การฝึกเปิดตาที่ สาม และวิธีใช้ตาที่สาม

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 3 พฤศจิกายน 2008.

  1. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ถึงได้บอกไงครับว่ามีปัญญาแล้วจะทราบเอง.....เมื่อถึง เมื่อพร้อม

    ยังไม่พร้อมทราบไปก็ ทำอะไรไม่ได้ ช่วยอะไรไม่ได้ แก้อะไรไม่ได้
     
  2. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    ผมก็กลัววิญญาณเหมือนกันครับ บางทีมาหน้าเละเลย บางทีมากลิ่นเหม็นสุดๆ แต่พอผมค่อยๆ ทำใจว่า สักวันผมก็ต้องเป็นแบบนี้ ผมก็เริ่มแผ่เมตตาให้ด้วยใจบริสุทธิ์ ผมกลัวแต่ก็พยายามตัดความกลัวทิ้งไป เพราะความรักที่ผมมีให้ทุกคนนั้นมันเท่าเทียมกันหมด เลยลืมความกลัว คืออยากให้เขามีความสุขเหมือนที่ผมมี บัดนั้น วิญญาณที่น่ากลัวกลายเป็นคนปกติ ไม่หน้าเละ ไม่มีกลิ่นเหม็น เพราะเราแชร์โลกกลมๆ ใบนี้ด้วยกัน เหมือนเราใช้สวนสาธารณะ จะไปจำกัดไม่ให้คนอื่นเขามาใช้ มันไม่ใช่เรื่อง เมื่อพยายามทำความเข้าใจแบบนี้ ก็มีความสุข และอยู่ร่วมกับสังคมที่ประกอบไปด้วยวิญญาณมากมายได้ครับ
    ***ผมอธิบายแบบเด็กๆ เพราะผมยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ ดูลูกพี่ของผมตอบแล้วมันทำให้คิดว่า ยังอีกไกลเนอะ กว่าที่จะเข้าใจที่เฮียพูด***
     
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    แถมทำให้ตัวเองเป็นทุกข์

    และผู้อื่นผิดหวัง อีกตะหาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2009
  4. grissana

    grissana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +60
    ขอบคุณ คุณอัศดงค่ะที่กรุณาแนะนำ

    อนุโมทนาบุญและขอบคุณมากค่ะที่กรุณาแนะนำ จะรับไปปฎิบัตินะคะ
    คิดว่าก่อนจะแผ่เมตตาให้ผู้อื่น คงต้องแผ่ให้ตัวเองก่อนเลยว่าอย่าให้กลัวมากไปก่อน ถึงจะแผ่ให้ผู้อื่นต่อ ดิฉันเหมือนเ็ด็กโง่ทั้งที่อายุ+-*/ก็เกินเลข 4แล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่อยากสัมผัสพวกความสามารถพิเศษและวิญญาณเพราะรู้ว่ามีจริง กลัวว่าตัวเองจะยึดติดเรื่องทิพย์(เฉพาะตัวเองนะคะ คนอื่นรู้เท่าทันนะคะ) แล้วถอนไม่ออกหรือกว่าจะถอนออกก็เสียเวลา และก็กลัววิญญาณด้วย จึงไม่เข้าไปสนใจเรื่องวิญญาณและเรื่องทิพย์ทั้งหลาย ก็เลยไม่มีประสบการณ์ในการแก้ไขกับเรื่องแบบนี้ ขอนั่งเอาสงบไม่อยากเห็นอะไรและฝึกจิตให้โลภ โกรธ หลง ออกไปให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้ต่อสู้กับสังคมนี้ได้ต่อไป เพราะไ้ด้ศึกษามาว่าถ้าทำสมาธิแบบสตินำจะไม่เห็นอะไร ก็รู้ตัวว่าเป็นคนกลัวเรื่องวิญญาณ จึงมาทำสมาธิแบบสตินำ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไปทำมา มันเพลินไปเห็นวิญญาณได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็นั่นแหละค่ะ เรื่องแค่นี้กลัวยังแก้ไม่ได้ ริอาจมาทำสมาธิขจัดกิเลส ก็ไม่รู้นี้ค๊ะว่าเราต้องการขจัดกิเลสอย่างเดียวแล้วเราต้องมาเจอแบบนี้ ว่าแล้วก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา ไม่มีปัญญาจะเขี่ย ต้องขอประสบการณ์ในการเขี่ยจากคนอื่น สมาธิก็เลยไม่ก้าวหน้าสักที ก็เลยพิจารณาว่า ถ้าได้เปิดตาที่สามเห็นช่วงกลางวันบ้าง กลางคืนบ้าง เห็นหลายๆรูปแบบ วันละนิดวันละหน่อย บ่อยๆก็หายไปเองจะดีมั๊ยค๊ะ หรือท่านใดมีความเห็นว่าอย่างไร
    คนที่เคยมีประสบการณ์โปรดแนะนำด้วยค่ะ
    ถ้าสมาชิกท่านใดมีประสบการณ์ เรื่องกลัววิญญาณ และแก้ไขได้ มาแนะนำอีก ยินดีรับฟังและขอขอบคุณล่วงหน้านะ๊คะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2009
  5. ภัทรศีล

    ภัทรศีล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +2,806
    ช่วยแสกนให้นิดค่ะ พอมีคุณสมบัติจะเรียนได้ไหมคะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  6. grissana

    grissana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +60
    ขอบคุณคุณatidtarnมากค่ะที่แนะนำ จะรับไปปฎิบัติด้วยค่ะ แต่.........

    ปัญหาอยู่ที่ว่า ดิฉันคิดว่าคนที่ปฎิบัติกรรมฐานนั้นยังไงๆก็เจอ ไม่มีที่จะไม่เจอ ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าเจอทำอย่างไรถึงจะกลัวน้อยลง แก้ปัญหาเรื่องกลัวก่อนที่จะเจอค่ะ ไม่ทราบว่ามีอุบายมั๊ยค๊ะ
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  7. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    คนที่นั่งสมาธิจนถึงจุด....จะได้ อภิญญาบางอย่าง
    จิตสัมผัสไว..มีพลังแปลกๆๆ แบบลมพัดลมเพมาก็รู้
    โอปาติกะ มาดึงขาขอบุญ ก็ รู้
    ...........................................................
    ที่สำคัญ คือ การ ถอดจิต ออกจากตัว.
    แล้วไปเห็น อะไรแปลกๆ..เจอของแปลก ที่ มาวนเวียนใกล้ตัว
    ใจสั่นบ้าง ...ขนลุกบ้าง...ตกใจทีไร...จิตจะกลับเข้า ตัวในทันที
    เพราะเวลาจิตลอย ออก ไป จากร่าง
    จะมีเส้นชีวิตสีเงิน ยวง..โยงยืดไว้ ระหว้างจิตที่ ลอยไป
    กับ ตัวเราที่ จุดเหนือ สะดือ
    ..........................................................
    วิธัที่ดี ที่ สุด...เมื่อรู้ว่า จิตชอบลอยออกไปเที่ยว
    ก่อนนอน กฌสวดมนต์ ไหว้พระ..ขอพระองค์ ที่นับถือ
    ช่วยไปคุ้มครอง ตลอดเวลานั้นด้วย
    ก็จะปลอดภัย ทุกประการ
    ................................................
     
  8. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    คุณgrissana ก็ลองเปลี่ยนความกลัว เป็นความเมตตาดูสิคะ พวกผี พวกเปรต
    เขาำลำบาก ขาดแคลนกุศล หน้าตาก็ขี้เหร่ หิวก็หิว พูดไม่ได้ มาทีก็ ฮือๆอือๆอาๆ
    อยากพูดแทบตาย บางทีก็อาจเป็นญาติชาติไหนก็ก็ไม่รู้ เขาปล่อยให้ออกมา
    รับบุญจากญาติ โดนทำโทษมาตัวเปื่อย กว่าจะลากตัวมาลูกหลานได้ มาเจอ
    ก็มาโดนน้ำมนต์ โดนคาถาซัด หมายังหากินง่ายกว่าอีก

    แผ่เมตตาให้มากๆลองเอาบทอุทิศบุญของหลวงพ่อเกษม วัดสามแยก น้ำหนาว
    ไปใช้ดูค่ะ ตั้งแต่ใช้มา ก็ไม่ค่อยมีผู้ใดมากวน หรือจะมา ข้าน้อยก็นอนสบายต่อ
    จนเขาเอือมจะปลุกแล้ว รายละเอียดก็เข้า google หาเอานะคะ
    ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์จงบันดาลบุญข้าให้ เทพผู้รักษา ให้ญาติ ให้นายเวร
    ให้เชื้อโรคของข้าฯ ท่องไปบ่อยๆเถอะค่ะ ได้ผลเร็วกว่าแผ่เมตตาด้วยซ้ำ
    เพราะคิดง่ายๆ ผีอำ บางทีมัวแต่คิดภาษีบาลี สัพ พะพะพะ เพ สับบบบ
    คิดไม่ออกเลยตกใจกลัวหนักกว่าเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2009
  9. grissana

    grissana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +60
    ขอบพระคุณ อ.สามตา คุณatidtarn คุณatsadong คุณตัวกลมๆ และทุกท่านมากๆค่ะ

    ขอบพระคุณ อ.สามตา คุณatidtarn คุณ atsadong คุณตัวกลมๆ และทุกท่านมากๆค่ะ ที่ให้คำแนะนำดิฉัน ดิฉันจะเอาคำแนะนำท่านทั้งหลายไปประยุกต์ใช้นะคะ จะนำไปปฏิบัติสักช่วงเวลานึง ถ้าปฏิบัติเป็นอย่างไร จะมารายงานผลอีกทีน๊ะค๊ะ
    ขออนุโมทนาบุญทุกท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2009
  10. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    ของจริงที่เกิด ตอนทำได้ ไม่น่ากลัวหลอก

    แต่ที่น่ากลัวกว่า คือการสร้างปัญหา สร้างทุกข์ให้ใจ

    ก่อนที่เรื่องจริงจะมา

    การเห็น การรู้ ในขณะนั้น กับความรู้สึกที่มีในขณะนี้

    มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ
     
  11. Narasimha

    Narasimha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +76
    มโนกรรมนั้นเป็นกรรมที่เกิดง่ายที่สุด เพราะกำเนิดจากความคิดคนเรานั้นจะพลาดได้ง่าย
    เรียกว่าลงนรกด้วยความประมาท เพราะเอาปัญญาตัวเองไปตัดสินผู้อื่นที่เราไม่รู้
    การช่วยการสอนมีหลายแบบ แล้วแต่จริตของตนพุทธองค์ทรงแบ่งบัว ๔ เหล่า ได้แก่
    ๑.พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (อุคฆฏิตัญญู)
    ๒.พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)
    ๓.พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอยด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ)
    ๔.พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ)
    ในเหล่าสุดท้าย แม้แต่พระองค์เองยังโปรดไม่ได้ เราเป็นใครที่จะสอน
    มีเเต่เขาเอาที่ต้องฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่น
    ปฏิบัติเป็นนิจ ไม่เกี่ยงไม่เลือกวิธี จึงจะพบทาง ถ้าหากมีครูดีก็ดีไป แต่หากชาตินี้
    ไม่เจอครูดี ก็จักจะจมในอาจมตลอดไปหรือ........
    ปัญญาเกิดจากตัวตนเอง ไม่ได้เกิดจากใคร ถ้าไม่รู้ตนเองก่อนก็ไม่มีทางเกิดปัญญา
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พวกผี พวกเปรต
    เขาำลำบาก ขาดแคลนกุศล หน้าตาก็ขี้เหร่ หิวก็หิว พูดไม่ได้ มาทีก็ ฮือๆอือๆอาๆ
    อยากพูดแทบตาย บางทีก็อาจเป็นญาติชาติไหนก็ก็ไม่รู้ เขาปล่อยให้ออกมา
    รับบุญจากญาติ โดนทำโทษมาตัวเปื่อย กว่าจะลากตัวมาลูกหลานได้ มาเจอ
    ก็มาโดนน้ำมนต์ โดนคาถาซัด หมายังหากินง่ายกว่าอีก

    อ่านแล้วเกิดน้ำตาจะไหล สงสารพวกเขา เขาหากุศลมาคุ้มตัวยากกว่าสุนัขออกหากินอีกหรือนี่

    พอดีเมื่อเช้าขับรถออกจากบ้านจะมาทำงาน ในซอยรถไม่เยอะ มองไปทางขวามือเห็นแม่สุนัขข้ามไปหาอะไรกิน

    ก็เหลือบเห็นลูกมันสีน้ำตาลๆ สักสองเดือนได้ เกือบจะข้ามมาให้รถเหยียบแล้ว โชคดีมันมีสัญชาติญาณหลบก่อน

    เห็นตาบ้องแบ้วของลูกหมาวัยละอ่อน ก็รู้ว่าโลกนี้จะโหดร้ายสำหรับมันอีกมาก แต่ทำอย่างไรได้มันต้องเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมของมันเอง

    พออ่านความเห็นของตัวกลมๆ ก็เลยนึกถึงเจ้าหมาน้อยตัวเมื่อเช้าว่า คงจะลำบากอีกนาน แต่ถ้ามันตายแต่เล็กก็อาจจะดีกว่า

    จะได้สิ้นภพจบชาติไปอีกชาติหนึ่ง อนุมานว่ามันอาจต้องเกิดมาชดใช้ในชาติสุนัขหลายร้อยชาติ รีบๆทำชาติให้จบไปชาติหนึ่งๆ ก็จะได้ score เร็วขึ้น ^^

    ขอโลดโผนใช้คำว่า score เพราะกรรมเป็นผู้กำกับที่เที่ยงตรงที่สุด กรรมก็เป็นกรรมการเก็บผลกรรมดีกรรมชั่วของแต่ละวิญญาณด้วย

    กรรมต้องเก็บ score ของแต่ละวิญญาณไว้แน่นอน
     
  13. grissana

    grissana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +60
    ถาม อ.สามตาค่ะ สงสัยเีิ้รื่องพลังจิตที่ได้จากการปฎิบัติสติปัฏฐาน4และเปิดตาที่สาม

    อ.ค๊ะ ถ้าเราปฎิบัติกรรมฐานสติปัฏฐาน4 เนี่ย มีสติกับกาย เวทนา จิต ธรรม ของเราเองอยู่ทุกขณะ กระทบรู้และดับไป ที่ดิฉันปฎิบัติอยู่ ก็ทำให้สงบและจิตก็มีพลัง ถึงแม้ว่าจะมีความกลัวเห็นวิญญาณ แทรกเข้าบ่อยครั้งนับไม่ถ้วนแต่ก็กระทบรู้และดับไป และจิตที่มีพลังของดิฉันระหว่างปฎิบัติก็ไม่ใช่พลังที่มากถึงขั้นอภิญญา แต่ก็สามารถตั้งมั่นได้และทำได้เป็นเวลานาน
    ซึ่งขณะปฎิบัติหลายช่วงเวลา ดิฉันสัมผัสได้ถึงการแยกกันของจิตและกายโดยอัตโนมัติของดิฉัน (แต่ไม่ใช่ถอดกายทิพย์นะคะ ดิฉันอธิบายไม่ถูกค่ะ) ซึ่งตรงนี้ดิฉันคิดว่าเป็นจิตที่มีพลังของดิฉันที่ได้จากการใช้สติตามดู

    ที่สงสัยก็คือพลังจิตของดิฉันระหว่างปฎิบัตินั้นที่มีพลังพอตั้งมั่นได้ซึ่งไม่มากถึงขั้นฯแต่ก็ทำได้นานและไม่ได้ไปตั้งมั่นจดจ่ออยู่ที่ จักระ 5 6 7
    ดิฉันขอถาม อ.สามตา ว่าพลังจิตระหว่างปฎิบัติของดิฉันแบบนี้ ดิฉันคิดว่าตาที่สามของดิฉันก็จะไม่สามารถเปิดได้ใช่มั๊ยค๊ะ รบกวน อ.ช่วยแนะนำสั่งสอนดิฉันด้วยค่ะ (ไม่นับของเก่า และไม่เกี่ยวกับเทพเทวดาน๊ะค๊ะ)


    ขอบพระคุณ อ.สามตา ที่ให้ความรู้ดิฉัน ล่วงหน้าน๊ะค๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2009
  14. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    อนุโมทนาในจิตสงสาร เวทนาค่ะคุณทางสายธาตุ เรายังรู้สึกสงสารเจ้าหมาน้อยเลย เห็นตาบ๊องแบ๊ว
    เป็นห่วง อยากดูแล ให้อาหารมัน แ่ต่ผีมาที คนเห็นช็อคเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆที่รู้ด้วยซ้ำว่า
    เป็นญาติเราเองที่ตาย เขาทำบุญเองก็ไม่ได้ หากินไม่ได้ เลยลำบากกว่าเจ้าหมาเสียอีก

    สัตว์โลกมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ค่ะ อยากเป็นอะไรไม่อยากเป็นอะไร เราก็วางเส้นทางเอาเอง
    พระพรหมท่านก็ว่า ท่านไม่ได้ลิขิต แต่มันเป็นไปอย่างนั้นเอง(เส้นสายอีกเรื่องหนึ่ึี่ง)
    เกิดเป็นมนุษย์ในศาสนาพุทธ ได้เชื่อเรื่องบุญบาป การเกิดใหม่ เช่นนี้ทำให้ไม่ประมาทนะคะ

    เคยอ่านหนังสือของใครสักคน น่าจะเรื่องสแกนกรรมนะคะ เพื่อนเขาขับรถไปชนหมา แต่วิญญาณ
    ที่เห็น ไม่ใช่หมา แต่เป็นร่างคนค่ะ ประมาณกำหัวงงๆอยุ่ ผู้เขียนนั้นทราบว่า เจ้าหมาตัวนี้
    เคยเกิดเป็นคนกินเหล้าเมายา จริงๆแล้วเมื่อตายไป ต้องไปลงนรก แต่ขณะจะลงไปนั้น
    บังเอิญผ่านเส้นทางของแม่หมา ไหนๆก็ดีกว่าลงนรก วิ่งเข้าท้องหมานี่แหละดีกว่า จำได้ว่า
    เคยดูซีดีหลวงพ่อเกษม ท่านว่าเขาจะหลอกล่อว่า ตรงนั้นมันน่าอยู่ สวย อบอุ่น พอไปนอน
    ตื่นมาอีกที อยู่ในท้องปลา ท้องแมว หมาบางตัวสบายมากๆนะคะ เจ้าของเรียกลูกๆทำคำ
    อาบน้ำ พอลูกตัวเอง เพื่อนฝูง ยังเอ็นดู เรียก ไอ้...มัน... ง่ะ อ.สามตาเคยบอกว่า
    ชาติที่แล้วเจ้าหมานั้น เคยเป็นเจ้านายดูแลเรามาก่อน คิดไปทำไมมี บางคนก่อนตาย
    จิตสุดท้ายรู้สึกอิจฉาหมา เลยเกิดเป็นหมาได้อีกเหมือนกัน

    เพื่อนที่ทำงานเขารักสัตว์มาก ชอบช่วยเหลือ โดยเฉพาะนก เคยไปให้อาจารย์สามตาดู
    ก็ว่าเคยเกื้อหนุนดูแลกันมา เป็นพญาแร้งสีทองมาก่อน
     
  15. กัลย์

    กัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +543
    ขออภัยค่ะอ่าน...คำที่เน้นไว้แล้วคิดว่าน่าจะเปลี่ยนให้ดูเหมาะสมได้มั๊ยคะ
     
  16. grissana

    grissana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +60
    ขอให้คุณ atidtarn และเพื่อนทุกท่าน โปรดรับรู้และเข้าใจในจุดประสงค์ของดิฉันด้วยค่ะ

    [FONT=&quot]อ้าว...ตอบแล้วหาย (ตอบใหม่ครั้งที่[/FONT]2)

    [FONT=&quot]ไหนบอกว่ากลังผีไงคะ แล้วยังจะห่วงเรื่องเปิดตาที่สามอีกหรือ[/FONT]?
    [FONT=&quot]พลังของคุณเรียกว่าเข้าขั้น [/FONT]super [FONT=&quot]ไซญ่า แล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่อย่างนั้นคงไม่เห็นคนมีรูปร่างเหมือนลิง หรือมีชายหญิงมานั่งข้างๆ[/FONT][FONT=&quot]หรอกคะ (ซึ่งน่าจะเป็นเทพประจำตัวของคุณที่คอยมาดูแลคุณอยู่[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งอดีตชาติอาจเคยเป็นญาติ หรือคนรู้จักก็ได้)[/FONT]

    [FONT=&quot]การเปิดพลังตาที่สาม แม้จะเห็นผีได้ แต่ต้องอาศัยพลังอภิญญา[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเกิดจากการฝึกสมาธิ ซึ่งคุณมีเต็มเปี่ยม เพียงแต่จะอยากเห็นหรือเปล่า[/FONT][FONT=&quot]ถ้าอยากเห็น (ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องปลงเรื่องผีสางได้ หากว่าต้องเห็น)[/FONT][FONT=&quot]ก็ไปพบอาจารย์สามตา ไปคุญกับท่านดีกว่า เพราะบางอย่างเขียนไม่ได้ค่ะ[/FONT]

    [FONT=&quot]สรุปคิดว่าคุณมีสามตาแล้ว เพียงแต่อยู่ในรุปของกรรมฐาน ส่วนของดิฉันมาจากกสิณค่ะ แล้วก็เป็นแบบเด็กน้อยด้วย มีกรรมฐานนิดหน่อย[/FONT][/QUOTE]

    <o></o>
    ขอบคุณ คุณ atidtartn มากค่ะที่กรุณาแนะนำ หลังจากคุณได้อ่านโพสล่าสุดของดิฉัน แต่ที่คุณโพสข้อความมาเนี่ยดิฉันไม่รู้ว่า คุณเข้าใจจุดประสงค์ของดิฉันไปอย่างไร แต่ดิฉันขอบอกเจตนาที่บริสุทธิ์ใจของดิฉันเลยว่าที่ดิฉันเข้ามาที่เว็บนี้ เพราะดิฉันมาขอความช่วยเหลือและหาทางแก้จุดอ่อนของดิฉันคือ การกลัวเห็นผีในระหว่างปฎิบัติธรรม ทุกคนมีจุดอ่อนไม่เหมือนกันหรอกค่ะมองดูเหมือนเรื่องไร้สาระ บางคนกลัวจิ้งจกยิ่งกว่ากลัวหมา บางคนกลัวของเหนียวๆลื่นๆ สารพัดที่จะกลัวทุกรูปแบบ กับการเห็นวิญญาณครั้งที่ 3 ของดิฉันทีฝังใจเพราะมันชัดมากจึงทำให้จุดอ่อนยังฝังอยู่ทุกวันนี้ คุณคิดดูแค่คิด แค่จินตนาการก็กลัวแลัว และถ้ามาแบบเป็นตัวล่ะ คุณคิดว่าดิฉันจะเป็นอย่างไร สติแตกมั๊ย ในเมื่อพลังจิตของดิฉันมันก็แค่ปฎิบัติกรรมฐานไปได้เรื่อยๆตามกำลังความ สามารถตามอัตภาพเท่านั้นเอง และลักษณะที่มันเป็นไปซึ่งมันธรรมดามากไม่ได้พิเศษอะไรเลย และ(ที่สำคัญดิฉันเจตนาที่จะขจัดกิเลสเท่านั้น ไม่ต้องการสัมผัสเรื่องทิพย์หรือมิติที่3 ซึ่งดิฉันเชื่ออย่างเต็ม 100% ดิฉันจึงโง่มากสำหรับเรื่องแบบนี้) ดิฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะควบคุมจุดอ่อนของดิฉัน ดิฉันก็ต้องไม่ประมาทต้องหาความ รู้หาวิธีแก้เพื่อจะดำรงสังขารของเราไว้ปฎิบัติต่อไปเพราะไม่รู้ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นมนุษย์รึเปล่า ที่บอกอาจารย์ก็บอกไปตามสภาวะที่เป็นอยู่ อ.จะได้วินิจฉัยถูก ไม่ได้อวดอ้าง หรือลองของ ลองภูมิ เพราะรู้ตัวดีว่าความรู้น้อยนักกับเรื่องแบบนี้ มีแต่จะขอความรู้ แล้วเอาไปพิจารณาถ้าถูกจริตจะได้นำไปใช้เป็นประโยชน์กับตัวเอง และคนรอบข้าง<o>></o>>
    ที่ดิฉันต้องการความช่วยเหลือก็คือ ดิฉันอยากจะแก้จุดอ่อนในการกลัวเห็นผีในขณะปฎิบัติหรือไม่ปฎิบัติ ซึ่งมันอาจเป็นเรื่องเล็กสำหรับบางคน แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรัีบดิฉัน ดิฉันอยากปฏิบัติเพื่อบรรเทา โทสะที่แรงมาก โลภ โมหะที่มากอยู่แต่น้อยกว่าโทสะ ของดิฉัน แต่การกลัวเห็นวิญญาณชัดๆมันเป็นอุปสรรคในการปฎิบัติของดิฉัน เพราะดิฉันกลัวสติแตก และจะไม่ได้ปฎิบัติธรรมกรรมฐานซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเอาไปได้ และดิฉันไม่อยากเป็นคนโทสะแรงเพราะมันทุกข์เหลือเกิน

    โพสของดิฉันตั้งแต่ต้นจนถึงล่าสุด จุดประสงค์ก็คือขอความช่วย ค้นหาทางแก้ และในความคิดที่ด้อยประสบการณ์ของดิฉันก็คือ เปิดตาที่สามไปเลย ให้มันเห็นไปเลย...ตอนที่รู้ตัวนี่แหละ ให้มันชินไปเลย ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับดิฉันถ้าไม่มีทางอื่น แต่เมื่อดิฉันนอนคิดเมื่อคืนก็คิดได้ว่า การทำกรรมฐานของดิฉันมันไม่ใช่สมาธิขั้นแนบแน่น ถ้าเราไม่ไปกระตุ้นให้ตาที่สามมันเปิดมันก็คงจะไม่เปิด ดิฉันจึงโพสถาม อ.สามตา ถ้าปฎิบัติแบบนี้แล้วไม่ไปกระตุ้นให้เปิด ดิฉันจะได้ไม่ประมาทไปกระตุ้นมันให้มันเปิด (และถ้ามันยังจะเปิดอีกจะได้หาอุบายที่จะจัดการกับภาวะจิตของตัวเองต่อไป) ดิฉันจะได้ปฏิบัติกรรมฐานอย่างสะดวกและจะได้พัฒนาถึงขั้นที่จะแก้ไขอาการกลัวเห็นวิญญาณในอนาคตต่อไป หรือถ้ามันจะต้องเปิดถ้าอดีตเราทำมามันจะต้องเปิดก็ช่างห้ามไม่ได้ ถ้าเทพเทวดาทำให้เปิด ก็ช่างเพราะเป็นเรื่องอนาคต แต่ปัจจุบันอยู่ที่เราทำค่ะ ทำอย่างไรถึงจะไม่ประมาทและดำรงสังขารปฎิบัติให้ได้มากที่สุดในขณะที่ยังมีภาระครอบครัวและภาระทางโลกอยู่<o>></o>>
    (การแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลดิฉันทำทุกครั้งค่ะ แต่ว่าก็ยังไม่สามารถที่จะแก้ได้เลยค่ะอาจจะเพราะยังไม่ตรงกับจริตตัวเองที่จะแก้เรื่องนี้ กำลังทดลองหาหลายๆวิธีอยู่ค่ะ)<o>></o>>
    <o>> </o>>
    ดิฉันต้องขอโทษนะคะถ้าข้อความนี้จะทำให้ไม่สบายใจ แต่ที่ดิฉันต้องโพสเพราะต้องการให้คุณหรืออีกหลายๆท่านเข้าใจในจุดประสงค์ดิฉัน เพราะดิฉันจะต้องมีสัมพันธภาพอีกยาวนานที่เว็บนี้ <o>จริงจัง จริงใจ แต่ไม่จิงโจ้นะคะ></o>>
    รบกวน อ.สามตา ช่วยสั่งสอนแนะนำดิฉันด้วยนะคะ ที่ดิฉันโพสถามค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ<o>></o>>
    ข้อความนี้ ดิฉันขอเพิ่มเติมเองนะคะ "ดิฉันไม่ชอบ อวดอ้าง ลองของ ลองภูมิ เพราะความรู้น้อยนัก"<o>></o>>
    <o>> </o>>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2009
  17. wimonmas

    wimonmas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +197
    อ่านจบแล้วคะ
    อ่านจบทั้งสามกระทู้แล้ว แต่ตั้งใจจะอ่านซ้ำใหม่ให้เข้าใจอ่ะคะ
    โดยเฉพาะการปฏิบัติการฝึกสมาธิคะ
    ขออนุโมทนาในความปราถนาดีและความรู้ทั้งหลายทั้งปวงด้วยคะ:cool:
     
  18. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ผู้ที่คิดดี ประพฤติดี ย่อมได้ดีครับ
     
  19. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    แฮ่ๆ เปลี่ยนเรื่องเถอะครับ พอดีผมลองเอาแว่นสามมิติมาใส่เพื่อดูภาพ 3มิติ แต่ผมไม่เห็นภาพ 3 มิติอ่ะครับ ไม่ทราบผู้รู้หรืออาจารย์ พี่ๆ น้องๆ ทั้งหลาย พอทราบมั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
    แต่ภาพที่ผมโพสต์อยู่นี่ ผมมองด้วยตาเปล่าเห็น 3 มิติอ่ะครับ รบกวนขอความกรุณาด้วยครับ หากมีอะไรผิดพลาด จะได้แก้ไขทันครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  20. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    ขอออกนอกเรื่องอีกนิดนะครับ คุณ grissana ครับ ผมขออนุญาตแชร์ความคิดหน่อยนะครับ ก่อนที่จะให้ท่านปรมาจารย์ตอบคำถามของคุณ
    ผมแนะนำ อ.ปราโมทย์ สายพระอาจารย์มั่นครับ เพื่อให้คุณได้คำตอบด้วยตนเอง ท่านเป็นพระสายปฏิบัติ ประสบการณ์การนั่งกรรมฐานของท่านเป็นที่ล้ำลึกมาก เนื่องจากเป็นการ ดูจิต ครับ ดูจิต ของเรา แล้วกำหนดรู้เกิดดับ ไปเรื่อยๆ โดยไม่ยึดถืออะไร เห็นก็เพียงรับรู้ว่าเห็น แล้วก็ดับไป ดูจิตใหม่ กลัวก็แค่ให้รู้ว่ากลัว แล้วดับไป
    สรุปว่า ท่านสอน ดูจิต ที่เกิดดับ เกิดดับ ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีจุดจักระอะไร หรือตาที่สามอะไรหรอกครับ พอเราไม่ยึดติดกับอารมณ์ที่เกิดดับนั้น ก็จะไม่เกิดความกลัว ทุกข์ หรือ สุข ใดๆ แล้วครับ
    เอ่อ...อีกนิดนะครับ ในเว็บนี้ไม่มีใครว่าคุณหรอก ตอนแรกๆ ผมก็โดนเฮียผมสั่งสอน จนน้อยใจไปพักใหญ่ แต่พอพิจารณาว่า ที่เฮียสอนเพราะเอ็นดู และที่พูดแรงเพราะเป็นคนตรง หากไม่ปรารถนาดี เฮียๆ คงไม่เสียเวลาตอบกระทู้หรือเมลล์ของผมหรอกครับ คุณอย่าคิดมากไปเลยนะครับ ที่นี่ ในนี้ มีแต่กัลยาณมิตรครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...