คลังเรื่องเด่น
-
ญาณระลึกชาติ ของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นอรหันต์
ญาณระลึกชาติ ของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นอรหันต์
สำหรับญาณการระลึกรู้อดีตชาติที่ศิษย์ผู้ใกล้ชิด ผู้ใฝ่ในการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ได้เคยขอโอกาสกราบเรียนถาม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม แล้วท่านก็ยอมเล่าให้ฟังบ้าง โดยท่านเล่าว่า ท่านไม่ได้ระลึกชาติได้มากมายอะไร เหมือนดังที่สมเด็จพระพุทธองค์ทรงระลึกได้อเนกชาติหาประมาณมิได้นั้น เพราะท่านทรงมหาสติ มหาปัญญา มหาบารมี สำหรับท่านนี้ เท่าที่ระลึกได้
1.ท่านไม่เคยเป็นกษัตริย์ มักจะเป็นแต่คนทุกข์ยากเสียมากกว่า เช่นเคยเกิดเป็นพ่อค้าขายผ้าชาติลาว ออกเดินทางมากับพ่อเชียงหมุน (อุปัฏฐากคนหนึ่งในชาตินี้) ข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งนี้ มาทานผ้าขาวหนึ่งวา และเงินเป็นมูลค่าประมาณเท่ากับ ๕๐ สตางค์ ในปัจจุบันนี้ บูชาถวายพระธาตุพนม พร้อมทั้งอธิษฐานขอให้ได้บวช ได้พ้นทุกข์ ท่านเล่าว่า ท่านเคยมาสร้างพระธาตุพนมด้วย สมัยพระมหากัสสปเถรเจ้า พระธาตุพนมนี้สร้างก่อนพระปฐมเจดีย์
2.ท่านเคยเกิดเป็นคนยางอยู่ในป่า เคยเกิดเป็นทหารพม่า มารบกับไทย ยังไม่ทันฆ่าคนไทย ก็ตายเสียก่อน เคยเกิดอยู่เมืองปัน พม่า ชาตินี้ท่านก็ได้กลับไปดูบ้านเกิดในชาติก่อนที่เมืองปันด้วย... -
คาถาเด็ดหลวงปู่ฝั้น! แก้โรคเวรโรคกรรมชะงัด! ใครป่วยเรื้อรังลองทำดู... รำลึกเมตตาธรรมหลวงปู่ฝั้น พระอาจารย์แห่งสมเด็จพระสังฆราช
คาถาเด็ดหลวงปู่ฝั้น! แก้โรคเวรโรคกรรมชะงัด! ใครป่วยเรื้อรังลองทำดู... รำลึกเมตตาธรรมหลวงปู่ฝั้น พระอาจารย์แห่งสมเด็จพระสังฆราช
ระหว่างที่พำนักอยู่ที่บ้านจีด มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ไอทั้งวันทั้งคืน เสาะหายาจากที่ต่าง ๆ มากิน จนนับขนานไม่ถ้วนก็ยังไม่หาย ฟังเทศน์ก็ฟังไม่ได้ ขณะฟังก็ไออยู่ตลอดเวลา เป็นที่รบกวนสมาธิของผู้อื่น
คืนที่สาม พอฟังเทศน์จบลง พระอาจารย์ฝั้นจึงถามว่า ทำไมไม่รักษา
โยมผู้นั้นตอบว่า กินยามาหลายขนานแล้วก็ไม่เห็นหาย
ท่านจึงบอกโยมผู้นั้นไปว่า คงเป็นกรรมเก่าที่ทำมาแต่ปางก่อน ขอให้หัดภาวนาดู แล้วบอกคาถาให้บริกรรมว่า “ปฏิกะ มันตุ ภูตานิ”
วันแรกท่านให้ภาวนาตั้งจิตบริกรรม โดยกำหนดจิตที่ใดที่หนึ่ง
วันแรกนั่งบริกรรมได้สักพักก็ยังไออยู่ตลอด วันที่สองปรากฏว่ามีอาการค่อยชุ่มคอขึ้นหน่อย อาการไอห่างไปบ้าง พอถึงวันที่สามอาการไอก็หายไปราวกับปลิดทิ้ง รู้สึกคอชุ่มขึ้น!!!
โยมผู้นั้นนั่งบริกรรมอยู่จนดึกดื่น ใคร ๆ หลับกันหมด แกก็ยังไม่ยอมหลับ
ในที่สุดอาการไอก็หายโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โยมผู้นั้นสำนึกในบุญคุณ ได้เอาเงินทองมาถวายพระอาจารย์ฝั้น แต่ท่านไม่ยอมรับ... -
“เรื่องบุญ เรื่องบาป เป็นของมีจริงเชื่อได้ หากไม่มีจริงจะมีคนร่ำคนรวยได้หรือ? ”ตามคำสอนของ”หลวงปู่ฝั้น”
“เรื่องบุญ เรื่องบาป เป็นของมีจริงเชื่อได้ หากไม่มีจริงจะมีคนร่ำคนรวยได้หรือ? ”ตามคำสอนของ”หลวงปู่ฝั้น”
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านเป็นพระอริยสงฆ์สายหลวงปู่มั่น และยังเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๒๐ ของกรุงรัตนโกสินทร์ “สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร)” ได้เมตตาสอนในเรื่องบุญ – บาปให้พุทธศาสนิกชนได้เชื่อในเรื่องนี้ว่ามีจรอง ดังรายละเอียดดังนี้
"ให้เชื่อเรื่องบุญ เรื่องบาป ว่าเป็นของมีจริง โดยมากคนมักไม่เชื่อ ศาสนาก็คือคำสอน สอนให้คนละชั่ว ทำความดี เพื่อขจัดทุกข์ให้ประสบความสุข...
ถ้าผลบุญผลบาปไม่มีจริงแล้ว จะมีคนร่ำรวย มียศถาบรรดาศักดิ์และมีคนทุกข์ยากกระจอกงอกง่อย ขี้ทูดกุดถังได้อย่างไร...ของมันเห็นๆกันอยู่ แต่ไม่รู้จักพิจารณาก็ย่อมไม่เข้าใจ
ให้เข้าใจว่าที่มีศาสนา ที่มีผู้สอนให้ ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ศรัทธาปฏิบัติตาม จะได้พ้นทุกข์พ้นยาก แต่ถ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่...ให้รู้จักภาวนา พุทโธ ทำดวงจิตให้ผ่องใส จะได้เป็นที่พึ่งของเราได้แน่นอน
ให้ทราบว่าในโลกนี้ไม่มีแก่นสารอันใด เกิดมาแล้วก็ต้องตาย เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ที่จะเอาได้ก็เป็นเรื่องของดวงจิตเท่านั้น ฉะนั้น... -
กำลังใจของพระโพธิสัตว์ ( พระองค์หนึ่ง )
กำลังใจของพระโพธิสัตว์
ตอนไปกราบปู่โพธิสัตว์ ได้กราบเรียนท่านว่า ช่วงนี้ครูบาอาจารย์เก่งๆมรณภาพไปหลายองค์ แถมบ้านเมืองก็วุ่นวายเหลือเกิน
ปู่ตอบว่า หลายองค์ท่านเอาชีวิตมาช่วยค้ำบ้านเมืองนะ
ปู่เองก็เคยอธิษฐานจิตนะ อธิษฐานว่า
"หากแลกด้วยชีวิตของข้าพเจ้าแล้ว จะช่วยให้บ้านเมืองสงบได้ คนเลิกทะเลาะฆ่าฟันกัน ก็ขอเอาชีวิตเข้าแลก..."
เราจะตายก็ช่างมันเถอะ ชาตินี้ตายไป เดี๋ยวไปเกิดมาสร้างบารมีใหม่ต่อไปก็ได้
แต่พอลองอธิษฐานแล้ว เค้าบอกว่า เราช่วยไม่ได้ ก็ต้องปล่อยวางนะ เรื่องทางโลกมันจบไม่เป็นนะ ยังไงก็แก้ไม่จบ มันอยู่ที่ตัวเราเองว่า จะเอาใจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายนั้นแค่ไหน ต้องแก้ตรงนั้น
คำสอนปู่โพธิสัตว์ จ.ชัยภูมิ
ปล.เคยไปกราบครูบาอาจารย์สายโพธิสัตว์หลายรูป ท่านมีลักษณะคล้ายกันคือ ไม่เคยเสียดายชีวิตตนเอง หากตายแล้วเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ท่านยอมตายได้โดยไม่เสียดาย เพราะคิดว่าเดี๋ยวตายไปก็เกิดใหม่ ก็มาสร้างบารมีต่อไปได้
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ ก็เคยเล่าให้ผมฟังเสมอๆว่า พระโพธิสัตว์ส่วนใหญ่ท่านจะอายุไม่ยืนนานมากนัก พอร่างกายเริ่มแก่ เริ่มไม่มีแรงทำประโยชน์ ท่านก็ไม่ขออยู่ต่อ... -
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๘ เดือนเมษายน ๒๕๖๐
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๘
เดือนเมษายน ๒๕๖๐
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 -
ครูบาศรีวิชัย เป็นพระโพธิ์สัตว์ ที่หลวงปู่มั่นรับรองกับพระอุบาลี (จันทร์)
ครูบาศรีวิชัย เป็นพระโพธิ์สัตว์ ที่หลวงปู่มั่นรับรองกับพระอุบาลี (จันทร์)
ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านพระอาจารย์ใหญ่แห่งสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้เคยพำนักอยู่วัดเจดีย์หลวงร่วมสมัยกับกับพระเดชพระคุณพระอุบาลี (จันทร์) ระหว่าง 2472-2474 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ครูบาศรีวิชัย พระนักบุญแห่งล้านนาขึ้นมาพำนักอยู่ที่วัดสวนดอก เมืองเชียงใหม่เพื่อฟื้นฟู บูรณะวัดวาอาราม พระธาตุเจดีย์ ปูชนียสถานต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วย พระครูบาศรีวิชัยแม้องค์ท่านจะไม่มีฐานันดรสมณศักดิ์ แต่ท่านก็เป็นพระมหาเถระสมบูรณ์พร้อมด้วยคุณธรรม และวัตรปฏิบัติอันประเสริฐยิ่ง มีบารมีสูงสุด จนคนเหนือยกย่องให้เป็น "ตนบุญ" หรือ "นักบุญแห่งล้านนา" พระครูบาศรีวิชัยได้เข้ามากราบนมัสการท่านเจ้าคุณอุบาลี วัดเจดีย์หลวงถึง 2 ครั้ง และพระเดชพระคุณก็มีโอกาสไปเยี่ยมพระครูบาศรีวิชัยเป็นการตอบแทน ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับกรุงเทพ
ส่วนพระอาจารย์มั่นนั้น เคยพบและสนทนาธรรมกับพระครูบาศรีวิชัย หลังจากที่พระครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์แล้ว ท่านอาจารย์มั่น เคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกัน... -
หาชมยาก!!“สมุดภาพไตรภูมิสมัยกรุงธนบุรี”จากพระราชศรัทธาของ พระเจ้าตากสิน อีกหนึ่ง ราชภารกิจบนเส้นทางแห่งพระโพธิสัตว์
หาชมยาก!! “สมุดภาพไตรภูมิสมัยกรุงธนบุรี” จากพระราชศรัทธาของ พระเจ้าตากสิน อีกหนึ่ง ราชภารกิจบนเส้นทางแห่งพระโพธิสัตว์
ความปรารถนาในพระโพธิญาณของพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นที่ปรากฏให้พวกเราได้เห็น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อครั้งเสร็จศึกอะแวหวุ่นกี้ปี ๒๓๑๙ ก็ได้ทรงโปรดให้มีงานบุญใหม่พระราชพิธีบังสุกุลพระอัฐิของพระมารดา พระเจ้าตากฯ ก็ทรงอธิษฐานว่า
“เดชะผลทานบูชานี้ ขอจงยังพระลักขณะ พระปิติทั้ง๕ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า และอย่าได้อันตรธาน และพระธรรมซึ่งยังมิได้บังเกิดขึ้น ขอจงบังเกิดภิญโญภาพยิ่งๆ ขึ้น อนึ่งขอจงเป็นปัจจัยแก่พระบรมภิเษกสมโพธิญาณในอนาคตกาลภายภาคหน้า”
ซึ่งความจริงสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมิใช่พระมหากษัตริย์สยามพระองค์แรกและพระองค์เดียวที่มีความปรารถนาในพระโพธิญาณ เช่นเดียวกับ พระมหาธรรมราชาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย (ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วง) และแน่นอนว่าในรัชสมัยแห่งพระเจ้ากรุงธนบุรี ก็ได้มีการจัดทำ “สมุดภาพไตรภูมิ” เช่นเดียวกัน
สมุดภาพไตรภูมิสมัยธนบุรี ฉบับกรุงเบอร์ลิน จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมเอเชีย (Museum für Asiatische Kunst) ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี... -
วีดีโอ วิปัสสนาญาณ ๑๖ - ท่านเจ้าคุณโชดก
วิปัสสนาญาณ ๑๖ - ท่านเจ้าคุณโชดก
DrSeripiput Srimuang .-
Published on Aug 8, 2012
Playlist...
สีเล ปติฏฺฐาย นโร สปญฺโญ จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ โส อิมํ วิชฏฺเย ชฏํํ นรชนผู้ฉลาด มีความเพียรเครื่องเผากิเลสอย่างต่อเนื่อง มีปัญญา คือ สัมปชัญญะ 4 (นับ) เป็นภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏฏะ ตั้งมั่นอยู่ในศีล อบรมจิตและปัญญาอยู่นรชนผู้นั้นจะพึงถางรกชัฏออกได้
ไตรสิขา๓ - ศีล สมาธิ ปัญญา
ปัญญา๓ - สุตมยปัญญา จินตมปัญญษ ภาวนามยปัญญา
ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาจากการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเกิดญาณ๑๖
๑. นามรูปปริเฉทญาณ ๒. ปจยปริคหญาณ ๓. สมสณญาณ ๔. อุทยัพพยญาณ
๕. ภังคญาณ ๖.ภยตูปัฏฐานญาณ ๗. อาทีนวาญาณ ๘. นิพพิทาญาณ ๙. มุญจิตุกัมยตาญาณ ๑๐. ปฏิสังขาญาณ ๑๑. สังขารุเบกขาญาณ ๑๒. สัจจานุโลมิกญาณ ๑๓. โคตรภูญาณ ๑๔.มรรคญาณ ๑๕.ผลญาณ ๑๖. ปัจจเวกขณญาณ
วิสุทธิมรรค๗ ๑.ศีลวิสุทธิ ๒.จิตตวิสุทธิ ๓.ทิฏฐิวิสุทธิ - นามรูปปริเฉทญาณ ๔.กังขาวิตรณวิสุทธิ - ปจยปริคหญาณ
๕.มัคคามัคคะญาณทัศนวิสุทธิ - ๓.สมสณญาณ ๔.อุทยพยญาณ เกิดวิปัสสนูปกิเลส๑๐ - ๑.โอภาส ๒.ปิติ ๓.ญาณ ๔.ปัสสัทธิ ๕.สุข ๖.อธิโมกข์... -
"แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร"
"แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร"
" .. ผู้ชนะมักเข้าใจว่าตัวเองได้ "แท้จริงแล้วเสีย เสียอะไร เสียมิตรไมตรี เสียความรู้สึกที่ดี ๆ ของอีกฝ่ายไปจนหมดสิ้น" ที่เรียกว่าได้ก็คือ "ได้อัตตา ได้เวรเพิ่มขึ้น" เพราะผู้แพ้ก็จะผูกใจเพื่อจะเอาชนะต่อไป จึงเป็นอันว่าไม่ได้ความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย
"แต่เมื่อจะต้องให้ มีเรื่องให้แพ้ฝ่ายหนึ่งชนะฝ่ายหนึ่ง ก็ควรต้องมีใจหนักแน่นพอที่จะเผชิญผลได้ทุกอย่าง" สามารถที่จะเห็นความจริงว่า "แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร" ทั้งนี้ต้องชนะตนเอง คือชนะใจตนเองด้วย
"ส่วนผู้ที่ละได้ทั้งแพ้ทั้งชนะจึงจะได้ความสงบสุข" ทั้งนี้โดยไม่ก่อเรื่องที่จะต้องเกิดมีแพ้ชนะกันขึ้น .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ -
หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเนียม
หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเนียม
ทีนี้เวลาหลวงพ่อปานไปหาหลวงพ่อเนียม ก็ไปโดนดีเข้า เข้าไปแล้วเจอะหลวงพ่อเนียมที่ไหน ความจริงหลวงพ่อเนียมก็เดินคว้าง ๆ อยู่กลางวัดนั่นแหละ มีผ้าอาบ 1 ผืนที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าผ้าขาวม้า แต่ว่าพระนั่นเขาเรียก ผ้าอาบน้ำฝน สีเหลือง แต่ว่าผ้าที่ท่านนุ่งมันไม่เหลือง มันตุ่น ๆ เข้าไปแล้ว มันจะดำ เหลืองหมดไป ขาวก็ไม่ขาว กลายเป็นผ้าดำ ๆ นุ่งแบบชนิดไม่รัดประคด คาดลอยชาย ผ้าอีกอผืนหนึ่งแบบเดียวกัน คล้องคอเดินไปรอบวัด มีหมาวิ่งตามเป็นฝูง ยี่ห้อนี้คล้าย ๆ ฉันนะ นี่อย่าเอาบารมีฉันไปเปรียบกับหลวงพ่อเนียมนะ ที่ว่าคล้ายนี่คล้ายตอนที่หมาวิ่งตามนี่แหละ ฉันก็เหมือนกัน เวลาฉันไปไหนหมามันชอบวิ่งตาม ฉันก็ชอบคุยกับหมา เดินไปเดินมาคุยกับหมา ๆ มันไม่ขัดคอฉัน เวลามันพูดว่าอย่างไรฉันไม่รู้เรื่อง ฉันพูดไปมันรู้หรือไม่รู้ก็ไม่รู้ แล้วก็เลยพูดสบาย
หลวงพ่อปานก็บอกว่า เมื่อท่านเห็นน่ะ ก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเนียม เห็นพระแก่ ๆ ผอม ๆ นุ่งผ้าลอยชายผืนหนึ่ง เอาผ้ามาคล้องคออีกผืนหนึ่ง เดินมีหมาฝูงหนึ่งวิ่งตามไป ท่านก็คุยกับหมาตัวโน้นบ้าง ตัวนี้บ้าง เดี๋ยวก็ยิ้มกับหมาตัวโน้น ลูบหัวหมาตัวนี้... -
"หลวงปู่ชอบ กับพระธาตุพนม"
"หลวงปู่ชอบฯ กับพระธาตุพนม"
คำถาม : หลวงปู่เจ้าค่ะ พวกเราเคารพเลื่อมใส ศรัทธาหลวงปู่กันมาก อยากบำเพ็ญบุญ ทำกุศลถวายหลวงปู่เท่าใดก็ไม่อิ่ม หลวงปู่บำเพ็ญบารมีทำบุญอะไรในชาติก่อนเจ้าคะ จึงได้บวชเป็นหลวงปู่ให้พวกเราได้กราบไหว้บูชาอย่างนี้
หลวงปู่ฯ : ไปธาตุพนม สร้างธาตุพนม ไปกับพ่อเชียงหมุน(ชาติก่อนซึ่งเป็นสหายกัน) ช่วยกันสร้างธาตุพนม "เอาเงิน ๕๐ สตางค์ กับผ้าขาววาหนึ่ง" เอาไปทานกับเพิ่น
คำถาม : หลวงปู่ทำบุญแล้วอธิษฐานหรือเปล่าเจ้าคะ อธิษฐานว่าอย่างไร ตอนให้ทานเงิน ๕๐ สตางค์
หลวงปู่ฯ : อธิษฐานว่า "ให้ได้บวช ให้พ้นทุกข์" ว่าอย่างนี้แหละ
คำถาม : เงิน ๕๐ สตางค์ สมัยโน้นคงจะมากนะหลวงปู่
หลวงปู่ฯ : มากอยู่
คำถาม : สร้างตั้งแต่แรกเลยหรือคะหลวงปู่
หลวงปู่ฯ : อือ
คำถาม : แต่ก่อนพระธาตุพนมสูงอย่างนี้หรือเปล่าเจ้าคะ หลวงปู่ไปสร้างอายุเท่าไรแล้ว
หลวงปู่ฯ : สูง ตอนไปเฒ่าแล้ว อายุ ๗๐ ปี เป็นคนลาว ข้ามมาจากฝั่งโน้น
ฐานสโมบูชา (หน้า ๒๖๕)
ชมรมพุทธศาสน์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย -
หลวงพ่อฤๅษีฯสอนเรื่อง "ไม่ผูกจิตในขันธ์ ๕"
ไม่ผูกจิตติดใจในขันธ์ ๕
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ให้พิจารณาว่า ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา โดยให้พิจารณาเป็นปกติ เมื่อเห็นว่าขันธ์ ๕ ป่วยก็รักษา เพื่อให้ทรงอยู่ แต่เมื่อมันจะพังก็ไม่ตกใจ หรือมันเริ่มป่วยไข้ ก็คิดว่า ธรรมดามันต้องเป็นอย่างนี้ เราจะรักษาเพื่อให้ทรงอยู่ ถ้าทรงอยู่ได้ ก็จะอาศัยเพื่องานกุศลต่อไป ถ้าเอาไว้ไม่ได้มันจะผุพัง ก็ไม่มีอะไรหนักใจ ความทุกข์จะเกิดแก่ตัวเองหรือใคร อะไรก็ตาม ไม่ผูกจิตติดใจอย่างนี้ จนกระทั่งบรรลุอรหัตผล -
พระอาจารย์เล็กสอนเรื่อง "องค์ประกอบของความชั่ว"
พระอาจารย์กล่าวว่า "กายกรรม..การกระทำทางร่างกาย วจีกรรม..การกระทำทางวาจา สามารถที่จะระงับได้ง่ายกว่า ส่วนมโนกรรมเป็นของละเอียด จึงระงับได้ยาก แต่เราต้องระงับในลักษณะที่ว่า อยากจะคิดก็คิดไป แต่เราจะไม่พูดและไม่ทำ
ถ้าอย่างนั้นความชั่วก็ไม่ครบองค์ประกอบ จะชั่วได้แค่ใจอย่างเดียว กายกับวาจาไม่ทำ โทษหนักก็ไม่มี มีแค่โทษเบาคือกำลังใจที่เศร้าหมองเอง"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี
เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
พระอาจารย์เล็กสอนเรื่อง "คนนินทาเรา"
ถาม : คนให้ร้ายเรา ทำให้เราเสียหาย นินทาเรา พูดให้เราเสียชื่อเสียง เราควรจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามความเป็นจริงหรือไม่ ❓ หรือว่าวางเฉยในเรื่องดังกล่าว ❓
ตอบ : เสียเวลาไปอธิบาย ใครอยากว่าอะไรก็ช่าง การนินทากาเลเหมือนเทแกลบ ไม่เจ็บแสบเหมือนเอาตูดไปครูดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา ปล่อยเขาไปเถอะ เดี๋ยวเหนื่อยก็เลิกไปเอง
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี
เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๖
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
พระอาจารย์เล็กสอนเรื่อง "ให้ดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา"
..เรื่องของทิฐินี่พูดยาก ✨ ให้ดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา ✨ ดูกันแค่นั้น ดูผิดที่เมื่อไรก็ลำบาก จำไว้ว่าเรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของโลกทั้งหมด เราแก้ไขโลกไม่ได้ เราต้องดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา แก้ไขโลก มักจะเกินกำลังไป ดีชั่ว ใครทำ คนนั้นก็รับ ถ้าหากว่าเขาไม่ละอายชั่วกลัวบาป เขาสามารถทำของเขาได้ เราเองก็ถอยห่างออกมา
แต่ขณะเดียว ให้ดูว่าตัวของเราเองเป็นอย่างไร มีความดีส่วนไหนที่ควรจะเร่งทำ มีความชั่วส่วนใหญ่ที่เราควรจะละให้หมดไป ให้ตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขตรงจุดนั้น ดูที่ตัวเอง แก้ที่ตัวเอง อัตตนา โจทะยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตัวเองอยู่เสมอ ๆ อย่าเข้าข้างตัวเอง ให้เห็นอยู่เสมอว่า จริงแล้ว ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เราเป็นคนผิด ถ้าหาจุดผิดไม่ได้ เราก็ผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว อยากเกิดมาเอง ถ้าไม่เกิดมาไม่เจอหรอก ไม่รู้ว่าจะโทษใคร โทษตัวเองสบายใจที่สุด ❤️
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
ธรรมราชา...เมื่อพุทธกษัตริย์เสด็จเยือน ดินแดนพุทธภูมิ ด้วยพระราชศรัทธาแห่ง"กษัตริย์จิกมี่" เข้านมัสการ ภิกษุไทย "พระอาจารย์อารยะวังโส"
ธรรมราชา...เมื่อพุทธกษัตริย์เสด็จเยือน ดินแดนพุทธภูมิ ด้วยพระราชศรัทธาแห่ง"กษัตริย์จิกมี่" เข้านมัสการ ภิกษุไทย "พระอาจารย์อารยะวังโส"
พระอาจารย์อารยะวังโสนั้น นอกจากจะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จ.ลำพูน ยังเป็น “บุคคลที่ชาวพุทธในอินเดียเคารพนับถือ” เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูพุทธศาสนาในประเทศอินเดียอย่างแข็งขัน ถึงขนาดได้รับการยกย่องว่าเป็น “Guruji” (กูรูยี) หรือ “ผู้ที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธศาสนาลงบนแผ่นดินอินเดีย” เลยทีเดียว
โดยวัดเวฬุวรรณมหาวิหาร เป็นอารามแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขาเวภารบรรพต ริมฝั่งแม่น้ำสรัสวดี มีบ่อน้ำร้อนโบราณคั่นอยู่ระหว่างกลาง นอกกำแพงเมืองเก่าราชคฤห์ อดีตเมืองหลวงของแคว้นมคธ รัฐพิหาร ประเทศอินเดียในปัจจุบัน หรือแคว้นมคธชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล ซึ่งเป็นวัดที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูปด้วย
ขอบคุณภาพจาก : คุณหญิง สุพัตรา มาศดิตถ์
เรียบเรียงโดย
จินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์
--------------
http://www.tnews.co.th/contents/310120 -
ไม่ละพยายาม แม้ยาวนานชั่วกัปกัลป์!! ย้อนเล่า "สุเมธ ดาบส"บุรุษผู้ได้รับคำนายว่า อีก ๔ อสงไขแสนกัป ดาบสผู้นี้จะได้เป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า !
ไม่ละพยายาม แม้ยาวนานชั่วกัปกัลป์!! ย้อนเล่า "สุเมธ ดาบส"บุรุษผู้ได้รับคำนายว่า อีก ๔ อสงไขแสนกัป ดาบสผู้นี้จะได้เป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า !
ในสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ของเราทรงถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ มีชื่อว่า สุเมธ เป็นผู้คงแก่เรียนเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งหลายที่มีอยู่ในศาสนาพราหมณ์ เมื่อบิดามารดาละโลกไปแล้ว เบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด จึงสละทรัพย์ถวายพระราชาใช้บำรุงบ้านเมือง แล้วออกบวชเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมพานต์ ทำความเพียรอยู่ ๗ วัน บรรลุฌาน อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มีความสุขในการเข้าฌาน
วันหนึ่งท่านสุเมธดาบสออกจากฌานสมาบัติ เหาะไปในอากาศ เห็นชาวเมืองช่วยกันแผ้วถางหนทาง และปรับพื้นที่ให้เป็นทางเดินกันอยู่มากมาย จึงลงจากอากาศไปสอบถาม ได้รับคำตอบว่าเตรียมหนทางให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์อรหันตสาวก ๔ แสนรูป เสด็จบิณฑบาตตามที่ชาวเมืองทูลอาราธนาไว้
เมื่อสุเมธดาบสได้ยินคำว่า พุทธะ ก็มีความปีติตื่นเต้นยินดีเป็นที่ยิ่ง จึงขอมีส่วนร่วมในการทำทางบ้าง ชาวเมืองแบ่งส่วนที่เป็นโคลนตมให้ เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีฤทธิ์เหาะได้... -
พญานาคมีจริง!!!ปางก่อนเป็นคน หมั่นทำบุญ ถืออุโบสถศีล ส่งผลให้เกิดในภพภูมิเทวะพญานาค ตามที่ได้คุยกับ"หลวงปู่ชอบ" เพื่อปกป้องพระศาสนา.
พญานาคมีจริง!!!ปางก่อนเป็นคน หมั่นทำบุญ ถืออุโบสถศีล ส่งผลให้เกิดในภพภูมิเทวะพญานาค ตามที่ได้คุยกับ"หลวงปู่ชอบ" เพื่อปกป้องพระศาสนา.
บุพกรรมพญานาคสองผัวเมีย
องค์ท่านหลวงปู่ชอบถามถึงบุพกรรมของเจ้าจอมผาห่มพร้าวกับคู่บารมี กรรมอะไรที่ทำให้ท่านทั้งสองได้มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา กรรมอะไรที่ทำให้ท่านทั้งสองได้มาปกปักรักษาสมบัติของพระศาสนาอยู่ที่นี่?
กากะละนาคราชบอกองค์ท่านว่า ชาติที่ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าเป็นคนนักเลงใจร้อนมุทะลุ เมียข้าพเจ้าจึงชวนเข้าวัดปฏิบัติธรรมถือศีลอุโบสถในวันพระ บุญที่ข้าพเจ้ารักษาศีลห้าและศีลอุโบสถ ประกอบกับบุญที่ข้าพเจ้าอุปัฏฐากพระสงฆ์องค์เณร บุญกุศลนี้จึงส่งผลให้ข้าพเจ้าได้เกิดเป็นเทวะภูมิพญานาคในชาติปัจจุบัน
ตอนเป็นมนุษย์ปฏิบัติอยู่ในวัดวาศาสนา ข้าพเจ้าเผลอพลาดกรรมเพียงครั้งเดียวในการปฏิบัติต่อสมบัติศาสนา ข้าพเจ้ากับเมียยืมจอบเสียมมีดพร้าของวัดเอาไปปลูกผักทำไร่ พอพืชผักออกผลข้าพเจ้ากับเมียก็นำมาทำอาหารถวายพระสงฆ์องค์เณรในวัด มีดพร้าจอบเสียมที่ยืมของสงฆ์ไปชำรุดแตกหักข้าพเจ้าก็ไม่ได้นำมาใช้คืนให้สงฆ์... -
"ฝึกสมาธิ ให้เหมือนชาวนาทำนา" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"ฝึกสมาธิ ให้เหมือนชาวนาทำนา"
" .. ฝึกหัดสมาธิ ให้เหมือนชาวนาทำนา "เขาไม่รีบร้อน เขาหว่านกล้า ไถ คราด ปักดำ โดยลำดับ ไม่ข้ามขั้นตอน แล้วรอให้ต้นข้าวแก่" ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เห็นเมล็ดไม่เห็นรวงเลย แต่เขาก็มีความเชื่อมั่นของเขาว่า "จะมีเมล็ดมีรวงวันหนึ่งข้างหน้าแน่ ๆ"
เมื่อต้นข้าวแก่แล้วออกรวงมาจึงเชื่อแน่ว่า "จะได้รับผลแน่นอน" เขาไม่ไปดึงต้นข้าวให้ออกรวงเอาตามใจชอบ ผู้ไปกระทำเช่นนั้นย่อมไร้ผลโดยแท้ "การฝึกสมาธิภาวนาก็เช่นเดียวกัน จะรีบร้อนข้ามขั้นตอนย่อมไม่ได้" ต้องตั้งจิตให้เลื่อมใสศรัทธาให้แน่วแน่ว่าอันนี้ล่ะ เป็นคำบริกรรมที่จะทำให้จิตของเราเป็นสมาธิได้แท้จริง
"แล้วอย่าไปลังเลสงสัยว่า คำบริกรรมนี้จะถูกกับจริตนิสสัยของเราหรือไม่หนอ" คำบริกรรมอันนั้น "คนนั้นทำมันเป็นไปอย่างนั้นอย่างนี้ เราทำแล้วจิตไม่ตั้งมั่น" อย่างนี้ใช้ไม่ได้ .. "
"ฝึกสมาธิ โดยบริกรรมพุทโธ"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
วีดีโอ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง บุพกรรมของพระมหาสาวก (๕ ช.ม.)
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง บุพกรรมของพระมหาสาวก
Buddhism Channel :-
Published on Apr 14, 2017
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง บุพกรรมของพระมหาสาวก -
พระอรหันต์ปราบมาร ที่ยังคงธาตุขันธ์
พระเถระท่านหนึ่งที่ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ ก็คือ "พระอุปคุต" ผู้ที่มีวิมานอยู่ที่สะดือทะเล ซึ่งครูบาอาจารย์บางท่านบอกว่าอยู่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย
ในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิต บ่อยครั้งที่ท่านจะฝึกนักปฏิบัติให้มีความว่องไวในเรื่องมโนมยิทธิ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ท่านก็จะให้ขอบารมีหลวงปู่ทวดนำจิต ไปกราบพระอุปคุตที่สะดือทะเล ซึ่งเด็ก ๆ ที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรกมักจะกลัว เพราะต้องผ่านน้ำวน ๆ ลงไป ก็จะพบวิมานอยู่ในถ้ำใต้น้ำ มีพญานาคเฝ้าดูแลอยู่
https://www.facebook.com/profile.php?id=100008385811533&hc_ref=NEWSFEED&fref=nf -
ภาวะสงครามโลก - หลวงตาพระมหาบัว
ภาวะสงครามโลก ก็คือ ความทุกข์ ความพินาศ ฉิบหายของสัตว์โลก นั้นมันเกิดเป็นครั้งเป็นคราว
....ธาตุ ขันธ์ ใจ กับกิเลสตัณหา เป็นสงครามที่เกิดแก่เราทุกคน มันเกิดอยู่ตลอดเวลา สงครามนี้ใครๆ ก็มี ใครๆ ก็เกิด ปกติมันอยู่กับธาตุกับขันธ์ อยู่กับจิตใจ......
อยู่กับธาตุกับขันธ์ ก็คือ การเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อน มีประการต่างๆ ที่เรียกว่า “สงครามจำเพาะตัวใครตัวเรา” ต้องใช้ยาเข้าไปปราบ ถ้ายาถูกมันก็หาย ถ้ายาไม่ถูกมันก็ตาย นี่ก็สงคราม คือสงครามธาตุขันธ์
สงครามโลก ก็มีเรื่องธาตุกับขันธ์ ทำลายสมบัติเงินทองต่างๆ ทำลายจิตใจของกันและกัน
สงครามภายในระหว่างกิเลสกับใจนั้น ก็เป็นทำนองเดียวกัน ถ้าอันนี้ระงับสงครามโลกก็ไม่เกิด เพราะสงครามภายในใจไม่เกิดชนวน ที่ทำให้เกิดสงครามเพราะกิเลสนี้มีมาก เมื่อลุกลามขึ้นมากน้อยเพียงไรก็แสดงออกมาให้โลกได้เห็นชัดเจน ถ้าสุมอยู่ภายในก็แสดงอยู่ภายในขันธ์ อยู่ภายในจิตใจของแต่ละคน ซึ่งล้วนแต่เรื่องของสงครามทั้งนั้น นี่ควรเรียกว่า “สงครามใต้ดิน” และเป็นสงครามยืดเยื้อเรื้อรังไม่รู้จักสงบและเลิกรากันได้ ถ้าไม่มีธรรมเป็นเครื่องปราบปราม ดังท่านผู้ได้ชัยชนะเคยปราบปรามมาแล้ว... -
เทวดา พญานาค มักเคารพผู้ทรงศีล!!! หลวงปู่กูดสนทนากับพญานาค!!! เหตุที่พญานาคอาราธนาศีลได้คล่องแคล่ว เพราะเคยพบหลวงปู่มั่นมาแล้ว!!!
เทวดา พญานาค มักเคารพผู้ทรงศีล!!! หลวงปู่กูดสนทนากับพญานาค!!! เหตุที่พญานาคอาราธนาศีลได้คล่องแคล่ว เพราะเคยพบหลวงปู่มั่นมาแล้ว!!!
เทวดา พญานาค มาขอฟังธรรม
หลวงปู่กูด รักขิตสีโล ท่านได้ขึ้นไปภาวนาอยู่ที่ถ้ำภูยางอู่ ในถ้ำนี้เองเวลากลางคืนได้มีเทพและนาคมากมายมาขอสมาทานศีล ๕ และขอฟังธรรมจากหลวงปู่กูดด้วย ลักษณะของเทพที่มา มีลักษณะกิริยามารยาทเรียบร้อย หน้าตางดงามมาก นุ่งขาวทั้งชายหญิง เทวดาทรงผมธรรมดา เทพธิดาปล่อยผมยาว เป็นเด็กก็มี ส่วนผู้เป็นหัวหน้านั้นเป็นเทพบุตร หลวงปู่กูดท่านนั่งสมาธิอยู่ลานหินกว้าง เหล่าเทพมาถึงแล้วก็นั่งรอเป็นทิวแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมาก ไม่มีเสียงดังให้ได้ยินเลย หลวงปู่กูด ท่านให้รับศีลและให้ตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์แล้ว ท่านไม่ได้เทศน์สั่งสอนอะไรเลย จึงนั่งสมาธิเงียบๆ อยู่ พวกเทพเห็นดังนั้น ก็นั่งสมาธิกับหลวงปู่กูดด้วยประมาณ ๑ ชั่วโมง จึงกราบลงแล้วลากลับไป
เมื่อเทพเหล่านั้นกลับไปแล้ว พวกนาคก็มาหาท่านอีก หัวหน้าก็เป็นชายอีกเช่นเดียวกัน เขาอาราธนาศีลเก่งเหมือนกันหมดทุกคน ไม่ว่าเทพหรือนาค หลวงปู่กูด ก็อัศจรรย์ใจยิ่งนักว่า ทำไมเขาถึงอาราธนาศีลเก่งนัก... -
พรวิเศษจากหลวงปู่ฝั้น เมื่อ "พระป่ากรรมฐาน" ปลอมตัวเป็น "ผีเจ้าที่"!!
สมัยที่ "หลวงปู่ฝั้น อาจาโร" ยังเป็นพระหนุ่มเที่ยวธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ นั้น หลวงปู่มั่นจะแบ่งพระเณรที่ออกธุดงค์เป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มของหลวงปู่ฝั้นประกอบด้วยหลวงปู่กู่ ธัมมทินโน และหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ซึ่งเมื่อถึงเวลาออกธุดงค์ก็จะแยกกันไปหาความสงบวิเวกตามป่าเขา และเมื่อครบตามเวลาที่นัดหมายจึงค่อยกลับมารวมตัวกัน
คราวนั้นหลวงปู่ฝั้นได้แยกธุดงค์ไปปักกลดอยู่แถว ๆ เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตอำเภอศรีเชียงใหม่ ท่านได้มาพักค้างแรมอยู่ที่ศาลภูตา (ศาลบูชาผีเจ้าที่) แห่งหนึ่ง ริมฝั่งแม่น้ำ ศาลแห่งนี้กว้างยาวประมาณวากว่า ๆ และสูงเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น
หลวงปู่ฝั้นพักและนั่งภาวนาอยู่ที่ศาลภูตาแห่งนี้ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งในเวลาเช้ามืด พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น มีชายคนหนึ่งพายเรือมาใกล้ๆ กับศาลภูตา พอถึงศาลก็หยุดเรือแล้วยกมือพนมขึ้นพร้อมทั้งกล่าวอธิษฐานเสียงดังว่า
"ขอให้เจ้าแม่นางอั้วดลบันดาลให้ค้าขายดี ๆ ร่ำรวย ๆ อยู่เย็นเป็นสุขด้วยเถิด"
หลวงปู่ฝั้นเห็นชายคนนั้น แถมยังได้ยินคำอธิษฐานอย่างนั้น ท่านก็อดขำไม่ได้ ก็เลยพูดแทนเจ้าแม่นางอั้วออกไปว่า
"เออ...เอาซี!!"
ชายคนนั้นได้ยินเสียงตอบกลับมาก็สะดุ้งโหยง... -
ไขปริศนานิมิตหลวงปู่ดู่ ฉันดวงดาว๓ดวง ที่มาของการใช้ไตรสรณคมน์เป็นคาถาสำคัญ
ไขปริศนานิมิตหลวงปู่ดู่ ฉันดวงดาว๓ดวง ที่มาของการใช้ไตรสรณคมน์เป็นคาถาสำคัญ
ในคืนหนึ่ง ในช่วงก่อน ปี พ.ศ. ๒๕๐๐เล็กน้อยหลังจากที่ท่านสวดมนต์ทำวัตรเย็น และเข้าจำวัดแล้วนั้นเกิดนิมิตไปว่าได้ฉันดาว ที่มีแสงสว่างมากเข้าไป ๓ ดวง ขณะที่ฉันนั้นรู้สึกว่า กรอบๆ ดี เมื่อฉันหมดก็ตกใจตื่นท่านจึงได้พิจารณานิมิตที่เกิดขึ้น ก็เกิดความเข้าใจในนิมิตนั้นว่า ดาวสามดวง ก็คือ “ดวงแก้วไตรสรณาคมน์” นั้นเอง
(หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด)
านจึงท่อง “ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ” ก็เกิดปิติขึ้นในจิตท่านอย่างท่วมท้น เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและมั่นใจว่า การยึดมั่นพระไตรสรณาคมน์ เป็นวิธีที่เข้าสู่แก่นแท้เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา ท่านจึงกำหนดเอา พระไตรสรณาคมน์เป็นองค์บริกรรมภาวนา
แต่นั้นมาท่านก็เจริญในสมณธรรมยิ่งขึ้นๆ จนได้เห็นธรรมอันอัศจรรย์ ตลอดจนถึงภูมิธรรมเดิมของตนเองอย่างสิ้นสงสัย ความเจริญในหลักภาวนาของหลวงปู่ดู่ท่านนั้น เป็นสิ่งที่ปุถุชนมิอาจหยั่งได้เลย แต่เป็นที่ปรากฏว่าท่านสามารถล่วงรู้และรับรู้ได้ว่า บุคคลผู้ใดพึงจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ประการหนึ่ง... -
เส้นทางสร้างพระโพธิสัตว์ ยากง่ายแค่ไหน!!!... หลวงพ่อเล็กเฉลย
เส้นทางสร้างพระโพธิสัตว์ ยากง่ายแค่ไหน!!!... หลวงพ่อเล็กเฉลย
เมื่อลูกศิษย์ ได้ถามหลวงพ่อเล็ก(พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)ใน หนังสือ “เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี “ดังนี้
ถาม : สำหรับพระโพธิสัตว์ บารมี ๓๐ ทัศ อย่างเดียวไปไม่รอดใช่ไหมครับ จะต้องรู้ธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านเคยทรงปฏิบัติมาก่อนใช่ไหมครับ ?
ตอบ : บารมี ๓๐ ทัศ ก็เกินพอแล้ว
ถาม : ไม่ต้องไปค้นหาธรรมะที่แท้จริงหรือครับ ?
ตอบ : ปัญญาบารมีเอ็งเอาไว้ทำอะไรวะ..?! ไม่มีใครตะกายไปทำทั้ง ๓๐ ทัศ หรอก ทำอย่างเดียวก็พอแล้ว
คนที่จะให้ทานได้ก็ต้องมีปัญญา เห็นว่าการให้ทานนั้นดีถึงจะให้ คนที่จะให้ของคนอื่นได้จิตก็ต้องประกอบไปด้วยเมตตา บุคคลที่จิตประกอบด้วยเมตตาศีลก็ต้องมี ลองไล่ไปดูสิเดี๋ยวก็ครบ ๑๐ ข้อ เพียงแต่ว่าทำจริงให้ได้สักข้อ เดี๋ยวข้ออื่นก็มาเอง
ถาม : ที่ผ่านๆ มา ความโกรธดับไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ
ตอบ : ชาติหน้าบ่ายๆ โน่น..! พระโพธิสัตว์ที่ไหนดับโกรธได้ คนที่จะดับโกรธได้ต้องเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไป พระโพธิสัตว์ท่านจะไปตรัสรู้ดับกิเลสเอาชาติสุดท้าย
ตอนเป็นพระโพธิสัตว์ความโกรธของท่านยังมีอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์... -
"จิตของบัณฑิต เหมือนภูเขา" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"จิตของบัณฑิต เหมือนภูเขา"
" .. พุทธภาษิตหนึ่งกล่าวไว้แปลความว่า "ภูเขาแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญ ฉันนั้น"
พระพุทธองค์ทรงเปรียบบัณฑิต ดังภูเขาหินแท่งทึบ "เหตุด้วยบัณฑิตไม่หวั่นไหวเพราะนินทาและสรรเสริญ" นั่นคือทรงแสดงว่า "บัณฑิตมีคุณลักษณะของภูเขา คือมีความหนักแน่น ความแข็งแกร่ง ความผนึกติดกับพื้นฐานใหญ่มั่นคง คือความดี ความมีสติปัญญา"
"บัณฑิต"ในพระพุทธศาสนาหมายถึง "คนดีมีปัญญา ผู้เป็นคนดี มีปัญญาเพียงพอ ย่อมรู้ธรรม ย่อมเชื่อมั่นในกรรม" ย่อมไม่หวั่นไหว เมื่อมีผู้เจรจาส่งเสริมเพื่อให้สูงขึ้น "ย่อมรู้ว่า กรรม คือการ[กระทำ ความประพฤติปฎิบัติของตนเองเท่านั้น ที่จะเหยียบย่ำตนให้ต่ำลงได้ หรือส่งเสริมตนให้สูงขึ้นได้" ผู้ใดอื่นหาทำได้ไม่ "นินทาก็ตาม สรรเสริญก็ตาม ไม่อาจทำได้ ทั้งเพื่อให้ตนต่ำลง หรือสูงขึ้น"
สำหรับบัณฑิต "นินทาและสรรเสริญ จึงย่อมทำให้เกิดเมตตาในผู้นินทาและกตัญญู รู้น้ำใจผู้สรรเสริญเพียงเท่านั้น" มิได้ทำให้หวั่นไหวแต่อย่างใด .. "
"ตนอันเป็นที่รักยิ่งของตน"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ -
วีดีโอ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง เมื่อข้าพเจ้าตาย (๖ช.ม.)
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง เมื่อข้าพเจ้าตาย
Buddhism Channel :-
Published on Apr 4, 2017
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง เมื่อข้าพเจ้าตาย
หน้า 381 ของ 412