ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขอนอบน้อมต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธะ ขอนอบน้อมต่อพระธรรมคำสั่งสอน ขอนอบน้อมต่อพระสงฆ์ผู้เจริญ

    ขอนอบน้อมต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ บูรพกษัตริย์ทุกๆพระองค์

    ขอถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระดวงแก้วดวงใจไทยทั้งชาติ


    สาธุ สาธุ สาธุ<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สนุกดีค่ะเรื่องพระธาตุสองรัก

    เพิ่งจะรู้ว่ากรุงศรีสัตนาคนหุตคือเวียงจันทร์หรือล้านช้างนั่นเอง ใช่ไหมคะ

    และพอจะเข้าใจเหตุการณ์บางอย่างในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (โอรสพระเจ้าปราสาททอง)

    ในบางเรื่อง แต่เป็นประเด็นเล็กไม่สำคัญอะไรค่ะ

    ส่วนเรื่องที่พระมหาธรรมราชาท่านต้องยอมเพราะพม่ายกทัพผ่านพิษณุโลก

    แต่กำลังทหารจากกรุงศรีอยุธยาไม่ยกขึ้นไปช่วย ทหารพม่ามามากจริงๆ

    "ทางด้านสมเด็จพระเจ้าหงสาวดียังมิได้สั่งให้ล้อมเมือง เพียงแต่ขุดมูลดิน

    ทำบันไดพาดไว้เป็นอันมาก แล้วให้ปั้นมูลดินเป็นก้อนใส่ชะลอมกองไว้ซึ่ง

    สูงกว่ากำแพงเมืองพิษณุโลกเสียอีก "

    ทหารพม่ามากันเยอะมากๆ ก็เห็นพระทัยพระมหาธรรมราชา ท่านไม่อยากให้

    ราษฎรในเมืองต้องมาล้มตาย บ้านเมืองพังพินาศ พระเจ้าหงสาวดียังทูล

    พระมหาธรรมราชาว่า เมืองพิษณุโลกน้อยนัก เพียงแต่ทหารกองหน้าก็จะคับเมือง



    ป.ล. กระทู้เริ่มเหงา แหง่ง หง่าง ท่านเจ้าของกระทู้มีแผนจะเดินกระทู้นี้ไปต่อยังไงดีคะ

    มีอะไรให้ช่วยก็ e-mail มาค่ะ เดี๋ยวจะไปใส่ใน Profile ไว้นะคะ

    ทางสายธาตุติดใจนามเจ้านางมิ่งแก้วด้วยเหมือนกัน น่าสนใจ น่าสนใจ
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2009
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ถ้าคุณจงรักภักดี คุณ Fort เดินต่อไปกันอย่างเงียบๆ ก็ขอเดินไปด้วยคนค่ะ

    ถ้าไม่เบื่อที่นำเสี้ยวประวัติศาสตร์มานั่งพิมพ์ให้อ่านแบบยืดยาวนะคะ

    ทางสายธาตุเองก็ต้องยอมรับว่าหลังจากได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้

    ความรักชาติมาท่วมท้น ตอนที่ลงท้ายว่า พระดวงแก้วดวงใจไทยทั้งชาติ น้ำตาไหล เต็มตื้น

    ยิ่งเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่านบันทึกคำสารภาพของพระนางมารี อังตัวเนตต์

    ช่วงท้ายๆ น้ำตาไหลอย่างเดียว เชื่อไหมค่ะตอนที่ทรงหนี แล้วหนีไม่พ้น ไม่กล้าอ่านเลย

    จนถึงตอนนี้ก็ไม่อ่านช่วงที่ทรงหนีไม่ทัน ทำใจไม่ได้ แม้จะเป็นเรื่องในอดีตแล้ว

    ทางสายธาตุยอมรับว่ากษัตริย์ของเขายังไม่ได้ทรงสัมผัส หรือช่วยเหลือราษฎรมากเท่าที่ควร

    แต่การกระทำเช่นที่ทำไปของชนเหล่านั้นต่อกษัตริย์ของตน เหี้ยม โหด มากเกินไป

    อย่างน้อยบรรพกษัตริย์ของเขาก็ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อประเทศมาก่อน



    กลับมาเรื่องย้อนรอยกรรม ตำนานพระพี่นางสุพรรณกัลยา ที่ได้เล่าแทรกเรื่องของเจ้านายฝ่ายในที่เสด็จไปประทับพม่า

    เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2108 พระเทพกษัตรีย์

    ในช่วง พ.ศ. 2111 ที่ถูกเกณฑ์ไป พระพิจิตรจินดา คิดว่าท่านทรงพระเยาว์มาก

    แต่เพราะในปี พ.ศ.2111 พระบิดาเป็นพระมหากษัตริย์ พระพิจิตรจินดาจึงทรงต้องประสบพระชะตากรรมในฐานะ พระธิดาพระมหากษัตริย์

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2112 พระพี่นางสุพรรณกัลยา ในฐานะพระธิดาของกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา เพราะในขณะนั้นพระมหาธรราราชาขึ้นครองราชย์

    ติดตามด้วยพระอินทรเทวี ในฐานะพระธิดาของพระมหากษัตริย์เช่นกัน

    เห็นด้วยกันไหมคะว่า เขาจะเกณฑ์เฉพาะแต่เจ้านายฝ่ายในที่เป็นระดับสูงส่งเท่านั้น เพื่อให้ยิ่งเจ็บช้ำ

    ในปี พ.ศ. 2135 ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าท่านชนะในสงครามยุทธหัตถีนั้น

    คิดว่าเจ้านายฝ่ายในทุกพระองค์อาจประสบชะตากรรมไม่แตกต่างจากพระพี่นางสุพรรณกัลยานัก

    ขอให้ดวงวิญญาณของทุกพระองค์เสด็จเสวยทิพยสมบัติบนสรวงสวรรค์ตลอดไป

    ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม

    ทางสายธาตุ
     
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    อนุโมทนาครับคุณทางสายธาตุ ในมุมมองนี้ ที่เป็นเรื่อง

    เกี่ยวกับเจ้านายฝ่ายหญิงหรือถ้าเรียกให้ถูกต้องก็ต้องใช้

    คำว่าฝายใน ผมยังไม่เคยเห็นท่านใดได้นำมาเสนอใน

    เว็บใดกันเลยครับ อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายน่า

    อดสูประมาณนั้นนะครับ แต่สมควรที่จะนำมาเผยแพร่กัน

    ให้รู้ทั่วๆให้เพียงเป็นการกระตุ้นเตือนความจำก็น่าจะพอ

    เพียง เพื่อจะได้กลับมาอยู่กับความจริงไม่หลงเพลินไป

    กับเรื่องอิทธิฤทธิปาฎิหาริย์ อันที่จริงเท่าที่สังเกตดูนะ

    ครับ สมาชิกในเว็บนี้ดูจะเป็นสุภาพสตรีมากกว่าสุภาพ

    บุรุษ สมควรจะได้รับรู้กัน เพราะในความเป็นจริงแล้ว

    ชาติที่พ่ายแพ้สงคราม ประชาชนทุกชั้นทุกระดับย่อม

    จะถูกกระทำทารุณกรรมไม่มียกเว้น ลองติดตามข่าว

    เกี่ยวกับทหารญี่ปุ่นที่ไปกระทำทารุณกรรมต่อผู้หญิง

    ชาวจีนสิครับ ว่ามันโหดร้ายเพียงใด

    ผมคิดว่าคุณทางสายธาตุนำเสนอได้ดีและเหมาะสม

    แล้วครับ สาธุ
     
  6. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขอคั่นจังหวะด้วยข่าวงานนิทรรศการโครงการหลวง 40 ปี ครับ
    งาน "โครงการหลวง ๔๐"
    ๑๐-๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๒
    ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ

    นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
    นิทรรศการ ๔๐ ปีโครงการหลวง

    จำหน่ายผลิตภัณฑ์มูลนิธิโครงการหลวง
    ผลิตภัณฑ์โครงการส่วนพระองค์
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เพลง : สยามเมืองยิ้ม
    ศิลปิน : พุ่มพวง ดวงจันทร์ ​

    จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นไทย
    มิเป็นทาสใคร และมีน้ำใจล้นปริ่ม
    ทั่วโลกกล่าวขาน ขนานนาม ให้ว่าสยามเมืองยิ้ม
    เราควรกระหยิ่มถึงความดีงาม

    คนเย็นใจซื่อได้ชื่อว่าไทย
    ร้อนมาจากไหน ชาติไทยไม่เคยหวงห้าม
    ข้ามเขตข้ามโขงถิ่นน้ำขุ่น มาพึ่งใบบุญเมืองสยาม
    เรายิ้มรับตามที่ท่านต้องการ

    เลื่องชื่อลือนาม สยามมีแต่น้ำใจ
    ขอเตือนท่านผู้อาศัย อย่าทำอะไรให้ไทยร้าวราน
    คนไทยใจซื่อ เขาถือแต่โบราณกาล
    แค่เพียงข้าวสุกหนึ่งจาน ใครลืมของท่านนั้น เนรคุณ

    คนไทยรักชาติแหละศาสนา
    เทิดองค์เจ้าฟ้า ผู้ทรงเปี่ยมเนื้อนาบุญ
    ถ้าท่านเคารพสิทธิ์ของไทย ท่านอยู่ต่อได้อีกนานคุณ
    สยามใจบุญ ยังยิ้มเสมอ




    หาเสียงร้องเพลงนี้อยู่ค่ะ จะเอามาใส่ให้ภายหลัง​

    ป.ล. หาได้เป็นแต่อยู่ในรูปไฟล์ค่ะ ชอบเพลงนี้ ฟังแล้วรักชาติ​
    <!-- creat pic --->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2009
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา

    คัดมาจากหนังสือ .. "ย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา"
    .. เขียนโดย หลวงปู่โง่น โสรโย (หน้า 31)


    พบพระวิญญาณของผู้สูงศักดิ์ ร้องขอให้เดินทางต่อไป

    เราพักค้างอ้างแรม อยู่ที่ด่านพระเจดีย์สามองค์ เป็นเวลาเจ็ดวัน เพราะต้องทำความเพียรทางจิต อย่างอุกฤษฏ์แบบเอาเป็นเอาตาย เพราะ ใจหนึ่งอยากไป แต่อีกใจหนึ่งไม่อยากไป ยังตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะเอา อย่างไรดี แต่เราก็มีลางสังหรณ์ ในเวลาลืมตาไม่อยากไป พอเวลาหลับตา ก็จะไปให้ได้ เราต้องไปใช้กรรม ไปแก้กรรม ถ้าไม่ไปจะไม่รู้จักทางแก้ แน่นอนที่สุดคือต้องไป

    ในราตรีคืนวันที่ 29 เมษายน 2490 เราตั้งใจทำความเพียรทางจิต เพื่ออุทิศบุญกุศล ไปให้คุณบิดา มารดา ผู้บังเกิดเกล้า เพราะ พรุ่งนี้เช้า เป็นวันศุกร์ที่ 30 เมษายน เป็นวันที่เราได้อุบัติเกิดขึ้นมา ลืมตาดูโลก คือ วันเกิดของเรา รัตติกาลผ่านเข้าสองยาม ไปแล้วก็ปรากฏเห็นนิมิต ในฝันว่า มีผู้สูงศักดิ์สองท่าน แต่งตัวเป็นนักรบระดับสูง พร้อมด้วยบริวารจำนวนมาก เข้ามาพบ ด้วยแสดงความนอบน้อม พร้อมด้วย เอ่ยปากว่า

    " พวกกระผมโชคดี ที่ได้มาพบท่าน เพราะแต่กาลก่อน ท่านเคยเป็นขุนอารักษ์ ศักดิเสนา แต่นี้ท่านเป็น นักบวชแล้ว แต่ก่อนได้ช่วยอภิบาล ดูแลพวกเรา ให้พ้นภัย และท่านต้องรีบไปช่วยพวกเรา ที่ตกยากอยู่ต่างแดน ที่เมืองหงสาวดีโน้น พวกเราจะจัดแจง ให้มีคนที่เป็นนายพรานป่า นำพาท่านไป โดยสวัสดิภาพ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง แล้วท่านทั้งสองก็ชี้มือให้ดูว่า ทางโน้นครับนายพรานป่า เขาจะนำท่านไปเอง ไปช่วยเหลือพวกเรา ที่ถูกจองจำ ตกยาก และรับรองว่า ท่านคนเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยได้ เพราะเป็นบุพเพสันนิวาส เคยเป็นทาสรับใช้มาแล้ว แต่ปางหลัง "


    พอรุ่งสางขึ้นวันใหม่ เรามาทบทวนหวนจิต คิดถึงนิมิตฝันที่ผ่านมา เมื่อราตรีกาลคืนนั้นว่า ใครหนอที่แต่งตัว แบบจอมทัพ กับบริวาร มาไหว้วานให้เรา ต้องเข้าไปทางตะวันตก แล้วก็ขึ้นเหนือ เพื่อช่วยคน อันท่านทั้งสองผู้สูงศักดิ์นั้น คือใครกันแน่ จะเป็นเทวดา ผี หรือคน หรือทวยเทพ เทวดา ผู้ที่เคยเป็นนักรบ แพ้เขาแล้วเป็นเชลย และเราก็ไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน จึงกำหนดจิต คิดย้อนสู่อดีตกาล จึงพอจะรู้ว่า ท่านคือองค์มหาราช ที่ได้กอบกู้ เอาบ้านเมืองไว้ แต่เรายังไม่รู้ ว่าเป็นใครอีกเช่นกัน เพราะความฝัน ก็คือฝันเอาจริงไม่ได้ จิตจะฝัน ก็เพราะจิตใต้สำนึกไม่สงบ แต่ในชั้นกามภพ ก็ควรจะให้มีแต่การนอนฝัน นี้เรานั่งฝันไปนี่นา แล้วจะเอาจริงอะไรเล่า แต่การนั่งฝันของเรา เราเคยเชื่อตนเอง ถึงร้อยเต็มร้อยมาแล้ว เพราะได้ศึกษาเรื่องตัวฝัน ตัวแฝงมาบ้าง
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา

    คัดมาจากหนังสือ .. "ย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา"
    .. เขียนโดย หลวงปู่โง่น โสรโย (หน้า 33-35)


    นายพรานป่าที่น่าหวาดกลัวเข้ามาหา

    เวลาอัสดงของวันนั้น เรากำลังเดินจงกรม อยู่ด้วยความสงบ เดินไปเดินมาอย่างช้า ได้ยินแต่เสียงวิหค นกกามาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว หาที่นอนตามธรรมชาติของมัน ในขณะนั้นเอง เราเห็นนายพรานป่า ที่น่าสะพรึงกลัว เพราะบนหัว แกโพกผ้าสีแดง มือทั้งสองถือปืนยาว แบกปืนโบราณ ใช้เหล็กนกนับหิน คงเป็นปืนที่ใช้ล่าเนื้อ สะพายย่ามใบใหญ่ ด้านหลังมีมีดเล่มใหญ่ ใส่ฝัก ออกปากทักคำเดียวว่า พระคุณท่าน แล้วแกก็คุกเข่า เอาปืนวางไว้ข้างๆ ถอดมีดอีโต้ ออกมาจากเอวข้างหลัง แล้วยกมือไหว้แบบโบราณ คือ ยกมือขึ้นใส่เกล้าบนหัว แล้วกราบลงสามครั้ง แล้วออกปากว่า



    " พระคุณท่าน ผมชื่อ หิรัญพนาสูร ผมมาตามคำสั่ง ของเจ้าเหนือหัว ผู้ยิ่งใหญ่ ให้มาเป็นอารักขา พาเป็นมัคคุเทศก์ ช่วยป้องกันเหตุร้าย ที่จะมากล้ำกลาย ทำร้ายท่าน ในขณะที่ท่าน จะเดินทางสู่แดนอันตราย และเรียบผ่านป่าเขาลำเนาไพร ไปทางทิศตะวันตก แล้ววกขึ้นไปทางเหนือ ที่ท่าน จะต้องลัดเลาะ เข้าไปในเขตทุรกันดาร ผ่านมนุษย์หลายเผ่า หลายชาติ หลายศาสนา แม้แต่พวกคนเงาะ คนป่าก็มีไม่น้อย เจ้าเหนือหัวให้ข้าไปด้วย ดูแลเพื่อจะได้ช่วยแก้ไข ภาวะวิกฤตที่พี่น้องของพระองค์ท่าน ยังตกติดค้างอยู่ต่างแดน เป็นเชลยยังติดอยู่ "


    ท่านจะต้องใช้เวลาเดินทาง อย่างน้อย 1 เดือน ผมจะไปด้วย เพื่อช่วยนำบอกทาง และป้องกันอันตราย ไม่ไปไม่ได้ คอขาดแน่ เจ้าเหนือหัวสั่งมา ผมจะรับอาสา ไปส่งและกลับพร้อมท่าน ข้าพเจ้าจึงถามแกว่า โยมจะพาฉันไปไหนหละ ก็ไปตามทาง ที่เจ้าเหนือหัวสั่งนั่นแหละ ผมจะนำพาท่านไปเอง เราก็ตอบเขาว่า มันจะเหมาะหรือ คุณโยม ฉันเป็นนักบวช เป็นพระภิกษุสงฆ์ จะไปด้วยกันกับท่าน ที่เป็นนายพรานป่า ผู้มีอาวุธอยู่ในมือ ในพระวินัยสงฆ์ ก็ห้ามพูดคุยกับบุคคล ผู้มีศัสตราวุธในมือนะโยม ถ้าฝ่าฝืน อาตมาก็เป็นอาบัติ และฉันเองบวชเข้ามา ก็มิใช่เป็นพระนักรบอย่างคนอื่นๆ เขา พอแกได้ฟังแล้ว ก็ท่างงๆ แล้วออกปากถามว่า พระนักรบ เป็นอย่างไร พระคุณท่าน

    เออคุณโยม พระนักรบก็คือ พวกรบกวนชาวบ้านนะซิโยม ได้แก่ นักบวชที่ชอบขอ ที่ชอบเรี่ยไรไม่รู้จักพอ ขอตะบันยันเต คือเมื่อหลายวันมาแล้ว ฉันเดินธุดงค์ มาหยุดพักตามห้างไร่ห้างนา ได้อาศัยเอาเป็นที่บรรเทาความร้อน ได้ถามชาวบ้านเขาว่า เป็นอย่างไรบ้างโยม ข้าวนาข้าวไร่ มีพอใช้พอกินตลอดปีหรือเปล่า เขาตอบว่า เออถ้าปีไหน หนูไม่กัด วัดไม่ขูด ก็พอกินเจ้าข้า พออาตมาได้ฟังเขาตอบอย่างนั้น แล้วก็รู้สึก อายตัวเอง และอายแทนพระนักรบ คือรบกวนชาวบ้านด้วย ดังนั้น จึงไม่อยากจะรบกวนใคร คราวนี้ถ้าคุณโยมไปกับฉัน ครอบครัวโยมจะลำบากอีก อาตมากับโยมไปด้วยกันได้ แต่จะพูดด้วยกันไม่ได้ ถ้าหาไม่ อาตมาก็เป็นอาบัติ อาตมาขอทีเถอะ คุณโยมอย่าไปเลย ถึงเจ้าเหนือหัว ท่านตรัสถาม หรือ ทำโทษโยม ก็ต้องกราบเรียนท่าน อย่างที่อาตมากล่าวมานี้ ขอบใจนะคุณโยม


    เราคุยสนทนากัน จนตะวันลับขอบฟ้า แล้วแกก็อำลาไป ก่อนไปนายพราน ยกสองมือขึ้น แบบประนมมือขึ้นเหนือศีรษะ กราบ 3 ครั้ง แล้วบอกว่า ผมขอถวายหัวกับพระคุณเจ้า เอามือทั้งสองถอดผ้าแดง ที่พันหัวแกอยู่ถวายให้ แล้วบอกว่าเอาไว้ป้องกันตัว เมื่อนายพรานจากไปแล้ว เราเอาผ้านั้นมาคลี่ดู เห็นเป็นผ้ายันต์ เขียนด้วยอักษรไทยเหนือ ในคำนำบอกว่า เป็นพระคาถา ที่พระพลรัตน์ วัดป่าแก้ว ได้ประสิทธิ์ประสาทให้ พระนเรศวร กับพระเอกาทศรถ พร้อมด้วยทหารหาญ ในการกู้บ้านกู้เมือง เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ภาวนาบ่อยๆ เนืองนิจจะพิชิตหมู่ไพรี ไล่ความอัปรีย์ จัญไรได้หมด ข้าพเจ้าอ่านแล้ว ก็พับเอาไว้อย่างเดิม เพราะคาถานี้ ข้าพเจ้าเองสวดทุกเช้าเย็น

    และตอนกลางคืน คือ วันศุกร์ที่ 30 เมษายนนั่นเอง นายพรานคนนั้น ก็กลับมาอีก มาคราวนี้แกนำเอาแท่งเงิน แท่งทองคำ มาให้จำนวนมาก บอกว่า กลัวท่านจะลำบาก ในการเดินทาง เมื่อท่านอดอยาก ก็ขายเงินแท้ๆ ทองคำแท้ๆ เพื่อประทังชีพในการเดินทาง เพราะทางเปลี่ยว ต้องข้ามเขา ลงห้วย ลำบาก ก็ปฏิเสธแกไปว่า ไม่หรอกโยม ขอบใจมากที่เป็นห่วง ขอให้คุณโยมเอากลับไปเถิด อาตมาไม่เอาติดตัวไป ไม่ว่าทรัพย์สมบัติชนิดใด ที่เขา สมมุติว่ามีค่า สิ่งนั้นจะนำทุกข์มาให้ทุกอย่าง อาตมาเอง มาแสวงหาทรัพย์ภายใน คือ อริยทรัพย์ ส่วนทรัพย์ภายนอกคือ ข้าวของเงินทอง ที่จะต้อง ใช้จ่าย เพื่อความสุขของชีวิตทางโลกนั้น อาตมาไม่ถือเงินทองไปด้วยเลย มีก็แต่เสื้อผ้า ที่จะนำไปให้คนจน อาตมาจึงขอขอบใจ เจตนาดีของคุณโยม อย่างมาก



    [​IMG]

    เมื่อเราไม่ยอมรับ แกก็กลับไป และก่อนไปแกถวายไม้เท้าไว้หนึ่งท่อน แกบอกว่าป้องกันได้สารพัด อันตัวหนอน ตัวทาก มันชุกชุม มันรุมกัน ไต่ขึ้นขา มาดูดกินเลือด ตัวมันคล้ายตัวปลิง ปลิงบกเราเรียกทาก หากมันเกาะ เอาไม้นี้แตะเข้า มันจะหลุดไป และกันภัยได้ทุกอย่างเลย อันไม้เท้าที่แกให้นั้น บัดนี้เรายังรักษา และถือประจำอยู่ จึงนึกในใจว่า ผู้ชายนายพรานคนนี้ เป็นใครกันแน่ แต่ที่แกบอกว่า ชื่อหิรัญพนาสูรนั้น คือใครกันแน่ และแกอยู่ที่ไหน เราก็ลืมถามแกด้วย เมื่อพิเคราะห์ดู ก็คงจะเป็นเจ้าป่า คือท้าวหิรัญ ซึ่งมีรูปปั้นหล่อ อยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎนั้นเอง จึงมาเชื่อมั่นว่า คิดดี พูดดี ทำดี ผีช่วย เราจึงมีรูปท้าวหิรัญ ไว้ดูเป็นขวัญตามาทุกวันนี้
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขออนุญาตขัดจังหวะอีกครั้งนะครับ

    ไฮเดรนเยียสีฟ้า’ไฮไลต์โครงการหลวง40
    วันพุธ ที่ 22 กรกฎาคม 2552 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 90px">เนื้อหาข่าว</TD><TD id=ext-gen16 style="WIDTH: 68px">รูปภาพ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    [​IMG]




    ในโอกาสที่โครงการหลวงดำเนินงานมาครบ 40 ปี มูลนิธิโครงการหลวง จึงร่วมกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ จัดงาน “โครงการหลวง 40” ระหว่างวันที่ 10-16 ส.ค. นี้ เพื่อนำเสนอความภาคภูมิใจในผลิตผลจากฝีมือคนไทย ภายใต้แนวคิด โครงการหลวง โก ทู โกลบอล ด้วยการเนรมิตพื้นที่ชั้น 1 ของ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ให้เป็นบรรยากาศแบบไลฟ์สไตล์ซูเปอร์ มาร์เกตทันสมัย จัดแสดงนิทรรศการผลสำเร็จ 40 ปีโครงการหลวง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์โครงการหลวงกว่า 3,000 รายการ รวมถึง 9 ร้าน โครงการ ส่วนพระองค์ โดยได้รับพระมหากรุณา ธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ทรงเปิดงานในวันที่ 10 ส.ค. นี้

    ม.จ.ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ทรงเผยว่า งานโครงการหลวงในปีนี้ยังคงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อมูลนิธิโครงการหลวงและพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ โครงการหลวงไม่ได้เป็นเพียงโครงการในพระราชดำริเท่านั้น แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงมือทำด้วยพระองค์เอง ในปีนี้การดำเนินงานจะก้าวเข้าสู่ระดับโลกภายใต้แนวคิดองค์ความรู้ของชาวเราสู่ชาวโลก ซึ่งครั้งนี้มีผลิตภัณฑ์ใหม่มาจำหน่าย อาทิ มะม่วงปาล์มเมอร์, มะเดื่อฝรั่งพันธุ์ใหม่มาจากหลายสายพันธุ์ของต่างประเทศ, มะม่วงพันธุ์นวลคำ มีลักษณะใหญ่และหวาน รวมถึงพลับ, เสาวรส, ราสเบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่ โดยเฉพาะดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าซึ่งเป็นดอกไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดมาก ทรงมีรับสั่งให้นำดอกไฮเดรนเยียไปปลูกที่พระตำหนักน้อยที่หัวหินด้วย

    ด้านผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด มูลนิธิโครงการหลวง ศ.ดร.กำพล อดุลวิทย์ กล่าวว่า โครงการหลวงนำผักอินทรีย์ ผักที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกที่ดีหรือจีเอพี พืชไร่ ตลอดจนพืชไม้ มาจำหน่ายรวมถึงสินค้าใหม่ อาทิ ปลาเทร้าแช่เย็นหมักด้วยสมุนไพร, กุนเชียงกระต่าย, กระต่ายไส้กรอก, ชาอาร์ติโชค ช่วยบำรุงตับและถุงน้ำดี ป้องกันตับอักเสบ ซึ่งปกติชานี้ปลูกได้เฉพาะประเทศในแถบเมืองหนาว แต่โครงการหลวงนำมาทดลองปลูกได้สำเร็จในประเทศไทย, ชาสมุนไพรสด 7 ชนิด ช่วยคลายความเครียด, พีช ในน้ำเชื่อม ซึ่ง 1 ปีออก 1 ครั้ง รวมถึงเปิดตัวหนังสือใหม่ “องค์ความรู้เรื่องพืชป่าที่ใช้ประโยชน์ทางภาคเหนือของไทย” เป็นหนังสือชุดรวม 3 เล่มที่รวมพืชป่ากว่า 1,200 ชนิด ทั้งที่รับประทานได้และไม่ได้ จำหน่ายในราคาชุดละ 2,999 บาท.
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=68 height=161></TD><TD vAlign=top width=840 height=161>ดอยตุง พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง


    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="32%">[​IMG]</TD></CENTER><TD vAlign=top width="68%">ดอยตุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเด่นของเชียงราย อยู่เหนือจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 45 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงทอดตัวยาวอยู่ทางด้านซ้ายของเส้นทางที่มุ่งไปอำเภอแม่สาย แต่เดิมเป็นเทือกเขาหัวโล้นที่ถูกชาวเขาตัดทำลายเพื่อใช้พื้นที่ทำการเกษตร จนกระทั่งสมเด็จย่าได้เสด็จมายังดอยตุงและทรงมีพระราชดำรัสว่า ฉันจะปลูกป่าดอยตุง หลังจากนั้นในปี 2530 รัฐบาลจึงได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้นโดยปลูกป่าคืนความสมบูรณ์กลับคืนสู่ธรรมชาติ ได้ดึงชาวเขาเข้ามาทำงานในโครงการปลูกป่าดอยตุง แต่ก่อนนั้นเส้นทางขึ้นดอยตุงเป็นเส้นทางลอยฟ้า คือเมื่อนั่งรถบนถนนดอยตุงแล้วมองลงมาก็จะเห็นวิวโล่งๆ ไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ แต่ในปัจจุบันนี้ดอยตุงกลับคืนสภาพเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งเมื่อนั่งรถไปตามเส้นทางขึ้นดอยตุงจะเห็นแต่ต้นไม้แน่นขนัดนั่นล้วนเป็นป่าปลูกทั้งสิ้น หลังจากโครงการปลูกป่าแล้วเสร็จจึงได้มีการสร้างพระตำหนักดอยตุง และมีโครงการอีกหลายๆ โครงการตามมาเพื่อสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากเทือกเขาหัวโล้นกลับกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเชียงราย แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวดอยตุงเป็นจำนวนมาก แหล่งท่องเที่ยวบนดอยตุงที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยี่ยมชมได้แก่ สวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง พระธาตุดอยตุง สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงดอยช้างมูบ
    ไร่แม่ฟ้าหลวง หรือสวนดอยตุง เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวบนพื้นที่ 25 ไร่ อยู่ในแอ่งที่ราบด้านทิศเหนือของพระตำหนัก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี กลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัว งานประติมากรรมนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่า " ความต่อเนื่อง " นอกจากแปลงไม้ประทับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่ม จุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่างๆ ที่มีดอกสวยงามมาก ความภาพความสวยงามของสวนแม่ฟ้าหลวง คลิกที่นี่

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    [​IMG]

    </TD><TD vAlign=top width="33%">
    [​IMG]
    งานประติกรรมกลางสวน
    <-- เสาตุง สัญลักษณ์ดอยตุง


    </TD><TD vAlign=top width="34%">
    [​IMG]
    สวนดอกไม้ภายในสวนแม่ฟ้าหลวง


    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    พระตำหนักดอยตุง

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="34%">
    [​IMG]
    ภาพถ่ายด้านหน้าพระตำหนัก


    </TD><TD vAlign=top width="66%">เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ปลูกแบบง่ายๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระตำหนักสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยมีโครงเหล็กอยู่ภายใน ไม้ในการสร้างเป็นไม้ลังใส่สินค้าที่การท่าเรือฯ คลองเตย ทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จย่า เมื่อสร้างออกมาแล้วสวยงามยิ่งนัก รูปแบบการสร้างเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองสวิตเซอร์แลนด์ ที่เพดานห้องโถงทำเป็นเพดานดาว บริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยืนออกไป เมื่อยืนที่ระเบียงจะเห็นทัศนียภาพของดอยตุงที่สวยงาม บริเวณขอบระเบียงมีกระบะปลูกไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม พระตำหนักเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม โดยจะต้องมีมัคคุเทศก์ของพระตำหนักเป็นผู้นำเยี่ยมชม</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%" height=233>
    [​IMG] [​IMG]
    ภาพซ้าย อีกมุมหนึ่งของพระตำหนัก ภาพขวา บริเวณระเบียงด้านหลังพระตำหนัก


    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    เคยได้รับโอกาสอันดีมากครั้งหนึ่งค่ะ ไปที่ดอยตุง 3 วัน 2 คืน พักบนดอยตุงเพื่อไปนำเสนองานด้านระบบคอมพิวเตอร์ ได้เที่ยวชมทุกโครงการหลวงอันเกี่ยวเนื่องกันทั้งบนดอยและบริเวณรอบๆ ประทับใจมาก โดยเฉพาะถั่วแมคคาดีเมีย อร่อยอย่างเลิศ ไปดูระบบจัดการสวนดอกไม้ ทำให้รู้ว่าระบบการจัดการสวนนั้นต้องมีความรู้หลายหลาก เช่นดอกไม้พันธุ์นี้จะบานวันไหน จะเพาะดอกไม้จะต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคพฤษศาสตร์อย่างเยี่ยมจึงจะทำได้เพราะหลายพันธุ์เป็นดอกไม้ต่างประเทศ ดูสาธิตการผลิตกาแฟดอยตุงถึงที่ โครงการหลวงโดยรอบก็ศึกษาเกี่ยวกับการผลิต ผลิตผลที่จะสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้ชาวเขา ชาวท้องถิ่น ชาวเขาส่วนหนึ่งเป็นคนงานที่ได้มารับจ้างทำงานให้บนดอย เวลาประมาณ 5 โมงเย็นหมอกก็จะลง คนบนดอยจะเดินอยู่ในหมอก ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็เห็นหมอกเป็นสิ่งแรก หมอกลอยอ้อยอิ่งเข้ามาให้ห้องนอนเลย เวลากลางคืนเมื่อมองจากที่พัก (เป็นโรงแรมที่เมื่อก่อนเป็นจุดที่ตั้งที่พักของทหาร) มองเข้าไปในตัวเมือง สวย และ สงบมาก มีโอกาศก็อยากกลับไปเที่ยวอีก สงบ สวยงาม มากๆ ประทับใจค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ดอกจำปี ดอกไม้ที่ว่ากันว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงโปรด

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ไม่ทราบที่มาที่ไป หาเจอแต่กลอนที่เกี่ยวกับดอกจำปี
    หน้าอนุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    อ. แม่สรวย จ.เชียงราย

    จำเอ๋ย จำปี..................จำพี่ได้ไหม
    จำพรากจากไกล...........ผ่านไปเดือนปี
    จำจดจดจำ..................เคยพร่ำพาที
    จำปามาหนี.................จำปีมาหน่าย
    จำเจ็บเจ็บจำ...............ชอกช้ำใจกาย
    จำปีเคยหมาย........หายหน้าหม่นหมอง
    หากเกิดชาติหน้า...........ข้าขอจับจอง
    ขอเป็นเจ้าของ..............จำปีสีนวล..



    ป.ล. ไม่ทราบชื่อคนแต่งนะคะ ขออภัยที่ไม่สามารถระบุที่มาของบทกลอนค่ะ ช่วงนี้คั่นด้วยดอกไม้บ้าง พักตากันค่ะ

    ป.ล.ที่สอง ที่พยายามหาหลักฐานเพื่อมาประกอบการเขียนในทุกเรื่องเท่าที่จะทำได้นะคะ พอดีเรื่องดอกจำปีอันเป็นดอกไม้ทรงโปรดของพระนเรศวรมหาราชเจ้า ทางสายธาตุไม่สามารถหาหลักฐานได้ ณ ขณะนี้ ในอนาคตถ้าหลักฐานที่สนับสนุนเรื่องนี้ได้ จะรีบมาเขียนบอกค่ะ ^^




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2009
  13. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    ขอน้อมกราบแทบเบื้องพระบาทองค์สมเด็จพ่อพระนเรศเป็นเจ้า ขอเทิดทูนพระองค์ไว้เหนือเศียรเกล้าพระพุทธเจ้าข้า

    ขออนุโมทนากับคุณจงรักภักดีสำหรับกระทู้ดีๆมีสาระแบบนี้ครับ

    ขออนุโมทนาในความจงรักภักดีของทุกๆท่านที่มีต่อองค์สมเด็จพ่อพระนเรศเป็นเจ้า พระพี่นางสุพรรณกัลยา องค์สมเด็จพระเอกาทศรถและสถาบันพระมหากษัตริย์ครับผม
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขอบคุณคุณไก่เหลืองหางขาวมากครับ นี่ถ้าเป็น
    บรรยากาศขณะอยู่บนเวที ผมก็จะต้องผายมือให้กับ

    คุณทางสายธาตุ ด้วยครับ ที่มีส่วนสำคัญช่วยให้กระ
    ทู้นี้เดินไปได้อย่างสง่างาม ครับ ส่วนผมขออนุญาต
    ยกบางข้อความมากล่าวซ้ำอีกครั้งหนึ่งครับ มีโอกาส
    ผ่านมาเมื่อไหร่ก็เชิญแวะเข้ามาที่ศาลาหลังน้อยนี้อีก
    นะครับ

    "-คงต้องยืนหยัดในหลักการหรือธรรมนูญนั่นแหละครับ
    ที่จะยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านและสถาบันพระ
    มหากษัตริย์ ซึ่งในแนวทางนี้ก็จะไม่มีเรื่องที่น่าสนุกสนาน
    ชวนให้สมาชิกแวะเวียนเข้ามาสักเท่าใดหรอกครับ กอร์ป
    กับเว็บไซท์ท่านก็ไม่ได้เน้นในเรื่องนี้ ท่านเน้นเฉพาะเรื่อง
    พระพุทธศาสนาเราจะไปคอมเพลนท์อะไรมากก็คงไม่ได้
    คิดเสียว่าเราช่วยกันสร้างศาลาพักร้อนเล็กๆไว้ในป่าใหญ่
    สำหรับผู้ที่ผ่านไปมาหรือผู้ที่หลงทางจะได้อาศัยแวะพัก
    ชั่วครั้งชั่วคราว ต้องขอขอบคุณคุณทางสายธาตุเป็น
    อย่างยิ่งที่มีส่วนสำคัญในการให้วิทยาทาน ช่วยให้กระทู้
    นี้เดินไปได้อย่างสง่างามครับ ขอให้มีกำลังใจครับ พระ
    พี่นางสุพรรณกัลยา และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า
    ท่านมีกำลังพระทัยที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวจริงๆครับ แม้กระ
    ทั่งสมเด็จพระมหาธรรมราชา ผมก็อยากจะคิดว่ากำลัง
    พระทัยท่านสุดยอดจริงๆ สู้อดทนกล้ำกลืนความขมขื่น
    เก็บไว้มิให้ใครรู้ ทรงวางแผนระยะยาวที่จะกอบกู้แผ่นดิน
    กอบกู้ชาติบ้านเมือง โดยอาศัยพระมเหสี พระราชธิดา
    และพระราชโอรส ให้เป็นกำลังสำคัญในภายภาคหน้า
    ในที่สุดเทพยดาฟ้าดินก็อวยให้สำเร็จสมปราถนาครับ

    ขอขอบพระคุณคุณทางสายธาตุอีกครั้งครับ<!-- google_ad_section_end --> "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2009
  15. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    ขอบคุณคุณจงรักและภักดีครับ เห็นด้วยกับที่ท่านกล่าวมาทุกประการครับ และจะเป็นแฟนพันธุ์แท้รออ่านสาระดีๆจากกระทู้นี้ต่อไปเสมอครับ

    ขอบคุณคุณทางสายธาตุสำหรับข้อมูลแน่นปึ้กด้วยครับ
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ไม่ทราบที่มาที่ไป หาเจอแต่กลอนที่เกี่ยวกับดอกจำปี
    หน้าอนุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    อ. แม่สรวย จ.เชียงราย


    จำเอ๋ย จำปี..................จำพี่ได้ไหม
    จำพรากจากไกล...........ผ่านไปเดือนปี
    จำจดจดจำ..................เคยพร่ำพาที
    จำปามาหนี.................จำปีมาหน่าย
    จำเจ็บเจ็บจำ...............ชอกช้ำใจกาย
    จำปีเคยหมาย........หายหน้าหม่นหมอง
    หากเกิดชาติหน้า...........ข้าขอจับจอง
    ขอเป็นเจ้าของ..............จำปีสีนวล..

    คำโบราณท่านกล่าวไว้ดอกไม้กับสุภาพสตรีเป็นของคู่กันจริงๆ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะเดินทางกลับ
    จากเวียงเชียงรุ้งเพื่อจะไปเชียงใหม่ คณะเราก็ได้แวะกราบ
    ถวายบังคมสมเด็จท่านที่แม่สรวย แห่งนี้ด้วยครับ แต่มิได้
    สังเกตคำกลอนอันไพเราะ ที่คุณทางสายธาตุกรุณานำมา
    ฝาก ขอบคุณ ครับ
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พาออกนอกเส้นทางนิดนึง เรื่องเจ้านางมิ่งแก้ว พระธิดาพระเจ้าเชียงใหม่ อย่างที่เรารับทราบว่า พระเจ้าบุเรงนองนั้นจะรับสั่งให้พระธิดาเจ้าประเทศราชเสด็จไปอยู่หงสาวดีในฐานะพระชายาหรือพระสนม

    ในสมัยนั้นเชียงใหม่ ปกครองโดยท้าวแม่กุ และเสียอิสระภาพให้แก่พม่าในปี 2101 ตอนนั้นท้าวแม่กุยังทรงพระเยาว์ ยังไม่น่าจะมีพระโอรสหรือพระธิดาที่โตพอ เจ้านางมิ่งแก้วจึงอาจจะเป็นพระนางวิสุทธิเทวีซึ่งเป็นพระธิดาของพระนางจิรประภา (ผู้ที่ออกมาถวายเครื่องราชบรรณาการให้กับพระไชยราชาธิราช จำได้ว่าเพ็ญพักดร์เล่น คนหุ่นดีจริง เครื่องแต่งกายที่ใช้ในหนัง น่าดูมาก แว็บ นอกเรื่องนิดนึง)

    พระเจ้าเมกุฏิ หรือ พระเจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์ หรืออีกพระนามหนึ่งก็คือ ท้าวแม่กุ เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ องค์ที่ ๑๗ แห่ง อาณาจักรล้านนา ได้ไม่นาน พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง กษัตริย์ของ ชนชาวพม่า ได้ยกกองทัพมาล้อมเมือง นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ (จ.เชียงใหม่) พร้อมกับใช้เวลาเพียง ๓ วัน ก็สามารถเข้ายึดเมืองเชียงใหม่ได้โดยง่ายในปี พ.ศ. ๒๑๐๑ จากนั้นมา อาณาจักรล้านนา ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถหลาย พระองค์ก็ตกเป็น เมืองขึ้น หรือ เมืองประเทศราช ของ ชนชาวพม่า แต่ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ยังคงให้ พระเจ้าเมกุฏิ ทรงปกครองอาณาจักร ล้านนาต่อไป จึงถือว่าในช่วงนี้ชนชาวพม่ายังมิได้เข้าปกครองเมืองเชียงใหม่โดยตรง แต่กระนั้นก็จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการไปถวาย พระเจ้าหงสาวดี บุเรงนอง ทุกปีและหากชนชาวพม่าทำการออกรบทัพจับศึกกับอาณาจักรอื่น ๆ พระเจ้าเมกุฏิ ก็จะต้องส่งกองทัพไปช่วยรบเนื่องจากช่วงนั้น พระเจ้าเมกุฏิ ยังทรงพระเยาว์จึงยังไม่มี พระราชโอรส ส่งไปเป็น โอรสบุญธรรม ของ พระเจ้าหงสาวดี บุเรงนอง (ตัวประกัน) แต่อย่างใด

    ด้วยเหตุนี้ในเวลาต่อมา พระเจ้าเมกุฏิ จึงได้ทำการซ่องสุมกำลังเพื่อปลดแอกอาณาจักรล้านนาให้เป็นอิสระ แต่เรื่องนี้ก็ล่วงรู้ไปถึง พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง จึงทำการปลดพระเจ้าเมกุฏิออกจากการเป็นพระมหากษัตริย์ากนั้นจึงแต่งตั้ง พระนางวิสุทธิเทวี หรือ พระนางราชเทวี ที่ทรงมีเชื้อสาย ราชวงศ์มังราย แล้วยังทรงเป็น พระราชธิดา ของ พระเจ้าเมืองเกษแก้ว หรือ พระเจ้าเมืองเกษเกล้า ที่ทรงเป็นพระอนุชาของ พระเจ้าเมืองแก้ว ที่ถูกบรรดาขุนนางปลดออกจากการเป็นพระมหากษัตริย์ถึงสองครั้ง จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระสติวิปลาส ส่วนพระมารดาของพระนางวิสุทธิเทวีก็คือ พระนางจิรประภา ผู้เป็นพระนางกษัตริย์องค์ที่สองของอาณาจักรล้านนานั่นเองดังนั้น พระนางวิสุทธิเทวี จึงทรงเป็นพระนางกษัตริย์องค์ที่สาม ของอาณาจักรล้านนาสืบต่อจาก พระนางจิรประภา พระมารดาของพระองค์เอง นอกจากนี้ยังทรงเป็นพระนางกษัตริย์ องค์สุดท้าย แห่ง ราชวงศ์มังราย จากเหตุที่ถูกชนชาวพม่าเข้าปกครองโดยสมบูรณ์ในเวลาต่อมาคือ

    หลังจาก พระนางวิสุทธิเทวีเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. ๒๑๒๑ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ได้แต่งตั้ง เจ้าชายสาวัตถีนรธามังคอย หรืออีกพระนามหนึ่งคือ เจ้าชายมังทรานรธามังคุย ขึ้นปกครองอาณาจักรล้านนาทรงพระนามว่า พระเจ้ามัง นรธาช่อ หรือ พระเจ้าสาวัตถีมังซอศรี โดยสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นพระโอรสของ พระเจ้า หงสาวดีบุเรงนอง กับ พระนางวิสุทธิเทวี (อันนี้เคยอ่านของอาจารย์ สุเนตร ท่านสันนิษฐานว่าเป็นโอรสพระเจ้าบุเรงนอง แต่พระมารดาไม่ใช่พระนางวิสุทธิเทวี)


    โดยบรรดานักวิชาการแห่ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันการศึกษาสำคัญในเชียงใหม่ได้ให้ความเห็นว่า สาเหตุที่ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ทรงยกกองทัพมาตีเอาเมืองเชียงใหม่ในรัชสมัยของ พระเจ้าเมกุฏิ เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๐๑ นั้นตาม พระวิเทโศบายของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองแล้ว หากทรงยกทัพไปตีได้เมืองใดแล้วก็จะทรงนำ พระโอรสของกษัตริย์เมืองนั้นไปเป็น พระโอรสบุญธรรม แต่หากเมืองใดมี พระราชธิดา ก็จะทรงนำไปเป็น พระชายา

    ดังกรณีในรัชสมัยของ สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาของ สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช ก็เช่นกันหลังถูก พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เข้ายึดครองอาณาจักรอยุธยา แล้วก็ทรงยินยอมยก พระองค์ดำ หรือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไปเป็นพระโอรสบุญธรรมพร้อมทรงยก พระสุพรรณกัลยา (พระพี่นางพระองค์ดำ) ไปเป็นพระชายาของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง แต่ในรัชสมัยของ พระเจ้าเมกุฏิ แห่งอาณาจักรล้านนาทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในขณะยังทรงพระเยาว์ พระองค์จึงไม่มีพระราชโอรสและพระราชธิดา เมื่อเป็นเช่นนี้ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง จึงหันเหเป้าหมายไปยังพระโอรสและพระธิดาของกษัตริย์รัชกาลก่อน ๆ อย่าง พระนางจิรประภา และ พระเจ้าเมืองเกษแก้ว ที่ทรงมีพระราชธิดาซึ่งก็คือ พระนางวิสุทธิเทวี

    สำหรับ พระนางวิสุทธิเทวี ทรงเป็นกษัตริย์ ลำดับที่ ๑๘ และเป็นกษัตริย์ องค์สุดท้าย ของ ราชวงศ์มังราย เนื่องจากพระโอรสของพระนางแม้จะได้เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรล้านนาในเวลาต่อมาแต่ก็มีเชื้อสายเป็นพระโอรสของ พระเจ้าหงสาวดี บุเรงนอง ด้วยเหตุนี้อาณาจักรล้านนาจึงเข้าสู่ยุคการปกครองของ ชนชาวพม่า โดยแท้จริงและเป็นเวลาที่ยาวนานมากคือกว่า ๒๐๐ ปี ซึ่ง พระนางวิสุทธิเทวี ทรงครองอาณาจักรล้านนาในช่วงระหว่าง พ.ศ. ๒๑๐๗- ๒๑๒๑ ก็เสด็จสวรรคตโดยทรงครองเมืองเชียงใหม่ได้เพียง ๑๔ ปี จึงนับเป็นจุดสิ้นสุดของ ราชวงศ์มังราย ที่ปกครองอาณาจักรล้านนาโดยสิ้นเชิง

    และในระยะเวลาที่ ชนชาวพม่า เข้าปกครองอาณาจักรล้านนายาวนาน กว่า ๒๐๐ ปี นั้นเป็นผลให้อิทธิพลของ ศิลปวัฒนธรรม ของชนชาวพม่าได้คืบคลานเข้าสู่อาณาจักรล้านนามากมาย โดยเฉพาะอาณาจักรล้านนารับเอารูปแบบทางสถาปัตยกรรมของพม่าเช่น โบสถ์ เจดีย์ วิหาร ศาลา รวมถึง ขนบธรรมเนียมประเพณี และ ความเชื่อ เช่นการนับถือ พระอุปคุต พระบัวเข็ม และ พระสีวลี ที่แพร่หลายเข้ามาในอาณาจักรล้านนาตราบปัจจุบัน

    โดยรายพระนามที่ปกครองเชียงใหม่ภายใต้อิทธิพลของชนชาวพม่ามีดังนี้
    ๑.พระเจ้ามังนรธาช่อ (พ.ศ. ๒๑๒๑-๒๑๕๐)
    ๒.พระเจ้าช้อย (พ.ศ. ๒๑๕๐-๒๑๕๑ เป็นการปกครองครั้งแรก)
    ๓.พระเจ้าชัยทิพย์ (พ.ศ. ๒๑๕๑-๒๑๕๖)
    ๔.พระเจ้าช้อย กลับมาปกครองครั้งที่สอง (พ.ศ. ๒๑๕๖-๒๑๕๘)
    ๕.พระเจ้าเมืองน่าน (พ.ศ. ๒๑๕๘-๒๑๗๔)
    ๖.พระเจ้าหลวงทิพเนตร (พ.ศ. ๒๑๗๔-๒๑๙๘)
    ๗.พระเจ้าแสนเมือง (พ.ศ.๒๑๙๘-๒๒๐๒)
    ๘.พระเจ้าเมืองแพร่ (พ.ศ. ๒๒๐๒-๒๒๑๕)
    ๙.พระเจ้าอุปราชอึ้งแซะ (พ.ศ. ๒๒๑๕-๒๒๑๘)
    ๑๐.พระเจ้าเจพูดราย (พ.ศ. ๒๒๑๘-๒๒๕๐)
    ๑๑.พระเจ้ามังแรนะรา (พ.ศ. ๒๒๕๐-๒๒๗๐)
    ๑๒.พระเจ้าเทพสิงห์ (พ.ศ. ๒๒๗๐-๒๒๗๑)
    ๑๓.พระเจ้าองค์ดำ (พ.ศ. ๒๒๗๑-๒๓๐๒)
    ๑๔.พระเจ้าจัน (พ.ศ. ๒๓๐๒-๒๓๐๔)
    ๑๕.พระเจ้าขี้หูด (อดีตเป็นพระภิกษุวัดดวงดี พ.ศ. ๒๓๐๔-๒๓๐๖)
    ๑๖.พระเจ้าโปอภัยมินี (พ.ศ. ๒๓๐๖-๒๓๑๑)
    ๑๗.พระเจ้าโป่มะยุง่วน (พ.ศ. ๒๓๑๑-๒๓๑๗)

    และในระยะเวลากว่า ๒๐๐ ปี ที่พม่าเข้าปกครองอาณาจักรล้านนาอย่างเต็มรูปแบบ ได้ทำการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดเป็นผลให้การสร้างสรรค์ศิลปะในยุคนี้ ขาดการสานต่อเพราะศิลปินชาวล้านนาไร้อารมณ์ที่จะสร้างสรรค์ โดยเฉพาะศิลปะพระพุทธรูปที่รับอิทธิพลจากพม่าโดยตรง ทำให้ศิลปะพระพุทธรูปแบบล้านนาขาดช่วงของการสร้างสรรค์ เนื่องจากศิลปะพม่าเข้าครอบงำไปหมด ซึ่งบรรดาชาวล้านนาเองก็พยายามที่จะต่อสู้และปลดแอกอิสรภาพ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักกระทั่งเมื่อ กรุงศรีอยุธยา แตก ครั้งที่สอง เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ จึงได้ก่อเกิดมหาวีรบุรุษของชาติสยามซึ่งก็คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงรวบรวมประชาชนชาวสยามที่รักชาติทำการกอบกู้เอกราชสำเร็จ โดยมีบุคคลสำคัญของอาณาจักรล้านนาสองท่าน ที่มีความรักชาติได้เข้าร่วมการกอบกู้เอกราชครั้งนี้คือ พญากาวิละ และ พญาจ่าบ้าน ที่นำกำลังทำการขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่ ทำการปลดแอกการเป็นเมืองขึ้นของพม่าสำเร็จโดยหันมาเป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรสยามเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๓ ยังผลให้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพอพระทัยเป็นอันมากจึงทรงสถาปนา พญาจ่าบ้าน เป็น พญาวชิรปราการ และเป็น เจ้าเมืองเชียงใหม่ ส่วน พญากาวิละ ได้เป็น เจ้าเมืองลำปาง

    หาข้อมูลมาจาก Daily News Online > เสาร์สปอร์ต > พระเครื่อง > ศึกษาแล้วค่อยสะสม > 'ศิลปะเชียงแสน' (ล้านนา) ค่ะ


    เนื่องจากในพงศาวดารพม่าระบุไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรได้ยกพระราชธิดาพระองค์หนึ่งของพระองค์ท่านให้อภิเษกกับพระโอรสองค์โตของพระเจ้ามังนรธาช่อ (พระโอรสองค์นี้ประสูติบนดอยหลวงระหว่างที่พระบิดาและพระมารดากำลังเดินทางมาครองเมืองเชียงใหม่ ดังนั้นพระโอรสองค์โตนี้น่าจะประสูติในปี พ.ศ. ๒๑๒๑)ชื่อพระเจ้าดอยหลวงหรือพระเมงทุลองซึ่งเป็นเชื้อสายพระเจ้าบุเรงนอง จึงค่อนข้างสนใจว่าทำไม หรือจะเพราะว่าเกี่ยวกับเชื้อสายพระมารดาของพระเจ้ามังนรธาช่อ คือเชื้อสายพระราชวงศ์มังราย (แต่ถ้าสันนิษฐานของ อาจารย์ สุเนตร ถูกต้องมากกว่าข้อนี้ก็จะตกไป ของอาจารย์ สุเนตร ท่านว่าพระมารดาของพระเจ้ามังนรธาช่อเป็นพระธิดาเมืองแปรนะคะ ถ้าจำไม่ผิด)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2009
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    4.พระราชเทวีอุ่นคำ (มเหสีเมืองศรีสัตนาคนหุต ล้านช้าง)

    6.เจ้านางมิ่งแก้ว (ธิดาเมืองเชียงใหม่)

    พระราชเทวีอุ่นคำ เป็นพระมเหสีเมืองศรีสัตนาคนหุต ไม่ใช่พระธิดา ตรงนี้น่าสนใจ เพราะว่าในปีที่เมืองศรีสัตนาคนหุตเสียทีแก่พม่า พ.ศ. ๒๑๐๗ พระไชยเชษฐาธิราชยังครองล้านช้างอยู่ จำได้ไหมคะว่าในปี พ.ศ. ๒๑๐๘ กรุงศรีสัตตนาคนหุตได้มีพระราชสาส์นมาขอพระเทพกษัตรีย์ พระธิดาในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไปเป็นอัครมเหสี พระเจ้าล้านช้างอาจจะต้องการให้พระเทพกษัตรีย์ทรงไปดำรงตำแหน่งพระอัครมเหสีแทนพระราชเทวีอุ่นคำ สงสัยพระเจ้าไชยเชษฐาจะไม่มีพระโอรสไปเป็นองค์ประกันและไม่มีพระธิดาที่โตพอจะเป็นพระชายาพระเจ้าบุเรงนองได้ และคิดว่าพระราชเทวีอุ่นคำกับเจ้านางมิ่งแก้วเป็นพระญาติกันด้วยค่ะ

    ข้อความสีเขียวทั้งหมดข้างบนเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของทางสายธาตุเองนะคะ โดยอ้างอิงพงศาวดารล้านนาเพียงแต่ไม่ยกมาพิมพ์ไว้ในที่นี้เพราะเรื่องยาวมากๆค่ะ ยกมาพอหอมปากหอมคอ ไม่ถูกไม่ต้องตามที่เป็นจริงก็ขออภัยท่านผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้นะคะ เรื่องล้านนาคงจะพูดถึงอีกคราวก็ตอนที่พระทุลองกับพระโยธยามี้พะยาเสด็จมาประทับกรุงศรีอยุธยาค่ะ

    พรุ่งนี้จะมาต่อเรื่องย้อนรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยาให้จบ ช่วงนี้กำลังรองานใหม่เรียกตัวค่ะ ตั้งใจว่าจะให้จบตำนานของพระพี่นางให้ได้ เหมือนมีใครมากำหนดจังหวะชีวิตของทางสายธาตุเลยค่ะ แต่ทำจิตเป็นปกติเดินไปตามทางด้วยสติกำกับตลอด ด้วยความศรัทธาอย่างสูงยิ่งในพระพุทธองค์และศรัทธาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระสยามเทวาธิราชเจ้าด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2009
  19. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    สาธุครับ องค์สมเด็จพ่อพระนเรศเป็นเจ้าท่านทรงคุ้มครองรักษาประเทศไทยเสมอครับ
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พาออกนอกทางอีกนิด เรื่องพระไชษเชษฐาธิราช(ล้านช้าง) ท่านเป็นพระบิดาของ

    พระธิดาสี พระธิดาสุก พระธิดาใส และพระธิดาแต่ละพระองค์ทรงสร้าง พระสี พระสุก พระใส

    คนไทยรู้จักพระทั้งสามองค์นี้เป็นอย่างดีแน่นอน ตอนเสียกรุงเวียงจันทร์ พ.ศ. ๒๑๐๗ พระธิดาทั้งสามคงจะยังเยาว์วัยมาก

    และพระไชษเชษฐาธิราชองค์นี้ก็อัญเชิญพระแก้วมรกตที่เคยประดิษฐานที่เมืองเชียงใหม่ ไปประดิษฐานที่เวียงจันทร์

    จนถึงสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 1 ท่านไปอัญเชิญมาเป็นพระประจำบ้านประจำเมืองกรุงรัตนโกสินทร์

    ---------------------------------------------------------------------------------

    อ่านพงศาวดารล้านนาแล้วค่อยๆคิดตาม ปรากฏว่าทางสายธาตุมือไม่ถึงไม่สามารถอ่านให้กระจ่างได้ ขอหมอบก่อน

    กำลังเตรียมข้อมูล ย้อนรอยตำนาน พระสุพรรณกัลยา ต่อเนื่องพร้อมๆกับคิดทบทวนไปด้วยว่า

    ประวัติศาสตร์ในช่วงนี้มีอะไรที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องอีกไหมจะได้แทรกได้หรือลำดับเรื่องได้ดีขึ้น

    ก็คิดว่าจะลองลำดับเหตุการณ์ในนครเชียงใหม่ในช่วง พ.ศ. ๒๐๘๘-๒๑๑๒

    ว่าพระเจ้าเกษแก้วเป็นพระบิดาหรือพระราชสวามีของพระนางจิระประภากันแน่ งง งง ค่ะ

    พระเจ้าเกษแก้วครองเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๐๖๘ - ๒๐๘๘

    พระนางจิระประภาครองเชียงใหม่ต่อมาอีกปีเศษ พ.ศ. ๒๐๘๘ - ๒๐๘๙๙

    จากนั้นก็ให้หลานยายคือพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช(เจ้าจากล้านช้าง)ครองต่ออีกประมาณ2ปี

    พ.ศ. ๒๐๘๙-๒๐๙๑ ตอนนที่มาครองเชียงใหม่ พงศาวดารบอกว่าพระเจ้าไชษเชษฐาธิราชอายุ 12

    ท่านก็น่าจะเกิดปี พ.ศ.๒๐๗๗ พระมารดาของพระเจ้าไชษเชษฐานี้เขาว่าเป็นพระธิดาพระเจ้าเกศแก้ว

    คราวนี้กลับมาที่เจ้านางมิ่งแก้ว พระสนมของพระเจ้าบุเรงนอง ถ้าเจ้านางเป็นพระธิดาของพระเกษแก้ว

    ก็น่าจะอายุไล่เลี่ยกับพระมารดาพระเจ้าไชษเชษฐา ปีที่นครเชียงใหม่เสียให้พม่า พ.ศ. ๒๑๐๑

    เจ้านางก็จะต้องมีอายุใกล้เคียงกับมารดาพระเจ้าไชษเชษฐาคือ เกือบ40 หรือกว่านั้นเล็กน้อย

    แล้วพระเจ้าบุเรงนองจะรับเป็นชายาได้หรือ

    เป็นที่มาที่ทำให้เชื่อว่าพระนางจิระประภาเป็นพระธิดาพระเจ้าเกษแก้ว ซึ่งเจ้านางมิ่งแก้วก็ควรจะเป็นหลานตาของพระเจ้าเกษแก้วมากกว่า

    ในปีที่นครเชียงใหม่เสียทีแก่พม่า พ.ศ. ๒๑๐๑ เจ้านางมิ่งแก้วน่าจะมีพระชนม์สัก 16 ย่าง 17 นี่แหละค่ะที่ว่า ขอหมอบเลย พงศาวดารล้านนา

    อ่านต่อไปผมอาจจะขาวไปกว่านี้ ตอนนี้ก็ขาวประปรายอยู่แล้ว เป็นยังไงค่ะ พาผู้อ่านวนๆอยู่กับปี พ.ศ. มึนหรือยังคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...