><กระทู้ใหม่(4) วัตถุมงคลดีพิธีใหญ่สภาพสวย หลากหลายสายราคาเบา (สรุปรายการ น.1) ><

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์ปิยธโร, 5 มกราคม 2017.

  1. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3633.ของดียุคต้นๆพิมพ์มาตราฐาน พระผงรูปเหมือน
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ พระเถรจารย์สายพระกัมมัฏฐาน

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    -201.jpg

    phtbga-jpg-jpg.jpg

    พระผงรูปเหมือน พิมพ์สี่เหลี่ยม หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เนื้อผงพุทธคุณ จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2520

    สภาพสวยเดิม พิมพ์มาตรฐาน พุทธคุณล้นเปี่ยม แบ่งให้บูชา 260 บาท(พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณsunmk จองแล้วครับ)




    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2024
  2. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3634.สุดยอดมวลสารเสก 9ปี ขจัดอุปสรรค ค้ำดวง อธิษฐานจิต 1 ไตรมาส(๑)
    พระสมเด็จแหวกม่านปางจักรพรรดิ์ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดินประจุพลัง

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    -1b0c46b7197732e9d.jpg
    พระสมเด็จแหวกม่านปางจักรพรรดิ์ หลังยันต์พญาเต่าเรือน หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จังหวัดอ่างทอง เนื้อผงอิทธิเจสีขาว ดำเนินการจัดสร้างประมาณปี พ.ศ.2548 - 2550

    หลวงปู่ปลุกเสกหลายวาระ ตั้งแต่มวลสารเข้าพิธีต่างๆมามากกว่า 9 ปีผ่านพระเกจิคณาจารย์มามากกว่า 1000 ท่าน สำเร็จมาเป็นรูปลักษณ์แล้วหลวงปู่ยังเสกหลายวาระตั้งแต่ประมาณท้ายปี 48 - ปี 50 ทั้งที่วัดศาลาดินและที่กรุงเทพ

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์

    - ผงพุทธคุณของ หลวงพ่อทรง
    - ผงพระแหวกม่านของ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    - ผงจักรพรรดิ์ของ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ฯลฯ



    ลูกศิษย์สายวัดศาลาดิน จะทราบกันดีว่าหลวงพ่อดัง เรื่องวิชาจักรพรรดิ วิชาเทพรัญจวน และเต่าเรือนสุดๆ

    หลวงพ่อท่านเคยบอกว่าพระแหวกม่านของท่านทำดีไม่แพ้ของเก่า หลายคนใช้พระแหวกม่านของหลวงพ่อทรงแล้ว บอกว่าดีมาก ถึงขนาดศิษย์ชัยนาทบอกว่า พระแหวกม่านของหลวงพ่อกวยหาไว้ขายต่อ เพราะได้ราคาดีเหลือเกินพระแหวกม่านของหลวงพ่อทรงการันตีไว้ใช้ดีเหลือเกินเช่นกัน


    พุทธคุณ
    - ท่านทำให้เน้นไปทางด้าน แหวกทุกข์ แหวกโศก แหวกโรคภัย แหวกอุปสรรค อันตราย ดุจเดินจากที่มืดสู่ที่สว่าง เหมือนชื่อพระ นอกจากนี้ด้วยอานุภาพของผงฝืนดวง ค้ำดวง ทำให้ผู้บูชามีดวงดี ไม่ตกไม่ต่ำ ถึงคราวจนก็จนไม่นาน ถึงคราวดวงตกก็ไม่ตกจนถึงต่ำ จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าเขา



    หลวงพ่อทรง ท่านให้ทัศนคติเกี่ยวกับการสร้าง “พระสมเด็จแหวกม่าน” ของท่านว่า " เหตุใดพระองค์เล็กๆเนื้อผงธรรมดา จึงมีอานุภาพตัดกรรม หรือช่วยผู้บูชาให้พ้นจน พ้นทุกข์ไปได้ " ว่าหลักคำสอนของศาสนาพุทธที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นั้นเป็นหลักใหญ่ เป็นกฎแข็งที่ไม่มีใครมาเปลี่ยนได้

    ที่นี้ หากเราไม่เคยทำบุญทำทานไว้เมื่อชาติปางก่อนเลย ไม่เคยสนใจเรื่องศีล สมาธิ หรือสัมมาทิฐิเลย ผลที่ตามมาก็คือ เราต้องเป็นคนยากจนแน่ๆ อันว่าคนยากจนก็มีหลายประเภท ประเภทที่แย่ที่สุดคือ เมื่อเกิดมาเป็นคนยากจนแล้วยังไม่พอ ยังดื้อดึง ไม่เคารพพระศาสนาอีก ผลของการไม่มีสัมมาทิฐิในชาติปางก่อน ก็จะทำให้ไม่ขวนขวายหากิน หาอยู่ ไม่มุ่งในการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ หากินไม่ไกลเกินตัวคือหากินพอกันอดตายเท่านั้น บางคนเป็นขอทาน ต้องตากแดดร้อนกว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท ตกเย็นก็นำเงินไปซื้อเหล้ามากินหมด อย่างที่โฆษณาเขาว่า จน เครียด กินเหล้า นั้นแหละครับ หากเลิกกินเหล้าก็เลิกจนไประดับหนึ่งแล้ว

    หากเราเคยสนใจในเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ในชาติก่อนมาบ้าง หรือเคยทำบุญในพระศาสนาอยู่บ้างสิ่งเหล่านี้จะรักษาตัวเรา แม้ว่าจะเกิดมายากจนอย่างไร ก็จะพยายามขวนขวายหากินสร้างตนเองและหากเรามีบุญเกี่ยวเนื่องกับพระทรงศีล ทรงอภิญญาองค์ใดแล้ว อำนาจบุญก็จะชักนำให้เราได้มารักกระแสแห่งอภิญญาญาณของท่านเองโดยอัตโนมัติ

    อำนาจของพระที่มีศีล มีการเจริญสมาธิ ปัญญา จะช่วยผู้เคารพเลื่อมใส ในหลายประการ เช่น ช่วยตัดกรรมเก่าที่ไม่หนัก ให้ขาดได้ หรือทำกรรมหนักให้เบาบางลงมาได้ บางครั้งพระองค์นั้นบำเพ็ญบารมีด้านทานมามาก ผลของทานก็จะช่วยให้เราผู้เลื่อมใสทำมาหากินเจริญก้าวหน้าไม่ฝืดเคือง เมื่อเราตั้งตัวได้ด้วยกระแสอภิญญา กระแสบารมี ของพระที่เราเข้าไปอยู่ใต้รอยบาท เราก็จะทำบุญทำทานสั่งสมไว้ในภายภาคหน้าต่อไปอย่างไม่รู้จบ หลวงพ่อทรงท่านใช่คำว่า หากไม่เคยเกิดมาเกื้อกูลกันมาก่อน แม้ชาตินี้พบเจอกัน ก็จะไม่เลื่อมใสศรัทธา พบเห็นพระอยู่ตรงหน้า ก็จะไม่เห็นความสำคัญถือว่าไม่ใช่ของของเขา แต่หากเคยมีความผูกพันกัน ให้ยากเย็น ไกล ใกล้แค่ไหนเขาก็มาเอาของของเขาไปจนได้
    พระพิมพ์แหวกม่านนี้ เป็นพระที่ฝืนดวงได้ แหวกทุกข์ แหวกโศก และแหวกอุปสรรคทั้งปวง ดุจเดินจากที่มืดสู่ที่สว่าง พระอริยเจ้าหลายท่านสร้างพระพิมพ์แหวกม่านไว้เพื่อจุดประสงค์ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น พระแหวกม่านของหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม พระแหวกม่านของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี พระแหวกม่านผสมผงสมเด็จชองหลวงพ่อนาค วัดระฆัง หรือพระกรุเช่น พระพิมพ์แหวกม่านของวัดท้ายตลาดเป็นต้น ผู้มีไว้บูชาและนับถือจริงล้วนแต่ประสบความสำเร็จในชีวิตกันทั้งสิ้น

    หลวงพ่อทรง ท่านเล่าเรียนวิชาจากสายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ซึ่งได้ตกมาจนถึงหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ เขาว่า หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขาเป็นพระทรงอภิญญาจิตชั้นสูง หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ก็เคยไปเรียนการทำผงจินดามณีในสายหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อทรง ท่านได้รับสืบมาจากหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ เพราะท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อมุ่ยหลายครั้งด้วยกัน


    -----------------------------------------------




    อัตโนประวัติ “หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี”

    มีนามเดิมว่า ทรง วารีรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2466 ตรงกับวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน ณ บ้านม่วงเตี้ย ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
    โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายกอง และนางจัน วารีรักษ์ ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย

    ๏ การศึกษาเบื้องต้นและการอุปสมบท ช่วงวัยเยาว์ ได้ศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนวัดยางมณี (ชวนประชาสรรค์) ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ต่อมาได้เข้ารับราชการเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยยังคงช่วยเหลือครอบครัวหาเลี้ยงชีพ ประกอบกิจการค้าขาย เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2486 ณ พัทธสีมาวัดยางมณี ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โดยมีพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) วัดยางมณี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการสุวรรณ วัดไร่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการชั้ว วัดตูม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ๏ การศึกษาพระปริยัติธรรมและสรรพวิชาอาคม หลังอุปสมบท ท่านได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อชวนระยะหนึ่ง จากนั้น ได้ย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดไร่และวัดศาลาดิน เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมและพระธรรมวินัย สามารถสวดพระปาติโมกข์ได้อย่างคล่องแคล่ว ขณะเดียวกัน ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมจากหลวงพ่อชวน วัดยางมณี, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ศึกษาโหราศาสตร์กับหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย พระเกจิดังแห่งยุค ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชาให้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ท่านได้เรียนวิทยาคมจากตำราโบราณที่รับสืบทอดจากบรรพบุรุษ จนเชี่ยวชาญสามารถเขียนอ่านอักษรขอมได้ หลวงพ่อทรง เคร่งครัดปฏิบัติและชอบการปลีกวิเวก หมั่นฝึกฝนปฏิบัติวิชาอาคมต่างๆ ตามที่ได้ร่ำเรียนและได้รับการถ่ายทอดมา จนมีความชำนาญในวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีพลังสมาธิญาณอย่างน่าอัศจรรย์


    ๏ การมรณภาพ อย่างไรก็ดี ด้วยสังขาร คือ อนิจจัง เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ครั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 เวลาประมาณ 21.00 น. หลวงพ่อมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจขัด เนื่องจากมีกิจนิมนต์มาก เมื่อลูกศิษย์เห็นว่าอาการไม่ดี จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง แพทย์ได้ทำการรักษา แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ในที่สุด เมื่อเวลา 22.50 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 ท่านได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการท่อปัสสาวะอักเสบ มาก่อนหน้านี้ สิริอายุรวม 83 พรรษา 62

    สภาพสวยเดิมๆ พุทธคุณยอดประสบการณ์เยี่ยม พุทธคุณครบเครื่องเรื่องพุทธคุณ แต่จะเด่นมากเรื่อง อำนาจบารมี คุ้มครองแคล้วคลาด เกื้อหนุนชะตาชีวิต แบ่งให้บูชา 299 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณจินดา จองแล้วครับ)





    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2024
  3. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,015
    ค่าพลัง:
    +6,556
    ขอจองครับ
     
  4. sunmk

    sunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +866
    จองพระผงรูปเหมือน
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
     
  5. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3635.The last เล็กดีรสโตสายกรรมฐาน(๔) พระลีลาทุ่งเศรษฐี รุ่นแรก
    หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล พระอริยะเจ้าศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    -.-47baef84d2aa6871.jpg
    พระลีลาทุ่งเศรษฐี รุ่นแรก หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร วัดธรรมมงคล กทม. พิมพ์ใหญ่ เนื้อข้าวก้นบาตรมวลสารหลักๆ ผสมผงพุทธคุณ และเกสรดอกไม้บูชาพระ ดำเนินการจัดสร้าง เมื่อปีพ.ศ.2510 เพื่อเป็นที่ระลึกงานผูกพัทธสีมาของวัดธรรมมงคล

    พุทธาภิเษกใหญ่
    ณ. วัดธรรมมงคล กทม. เมื่อปีพ.ศ.2510 โดยพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานร่วมปลุกเสกหลายรูป อาทิ
    - หลวงพ่อจันทร์ เขมปัตโต จ.หนองคาย
    - หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
    - หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์
    - หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม จ.อุดรธานี
    - หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
    - หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร
    - หลวงปู่หลอด ปโมทิโต วัดสิริกมลาวาส กรุงเทพฯ
    - พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดอภัยดำรงธรรม จ.สกลนคร
    - หลวงพ่อสิม วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่
    - หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ
    เป็นต้น


    สภาพสวยเดิมๆ เก่าเก็บไม่ได้ใช้ พุทธคุณและศิริมงคลดีนักแล แบ่งให้บูชา 250 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)





    (คุณPeterbn จองแล้วครับ)





    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2024
  6. Peterbn

    Peterbn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +269
    ขอจองครับ
     
  7. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3636.The last ของดีเมืองชล มหาพิธี 2วาระ สวยเดิมๆหายาก(๒)
    ระผงพุทธสิหิงค์ รุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ เจ้าคุณนร อธิษฐานจิต

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    -1b53f57259ecaa7b0.jpg

    ssn1yprlkhmsenv_1709118020-jpg.jpg
    ntjscpwum1eim7m_1709118243-jpg.jpg

    พระผงพุทธสิหิงค์ รุ่นแรก พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพุทคุณ สร้างโดยยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี ได้สร้างไว้เนื่องในงานฉลองหอพระพุทธสิหิงค์ ดำเนินการจัดสร้างขี้นเมื่อปี พ.ศ.2512


    พิธีพุทธาภิเษก

    วาระที่ : 1
    - ประกอบพิธีใหญ่ เมื่อ ฤกษ์ เสาร์ 5 เดือน 5 ขึ้น 5 ค่ำ วันมหาฤษณ์ ปีพ.ศ. 2512 โดยพระเกจิคณจารย์สายเมืองชลฯ ที่มีชื่อเสียงยุคนั้น ร่วมปลุกเสก หลายรูป


    วาระที่ : 2
    - ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต เมตตาอธิษฐานจิต ณ. พระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาส กทม. ปีพ.ศ. 2512


    สภาพสวยเดิม เก่าเก็บไม่ผ่านการบูชา พุทธคุณครอบครบ เป็นศิริมงคลแก่บรรดาลูกศิษย์เพื่อหวังพึ่งพระพุทธคุณได้อย่างสนิทใจ แบ่งให้บูชา 345 บาท(พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2024
  8. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3637.สารพัดอธิษฐาน เปรียบประดุจแก้วสารพัดนึก พระผงหลวงพ่อดำ
    วัดนางสาว ลป.เพิ่ม,ลป.เหรียญ,ลป.โต๊ะ,ลพ.สุด,ลพ.อุตตมะ เสกในโบสถ์มหาอุตม์

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    1fb7f4b0347e1102d.jpg

    พระผงหลวงพ่อดำ รุ่นมีทรัพย์สมบัติอุดมสมบูรณ์ดี วัดนางสาว จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อผงว่านยาจินดามณี ดำเนินการจัดสร้างขี้นเมื่อปี พ.ศ.2522


    มวลสารผงยาจินดามณี

    1. สร้างจากผงยาจินดามณีตามตำรับของ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

    2. ผงยาจินดามณีตามตำรับของ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่นำมาสร้าง "พระเนื้อผงยาวาสนาจินดามณี วัดนางสาว" ได้รับการจัดหา, ปรุงยาถวายโดย "คนวัดกลางบางแก้ว" โดยตรง "2 กะละมัง"

    3. ผงยาจินดามณีที่นำมาสร้าง "พระเนื้อผงยาวาสนาจินดามณี วัดนางสาว" มีส่วนผสมของผงยาเก่าของสายวัดกลางบางแก้ว ตั้งแต่หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จนถึงหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว

    4. ผงยาจินดามณีตามตำรับของ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่นำมาสร้าง "พระเนื้อผงยาวาสนาจินดามณี วัดนางสาว" ที่ได้รับมา "2 กะละมัง" นั้น ได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจาก "หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว" ซ้ำอีกครั้งก่อนนำมาสร้างพระผงยาเมื่อ ปี พ.ศ. 2522 นับเป็นอภิมหามงคลอย่างวิเศษยิ่ง

    5.ผงยาจินดามณีที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นตำรับของวัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม โดยหลวงปู่บุญได้ทำขึ้นจากตำรับเก่าแก่ของวัดกลางบางแก้ว ที่สืบทอดมาแต่ครั้งสมเด็จพระพนรัตน์ แห่งวัดป่าแก้ว สมัยอยุธยา ซึ่งเป็นผงยาที่ประกอบขึ้นจากตัวยาสมุนไพรมากมาย โดยในตำราได้ระบุถึงตัวยาสต่างๆเป็นบทกลอน ดังนี้

    "จินดามณีโอสถอันพิลาสประกอบดอกคราด ดอกจันทน์ เกสรบุษบัน เปราะหอม กำยาน โกฏสอ โกฏเขมา น้ำทองประสาน เปลือกกุ่มชลธาร กรุงเขมาเท่าๆ กัน ผสมแล้วตำบดพิมเสน ชะมด น้ำผึ้งรวงรัง กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขื่อขื่นคั้น ผสมเข้าด้วยกัน บดปั้นตากกิน เป็นยาวาสนาเลิศล้ำตำรา ในโลกแดนดิน ผู้ใดได้กินจะสวัสดิโสภิณกว่าคนทั้งหลาย พัสดุเงินทอง จักพูนกูนกองกว่าโลกหญิง ชาย นำมาบูชา อภิวาทบ่วาย ระงับอันตรายทั้งสี่กิริยา โทษหนักเท่าหนัก ถึงจักมรณา โทษน้อยถอยคราเคลื่อนคลายหายเอย"
    บทกลอนที่กล่าวถึงพุทธคุณของยาจินดามณี

    "โอสถนามมี จินดามณี เลิศล้ำยอดยา ผู้ใดมีไว้ ใช้กิน ใช้ทา รุ่งเรืองวัฒนา ปรารถนาสมจินต์ เงินทองมากมาย หน้าตาสดใส จิตใจโสภิณ โทษหนักเท่าหนัก จักถึงชีวิน มิต้องแดดิ้นถึงสิ้นชีวา อยากให้ใครรัก จิตตั้งประจักษ์ เห็นในพริบตา มหานิยม สมเจตนา เขาจ๊ะจ๋า มาหาทันที

    “แม้รับราชการเจ้านายโปรดปราน” บริวารมากมี อธิษฐานเอาเถิดผลจะก่อเกิด ประเสริฐสุขี อาทรธรรมนิเทสก์ พระคุณปกเกศ บอกเลศยานี้ เจ้าตำรับเก่า พระครูเสา มาเนาว์นานปี อย่าได้ละทิ้ง ในสิ่งสวัสดี จินดามณียอดยานี้เอย"

    “ยาจินดามณี ” เป็นยาที่ทรงคุณวิเศษในทางบำบัดรักษาโรคร้ายนานาชนิดตลอดจนโรคอันเกิดจาก “ เคราะห์กรรม ” บันดาลให้เคลื่อนคลายหายและทุเลาเบาบางลงไป แม้กระทั่งยามจะสิ้นลมก็ยังมีโอกาสสั่งเสียบอกเล่าได้ ด้วยคุณวิเศษดังกล่าวนี้เอง เมื่อผู้ใดมีอยู่ หรือได้กินก็จัดว่าเป็นผู้มีวาสนาเพราะเป็นของทำยากหายากจึงเรียกกันว่า “ ยาวาสนา ” ซึ่งเป็นคำยกย่องเรียกกันภายหลังตามกิตติคุณอันวิเศษของ “ ยาจินดามณี ”

    6. กระบวนการทำพระเครื่องจาก ผงยาวาสนาจินดามณีจากวัดกลางบางแก้ว “2 กะละมัง” ดังกล่าว ได้ "หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา สมุทรสาคร" ผู้เป็นทั้ง "หลาน" และ "ศิษย์" หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม คอยควบคุมการปรุงเนื้อและจัดสร้าง รวมถึงการดูแลลำดับการพิธีพุทธาภิเษก ( หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา อุปสมบทที่วัดนางสาว และอยู่จำพรรษาที่วัดนางสาว จนปี พ.ศ.2480 จึงได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าเสา)


    พิธีพุทธาภิเษก
    : เมื่อปื พ.ศ.2522 ณ โบสถ์มหาอุตม์ วัดนางสาว โดยพระอัจฉริยคณาจารย์ชื่อดังแห่งยุคในสมัยนั้น จากการบอกเล่าของผู้อาวุโสที่ทันการพุทธาภิเษกในยุคนั้นกล่าวว่า พระเกจิคณาจารย์ที่นิมนต์มานั่งปรกพุทธาภิเษก ได้แก่

    - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร
    - หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร
    - หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง นนทบุรี
    - หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา สมุทรสาคร
    - หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี
    - หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
    - หลวงปู่ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
    - หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม
    - หลวงพ่อทอง วัดจักรวรรดิ์
    - หลวงปู่เพิ่ม วัดจักรวรรดิ์ เป็นต้น


    นำติดตัวให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า นะโม 3 จบ แล้วว่าคาถากำกับดังนี้
    "ชนะลาโภ สัมมาอะระหัง พุทธังประสิทิ ธัมมังประสิทธิ สังฆังประสิทธิ ประสิทธิด้วยนโมพุทธายะ ฯ"
    แล้วใช้ตามความปราถนา จะเกิดโชค เกิดชัย ป้องกันอุบัติภัยทั้งหลายทั้งปวง ทำให้เป็นผู้มีโชคดีตลอดกาล แล ฯ


    ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก
    - https://www.dailynews.co.th/articles/2369852/

    สภาพสวยเดิม เก่าเก็บไม่ผ่านการบูชา พุทธคุณครอบครบ เป็นศิริมงคลแก่บรรดาลูกศิษย์เพื่อหวังพึ่งพระพุทธคุณได้อย่างสนิทใจ แบ่งให้บูชา 380 บาท(พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2024
  9. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    รายการจัดส่ง แฟลช 03/03/2567



    03062567-fff.jpg


    ***สรุปรายการที่ หน้า1 ครับผม***
    Tel: 086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    Line id : engiman_nu


    -gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif-gif.gif
     
  10. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3638.สุดยอดคำเดียว เหรียญหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดบวร
    ยอดมงคลวัตถุที่รวมพระเถรจารย์แห่งกองทัพธรรมมหาพิธี 3วาระใหญ่

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    image-43c2_593f5c94-jpg-4183850-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg

    เหรียญหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สร้างพร้อมกับพระกริ่งภูริทัตโต โดยคณะศิษย์9จังหวัดสร้างถวาย พิมพ์ใหญ่ เนื้อทองแดงรมน้ำตาล ไม่ตอกโค้ด ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2520

    มงคลวัตถุที่จัดสร้าง
    - พระกริ่งภูริทัตโต

    - พระชัยวัฒน์ภูริทัตโต

    - เหรียญพระพุทธภูริทัตโต
    - เหรียญพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิมพ์ใหญ่ และเล็ก มีทั้งตอกโค้ดและไม่ตอกโค้ด

    - เหรียญรูปไข่หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
    1.เพื่อสร้างพระประธาน ถวายเป็นอุเทสิกะเจดีย์ไว้เป็นที่เคารพสักการะบูชาในยามระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและจะได้นำไปประดิษฐาน ณ วัดบ้านตาล ตำบลโคกศรี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
    โดยจำลองแบบมาจากพระพุทธชินบัญชรพรหมรังษี และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ได้ประธานพระนามพระประธานนี้ว่า *พระพุทธชินบัญชรพรหมรังษี*
    2.เพื่อเทอดทูนเกียรติคุณแด่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต โดยถวายนามว่าพระกริ่งว่า**พระกริ่งภูริทัตโต**
    3.เงินรายได้จากการสั่งจอง เช่าบูชา นำถวายวัดศิษย์สายพระอาจารย์มั่นฯ ที่ร่วมเป็นคณะกรรมการนำไปใช้ในสาธารณะกุศลต่างๆ


    คณะกรรมการดำเนินงาน
    1.พระเทพบัณฑิต วัดศรีเมือง จ.หนองคาย ประธานฝ่ายบรรพชิต
    2.นายสอาด ธนเพิ่มพูล ประธานดำเนินงานสร้าง
    3.พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม วัดศิริสาละวัน จ.อุดร รองประธานฝ่ายบรรพชิต
    4.พระเทพวราลังการ วัดสุทธาวาส จ.เลย รองประธานฝ่ายบรรพชิต
    5.นายคุณากร สวรรค์ธนโรจน์ รองประธานดำเนินงานสร้าง
    6.พ.อ.เจน มลิลา ประธานที่ปรึกษา
    7. พ.ท.วิชาญ ทองภัทร์ กรรมการและเลขานุการ
    8.พระเถรานุเถระศิษย์สายพระอาจารย์มั่นฯ ๙ จังหวัดเป็นกรรมการกลาง
    คณะ กรรมการดำเนินงานได้ติต่อขออนุญาตจัดสร้างรูปเหมือนของพระอาจารย์ที่ได้รับ การยกย่องทั่วไปว่าเป็นแม่ทัพธรรมแห่งกองทัพธรรมสายวิปัสสนากัมมัฏฐานคือ อาจารย์มั่น ภูริทัตโต ,ขออนุญาตหลวงปู่แหวน สุจิณโณ,อาจารย์ฝั้น อาจาโร ในการนี้กรรมการยังได้จัดสร้างพระพุทธภูริทัตโต,พระกริ่งภูริทัตโต และเหรียญพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตอีกจำนวนหนึ่งด้วย


    วาระพิธีมหาพุทธาภิเษก
    เมื่อวันที่ 26-27-28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    - สมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย
    - พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม วัดป่าสิริสารวัล อุดรธานี เป็นองค์ที่ดับเทียนชัย


    วาระที่ : 1
    เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2520 รายนามพระเถระที่เข้าร่มพิธี
    1.สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ กรุงเทพฯ
    2.หลวงปู่ธูป วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแค) กรุงเทพฯ
    3.หลวงพ่อชิต วัดเขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์
    4.หลวงพ่อศิริ วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ
    5.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ
    6.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    7.หลวงพ่อใหญ่ วัดสะแก อยุธยา
    8.หลวงพ่อไพฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร กรุงเทพฯ
    9.หลวงพ่อบาง วัดหนองพลับ สระบุรี
    10.หลวงพ่อสา วัดราชนัดดา กรุงเทพฯ
    11.หลวงพ่อเส็ง วัดน้อยนางหงษ์ กรุงเทพฯ
    12.หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม กาณจนบุรี
    13.หลวงพ่อแฟ้ม วัดอรัญญิกาวาส ชลบุรี
    14.หลวงพ่อเส็ง วัดกัลยา กรุงเทพฯ
    15.หลวงพ่อหิน วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ
    16.หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี
    17.หลวงพ่อนนท์ วัดเหนือวน ราชบุรี
    18.หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ชัยนาท
    19.พระอาจารย์พันเทพ ฐานวโร วัดศรีบุญเรือน เชียงใหม่
    20.หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม กาญจนบุรี
    21.หลวงพ่อทองอยู่ วัดเกยชัยเหนือ นครสวรรค์
    22.พระโสภณวิสุทธิเถระ วัดศิลขันธาราม อ่างทอง
    23.พระครูประสิทธิ์วิทยาคม วัดเพียรบาตร ศรีสะเกษ


    วาระที่ : 2
    เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2520 รายนามพระเถระที่เข้าร่มพิธี
    1.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    2.พระคัมภีรญาณเถร วัดชัยภูมิวนาราม ชัยภูมิ
    3.หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
    4.หลวงพ่อบุญ วัดวังมะนาว
    5.หลวงพ่อผิว วัดสง่างาม ปราจีนบุรี
    6.หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะองค์ สมุทรสาคร
    7.หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร
    8.พระครูนนทสิทธิการ วัดไทรน้อย นนทบุรี
    9.หลวงพ่อพุฒ สารสุข วัดวงษ์ภาสน์ อ่างทอง
    10.หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือแกลง ระยอง
    11.หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี
    12.หลวงพ่อคง วัดสรรพรส จันทบุรี
    13.พระครูสารกิจประยุค วัดกุญชรนาราม มหาสารคาม
    14.หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี
    15.หลวงพ่อคร่ำ วัดวังหว้า ระยอง
    16.หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง นนทบุรี
    17.ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งน้ำหลวง เชียงใหม่
    18.หลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร ชัยนาท
    19.หลวงพ่อจ้วน วัดเขาลูกช้าง
    20.พระครูบวรชิมรัตน์ วัดนางพญา พิษณุโลก
    21.พระครูสุวรรณศิลาจารย์ วัดก้อนแก้ว ฉะเชิงเทรา


    วาระที่ : 3
    เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2520 รายนามพระเถระที่เข้าร่มพิธี
    1.พระเทพบัณฑิต วัดศรีเมือง หนองคาย
    2.พระอาจารย์จวน กุลเชโฐ หนองคาย
    3.พระอาจารย์คำพันธ์ วัดอรุณรังษี หนองคาย
    4.พระพิศาลศาสนกิจ วัดจันทาราม หนองคาย
    5.พระครูสุนทรนวกิจ วัดจันทาราม หนองคาย
    6.หลวงปู่อ่อนสี วัดพระงามศรีมงคล หนองคาย
    7.พระครูสมุทร์ญาณประยูติ วัดบึงปังพลาราม หนองคาย
    8.หลวงปู่เหรียญ วัดอรัญบรรพรต หนองคาย
    9.พระอาจารย์บัวพา วัดป่าพระสถิตย์ หนองคาย
    10.หลวงพ่อทองพูล วัดสามัคคีอุปถัมภ์ หนองคาย
    11.พระอาจารย์บุญมา วัดศิริสาละวัน อุดรธานี
    12.หลวงปู่ชม วัดบ้านวัวฆ้อง อุดรธานี
    13.พระอาจารย์บุญเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล
    14.พระครูศรีธรรมาคุนาธาร วัดป่า อุดรธานี
    15.หลวงปู่เพียร วัดป่าหนองกอง อุดรธานี
    16.พระอาจารย์บุญเลิศ วัดโนนสง่า อุดรธานี
    17.หลวงปู่สิม พุทธจาโร วัดสันติสังฆราม สกลนคร
    18.หลวงปู่แว่น วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร
    19.พระอาจารย์บุญ วัดศรีสว่างแดนดิน สกลนคร
    20.พระอาจารย์วัน วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร
    21.พระอาจารย์ลี วัดเหวลึก สกลนคร
    22.หลวงปู่อ่อนสี วัดธรรมมิการาม สกลนคร
    23.หลวงปู่ผาง ปริปุญโณ วัดประสาทธรรม สกลนคร
    24.พระอาจารย์สุภาพ วัดทุ่งสว่าง สกลนคร
    25.พระอาจารย์คำบ่อ วัดใหม่บ้านตาล สกลนคร
    26.พระอาจารย์สนั่น วัดป่าบ้านหนองไผ่ สกลนคร
    27.พระอาจารย์สุพรรณ วัดประชานิมิตร สกลนคร
    28.พระอาจารย์จันดี วัดศรีสะอาด สกลนคร
    29.หลวงปู่สาม วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์
    30.พระญาณสิทธาจารย์ วัดเทพพิทักษ์ปุณนาราม นครราชสีมา
    31.หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาละวัน นครราชสีมา
    32.หลวงตาพวง วัดศรีธรรมาราม ยโสธร
    33.พระราชธรรมนุวัตร์ วัดประชานิยม กาฬสินธุ์
    34.พระอาจารย์หนูอินทร์ วัดพุทธคายา กาฬสินธุ์
    35พระอาจารย์หนู วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่
    36.หลวงปู่หลวง วัดสำราญนิวาส ลำปาง
    37.พระอาจารย์ไพบูลย์ วัดป่ารัตนาราม พะเยาว์
    38.หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง เลย
    39.พระอาจารย์ผั่น วัดถ้ำเอราวัณ เลย
    40.หลวงปู่ซามา วัดป่าอัมพวัน เลย
    41.หลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน เลย
    42.พระอาจารย์สีทน สีละธโน วัดถ้ำผาปู่ เลย
    43.พระพุทธิสารธโศภณ วัดศรีโพนแท่ง เลย
    44.พระอาจารย์บุญเย็น สำนักสงฆ์ เชียงใหม่
    45.หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม ร้อยเอ็ด


    วาระที่ : 4
    - หลังจากพิธีพุทธาภิเศกแล้วได้มีการนำพระไปให้ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ และ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ปลุกเสกเดี่ยวเป็นกรณีพิเศษ
    นับว่าเป็นสุดยอดมงคลวัตถุรุ่นหนึ่งของพิธีในเมืองไทย และเป็นงานชุมนุมพระคณาจารย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต รวมเกจิอาจารย์และพระเถรานุเถระที่ทรงคุณวุฒิทั่วประเทศไทย ในพิธีมหาพุทธภิเษก ณ วัดบวรนิเวศ
    ขอขอบพระคุณแหล่งข้อมูล : พระกริ่งภูริทัตโต | ทัวร์วัด


    สภาพสวยเดิมๆผิวหิ้งนิด แต่ผิวปรอทคราบน้ำยาเขม่าไฟผิวรุ้งเดิมยังมี หน้าเหรียญไม่สึกไม่ผ่านการใช้การบูชา พิมพ์คมชัดลึก พุทธคุณเมตตาคลาดแคล้ว แลโภคทรัพย์ดีนักแล แบ่งให้บูชา 678 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)





    (คุณsunmk จองแล้วครับ)





    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2024
  11. sunmk

    sunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +866
    จอง3638
     
  12. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3639.เงินไหลนองทองไหลมา พระผงหลวงพ่อเงินไหลมา
    หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน ธรรมทายาทหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    -61e18cfc07d5040b.jpg
    พระผงหลวงพ่อเงินไหลมา หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อผงวิเศษผสมมวลสารมากมาย หลังสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พร้อมคาถาชินบัญชร ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อฤกษ์ เสาร์ห้า ปีพ.ศ.2544 ซึ่งเป็นพระเนื้อผงในงานเป่ายันต์ครั้งแรกของท่าน

    หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา องค์หลักอยู่ที่วัดท่าซุงสูง30ศอก
    ท่านมีลาภมาก พุทธคุณด้านลาภผลเงินทองโดยตรง บูชาคาถาเงินล้านพร้อมภาวนาอานาปานสติควบคู่ถวายท่านทุกวัน คาถาเงินล้านนี้เป็นพระพุทธคาถา เป็นคาถาที่พระพุทธเจ้าและพระปัจเจก มอบให้กับหลวงพ่อวัดท่าซุง ในช่วงที่หลวงพ่อฯเริ่มสร้างวัดท่าซุงใหม่ๆ จากที่ดินเปล่าๆมีกุฏิเก่าๆอยู่ไม่กี่หลัง จนใหญ่โตได้จนทุกวันนี้ หากผู้ที่จะสวด ควรมีความศรัทธาและเคารพเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจ มีศีล5เป็นอย่างน้อย หรือถ้าคิกว่าหนักไป ให้ตั้งใจรักษาศีล5 แค่วันละ 3ชั่วโมง นานเข้าก็จะรักษาได้ครบทั้งวัน ก่อนสวดทำจิตให้สบาย ปล่อยวางทุกสิ่ง และใช้ปัญญาพิจารนาว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราเป็นแต่เพียงผู้มาอาศัยร่างกายนี้แค่เพียงชั่วคราว เมื่อถึงเวลากายนี้ก็พังสลายไป ทรัพย์สินทั้งหลายก็ไม่ใช่ของเรา เพราะเมื่อตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ คนอื่นก็มาเอาไปใช้แทน ดังนั้นเราไม่ต้องการอะไรอีก เราต้องการเพียงสร้างบุญบารมีเพื่อพระนิพพานเท่านั้น แล้วก็ทำจิตให้นิ่ง คาถาบทนี้ยิ่งสวดด้วยจิตที่สะอาดเท่าไร ยิ่งเห็นผลมากเท่านั้น

    +++คาถาเงินล้าน+++
    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ , (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมมา จะ มหาเทวา อะภิลาภา ภะวันตุ เม, (คาถาเงินแสน)
    มะหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม, (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ ,วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
    มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้ผลเร็ว)
    เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ
    (บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)
    หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าเป็นเบี้ยต่อไส้
    ถ้าภาวณาควบกับอานาปานสติ จิตยิ่งสะอาดจะยิ่งเห็นผล


    สภาพสวยเก่าเก็บเดิมๆ พิมพ์คมชัดลึก พระไม่ช้ำเก่าเก็บครับ พุทธคุณครอบครบมวลสารยอดมหามงคล แบ่งให้บูชา 260 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
  13. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3640.สวยพร้อมสูจิบัตรเดิมๆ(ครึ่งองค์) เหรียญฟ้าผ่า
    ประทานพรจงเป็นแก้วสารพัดนึก หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    xgzyuv-jpg-jpg-jpg.jpg

    image-0a8e_5954a6cd-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg image-8fc6_5954a6cd-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
    เหรียญรุ่นประทานพร จงเป็นแก้วสารพัดนึก หรือ รุ่นฟ้าผ่า หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม อ.ตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี พิมพ์ครึ่งองค์ เนื้อทองแดง ตอกโค๊ด จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2549

    เหรียญรุ่นนี้ หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้เมตตาทำพิธีปลุกเสกชนวนแผ่นยันต์ แม่พิมพ์ ต้นแบบเหรียญรูปเหมือนของท่านพร้อมพิจารณาด้วยตัวท่านเองถึง 2 ครั้ง
    - ครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2549
    - ครั้งที่สองเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2549


    และเป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายที่หลวงปู่ปลุกเสกเดี่ยว จึงเป็นมงคลอันสูงสุด เพื่อให้ระลึกถึงความเมตตาของท่านตลอดกาล เหตุที่เรียกเหรียญรุ่นนี้ว่า เหรียญฟ้าผ่าเนื่องจาก มีประสบการณ์จากการที่ฟ้าผ่าคนที่แขวนเหรียญนี้ติดตัวไว้ ผลปรากฏว่าไม่เป็นอะไรเลย

    สภาพสวยพร้อมสูจิบัตรเดิมจากวัด พิมพ์และโค๊ดคมชัดลึก เก่าเก็บไม่ได้ใช้ พุทธคุณเมตตา คลาดแคล้ว และศิริมงคลดีนักแล รับประกันความสวย คราบเบ้าเขม่าไฟเดิมๆ ได้ไปไม่สวยส่งคืนได้เลยครับผม แบ่งให้บูชา 432 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
  14. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3641.เล็กดีรสโต(ชนะมาร) พระผงอิทธิเจไตรมาส เทพเจ้าแห่งชาวรามัญ
    สุดยอดมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ลพ.อุตตมะ,ลป.โต๊ะ อธิษฐานจิต

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ

    vkh7ha-jpg.jpg

    19aeys-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
    พระผงอิทธิเจไตรมาส รุ่นแรก พิมพ์ชนะมาร หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อผงมหาพุทธคุณ ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปีประมาณปี พ.ศ.2524 โดยทำการรวบรวมมวลสารผงวิเศษและตระเวนปลุกเสกยาวนานหลายวาระ ผู้สร้างได้ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี ในการนำพระทั้งหมดเข้าพิธี จนมั่นใจที่สุดแล้ว จึงได้แบ่งพระที่สร้างทั้งหมดถวายครูบาอาจารย์ที่ท่านนับถือศรัทธาเพื่อแจกโดยไม่คิดมูลค่าแต่อย่างใด หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมิพลี ได้อธิษฐานจิตเดี่ยวๆให้เป็นการเฉพาะเจาะจงให้กับพระพิมพ์นี้เป็นเวลานานหลายเดือน

    คณะจัดสร้าง
    - คุณบุญส่ง ไหลธนานนท์ คหบดีใหญ่แห่งจังหวัดนครปฐม
    - ท่านสุนทร แก้วพิจิตร นายกเทศมนตรีนครปฐมหลายสมัย
    - ท่านณัฏฐ์ ศรีวิหค อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด และ กรรมการ ปปช.
    - คุณถนอม เที่ยงตรง


    มวลสารศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วย
    - เส้นเกศาของ หลวงพ่ออุตตมะ ที่ได้เมตตามอบให้
    - ผงอิทธิเจ(มหาจักรพรรดิ) ที่ท่านลบเองเขียนเองเมื่อสมัยยังเรียนบาลีอยู่ที่พม่ามาผสมเป็นกรณีพิเศษด้วย
    - ชิ้นส่วนพระสมเด็จบางขุนพรหม, พระวัดปากน้ำ, พระกรุสมัยทราวดี
    - ผงตะไบชนวนพระกริ่งวัดสุทัศน์
    - ผงตะไบชนวนพระคันธราราษฎร์
    - หลวงพ่อยังได้เมตตามอบผงว่าน 108
    - ผงเกสร 108
    - ปูนกระเทาะจากองค์พระปฐมเจดีย์ อันเป็นพระเจดีย์ใหญ่และเก่าแก่องค์สำคัญที่สุดในสุวรรณภูมิ
    - ผงกระเบื้องจากองค์พระปฐมเจดีย์ อันเป็นพระเจดีย์ใหญ่และเก่าแก่องค์สำคัญที่สุดในสุวรรณภูมิ
    - พระเครื่องเนื้อผงรุ่นเก่าของหลวงพ่ออุตตมะที่ชำรุดแตกหักนำมาป่นผสมเป็นมวลสาร เป็นต้น


    วาระการอธิษฐานจิต
    - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมิพลี ได้อธิษฐานจิตเดี่ยวๆให้เป็นการเฉพาะเจาะจงให้กับพระพิมพ์นี้เป็นเวลานานหลายเดือน

    - หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวตลอดไตรมาสปี พ.ศ.2524 และวาระอื่นอีกยาวนาน

    - หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ได้อธิษฐานจิตเดี่ยวๆให้เป็นเวลานานหลายเดือน

    - นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระปฐมเจดีย์ โดยมีเกจิชื่อดังของนครปฐมร่วมพิธีด้วย เช่น หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร, หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ เป็นต้น
    จากนั้นทางผู้สร้างจึงนำตระเวนให้พระผู้มีชื่อเสียงแถบจังหวัดนครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี ปลุกเสกให้อีกหลายรูป


    พระผงชุดนี้จึงเป็นพระเครื่องที่ดีทั้งนอกดีทั้งใน ทั้งเจตนาในการจัดสร้างที่บริสุทธิ์จริงๆ คือสร้างเพื่อสืบอายุพระศาสนาและแจกเป็นทาน มวลสารต่างๆ ก็ตั้งใจรวบรวมมานาน อีกทั้งครูบาอาจารย์ที่เป็นองค์อธิษฐานจิต เป็นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงและมีลูกศิษย์อยู่ทั่วประเทศตระเวนเข้าพิธีพุทธาภิเษกต่างๆ เรียกว่าที่ไหนมีจัดพิธีก็จะนำพระไปฝากเข้าพิธีทุกครั้ง บางครั้งก็นำไปถวายครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นแผ่เมตตาอธิษฐานพร

    พุทธคุณ :
    - เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย และเจริญด้วยโภคทรัพย์


    สภาพสวยเดิมเก่าเก็บไม่ได้ใช้ มวลสารแห่งความเป็นศิริมงคล พุทธคุณครอบจักรวาลครับท่าน พระดีราคาเยาว์อีกรุ่น ที่ดีนอกดีใน เจตนาการจัดสร้างบริสุทธิ์ที่สุดส่วน แบ่งให้บูชา 260 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)



    (คุณPeterbn จองแล้วครับ)




    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  15. Peterbn

    Peterbn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +269
    ขอจองครับ
     
  16. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112


    -jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
     
  17. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3642.ยอดชนวนระฆังโบราณเสก 5วาระ เหรียญหล่อพิมพ์เตารีดฐานภูเขา
    หลวงปู่เกลี้ยง
    พระอริยสงฆ์ 5แผ่นดิน ผู้หยั่งรู้ฟ้าดินวาจาศักดิ์สิทธิ์

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    -1ef553d3d644b174c.jpg
    59e3a7573e8fcacd2.png
    เหรียญหล่อพิมพ์เตารีดฐานภูเขา รุ่นเศรษฐีศรีสะเกษหลวงปู่เกลี้ยง เตชธัมโม วัดโนนเกด(วัดศรีธาตุ) ตำบลทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เนื้อเนื้อทองชนวนระฆังผสมชนวนโบราณ และแผ่นจารอักขระ ตอกโค้ด รันนัมเบอร์ ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2557 เนื่องในโอกาสอายุครบ 107 ปี จำนวนสร้าง 5,999 องค์

    วัตถุประสงค์
    - จัดหาทุนสร้างห้องพยาบาล และจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ในนาม “พระครูโกวิทพัฒโนดม” (หลวงปู่เกลี้ยง เตชะธัมโม) มอบให้แก่โรงพยาบาลประจำจังหวัดศรีสะเกษ



    พิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่ 5 วาระ

    วาระที่ : 1
    - หลวงปู่เกลี้ยง เตชธัมโม วัดโนนเกด(วัดศรีธาตุ) ปลุกเสกเดี่ยว 1 วาระ ในเดือน มี.ค. 2557

    วาระที่ : 2
    - พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ “ศาลหลักเมืองศรีสะเกษ” พิธียิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ที่ทางจังหวัดศรีสะเกษ อนุญาตให้คณะกรรมการทำพิธีมหาพุทธาภิเษก และพิธีเทวาภิเษกภายในศาลหลักเมืองศรีสะเกษ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 เม.ย. 2557 ณ ศาลหลักเมืองศรีสะเกษ (เสาร์ 5 แรม 5 เดือน 5) โดยพระราชกิตติรังสี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษเป็นประธานจุดเทียนชัย และนั่งปรกพร้อมเกจิดังรวม 16 รูป อาทิ
    - หลวงปู่คำดี วัดบูรพาราม
    - หลวงปู่ทองอินทร์ วัดโพธิ์ศรี
    - หลวงปู่เส็ง วัดปราสาทเยอร์ใต้
    - หลวงปู่แถว อาจาริโย
    - หลวงปู่ผอง วัดพานทา
    - หลวงปู่จันทร์หอม วัดบุ่งขี้เหล็ก
    - พระอาจารย์จ่อย (ศิษย์พุทธาคมหลวงปู่หมุน และหลวงปู่ละมัย)
    - หลวงปู่สาย วัดตะเคียนราม (ศิษย์หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน) ฯลฯ

    วาระที่ : 3-5
    - ประกอบพิธีพุทธาภิเษกอีก 3 วาระ

    ------------------------------------




    หลวงปู่เกลี้ยง เตชธัมโม


    พระอริยสงฆ์ 5 แผ่นดิน หลวงปู่เกลี้ยง วัดบ้านโนนแกด จ.ศรีสะเกษ อายุ 107 ปี เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสายกรรมฐาน ทั้งแนวปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตพระอาจารย์ใหญ่แห่งภาคอีสาน ได้รับถ่ายทอดวิทยาพุทธาคม ยาสมุนไพรรักษาโรคและกรรมฐานจากครูบาอาจารย์หลายองค์ เป็นที่เรื่องลือลับรู้กันมากของคนพื้นที่และของผู้ที่ไปหาท่าน ความพิเศษอย่างหนึ่ง ท่านมีนิมิตบันดาล หากมีผู้คนไปไต่ถามถึงเรื่องราวต่างๆ เพียงยกขัน(ขัน 5)ขึ้นและบอกความจำเป็น ท่านจะตอบตามนิมิตบันดาล ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามคำถามทุกประการ ความรู้เห็นสิ่งที่เหนือสามัญวิสัยของคนทั่วไป ที่ไม่สามารถรู้เห็นได้ แต่ท่านมีสิ่งเหนือสามัญวิสัย สามารถบอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วจะแก้อย่างไรและรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจะเกิดอะไรขึ้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ จนเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป วาจาศักดิ์สิทธิ์ (ผู็หยั่งรู้ฟ้าดิน)

    ครูบาอาจารย์ของหลวงปู่พอสังเขป ดังนี้
    1..หลวงปู่มุม วัดปราสาทเยอร์เหนือ จ.ศรีสะเกษ สุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งอีสานใต้ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ หลวงปู่เกลี้ยงซึ่งคุ้นเคยกับหลวงปู่มุมตั้งแต่ยังเด็ก หลวงปู่มุมมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆของหลวงปู่เกลี้ยงและเป็นทั้งอาจารย์ด้วย หลวงปู่เกลี้ยงได้สนใจทางวิทยาพุทธาคมตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นสามเณรและได้ไปร่ำเรียนวิทยาพุทธาคมกับหลวงปู่มุมเป็นเวลาเกือบปี ตอนหลังหลวงปู่เกลี้ยงก็ยังไปหาหลวงปู่มุมเป็นประจำ ในการศึกษาคาถาอาคมและพิธีกรรมต่างๆ หากติดขัดหรือไม่เข้าใจประการใด ท่านจะออกไปแต่เช้าเดินลัดเลาะไปตามทุ่งนา เพื่อไปหาหลวงปู่มุมที่วัดปราสาทเย่อเหนือเสมอ หลวงปู่เรียนวิทยาพุทธาคมอักขระเลขยันต์ตัวธรรมโบราณและสมถะกรรมฐาน ถือว่าหลวงปู่เป็นผู้สืบทอดวิทยาคมจากหลวงปู่มุมโดยแท้ หลวงปู่มุมได้เมตตาท่านโดยได้เขียนอักขระตัวธรรมเลขยันต์ให้หลวงปู่ได้นำมาใช้กับหลังเหรียญรุ่นแรกปี 19 ของท่านเป็นต้น

    2..หลวงปู่ธรรมจินดา (เดช) วัดพระโต จ.ศรีสะเกษ เป็นพระอาจารย์อีกองค์ที่เก่งที่ถ่ายทอดวิทยาพุทธาคม จนหลวงปู่เกลี้ยงออกปากชมพระอาจารย์ของท่านองค์นี้เก่งยิ่งนัก ท่านได้เรียนพระคาถาวิทยาพุทธาคมกับหลวงปู่เดชอธิเช่น พระคาถาจักราวุธพระเจ้า5พระองค์ (โองการมหาปทุม) ยอดพระคาถากล่าวถึงการบำเพ็ญบารมีธรรมของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในมหาภัทรกัลป์และพระคาถา 9 ดี 10 ดี อานุภาพของพระคาถามีพลานุภาพซึ่งดีทางป้องกันภยันตรายอุปัทวันตรายทั้งปวงและเมตตาค้าขายมหานิยมยิ่งนัก ทั้งยังสอนปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานอีกด้วย

    3..หลวงปู่สอน วัดบ้านเปื่อย จ.ศรีสะเกษ (เป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพงใหญ่) ท่านเก่งทางรักษาด้วยสมัยก่อนใครที่เป็นบ้าเสียสติ ทางญาติพี่น้องก็จะพามาหาหลวงปู่สอนรักษาเสมอ จึงนับได้ว่าท่านเก่งหลายอย่าง ท่านสนิทกับหลวงปู่มุมมาก ท่านเป็นสหายธรรมกัน หลวงปู่มุมกับหลวงปู่สอนท่านมรณะภาพวันเดียวกันเวลาเดียวกันที่วัดปราสาทเย่อเหนือ นับว่ามหัศจรรย์มากที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เมื่อหลวงปู่เกลี้ยงเดินทางไปหาหลวงปู่มุมที่วัดปราสาทเย่อเหนือ ตอนกลับจะแวะไปหาหลวงปู่สอนเสมอ (ห่างกันประมาณ 2 กม.) เพื่อศึกษาทบทวนพระคาถาอาคม ซึ่งท่านสืบทอดวิชาพุทธาคมสายอยุธยา ท่านได้เรียนพระคาถานะโมตาบอดและพระคาถาอุณาโลมใหญ่ ชึ่งนิยมกันมากในเขตพื้นที่ภาคกลาง

    4..อาจารย์พ่อบุญธรรม ท่านเป็นอาจารย์ฆราวาสเป็นผู้มีวิชาอาคมและเชี่ยวชาญด้านยาสมุนไพร หาผู้ที่มาเทียบเคียงได้ยากในยุคนั้นและเก่งมาก ท่านจะรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่กับพุทธาคมคาถา หลวงปู่เรียนด้านพุทธาคมสมุนไพรและการรักษาโรคชนิดต่างๆกับอาจารย์พ่อบุญธรรมและตามตำราโบราณที่ตกสืบทอดต่อกันมา

    5..อาจารย์ทองสุข นามทองใบ ท่านเป็นอาจารย์ฆราวาสอีกผู้หนึ่งที่มีคาถาอาคมที่มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่ง หลวงปู่เรียนพระคาถามหาจินดามณีใหญ่ซึ่งดีด้านเมตตามหานิยมโดยตรง ลป.เกลี้ยงนิยมใช้พระคาถานี้มาก วัตถุมงคลหลายชิ้นหลายอย่างของหลวงปู่ท่านก็นิยมปลุกเสกด้วยพระคาถานี้ร่วมอยู่ด้วย ทั้งยังเรียนพระคาถาด้านคงกระพันชาตรีอีกด้วย

    6..อาจารย์บาน บ้านหนองครก เป็นหมอธรรมใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคนั้นมีลูกศิษย์มากมาย เรืองขมังเวชมากในยุคนั้น สมัยก่อนทางภาคอีสานจะมีหมอธรรมแบบนี้มาก หรือเป็นหมอธรรม (นายฮ้อยผู้มีวิชาแก่กล้า) ผู้รักษาต้อนฝูงวัวฝูงควายไปขายนับเป็นพันๆตัวได้จะต้องเก่งจากการมีผู้มาดักปล้น นับว่าต้องเก่งมากๆถึงจะรักษาไม่ให้ถูกปล้น แบบนี้ก็มีมากและหมอธรรมผู้มีวิชาอาคมรักษาผู้คนเจ็บป่วยก็มีมากอย่างเช่น วิชาต่อกระดูก (ประสานกระดูก) เป็นต้น อย่างลุงหรือพ่อของหลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม ก็เป็นหมอธรรมนายฮ้อยเก่าหรือหลวงปู่พรหม จิรปุณโญ วัดประสิทธิ์ธรรม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากท่านก็เคยเป็นนายฮ้อยต้อนวัวต้อนควายเก่ามาก่อน ต้องมีวิชาอาคมพอตัวถึงจะคุมอยู่อย่างนี้เป็นต้น นับว่าอาจารย์บานก็เป็นผู้หนึ่งที่มีวิชาคาถาอาคมแก่กล้ามากคนหนึ่ง

    7..หลวงปู่บุญเรือน เขมโชโต เป็นพระธุดงค์กรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านชอบปฏิบัติมาก ชอบเดินธุดงค์ชอบจาริกแสวงหาสถานที่ปฏิบัติธรรมตามถ้ำป่าเขาต่างๆ หลวงปู่เรียนสมถะวิปัสสนากรรมฐานกับท่านและยังได้ร่วมเดินธุดงค์กับหลวงปู่บุญเรือนไปยังภูเขาควายชึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และลี้ลับมีอาถรรพณ์ เป็นสถานที่ศึกษาเรียนคาถาพุทธาคมต่างๆมากมาย ท่านติดตามหลวงบุญเรือนธุดงค์ไปในเขตประเทศลาว บนภูเขาควายจะมีการสลักชื่อพระอาจารย์ที่เคยธุดงค์มาไว้ที่แผ่นป้ายของชาวลาวที่นับถือครูบาอาจารย์ต่างๆ ชื่อที่สลักไว้อย่างเช่นหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล,หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต,หลวงปู่ฝั้น อาจาโร,และก็มีชื่อของหลวงปู่กลี้ยง เตชะธมฺโมรวมอยู่ด้วยชึ่งก็เป็นหลักฐานว่าท่านได้ธุดงค์มาที่นี้ด้วย ถ้าท่านผู้ใดไปเที่ยวที่ภูเขาควายประเทศลาวชึ่งห่างจากกรุงเวียงจันทร์ประมาณ 20 กิโลเมตร คงได้เห็นชื่อที่สลักไว้ ท่านได้ธุดงค์กับพระอาจารย์ท่านร่วมเป็นเวลา 2 ปีกว่าในประเทศลาวและยังมีพระอาจารย์ท่านอีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าว

    สหายธรรมและสหธรรมมิกที่สนิทชิดชอบกันมากเช่น
    1..หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ ท่านสนิทกันมาก อาจจะด้วยท่านเป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษเหมือนกันด้วย ท่านทั้ง 2 ให้ความเคารพนับถือกันมาก หลวงปู่หมุนได้เคยกล่าวบอกลูกศิษย์ลูกหา ว่าถ้าท่านไม่อยู่แล้วให้ไปหาหลวงปู่เกลี้ยง วัดบ้านโนนแกดองค์นี้ เพราะท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเก่งจริง เชี่ยวชาญพุทธาคมมากเหมือนเพชรในตมรอวันที่จะสุกสว่างไสว ภายภาคหน้าองค์นี้จะมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วประเทศอย่างแน่นอน ท่านสนิทสนมกันมากให้ความเคารพชึ่งกันและกัน จนหลวงปู่หมุนเคยส่งลูกศิษย์ลูกหาไปนิมนต์หลวงปู่เกลี้ยงมาวัดท่านตั้งหลายครั้ง

    2..หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา จ.ศรีสะเกษ
    คำกล่าวของ หลวงปู่สรวง “เทวดาเล่นดิน” ถึง “เทวดาผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน” หลวงปู่เกลี้ยง เตชธัมโม อายุ 107 ปี วาจาสิทธิ์
    หลวงพ่อพระปลัดทองอินทร์ เจ้าอาวาสวัดเนินทอง อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ สมัยบวชเป็นสามเณรเคยอยู่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อผาง จิตุตคุตโต วัดป่าอุดมคงคาคีรีเขตต์และเคยอยู่กับหลวงปู่โส กัสสโป วัดป่าคำแคนเหนือ อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น
    นอกจากนี้หลวงพ่อพระครูปลัดทองอินทร์ตอนพรรษายังไม่มากก็เคยจำพรรษาอยู่วัดถ้ำเขาพระงามในเขตจังหวัดลพบุรี ได้ช่วยบูรณะวัดแห่งนั้นทางวัดได้สร้างวัตถุมงคลได้นิมนต์หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา (เทวดาเล่นดิน) จังหวัดศรีสะเกษไปปลุกเสกวัตถุมงคลให้ทางวัดนั้นด้วย
    “หลวงปู่ที่ศรีสะเกษนอกจากหลวงปู่แล้วยังมีพระเกจิคณาจารย์ที่เก่งๆอีกไหมครับผม”
    พระครูปลัดทองอินทร์กราบเรียนถามหลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน)
    “มี” หลวงปู่สรวงตอบสั้นๆ
    ชื่อหลวงพ่ออะไร พระครูปลัดถามต่อ
    “หลวงปู่เกลี้ยง วัดโนนแกด”
    หลวงปู่สรวง “เทวดาเล่นดิน” แห่งวัดไพรพัฒนาราม ตอบ ก่อนจะกล่าวต่อว่า
    “องค์นี้อายุยืนเกินร้อยแน่”
    “ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อ” พระครูปลัดถามต่อ
    “เพราะท่านยังไม่เปิดเผย แต่ต่อไปคนจะรู้จักนามท่านทั่วประเทศเชียวล่ะ”
    นี่คือคำกล่าวที่ยืนยันยกย่องจากปากของหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนาที่ได้กล่าวไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน

    3..หลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ ท่านร่ำเรียนวิทยาพุทธาคมมาหลายอาจารย์มาก และยังฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอีกด้วย ท่านเก่งจริงๆจนโด่งดังไปทั่วอีสานใต้ เป็นที่เคารพของลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างมาก ท่านสนิทกันมากไปมาหาสู่หลวงปู่เกลี้ยงกันประจำและเคยเดินธุดงค์ด้วยกันกับหลวงปู่เจียมด้วย

    4..หลวงปู่เจียม วัดอินทราสุการาม จ.สุรินทร์ ท่านเป็นชาวเขมร ท่านร่ำเรียนวิทยาคมสายเขมรและยังปฏิบัติกรรมฐานอีกด้วย ท่านชอบเดินธุดงค์ฝึกจิตฝึกสมาธิไปในพื้นที่ต่างๆมากมายทั้งภาคเหนือ,ภาคกลาง ท่านเป็นนักบุญแห่งอีสานใต้ ผู้เรืองทางพระเวทย์อันเข็มขลัง มีตะบะสมาธิอันแกว่งกล้า จนเป็นที่เคารพรักของเหล่าทหารที่ประจำการสู้รบเขตชายแดนเป็นอย่างมาก ท่านมีลูกศิษย์มากมาย ท่านสนิทกันมากไปมาหาสู่กันประจำ หลวงปู่จียมเคยเดินธุดงค์กับหลวงปู่เกลี้ยงและหลวงปู่เครื่องด้วยกัน

    5..หลวงปู่คำพัน วัดธุาตมหาชัย จ.นครพนม ท่านเป็นลูกศิษย์สายวิปัสสนากรรมฐานหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล พระอาจารย์ใหญ่แห่งกองทัพธรรมสายพระธรรมยุต (พระป่า) ด้วยข้อวัตรปฏิบัติเรียบง่ายที่งดงามตามฉบับของพระปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสายพระป่า เน้นปฏิบัติเป็นสำคัญทำให้ท่านได้รู้ธรรมอันลึกชึ่งตามแบบอย่าง พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้ทรงสั่งสอนไว้ ถือว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง หลวงปู่คำพันท่านสนิทกับลป.เกลี้ยงเป็นอย่างมากไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ท่านได้ถวายพระเม็ดปฐีธุาตอันศักดิ์สิทธิ์ให้หลวงปู่เกลี้ยงจำนวนมาก ชึ่งถือว่าเป็นวัตถุทางธรรมชาติที่มีอาถรรพณ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว ต้องใช้คุณวิเศษถึงจะเอามาได้เพราะอยู่กลางสะดือแม่น้ำโขง แม่น้ำโขงนี้มีสิ่งลี้ลับมากมาย ถ้าไม่มีคุณวิเศษบางประการยากที่จะเอามาได้

    6..หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม จ.อุบลราชธานี พระอาจารย์องค์นี้เก่งมาก ท่านร่ำเรียนพุทธาคมสายสมเด็จพระสังฆราชลุน( ญาครูขี้หอม )หรือเรียกสั้นๆว่าสมเด็จลุน หลวงปู่ญาท่านสวนได้ถวายตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน ท่านเดินธุดงค์ไปเรียนพุทธาคมที่ภูเขาควายชึ่งเปรียบเสมือนเป็นจุดศูนย์กลางทางวิทยาพุทธาคมต่างๆมากมายและเป็นที่ฝึกปฏิบัติสมถกรรมฐานด้วย โด่งดังมากในแถบประเทศลาวและทั่วภาคอีสาน สมเด็จพระสังฆราชลุน(ญาครูขี้หอม)ของประเทศลาวท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่พระครูเทพโลกอุดรที่โด่งดังมากๆ มีผู้ศัทธาในวัตรปฏิบัติของท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย สมเด็จพระสังฆราชลุนท่านเก่งจริงๆจนชื่อเสียงท่านขจรขจายไปทั่วสารทิศ นับเป็นบุญของหลวงปู่ญาท่านสวนได้ถวายตัวเป็นศิษย์ท่านสมเด็จลุน "ลูกศิษย์"ได้ถามหลวงปู่ญาท่านสวนว่า ถ้าหลวงปู่ไม่อยู่แล้ว อาจารย์องค์ไหนเก่ง ท่านบอกว่าให้ไปหาท่านเกลี้ยง(ลป.เกลี้ยง)เพราะท่านเกลี้ยงองค์นี้เก่งจริงๆ ในยุคนี้ไม่มีอาจารย์ไหนแล้ว ที่จะเก่งกว่าท่านเกลี้ยงอีกแล้ว นี่เป็นสิ่งที่หลวงปู่ท่านได้เมตตาบอกแก่ลูกศิษย์ หลวงปู่ญาท่านสวนท่านเคารพชึ่งกันและกันเป็นอย่างมากกับหลวงปู่เกลี้ยงตั้งแต่หลวงปู่เกลี้ยงยังไม่ดังยังไม่มีใครรู้จักเยอะเหมือนตอนนี้

    7..หลวงปู่เพ็ง วัดโพธิ์ศรีละทาย จ.ศรีสะเกษ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่อ้วน โสภโณ วัดบ้านโนนค้อ จ.ศรีสะเกษ หลวงปู่อ้วนท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่มุม วัดปราสาทเย่อเหนือ จ.ศรีสะเกษและหลวงปู่อ่อน วัดเพียรมาตร จ.ศรีสะเกษ 3 สหธรรมมิกที่โด่งดังมาก ชึ่งเชี่ยวชาญวิปัสสนากรรมฐานและคาถาพุทธาคม มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากในยุคนั้น มีลูกศิษย์มากมายเป็นที่เคารพรักของทหาร g.i ของกองทัพกลุ่มพันธมิตรรบในสงคราม หลวงปู่เพ็งท่านก็สืบทอดคาถาพุทธาคมและสมถกรรมฐานกับอาจารย์ท่าน หลวงปู่เพ็งท่านให้ความเคารพนับถือหลวงปู่เกลี้ยงเป็นอย่างมาก ไปมาหากันบ่อยมาก

    8..หลวงปู่ธรรมรังษี วัดพระพุทธบาทพนมดิน จ.สุรินทร์ ท่านเป็นชาวเขมร ท่านร่ำเรียนวิทยาพุทธาคมสายเขมร ชึ่งได้รับคำยกย่องนับถือจากชาวเขมรเป็นอย่างมาก ถึงขั้นจะแต่งตั้งท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราชประมุกสงฆ์ของประเทศเขมรเลยทีเดียว ท่านเก่งจริงๆแม้กระทั่งลูกศิษย์ลูกหาชาวไทยและชาวเขมรก็ให้ความเคารพท่านเป็นอย่างมากด้วยข้อวัตรปฏิบัติของท่าน หลวงปู่ธรรมรังษีท่านให้ความเคารพนับถือหลวงปู่เกลี้ยงเป็นอย่างมาก

    9..หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์ ท่านก็ร่ำเรียนวิทยาพุทธาคมสายเขมรสมัยตอนท่านไปเดินธุดงค์ในประเทศเขมรตั้งหลายปี ท่านเดินธุดงค์อยู่ในป่าเขาแถบชายแดนและพื้นที่ต่างๆอีกมากมาย ทั้งในไทยและเขมร ช่วงอายุมากขึ้นท่านยังปฏิบัติกรรมฐานอยู่ในสุสานทุ่งมน เป็นสถานที่สับปายะมากเหมาะแก่การปฏิบัติ ท่านเป็นผู้มักน้อย ชอบสันโดษ ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ หลวงปู่หงษ์ท่านให้ความเคารพนับถือหลวงปู่เกลี้ยงเป็นอย่างมาก ท่านชอบมาสนทนาธรรมกับหลวงปู่เกลี้ยงและไปมาหาสู่กันเป็นประจำ

    10..หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี ลูกศิษย์สายหลวงปู่รอด ทนฺตโร วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี ชึ่งเป็นพระอาจารย์ที่มีบารมีมากและเก่งมากๆ อย่างการบูรณะพระมหาเจดีย์ธาตุพนมพระอาจารย์องค์อื่นหรือแม้แต่ฆาราวาสก็ไม่สามารถเข้าใกล้พระมหาเจดีย์ธาตุพนมได้เพราะมีอาถรรพณ์ต่างๆนาๆ แม้กระทั่งเข้าใกล้ยังไม่ได้เลย ไม่มีผู้ใดที่จะบูรณะพระมหาเจดีย์ธาตุพนมได้ มีแต่หลวงปู่รอดเท่านั้นที่บูรณะได้ แม้กระทั้งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตยังกล่าวยกย่องท่านว่ามีแต่หลวงปู่รอดเท่านั้นที่จะบูรณะได้ท่านมีบารมีมาก หลวงปู่มั่นเป็นผู้บอกกับคณะกรรมการวัดให้ไปนิมนต์หลวงปู่รอดองค์เดียวเท่านั้นมาบูรณะพระมหาเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ หลวงปู่คำบุท่านให้ความเคารพนับถือหลวงปู่เกลี้ยงเป็นอย่างมาก ไปมาหาสู่กันประจำ

    11..หลวงปู่ห้วย วัดประชารังสรรค์ จ.ศรีสะเกษ ท่านเป็นพระผู้ใหญ่เป็นถึงที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษฝ่ายธรรมยุต ท่านเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตพระอาจารย์ใหญ่ ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านชอบปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นอย่างมาก เน้นการอยู่อย่างเรียบง่ายแม้นว่าท่านจะมียศตำแหน่งพระผู้ใหญ่ แต่ท่านก็ชอบสันโดษอย่างพระป่า พูดน้อยแต่แน้นการปฏิบัติเยอะ หลวงปู่ห้วยท่านให้ความเคารพนับถือหลวงปู่เกลี้ยงเป็นอย่างมาก

    พระอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีภูมิรู้ภูมิธรรมดี สมาธิแกว่งกล้าใกล้เคียงกันท่านจะรับรู้ได้ด้วยญาณสมาธิของท่านเองว่าองค์ไหนเก่งองค์ไหนไม่เก่ง จะสังเกตได้ว่าพระอาจารย์องค์ไหนเก่งก็ย่อมจะมีสหธรรมมิกที่เก่งๆ แวดล้อมด้วยพระอาจารย์ที่มีศีลมีธรรมผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เปรียบเสมือนบัณฑิตย่อมคบหากับบัณฑิต ฉันต์ใดก็ฉันต์นั้น

    ด้วยการที่หลวงปู่มีอายุถึง 107 ปีพระอริยสงฆ์ 5 แผ่นดิน ทำให้หลวงปู่ได้เรียนพระกรรมฐานและวิทยาพุทธาคมจากอาจารย์เก่งๆหลายองค์ แล้วยังเชียวชาญพุทธาคมสมุนไพรรักษาโรคต่างๆตามตำราโบราณ ท่านจะรักษาผู้ที่มาหาท่านตั้งแต่ตี 4 ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นประจำ แต่ด้วยช่วงหลังอายุหลวงปู่มากขึ้นท่านจึงค่อยๆลดลง ท่านเป็นพระที่มีเมตตาเยือกเย็นมาก หน้าตาท่านจะผ่องใสมากเป็นผลจากการที่ท่านปฏิบัติดีมีสมาธิที่ดี จะสังเกตุได้ว่าพระอาจารย์กรรมฐานทางภาคอีสาน ที่ปฏิบัติตามแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติสั่งสอนไว้ โดยเฉพาะพระอาจารย์ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตทุกองค์หน้าตาท่านจะผ่องใสมาก นี่เป็นผลจากปิติเกิดจากการมีสมาธิที่ดีผลจากการปฏิบัติ หลวงปู่เกลี้ยงหน้าตาท่านจะผ่องใสมากชึ่งเกิดจากปิติของสมาธิที่ดีเหมือนกัน เราทุกคนสามารถมองเห็นและสามารถพินิจพิเคราะด้วยตาของเราเองได้และสามารถดูบริบทอะไรต่างๆมากมายโดยยึดหลักคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราชาวพุทธควรจะใช้หลักอย่างมีเหตุมีผล เราถึงจะพบพระแท้พระจริงในยุคนี้สมัยนี้


    สภาพสวยกล่องเดิม เนื้อหาสุดยอดมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ราคาเบาหวิวแต่พุทธคุณเกินตัว ทั้งเมตตาคลาแคล้วและโชคลาภ แบ่งให้บูชา 280 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)



    (คุณธนกฤต จองแล้วครับ)




    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2024
  18. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3643.กรรมการลงรักปิดทอง มวลสารศักดิ์สิทธิ์สายกรรมฐาน 9 เกศาพระอริยะ
    พระนางพญา 9 เกศา รุ่นแรก หลวงปู่คำบ่อ โดย ลป.แหวน เสก 3ปีเต็ม

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    -.672291531c38bd7b.jpg

    1d3a3b039e45ef403.jpg
    พระผงนางพญา 9 เกศา รุ่นแรก หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล จังหวัดสกลนคร เนื้อผงพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์ กรรมการลงรักปิดทอง จำนวนการสร้างน้อย เพื่อมอบให้แก่ผู้เป็นกรรมการได้ไว้กราบไหว้บูชาทุกๆท่าน 1 องค์

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์
    - ว่าน 108 ชนิด
    - ทองคำเปลวปิดพระพุทธรูปทั่วประเทศ
    - ผงว่านเจ้าคุณนร
    - ดินที่ตรัสรู้ จากประเทศอินเดีย
    - ผงพระพุทธคุณอี 108 ชนิด
    - เกศา ลป.มั่น ภูริทัตโต, ลป.ฝั้น, ลป.พรหม, ลป.ตื้อ, ลป.ขาว,ลป.วัน, ลป.หลุย,ท่านพ่อลี, ลป.แหวน
    - พระธาตุ
    - ขี้เหล็กไหล
    - สะเก็ดดาว
    - พระขันธ์ทองคำ เป็นต้น


    วาระอธิษฐานจิต
    - หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง เมตตาอธิษฐานจิตให้เป็นการพิเศษ 3 ปีเต็ม
    ( หลวงปู่คำบ่อ ได้ปฏิบัติดูแลหลวงปู่แหวน นานถึง 5 ปี จึงได้มาสร้างวัดที่สกลนคร )

    มวลสารดีมากครับพระผงขององค์หลวงปู่แต่ละรุ่นนั้นสุดยอดมวลสารครับหลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล ท่านเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ในสายพระกรรมฐาน วัตถุมงคลท่านเป็นมงคลอำนวยความเจริญร่มเย็นน่าบูชามาก

    ----------------------------------------



    ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ

    • ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
    ข้าพเจ้ามีนามเดิมที่โยมคุณตาตั้งให้ ชื่อ คำบ่อ พวงสี เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๔ เวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น. ตรงกับวันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะแม ณ บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายทองและนางภู่ พวงสี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ ข้าพเจ้าเป็นบุตรคนที่ ๑

    ในปฐมวัย ข้าพเจ้าได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่ศาลาวัดศรีษะเกษ บ้านตาล จ.สกลนคร จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เมื่อจบแล้ว โยมบิดา-โยมมารดาจะให้บวชเป็นสามเณร จึงตอบท่านไปว่า ยังไม่บวช จะอยู่ทำงานไปอีกสักระยะหนึ่งก่อนจึงจะบวช โยมบิดา-โยมมารดาท่านก็ไม่ว่าอะไรแม้แต่คำเดียว

    ท่านทั้งสองเป็นพุทธมามกะ เลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา เพราะเชื่อว่าความดีก็มีเหตุ ความชั่วก็มีเหตุ ความดีก็เกิดจากการกระทำดีนั้น ความชั่วก็เกิดจากการกระทำชั่วนั้น ฉะนั้น ท่านทั้งสองจึงพยายามสร้างความดี ทำความดี ตามกำลังกายกำลังทรัพย์ กำลังปัญญาของท่าน จนกระทั่งท่านทั้งสองจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ

    • ชีวิตเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
    เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๕ ปีมะโรง อายุได้ ๒๑ ปี วันนั้นคุณตามาที่บ้านประมาณ ๑ ทุ่ม ท่านถามว่ากินข้าวเสร็จหรือยัง เลยบอกท่านว่ายัง ท่านเลยบอกให้รีบไปกินข้าว วันนี้จะพาไปมอบนาคที่วัดตาลนิมิต บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร แบบนี้เขาเรียกว่าแบบจู่โจมไม่ให้รู้ตัว โยมบิดา-โยมมารดาไม่บอกให้ทราบ แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกดีใจ จะได้หมดหนี้บุญคุณของท่านเสียที หนี้บุญคุณของบิดามารดา ยังฝังอยู่ในจิตใจไม่หลงลืมตลอดมา

    ถ้ายังไม่ได้บวชให้ท่านก่อนแล้ว ก็จะไม่แต่งงานเป็นอันขาด เพราะได้ยินญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ตาของเธอเขาดีใจมากเพราะได้หลานคนแรกเป็นผู้ชาย ท่านบอกว่าท่านได้กำไรแล้ว คำว่ากำไรคงหมายถึงความดีเท่านั้น คำพูดของท่านคำนี้จึงไม่ลืมเลือนไปจากจิตใจของข้าพเจ้าตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้
    อยู่ไปประมาณเดือนมีนาคม ครูบาอาจารย์อาจมองเห็นว่าจะมองว่าใกล้ไฟ มันร้อนใกล้ค้อนมันเจ็บ ท่านเลยลัดคิวบวชเป็นสามเณรให้ ท่านก็ได้จับบวชเป็นสามเณรที่โบสถ์น้ำ เรียกว่า อุทกุกเขปสีมา เป็นสามเณรจนกระทั่งเดือนเมษายนอุโบสถที่สร้างก็เสร็จ ทำพิธีพัทธสีมาแล้วทำพิธีบวช โดยมี พระมหาเถื่อน อุชุกโร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระลี ฐิตธัมโม เป็นพระกรรมวาจารย์ และ พระโง่น โสรโย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๕ เวลา ๐๙.๔๕ น. ณ วัดเจริญราษฎร์ เสร็จแล้วก็เดินทางกลับมาที่วัดตาลนิมิต อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

    ที่วัดตาลนิมิต ได้ช่วยทำการงานที่ครูบาอาจารย์มีความประสงค์จะทำ คือเริ่มมีการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้น โดยมีการเลื่อยไม้เอง แต่ข้อวัตรปฏิบัติอะไรก็มิได้ขาดทุกวัน จนกระทั่งเดือนมีนาคม-เมษายนนี่แหละ มี พระอาจารย์อ่อนศรี ฐานวโร มากราบคารวะหลวงปู่ลี อโสโก ที่เป็นผู้หนึ่งที่ท่านเคารพนับถือ และเคยอยู่จำพรรษากับท่าน ท่านจึงมาชวนไปจังหวัดอุบลราชธานี ในระหว่างพรรษานี้ก็ได้ช่วยงานมีการก่อสร้างภายในวัด
    จนกระทั่งออกพรรษา ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ว่าจะไปเที่ยวเขาพระวิหารกับท่านอาจารย์อ่อนศรี ฐานวโร และเพื่อนๆ พระเณร ไปด้วยกัน ๔ รูป พอมาถึงตัวจังหวัดอุบลราชธานี ได้ไปกราบลาเจ้าคณะจังหวัดแล้วพักอยู่ที่วัดสำราญนิวาส อ.วารินชำราบ ได้มาพบกับพระอาจารย์มุ่ย ณ วัดแห่งนี้ ท่านเลยชวนไปจำพรรษาจังหวัดชลบุรี ที่วัดวิเวการาม ที่ท่านอาจารย์อรุณท่านอยู่ ท่านไม่มีหมู่เพื่อนเท่าใดนัก ฉะนั้น ทุกคนก็ตกลงไปจังหวัดชลบุรีเพื่อจะอยู่จำพรรษาที่วัดวิเวการามแห่งนี้

    • พระพุทธเจ้าปรากฏ
    ปี พ.ศ.๒๔๙๘ ได้เดินทางไปทางภาคใต้ของประเทศไทย ไปพักอยู่จังหวัดเพชรบุรี วัดอุทัยโพราม กับหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม พักอยู่ที่นี่ระยะหนึ่งเพื่อจะมีโอกาสได้ฟังโอวาทคำเตือนเกี่ยวกับธรรมวินัย ในการประพฤติปฏิบัติเพื่อแสวงหาความพ้นทุกข์ เมื่อได้โอกาสแล้วจึงได้กราบลาท่าน เดินทางต่อไปจังหวัดกระบี่ พักแรมอยู่ในป่าในจังหวัดกระบี่ประมาณ ๑ เดือน ก็เดินทางต่อไปที่จังหวัดพังงา เพื่อจะได้พบครูบาอาจารย์ มีหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี แต่ไม่ได้พบ ท่านมาประชุมงานวันบูรพาจารย์ที่วัดสุทธาวาส
    อยู่จังหวัดพังงาประมาณ ๑ เดือน กับพระหลวงพ่อของ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ตกลงว่าจะอยู่กับท่านตามคำนิมนต์ของคณะศรัทธาญาติโยมที่นั่น แต่แล้วก็เป็นอนิจจังไปอีก คือเนื่องจาก ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ขอร้องให้ไปอยู่กับท่านที่ อ.แม่พริก ท่านก็มองไปมุมหนึ่งของท่านเพราะอยู่ที่นี่มีแต่ผู้หญิงมาอุปถัมภ์บำรุง เช้าก็มา เย็นก็มา ค่ำก็มา เขาดีจริงๆ ท่านก็กลัว ยังงั้นนะที่ว่าภัยนี่ ภัยของนักบวชก็มียังงั้น ก็เลยตกลงว่าไปอยู่กับท่านอาจารย์มหาปิ่น ชลิโต แล้วก็ท่านอาจารย์มหาเพิ่ม รวมเป็น ๓ รูป อยู่ที่นี่นานประมาณ ๒-๓ เดือนละมัง จึงได้ไปอยู่ ต.กะไหล อ.แม่พริก
    อยู่ที่ ต.กะไหล นี่เลยเป็นไข้มาลาเรียอย่างแรง จนได้กราบเรียนครูบาอาจารย์ว่า ถ้าผมตาย ให้เผาเลย ให้เผา ไม่ต้องบอกให้ทางบ้าน คือบิดามารดาของผมทราบเรื่อง เมื่อเขาทราบแล้วจะเป็นทุกข์ ไปกราบเรียนท่านว่ายังงั้น เวลาเจ็บป่วยเนี่ย ใจก็ยิ่งเร่งความพากเพียรทำให้มีกำลังใจ จนทำให้ปรากฏเห็นพระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสาวกเดินมาตามหาดทรายทะเลนั้น เกิดความปีติยินดีเป็นอันมากได้เห็นพระพุทธเจ้า ไม่ได้หลับนอน ไม่โกรธเกลียดให้ใครทั้งนั้น ใจสบาย มีแต่อยากจะพูดธรรม ไม่มีเรื่องอะไรให้ใจกังวล การรักษาตามมีตามได้ ข้อวัตรปฏิบัติก็ไม่ขาดตกบกพร่องอะไร
    ที่มันปรากฏขึ้นมานี่ก็เพราะจิตใจเราเองนี้มันเป็นนิมิตเพราะเราว่าเราต้องตายแน่ ไม่มีที่พึ่งอะไรนอกเหนือจากพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เลยกลายเป็นภาพนิมิตปรากฏดังกล่าว แล้วก็ไม่ได้ทักทายปราศรัยไต่ถามอะไร เราเห็นว่าเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็มีความเลื่อมใสศรัทธา ในนิมิตที่ปรากฏเห็นนั้นเป็นที่ซาบซึ้งถึงใจจริงๆ เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ไม่ได้นึกถึงความเจ็บป่วย ในระยะนั้นที่ไม่ได้พักผ่อนหลับนอนหลายๆ วัน เขาจะว่ากันว่ามาลาเลียขึ้นสมองเพราะเราเป็นคนไม่พูดกลับพูดมากขึ้น ช่วงนั้นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชท่านมาเยี่ยมเยียนพระตั้งแต่ จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ ได้มาแวะ ก็ได้ให้การต้อนรับท่าน ไม่มีอุปสรรคอะไรเกี่ยวกับการเจ็บไข้เหมือนกับคนไม่ได้เป็นอะไร
    จากนั้นแล้วจึงพาศรัทธาญาติโยมไปจังหวัดภูเก็ต รอหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านมางานบูรพาจารย์ที่จังหวัดสกลนคร เพื่อจะเข้ารับฟังธรรมโอวาทของท่าน อยู่วัดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต จนหลวงปู่กลับจากสกลนครไปวัดไม้ขาว ได้ฟังธรรมเป็นคติเตือนใจจากท่านเป็นครั้งแรก ได้อยู่ที่วัดไม้ขาว จนกระทั่งญาติโยมจังหวัดชลบุรี ขออาราธนาให้กลับจังหวัดชลบุรีด้วยกัน ทั้งหมดที่ไปด้วยกันเลยตกลงกลับจังหวัดชลบุรีในต้นเดือนกรกฎาคม

    • อดเอาทนเอา
    กลับจังหวัดชลบุรีในต้นเดือนกรกฎาคม แล้วมาจำพรรษาอยู่วัดวิเวการาม ปีแรกๆ ที่วัดวิเวการาม ก็ไม่ได้ทำอะไร ครูบาอาจารย์ท่านพานั่งภาวนาไหว้พระสวดมนต์หกโมงเย็น แล้วก็ภาวนายันเที่ยงคืน ฝึกกันอยู่อย่างงั้น เจ็บปวด ขาจะขาดจากกัน บางรูปร้องออกมา อดเอา ทนเอา มันก็ไม่ไหว อย่างนี้มันฝืนธรรมชาติธรรมดา มันไม่สงบ ก็จะให้สงบ มันไม่เป็น ก็จะให้เป็น มันก็ได้ความคิดนะที่อาจารย์พาทำนี่
    บางทีมันไม่ได้อะไร ไม่เกิดปัญญาสงบอะไร มีแต่คิดเมื่อไรจะพาเลิกสักที มันไม่อยากนั่งนานๆ หรอก สัก ๒-๓ ชั่วโมง ยังพอไหว ยังดี อดเอาทนเอา พรรษาที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ก็ยังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทำกิจวัตรอยู่อย่างนั้น ไม่ลดละอะไร แต่ไม่เกิดปัญญาอะไร พอไปเห็นการนั่งนานๆ นี่ บางองค์บางท่านสังขารร่างกายไม่อำนวย ความทุกข์มันเกิดจากอุปาทานทางจิตใจว่ามันเจ็บปวด มันปล่อยวางไม่ได้ เข้าสู่ความสงบไม่ได้ จึงร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ
    เราเกิดความคิดที่มันก็อาจเป็นบาปมั่งละ เพราะไปตำหนิครูอาจารย์ เอ๊..ทำไมท่านไม่ประมาณสังขาร ร่างกายก็เฒ่าแก่กันแล้ว สมาธิก็ทำกันไม่เป็น พุทโธไปงั้น ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร ครูบาอาจารย์บอกให้นั่งมือขวาทับมือซ้าย ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น อยู่ในอารมณ์คือพุทโธ กำหนดลมรู้ลมสั้นยาว ฯลฯ สมัยอยู่กับหลวงปู่ลี อโสโก เดินจงกรมไม่หยุดจนเที่ยงคืน แทบยกขาไม่ขึ้น แต่ไม่รู้เดินเพื่ออะไร รู้แต่เอาบุญ แม้แต่การบวชตอนแรกก็เพื่อตอบแทนบุญคุณปู่ย่าตายาย เพราะท่านประสงค์จะให้บวช ก็คิดว่าห่มเหลืองโกนหัวโล้นก็เป็นพระ ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะเราไม่รู้ว่าการเป็นพระนี่อยู่ที่ไหน
    ในระหว่างอยู่ในช่วงนี้คือปี พ.ศ.๒๔๙๗ – ๒๔๙๙ นี้ มีปัญหาเกิดขึ้นกับชีวิตหมายถึงชีวิตพรหมจรรย์ คือมีคนอยากสึก ให้เตรียมกางเกง เสื้อ และอื่นๆ ต้องการอยากจะให้สึกไปจับจองที่ดินที่ยังเป็นป่ารกร้างว่างเปล่าไม่มีเจ้าของ แถวแหลมฉบัง พัทยา บางพระ เขาเขียว แถวนั้นเป็นป่าใครเข้าใกล้ไม่ได้ไข้มาลาเลียกินแทบตาย เราต่อสู้กับความอยากอย่างเดียว อยากมีอยากเป็น อดข้าวอดน้ำต่อสู้ หลังฉันข้าวเช้าแล้วจะไม่นอน ตั้งใจสู้โดยนั่งสมาธิอีก ๓ ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ จนถึง ๖ ชั่งโมงไม่ได้อะไรได้แต่ความอดทน ต่อสู้กับความคิดอย่างเดียว ต่อสู้กับความอยากจะไปเอาโน่นเอานี่ เป็นเครื่องกระตุ้นจิตใจว่าอยู่บ้านพ่อแม่ก็ไม่อดอยากอยู่แล้ว แล้วจะไปเอาทำไม อย่างที่สองไม่ไว้ใจตัวเองว่า ถ้าเราสึกไปเราต้องทำบาปแน่ๆ สาหัสสากรรจ์ ทบทวนดูโลกภายนอกมันมีแต่เรื่องชวนล่อไปลงนรก
    ความอยากสึกกับความไม่อยากสึกนี่มันต่อสู้กันอยู่ประมาณเป็นปี ความยินดีพอใจนั่นแหละมันต่อสู้กันอยู่อย่างนั้น ผลสุดท้ายก็แก้ไขแนวความคิดอันนี้ผ่านพ้นไปได้ คือหมดอยาก ความอยากได้นี่หมดไป
    เจ้าคุณวัดบวรมงคล ท่านนิมนต์ให้มาศึกษาในกรุงเทพฯ จะเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ก็ตัดสินใจไม่เรียน ถ้าเรียนก็จะต้องสึกแน่

    • การแสวงหาธรรม
    จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๐๑ จึงได้ออกเดินทางไปเที่ยววิเวก มีสหธรรมมิก สหายธรรม ก็ว่าได้ ไปด้วยกัน ๒ องค์ ไปจังหวัดระยอง ก็ไปพักอยู่วัดจุฬามณี กับอาจารย์มหาเชย อยู่เดือนสองเดือน ก็ออกไปแล้วไปพักอีกที่หนึ่งคือ อ.แกลง จ.ระยอง แต่ว่ามีหลวงตาองค์หนึ่งอยู่ที่นั่น ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิดไป เมื่อเห็นท่านไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย มีแต่ความอยากได้อยากมี พอคนให้ทานมานี่ มีแต่ตะกละตะกาม อยากจะเอา มีญาติโยมตำหนิติเตียนว่าเอาเงินทองไปเลี้ยงลูกหลาน เลยสลดใจเมื่อเห็นความประพฤติ
    การเป็นนักบวชมิใช่บวชมาเพื่อสะสมสิ่งเหล่านี้ พระพุทธเจ้าสอนให้ละ แต่เรามาสะสม ก็เห็นว่ามันไม่ถูก เห็นว่ามันไม่ดี ไม่ได้ตำหนิติเตียนท่าน แต่มีความสลดสังเวชในจิตใจ อันนี้มันเป็นเรื่องของใครของมัน เหตุนี้จึงอยู่ในสถานที่นี้ไม่ได้ จึงขึ้นรถไปจังหวัดจันทบุรี ไปอยู่วัดป่าคลองกุ้ง สมัยนั้นมีพระครูสันต์ เป็นเจ้าอาวาส ได้ถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ ในฐานะที่ท่านมีพรรษาอายุมากกว่า ว่าจะไปดูข้อวัตรปฏิบัติกับท่านเหมือนกัน ได้พักอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งเดือน จึงเดินทางไปจังหวัดตราด ไปอยู่เกาะกูด ญาติโยมสร้างเป็นที่พักสงฆ์อยู่ก็สงบดี เรื่องบิณฑบาต เสนาสนะพร้อม พออาศัยอยู่ได้เป็นสัปปายะได้
    ที่นี้อาจารย์มหาเชย ท่านเป็นผู้มีพรรษาอายุมาก ท่านเป็นนักพูด เป็นนักคิด ท่านไม่พอใจที่จะอยู่ที่นั้น จึงพาไปอยู่เกาะช้าง ปี พ.ศ.๒๕๐๑ เนื่องจากเกรงว่าจะไปกีดขวางในการคิดการพูดของเขา จะทำให้เขาไม่เกิดความเจริญในศรัทธาเลื่อมใสของโยม ที่นั่นมีโยมทำกระต๊อบอยู่ อาหาร เสนาสนะ ก็สัปปายะ บุคคลก็สัปปายะดีไม่มีอะไร เป็นที่สบายใจดี แต่ความไม่รู้ธรรมเห็นธรรมของเรานี่ก็ยังไม่สิ้นสุดล่ะ พออยู่ไปอยู่ไปมันก็อยากไปต่อ อยู่เกาะช้างได้ประมาณ ๒ เดือน ท่านจึงชวนกลับ
    ที่นี้จะมาวัดป่าคลองกุ้ง แต่ท่านอาจารย์มหาเชยไม่อยากมา จึงแยกทางกัน ท่านไป จ.ระยอง รู้สึกว่าจะสร้างวัดที่นี่อยู่จนมรณภาพไป เรามาพักที่วัดป่าคลองกุ้ง เนื่องจากเห็นท่านเป็นครูบาอาจารย์ พอสมควรแล้วจึงไปหาท่านพ่อลี ที่วัดอโศการาม สมัยนั้นกำลังฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ มีการจัดงานมโหฬาร แต่ขณะเราลงไปงานเลิกไปแล้ว มีหลวงพ่อเฟื่อง อาจารย์สนั่น อาจารย์บุญทัน ท่านธรรมรัตน์ก็อยู่ที่นั่นในเวลานั้นในระยะหนึ่ง จะเป็นหนึ่งถึงสองเดือนนี่แหละ ก็เลยชวนกันกับอาจารย์บุญทัน และมีพระอีกองค์หนึ่งชื่อธงชัย ท่านอยากให้ไปอยู่ที่วัดป่าช้าจีน แต่ได้ไปพักที่วัดเขาหน้าผาที่พระธงชัยพักอยู่ในระยะหนึ่ง ประมาณ ๑๕ วัน ดูๆ แล้วคิดว่าถ้าอยู่ไปจะทำให้จิตใจไม่เจริญก้าวหน้า เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมมันไม่ค่อยดี จึงมาอยู่ที่นครสวรรค์ พระธงชัยที่นิมนต์ไปวัดป่าช้าจีน ก็มาสึกในภายหลัง

    มาถึงนครสวรรค์ไม่พอใจที่จะอยู่สถานที่นี้ จึงชวนกันกับอาจารย์บุญทัน โดยนัดกันที่จังหวัดลำปาง ท่านจะไปรถไฟ เราจะไปรถยนต์เจอกันที่นั่น แต่ท่านไม่ได้ไป ท่านไปอยู่ปราจีนบุรี เราก็เดินทางไปบวชนาคที่จังหวัดตาก บวชนาคแล้วพักอยู่ ๑ สัปดาห์ จึงเดินทางต่อไปที่อำเภอเถิน ที่วัดป่านันทนาราม หลวงปู่เหรียญ, หลวงปู่หลอด, หลวงปู่อ่อน ท่านเคยอยู่ที่นี่มาก่อน เจออาจารย์สนั่น ที่นั่นอีกเลยชวนกันอยู่ เพราะท่านพ่อลี บอกให้อยู่นี่เพื่อสงเคราะห์ญาติโยม มีเจ้าน้อยเมืองดี, พ่อมอย, กำนันมุ้ย เป็นโยมอุปถัมภ์ที่วัดนี้ ก็ไปอยู่จำพรรษาร่วมกันกับอาจารย์สนั่น, ท่านจันยา, ท่านสงัด, หลวงพ่อหาญ, พระต่าง และสามเณรคำ จำพรรษารวมกัน ๗ รูป ที่อำเภอเถิน ปี พ.ศ.๒๕๐๑ ที่นั่น

    • เหลือแต่กระดูก
    พอออกพรรษาแล้ว ก็มาพักวิเวกแถวดอนต้อก ที่นี้แหละที่ได้ทำความเพียร โดยมีพระที่ไปด้วยกัน ท่านทำกายนุปัสสนาสสติปัฐาน เห็นร่างกายเป็นตัวเปื่อยเน่าชำรุดทุดโทรม กำหนดไปตามคำสัญญาที่ครูอาจารย์แนะนำว่าให้พิจารณาอสุภะ เลยปราฏกเห็นเหลือแต่โครงกระดูก ท่านมองเห็นอย่างนั้นตลอดเวลา ท่านกลัวตายมาก ท่านเลยมาหา ท่านว่ามีแต่โครงกระดูกไม่มีเนื้อหนัง ท่านได้สำคัญไปตามความคิดเห็นว่ามันเป็นจริงๆ เลยกลัวตาย
    จึงคิดหาอุบายแก้ช่วยเหลือ จึงเรียกพระมาด้วยกัน ๓ องค์ เพื่อเป็นสักขีพยานในการที่ท่านรู้ ท่านเห็น ท่านมี ท่านเป็น ว่าขณะนี้ท่านมีโครงกระดูกไม่มีเนื้อหนังและกลัวตาย พอมาดูแล้วก็หยิกตรงไหนมันก็จะเจ็บที่สุดเลย ให้พระหยิกที่โคนขาแรงๆ ไม่ต้องกลัวมันขาด ให้หยิกแรงๆ ร้องอ๊ากเลย นี้ ! คนตายแล้วเหรอ พอหยิกข้าจริงๆ แล้วความรู้สึกมันก็เกิดขึ้นมา ถึงจะลืมตาขึ้นมามันก็เห็นอยู่แค่กระดูกนะ ลืมตานะไม่ใช่หลับตา สำหรับท่านที่รู้แล้ว ท่านที่เห็นนะ พอรู้สึกเจ็บแล้วก็นั้นแหละ ก็รู้สึกว่ามีเนื้อหนังแล้วเหมือนเดิม เมื่อปรากฏความเป็นจริงอย่างนี้เล้ว ท่านจึงยอมนับถือเราเป็นครูเป็นอาจารย์ เคารพนับถือจนท่านตายจากเราไป
    อันนี้ส่อให้เห็นถึงสัจธรรม อันสัญญาที่ปรุงแต่งมันเกิดขึ้นมา เวลาจิตใจมันเงียบระงับแล้วน้อมจิต เวลาจิตมันเบาแล้วน้อมไปทางไหนก็ได้ เหมือนของเบายกไปใหนก็ไม่หนัก มันเลยเป็นไปตามสัญญาที่ปรุงขึ้นแต่งขึ้น จิตมันอ่อนแล้วน้อมยังไงก็เป็นไปตามอาการของจิตนั้นๆ แต่มันเป็นเฉพาะตนเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเขาก็ไม่รู้ไม่เห็นด้วย เป็นเฉพาะคนที่มีจิตอ่อนล้าน้อมกันไปกับอาการนี้ๆ แต่รู้สึกเหมือนกันที่เห็นขนาดนี้ คำว่าสมุทัย เป็นเหตุให้สุขภาพเกิดความทุกข์ มันก็เกิดจากการปรุงแต่งนั้นเอง แต่งดีก็ได้เสียก็ได้ อันนี้ให้พิจารณาดู จิตสงบแล้วน้อมไป ดีน้อมไปทางเสียก็ได้เสีย ข้อสำคัญที่สุดคือสติปัญญา ถ้าขาดสติปัญญาในความรู้เห็น ความมี ความเป็นแล้ว อาจคล้อยตามมันไปตามมันในทางที่ผิดก็ได้
    บางครั้งมันก็โน้มไปในทางที่ดีบ้างและไม่ดีบ้าง เรื่องของจิตก็เป็นหลักสำคัญที่ประพฤติปฏิบัติ จึงควรศึกษากายกับจิตของเราให้มาก ศึกษาสิ่งที่มันผิดมันถูกนี้แหละ มันดีมันเลวนี้แหละ เราจะมีปัญญาได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้ามันไม่เกิดอย่างนี้มันก็ไม่มีปัญญา เราก็ไม่รู้ว่ามันผิด มันถูก สิ่งที่มันผิดมันถูกทำให้คนฉลาด มีสติปัญญา แก้ปัญญาชีวิตอย่างราบรื่นขึ้นไปได้อย่างหมดปัญหาไปเลย เพราะความรู้ความเข้าใจในอรรถในธรรมนั้นๆ แจ่มแจ้งด้วยสติปัญญาของเราเอง

    • พระถ้ำ
    จากนั้นจึงไปช่วยงานหลวงพ่อลี วัดถ้ำพระสบาย อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ท่านไปจัดงานฉลองพระเจดีย์ ฉลองถ้ำ เมื่อการพัฒนาจนเสร็จสิ้นงานแล้ว ก็ขึ้นไปเชียงใหม่ พักที่วัดสันติธรรมกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร พักกับท่านนี้นาน แม้จะออกไปเที่ยววิเวกในสถานที่ต่างๆ เช่น อำเภอแม่แตง ไปฟังโอวาทธรรม อุบายธรรมจากหลวงปู่แหวน ที่วัดป่าบ้านปง บางครั้งก็พักกับหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดปากทางแม่แตง เพื่อรับฟังอุบายธรรมคำสอนของท่าน แล้วจึงกลับไปกลับมา โดยอยู่ที่วัดสันติธรรมนี้เป็นหลัก หลวงปู่สิมท่านได้ออกไปวิเวกที่ถ้ำเปียงประจำ ได้ติดตามท่านไปแสวงหาโมกขธรรม มีพระที่ติดตามกันไปบ่อยๆ คือ พระอาจารย์ทองสุก อุตตรปัญโญ
    ปีที่อยู่ปากเปียง อยู่ในรูก็ไม่เท่าไร พอออกนอกถ้ำก็หนาว ปีนั้นหนาวมาก ต้นกล้วยไม้ตายไหม้เป็นทิวหมด มีแต่ผ้าบางๆ หาไม้ฟืนมาไว้ แต่หาโยมจุดไฟให้ก็ไม่มี นอนกับฟากไม้ไผ่สับผูกเป็นแผ่นๆ เอาผ้าปูนั่งปู เสื่อก็ไม่มี พอหนาวก็ดิ้นผ้าหายหมด นั่งกอดเข่าก็แล้ว นั่งสมาธิก็ไม่หายหนาวหรือหายชั่วคราว ธรรมชาติมันบังคับอยู่นั่งคอยเมื่อไรมันจะสว่างซักทีจะได้หายหนาว ความง่วงเหงาหาวนอนจะได้หาย จะได้ไปบิณฑบาต เหมือนมันนานจริงๆ นะ ช่วงนั้นกลางคืนจะนานกว่ากลางวัน อยู่นานๆ หนาวไป หนาวไป จนชิน ไม่ตายหรอก มีอาจารย์สุบินจากจังหวัดจันทบุรีช่วยกันปั้นพระพุทธรูปที่นี่ เราอยู่ที่ปากเปียงได้ ๔ เดือน
    ปี พ.ศ.๒๕๐๒ จึงมาจำพรรษาที่ถ้ำแดนสวรรค์ ที่อำเภอเชียงดาวนั่นเอง แต่คนละแห่งที่ถ้ำปากเปียง เป็นที่ทุรกันดารมาก ห่างจากหมู่บ้านประมาณ ๙ กิโลเมตร มาบิณฑบาตลำบาก ต้องอาศัยบารมีญาติโยมส่งเสบียงอาหาร มีชีพราหมณ์ไปอยู่ด้วยเพื่อทำอาหารถวายพระ ปีนั้นมีพระ ๓ รูป มีพระอาจารย์แขนดำ เป็นหัวหน้า แล้วก็เรา ท่านทองสุก แล้วก็มีชีพราหมณ์ มีชีอยู่ ๓-๔ คน แล้วพราหมณ์ชายนุ่งขาว ๓ คน ไปอยู่ด้วยกัน ทำอาหารกินเอง โดยเขาส่งเสบียงไปให้ แม่น้ำปิงไหลผ่านข้ามไปมายาก ถ้าบารมีไม่มีจริงๆ ตายแน่
    ยังดีที่โยมอุปถัมภ์กันนั้นมีวาสนาบารมีพอสมควรในเชียงดาว นั่นก็คือผู้ช่วยกำนันที่เชียงดาวนั่นแหละคนหนึ่ง และโยมในเชียงดาวนั้นเป็นผู้นำเสบียงอาหารไปส่ง บางอย่างก็ต้องจ้างเขาเข้าไปถ้ามันรีบด่วนเท่าไหร่ก็ต้องเสียเงินให้เขา แต่พวกที่เป็นกำลังใจอยู่ในเมืองก็มีเช่น คุณนายกิมเฮียง มีโยมโสฬส ลูกสาวแม่เลี้ยงเต่า ส่งปัจจัยไทยทานนี้ไปช่วยเหลือ เรื่องปัจจัยสี่จึงพออยู่ได้เพราะมันเป็นที่กันดารมาก อยู่ถ้ำแดนสรรค์ลงไปอาบน้ำห่างไป ๔ กิโลเมตร เดินกลับขึ้นมาเหงื่อแตกเหมือนเดิมแต่ยังดีกว่าไม่ได้อาบ ญาติโยมจึงซื้อแท็งก์สังกะสีขึ้นไปถวาย ๕-๖ ใบ
    อยู่ที่นั้นโยมเชียงใหม่ ลำปาง ส่งเงินไปซื้อสังกะสีไปมุง ซื้อแท็งก์ไปถวาย มันก็มีปัญหา โยมก็โยมเคยอุปถัมภ์ สมัยเราอยู่ถ้ำปากเปียงนั่นแหละ แกก็ไปพูดคุยกัน แม่ชีได้ยินมา เกิดทะเลาะกับโยมนี่อีก เราว่าจะทะเลาะกับเขาทำไม เรากินข้าวเขาอยู่ แกก็แก้ตัวไปเรื่อยๆ “โอ้ย มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรอกโยม” เราก็แก้ไขไปเรื่อยๆ อาตมาไม่ใช่พระตาย ได้ยินอยู่นี่ คนนึงพูดอยู่ในฝาอีกคนฟังนอกฝา อาตมาก็ดูอยู่ไม่ใช่ตาบอด ถ้าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ใหญ่ได้ เรื่องเล็กก็ทำได้นะ
    เราอยู่ในถ้ำนี้ได้สี่เดือน ไม่ได้ออกไปไหนมาไหนนะ ไม่ได้ออกไปเที่ยวเดินตามป่าอะไร อยู่ในถ้ำตลอด สบายดี ทำแค่อยู่หลังพระพุทธรูปอยู่สี่เดือน ตัวเหลืองเป็นกบซีดหมด
    การอยู่ในถ้ำแดนสรรค์แห่งนี้ได้สติปัญญา ได้ความรู้ความเข้าใจในอรรถธรรมบางสิ่งบางอย่างพอสมควรนะ ได้ความสงบดี มันเกิดความรู้ขึ้นมาว่า คนนี่นะ ดีก็มี ชั่วก็มี ไม่ต้องสนใจเขา เอาตัวเรา เราทำดีไว้เป็นที่พึ่งของเรา คนอื่นเขาจะมีความรู้ความเห็นยังไงก็ตาม มันเป็นเรื่องของเขา เราก็ปล่อย ไม่ใช่เรื่องของเรา เราก็สบายมีความสุข มันตัวใครตัวมัน ถ้าเราเอาเรื่องของคนอื่นมายุ่ง เราจะทุกข์ตลอดไปในโลกสงสาร เพราะมันมีปัญหาตลอด เราก็คิดให้มันเป็นปัญญา พูดให้มีปัญญา เราก็อยู่ได้สบาย ไม่เอาเรื่องใครมาเป็นปัญหา พยายามแก้ไขตนเองตลอด เลยสงบสงัดอยู่ด้วยความเยือกเย็น ใครจะร้อนเป็นไฟเราก็ไม่สนใจอะไร
    เหตุที่เราได้ความสุขคือ เราไม่ยุ่งกับคนอื่นก็เลยสุขอยู่อย่างนี้ ลองดูสิเรื่องของสัตว์โลก จะให้ฉลาดมีสติปัญญา รวย รุ่งเรือง เหมือนกันหมดมันไม่มี จะไปเคี่ยวเข็ญให้มันมีได้ไง ทำไมเรียนด้วยกันมันจึงไม่ได้ดอกเตอร์เหมือนกันหมดละ เรียนทำไมแค่ปริญญาตรี ถ้าเราไปคิดละก็ยุ่งไปหมดแหละ เพราะเราไม่รู้จักเหตุปัจจัยของสัตว์โลกว่า มันมีวาสนาบารมีที่ทำมาต่างกัน มันจึงมีปัญญา มีความคิดเห็นผิดแผกแตกต่าง ปัญหามีได้เพราะขาดความรู้ที่ถูกต้องนั่นแหละ
    ปรุงแต่งขึ้นมาได้ จิตมันปรุงขึ้นมา แต่เราไม่…ไม่หลงว่ามันเป็นความจริง เราพิจารณาเห็นความไม่แน่นอนของมัน สิ่งที่เกิดนี่อยากให้มันเกิดอีก มันก็ไม่เกิด พระพุทธเจ้าเลยว่ามันเป็นอนิจจัง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง จิตเราจะคิดอย่างนี้อยู่ตลอด เอาอันนี้เป็นหลักไว้เป็นประจำไม่ยินดียินร้ายอะไร

    • ปลีกวิเวก
    พอออกพรรษาแล้ว ปี พ.ศ.๒๕๐๕ จึงตัดสินใจลาครูบาอาจารย์ คือ อาจารย์มหาสุด อาจารย์ทองสุข เดินทางไปหาสถานที่วิเวกที่อำเภอเวียงป่าเป้า ในการไปนี้ก็ไปหาประสบการจากสิ่งแวดล้อม ทดสอบตัวเองนั้นแหละ ก็ไปพักอยู่ที่แม่ขะจานนี้ระยะหนึ่ง จึงเดินทางออกไปทางอำเภอวังเหนือ ไปพักแรมไปตามถ้ำที่ต่างๆ ที่มีหมู่บ้าน วัด ถ้ำบ้าง ไม่ใช่เดินทางวันเดียวจะถึงที่หมายปลายทางคือไปหาที่วิเวกก็ไปพักอยู่บ้านร้าง แต่บ้านไม่ได้ร้างแต่อยู่เขตอำเภอวังเหนือ พอพักอยู่ที่นี้ก็ได้รับความสะดวกสบายจากเจ้าอาวาสและศรัทธาญาติโยมพอสมควร พอได้กินข้าวกับเขา เมื่อถึงบ้านนี้ก็เดินทางต่อไปข้ามลำน้ำ ลำน้ำอันเดียวนี้มันไกลจากเทือกเขา เขาจะพาเป็นที่ท่องเที่ยว
    เหมือนกันที่แห่งนี้ เดินทางทั้งวันจนถึงหมู่บ้านเย้า บ้านจวนเรือน พักอยู่ที่นี้สองสามวัน จากเขาไปอยู่ในป่า เขาก็กลัวไม่ให้ไปอยู่ จะให้อยู่ในบ้านก็เป็นที่ไม่สบายเรา เพราะไม่เคยพักอยู่ตามบ้านเรือนเขา จึงลาญาติโยมลงมาอำเภอพะเยา แต่ได้พูดเล่นกับเขาว่าเราเนี่ยฉันข้าวมื้อเดียว เลยรับรองว่าจะให้อยู่ได้ เลยบอกเขาว่าหากมีเจตนาศรัทธาอยากให้จำพรรษาด้วย ก็ให้ช่วยทำกระต๊อบเล็กๆ สักหลังหนึ่งพอได้อยู่ อาตมาก็จะลงไปอำเภอพะเยา แล้วประมาณเจ็ดวันจะขึ้นมาใหม่
    มีเรื่องแปลกอยู่ว่า ขณะมาป่าเมี่ยแม่สาย ได้เคยปรากฏเห็นบ้านที่ตรงอำเภอพะเยา เห็นอะไรๆ เหมือนเคยอยู่มาแล้ว มาที่นี้ญาติโยมก็พากันมานิมนต์ให้อยู่จำพรรษาที่สถานที่นั้น เลยได้เล่าให้เขาฟังว่าอาตมาได้พูดกับเย้าจวนเรือนที่ยอดเขาไว้ จะลงมาแค่เจ็ดวัน ให้เขาทำที่จำพรรษาให้ ถ้าเขาไม่ทำจะค่อยลงมาใหม่ เมื่อครบเจ็ดวันจึงเดินทางไปบนภูเขาแห่งนี้ เขาก็ทำสถานที่ให้อยู่จริง เลยตกลงใจจำพรรษาที่นั่น
    ที่เย้าทำที่พักให้นั้น มันห่างจากหมู่บ้านประมาณสองกิโลเมตร เป็นสันเขามองลงไปเห็นอำเภอพะเย้าได้ชัดเจน จึงได้ตรัสสัจจะอธิฐานมอบกายถวายชีวิตบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าการมาอยู่ในสถานที่นี้ไม่มีความมุ่งมาดปรารถนาสิ่งใด มีเพื่อจะอบรมนิสัยจิตใจให้เกิดความสงบ ความรู้ความฉลาดของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีกรรมไม่มีเวรต่อกัน สัตว์ทั้งหลายจะเป็นหมี เสือ ก็แล้วแต่ อย่ามาเบียดเบียนกันและกัน เราไม่ได้ตั้งใจมาเบียดเบียนใคร หากมีกรรมเวรต่อกันแล้วก็มอบกายถวายชีวิตบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไปเลย ยอมตายในสถานที่นั้นพูดง่ายๆ
    ในการไปพักในที่นั้น ในเบื้องต้นคิดไว้ว่าจะไม่พูดกับคน แต่เอ๊ะ…มีปากเขาเจาะไว้ให้พูดแล้วไม่พูดนี่จะมีประโยชน์อะไร มาพิจารณาแล้วว่าจะไม่อธิฐานต้องเลิก ต้องพูดกับญาติโยมที่ไปมาหาสู่ แล้วตั้งคำสัตย์จะไม่บอกใบ้ให้หวย เลขเบอร์ กับใครทั้งนั้น อยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็มีสัตว์หลายจำพวก มีหมี มีเสือ เป็นทางผ่านของมัน แต่เราไม่รู้มันไปมันอยู่ ได้ยินแต่เสียง แต่ไม่เข้าใจนะก็เลยไม่กลัว ก็เลยอยู่ได้สบายๆ เดินจงกลมภาวนาไม่มีสิ่งที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนอะไรในสถานที่นั้น
    อยู่ที่นี่มีแต่เรื่องแปลกๆ เช่นเล่านิทานไป เขาคิดเป็นหวยถูกจนเจ้ามือยอมแพ้ คนวุ่นวายมาเรื่องหวยนี้แหละ เลยหนีเขาป่าห้วยซ่าน พอได้ที่ราบๆ เดินจงกลมภาวนา
    ไปวันแรกเขาก็ทำที่พักไว้ให้แล้ว โดยนัดเขา เขาก็ทำให้จริงๆ นานประมาณสองเดือนได้อยู่ที่นี่ เราเลยได้โอกาสลามาที่แม่ใจ เมื่อตอนที่ได้ไปอยู่ที่บนเขา พวกพระเจ้าคณะอำเภอเขาชวนกันมา จะมาไล่เรา พวกเย้าก็บอกว่า พวกพระเจ้าคณะอำเภอสู้ท่านไม่ได้หรอก พูดไม่ทันท่านหรอกว่างั้น มันก็เป็นเรื่องบังเอิญจะตามเรามาที่ห้วยซ่าน มาเราหนีแล้ว เราหนีไปอยู่โน่นก็จะไปอีก เขาเอาข้าวใส่บาตรไป ข้าวที่เย้าเขาถวายอาหารน่ะ บังเอิญบาตรนี่ตกลงไปคว่ำกับขี้หมูขี้หมาอยู่หน้าบ้าน มันเลยกลัวเราเลยแค่นั้นแหละ กลัวแล้วไม่ตามเราไป แต่ก็ไม่รู้จะไล่เราเรื่องอะไร มันขึ้นไปดูๆ อยู่บางทีน่ะ แต่ว่าพวกพระที่อยู่แถวๆ นั้นมันข้นไป มันอยากจะได้เงินบ้างอะไรบ้างที่เราเคยให้ ปัจจัยอะไรที่เขาถวายมานี่เราให้เขาเหน็บไว้ตามฝาแหละ อยากได้ก็เอาไปเลย ว่างั้นนะ
    “ฝนตกไม่ยอมหยุด น้ำหลาก การบิณฑบาตมันลำบาก มันไกล ต้องอดข้าว ไม่กิน จนเย้าถามว่า ทำไมท่านไม่กินข้าว ไม่กินก็ไม่ตายหรอก จนเขาสงสัยว่า ทำไมอดข้าวหลายวันแล้วเป็นปกติอยู่ ไม่เป็นอะไร เขาจะเอามาให้เราก็ลำบาก เราจะไปก็ลำบาก จึงยอมอดไปเฉยๆ มิใช่ตั้งใจทรมานตนให้ลำบาก ใจว่าไม่กินก็ไม่กิน มันเลยไม่อยาก แม้มันอยากก็ไม่กิน มันก็จบเท่านั้นเอง”

    • ปรากฏเห็นหลวงปู่มั่นกับหลวงตามหาบัว
    อยู่ที่จวงเรื้อนนี่ มีคนมาอาศัยค้างกับเราเยอะเพราะหวังจะร่ำรวย คอยฟังเราพูดอะไรออกมาเป็นเลข เช่น พูดว่าสองเส้นสามเส้นไม่ได้ มันจะจับไปซื้อหวยซื้อเบอร์ คนพากันหลั่งไหลขึ้นมา เพราะว่าเขาจับไปเป็นหวยเป็นเบอร์หมด มันก็แปลกอยู่เพราะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ วันหนึ่งปรากฏเห็น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กับ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ไปหาคนบนหลังเขานั้น เอ๊…เราก็งง เพราะไม่เคยเห็นหลวงปู่มั่น เคยเห็นแต่รูปท่าน ตัวจริงๆ ไม่ได้เห็น หลวงตามหาบัวก็ไม่เคยสนิทสนมกับท่าน เคยแต่ได้ยินชื่อเสียงของท่านบ้าง
    ทำไมจึงปรากฏเห็นท่านทั้งสองว่าได้ขึ้นไปบนเขาลำบากทุรกันดารเช่นนั้น ไปท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ปรากฏเห็นท่านก็รู้สึกว่าท่านยิ้มๆ ให้ ท่านว่า “ดี อดทนเอานะ” ท่านว่างั้น แล้วท่านก็เดินผ่านไป เราก็ได้ยกมือไหว้ท่าน นึกว่าจะไปจัดสถานที่ให้ท่านนั่ง ท่านก็ผ่านไปเลย จึงไม่ได้ฟังโอวาทของครูบาอาจารย์ ท่านเพียงกล่าวคำเดียวเท่านั้นว่า “อดทนเอานะ” ท่านว่างั้น หลังจากนั้นเราก็อดทนเอา

    • ผีกองก๋อยที่หมู่บ้านจวงเรื้อน
    ประมาณเดือนแรกเข้าพรรษาแล้วนี่ เคยได้ยินเย้ามาเล่าให้ฟังว่า ไปเจอเด็กเล็กๆ สองคน อายุประมาณสองสามปี เขาไปกับภรรยาของเขา เขาว่ามันงัดก้อนหินก้อนใหญ่ๆ เท่าเตียงนอนนี่ ทำไมมันจึงแข็งแรง มันตัวอะไร ถามเขาว่า มันงัดเพื่ออะไร มันหาอะไรมันหากินปูกินหอย เขาสองผัวเมียยืนดูอยู่ เราเลยมานึกถึงครูบาอาจารย์เคยเล่าถึงผีกองก๋อย มันต้องเป็นผีกองก๋อยแน่นอนเรารู้สึกแต่เราไม่ได้พูดหรอก เราไปอยู่นั้นเริ่มแรกทางผ่านมันวิ่งอยู่ ร้องก๋อยๆๆๆ ทุกวันๆ แต่เราก็ไม่รู้ พอเย้ามาพูดแล้วใจจึงปักลงว่า ผีกองก๋อยแน่นอน
    ทางเดินจงกรมที่ให้เย้าทำไว้ แต่ก่อนเดินสามสี่ทุ่มก็ไม่กลัว เสือก็ไม่มี ผีกองก๋อยก็ไม่มี พอได้ยินเขาเล่าว่าเห็นเด็กเล็กๆ สองคนงัดก้อนหินใหญ่ได้ กับได้ยินเสียงร้องก๋อยๆๆ ใจจึงปักลงว่าผีกองก๋อยมาหาทุกวัน ความกลัวจึงเกิดขึ้น เดินจงกรมพอมืดหน่อยก็อยากเข้ากุฏิแล้ว มันก็กลัวอยู่อย่างนั้นแหละ คิดยังไงก็ไม่ตก ทั้งๆ ที่คิดมอบกายถวายชีวิตบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว คิดหาวิธีแก้ นั่งภาวนาก็ไม่มีวิธีแก้ตก
    อยู่มาวันหนึ่งที่มันจะมาแก้ตกคือ เราต้องไปดูให้เห็นตัวมัน ตายก็ตายไป เราเอาตายเข้าสู่เลยอะไรที่ไม่เป็นธรรม เรามอบกายถวายชีวิตแก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว มากลัวจะได้ประโยชน์อะไร ยอมตายพอแรงแล้วนี่…อยู่ไปก็ตายอยู่ดีถึงจะคิดยอมตาย แล้วสัญชาตญาณการต่อสู้ยังมีอยู่ จึงถือมีดมือขวา ถือไฝฉายมือซ้าย ต้องไปดูมันมานี่ทุกๆ วันต้องเจอมันแน่ๆ ไปแอบอยู่ที่ไม้สนนี่แหละ มันยังไม่มืดพอมองเห็น แรกๆ ได้ยินเสียงมันร้องก๋อยๆๆ ขนลุกซู่ เอาล่ะ ตายเป็นตายไม่ตายก็เป็น กูไม่ตาย มึงก็ตาย มึงไม่ตายก็เป็นกูตายว่างั้น มันวิ่งมาห่างประมาณสองเส้นข้างหน้าว่างั้น มันชูสองขายกขึ้นร้องก๋อยๆ โอย…มันทำกูกลัวเกือบเป็นเดือน ทีนี้กูไม่กลัวแล้วมึงเป็นอีเห็น…พอรู้จริงว่ามันเป็นอีเห็นความกลัวก็หายไป ตั้งแต่นั้นมาจึงหายกลัวผีกองก๋อย เดินจงกรมภาวนาได้ตามปกติ

    • เสือกับอารมณ์
    สมัยนั้นที่จวงเรื้อนมีเสือโคร่งใหญ่ขนาดเท่าวัวหรือม้า อำนาจเสียงของมันฮึมมม…อาววว แม้แต่จิ้งหรีดร้องๆ เงียบไปหมดเลย นี่ ! อำนาจของมันเราได้ยินเสียงพึมพำมา ลูกคอเสือมันหายใจฮึกฮักเหมือนคนคุยกัน นึกว่าโยมมันมากลางคืนอีก ยังคิดว่าเดี๋ยวเสือจะกินโยมตาย แต่ไม่เห็นมีโยมมา
    จนกระทั่งเสือมากินหมูตาย ครั้นวันหนึ่ง ตี ๔ แล้วให้โยมไปไล่หมู กลัวมันมาขุดเม็ดมะม่วงที่ปลูกกันไว้ เรานั่งภาวนาต่อ ได้ยินเสียงดังก๊กๆ นึกว่ามันกัดกัน วันที่สองมีคนมาถาม จึงบอกว่าได้ยินเสียงมันกัดกัน อะไรได้ เสือมันลากหมูไปไว้ที่คลองที่เราตักกินนั้นแหละ โอ๋ย…ตั้งแต่วันนั้นนน…ก็ไม่ยอมจริงๆ มันยังจะสู้กับเสืออยู่นะ ไม่ให้ตายเปล่าๆ ฟรีๆ หรอก จิตใจนี่อันนี้นี่ของจริงนะ มันเกิดขึ้นกับจิตเรา สัญชาตญาณการต่อสู่นะมันยังไม่ยอมเลิกนะ
    แค่คำสัจจอธิษฐานในใจนี่อย่าไปไว้ใจมัน เอาจริงๆ แล้วมันกลัว มันเลยจะสู้อยู่ ตายก็ตายต่อเมื่อเราได้สู้กันน่ะหละ สุดท้ายจึงเดินตามเสือพิสูจน์ดูซิว่ามันจะทำอะไรไหม ห่างกันประมาณสี่ห้าเมตร มันก็เดินหนี พอมันหยุด เราก็หยุด แต่เราก็ถือมีดไปด้วยนะ ถ้ามันเล่นงานเรา เราก็สู้เหมือนกัน มันก็ไม่ทำอะไร เราก็ไม่หันหลังกลับนะ กลัวมันจะย้อนมาเล่นงานเรา รอดูจนกระทั่งมันไป เราจึงกลับ เอาไปเอามามันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็หายไปความกลัวนี้
    ช่วงนั้นมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับจิตใจหลายอย่างเหมือนกันนะ ในสถานที่นั้นใครพูดอะไรก็ถูก จนคนเขาว่าเราเป็นพระอรหันต์ มันได้แต่หันซ้ายหันขวารู้ว่ากิเลสมีอยู่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราถือคำสัจจ์ พูดอะไรไว้จะทำอย่างนั้น คนวุ่นวายมากเรื่องหวยนี่แหละ เลยหนีเข้าป่าหวยซ่าน เราไม่เคยอยู่ไม่เคยได้ยินเสียงสัตว์ป่ามันร้องคือ นกขัว (ไก่ขัว) เหมือนนกยูงหางยาว บินไม่ค่อยได้ ขาแดงปากแดง
    พอเรานั่งฉันน้ำร้อนอยู่ เขามายิงเขามาบอกอยู่เหมือนกันนะ ยิงปืนปัง เสียงมันร่วงตูมเหมือนค้างคาวร่วง เขาหิ้วมาตัวใหญ่อยู่เท่าเป็ดไม่ใช่เป็ดเหมือนห่านเนี่ยตัวใหญ่อยู่ เราเลย เอ๊…เป็นนิมิตที่ไม่ค่อยดีนะ ไม่เป็นมงคลแล้ว มันมาฆ่าสัตว์ให้เห็น มาวันเดียวนี่เขามายิงสัตว์ตายแล้ว อยู่หลายวันจึงได้โอกาสขอบิณฑบาต ไม่ให้ยิงสัตว์ในบริเวณนี้ให้เว้นไว้ เขาก็ยกให้ตามที่ขอไว้ อย่ามาฆ่าอย่าเบียดเบียนสัตว์ในสถานที่นี้นานประมาณสองเดือนได้อยู่ จนเสือมันมากินหมู วัว ควายเขา เสียงปืนมันยิงสนั่นหวั่นไหว เหมือนรบทัพจับศึก
    เรายังคิดว่า เออ…จะได้เคี้ยวเสือละมัง จริงๆ เขาแค่ยิงไล่เฉยๆ มันอาละวาดเขาไว้ หัวค่ำมืดๆ เสือมันจะมาทุกวันๆ เราไม่เห็นมันทำอะไรเรา เราก็ไม่กลัวเสือ เวลามันมากลางวันเห็นเราตามทางมันก็กระโดดเข้าป่า หมีก็เหมือกันไม่เห็นมันจะทำอะไร จึงหายกลัวตั้งแต่นั้นมา
    “เป็นเรื่องที่ให้คนเห็นอำนาจแห่งความกลัว ให้คนเห็นชัดว่าเราควรจะต่อสู้ยังไงจึงไม่กลัว ต้องเอาตายเข้าสู้ สู้ตาย ถ้ามันเห็นแล้วว่ามันไม่เป็นความจริง มันก็จะหายกลัวไปเลย เช่น กลัวเสือนี่ไปดูมันเลย พอรู้ว่ามันไม่ทำอะไรเราจึงหายกลัว ผีกองก๋อยก็ไปดูมันเลย เอาตายเข้าสู้ แต่ไม่ยอมตายหรอกต้องสู้กัน ตายแล้วแล้วกัน ถ้าผีไม่ตายเราก็ตาย เสือไม่ตายเราก็ตาย เมื่อมันไม่มีอะไร เห็นความจริงแล้วก็หายกลัว ตั้งแต่นั้นเดินจงกรมได้สบายเลย เสือมีแต่วิ่งหนีเรา แต่มันมาก็ต้องสู้เหมือนกันจะอยู่เฉยๆ แล้วยอมให้มันกัดก็ไม่เอานะ การสู้คือการสู้เอาตัวรอดนะ ถ้ามันมีทางหลบหลีกเราก็หนีไปไม่ใช่เจตนาจะฆ่าเสือ ถ้ามันอยู่ดีๆ กระโดดมาสู้กับเรา เราก็ต้องสู้มันเลย จะให้มันมากินง่ายๆ ก็โง่เต็มที สู้ก็ต้องสู้เพื่อเอาตัวรอดมิใช่สู้เพื่อจะฆ่าจะตายอะไร ถ้าจะให้มันกินตายเฉยๆ ก็ไม่ใช่ละมันก็โง่เต็มทีแล้ว ถึงจะยอมตายแล้วให้เสือมันกิน นี่ก็เหมือนกันกับฆ่าตัวเองนั่นแหละเป็นบาปเป็นกรรม เราจะรอดวิธีไหนก็ต้องสู้ไปก่อนล่ะ”

    จนวันหนึ่งพวกเย้ามาสองทุ่มนี่ มาเจอเสือเข้า เสือดาวตัวเล็กๆ นี่เขาจะมายิงเพราะมันมากินหมูไก่ โอ…ไม่ให้ยิงๆ เราขอบิณฑบาตไว้ เลยไม่ยิง เราไม่ให้ยิง เขาเลยไม่กล้ายิง เขาก็ว่าพระองค์นี้มีบุญเสือไม่กล้ากิน เราก็นึกขำจนทุกวันนี้แหละ ทุกวันนี้ยังมีเย้าที่ห้วยซ่านอยู่ ที่จวงเรื้อนไปไม่หมดแล้ว มีเจ้าหน้าที่เขามาบอก
    สาเหตุที่จะได้ลงจากเขามาเนี่ยเพราะเสือมันอาละวาด มันมากัดควายที่เขาเลี้ยงไว้ แรกๆ มันก็ไม่มีอะไรนะ เราไปคอยรับบิณฑบาตเขาอยู่ เขาบอกว่า ท่านอย่าตกใจนะ เขายิงปืนแม่นจริงๆ นกเหยี่ยวมันบินมาเฉี่ยวไก่เขา เขาก็ยิงปัง ตั้งแต่นั้นเสือโคร่งใหญ่อาละวาดใหญ่เลย เราเลยว่า เอ๊…มันไปผิดอะไรเขาอย่างใดอย่างหนึ่ง ม้าอยู่ดีๆ ก็เกิดโรคขึ้นมา วิ่งไม่รู้จักเป็นจักตาย แล้วก็พิงต้นไม้อยู่เท่านั้น เขาก็งงหายาให้มันกินมันจะเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ ผลสุดท้ายเราแผ่เมตตาให้มัน มันก็ยังอยู่ได้ วันหนึ่งคิดว่ามันหายดีแล้วละ แต่เขามารายงานว่ามันตายแล้ว พอเสือมาอาละวาดสัตว์เขามากๆ เขาก็ยิงปืนเหมือนรบทัพจับศึก มันจะผิดผีเขาละมั่ง ค่ำลงก็ร้องกันพวกหมอผีนั่น เราเลยได้โอกาสลามา
    ปี พ.ศ.๒๕๑๐ ได้มารับเอาน้องชายเข้าบวช คือ พระอาจารย์ชดี ธัมมวโร ท่านบวชเป็นสามเณรที่สกลนครนี่ ในปีเดียวกันก็ได้บวชเป็นพระภิกษุที่จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่วัดสันติธรรม กับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร มีผู้ติดตามไปบวชที่เชียงใหม่ในคราวเดียวกันสิบรูป ที่ยังเหลือเป็นพระอยู่คือ อาจารย์ชดี อาจารย์คำพาว ท่านประสิทธ์ และอาจารย์เจริญ สุวัฑฒโน ซึ่งเป็นพระที่อยู่กับ ท่านอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ทุกวันนี้ ป่าเมี่ยงแม่สายนี้อยู่นาน อยู่เพื่อสงเคราะห์ยายคนนี้ที่ตั้งใจในการให้ทาน รักษาศีล ก็อยู่ไปเพราะครูบาอาจารย์เคยอยู่สงเคราะห์ยายคนนี้ เลยอยู่ที่นี่ถึงสิบสองปี ที่ป่าเมี่ยงแม่สาย

    • หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ มรณภาพ
    อยู่ป่าเมี่ยงแม่สายจน พ.ศ.๒๕๑๒ จึงมาจำพรรษาที่ผาปก จังหวัดราชบุรี กับอาจารย์ทองสุกองค์หนึ่ง สาเหตุคือท่านรังสี มานิมนต์ว่าให้ไปช่วยพุทธาภิเษกพระพุทธรูป พอมาถึงเห็นโลง อ้าว ! ท่านรังสีรถคว่ำตายซะแล้ว โยมที่อุปัฏฐากอยู่เลยนิมนต์ไปจำพรรษาที่ผาปก ปีนั้นมีเรา ท่านทองสุก อาจารย์คำพาว อาจารย์ดาด เลยไปอยู่จำพรรษาให้เขา
    ปี พ.ศ.๒๕๑๒ เราก็ไปป่วยอยู่ รู้สึกเหมือนถูกดาบเสียบเข้าหน้าอกทะลุหลัง นั่งกระดิกไม่ได้ปวด นั่งภาวนาตายๆๆๆ อย่างเดียวตั้งแต่หัวค่ำ มาได้ยินเสียงว่าให้เอาไม้ไผ่กับแกนฝางมาต้มกิน มากินแล้วรู้สึกอาการมันดีขึ้น แถวนั้นมันมีมาลาเรียเหมือนกัน มันกลับมาเป็นอีก ออกพรรษาแล้วก็ขึ้นมาสกลฯ นี่แหละ มากราบหลวงปู่พรหม ได้ยินเสียงมีคนมาบอกว่าท่านป่วยลื่นล้มหัวฟาดพื้น มันก็ป่วยจริงๆ อย่างที่ได้ยินนั้นแหละ
    ช่วงที่ท่านล้มหมดสติไปชาวบ้านช่วยกันย่าง (การรักษาแบบโบราณ นอนแคร่ รมด้วยสมุนไพร) ท่านก็กลับแข็งแรงดีแล้ว คิดจะสร้างเจดีย์ถวายท่าน ไปใส่ฟันให้ท่าน ท่านยังสดชื่นดีอายุยังไม่ถึง ๘๐ ดี แต่ท่านจะรู้ตัวดีว่าท่านจะมีปัญหาชีวิต จึงเก็บเรียบร้อยหมด มีด เสียมอะไร ท่านยังถามเราอยู่ว่า ”จะกลับอยู่เหรอ” ก็ตอบว่าจะกลับ พระท่านจะสร้างกุฏิ ท่านเห็นว่า “เออ” เราก็โง่ไม่ได้ถามท่าน ไม่ได้คิด เราไปแล้วก็มีแต่หลวงตาอยู่กับท่าน
    อีกสองสามวันมีคนมาตามอาจารย์สอน ซึ่งระยะนั้นท่านกลับมาจากจังหวัดเลย ได้นิมนต์ให้ท่านพักที่วัดตาลนิมิต คนตามให้ท่านไปดงเย็น หลวงปู่ป่วยหนักท่านท้องเสีย เรามีกิจนิมนต์ไปทำบุญสองสามแห่ง กลับมาถึงวัดประมาณเที่ยงๆ ทราบว่าหลวงปู่ป่วยหนัก คิดว่าบ่ายสี่โมงก่อนจะไปกราบหลวงปู่ อาจารย์สอนไปแต่เช้าแล้ว อาจารย์ลีกับอาจารย์สุภาพไปบ้านก่อน
    พอเราไปถึง บ้านดอนเชียงยืน เลยพบกับโยมที่เป็นครู ๒ คนคือ อาจารย์ชายกับอาจารย์สวัสดิ์ ได้แจ้งว่าหลวงปู่มรณภาพแล้ว เขากำลังไปซื้อสิ่งของต่างๆ มาใช้งาน เรากับอาจารย์สอนก็ช่วยจัดอะไรให้เรียบร้อย ไมมีใครกล้าฉีดยาท่าน เราก็เอาเอง ฉีด คลุมผ้า จัดให้นอน จนตีหนึ่งตีสองอาจารย์ลีกับอาจารย์สุภาพมาถึง มันลำบากนะเดินทางเท้า ทางรถทางเรือก็ไปไม่ถึง หลวงปู่เสียปีนั้นแหละ
    พ.ศ.๒๕๑๒ เราก็กลับไปที่ป่าเมี่ยงเหมือนเดิม ออกพรรษาจึงลงมาที่บ้านดงเย็น จัดงานศพหลวงปู่พรหม เผาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ ท่านมามรณภาพเรื่องท้องเสีย คืนเดียวเท่านั้นเอง ก่อนนั้นยังเทศน์ให้ญาติโยมฟังอยู่เลย หลวงตาถามท่านว่า เป็นไงหลวงปู่ ท่านว่า “เจ็บหมดตัว” เป็นแค่คำพูดคำเดียวจนมรณภาพไป ตอนงานเผาศพ มีหลวงปู่ชอบ ฐานสโม มาเล่าเรื่องไปพม่าด้วยกันกับหลวงปู่พรหม แล้วมีฤาษีมาศรัทธา อุปถัมภ์บำรุงจนตลอดพรรษา
    ปี พ.ศ.๒๕๑๓ เราได้กลับไป ได้จำพรรษาที่ป่าเมี่ยงเหมือนเดิม

    • ปฏิบัติหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    ปี พ.ศ.๒๕๑๒ เราได้ไปกราบนมัสการฟังธรรมจากครูบาอาจารย์รูปต่างๆ อาทิเช่น หลวงปู่สิม หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน ฯลฯ เป็นประจำไปๆ มาๆ อยู่บริเวณนี้แหละ บางครั้งก็พักผ่อนอยู่กับท่าน พอสมควรแก่เวลาแล้วก็ออกไปเที่ยววิเวกตามป่าที่ครูบาอาจารย์แนะนำมาว่า ที่นั่นดีที่นี่ดีสงบสงัด สงบเย็น เสนาสนะสัปปายะ อาหารสัปปายะ พอเป็นได้ แต่ก็ไปกันไม่มาก โดยส่วนมากแค่สองสามองค์เพราะมากกว่านั้นก็ไม่ไหว อาหารบิณฑบาตจะลำบาก วัดดอยแม่ปั๋ง เราก็เคยไปพักอยู่กับหลวงปู่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๓ – ๒๕๐๔ ท่านอยู่องค์เดียว จนปี พ.ศ.๒๕๐๕ หลวงปู่แหวนจึงขึ้นมาอยู่ก็ไปๆ มาๆ อยู่แถวนี้แหละ
    ช่วงประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๒ อาจารย์ทองสุกมาเริ่มสร้างวัดขึ้นแถวอำเภอพร้าว เรียกว่า วัดภูริทัตตะวนาราม..ทำนองนี้ ที่หลวงปู่มั่นเคยพักอยู่ตรงนั้นรวมทั้งหลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาว หลวงปู่อ่อนสี หลวงปู่เหรียญ ตามที่หลวงปู่แหวนเล่าให้ฟัง ฉะนั้น ในบริเวณนี้ก็ถือว่าเป็นสัปปายะในการบำเพ็ญสมณธรรมของครูบาอาจารย์หลายองค์ในยุคนั้น ที่ได้มาพำนักพักอาศัยก่อนแยกย้ายไปบำเพ็ญสมณธรรมในบริเวณนั้น เราจำพรรษาที่ป่าเมี่ยง จนปี พ.ศ.๒๕๑๕ ถึง ๒๕๑๗ ก็จำพรรษาที่วัดดอยแม่ปั๋ง หลวงปู่แหวนขึ้นมาอยู่วัดดอยแม่ปั๋งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ซึ่งปี พ.ศ.๒๕๐๔ ท่านอยู่ที่บ้านปง เลยแวะพักกับท่าน มีหลวงปู่แหวน อาจารย์หนู ท่านทวี ท่านจันดี จำพรรษาด้วยกัน
    ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ – ๒๕๑๗ นั้นได้อยู่ปฏิบัติครูบาอาจารย์เป็นสำคัญ เนื่องจากหลวงปู่ท่านชรามากแล้ว นี่คือความประสงค์ส่วนแรก อีกส่วนอยู่เพราะรับปากกับหลวงปู่หนูว่าจะสร้างศาลา เพราะหลวงปู่หนูกับท่านทวี ๒ คน คงทำกันไม่ไหวจึงอยู่ช่วย ศาลามันไม่ดีเลยรื้อสร้างใหม่ เราอยู่ช่วยท่านสร้างศาลาร่วมกับท่านอาจารย์จันดี อาจารย์ทวี รวมเป็นอยู่ด้วยกัน ๕ องค์ เมื่อทำศาลาเสร็จจึงมาขออนุญาตสร้างเหรียญรุ่นลูกมะพร้าว เป็นอนุสรณ์ของอำเภอพร้าวเพื่อแจกในงานฉลองศาลา

    ปี พ.ศ.๒๕๑๕ -๒๕๑๖ นั่นแหละ ได้ไปทำซ่อมพระที่ทางขึ้นวัดดอยแม่ปั๋ง โดยมีซากพระพุทธรูปชื่อ พระเจ้านั่งช้างอยู่ หน้าตักประมาณ ๔ เมตร พอฉันเสร็จแล้วเราก็สะพายย่ามขึ้นไป โยมเป็นคนผสมปูนให้ เราเป็นคนทำ ไม่ได้ดิบดีมีเครื่องมือ และละเอียดลอออะไรสมัยนั้น จนปี พ.ศ.๒๕๑๘ จึงมาจำพรรษาที่วัดบ้านตาลเป็นปีแรกเลย
    “การทำดี ไม่ผิดศีลผิดธรรมแล้ว เราไม่กลัว ใครไม่ทำเราก็ไม่ไปเดือดร้อนให้ใคร การจะไปดุด่า ไปว่าตำหนิติเตียนนี่ ไม่มีละ และต้องทำให้สำเร็จ แล้วก็สำเร็จจริงๆ ใครจะช่วยรึไม่ไม่เกี่ยว ช่วยก็ยินดี ไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร เราตั้งใจไว้อย่างนั้น อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันนะ จนมีหลวงปู่องค์หนึ่งพูดว่า “แปลกเหมือนกันนะพระองค์นี้ ไปทำอะไรกลางแดดร้อนอยู่องค์เดียว” พอฉันเสร็จเราก็ไปแล้ว ฉาบ เลื่อยไม้ ไสกบ อะไร แดดร้อน ยังไงก็ทำอยู่องค์เดียวนั่นแหละ”

    • การสร้างวัดใหม่บ้านตาล
    “ครั้งหนึ่งหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ ท่านได้ปรารภเองว่า ถ้าอยากได้วัดดี ก็ให้มาเอาวัดตรงนี้สิ ที่ป่าช้านี่ เราก็ว่าไม่มีบารมีหรอกหลวงปู่…มันก็บังเอิญจริงๆ”
    โยมพ่อได้เข้ามาช่วยตั้งแต่เริ่มสร้างวัด ท่านมีเพี่อนที่เคยเป็นทหารด้วยกัน เขาให้เป็นนายสิบแต่ลาออกจากทหารมีครอบครัวที่บ้านตาลนี่ มาอยู่เป็นเพื่อนกันเพื่อดูข้อวัตรปฏิบัติประมาณ ๑ ปีเศษและสมัครใจบวชพร้อมกัน รู้สึกว่าท่านต้องการที่จะบวชมาก จึงอนุญาตให้ท่านบวชด้วยกัน ๒ คน
    “การงานอะไรต่างๆ มันก็ต้องต่อสู้ทั้งนั้นกับอุปสรรค แต่สำหรับเราไม่เคยทำฎีกาเรี่ยไรบอกบุญอะไร อะไรที่ยากสำหรับเขา สำหรับเรามันง่ายนะ ตลอดมาศรัทธาญาติโยมเขาทำกันเอง บอกกันเอง เขาพร้อมจะสนับสนุนช่วยเหลือเสมอมาจนกระทั้งวันนี้…อยู่ไปตามมีตามได้ ไม่ดิ้นรนขวนขวายอะไร ถ้าเขามีศรัทธาอยากทำ ก็พาเขาทำตามวัตถุประสงค์ของญาติโยม ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ทำเช่นนี้”
    ได้สร้างวัดนี้เรื่อยมา มีกุฏิหลายหลังเป็นที่อาศัยของพระเณร ปีแรกที่จำพรรษารวมกัน ๕ รูป ได้พัฒนาวัดนี้ขึ้นจนสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย จนเมื่อได้ น.ส.๓ แล้ว ได้วงเล็บไว้ว่าเพื่อเป็นที่สร้างวัด ตั้งชื่อวัดตาล ตามกฎหมาย แต่ชาวบ้านเรียกว่าวัดใหม่บ้านตาล สำหรับโยมพ่อเมื่อบวชเป็นภิกษุอยู่จำพรรษาร่วมกัน จนกระทั่งท่านอายุ ๘๐ ปี จึงมรณภาพ นี่คือการสงเคราะห์ญาติคือโยมบิดาได้เขามาสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในพระพุทธศาสนา ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่มีความตั้งใจใฝ่อรรถใฝ่ธรรมของพระพุทธเจ้า เอาจริงเอาจังเอาเป็นตาย ฝากชีวิตไว้ในพระพุทธศาสนาตลอด โดยท่านได้ละสังขารเมื่อพรรษาได้ ๑๒ พรรษา

    หลวงปู่คำบ่อ ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดใหม่บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๘ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๖๒)
    ปัจจุบัน หลวงปู่คำบ่อ เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๙ ปี พรรษา ๖๙ (พ.ศ.๒๕๖๓)
    จาก หนังสือชีวประวัติและคติธรรมสอนใจ ท่านพ่อคำบ่อ ฐิตปัญโญ ; พิมพ์ครั้งที่ ๑ ; พฤษภาคม ๒๕๖๐



    สภาพสวยเดิมเนื้อหาสุดยอดมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ราคาเบาหวิวแต่พุทธคุณเกินตัว ทั้งเมตตาคลาแคล้วและเป็นมงคลอำนวยความเจริญร่มเย็นน่าบูชามาก แบ่งให้บูชา 250 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณบุญมงคล จองแล้วครับ)




    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2024
  19. ทองทวี

    ทองทวี “นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +1,758
    จอง
     
  20. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,825
    ค่าพลัง:
    +14,112
    3644.สุดยอดมหามวลสาร อธิษฐานจิต 3วาระ เมตตาค้าขายโชคลาภไม่ขาดมือ(๓)
    พระสมเด็จองค์ปฐมขุนแผนโพธิสัตว์ ลพ.ทรง,ลพ.สาคร,พอ.ป๋อง ปลุกเสกประจุพลัง

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    -1608e3053a84a1a0b.jpg
    พระสมเด็จองค์ปฐมขุนแผนโพธิสัตว์ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จังหวัดอ่างทอง เนื้อผงอิทธิเจสีขาว ดำเนินการจัดสร้างประมาณปี พ.ศ.2549 เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสที่หลวงพ่อมีอายุวัฒนมงคล 7 รอบ


    " ตอนที่หลวงพ่อกดพิมพ์พระนั้น มีเหตุอัศจรรย์มีฟ้าร้องลมแรงมาก มีฝนตกหนัก แต่พอกดเสร็จแล้ว ทุกอย่างหายเป็นปกติ "


    พุทธศิลป์


    รูปทรงสัณฐานห้าเหลี่ยม
    ด้านหน้า : เป็นรูปพระพุทธ
    ด้านหลัง : ประทับยันต์จินดามณี ยันต์นี้เหมาะแก่คนที่ทำธุรกิจ การค้าขาย ติดต่อเรื่องการงาน เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ เรียกโชคลาภทรัพย์สินเงินทอง จะทำให้มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ อุดมสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์

    มวลสาร
    1. พระธาตุข้าว ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ลำพูน
    2. พระธาตุโลหิต (ทรายคำ) วัดพระธาตุศรีจอมทอง เชียงใหม่
    3. ผงพระธาตุต่างๆ จาก อ.ไก่ คนเมืองบัว
    4. น้ำมนต์สรงพระธาตุ จากสถานที่ต่างๆ
    5. เส้นเกศาของ
    • ลพ.ฤาษี (ลิงดำ) วัดท่าซุง อุทัยธานี
    • ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ลำพูน
    • ลพ.ทรง วัดศาลาดิน อ่างทอง
    • ลพ.สาคร วัดหนองกรับ ระยอง
    6. ผงตะไบพระพุทธชินราชอินโดจีน วัดสุทัศน์ พ.ศ. 2485
    7. พระขุนแผนกรุบ้านกร่าง 1 องค์ พระลีลา ลพ.โหน่ง วัดคลองมะดัน 1 องค์
    8. ผงพระกรุวัดบ้านกร่าง พระกรุถ้ำเสือ
    9. ผงสร้างจตุคามรามเทพ รุ่น สุริยัน-จันทรา ปี 2530
    10. พระคำข้าว พระหางหมาก พระผงรูปเหมือน รุ่นปืนแตก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    11. น้ำมันชาตรี หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
    12. ผงพุทธคุณและปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
    13. ผงพระนักธรรม พระแหวกม่าน พระผงรูปเหมือนลพ.ทรง วัดศาลาดิน
    14. ผงพุทธคุณ ลพ.ทรง วัดศาลาดิน 2 บาตรพระ
    15. ผงว่านดอกทอง จากลูกศิษย์ของลพ.ทรง วัดศาลาดิน
    16. แท่งผง ลพ.เทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา
    17. ชานหมาก บายศรีบูชาครู ของ ลป.หงษ์ พรหมปัญโญ ป่าช้าทุ่งมน สุรินทร์
    18. ดินหัวนอนใต้ต้นมะขามข้างกุฏิ ลป.หงษ์ พรหมปัญโญ (หลวงปู่ชี้บอกให้เอา)
    19. ผงธูป + น้ำมนต์ หลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง จ.สุรินทร์
    20. ผงแป้ง ชานหมาก ผงวิเศษ หลวงพ่อผาด วัดบ้านกรวด จ.สุรินทร์
    21. ผงแป้ง หลวงพ่อพรหม จ.จันทบุรี
    22. ผงแป้ง หลวงพ่อกาด วัดแพงพวย จ.บุรีรัมย์
    23. ผงแป้ง ผงพุทธคุณ สีผึ้ง ที่ ลป.ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสกให้วัดไผ่ล้อม จ. ระยอง
    24. ผงพรายกุมาร ลป.ทิม วัดละหารไร่ ระยอง
    25. พระนางพญา หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี 2517
    26. สีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ระยอง
    27. ผงพระ หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ จ.ชลบุรี
    28. ผงท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ระยอง
    29. ผงชูชก หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ระยอง
    30. พระขุนแผน หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ทุกรุ่น
    31. ผงพระสมเด็จ หลวงพ่อมนัส วัดทุ่งจันทร์ดำ จ.จันทบุรี
    32. ผงหลวงพ่อเขียน วัดกระทิง จ. จันทบุรี
    33. ผงพระเก่า ลป.บุญลือ วัดคำหยาด อ่างทอง
    34. ดินกากยายักษ์
    35. ดอกรักซ้อน ผงว่าน กาฝากต่างๆ
    36. ผงอัฐิมังกร 7 ชั้น
    มวลสารทั้งหมดนี้ได้เข้าพิธีปลุกเสกใหญ่


    การปลุกเสกหลังพิมพ์พระเสร็จแล้วได้นำพระเข้ารับการปลุกเสกดังนี้

    1. พระอาจารย์ป๋อง วัดเขาโบสถ์ จ.ระยอง ปลุกเสกเดี่ยวนาน 15 วัน

    2. หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง ปลุกเสกเดี่ยวนาน 1 เดือน

    3. หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง ปลุกเสกอีก 1 ครั้ง ในอุโบสถวัดศาลาดิน



    พุทธคุณ
    - ครบเครื่องเรื่องพุทธคุณ ทำธุรกิจ การค้าขาย ติดต่อเรื่องการงาน เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ เรียกโชคลาภทรัพย์สินเงินทอง จะทำให้มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ อุดมสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์




    อัตโนประวัติ “หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี”

    มีนามเดิมว่า ทรง วารีรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2466 ตรงกับวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน ณ บ้านม่วงเตี้ย ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
    โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายกอง และนางจัน วารีรักษ์ ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย

    ๏ การศึกษาเบื้องต้นและการอุปสมบท ช่วงวัยเยาว์ ได้ศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนวัดยางมณี (ชวนประชาสรรค์) ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ต่อมาได้เข้ารับราชการเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยยังคงช่วยเหลือครอบครัวหาเลี้ยงชีพ ประกอบกิจการค้าขาย เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2486 ณ พัทธสีมาวัดยางมณี ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โดยมีพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) วัดยางมณี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการสุวรรณ วัดไร่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการชั้ว วัดตูม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ๏ การศึกษาพระปริยัติธรรมและสรรพวิชาอาคม หลังอุปสมบท ท่านได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อชวนระยะหนึ่ง จากนั้น ได้ย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดไร่และวัดศาลาดิน เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมและพระธรรมวินัย สามารถสวดพระปาติโมกข์ได้อย่างคล่องแคล่ว ขณะเดียวกัน ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมจากหลวงพ่อชวน วัดยางมณี, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ศึกษาโหราศาสตร์กับหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย พระเกจิดังแห่งยุค ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชาให้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ท่านได้เรียนวิทยาคมจากตำราโบราณที่รับสืบทอดจากบรรพบุรุษ จนเชี่ยวชาญสามารถเขียนอ่านอักษรขอมได้ หลวงพ่อทรง เคร่งครัดปฏิบัติและชอบการปลีกวิเวก หมั่นฝึกฝนปฏิบัติวิชาอาคมต่างๆ ตามที่ได้ร่ำเรียนและได้รับการถ่ายทอดมา จนมีความชำนาญในวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีพลังสมาธิญาณอย่างน่าอัศจรรย์


    ๏ การมรณภาพ อย่างไรก็ดี ด้วยสังขาร คือ อนิจจัง เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ครั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 เวลาประมาณ 21.00 น. หลวงพ่อมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจขัด เนื่องจากมีกิจนิมนต์มาก เมื่อลูกศิษย์เห็นว่าอาการไม่ดี จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง แพทย์ได้ทำการรักษา แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ในที่สุด เมื่อเวลา 22.50 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 ท่านได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการท่อปัสสาวะอักเสบ มาก่อนหน้านี้ สิริอายุรวม 83 พรรษา 62

    สภาพสวยเดิมๆ พุทธคุณยอดประสบการณ์เยี่ยม พุทธคุณครบเครื่องเรื่องพุทธคุณ แต่จะเด่นมากเรื่อง อำนาจบารมี คุ้มครองแคล้วคลาด เกื้อหนุนชะตาชีวิต แบ่งให้บูชา 399 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     

แชร์หน้านี้

Loading...