การสร้าง-การซ่อมแซม พระปฏิมากร รูปลักษณ์ ถาวรวัตถุในพระศาสนา และ อุปการะต่อการบำเพ็ญบารมี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 25 พฤศจิกายน 2014.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    สร้างพระปฏิมากร แล้ว สร้างพระในใจคน..........


    รู้ถูก เห็นถูก ไปสู่การปฏิบัติที่ถูก และนำไปสู่การสอนที่ถูกต้อง เพื่อความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนาสืบไป
    ขอนิมนต์พระภิกษุ สามเณรทุกรูปที่สนใจศึกษาสัมมาปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน๔ถึงธรรมกายถึงพระนิพพานของพระพุทธเจ้า ในโครงการอบรมพระวิปัสนาจารย์(รุ่นปลายปี) เข้าร่วมอบรมปฏิบัติธรรม ใด้ตามวันเวลาที่กำหนด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด




    [​IMG]


    ....


    และเป็นโอกาสดี ที่ศรัทธาสาธุชน จะได้สร้างสมบุญกุศลโดยตักบาตร อุปัถฐากข้าวน้ำอาหาร
    ให้กำลังแก่พระวิปัสสนาจารย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ธันวาคม 2014
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    พระปฏิมากร คือ สัญลักษณน้อมสู่ธรรม /พระในใจ น้อมสู่พุทธภูมิ

    เมื่อเห็นพระปฏิมากร ให้น้อมนำไว้ในใจ

    ณ ฐานที่ตั้งของใจ ศุนย์กลางกายฐานที่7


    จนได้พบพระภายใน พูดได้ สอบถามได้ นำทางสร้างบารมี
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    ..............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2018
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    ข่าวดีมากๆ สำหรับการเชิญวัชระธาตุ เพื่อนำมาสร้างพระปฏิมากรแบบพระธรรมกาย ครั้งแรก 9 ธันวาคม 2557.........


    .....



    ปรากฏว่า เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในชีวิตผู้ทำพิธีอัญเชิญ ที่ได้วัชระธาตุมามากกว่าเดิมมาก ตลอดชีวิตที่เคยกระทำมา ได้มาอย่างมากแค่พันองค์เศษๆ แต่สำหรับคืนนี้ เหล่าเทพ พรหม เทวดา จิตศักดิ์สิทธิ์ทุกดวง ได้ช่วยให้เชิญวัชระธาตุมาได้ ประมาณ สามพันกว่าองค์ ....



    ....ตอนนี้ คาดว่า พระหน้าตัก9นิ้ว สร้างได้เสร็จสบายๆแล้วครับ ...นี่แค่การอัญเชิญครั้งแรก ได้มากอย่างนี้ ท่านผู้ริเริ่มสร้างตั้งเป้าจะสร้างขนาดใหญ่ขึ่้นแล้ว ........


    ยังจะทำพิธีอัญเชิญอีกหลายครั้ง ......" งานนี้ เทวดาจำนวนมาก ท่านกระจายข่าวกันให้มาช่วยเยอะครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ธันวาคม 2014
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    ...ผู้ที่ต้องการร่วมบุญบารมีใหญ่ ในการสร้างพระธรรมกายที่สำเร็จด้วยวัชระธาตุจริงๆ เนื่องจากมีข้อจำกัดที่ไม่อาจลงเบอร์บัญชีรับบริจาคเงินได้ ในที่นี้ เพราะเสี่ยงต่อการลบกระทู้ ...





    ....สามารถร่วมบริจาคด้วยวัชระธาตุที่ท่านได้ครอบครองไว้เอง ได้ครับ แม้เพียง1 ชิ้นขนาดไหนก็ตาม แต่ร่วมด้วยใจศรัทธา จะสร้างพระฯไว้ในพระศาสนา ก็ยินดียิ่งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ธันวาคม 2014
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ธันวาคม 2014
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ที่จะสร้างถวายพระศาสนสนา ไม่ได้นำมาขาย เทพพรหมเทวดา จิตศักดิ์สิทธิ์ทุกดวงจึงช่วยเหลือมาก ขอให้ทุกท่านร่วมโมทนาเอาบุญบารมีกัน



    ...โอกาสหน้าจะทำพิธีอัญเชิญ ก็จะบอกล่วงหน้า ให้ทุกท่าน ร่วมอธิาฐานจิตที่บ้าน ร่วมอัญเชิญด้วยกัน
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    "หลวงป๋า" ได้เล่าเรื่อง "ธรรมชาติของเหล็กไหล" (ตามที่เป็นจริง)
    เเก่ผู้ที่ไม่รู้ , ผู้ที่ไม่เข้าใจ (ตามความเป็นจริง) ไว้ดังนี้



    วัตถุธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก) นี้
    เกิดมีขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของพวกฤาษีผู้มี ฌาน (สมาธิระดับสูง) และ อภิญญา (ความสามารถพิเศษ)
    แก่กล้าในระหว่างอันตรกัป คือ ในระหว่างที่ว่างจากพระพุทธศาสนาเป็นระยะเวลายาวนานนั้น
    บรรดามนุษย์ผู้มีบุญ คือ คุณธรรมจากการที่ได้เคยรักษาศีล และเจริญภาวนาสมาธิมาก่อน ที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในยุคนั้น ได้ออกบำเพ็ญพรต (ถือศีล) พรหมจรรย์ (การออกบวชเว้นเมถุน-คือเว้นชีวิตคู่)
    ด้วยมุ่งหวัง “อมตธรรม” ก็คือ ปรารถนาพระนิพพานที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ และที่เป็นบรมสุขนั้นแหละ

    แต่ไม่รู้จักทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ให้ถึงอมตมหานฤพานได้ เพราะยังไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้
    จึงได้แต่เจริญสมาธิภาวนา จนได้ฌานและอภิญญาแก่กล้า
    แต่ก็รู้ว่าตนเองนั้นยังไม่อาจพ้นความตายได้ ยังไม่เห็นทางที่จะถึงอมตธรรมที่ไม่ตายได้
    ก็ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ยั่งยืนที่สุด ดุจว่าเป็นอมตธรรม
    เพื่อรอผู้ตรัสรู้ (พระพุทธเจ้า) มาตรัสสอนทางปฏิบัติให้ได้บรรลุถึงอมตธรรม
    เพื่อจักได้เข้าสู่กระแสธรรม นำไปให้ถึงอมตธรรมตามที่ได้มุ่งหวัง

    จึงค้นหาวิธีสร้าง "วัตถุธาตุอันเป็นที่สถิตแห่งจิตวิญญาณของตน" ให้คงทนยั่งยืนที่สุด
    ดุจว่าเป็นอมตธรรมนั้นด้วยฤทธิ์อำนาจของตน ก่อนเบญจขันธ์ของตนจะแตกทำลาย (ก่อนทำกาละ/ตาย)

    ครั้นพากันทำวัตถุธาตุนั้นขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของพวกตนที่แก่กล้ารุนแรง
    จนเกินอำนาจการควบคุมให้อยู่ในสภาวะพอเหมาะตามต้องการได้
    วัตถุที่ปรุงขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจนั้นก็ระเบิดเป็นจุณ วิจุณ
    เป็นอณูธาตุ เป็นที่สถิตอยู่ของจิตวิญญาณฤาษีนั้นเองด้วย และกายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยงด้วย
    และแม้เทพเทวาที่รู้คุณวิเศษของวัตถุธาตุเช่นนั้น ก็ติดตามครอบครองยึดถือเป็นเจ้าของ

    อณูธาตุเหล่านั้นมีทั้งที่กระจัดกระจายออกนอกแนวแรงดึงดูดของโลก คือ หลุดออกไปนอกโลก
    และทั้งที่กระจัดกระจายไปในบรรยากาศของโลก แล้วตกลงสู่พื้นดิน
    และวิวัฒนาการไปตามธรรมชาติ ตลอดระยะเวลายาวนานหลายกัปหลายกัลป์มาจนถึงปัจจุบันนี้

    จึงมีสภาพ ลักษณะ และอานุภาพที่แตกต่างกันไปตามธรรมชาติที่แวดล้อม เป็นอยู่
    และเปลี่ยนแปลงไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติ คือ
    ความเป็นสภาพไม่เที่ยง (อนิจฺจํ)
    ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย เป็นทุกข์ (ทุกฺขํ) คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้นาน
    จนถึงเป็น อนตฺตา ได้ในที่สุด

    ครั้นเมื่อมาถึงยุคปัจจุบันนี้
    จึงอาจมีอานุภาพตามคุณลักษณะของธาตุธรรมที่จะเป็นฝ่ายพระ (ฝ่ายบุญกุศล) ล้วนๆ
    ที่จะให้สุขสมบัติแก่ผู้มีอยู่ในครอบครองแต่ถ่ายเดียว

    หรือว่าจะมีอานุภาพตามลักษณะของธาตุธรรมเป็นฝ่ายมาร (ฝ่ายบาปอกุศล) ล้วนๆ
    ที่จะให้ทุกข์สมบัติ แก่ผู้มีไว้ในครอบครองแต่ถ่ายเดียว

    และ/หรือจะมีลักษณะของธาตุธรรม 2 ฝ่าย ปะปนกัน
    ที่อาจให้ทั้งสุขสมบัติแก่ผู้ประพฤติปฏิบัติดี มีศีลมีธรรม
    และ ที่ให้ทั้งทุกข์สมบัติแก่ผู้ประพฤติปฏิบัติชั่ว ทุศีล ขาดหิริโอตตัปปะ และ ไร้คุณธรรม
    ได้ตามส่วนของเขา และตามระดับคุณธรรมของผู้มีไว้ในครอบครอง

    อณูธาตุอันเป็นที่สถิตอยู่ของจิตวิญญาณธาตุของฤาษี ที่ปรารถนาดำรงคงทนยั่งยืนที่สุดดุจอมตธรรม
    จึงต้องเสพ หรือ ดูดซึมสิ่งที่อยู่แวดล้อมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงอณูธาตุนั้น ให้ดำรงคงอยู่คู่กับเบญจขันธ์ของตน เช่น
    - ในบริเวณบางแห่งที่มีแร่ธาตุประเภทอัญมณีมาก ก็จะวิวัฒนาการเป็นวัตถุธาตุที่เหมือนอัญมณีสีต่าง ๆ ได้
    - บริเวณที่มีทั้งแร่ธาตุ ดินกากยายักษ์ หิน และทั้งว่านยาสมุนไพรที่วิเศษต่าง ๆ
    ที่เหมาะแก่การรักษาธาตุขันธ์ของเขา ก็จะเสพหรือดูดซึมเข้าไปปรุง หล่อเลี้ยงธาตุขันธ์ของเขา
    จึงวิวัฒนาการมาเป็นวัตถุธาตุกึ่งอัญมณี-หิน-เหล็ก รวมกัน แต่ไม่ดูดเหล็ก

    กล่าวโดยส่วนใหญ่แล้วมีส่วนผสมของแร่เหล็กเป็นตัวยืน
    ที่เมื่อถูกเชิญ หรือถูกบังคับเรียกออกมาจากรังด้วยเวทมนตร์ของผู้ทรงวิทยาคม
    ก็จะไหล หรือ ย้อยหยดลงมาในสภาพเป็นของเหลว
    หรือ ยืดออกมาในสภาพเป็นของอ่อนนิ่มก่อน จึงชื่อว่า “เหล็กไหล”
    เมื่อมากระทบกับอากาศเย็น หรือ น้ำพระพุทธมนต์ที่รองรับไว้
    ก็จะกลับแข็งตัวเหมือนโลหะเหล็ก หรืออัญมณีที่แข็งเหมือนเหล็ก

    นอกจากนั้น วัตถุธาตุกายสิทธิ์นี้ยังขยายขนาดและขยายเผ่าพันธุ์ มีสมาชิกทั้งแก่และอ่อนสถิตอยู่ร่วมกันในรัง
    ดุจดังว่าเป็นอาณาจักรของเขา เรียกว่า “รังเหล็กไหล” หรือ “โคตรเหล็กไหล”

    กรณีที่ธาตุกายสิทธิ์ถูกผู้มีอำนาจสิทธิเหนือกว่า เช่น
    ผู้เป็นพระอริยเจ้าเชิญออกมา หรือ ผู้ทรงวิทยาคมเรียกบังคับให้ออกมาจากรัง...จนหมดทั้งรัง
    รัง หรือ โคตรเหล็กไหลนั้น บางท่านเรียกว่า "มูล หรือ ขี้เหล็กไหล"
    เเต่ มูล หรือ ขี้เหล็กไหลจริงๆ มีอยู่อีกต่างหาก

    ธาตุกายสิทธิ์ที่ถูกเชิญ หรือ เรียกบังคับออกมานี้ ชื่อว่า "เหล็กไหลตัด"
    เหล็กไหลประเภทนี้ มีกัมมันตภาพรังสีอยู่ด้วยมาก
    ประเภทนี้มีฤทธิ์อำนาจมาก มีอานุภาพร้อนเเรง
    จึงมีทั้งคุณอนันต์เเก่คนดีมีศีลมีธรรม เเละเป็นโทษมหันต์เเก่ผู้ทุศีล หรือขาดคุณธรรมได้



    รัง หรือ โคตรเหล็กไหล ที่มีสมาชิกธาตุกายสิทธิ์สถิตอยู่มากมายนั้น
    นานปีนับร้อย - พัน - หมื่น - เเสน - ล้าน - โกฏปี
    ย่อมได้รับความกระทบกระเทือนจากปัจจัยเเวดล้อมตามธรรมชาติ ได้เเก่
    เเดด ลม ฝน เเผ่นดินไหว น้ำไหลเซาะ ฯลฯ เป็นต้น
    บางส่วนก็เเตกหลุดออกจากรังเดิมไปตามธรรมชาติ
    ถูกกระเเสน้ำกระเเสลม...ซัดพัดพาไปติดอยู่ ณ ที่ใดที่เหมาะสม ก็ขยายเผ่าพันธุ์ ณ ที่นั้นต่อๆไปอีก

    ชื่อว่า "พญาสมิงเหล็ก" ก็มี / "เหล็กไหลเจ้าป่า" ก็มี / "หล็กไหลโกฏปี" ก็มี
    เเละสมาชิกที่วิวัฒนาการเป็นธาตุกายสิทธิ์ ที่เคยอาศัยอยู่ในรังน้อยใหญ่
    ก็หลุดจากรังเดิมต่อๆไปอีก ถูกกระเเสน้ำพัดพาไปอยู่ตามถ้ำ ตามเเอ่งน้ำ
    บนภูเขา หรือออกจากถ้ำ / ภูเขา ไปอยู่ตามเชิงเขาเเละตามพื้นดินภายนอกก็มี
    ที่อยู่ตามน้ำ เรียกว่า "เหล็กไหลตาน้ำ" หรือ "เหล็กหลบ" ก็มี
    เเละที่อยู่ตามพื้นดินภายนอก ถูกเเดดเเผดเผาจนเป็นสีน้ำตาลอมส้ม เรียกว่า "เหล็กไหลเพลิง" ก็มี ฯลฯ

    วัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่ตัดเอง (หลุดออกมาเอง) โดยธรรมชาติ
    ทั้งหมดเหล่านี้จึงรวมเรียกว่า "เหล็กไหลบารมี"



    ธาตุกายสิทธิ์ (พญาเหล็ก)
    - จะช่วยให้ความคุ้มครองป้องกันสรรพอันตรายแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ทรงศีล ทรงธรรม
    ตามสมควรแก่บุญบารมี
    - ทำหน้าที่เป็นภาคผู้เลี้ยง ช่วยให้ผู้มีไว้ในครอบครอง เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ
    เป็นอุปการะแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมให้ถึงนิพพานสมบัติแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง
    ผู้ประกอบคุณธรรมเพิ่มพูนบารมีธรรมได้เป็นอย่างดี

    ธาตุกายสิทธิ์ประเภทดีมีคุณธรรม จะช่วยชักนำให้ผู้มีอยู่ในครอบครอง
    ปฏิบัติธรรมอยู่ในคุณความดี คือ ทานกุศล ศีลกุศล และ ภาวนากุศล ให้เจริญเเก่กล้ายิ่งๆขึ้นไป
    เพื่อที่จะเขาจะได้อนุโมทนาบุญ และได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีธรรมด้วย
    จึงให้แต่คุณแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้เป็นคนดีมีศีลมีธรรม

    ส่วนธาตุกายสิทธิ์ประเภทที่ด้อยคุณธรรม ก็ปรารถนาอยู่ว่า
    ผู้ที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของจะปฏิบัติอยู่ในคุณธรรมดี เพื่อที่เขาจะได้ร่วมอนุโมทนา
    และได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีธรรมด้วย เพื่อเลื่อนภูมิจิตใจให้สูงขึ้น
    แต่ถ้าเจ้าของผู้ครอบครองเป็นคนชั่วช้า ลุแก่อำนาจกิเลส (โลภะ ราคะ โทสะ โมหะ)
    ธาตุกายสิทธิ์ประเภทนี้ กลับจะให้โทษแก่ผู้ครอบครองได้ง่าย และรุนแรงด้วย

    ฉะนั้น
    - ของดีต้องอยู่กับคนดี จึงดีเลิศ คนไม่ดีถึงจะได้ครอบครองของดี ก็มีอยู่ได้ไม่นาน
    - ส่วนคนดีได้ครอบครองของที่มีอานุภาพที่ทั้งดีและไม่ดี ก็จะมีแต่ดี ไม่มีโทษ
    - แต่คนไม่ดีที่ได้ครอบครองของที่มีอานุภาพทั้งดีและไม่ดี ย่อมไม่ได้ผลดี
    และยังจะชักนำกันไปในทางที่ไม่ดีอันมีโทษได้

    เพราะฉะนั้นผู้มีของดี หรือ มีของที่มีอานุภาพทั้งดีและไม่ดี
    จึงต้องประพฤติปฏิบัติตนอยู่แต่ในคุณความดีโดยส่วนเดียว จะประมาทมิได้ จึงจะมีแต่ดีกับดีโดยตลอด


    เหตุที่มีข่าววัตถุธาตุกายสิทธิ์ /เหล็กไหล...ในปัจจุบันนี้มาก เพราะเหตุสำคัญ ๒ ประการ คือ

    ๑. มีการทำของเทียมขึ้นจำหน่ายให้แก่ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยความโลภ หรือด้วยความปรารถนาลามก

    ๒. ในยุคปัจจุบันนี้ ประเทศไทยเป็นที่ตั้งมั่นสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็นบ่อเกิดและที่สถิตอยู่ของผู้มีบุญบารมี ผู้บำเพ็ญบารมีธรรมเพื่อความบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นพระอรหันตสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า
    และพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ตามระดับอธิษฐานบารมีที่ได้กระทำมาแล้วเป็นจำนวนมาก

    เทพเทวาผู้สัมมาทิฏฐิ ผู้ดูแลรักษาธาตุกายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยง จึงเปิดบารมีธรรมแก่ผู้กำลังบำเพ็ญบุญบารมีในระดับต่างๆ ให้ได้รับธาตุกายสิทธิ์ ภาคผู้เลี้ยงที่มีอยู่ในโลก ในจักรวาล เพื่อเป็นอุปการะแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมให้ยิ่งขึ้นไปได้สะดวก และเพื่อช่วยกันสืบบวรพระพุทธศาสนาในประเทศไทยนี้ ให้เจริญรุ่งเรืองและมั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่ออำนวยประโยชน์สุขและความสันติสุขแก่สาธุชนหมู่ใหญ่ ทั้งแก่ชาวไทยและชาวโลก ให้ได้มากที่สุดเป็นสำคัญ

    เหตุนั้นแท้ที่จริงแล้ว ธาตุกายสิทธิ์นี้จึงได้มีการใช้กันอยู่แล้ว ในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรม และศิษยานุศิษย์
    ตลอดทั้งผู้ปกครอง ผู้กอบกู้ และผู้รักษาประเทศชาติบ้านเมืองไทยเรามาแต่โบราณกาลแล้ว
    เพียงแต่ไม่มีสื่อมวลชนกระจายข่าวกันมาก และไม่มีการทำของเทียม (ปลอม) หลอกลวงจำหน่ายกันมากขึ้น ดังเช่นทุกวันนี้เท่านั้น



    วิธีรักษาธาตุกายสิทธิ์ให้ดีตลอด เเละ วิธีพัฒนาธาตุกายสิทธิ์ที่ร้าย...ให้กลายเป็นดี

    ๑. ธาตุกายสิทธิ์ (เหล็กไหล) เหล่านี้ ปรารถนาที่จะเข้าสู่กระเเสธรรม มุ่งอยู่ที่การบำเพ็ญบารมีธรรม
    เพื่อเลื่อนภูมิจิตของตนเองเข้าสู่ความเป็น "พระอริยเจ้า" ถึงพระนิพพานอันเป็นอมตธรรมเป็นสำคัญ
    จึงต้องอยู่กับคนดีมีศีลธรรมเท่านั้นจึงดี เเละจะให้คุณเป็นความเจริญด้วย มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ
    เเละเป็นอุปการะเเก่ผู้มีไว้ในครอบครองผู้บำเพ็ญบารมีธรรม ให้ถึงความบรรลุ มรรค ผล นิพพาน...ได้สะดวก

    เพราะฉะนั้น ผู้มีโอกาสได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้
    จักต้องดำรงตนอยู่เเต่ในคุณความดี เพิ่มพูนบารมีธรรม
    โดยปฏิบัติ "ทานกุศล" "ศีลกุศล" "ภาวนากุศล" ให้ยิ่งๆขึ้นไป
    เเละให้เขาได้มีโอกาส "อนุโมทนาบุญ" เเละ "ร่วมบำเพ็ญบารมีธรรม" ...ไปกับเราด้วย

    โดยประการนั้นเเหละถูกต้องความประสงค์ของเขานัก
    เเละ "กายสิทธิ์" ที่สถิตอยู่ก็จะได้ทำหน้าที่เป็น "ภาคผู้เลี้ยงพระ" ได้อย่างสมบูรณ์

    ๒. ถ้าเป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน หรือ เเม้ผู้เป็นนักบวช ผู้ยังไม่ชำนาญในการเจริญภาวนาชำระธาตุธรรมได้เอง
    ควรมีธาตุกายสิทธิ์ประเภทที่ "ผู้รู้" หรือ "ผู้ทรงคุณวุฒิ" ท่านได้นำมาสร้างเป็นพระ หรือได้ฝังอยู่ในองค์พระ
    เเละที่ผ่านการเจริญภาวนาชำระสะสางธาตุธรรม นำเข้าสู่กระเเสธรรมเเห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีเเล้ว จึงจะดี เเละ ปลอดภัยที่สุด



    วัตถุมงคลมวลสารธาตุกายสิทธิ์ (เหล็กไหล)

    ๑. ธาตุเป็น วัตถุธาตุกายสิทธิ์ผสม ของ "เหล็กไหลบารมี" เเละ/หรือ "เหล็กไหลตัด"
    ที่มีส่วนผสมของเเร่ที่เป็นมงคล เช่น ทองคำ เงิน สังฆวานร เพชรหน้าทั่ง รังหรือโคตรเหล็กไหล
    ดินกากยายักษ์ ว่านยา สมุนไพร เเละพันธ์ไม้ที่เป็นมงคลต่างๆ เป็นต้น
    หล่อหลอมขึ้น หรือสร้างขึ้นเป็นพระพุทธรูป ฯลฯ
    ด้วยพิธีการเจริญภาวนา "ชำระธาตุธรรมส่วนละเอียด" ของธาตุกายสิทธิ์ ที่หลอมหรือสร้างขึ้นมานั้น
    เเล้วนำเข้าสู่กระเเสธรรม เเละบรรจุพลัง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
    ตามวิธีที่บูรพาจารย์ได้เคยกระทำได้ผลดี มีอานุภาพสูงมาเเล้ว


    ๒. เป็นธาตุกายสิทธิ์ประเภท "เหล็กไหลบารมี"
    คือ หลุด (ตัด) เอง ...ออกมาจากรังหรือโคตรเหล็กไหลตามธรรมชาติ
    เเล้ววิวัฒนาการบารมีธรรมสูงขึ้นๆไปตามลำดับ ได้เเก่ พญาสมิงเหล็ก เหล็กไหลตาน้ำ เหล็กไหลเพลิง ฯลฯ
    ที่ได้มาด้วยบารมีธรรมของตน เเละ/หรือ ด้วยเทพเทวาเขาเปิดบารมีให้...อย่างนี้ก็มี

    ประเภทนี้ มีอานุภาพเเก่ผู้มีไว้ในครอบครอง....ที่ละเอียดเเละเยือกเย็น
    เเละยิ่งเป็นผู้มีศีลมีธรรม...ยิ่งเจริญดี
    ถ้าอยู่กับคนดีน้อย เขาจะพยายามชักนำให้ดีขึ้น
    ถ้าอยู่กับคนไม่ดีโดยสันดาน ก็จะอยู่ด้วยไม่ได้นาน


    ๓. เป็นธาตุกายสิทธิ์ประเภทที่ "ตัดสด" จริงๆ
    โดยพระอริยเจ้า หรือ ผู้ทรงวิทยาคุณ ผู้เชิญเขาออกมาด้วยพระพุทธมนต์
    หรือ เรียกบังคับเขาออกมาจากรังหรือโคตรเหล็กไหล ด้วยทั้งพระพุทธคุณ เเละทั้งเวทย์มนต์...ก็มี

    ประเภทนี้มี "อานุภาพรุนเเรง"
    ถ้าได้ผ่านการ "เจริญภาวนาชำระธาตุธรรม" เเละให้เข้าอยู่ใน "กระเเสธรรม" เเล้วจึงดี
    เเละถ้าอยู่กับคนดี มีศีลมีธรรม ปฏิบัติธรรมเพิ่มพูนบารมีธรรมอยู่เสมอเเล้ว...ก็จะยิ่งดี
    เเต่ถ้าอยู่กับคนไม่ดี คนขาดศีลขาดธรรมเเล้ว มักมีโทษ เเละไม่อยู่ด้วยนาน


    ธาตุกายสิทธิ์ประเภทนี้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผู้ทรงศีลทรงธรรมได้ทำ หรือที่ได้สร้างขึ้นเป็นพระพุทธรูป ฯลฯ
    จึงเป็น "ธาตุกายสิทธิ์ที่ให้คุณมาก" เเละ "ปลอดภัยดีที่สุด" ... เเก่ผู้มีไว้ในครอบครอง
    เพราะเป็นวัตถุธาตุที่ "ผ่านกระเเสธรรมดีเเล้ว"
    จึงมีเเต่จะเป็นสิริมงคลเเก่ผู้มีไว้ในครอบครองด้วยใจศรัทธาในพระรัตนตรัยเเต่ส่วนเดียว



    *** คัดลอกบางตอนจาก
    บทความเรื่อง อานุภาพธาตุกายสิทธิ์ - เหล็กไหล / พญาสมิงเหล็ก
    นิตยสารธรรมกาย ฉบับที่ ๔๗ มกราคม - มีนาคม ๒๕๔๑
     
  10. littleyogi

    littleyogi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +41
    "ศิลปินทั้งปวง หรือผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงไม่สามารถสร้างรูปเปรียบพระพุทธองค์ได้"
    จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลฉบับ มมร. 91 เล่ม (อรรถกถามหาปทานสูตร เล่ม13หน้า116)

    " บทว่า สีหปุพฺพฑฺฒกาโย ความว่า พระมหาบุรุษมีกึ่งกายท่อนบน
    เหมือนกึ่งกายท่อนหน้าของราชสีห์ เพราะฉะนั้น พระมหาบุรุษจึงชื่อว่ามีส่วน
    พระวรกายเบื้องหน้าเหมือนกึ่งกายเบื้องหน้าแห่งราชสีห์ เพราะว่ากายเบื้องหน้าของราชสีห์บริบูรณ์
    กายเบื้องหลังไม่บริบูรณ์. ก็พระวรกายทั้งหมดของพระมหาบุรุษบริบูรณ์ดุจกายเบื้องหน้าของราชสีห์. แม้พระวรกายของมหาบุรุษก็
    เหมือนกายของราชสีห์ย่อมไม่ตั้งอยู่สูง ๆ ต่ำ ๆ ด้วยสามารถแห่งความฟูและ
    แฟบเป็นต้น แต่ยาวในที่ควรยาวย่อมเป็นอย่างนั้น ในที่ควรสั้น ควรล่ำ ควร
    เรียว ควรกว้าง ควรกลมเป็นต้น. ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    พระมหาบุรุษทรงปลื้มพระทัยนักแล เมื่อผลกรรมปรากฏทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดยาว อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่ยาว
    ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดสั้นอวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่สั้น ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดล่ำ อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่ล่ำ
    ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดเรียว อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่เรียว ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดกว้าง อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่กว้าง
    ทรงงดงามเพราะอวัยวะส่วนใดกลม อวัยวะส่วนนั้นย่อมตั้งอยู่กลมดังนี้. อัตตภาพของพระมหาบุรุษสะสมไว้ด้วยทานจิต บุญจิต ตระเตรียมไว้ด้วยบารมี ๑๐ด้วยประการฉะนี้.
    ศิลปินทั้งปวงหรือผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงในโลก ไม่สามารถสร้างรูปเปรียบได้."

    ถามผู้สร้างพุทธภูมิ ตามที่ทราบๆกันมา กว่าจะสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้าได้แสนยากเข็ญๆๆๆๆ และยาวนานๆๆๆๆๆ
    คิดหรือว่าจะเอาเศษดิน หิน โลหะ แร่ ธาตุใดๆ มาปั้น หล่อ จำลอง ให้เหมือน ให้เป็นตัวแทนได้
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    การปั้นพระภายในและภายนอก

    การปั้นพระภายนอกและภายใน

    การฝึกปั้นพระเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หยุดคิดชั่ว
    ขณะหนึ่ง ชั่วขณะที่ได้ตั้งใจทำพระให้เสร็จ ให้ได้แบบ ให้ได้
    รูป ให้สวยงาม ในขณะที่ทำก็จะได้อานิสงส์คือ พุทธานุสติ
    เมื่อมีองค์พระแบบที่ต้องการ กดพิมพ์พระให้สมบูรณ์ก็จะระลึก
    ถึงพระพุทธเจ้า การทำพระให้เป็นนี้เป็นกุศโลบายที่ทำให้ใจที่
    หยาบ ใจที่ว้าวุ่น ใจที่ขัดข้อง ใจที่คิดโน่นคิดนี่ ให้ได้หยุด ได้
    นิ่ง ได้ใส มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในขณะที่ทำ ขณะที่ทำให้
    ระลึกอยู่เสมอว่า ต่อไปนี้จะตั้งใจกดพิมพ์พระปั้นพระ พระใน
    กาย พระในใจของเราให้ได้รูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด จิตของลูก
    ให้หมดสิ้นในกามรมณ์ให้หมดสิ้นในโทสะ ให้หมดสิ้นในโมหะ
    ความหลง จะตั้งจิตตรงต่อพระนิพพานเป็นที่พึ่ง ชีวิตเป็นของ
    ไม่แน่นอน ความเกิด ความตายเป็นของธรรมดา เมื่อเกิดขึ้นมา
    แล้วก็ต้องเป็นของยุ่งยาก ในที่สุดมันก็ต้องตาย แต่ถ้ากิเลส
    ของเรายังไม่หมด ก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ มาใช้ชีวิตที่มีความ
    ทุกข์ ความสุขเจือปนอยู่ หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้ ตราบใดมี
    การเกิดก็ย่อมมีทุกข์

    ฉะนั้นในขณะที่ปั้นพระให้ตั้งจิตแน่วตรงต่อพระนิพพานว่า
    ชาตินี้ให้พอเสียที เกิดทุกชาติก็ตายทุกชาติ เกิดแล้วตาย เกิด
    แล้วตายวนเวียนกันอยู่เช่นนี้ ทำอารมณ์จิตให้นิ่งให้หยุด ให้
    พิจารณาถึงพระนิพพานเป็นที่ตั้ง ให้กำหนดอารมณ์พระนิพพาน
    ขึ้นที่ศูนย์กลางกาย เราตั้งใจจะปั้นพระภายในกายของเราให้
    สวย ให้งาม ให้ได้แบบที่สมบูรณ์ที่สุด

    ในขณะทำ ทำอารมณ์จิตให้เบา ให้ใส ให้พยายามรักษา
    กำลังใจไว้ว่า...ที่เราทรงขันธ์ห้า อันเป็นภาระอันหนัก ในการ
    แบกอยู่ในโลกนี้ ทำให้เกิดอารมณ์ยุ่งวุ่นวาย จิตไม่หยุดไม่นิ่ง
    ต่อไปนี้เราจะทำอารมณ์พระนิพพาน เราจะปั้นพระภายในกาย
    เพื่อให้เราละจากโลกนี้แล้ว เทวโลก พรหมโลก ไม่ว่าสวรรค์
    พรหมชั้นไหน เราก็ไม่ต้องการ เราต้องการเพียงอย่างเดียวคือ
    พระนิพพาน ฉะนั้นเราจะปั้นพระประจำกายของเราให้ได้
    สมบูรณ์แบบที่สุด ให้ได้ดีที่สุด

    ขณะที่ปั้นพระเมื่อแกะบล๊อกออกมาแล้วก็ตกแต่งให้สวย
    งาม ดูความบกพร่องและพยายามแต่งให้สมบูรณ์แบบที่สุด
    ก็เปรียบเหมือนกับว่าการมาปฏิบัติธรรมก็เพื่อสำรวจความ
    บกพร่องของจิต ว่าจิตของเราบกพร่องอยู่ตรงไหน พยายาม
    แก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่ถึงพระพุทธองค์
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ

    จำไว้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง ถ้าเราเกาะความไม่เที่ยงเรา
    ก็ทุกข์ แต่ทว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตามอนัตตามันก็เข้ามาถึง อย่า
    ยึดอย่าถือว่า สรรพสิ่งมันเป็นของเรา เป็นของเราให้คิดเสมอ
    ว่า.......... ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่เราจะอยู่กับมัน เราจะ
    ตั้งใจของเราให้ใสสะอาดบริสุทธิ เราจะปั้นพระภายในกายของ
    เราให้สวย ให้สมบูรณ์แบบ จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายัง
    ไม่เป็นพระอรหันต์ในเวลานั้นเราก็ขึ้นชื่อว่า ยังไม่เป็นคนดีที่
    สุด เราจะพยายามเก็บความชั่วกิเลส ตัณหา ที่ขังอยู่ในใจ
    ทำลายให้มันตายสนิท อย่าให้เกิดขึ้นมา เมื่อกิเลสความชั่วตาย
    หมด เชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว ทรงไว้แต่ความดี และว่างจาก
    ความทุกข์ จะทรงไว้เพียงความสุขอย่างเดียว ชีวิตเป็นของ
    ไม่เที่ยง แต่ว่าความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตายจงคิด
    ว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีการตายต่อไปอีก นั่นคือ
    พระนิพพาน ให้ฝึกตายก่อนตาย เอาอารมณ์พระนิพพานเป็นที่
    ตั้ง ขณะที่ปั้นพระ ก็ปั้นพระในกายของเราให้สมบูรณ์แบบ

    ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต
    ธรรมะเป็นของที่ชี้ชวนกันดูไม่ได้
    แต่ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สามารถรู้เห็นได้ด้วยตนเอง

    พระที่เราปั้นเมื่อแกะออกมาไม่สวยเราล้มทิ้งปั้นใหม่ ปั้น
    มากๆเข้า ก็จะได้พระที่สวยขึ้น แบบที่คมขึ้น ชัดขึ้นใจที่หยาบก็
    ละเอียดขึ้น ๆ ๆ นี่คือประโยชน์หนึ่งในการกดพระ ปั้นพระ
    การนั่งสมาธิก็เป็นอีกกุศโลบายหนึ่งที่ทำให้ใจหยุดใจนิ่ง
    การกดพิมพ์พระเมื่อทำมากๆ เข้าปรากฏว่าพระที่ทำออกมาสวย
    ขึ้น ๆ นั่นก็เพราะจิตของผู้ที่ทำละเอียดขึ้น ๆ ๆ ให้เข้าใจถึง
    แนวรูปแบบวิธีการในการทำ ต้องการให้กำหนดอารมณ์พระ
    นิพพานเป็นที่ตั้ง หากฝึกตั้งแต่ตอนนี้ เวลานี้ เมื่อถึงเวลาละ
    ขันธ์ย่อมมีนิพพานเป็นที่ตั้ง พระนิพพานให้ทำ ณ ปัจจุบันไม่
    ต้องรออนาคตกาล

    ถ้าต้องการหมดทุกข์ หมดภพ หมดชาติ ต้องการความสุข
    ที่แท้จริงก็จงอย่าคิดว่า โลกนี้เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหมดใน
    โลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา ร่างกายของ
    บุคคลอื่นเป็นพวกเราเป็นของเรา จงคิดว่าร่างกายก็เป็นเพียง
    แค่ธาตุที่ขึ้นมาประชุมประกอบขึ้นมาเป็นร่างกาย ภายในร่าง
    กายของเราก็เพียงทำความรู้สึก เพียงแต่สรรพแต่ว่าเห็น
    คือไม่สนใจ ไม่ยึดถือ ว่ามันเป็นกับเรา จะอยู่ด้วยกันตลอด
    กาล ตลอดสมัย ให้ตัดความโลภเสีย ด้วยการให้ทาน
    ตัดความโกรธ ด้วยความเห็นใจซึ่งกันและกันการรู้จักอภัย
    ตัดความหลง ด้วยการยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
    ถ้าสามารถมีอารมณ์ได้อย่างนี้ทั้งหมด จะมีความสุข
    จะรู้จักพิจารณาสัจจธรรมที่แท้จริงของโลก
    สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ดับไป

    ต้องพยายามทำทุกวัน ตัดโลภะคือความโลภ
    โทสะคือความโกรธ
    โมหะคือความหลง

    หากสามารถทำลายยักษ์สามตัวนี้ลงได้ทุกวัน ๆ ๆ โลภะ โทสะ
    โมหะ ก็จะหมดไปในที่สุด ความสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดกับทุก
    ท่าน ถือว่าเป็นการฝึกการตายก่อนตาย

    การฝึกปั้นพระก็เป็นการฝึกปั้นธรรมกายในตัวเรา ให้ใจที่
    หยาบ ใจที่ว้าวุ่น ใจที่เกาะเกี่ยวในกิเลส ตัณหา อวิชชา เบาบาง
    ลงจิตก็ละเอียดขึ้น ๆ ๆ จิตก็ใสขึ้น ใสในใส ๆ ๆ อารมณ์พระ
    นิพพานเป็นที่ตั้งของทุกๆ คน

    เมื่อปั้นพระเป็นแล้ว ต่อไปจะเป็นแนววิถีวิชชาธรรมกาย
    ว่า....ในวิชชาธรรมกายเมื่อทำวัตถุมงคลเสร็จแล้ว จะต้องเดิน
    วิชชาอย่างไร เพื่อให้วัตถุมงคลนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง จะหาความ
    ศักดิ์สิทธิ์ใดในโลกมาเปรียบนั้นไม่มี วิชชาธรรมกายเป็นหนึ่ง
    เมื่อปั้นพระเป็นทำวัตถุมงคลเป็นแล้ว ต้องทำให้เป็น
    วิชชาเป็น วิธีทำวัตถุมงคลให้เป็นกายสิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
    ตามแนววิชชาธรรมกายเป็นดังต่อไปนี้

    ให้เดินวิชชาเข้าสุดละเอียดที่สุด ผู้ที่เดินเซฟมรรคได้ก็
    ให้เดินเซฟมรรคทับทวีทบไปทวนมาจนใส ใสในใส นิ่งในนิ่ง
    กลางของกลาง สลักเข้าไปกำเนิดตัวเราทั้ง 18 กาย และกาย
    มนุษย์ กลั่นให้ใสละเอียด ละเอียดไป ๆ ๆ จนสุดละเอียด ตั้ง
    เอาธาตุเป็นกสิณ ธรรมเป็นสมาบัติ สลักเข้าไปในไส้ธาตุดิน
    กลั่นธาตุดินให้สะอาด สลักเข้าไปในธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม
    อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ แยกธาตุสะอาดฟอกธาตุสะอาด ทำ
    ทบไปทวนมาจนธาตุทั้งหลายใสสะอาด

    ตั้งเครื่องเห็น จำ คิด รู้ กลั่นธาตุเห็น ธาตุจำ ธาตุคิด
    ธาตุรู้ให้สะอาด ตลอดสุดหยาบสุดละเอียด เถาว์ ชุด ชั้น ตอน
    ภาค พืด สุดละเอียดกายให้สะอาด สะสางถึงหยาบสุด กลาง
    สุด ละเอียดสุดให้สะอาด ทำซ้ำๆ ๆ ทั้งธาตุทั้ง 4 ที่ประกอบ
    ขึ้นมาในวัตถุมงคลที่เราทำแล้ว ก็อาราธนาพระพุทธเจ้า พระ
    อรหันต์เจ้า ต้นธาตุพระจักรพรรดิ์ ให้แก้กายเครื่องจักรกายสิทธิ์
    รัตนเจ็ด ที่เป็นไอกรด สะสางกายให้สะอาด อาราธนาวิชชา
    ผ่านวัตถุมงคลที่ปั้นขั้นมาใหม่ทุกชิ้น วัตถุมงคลเหล่านี้จะมี
    กายที่ละเอียดสลักเข้าไป กายในกาย ๆ ๆ เดินพร้อมกับตัวเรา
    พร้อมกัน น้อมเข้าไปในไส้นิพพานแก่ๆ นิพพานเป็นสุด
    นิพพาน ให้เป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม วิมุตติธาตุ วิมุตติธรรม
    อาศัยธาตุธรรมทั้งสองชนิดนี้ สะสางธาตุธรรมและวัตถุมงคล
    นั้นให้ใสสะอาด

    เข้าถึงศูนย์บุญในองค์พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์
    กำเนิดศูนย์บุญกลั่นให้สะอาด ส่งกายเข้าไปเรื่อยสุดละเอียด
    เข้าถึงแล้ว สุดหยาบเข้าถึงแล้ว อยู่ในศูนย์บุญ ตั้งธาตุดิน น้ำ
    ไฟ ลม อากาศธาตุ วิญญาณธาตุขึ้นมา ประกอบกายมนุษย์
    พิเศษสลักเข้าไปในกลางผ่านดวงเห็น ดวงจำ ดวงคิด ดวงรู้
    ขันธ์ห้า วัตถุมงคลนั้นเป็นธรรมขันธ์ ธรรมธาตุ ฉะนั้นต้องสลัก
    เข้าไปในอายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 เข้าถึงในไส้สุด
    กลั่นให้สะอาด เชื่อมติดกายมนุษย์หยาบและละเอียด ทิพย์
    หยาบ ทิพย์ละเอียด รูปพรหมหยาบ รูปพรหมละเอียด อรูป
    พรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ปฐมมรรค มรรคจิต มรรค
    ปัญญา โครตภูหยาบ ละเอียด โสดามรรคผล สกิทาคามรรค
    ผล อนาคามีมรรคผล อรหันต์มรรคผล อรหันต์ในอรหัตน์
    ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระจักรพรรดิ์ ตรึกนิ่งเข้าไปที่ผุดดวง
    โพธิญาณของท่าน ซึ่งเป็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอรหันต์
    นั่นเอง ที่แก่ไกลเข้าไปอาราธนาท่านเปิดบุญศักดิ์สิทธิ์ กลั่น
    ธาตุธรรมให้สะอาด

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุดิน ฟอกธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุดิน จนไปถึงหัวแก๊ส
    เซฟทะเล เหตุทะเล กลั่นให้สะอาด อาราธนาพระพุทธเจ้า
    พระจักรพรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุน้ำ เดินฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุน้ำให้สะอาดจนไปถึง
    หัวแก๊ส เซฟทะเล เหตุทะเล อาราธนาพระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ประจำเต็มหมด ในอณูธาตุน้ำ

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุไฟ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุไฟให้สะอาด อาราธนา
    พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ ประจำอณูธาตุไฟ

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุลม เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศ อณูธาตุลม ให้สะอาดพระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้วิญญาณธาตุ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ
    ลม วิญญาณ อากาศธาตุ อณูธาตุเป็นเซฟทะเล เหตุทะเล
    อาราธณาพระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้อากาศธาตุ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ
    ลม วิญญาณ อากาศธาตุ อณูธาตุให้สะอาดเป็นเซฟทะเล เหตุ
    ทะเล สอดเข้าไปในไส้กลั่นละเอียดอีกที พระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ ประจำเต็มอยู่ อณูธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม นับเป็นแสนอสง
    ขัยกัปป์นับไม่ถ้วน สอดไส้กลั่นเดินเข้าไปในกายที่เล็กที่สุด
    ละเอียดที่สุด ส่งเข้าไปในองค์พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ ไป
    เรื่อย อาราธนาพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
    พระจักรพรรดิ์ประจำโพธิญาณของพระพุทธเจ้า 28 พระองค์
    เชื่อมติดหมด พระปัจเจกพุทธเจ้า ประจุอาราธณาพระอิสีติ
    มหาสาวกและนิพพานในอดีตในอดีต ในปัจจุบันในปัจจุบัน
    ในอนาคตในอนาคต นับอายุธาตุ อายุบารมี นับอสงขัยไม่
    ถ้วน ให้ประจำอยู่ในไส้สิบกลั่นให้ใสละเอียด ประจำเต็มหมด
    เข้าไปในต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นธาตุที่สำเร็จวิชชา
    ธรรมกายองค์แรก ให้สลักเข้าไปในกายในกายให้สะอาด เข้า
    ถึงสุดกายต้นธาตุที่ส่งให้สำเร็จ วิชชาธรรมกายองค์แรก สลัก
    กายกลั่นกายที่แก่ๆ และละเอียดไป ๆ ให้สะอาดสุดละเอียด
    อาราธนาท่านเปิดบุญศักดิ์สิทธิ์สอดไส้เข้าไปด้วย อาราธนา
    บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิ สิทธิเฉียบขาด อยู่ในไส้
    สอดกลั่นให้สะอาดให้เต็มไปหมด

    ทูลหลวงพ่อต้นธาตุ ขอท่านประสิทธิประสาทความ
    ศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลเหล่านี้ ให้เชื่อมติดสมบัติพันล้านใน
    วัตถุมงคลเหล่านี้ ให้เชื่อมติดกันหมด สอดไส้กลั่นให้สะอาด
    ส่งเข้าไปในไส้ที่ผุดกลั่นให้สะอาด กายผู้ให้ผุดของกายผู้ให้
    ผุด สุดกายผู้ให้ผุดให้สะอาด ตรึกนิ่งเข้าไปในไส้รู้ในนิโรธของ
    องค์พระพุทธเจ้า และพระจักรพรรดิ์ ในไส้ที่สุดรู้สุดญาณสุด
    ตรัสรู้ในนิโรธ ในไส้คำนวณรู้ญาน นิโรธตรัสรู้ในนิโรธในไส้
    เห็น จำ คิด รู้ กำเนิดที่ตั้งถูกเคลือบอยู่กลั่นให้สะอาด เนื้อ
    หนัง ผิว ดวงกลั่นให้สะอาด ธาตุเห็น ธาตุจำ ธาตุคิด ธาตุรู้
    ให้สะอาดในไส้นิโรธของในไส้นิโรธ ผุดดวงโพธิญาณในไส้
    กลางของกลาง กลางของกลาง สะสางให้ไส้กลางนิโรธให้
    สะอาด กำเนิดในไส้นิโรธให้สะอาด ดวงนิโรธให้สะอาดโตเต็ม
    ธาตุเต็มธรรม กลั่นให้สะอาดเปิดตรัสรู้ในเห็น ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
    ยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในจำ ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี
    ตรัสรู้ในคิด ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในรู้ ๆ ๆ ซ้ำ
    แล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในนิโรธ ๆ ๆ ตรัสรู้ในตรัสรู้ ๆ ๆ

    เดินเครื่องเข้าไปเรื่อยนับเป็นแสนอสงขัยกัปป์ไม่ถ้วน
    จนถึงที่สุดในที่สุด นิโรธที่สุดขององค์พระพุทธเจ้าและพระ
    จักรพรรดิ์สลักเข้าไปในไส้สุดกลั่น กำเนิดในไส้ละเอียดสุดกลั่น
    ให้สะอาด ที่ติดขาวอยู่ ให้เห็นจุดกำเนิดใสเล็กละเอียดมาก
    ปรากฎขึ้นมาก่อน แล้วเดินเข้าไปในองค์พระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ ต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นไม่มีต้นอีกต่อไป อาราธนาทับทวีทบไป
    ทวนมา คำนวณรวมเป็นหนึ่ง ทุกสี ทุกสาย ทุกกาย ทุกวงศ์
    ทุกองค์ ทับทวีจนเป็นเครื่องเป็น วิชชาเป็น
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    ................................................................................


    <iframe width="1" height="1" src="//www.youtube.com/embed/PCyUGlZHjpk?&autoplay=1&rel=0&amp;showinfo=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 ธันวาคม 2014
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    คุณ สาธิต เกิดเกลี้ยง จะจัดส่งวัชรธาตุ (ตามรูป) เพื่อมาร่วมสร้างพระ "ชัยมงคลเลิศฤทธิ์" กับพวกเรา ขออนุโมทนาบุญ ขออำนาจบุญนี้จงดลบันดาลให้คุณสาธิตและครอบครัว จงได้เข้าถึง รู้ เห็น และเป็นธรรมกาย ขอให้สำเร็จอภิญญา 6 จตุปฏิสัมภิทาญาณ มีความเป็นเลิศทางฤทธิ์ ให้เข้าถึงมรรค ผล นิพพาน โดยเร็วด้วยเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กรกฎาคม 2015
  15. littleyogi

    littleyogi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +41
    1.ถ้าว่าเป็นของดี ศักดิ์สิทธ์ แล้วจะเอามาขายทำไม? ทำไมไม่เก็บไว้เองเยอะๆ ถ้าว่าเมตตาแจก แล้วเอาสตางค์เขาทำไม?
    2.ถ้าว่าเป็นของดี ศักดิ์สิทธ์ ทำไมไม่ทำมาเยอะๆ ติดไว้ตั้งแต่แม่ฮ่องสอน ยันสุไหงโกลกเล่า.

    3.ผู้มีพลังจิตสูงทำการเสกเป่า ย่อมทำให้มีอานุภาพ มันเป็นอันตรายต่อพวกผี ปิศาจ เปรต เขาต้องทนทุกข์กับผลกรรมตัวเอง
    พอจะมาขอบุญ ขอความช่วยเหลือยังมาโดนอานุภาพเสกเป่า ถามท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ ท่านมิสงสารเขาเหล่านั้นหรือ?
    ไหนว่าท่านสร้างเมตตาบารมี เขาเหล่านั้นไม่ควรค่าที่จะได้รับเมตตาหรือ?
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    .....................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ธันวาคม 2014
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ธันวาคม 2014
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    [​IMG]
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,318
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,460
    การปั้นพระภายในและภายนอก

    การปั้นพระภายนอกและภายใน

    การฝึกปั้นพระเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หยุดคิดชั่ว
    ขณะหนึ่ง ชั่วขณะที่ได้ตั้งใจทำพระให้เสร็จ ให้ได้แบบ ให้ได้
    รูป ให้สวยงาม ในขณะที่ทำก็จะได้อานิสงส์คือ พุทธานุสติ
    เมื่อมีองค์พระแบบที่ต้องการ กดพิมพ์พระให้สมบูรณ์ก็จะระลึก
    ถึงพระพุทธเจ้า การทำพระให้เป็นนี้เป็นกุศโลบายที่ทำให้ใจที่
    หยาบ ใจที่ว้าวุ่น ใจที่ขัดข้อง ใจที่คิดโน่นคิดนี่ ให้ได้หยุด ได้
    นิ่ง ได้ใส มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในขณะที่ทำ ขณะที่ทำให้
    ระลึกอยู่เสมอว่า ต่อไปนี้จะตั้งใจกดพิมพ์พระปั้นพระ พระใน
    กาย พระในใจของเราให้ได้รูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด จิตของลูก
    ให้หมดสิ้นในกามรมณ์ให้หมดสิ้นในโทสะ ให้หมดสิ้นในโมหะ
    ความหลง จะตั้งจิตตรงต่อพระนิพพานเป็นที่พึ่ง ชีวิตเป็นของ
    ไม่แน่นอน ความเกิด ความตายเป็นของธรรมดา เมื่อเกิดขึ้นมา
    แล้วก็ต้องเป็นของยุ่งยาก ในที่สุดมันก็ต้องตาย แต่ถ้ากิเลส
    ของเรายังไม่หมด ก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ มาใช้ชีวิตที่มีความ
    ทุกข์ ความสุขเจือปนอยู่ หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้ ตราบใดมี
    การเกิดก็ย่อมมีทุกข์

    ฉะนั้นในขณะที่ปั้นพระให้ตั้งจิตแน่วตรงต่อพระนิพพานว่า
    ชาตินี้ให้พอเสียที เกิดทุกชาติก็ตายทุกชาติ เกิดแล้วตาย เกิด
    แล้วตายวนเวียนกันอยู่เช่นนี้ ทำอารมณ์จิตให้นิ่งให้หยุด ให้
    พิจารณาถึงพระนิพพานเป็นที่ตั้ง ให้กำหนดอารมณ์พระนิพพาน
    ขึ้นที่ศูนย์กลางกาย เราตั้งใจจะปั้นพระภายในกายของเราให้
    สวย ให้งาม ให้ได้แบบที่สมบูรณ์ที่สุด

    ในขณะทำ ทำอารมณ์จิตให้เบา ให้ใส ให้พยายามรักษา
    กำลังใจไว้ว่า...ที่เราทรงขันธ์ห้า อันเป็นภาระอันหนัก ในการ
    แบกอยู่ในโลกนี้ ทำให้เกิดอารมณ์ยุ่งวุ่นวาย จิตไม่หยุดไม่นิ่ง
    ต่อไปนี้เราจะทำอารมณ์พระนิพพาน เราจะปั้นพระภายในกาย
    เพื่อให้เราละจากโลกนี้แล้ว เทวโลก พรหมโลก ไม่ว่าสวรรค์
    พรหมชั้นไหน เราก็ไม่ต้องการ เราต้องการเพียงอย่างเดียวคือ
    พระนิพพาน ฉะนั้นเราจะปั้นพระประจำกายของเราให้ได้
    สมบูรณ์แบบที่สุด ให้ได้ดีที่สุด

    ขณะที่ปั้นพระเมื่อแกะบล๊อกออกมาแล้วก็ตกแต่งให้สวย
    งาม ดูความบกพร่องและพยายามแต่งให้สมบูรณ์แบบที่สุด
    ก็เปรียบเหมือนกับว่าการมาปฏิบัติธรรมก็เพื่อสำรวจความ
    บกพร่องของจิต ว่าจิตของเราบกพร่องอยู่ตรงไหน พยายาม
    แก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่ถึงพระพุทธองค์
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ

    จำไว้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง ถ้าเราเกาะความไม่เที่ยงเรา
    ก็ทุกข์ แต่ทว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตามอนัตตามันก็เข้ามาถึง อย่า
    ยึดอย่าถือว่า สรรพสิ่งมันเป็นของเรา เป็นของเราให้คิดเสมอ
    ว่า.......... ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่เราจะอยู่กับมัน เราจะ
    ตั้งใจของเราให้ใสสะอาดบริสุทธิ เราจะปั้นพระภายในกายของ
    เราให้สวย ให้สมบูรณ์แบบ จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายัง
    ไม่เป็นพระอรหันต์ในเวลานั้นเราก็ขึ้นชื่อว่า ยังไม่เป็นคนดีที่
    สุด เราจะพยายามเก็บความชั่วกิเลส ตัณหา ที่ขังอยู่ในใจ
    ทำลายให้มันตายสนิท อย่าให้เกิดขึ้นมา เมื่อกิเลสความชั่วตาย
    หมด เชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว ทรงไว้แต่ความดี และว่างจาก
    ความทุกข์ จะทรงไว้เพียงความสุขอย่างเดียว ชีวิตเป็นของ
    ไม่เที่ยง แต่ว่าความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตายจงคิด
    ว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีการตายต่อไปอีก นั่นคือ
    พระนิพพาน ให้ฝึกตายก่อนตาย เอาอารมณ์พระนิพพานเป็นที่
    ตั้ง ขณะที่ปั้นพระ ก็ปั้นพระในกายของเราให้สมบูรณ์แบบ

    ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต
    ธรรมะเป็นของที่ชี้ชวนกันดูไม่ได้
    แต่ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สามารถรู้เห็นได้ด้วยตนเอง

    พระที่เราปั้นเมื่อแกะออกมาไม่สวยเราล้มทิ้งปั้นใหม่ ปั้น
    มากๆเข้า ก็จะได้พระที่สวยขึ้น แบบที่คมขึ้น ชัดขึ้นใจที่หยาบก็
    ละเอียดขึ้น ๆ ๆ นี่คือประโยชน์หนึ่งในการกดพระ ปั้นพระ
    การนั่งสมาธิก็เป็นอีกกุศโลบายหนึ่งที่ทำให้ใจหยุดใจนิ่ง
    การกดพิมพ์พระเมื่อทำมากๆ เข้าปรากฏว่าพระที่ทำออกมาสวย
    ขึ้น ๆ นั่นก็เพราะจิตของผู้ที่ทำละเอียดขึ้น ๆ ๆ ให้เข้าใจถึง
    แนวรูปแบบวิธีการในการทำ ต้องการให้กำหนดอารมณ์พระ
    นิพพานเป็นที่ตั้ง หากฝึกตั้งแต่ตอนนี้ เวลานี้ เมื่อถึงเวลาละ
    ขันธ์ย่อมมีนิพพานเป็นที่ตั้ง พระนิพพานให้ทำ ณ ปัจจุบันไม่
    ต้องรออนาคตกาล

    ถ้าต้องการหมดทุกข์ หมดภพ หมดชาติ ต้องการความสุข
    ที่แท้จริงก็จงอย่าคิดว่า โลกนี้เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหมดใน
    โลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา ร่างกายของ
    บุคคลอื่นเป็นพวกเราเป็นของเรา จงคิดว่าร่างกายก็เป็นเพียง
    แค่ธาตุที่ขึ้นมาประชุมประกอบขึ้นมาเป็นร่างกาย ภายในร่าง
    กายของเราก็เพียงทำความรู้สึก เพียงแต่สรรพแต่ว่าเห็น
    คือไม่สนใจ ไม่ยึดถือ ว่ามันเป็นกับเรา จะอยู่ด้วยกันตลอด
    กาล ตลอดสมัย ให้ตัดความโลภเสีย ด้วยการให้ทาน
    ตัดความโกรธ ด้วยความเห็นใจซึ่งกันและกันการรู้จักอภัย
    ตัดความหลง ด้วยการยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
    ถ้าสามารถมีอารมณ์ได้อย่างนี้ทั้งหมด จะมีความสุข
    จะรู้จักพิจารณาสัจจธรรมที่แท้จริงของโลก
    สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ดับไป

    ต้องพยายามทำทุกวัน ตัดโลภะคือความโลภ
    โทสะคือความโกรธ
    โมหะคือความหลง

    หากสามารถทำลายยักษ์สามตัวนี้ลงได้ทุกวัน ๆ ๆ โลภะ โทสะ
    โมหะ ก็จะหมดไปในที่สุด ความสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดกับทุก
    ท่าน ถือว่าเป็นการฝึกการตายก่อนตาย

    การฝึกปั้นพระก็เป็นการฝึกปั้นธรรมกายในตัวเรา ให้ใจที่
    หยาบ ใจที่ว้าวุ่น ใจที่เกาะเกี่ยวในกิเลส ตัณหา อวิชชา เบาบาง
    ลงจิตก็ละเอียดขึ้น ๆ ๆ จิตก็ใสขึ้น ใสในใส ๆ ๆ อารมณ์พระ
    นิพพานเป็นที่ตั้งของทุกๆ คน

    เมื่อปั้นพระเป็นแล้ว ต่อไปจะเป็นแนววิถีวิชชาธรรมกาย
    ว่า....ในวิชชาธรรมกายเมื่อทำวัตถุมงคลเสร็จแล้ว จะต้องเดิน
    วิชชาอย่างไร เพื่อให้วัตถุมงคลนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง จะหาความ
    ศักดิ์สิทธิ์ใดในโลกมาเปรียบนั้นไม่มี วิชชาธรรมกายเป็นหนึ่ง
    เมื่อปั้นพระเป็นทำวัตถุมงคลเป็นแล้ว ต้องทำให้เป็น
    วิชชาเป็น วิธีทำวัตถุมงคลให้เป็นกายสิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
    ตามแนววิชชาธรรมกายเป็นดังต่อไปนี้

    ให้เดินวิชชาเข้าสุดละเอียดที่สุด ผู้ที่เดินเซฟมรรคได้ก็
    ให้เดินเซฟมรรคทับทวีทบไปทวนมาจนใส ใสในใส นิ่งในนิ่ง
    กลางของกลาง สลักเข้าไปกำเนิดตัวเราทั้ง 18 กาย และกาย
    มนุษย์ กลั่นให้ใสละเอียด ละเอียดไป ๆ ๆ จนสุดละเอียด ตั้ง
    เอาธาตุเป็นกสิณ ธรรมเป็นสมาบัติ สลักเข้าไปในไส้ธาตุดิน
    กลั่นธาตุดินให้สะอาด สลักเข้าไปในธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม
    อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ แยกธาตุสะอาดฟอกธาตุสะอาด ทำ
    ทบไปทวนมาจนธาตุทั้งหลายใสสะอาด

    ตั้งเครื่องเห็น จำ คิด รู้ กลั่นธาตุเห็น ธาตุจำ ธาตุคิด
    ธาตุรู้ให้สะอาด ตลอดสุดหยาบสุดละเอียด เถาว์ ชุด ชั้น ตอน
    ภาค พืด สุดละเอียดกายให้สะอาด สะสางถึงหยาบสุด กลาง
    สุด ละเอียดสุดให้สะอาด ทำซ้ำๆ ๆ ทั้งธาตุทั้ง 4 ที่ประกอบ
    ขึ้นมาในวัตถุมงคลที่เราทำแล้ว ก็อาราธนาพระพุทธเจ้า พระ
    อรหันต์เจ้า ต้นธาตุพระจักรพรรดิ์ ให้แก้กายเครื่องจักรกายสิทธิ์
    รัตนเจ็ด ที่เป็นไอกรด สะสางกายให้สะอาด อาราธนาวิชชา
    ผ่านวัตถุมงคลที่ปั้นขั้นมาใหม่ทุกชิ้น วัตถุมงคลเหล่านี้จะมี
    กายที่ละเอียดสลักเข้าไป กายในกาย ๆ ๆ เดินพร้อมกับตัวเรา
    พร้อมกัน น้อมเข้าไปในไส้นิพพานแก่ๆ นิพพานเป็นสุด
    นิพพาน ให้เป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม วิมุตติธาตุ วิมุตติธรรม
    อาศัยธาตุธรรมทั้งสองชนิดนี้ สะสางธาตุธรรมและวัตถุมงคล
    นั้นให้ใสสะอาด

    เข้าถึงศูนย์บุญในองค์พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์
    กำเนิดศูนย์บุญกลั่นให้สะอาด ส่งกายเข้าไปเรื่อยสุดละเอียด
    เข้าถึงแล้ว สุดหยาบเข้าถึงแล้ว อยู่ในศูนย์บุญ ตั้งธาตุดิน น้ำ
    ไฟ ลม อากาศธาตุ วิญญาณธาตุขึ้นมา ประกอบกายมนุษย์
    พิเศษสลักเข้าไปในกลางผ่านดวงเห็น ดวงจำ ดวงคิด ดวงรู้
    ขันธ์ห้า วัตถุมงคลนั้นเป็นธรรมขันธ์ ธรรมธาตุ ฉะนั้นต้องสลัก
    เข้าไปในอายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 เข้าถึงในไส้สุด
    กลั่นให้สะอาด เชื่อมติดกายมนุษย์หยาบและละเอียด ทิพย์
    หยาบ ทิพย์ละเอียด รูปพรหมหยาบ รูปพรหมละเอียด อรูป
    พรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ปฐมมรรค มรรคจิต มรรค
    ปัญญา โครตภูหยาบ ละเอียด โสดามรรคผล สกิทาคามรรค
    ผล อนาคามีมรรคผล อรหันต์มรรคผล อรหันต์ในอรหัตน์
    ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระจักรพรรดิ์ ตรึกนิ่งเข้าไปที่ผุดดวง
    โพธิญาณของท่าน ซึ่งเป็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอรหันต์
    นั่นเอง ที่แก่ไกลเข้าไปอาราธนาท่านเปิดบุญศักดิ์สิทธิ์ กลั่น
    ธาตุธรรมให้สะอาด

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุดิน ฟอกธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุดิน จนไปถึงหัวแก๊ส
    เซฟทะเล เหตุทะเล กลั่นให้สะอาด อาราธนาพระพุทธเจ้า
    พระจักรพรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุน้ำ เดินฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุน้ำให้สะอาดจนไปถึง
    หัวแก๊ส เซฟทะเล เหตุทะเล อาราธนาพระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ประจำเต็มหมด ในอณูธาตุน้ำ

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุไฟ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุไฟให้สะอาด อาราธนา
    พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ ประจำอณูธาตุไฟ

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุลม เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศ อณูธาตุลม ให้สะอาดพระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้วิญญาณธาตุ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ
    ลม วิญญาณ อากาศธาตุ อณูธาตุเป็นเซฟทะเล เหตุทะเล
    อาราธณาพระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้อากาศธาตุ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ
    ลม วิญญาณ อากาศธาตุ อณูธาตุให้สะอาดเป็นเซฟทะเล เหตุ
    ทะเล สอดเข้าไปในไส้กลั่นละเอียดอีกที พระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ ประจำเต็มอยู่ อณูธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม นับเป็นแสนอสง
    ขัยกัปป์นับไม่ถ้วน สอดไส้กลั่นเดินเข้าไปในกายที่เล็กที่สุด
    ละเอียดที่สุด ส่งเข้าไปในองค์พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ ไป
    เรื่อย อาราธนาพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
    พระจักรพรรดิ์ประจำโพธิญาณของพระพุทธเจ้า 28 พระองค์
    เชื่อมติดหมด พระปัจเจกพุทธเจ้า ประจุอาราธณาพระอิสีติ
    มหาสาวกและนิพพานในอดีตในอดีต ในปัจจุบันในปัจจุบัน
    ในอนาคตในอนาคต นับอายุธาตุ อายุบารมี นับอสงขัยไม่
    ถ้วน ให้ประจำอยู่ในไส้สิบกลั่นให้ใสละเอียด ประจำเต็มหมด
    เข้าไปในต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นธาตุที่สำเร็จวิชชา
    ธรรมกายองค์แรก ให้สลักเข้าไปในกายในกายให้สะอาด เข้า
    ถึงสุดกายต้นธาตุที่ส่งให้สำเร็จ วิชชาธรรมกายองค์แรก สลัก
    กายกลั่นกายที่แก่ๆ และละเอียดไป ๆ ให้สะอาดสุดละเอียด
    อาราธนาท่านเปิดบุญศักดิ์สิทธิ์สอดไส้เข้าไปด้วย อาราธนา
    บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิ สิทธิเฉียบขาด อยู่ในไส้
    สอดกลั่นให้สะอาดให้เต็มไปหมด

    ทูลหลวงพ่อต้นธาตุ ขอท่านประสิทธิประสาทความ
    ศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลเหล่านี้ ให้เชื่อมติดสมบัติพันล้านใน
    วัตถุมงคลเหล่านี้ ให้เชื่อมติดกันหมด สอดไส้กลั่นให้สะอาด
    ส่งเข้าไปในไส้ที่ผุดกลั่นให้สะอาด กายผู้ให้ผุดของกายผู้ให้
    ผุด สุดกายผู้ให้ผุดให้สะอาด ตรึกนิ่งเข้าไปในไส้รู้ในนิโรธของ
    องค์พระพุทธเจ้า และพระจักรพรรดิ์ ในไส้ที่สุดรู้สุดญาณสุด
    ตรัสรู้ในนิโรธ ในไส้คำนวณรู้ญาน นิโรธตรัสรู้ในนิโรธในไส้
    เห็น จำ คิด รู้ กำเนิดที่ตั้งถูกเคลือบอยู่กลั่นให้สะอาด เนื้อ
    หนัง ผิว ดวงกลั่นให้สะอาด ธาตุเห็น ธาตุจำ ธาตุคิด ธาตุรู้
    ให้สะอาดในไส้นิโรธของในไส้นิโรธ ผุดดวงโพธิญาณในไส้
    กลางของกลาง กลางของกลาง สะสางให้ไส้กลางนิโรธให้
    สะอาด กำเนิดในไส้นิโรธให้สะอาด ดวงนิโรธให้สะอาดโตเต็ม
    ธาตุเต็มธรรม กลั่นให้สะอาดเปิดตรัสรู้ในเห็น ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
    ยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในจำ ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี
    ตรัสรู้ในคิด ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในรู้ ๆ ๆ ซ้ำ
    แล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในนิโรธ ๆ ๆ ตรัสรู้ในตรัสรู้ ๆ ๆ

    เดินเครื่องเข้าไปเรื่อยนับเป็นแสนอสงขัยกัปป์ไม่ถ้วน
    จนถึงที่สุดในที่สุด นิโรธที่สุดขององค์พระพุทธเจ้าและพระ
    จักรพรรดิ์สลักเข้าไปในไส้สุดกลั่น กำเนิดในไส้ละเอียดสุดกลั่น
    ให้สะอาด ที่ติดขาวอยู่ ให้เห็นจุดกำเนิดใสเล็กละเอียดมาก
    ปรากฎขึ้นมาก่อน แล้วเดินเข้าไปในองค์พระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ ต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นไม่มีต้นอีกต่อไป อาราธนาทับทวีทบไป
    ทวนมา คำนวณรวมเป็นหนึ่ง ทุกสี ทุกสาย ทุกกาย ทุกวงศ์
    ทุกองค์ ทับทวีจนเป็นเครื่องเป็น วิชชาเป็น
     
  20. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559

    เจ้าของกระทู้ควรตอบชี้แจงให้คุณ littleyogi เข้าใจ

    ผมขอเล่าเรื่องที่เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านมา การสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา หรือ การสร้างศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ได้แก่ โบสถ์ วิหาร ศาลา เจดีย์ กุฏิ ฯลฯ เจตนาเดิมแท้ของพระสุปฏิปันโนผู้มองการณ์ไกล(ปฏิสัมภิทาญาณ) ย่อมเห็นว่าเหล่าเวไนยสัตว์ย่อมมีปัญญาบารมีไม่เท่ากัน เห็นว่ามีวิธีไหนที่จะช่วยพวกมีปัญญาบารมีน้อยเหล่านั้นให้ได้ทิพย์สวรรค์สมบัติ หากเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ให้มีพร้อมทรัพย์สมบัติในโลกมนุษย์ จึงมีดำริที่จะให้สร้างศาสนสถาน ศาสนวัตถุ โดยบอกบุญญาติโยม

    เจตนาการก่อสร้างก็ต้องการช่วยเหลือญาติโยมให้มีกินมีใช้ในภพหน้า เป็นการสละให้ทาน ลดตระหนี่ และเป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาโดยมีศาสนสถาน ศาสนวัตถุ เป็นสัญลักษณ์ของศาสนา หาใช่เป็นการอวดเบ่ง แข่งขันบารมี และเมื่อมีญาติโยม สละทรัพย์ สละเวลา สละแรงงาน(ลงแขก) พระสงฆ์ก็อยากจะตอบแทนในความมีน้ำจิตน้ำใจของญาติโยม โดยการมอบของที่ระลึก ของชำรวย ซึ่งก็คือพระเครื่องรางของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ วิเศษ ทั้งหลาย

    การก่อสร้างนั้น แต่เดิมในสมัยพุทธกาล เกิดจากชาวบ้านผู้มีศรัทธา เป็นผู้สร้างถวายเอง และมีทั้งถวายทรัพย์ให้สงฆ์เพื่อนำไปสร้าง(สงฆ์ไม่ได้เรียกร้อง) โดยสงฆ์ได้ประชุมแต่งแต่งให้ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง โดยมีไวยาวัจกรเป็นผู้ดูแลเงิน(ถือเงิน)

    ปัจจุบัน มีทั้งชาวบ้านสร้างให้ และมีทั้งเกิดจากดำริของสงฆ์เอง นอกจากนี้ก็ยังมีการสร้างเพื่ออวดเบ่งบารมี แข่งขันความยิ่งใหญ่ มีการหาเหตุแรงจูงใจให้คนมาถวายเงินก่อสร้างโดยการทำเครื่องรางของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ ของวิเศษ ประกาศขาย โฆษณา

    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นบุญเป็นกุศลของญาติโยมทั้งหลาย ล้วนเป็นเหตุเป็นปัจจัยในบุญกุศลของญาติโยม เว้นเสียแต่จะคิดเป็นอกุศลอย่างอื่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...