได้ยินเสียงวิวาทกัน จึงเข้ามาไต่ถาม และปรามตะละแม่ภูคำว่าไม่ควรจะล่วงเกินดูถูกถึงเมืองอื่น

    • องค์ที่ 3 พระนเรศวรประกาศอิสรภาพ
    พระนเรศวรเข้ามาเฝ้าพระสุพรรณกัลยา ทูลว่ามาในงานพระบรมศพบุเรงนองและได้รับมอบหมายให้ตีเมืองรุม เมืองคัง ซึ่งตั้งแข็งเมือง พระมหาอุปราชา (มังกะยอชวา) และนัดจินหน่อง หลานพระเจ้านันทบุเรงตีไม่ได้ แต่พระนเรศวรตีได้ และขอให้พระสุพรรณกัลยาเสด็จไปกรุงศรีอยุธยาพร้อมกัน พระสุพรรณกัลยาปฏิเสธเพราะเกรงพม่าจะตามตี พระนเรศวร ทำให้เสียการของแผ่นดิน

    พระนเรศวรมาลามณีจัน ลูกสาวพระยาราม และสั่งทหารคู่พระทัย ให้แยกย้ายกันไปดูแลหัวเมืองเอกที่อยู่ห่างไกลอยุธยา

    ขณะเสด็จกลับ มีครัวไทยที่ถูกกวาดต้อนไปหงสาวดีขอตามกลับมาจำนวนมาก เมื่อถึงชายแดนพม่าต่อชายแดนอยุธยา พระยาเกียรติพระยารามรีบตามมาทูลว่า พม่ากำลังจะยกกำลังมาสังหารพระนเรศวร เพราะเกรงในความสามารถทางการรบของพระองค์ พระนเรศวรจึงทรงประกาศอิสรภาพ ให้กรุงศรีอยุธยาไม่ขึ้นกับกรุงหงสาวดีอีกต่อไป

    พม่ายกทัพตามตีมาถึง พระนเรศวรควบคุมการรบช่วยให้ครัวไทยหลบหนี แต่ใกล้จะพ่ายแพ้ด้วยกำลังน้อยกว่า พอดีพระเอกาทศรถพระอนุชา ยกทัพออกมาช่วย ตีทัพพม่าแตกพ่ายไป

    • องค์ที่ 4 ปราบพระยาพิชัย พระยาสวรรคโลก
    พระยาพิชัย และพระยาสวรรคโลกไม่พอใจ ที่พระนเรศวรปกป้องคุ้มครองชาวไทยใหญ่ จึงไปเฝ้าพระมหาอุปราชา พระยาพิษณุโลกและเจ้าฟ้าเมืองนาย (มะจา) หัวหน้า ไทยใหญ่เข้ามาเฝ้าทูลข่าวว่า นันทสูราชสังครำแม่ทัพพม่าเข้ามายึดเมืองกำแพงเพชรไว้ ขู่ให้ส่งไทยใหญ่ ซึ่งหนีมาอยู่เมืองพิษณุโลกกลับคืนไปให้พม่าใช้งาน พระนเรศวรสั่งให้ยกกำลังไปช่วยคุ้มครอง โดยให้แจ้งพระยาพิชัย พระยาสวรรคโลก ให้ยกทัพมาช่วยด้วย เมื่อทรงทราบว่าทั้งสองเมืองทรยศไปเข้าด้วยพม่า จึงให้ทัพไทยยกไปราบเมืองสวรรคโลก และเมืองพิชัยก่อน เมื่อปราบได้แล้ว พระนเรศวรทรงเศร้าสลดพระทัยที่คนไทยต้องมาฆ่ากันเอง

    • องค์ที่ 5 มหายุทธหัตถี
    นันทบุเรงเห็นกรุงศรีอยุธยาเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น จึงให้พระมหาอุปราชา ยกทัพใหญ่มาปราบ พระนเรศวรยกกำลังออกไปต้านรับโดยมีกำลังน้อยกว่ามาก แต่ด้วย กฤษดาภินิหารทำให้เกิดผงคลีตระหลบไปทั่ว เจ้าพระยาไชยานุภาพ ช้างทรงพระนเรศวรกำลังตกมันบุกเข้าไปกลางทัพพม่า จนเผชิญหน้ากับพระมหาอุปราชาท้าทายทำยุทธหัตถีกัน พระนเรศวรฟันพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง ทัพพม่าจึงแตกพ่ายไป



    [​IMG]


    <TABLE width=300 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc colSpan=2><TABLE width=300 align=center><TBODY><TR><TD class=style59 bgColor=#996600 colSpan=2>ตัวละคร</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=style59 bgColor=#996600>
    พระนเรศวร​
    </TD><TD class=style59 bgColor=#996600>
    พระสุพรรณกัลยา​
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#996600>
    มณีจัน
    </TD><TD bgColor=#996600>
    พระมหาธรรมราชา
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#996600>
    พระวิสุทธิ์กษัตรีย์
    </TD><TD bgColor=#996600>
    พระเอกาทศรถ
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#996600>
    นางลำเพาี
    </TD><TD bgColor=#996600>
    นันทบุเรง
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#996600>
    มหาอุปราชา
    </TD><TD bgColor=#996600>
    ภูคำ​
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#996600 vAlign=center>
    มเวสิน (มอญ)
    </TD><TD bgColor=#996600>
    พระยาพิชัย -
    พระยาสวรรคโลก ​
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#996600>
    พระเจ้าแปร
    </TD><TD bgColor=#996600>
    พระเจ้าตองอู
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#996600>
    ชัยบุรี-ราชมนู
    </TD><TD bgColor=#996600>
    มณีจัน - มณีอิน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    นักแสดง
    ผู้แสดงนำฝ่ายไทย
    พระมหาธรรมราชา เรืออากาศเอก หม่อมหลวง ย่อม งอนรถ
    พระวิสุทธิ์กษัตรีย์ พลตรีหญิง สาวิกา ชื่นคงชู
    พระ สุพรรณกัลยา คุณ ใจทิพย์ ยุวบูรณ์
    พระนเรศวร คุณวสุ แสงสิงแก้ว
    พระ เอกาทศรถ คุณ รัชพล เต๋จ๊ะยา
    มณีจัน คุณปานเกศ ศาตะมาน
    นาง ลำเพา คุณ นีรนุช ปัทมสูต

    ทหารเอกพระนเรศวร
    พระยาพิษณุโลก พันตำรวจเอก อมร สารากรบริรักษ์
    พระยาสวรรคโลก คุณจักรดนัย ศรสัมพ์
    พระยา พิชัย คุณ วรินทร์ เทียมจรัส (สมาชิกวุฒิสภา)
    พระศรีถมอรัตน์ (ทนง) คุณธนู ฉายานนท์
    เจ้า ฟ้าเมืองนาย (มะจา) คุณณัฐสิญจ์ ศรีพงษ์

    ผู้แสดงนำฝ่ายพม่า
    บุเรงนอง พลตรี ประพาศ ศกุนตนาค
    นันทบุเรง คุณสุประวัติ ปัทมสูต
    มหา อุปราชา คุณ สุขสันติ แวงวรรณ
    ภูคำ คุณศิริพร วงศ์สวัสดิ์
    มเวสิ น (มอญ) คุณ ปิยนุช นาคคง
    นายทัพฝ่ายพม่า
    นันทสู คุณชาญพิชญ์ อัมพวะมัต
    ราชสังครำ คุณฑีฆายุ รุ่งเรือง
    กรม วัง พัน โท วัฒนา รุ่งเรือง

    ผู้แสดงนำฝ่ายมอญ
    พระยาเกียรติ คุณสนอง จุลกะทัพพะ
    พระยาราม คุณเสริม จันทร์หอม
    มณี อิน คุณ รัชนี รุ่งเรือง

    บัตรราคา : 2,000 บาท (VIP), 1,500 บาท, 1,000 บาท , 800 บาท
    หมายเหตุ :
    - บัตรวีไอพี 2,000 บาท จะได้รับของสมนาคุณ DVD บันทึกการแสดง 1 ชุด มูลค่า 450 บาท บัตรจำหน่ายที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา และศูนย์วัฒนธรรม โทร. 089 851 8615 เปิดขายบัตร15 กรกฎาคม เป็นต้นไป (ทุกวันไม่เว้นวันหยุด 11.00 – 18.00 น.)
    - สมาชิก AC Card( Art and Culture Privilege Card) หรือ สมาชิก “นาฏกรรมแห่งสยาม” ได้รับส่วนลด 10 % (ยกเว้นบัตรวีไอพี) สมัครสมาชิก โทร. 089 851 8615 (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) ( 1 บัตรสมาชิกสามารถซื้อได้ไม่เกิน 4 ใบ )

    ที่มา : http://www.thaiticketmajor.com/performance/Thailand-greatest-traditional-dramatic-3.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2010
  5. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    ขอขอบพระคุณพี่โมเย และพี่ทางสายธาตุ มากนะครับที่ให้กำลังใจในการจัดงานในครั้งนี้ ตอนนี้ กำหนดการเรียบร้อยแล้วครับ เหลือแก้เวลาเพียงเล็กน้อยครับ
    ข้อชี้แจงวิธีการทำงานเล็กน้อยนะครับ เพราะงานนี้ใช้ทุนเยอะจริงๆ
    - เรื่องของเงินร่วมบุญนั้น จะมีการแจ้งยอดชื่อ-จำนวนเงินให้ตรวจสอบทุกสัปดาห์ครับ
    - เรื่องรายจ่ายที่ใช้ไปในโครงการนั้น จะมีการแสดงบัญชีรายจ่ายหลังจากเสร็จสิ้นโครงการครับ
    - มีการมอบของที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมบุญนั้น จะเป็นพระพุทธชินราช ลอยองค์ครับ
    - สำหรับผู้ร่วมงานชั้นผู้ใหญ่ (ถ้ามี)จะมีของที่ระลึกระดับพิเศษ (จริงๆ)เกี่ยวกับองค์สมเด็จพระนเรศวรครับ ตอนนี้เตรียมไปค้นรูปแบบอยู่ครับ
    - ในงานพิธีอาจมีการสวดคาถา อุปปาทสันติ ครับ คาถาเจริญพระพุทธมนต์ เทศนากัณฑ์ และคาถาพิเศษอีก 1คาถาครับ (คาถานี้กำลังหาอยู่ครับ แต่มีแน่นอน)
    - พระสงฆ์ ๙๙๙ รูปนั้น จะนิมนต์ในเดือน มกราคม ๒๕๕๔ ครับ
    - เครื่องบวงสรวงจะมีทั้งที่วัดเจ้าชาย,วัดวรเชษฐ์ และอาจจะมีที่วัดมหาเถรคันฉ่องครับ (ถ้าจัด 3 วัด จะแจ้งอีกครั้งในเดือน มกราคม ๒๕๕๔ ครับ)
    ทั้งนี้ จะแจ้งชื่อเวปไซด์ของโครงการอีกครั้งหนึ่งครับ
    ขอขอบคุณทุกท่านนะครับ
     
  6. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    ขอแจ้งอีกนิดครับ งานบุญในครั้งนี้ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับพระอาจารย์สิงห์ทน คำซาว นะครับ ผู้จัด เป้นผู้ที่จงรักภักดีต่ององค์พระสมเด็จพระนเรศวร และรักษ์แผ่นดินครับ ที่ผมต้องชี้แจงก่อน เพราะ ผมเกรงว่ากุฎิพระอาจารย์สิงห์ทน จะถูกลอบวางเพลิงอีกครับ และหากพี่ๆคนไหนมีข้อเสนอแนะ เชิญได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นครับ
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พี่อนุโมทนาบุญกับน้องอ๊อฟค่ะ

    เป็นเรื่องที่พี่ห่วงมากเหมือนกัน เพราะงานบุญระดับนี้ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ ต้องใช้ทั้งทุนและแรงกายเข้ามาช่วยกัน อาทิ สถานที่ตั้งอาสนะสงฆ์ 999 รูป สถานที่ถวายเพล สถานที่จัดเตรียมอาหารถวายเพล และอาหารให้ญาติธรรมที่มาร่วมงาน สถานที่จอดรถ รถที่จะทำหน้าที่ไปรับพระสงฆ์ 999 รูปรวมถึงพลขับที่รับหน้าที่ไปรับพระ การเตรียมเครื่องบวงสรวงสำหรับ 3 สถานที่พร้อมภาชนะและโต๊ะพิธีการ หากญาิติธรรมต้องการไปร่วมบวงสรวงในทุกที่ จะเคลื่อนขบวนกันอย่างไร น้ำดื่มสำหรับแขกจำนวนพันถึงหลายพัน ห้องน้ำห้องท่า ฯลฯ ซึ่งถ้าคณะทำงานแถลงกำหนดการออกไปว่าจะเชิญพระ 999 รูปแล้วต้องทำให้ได้ หากไม่มั่นใจว่าจะทำได้เพราะขาดเจ้าภาพหลัก ก็น่าจะลดจำนวนพระสงฆ์ที่จะเชิญลงมาก่อนที่จะเผยแพร่ข้อความบอกบุญออกไป จะดีไหมคะ[/COLOR]

    พี่ทางสายธาตุจะไปวัดวรเชษฐ์ ประมาณอาทิตย์ที่สองหรือไม่เกินอาทิตย์ที่สามของเดือนสิงหาคม น้องอ๊อฟจะไปเจอกับพี่ทางสายธาตุไหมคะที่กุฏิหลวงพ่อสิงห์ทน จะได้มาชำเซี้ยงกัน เสียงในฟิล์มแปลว่า ปรึกษาหารือ พี่ชอบใช้เวลาทำให้บรรยากาศไม่ตึงจนเกินไป กลัวน้องอ๊อฟไม่เข้าใจพี่ ถ้าสามารถจัดงานที่เชิญพระได้ 999 รูปจริงก็เป็นมหากุศลแต่ถ้าไม่ได้เราต้องคุยกันก่อนนะคะ เรื่องนี้มันใหญ่มากๆๆ ในความคิดของพี่ทางสายธาตุมีความเห็นว่าต้องมีผู้ใหญ่(มียศ มีคนนับหน้าถือตามาก มีบารมีสูง) เป็นประธานค่ะ[/COLOR]
     
  8. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210

    อนุโมทนา กับน้องอ๊อฟ นะคะ

    เห็นด้วย กับคุณพี่ทางสายธาตุ

    งานนี้ใหญ่มากๆ กำลังลำดับเหตุการณ์ไปพร้อมๆกับคุณพี่ทางสายธาตุ

    พี่โมเย มีความคิดเห็นว่า เราเริ่มจากจุดเล็กๆ สร้างบุญบารมีไปก่อน

    แล้วค่อยขยายไปเป็นวงกว้างตามลำดับ ค่ะ
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    The royal colour of the Ming dynasty was green

    แทรกเรื่องสีเขียวที่พระนางทรงโปรด เพราะรู้สึกว่าสีเขียวนี้ต้องเป็น Royal Green Color of The Ming Dynasty ได้เอ่ยออกไปตอนไปเยี่ยมชมวัดท่าใหม่อิว่า ต้องเป็น Royal Green ซึ่งขณะนี้หาหลักฐานมาประกอบได้แล้วค่ะ

    ซึ่งสมัยต้นราชวงศ์หมิง ศาสนาอิสลามบทบาทในราชสำนักมาก อย่างเช่นท่านเจิ้งเหอ ก็เป็นมุสลิม สีเขียวจึงมีอิทธิพลต่อราชวงศ์หมิง

    อ้างอิงข้อ5 ซึ่งอยู่ด้านล่างๆของเวปไซด์ที่อ้างถึงค่ะ

    http://hi.baidu.com/lovesue/blog/item/013b1f95818c2d0a7af48053.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2010
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    The Royal Green Color of The Ming Dynasty

    ขอถวายความสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระนางท่านค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    พี่ทางสายธาตุไปวัดวรเชษฐ์วันไหน แจ้งอ็อฟที่pK นะครับ จะได้หารือข้อสรุปกันครับ ว่าจะจัดงานอย่างไรบ้าง เรื่องประธานนั้นอ็อฟเห็นด้วยครับ เพราะเป้าหมายของอ็อฟคือการตอบแทนสมเด็จพระนเรศ เท่านั้นครับ เรื่องอื่นนั้นไม่สำคัญครับ
     
  12. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    เรื่อง ประธานนั้น อ็อฟไม่มีปัญหาครับ ส่วนข้อความ ที่ว่าต้องมีผู้ใหญ่(มียศ มีคนนับหน้าถือตามาก มีบารมีสูง) เป็นประธานค่ะ ผมคิดว่า คำว่ามีบารมีสูง ผมคิดว่าเป็นการไม่สมควรเขียนเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า หลายคนอาจเข้าใจผิดกันได้ว่า คนที่จะเข้ามาจัดงานที่วัดวรเชษฐ์นั้น จะต้องเป็นคนที่มีบารมีสูง เท่านั้นครับ เดี๋ยวเขาจะไม่กล้ามาจัดงานกันครับ ...:d:d ในวันจัดงาน จะทำการปิดเส้นทางขึ้นองค์พระปรางค์ ครับ (ขึ้นได้เฉพาะเวลาสักการะเท่านั้น) จะไม่การไปจัดโต๊ะ กางเต็น หรือกิจกรรมใดๆ บริเวณรอบพระปรางค์ที่เป็นโบราณสถาน เพราะบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์ครับ
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3579117" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>ทางสายธาตุ</TD><TD class=alt1>พี่อนุโมทนาบุญกับน้องอ๊อฟค่ะ

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">เพราะงานนี้ใช้ทุนเยอะจริงๆ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เป็นเรื่องที่พี่ห่วงมากเหมือนกัน เพราะงานบุญระดับนี้ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ ต้องใช้ทั้งทุนและแรงกายเข้ามาช่วยกัน อาทิ สถานที่ตั้งอาสนะสงฆ์ 999 รูป สถานที่ถวายเพล สถานที่จัดเตรียมอาหารถวายเพล และอาหารให้ญาติธรรมที่มาร่วมงาน สถานที่จอดรถ รถที่จะทำหน้าที่ไปรับพระสงฆ์ 999 รูปรวมถึงพลขับที่รับหน้าที่ไปรับพระ การเตรียมเครื่องบวงสรวงสำหรับ 3 สถานที่พร้อมภาชนะและโต๊ะพิธีการ หากญาิติธรรมต้องการไปร่วมบวงสรวงในทุกที่ จะเคลื่อนขบวนกันอย่างไร น้ำดื่มสำหรับแขกจำนวนพันถึงหลายพัน ห้องน้ำห้องท่า ฯลฯ ซึ่งถ้าคณะทำงานแถลงกำหนดการออกไปว่าจะเชิญพระ 999 รูปแล้วต้องทำให้ได้ หากไม่มั่นใจว่าจะทำได้เพราะขาดเจ้าภาพหลัก ก็น่าจะลดจำนวนพระสงฆ์ที่จะเชิญลงมาก่อนที่จะเผยแพร่ข้อความบอกบุญออกไป จะดีไหมคะ[/COLOR]

    พี่ทางสายธาตุจะไปวัดวรเชษฐ์ ประมาณอาทิตย์ที่สองหรือไม่เกินอาทิตย์ที่สามของเดือนสิงหาคม น้องอ๊อฟจะไปเจอกับพี่ทางสายธาตุไหมคะที่กุฏิหลวงพ่อสิงห์ทน จะได้มาชำเซี้ยงกัน เสียงในฟิล์มแปลว่า ปรึกษาหารือ พี่ชอบใช้เวลาทำให้บรรยากาศไม่ตึงจนเกินไป กลัวน้องอ๊อฟไม่เข้าใจพี่ ถ้าสามารถจัดงานที่เชิญพระได้ 999 รูปจริงก็เป็นมหากุศลแต่ถ้าไม่ได้เราต้องคุยกันก่อนนะคะ เรื่องนี้มันใหญ่มากๆๆ ในความคิดของพี่ทางสายธาตุมีความเห็นว่าต้องมีผู้ใหญ่(มียศ มีคนนับหน้าถือตามาก มีบารมีสูง) เป็นประธานค่ะ[/CO


    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3579234" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>โมเย</TD><TD class=alt1>อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ทางสายธาตุ [​IMG]
    พี่อนุโมทนาบุญกับน้องอ๊อฟค่ะ



    เป็นเรื่องที่พี่ห่วงมากเหมือนกัน เพราะงานบุญระดับนี้ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ ต้องใช้ทั้งทุนและแรงกายเข้ามาช่วยกัน อาทิ สถานที่ตั้งอาสนะสงฆ์ 999 รูป สถานที่ถวายเพล สถานที่จัดเตรียมอาหารถวายเพล และอาหารให้ญาติธรรมที่มาร่วมงาน สถานที่จอดรถ รถที่จะทำหน้าที่ไปรับพระสงฆ์ 999 รูปรวมถึงพลขับที่รับหน้าที่ไปรับพระ การเตรียมเครื่องบวงสรวงสำหรับ 3 สถานที่พร้อมภาชนะและโต๊ะพิธีการ หากญาิติธรรมต้องการไปร่วมบวงสรวงในทุกที่ จะเคลื่อนขบวนกันอย่างไร น้ำดื่มสำหรับแขกจำนวนพันถึงหลายพัน ห้องน้ำห้องท่า ฯลฯ ซึ่งถ้าคณะทำงานแถลงกำหนดการออกไปว่าจะเชิญพระ 999 รูปแล้วต้องทำให้ได้ หากไม่มั่นใจว่าจะทำได้เพราะขาดเจ้าภาพหลัก ก็น่าจะลดจำนวนพระสงฆ์ที่จะเชิญลงมาก่อนที่จะเผยแพร่ข้อความบอกบุญออกไป จะดีไหมคะ[/COLOR]

    พี่ทางสายธาตุจะไปวัดวรเชษฐ์ ประมาณอาทิตย์ที่สองหรือไม่เกินอาทิตย์ที่สามของเดือนสิงหาคม น้องอ๊อฟจะไปเจอกับพี่ทางสายธาตุไหมคะที่กุฏิหลวงพ่อสิงห์ทน จะได้มาชำเซี้ยงกัน เสียงในฟิล์มแปลว่า ปรึกษาหารือ พี่ชอบใช้เวลาทำให้บรรยากาศไม่ตึงจนเกินไป กลัวน้องอ๊อฟไม่เข้าใจพี่ ถ้าสามารถจัดงานที่เชิญพระได้ 999 รูปจริงก็เป็นมหากุศลแต่ถ้าไม่ได้เราต้องคุยกันก่อนนะคะ เรื่องนี้มันใหญ่มากๆๆ ในความคิดของพี่ทางสายธาตุมีความเห็นว่าต้องมีผู้ใหญ่(มียศ มีคนนับหน้าถือตามาก มีบารมีสูง) เป็นประธานค่ะ[/COLOR]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อนุโมทนา กับน้องอ๊อฟ นะคะ

    เห็นด้วย กับคุณพี่ทางสายธาตุ

    งานนี้ใหญ่มากๆ กำลังลำดับเหตุการณ์ไปพร้อมๆกับคุณพี่ทางสายธาตุ

    พี่โมเย มีความคิดเห็นว่า เราเริ่มจากจุดเล็กๆ สร้างบุญบารมีไปก่อน

    แล้วค่อยขยายไปเป็นวงกว้างตามลำดับ ค่ะ





    ขออนุโมทนา สาธุ กับทั้งสามท่านครับ "เมื่อมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆจึงเกิดขึ้น "




    </TD></TR></TBODY></TABLE>






    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2010
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 กรกฎาคม 2553 20:31 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; OVERFLOW: hidden; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; BORDER-BOTTOM: medium none; HEIGHT: 35px" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000101987&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>อาสาฬหะ คือ เดือน 8 ทางจันทรคติ

    อาสาฬหบูชาคือ การบูชาในเดือน 8 หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน 8 เพื่อ รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย เป็นการพิเศษ เนื่องในวันที่พระพุทฑเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธัมมจักกัปวัตนสูตร ทำให้เกิดมีปฐมสาวกคือ พระอัญญาโกณฑัญญะ และเกิดพระรัตนตรัยครบองค์สาม คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ในวันนี้

    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงตรัสรู้ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทรงเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ( วันวิชาขบูชา) ทรงคำนึงว่าธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นี้ลึกซึ้งมาก ยากที่ผู้อื่นจะรู้ตาม แต่อาศัยพระกรุณานี้เป็นที่ตั้ง จึงทรงพิจารณาแบ่งบุคคลออกเป็น 4 ประเภท หรือ บัว 4 เหล่า ได้แก่

    1. ผู้รู้ข้าใจได้ฉับพลัน แต่พอท่านยกหัวข้อขึ้นแสดง เปรียบได้กับดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ

    2. ผู้รู้เข้าใจ ต่อเมื่อท่านขยายความ เหมือน ดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำ

    3. ผู้ที่พอจะแนะนำต่อไปได้ ดั่ง ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ยังมีโอกาสที่จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา

    4. ผู้ที่ได้แค่ตัวบท คือ ถ้อยคำเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจเข้าใจความหมายได้ ไม่ต่างจาก ดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตมมีแต่จะกลายเป็นอาหารของปลาและเต่า

    ในชั้นแรก ทรง ระลึกถึงพระอาจารย ที่ทรงไปศึกษาด้วย เมื่อตัดสินใจสละราชสมบัติ ออกแสวงหาสัจจธรรมคือ อาฬารดาบสและอุททกดาบสว่า มีกิเลสเบาบางสามารถตรัสรู้ได้ทันที แต่ทั้งสองได้เสียชีวิตแล้ว จึงทรงระลึกถึง ปัญจวัคคีย์ ซึ่งเป็นผู้อุปฐากพระองค์ เมื่อครั้งยังทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่

    สองเดือนหลังจากทรงตรัสรู้ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 จึงเสด็จไปยังป่าอิสปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี อันเป็นที่พำนักของแก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสชิ ทรงแสดงปฐมเทศนา ประกาศสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เป็นครั้งแรก

    หลังจากได้ฟังปฐมเทศนาแล้ว โกณฑัญญะ เป็นบุคคลแรก ที่ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงกราบทูลขอบวช พระพุทธเจ้าทรงทำการอุปสมบทให้แบบ เอหิภิกขุอุปสัมปทา ด้วยการเปล่งพระวาจาว่า “ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิดเถิด “

    พระธรรมที่ทรงแสดงในครั้งนั้นคือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร หรือพระสูตรว่าด้วยการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งมีเนื้อความว่าด้วย มัชฌิมาปฏิปทา คือ ทางสายกลาง และอริยสัจจ์ 4 หรือความจริงอันประเสริฐ 4 ประการได้แก่ ทุกข์ คือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ , สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ,นิโรธ ความดับทุกข์ และ มรรค ข้อปฎิบัติให้ถึงความดับทุกข์

    ทรงตรัสว่า ที่สุด 2 อย่างที่บรรพชิตไม่ควรประพฤติปฏิบัติคือ การประกอบตนให้อยู่ในความสุขด้วยกาม ซึ่งเป็นธรรมอันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ที่สุด

    อีกทางหนึ่งคือ การประกอบการทรมานตนให้เกิดความลำบาก ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์

    การดำเนินตามทางสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดทั้งสองอย่างนั้น เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาและญาณให้เกิด เป็นไปเพื่อความสงบระงับ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ และนิพพาน ทางสายกลาง ได้แก่ อริยมรรค มีองค์แปด คือ ปัญญาอันเห็นชอบ ดำริห์ชอบ เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ และตั้งใจชอบ

    อริยสัจสี่ คือความจริงอันประเสริฐที่พระองค์ค้นพบ มี 4 ประการได้แก่

    ความทุกข์ คือ ความเกิด ความแก่ ความตาย ความได้พบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้น

    สาเหตุแห่งทุกข์ ได้แก่ ตัณหาความทะยานอยาก อันทำให้เกิดอีกความกำหนัด เพลิดเพลินในอารมณ์ คือกามตัณหา ความทะยานอยากในกาม ภวตัณหา ความทะยานในภพ วิภวตัณหา ความทะยานอยากในความไม่มีภพ

    ความดับทุกข์ โดยการดับตัณหาด้วยอริยมรรค คือ วิราคะ สละ ดับ ปล่อยไป ไม่พัวพัน

    หนทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ ได้แก่ อริยมรรคมีองค์ 8 คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ การเจรจาชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ความพยายามชอบ การระลึกชอบ และการตั้งจิตมั่นชอบ

    นี่คือ ความสำคัญที่สุดของวันอาสฬหบูชา คือ วันที่ทรงประกาศพระพุทศาสนา ประกาศสัจธรรมที่ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เองแก่ชาวโลก เป็นธรรมที่เป็นจริงและยั่งยืนมาตราบจนถึงทุกวันนี้ นับเป็นเวลาสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว




    แล่งที่มา Politics - Manager Online




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    บุญกุศลที่เคยทำ ยังจดจำตลอดมา
    ประเพณี เข้าพรรษา เชิญชวนมาร่วมทำบุญ





    แหล่งที่มา honokhook blog
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ครั้งหนึ่ง ของชีวิต ฮอนกฮูก....
    ฮอนกฮูก ถือกำเนิด เกิดบนถิ่น
    ผืนแผ่นดิน ที่ปกเกล้า ชาวสยาม
    ร่มบารมี พ่อหลวงป้อง ทั่วเขตคาม
    พระคุณล้ำ อีกแม่หลวง ของปวงไทย...
    ฮอนกฮูก ตัวน้อย น้อย ค่อยเติบโต
    บนแผ่นดิน แสนสวยโก้ ล้ำสมัย
    ได้โบยบิน เที่ยวหากิน ทั่วถิ่นไทย
    แสนภูมิใจ ได้ทดแทน คุณแผ่นดิน...
    เริ่มเรื่องได้ ช่วยปกป้อง คุ้มครองป่า
    ตามรอยบาท องค์ราชา ไม่สูญสิ้น
    พิทักษ์ป่า ทดแทนบุญ คุณแผ่นดิน
    องค์ภูมินทร์ องค์ราชินี ข้าฯพลีกาย...
    ฮอนกฮูก แม้ทำได้ เพียงเท่านี้
    ก็ยังดี กว่าไม่ทำ เลยใช่ไหม
    ฮอนกฮูก ขอเพื่อนพ้อง พี่น้องไทย
    จงร่วมใจ ช่วยพิทักษ์ รักษ์ ป่าเอย.....


    [​IMG]


    แหล่งที่มา honokhook blog
     
  17. wanakonth

    wanakonth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,153
    ค่าพลัง:
    +5,775
    สวัสดีครับ แวะเข้ามาประกาศความภักดีด้วยครับ ใครไม่ภักดีเรื่องของเขา ผมภักดีก็แล้วกัน ภักดีแม้ชีวีจะหาไม่ ต่อให้มอดม้วยไปเช่นไรจักภักดีตลอดกาล
     
  18. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210

    ยินดีต้อนรับ

    อนุโมทนาค่ะ
     
  19. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    จำนวนพระที่จัดเลี้ยงนั้น อาจลดจำนวนลงครับ
     
  20. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    พี่โมเยมีความคิดเห็นว่า จำนวนพระ เอาตามความสะดวก ความพร้อมต่างๆ

    จะดีกว่า หนะค่ะ งานจะได้สำเร็จเร็ว

    ไม่ก่อเกิดภาระแก่ตัวเราเองและผู้อื่น

    หากจิตเป็นกุศลเปี่ยมล้นแ้ล้ว จะมีพระกี่รูป กได้รับกุศล ไม่ต่างกันหนะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...