คลังเรื่องเด่น
-
"พึงปฏิบัติธรรมให้เกิดขึ้นในตน" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"พึงปฏิบัติธรรมให้เกิดขึ้นในตน"
" .. บัณฑิตในทางธรรม หมายถึง "ผู้ความรู้ในทางธรรมและปฏิบัติธรรม มีธรรมเป็นสมบัติของตน" มิใช่สักแต่เพียงรู้ธรรมด้วยการศึกษาจดจำข้อธรรมทั้งหลายไว้ขึ้นใจได้เท่านั้น พูดได้สอนได้เท่านั้น "แต่ต้องปฏิบัติธรรมด้วยให้มีธรรมเป็นสมบัติของตน"
การรักษาธรรม แม้จะรอบรู้กว้างขวางเพียงไรท่องจำขึ้นใจได้มากน้อยเพียงไหน "ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมให้เกิดขึ้นในตน ธรรมนั้นก็ยังหาใช่สมบัติของตนไม่" เช่นเดียวกับความรู้วิชาการทางโลก ผู้ที่อ่านหนังสือมากมายโดยไม่เข้าใจเรื่องราว ที่เปรียบว่าอ่านเหมือนนกแก้วนกขุนทองหัดพูด "ความรู้หรือวิชาการในหนังสือที่อ่านนั้นก็หาใช่สมบัติของผู้อ่านนั้นไม่"
"อันสมบัติของบัณฑิต ทั้งทางโลกและทางธรรมเป็นสมบัติของผู้ใดแล้ว ก็จะเป็นของผู้นั้นตลอดไป" ไม่อาจมีผู้ช่วงชิงไปได้ "ผู้ใดมีความรู้ความเข้าใจใช้ประโยชน์ได้จริงในวิชาการทางโลกแล้ว วิชาการนั้นก็จะเป็นสมบัติของผู้นั้นตลอด" .. "
"แสงส่องใจ ตุลาคม ๒๕๓๖"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ -
ฝึกกรรมฐานจากศพวัดสระเกศ!!
ฝึกกรรมฐานจากศพวัดสระเกศ!!
ตำนานป่าช้ากับอสุภกรรมฐานวัดสระเกศ
เทศนาโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)
“วัดสระเกศเป็นแดนอสุภกรรมฐาน ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) และพระสำคัญๆ ต้องมานั่งเจริญอสุภกรรมฐานที่วัดสระเกศกันทั้งนั้น เพราะมีป่าช้าใหญ่อยู่ที่นี่ อยู่ตรงประปา เรียกว่า “ศาลากรรมฐาน” เมื่อก่อนไม่เจริญอย่างเดี่ยวนี้ คนตายต้องเอามาตั้งเป็นแถว ถ้ายังไม่เผาก็ตั้งรออยู่อย่างนั้น พระสวดบางทีก็ไม่มีหีบศพ พระที่มาสวดก็ไปนั่งใกล้ๆ ศพ พอเย็นๆ สัก ๔-๕ โมง พระที่ท่านต้องการพิจารณาอสุภกรรมฐานก็จะออกมา มาแล้วก็พิจารณาซากศพ ดูซากศพแล้วก็ไปพิจารณา เขามีศาลาอยู่เรียกว่า “ศาลากรรมฐาน” สำหรับพระมาเจริญอสุภกรรมฐาน พอมาถึงก็ฉันน้ำร้อนน้ำชา มีคนจัดน้ำร้อนน้ำชาถวาย ฉันน้ำร้อนน้ำชาเสร็จแล้วก็ออกไปยืนเพ่งดูซากศพ ว่าเป็นลักษณะอย่างนี้ ๆ เพ่งจนเกิดความรู้สึกประทับอยู่ในใจได้แล้ว ไม่ใช่ประทับใจแบบชอบใจไม่ชอบใจ แต่ประทับใจแบบจดจำจนติดตาได้แม่นแล้วก็กลับไป พอกลับไปแล้วก็เอาภาพนั้นไปพิจารณาที่วัด อย่างพระที่สำคัญในยุคนั้น เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ก็มาพิจารณาอสุภกรรมฐานที่วัดสระเกศ... -
คุณเป็น “มนุษย์” แบบไหน? คุณมีภพภูมิใดสถิตย์ในตัว
คุณเป็น “มนุษย์” แบบไหน? คุณมีภพภูมิใดสถิตย์ในตัว พระอาจารย์ฝั้น
เปรตหรือความเป็นเปรตนั้นอยู่ใกล้ตัวเรามาก และง่ายมากที่คนจะกลายเป็นเปรต ความเป็นเปรตนั้นไม่ต้องรอให้ตายก่อนค่อยเป็นเปรต คนที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ ก็กลายเป็นเปรตได้ พระพุทธเจ้าเรียกว่า “มนุสสเปโต” แปลว่า มนุษย์เปรต หรือ เปรตในคราบของมนุษย์ ซึ่งถ้าว่ากันโดยแก่นแท้แล้ว ความที่คนจะเป็นคนหรือเป็นอะไรนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายที่เป็นมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับสภาพของจิตว่ามีคุณธรรมความดีมากน้อยแค่ไหน ดังที่ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านได้จำแนกมนุษย์ออกเป็น ๗ จำพวก คือ
๑. มนุสสนิรโย มนุษย์สัตว์นรก หรือสัตว์นรกในคราบมนุษย์ คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจและพฤติกรรมกลับชั่วช้าเลวทราม ก่อกรรมทำบาปได้เยี่ยงสัตว์นรก เช่น ลูกที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ ลูกที่เสพยาบ้าแล้วข่มขืนแม่บังเกิดเกล้าของตน คนเช่นนี้แม้ว่าร่างกายจะเป็นมนุษย์แต่พฤติกรรมของเขาช่างเหี้ยมโหด ชั่วช้าไม่ต่างอะไรกับสัตว์นรก
๒. มนุสสเปโต มนุษย์เปรต หรือเปรตในคราบมนุษย์ คือร่างเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นเปรต เปรตแปลว่า ผู้ละไปแล้ว หมายถึง ผู้ยอมละทิ้งความดี... -
หลวงปู่สิมเห็นนิมิต!! ...หรือว่าท่านพ่อลีจะเป็นพระเจ้าอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิด?!!
หลวงปู่สิมเห็นนิมิต!! ...หรือว่าท่านพ่อลีจะเป็นพระเจ้าอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิด?!!
"ท่านพ่อลี ธัมมธโร" เป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของหลวงปู่มั่น ท่านเป็นผู้ก่อตั้งวัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นวัดสำคัญที่มีบทบาทด้านการอบรมกรรมฐานแก่พระเณรและประชาชนทั่วไปในเขตปริมณฑล
สาเหตุที่ท่านพ่อลีตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า "อโศการาม" ก็เพราะเมื่อตอนที่ท่านได้จาริกแสวงบุญไปยังสังเวชนียสถาน (สถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน) ในประเทศอินเดีย ท่านได้เกิดความรู้สึกชื่นชมพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นอย่างมากที่ทรงศรัทธาพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าและเสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งชีวิตเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ยิ่งเมื่อได้เห็นพระเจดีย์และสถูปที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้อยู่ในสภาพทรุดโทรมและหักพังจึงทำให้ท่านพ่อลีคิดจะสร้างทดแทนเอาไว้ที่ประเทศไทย และเนื่องจากท่านต้องการที่จะเทิดพระเกียรติพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อมีโอกาสสร้างวัด ท่านจึงตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า "อโศการาม"
ท่านพ่อลี ธัมมธโร
ส่วนคำร่ำลือที่ว่า "ท่านพ่อลีก็คือพระเจ้าอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิด" นั้น ท่านเองก็ไม่เคยพูด... -
"หลวงปู่จันทร์ศรีฯ ไปวัดบวรฯ" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
"หลวงปู่จันทร์ศรีฯ ไปวัดบวรฯ"
" .. ท่านเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังให้ฟังว่า "หลวงปู่บอกหลวงปู่ดีเนาะว่า อยากเข้าวัดบวรฯ" ท่านก็ถามวันเดือนปีเกิด แล้วก็คำนวณเลข ๗ ตัว ตามหลักโหราศาสตร์ เสร็จแล้วก็บอกว่า เออได้ นัดพบกันวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ เวลา ๑ ทุ่ม ที่หน้าบันไดกุฏิสมเด็จฯ เพื่อนำเข้าฝากสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร หลวงปู่ดีเนาะ ท่านมาตรงเวลา เบื้องแรกพบกันที่บันได ..
- สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ทรงทักทายว่า "มาอิหยัง"
- หลวงปู่ดีเนาะ ตอบว่า "ดีเนาะหลวง สำคัญเนาะหลวง" แล้วขึ้นกุฏินั่งเรียบร้อย
- สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ถามหลวงปู่ดีเนาะว่า "บวชเดือนไหน"
- หลวงปู่ดีเนาะ ตอบว่า "บวชขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖"
- สมเด็จฯ ทรงตรัสว่า "บวชก่อนเรา" ท่านบอกให้หลวงปู่ดีเนาะกราบพระ แล้วสมเด็จฯ ก็กราบหลวงปู่ดีเนาะ
- แล้วจึงถามหลวงปู่ดีเนาะว่า "มาธุระอะไร"
- หลวงปู่ดีเนาะ ตอบว่า "ดีเนาะหลวง สำคัญเนาะหลวง นำพระจันทร์ศรี จนฺททีโป มาฝาก ให้ศึกษาเล่าเรียนภาษาบาลี"
- สมเด็จฯ ถามว่า "พระอยู่ไหน"
- หลวงปู่ดีเนาะบอกว่า "ที่นั่งอยู่นี่"
- สมเด็จฯ ถามว่า "พระองค์เล็ก ๆ นี่หรือ"
-... -
อัศจรรย์ยิ่ง!! เมื่อ"หลวงพ่อปาน" แสดงอิทธิฤทธิแก่ "หลวงปู่คำคะนิง"
อัศจรรย์ยิ่ง!! เมื่อ"หลวงพ่อปาน" แสดงอิทธิฤทธิแก่ "หลวงปู่คำคะนิง"
หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค แสดงอิทธิฤทธิ์กับ หลวงปู่คำคะนิง วัดถ้ำคูหาสวรรค์
...เมื่อหลวงปู่คำคะนิงเดินธุดงค์ผ่านเข้าเขตเชียงตุง(ประเทศพม่าในปัจจุบัน ห่างจากด่านอ.แม่สายของไทยประมาณร้อยกว่ากม.) ในเขตป่าใหญ่เทือกเขาแห่งหนึ่งเป็นภูเขาดิน มีอุโมงค์พอที่จะเป็นที่พักพิง หลวงปู่ท่านจึงคิดในใจว่าจะเอาที่ตรงนี้เป็นที่ตายโดยจะไม่ให้ใครเห็นแม้แต่ซากศพของท่านเอง หลวงปู่ท่านได้อยู่มาถึงหนึ่งพรรษา หลังจากผ่านไปประมาณเดือนห้าหรือเดือนหก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้พาคณะธุดงค์ผ่านมาในเขตเชียงตุง มาพบหลวงปู่คำคะนิงในป่าลึก
...ครั้นเมื่อพบกัน หลวงพ่อปานก็พูดขึ้นว่า
“ เออ...นี้พระหรือคน ”
หลวงปู่คำคะนิงได้ยิน ก็เกิดโมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที แล้วพูดขึ้นว่า
“ พระนะมันอยู่ที่ไหน เฮ้ย...พระมันอยู่ที่ไหนวะ ”
หลวงพ่อปานท่านก็ย้อนตอบว่า
“ อ้าว...ก็เห็นผมยาว ผ้าก็อีหรุปุปะสีเหลืองก็ไม่มี แล้วใครเขาจะรู้ว่าพระหรือคน ”
หลวงปู่คำคะนิงท่านก็ถามหลวงพ่อปานว่า
“ พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ ” หลวงพ่อปานตอบว่า ไม่ใช่... -
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร แนะนำหลักในการนั่งสมาธิ
.....จะแนะนำหลักในการนั่งสมาธิ ของท่านผู้ที่มาใหม่ยังไม่เคยทำ พอให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้
๑. ให้ตั้งใจว่าเรื่องราวอะไรทั้งหมด เราจะไม่เก็บมาคิดนึก จะนึกถึงแต่พุทธคุณอย่างเดียว คือ "พุทโธ"
๒. ตั้งสติกำหนดนึถึงลมหายใจเข้าว่า พุท ออกว่า โธ หรือจะนึก พุทโธๆ อยู่ที่ใจอย่างเดียวก็ได้
๓. ทำจิตให้นิ่ง แล้วทิ้งคำภาวนา "พุทโธ" เสีย ให้สังเกตแต่ลมที่หายใจเข้าออกอย่างเดียว เหมือนกับเรายืนเฝ้าดูวัวของเราอยู่ที่หน้าประตูคอก ว่าวัวที่เดินเข้าไปและออกมานั้น มันเป็นวัวสีอะไร สีดำ แดง ขาว ด่าง วัวแก่หรือวัวหนุ่ม เป็นลูกวัวหรือวัวกลางๆ แต่อย่าไปเดินตามวัวเข้าไปด้วย เพราะมันจะเตะขาแข้งหักหรือขวิดตาย ให้ยืนดูอยู่ตรงหน้าประตูแห่งเดียว หมายความว่า ให้จิตตั้งนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องเคลื่อนไหวไปกับลม
ที่ว่าให้สังเกตลักษณะของวัวก็คือให้รู้จักสังเกตว่า ลมเข้าสั้นออกสั้นดี หรือลมเข้ายาวออกยาวดี ลมเข้ายาวออกสั้นดี หรือลมเข้าสั้นออกยาวดี ให้รู้ลักษณะของลมว่าอย่างไหนเป็นที่สบาย ก็ทำไปอย่างนั้นเรื่อยไป
ต้องทำให้ได้อย่างนี้ทั้ง ๓ เปราะ คือ เปราะแรกภาวนา พุทโธๆ ตั้งใจนึกด้วยสติหรือด้วยใจ เปราะที่สอง... -
"รู้แจ้งในรัก โลภ โกรธหลง" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
"รู้แจ้งในรัก โลภ โกรธหลง"
" .. ถ้าผู้ใดมารู้แจ้งในนามในรูปนี้แล้ว ปล่อยวางไว้ตามสภาพอย่างนี้แล้ว กิเลสเหล่านั้นมันจะไม่งอกงามเจริญขึ้นในจิตใจได้เลย
อย่างเช่น "ความรักอย่างนี้ ไม่ทราบว่าจะรักไปทำไม รูปนี้มันก็ไม่เที่ยง ทั้งไม่สะอาดด้วยอย่างนี้" ทั้งเป็นทุกข์ แปรปรวนไปอยู่อย่างนั้น "ทั้งรูปนี้และรูปอื่น ไม่ทราบว่าจะรักมันไปทำไม" เมื่อมันเห็นชัดลงไปอย่างนี้แล้ว มันก็บรรเทาความรักลงได้
"แม้ความโลภก็เหมือนกันแหละ" ไม่ทราบว่าจะไปแย่งชิงเอาสมบัติผู้อื่น มาเป็นของตนทำไม่ล่ะ ในเมื่อร่างกายอันนี้ นามรูปนี้มันไม่ใช่ตัวตน แล้วมันไม่ยั่งยืนอะไรแล้ว "จะไปแย่งชิงเอามาทำไม ให้เป็นกรรม เป็นเวรเป็นบาปเปล่า ๆ" มันรู้มันเห็นขึ้นมาอย่างนี้แล้ว ความโลภมันก็ เบาบางลงไป
"ความโกรธก็เหมือนกัน" ขอให้พากันพิจารณาดูให้ดี ความหลงก็เหมือนกัน "ความหลงก็หมายถึง ความไม่รู้แจ้งในความดี ความชั่วนั้นเองแหละ" เห็นดีเป็นชั่วไป เห็นชั่วเป็นดีไป เห็นสุข กลายเป็นทุกข์ไป "เห็นทุกข์กลายเป็นสุขไปอย่างนี้นะ นี่แหละเรียกว่า หลง ไม่รู้จริงตามเป็นจริง" เห็นของไม่เที่ยงว่าเป็นของเที่ยงไป .. "
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ -
มาเถิดมา ลูกเอ๋ย หลานเอ๋ย...ที่นี่ไม่มีวุ่นวาย
มาเถิดมา ลูกเอ๋ย หลานเอ๋ย ที่นี่ไม่มีวุ่นวาย
ที่นี่ไม่ขัดข้อง รีบมาเถิด
คำสอนแต่ละบท แต่ละบาท
คล้าย ๆ กับว่า พระบรมศาสดาเรียกอยู่ทุกวัน
เรียกลูก ๆ หลาน ๆ ให้เข้าสู่พระนิพพาน
ที่นั้นเป็นที่วุ่นวาย ที่นั้นเป็นที่ขัดข้อง
ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง
คือ ที่จิตที่ใจขององค์ท่านไม่มีหลง
เรียกว่าไม่วุ่นวาย เรียกว่าไม่ขัดข้อง
เป็นธรรมะอันไม่ตาย
คำสอนแต่ละบท แต่ละบาท เรียกเข้าสู่พระนิพพานทั้งนั้น
ไม่ได้เรียกให้คิด ไม่ได้เรียกร้องให้คิดอยู่ในมนุษย์สมบัติ
สวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ
ให้เห็นโทษในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ
เพราะอยู่ใต้อำนาจอนิจจัง
เกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนและแตกสลาย
ไม่มีใครเป็นเจ้าเป็นจอมเป็นจริงอยู่
ไม่มีกลางวัน กลางคืน อีกด้วย
ไม่ลงธรรมาสน์อีกด้วย ไม่จบเกษียณอีกด้วย
ในไตรโลกธาตุอยู่ใต้อำนาจ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเสียแล้ว
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นผู้ปกครองโลก
เมื่ออนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเป็นผู้ปกครองโลกแล้ว
ใครจะมาเป็นเจ้าโลก อยู่ในที่นี้
ก็มีแต่ แก่ เจ็บ ตาย และความไม่เที่ยงเป็นเจ้าโลก
ความเป็นทุกข์เท่านั้นเป็นเจ้าโลก
ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของโลก
แฉให้เห็นชัดในปัจจุบันจิต... -
คุณค่าทางจริยธรรมของหลักกรรมตามพุทธพจน์ ดังนี้
คุณค่าทางจริยธรรม
กล่าวโดยสรุป คุณค่าที่ต้องการในทางจริยธรรมของหลักกรรม ดังนี้
๑) ให้เป็นผู้หนักแน่นในเหตุผล รู้จักมองเห็นการกระทำ และผลการกระทำ ตามแนวทางของเหตุปัจจัย ไม่เชื่อสิ่งงมงาย ตื่นข่าว เช่น เรื่องแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น
๒) ให้เห็นว่าผลสำเร็จที่คนต้องการ จุดหมายที่ปรารถนาจะเข้าถึง จะสำเร็จได้ด้วยการลงมือทำ
- จึงต้องพึ่งตน และทำความเพียรพยายาม
- ไม่รอคอยโอกาส หรือหวังผลด้วยการอ้อนวอนเซ่นสรวงต่อปัจจัยภายนอก
๓) ให้มีความรับผิดชอบต่อตนเองที่จะงดเว้นจากกรรมชั่ว และรับผิดชอบต่อผู้อื่น ด้วยการกระทำความดีต่อเขา
๔) ให้ถือว่า บุคคลมีสิทธิ์โดยธรรมชาติที่จะทำการต่างๆ เพื่อแก้ไขปรับปรุง สร้างเสริมตนเองให้ดีขึ้นไป โดยเท่าเทียมกัน สามารถทำตนให้เลวลงหรือให้ดีขึ้น ให้ประเสริฐจนถึงยิ่งกว่าเทวดาและพรหมได้ทุกๆคน
๕) ให้ถือว่าคุณธรรม ความสามารถ ความประพฤติปฏิบัติ เป็นเครื่องวัดความทรามหรือประเสริฐของมนุษย์ ไม่ให้มีการแบ่งแยกโดยชาติชั้นวรรณะ
๖) ในแง่กรรมเก่า ให้ถือเป็นบทเรียน และรู้จักพิจารณาเข้าใจตนเองตามเหตุผล ไม่ค่อยเพ่งโทษแต่ผู้อื่น... -
"พญานาคฟังธรรม" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"พญานาคฟังธรรม"
" .. ท่านก็ไม่เคยพูดนะ ท่านพึ่งพูดวันนั้นละ "คือพญานาค พวกนี้เป็นงูนะ" ให้ทำร่องรอยให้ดู ท่านบอกอย่างนั้นนะ ท่านสั่งพญานาคเวลามาหาท่านตอนกลางคืน เวลาจะกลับไป .. "แต่งตัวเป็นกษัตริย์เป็นคนธรรมดาเรานี้ มาคุยธรรมะกับท่านเวลาจะลงไปให้ทำร่องรอยไว้หน่อย" ทำร่องรอยว่าพญานาคมาเยี่ยมเมื่อคืนนี้ บอกพญานาคให้ทำร่องรอย
"ออกไปมีแต่รอยงู ออกจากกุฏิไปรอยงูออกไป พญานาคนี้เป็นงูนะ" ท่านสั่งนะ ท่านสั่งพญานาคเอง "ลงไปนี้ให้ทำร่องรอยเอาไว้นะว่า พญานาคมาเยี่ยม" ออกไปมีแต่รอยงูออกไป รอยงู รอยพญานาคไม่มี "มีแต่รอยงู เวลาขึ้นมาเป็นคนเป็นกษัตริย์เป็นหัวหน้ามา" พญานาคมาหาท่านตอนกลางคืน วันนี้เท่านั้นละนะ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=5784&CatID=2 -
ไม่มีเวลาทำสมาธิ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ผู้ถาม - "หลวงพ่อคะ หนูไม่ค่อยจะมีเวลาทำสมาธิค่ะ...?"
หลวงพ่อ - คนที่ไม่มีเวลาไม่มี นอกจากขี้เกียจ
ผู้ถาม - "ถ้ากลางวันทำงานและกลางคืนก็ติดธุระ บางทีจะนั่งสมาธิลูกก็กวน"
หลวงพ่อ - จะไปนั่งทำไม ให้ลูกมันหลับเวลาเรานอนน่ะ สมาธิทำทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน เขาไม่ได้ห้ามต้องนั่งเสมอไปใช่ไหม จริงๆแล้วถ้าเรามีสมาธิก่อนหลับสัก ๒ นาทีก็พอใจแล้วสมาธิไม่ต้องการมาก ที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตรว่า
"สารีปุตตะ ดูก่อน สารีบุตร บุคคลใดมีจิตว่างจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง เราขอกล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาณ"
เห็นไหม ก็มัวเอาแต่เรื่องนั่งที่เขาว่า อีตอนนอนนั่นแหละ นอนสบาย หัวถึงหมอนปั๊บนึกถึง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และภาวนา "พุทโธ" หายใจเข้านึกว่า "พุท" หายใจออกนึกว่า "โธ" หายใจ ๒ ฟื้ดหลับไปเลยใช้ได้
อย่าลืมนะตอนที่ภาวนาหลับเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีนะ ว่าถ้าจิตไม่ถึงฌานนี่มันจะไม่หลับ "ถ้าจิตถึงฌานปั๊บมันตัดหลับทันที ทีนี้ว่าถ้าภาวนาหรือว่านะโมอยู่ ถ้ามันหลับเวลานั้นมันจิตถึงฌาน ขณะที่หลับอยู่กี่ชั่วโมงเขาถือว่าทรงฌานนั้นอยู่ระหว่างหลับ"... -
ด้วยจิตที่เข้มแข็งและใจที่ภาวนามุ่งมั่นของหลวงปู่ฝาง!!! แม้แต่เสือที่ภูขวางที่ว่าดุ ยังต้องหลบหนีเปิดทางให้
ด้วยจิตที่เข้มแข็งและใจที่ภาวนามุ่งมั่นของหลวงปู่ฝาง!!! แม้แต่เสือที่ภูขวางที่ว่าดุ ยังต้องหลบหนีเปิดทางให้ สาธุ!!! ประสบการณ์พระป่า
หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต แห่งวัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่นสมัยที่ท่านจะไปกราบหลวงปู่มั่น หลวงปู่จึงธุดงค์จากจังหวัดอุบลราชธานีเลียบฝั่งแม่น้ำโขง ขึ้นไปทางจังหวัดมุกดาหารและนครพนม แวะกราบนมัสการพระธาตุพนม และจาริกไปยังจังหวัดสกลนคร โดยการเดินเท้าตลอดเส้นทาง หากพบสถานที่แห่งใดเหมาะสมแก่การภาวนา และมีหมู่บ้านที่จะบิณฑบาตได้อยู่ไม่ไกลนัก ท่านก็จะพักสักระยะ แล้วเดินทางต่อไป จนกระทั่งมาถึงภูผาซาง
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :ประสบการณ์พระป่า!! ใครเตือนก็ไม่ฟัง!! "หลวงปู่บุญฤทธิ์"ขอฝึกภาวนาอยู่กับ"หลวงปู่ชอบ" ที่ผาแด่นแดนทุรกันดารจนเฉียดตาย!
หลวงปู่หลงทางอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายวัน จนไม่ได้ฉันอาหารใดๆ เลย ร่างกายจึงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเต็มที ทว่าท่านไม่เคยย่อท้อมีแต่ความมุ่งมั่นที่จะไปฟังธรรมจากพระอาจารย์ใหญ่ให้ได้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ตาม “ก็อาศัยแต่ฉันน้ำในกา ไม่ใช่ฉันจนอิ่ม คือจิบเอาทีละน้อยๆ อดอาหารหลายๆ วันก็เคยอดมาแล้ว กลัวทำไม... -
พ่อแม่รังแกฉัน
เด็กเล็กคนหนึ่งของครอบครัว ซึ่งมีฐานะดี นั่งรถยนต์ไปกับคุณพ่อคุณแม่ ผ่านไปที่แห่งหนึ่ง เห็นเด็กเล็กยากจนหลายคน นุ่งห่มเสื้อผ้าเก่าขาดรุ่งริ่งอยู่ตามข้างทาง เด็กเล็กในรถยนต์สนใจ เพราะเห็นความแตกต่างระหว่างตน กับ เด็กข้างถนนเหล่านั้น คุณพ่อคุณแม่สังเกตรู้ จึงพูดว่า นั่นเจ้าพวกเด็กสกปรก ลูกอย่าไปดูมัน
ในกรณีนี้ คุณพ่อคุณแม่ทำหน้าที่เหมือนดังปาปมิตร ชี้แนะให้เด็กตั้งความคิดที่เป็นอโยนิโสมนสิการ เร้าให้เกิดอกุศลธรรม เช่น ความรู้สึกรังเกียจดูถูกเหยียดหยาม เป็นต้น และความรู้สึกนี้ อาจกลายเป็นทัศนคติของเด็กนั้นต่อคนที่ยากจน ตลอดจนความโน้มเอียงที่จะมีท่าทีเช่นนั้นต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายโดยทั่วไป
แต่ในกรณีอย่างเดียวกันนั้น คุณพ่อคุณแม่อีกรายหนึ่ง บอกเด็กว่า “เด็กๆนั้นน่าสงสาร พ่อแม่เขายากจน จึงไม่มีเสื้อผ้าดีๆใส่ เราควรเผื่อแผ่ช่วยเหลือเขา”
ในกรณีนี้ คุณพ่อคุณแม่ทำหน้าที่อย่างกัลยาณมิตร ชี้แนะให้เด็กตั้งความคิดที่เป็นโยนิโสมนสิการ เร้าให้เกิดกุศลธรรม เช่น ความรู้สึกเมตตา กรุณา และความเสียสละ เป็นต้น และความรู้สึกเช่นนั้น... -
วีดีโอ ประสบการณ์ธุดงค์ภูเขาควาย หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ บิณทบาตในเมืองบังบดลับแล
ประสบการณ์ธุดงค์ภูเขาควาย หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ บิณทบาตในเมืองบังบดลับแล
ปลดล็อค :-
Published on Jun 15, 2017
พรรษา แรกในแผ่นดินลาว หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ปวารณาจำพรรษาอยู่ที่ภูควาย โดยอาศัยเถื่อนถ้ำแห่งหนึ่งเป็นที่พักบำเพ็ญเพียรตลอดพรรษา โดยมีชาวบ้านป่าเชิงเขาอุปัฎฐากเรื่องอาหารขบฉัน ซึ่งท่านจะลงจากภูสูงมาบิณฑบาตที่หมู่บ้านนั้นทุกวันออก พรรษาแล้ว หลวงพ่อคูณจึงลงจากภูควาย จาริกธุดงค์ต่อไปโดยมุ่งหน้าไปทางทุ่งไหหิน เมื่อไปถึงทุ่งไหหินได้หยุดยั้งปักกลดลง ณ ที่นี้ตลอด อาณาบริเวณของทุ่งไหหินเป็นที่ราบกว้างไกลสุดสายตา คล้ายกับว่าเป็นทำเลที่ตั้งเมืองเก่าโบราณซึ่งได้ล่มสลายสูญหายไปหมดสิ้น ไม่เหลือให้เห็นแม้แต่ซากปรักหักพัง คงมีแต่สิ่งอัศจรรย์ทิ้งเอาไว้กลาดเกลื่อนไปตลิดที่ราบของท้องทุ่งนั่นคือ “ไหหิน" -
"ความหมายของสมณะ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"ความหมายของสมณะ"
" .. "การเห็นสมณะ เป็นมงคลอันสูงสุด" คำว่า "สมณะ" นั้นตามที่ท่านแสดงไว้ในตำราว่า "มีอยู่ ๔ ประเภท"
- สมณะที่หนึ่ง คือพระโสดา
- สมณะที่สอง คือพระสกิทาคา
- สมณะที่สาม คือพระอนาคา
- สมณะที่สี่ คือพระอรหัตบุคคล
๔ ประเภทนี้ ท่านเรียกว่า "สมณะ" การที่เราได้มาเห็นสมณะ "ผู้สงบกาย วาจา ใจ จากบาปทั้งหลายดังกล่าวมานี้ จึงถือเป็นมงคลอันสูงสุด" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่อง | ทรัพย์ใต้ดินแห่งเมืองกาญจนบุรี
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่อง | ทรัพย์ใต้ดินแห่งเมืองกาญจนบุรี
FungKhorKid :- Published on Jan 12, 2017 -
ได้เห็นเป็นบุญตา! ภาพหายาก"หลวงปู่เนียม"วัดน้อย เพราะเหตุอัศจรรย์ไม่เคยมีใครถ่ายรูปท่านติดเลย!!!
ได้เห็นเป็นบุญตา! ภาพหายาก"หลวงปู่เนียม"วัดน้อย เพราะเหตุอัศจรรย์ไม่เคยมีใครถ่ายรูปท่านติดเลย!!!
หลวงพ่อเนียม วัดน้อย (พ.ศ. 2372 — 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452) ท่านเป็นพระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นที่นับถือโดยทั่วไปในด้านปาฏิหาริย์ พระพุทธคุณของท่านมากมายยิ่งนักทั้งในด้านมหาอุต คงกระพัน และแคล้วคลาด เป็นที่ยอมรับด้วยกันมานาน แม้แต่สมเด็จพระสังฆราช(แพ ติสเทโว) วัดสุทัศน์เทพวราราม หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อทับ วัดทอง ยังมีความเคารพนับถือ และมีพระเครื่องของหลวงพ่อเนียมในครอบครอง
เล่าขานสืบกันมาอีกว่าตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่นั้น ไม่เคยมีใครถ่ายรูปท่านได้ -ขุนดอน เขียนไว้ว่าเมื่อครั้งพระประมาณฯ เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน นำฝรั่งช่างรังวัด๒ คนมารังวัดที่ ในเขตเมืองสุพรรณ เพื่อออกโฉนดให้ราษฎร์ เมื่อรังวัดมาถึงท้องที่วัดน้อย ก็ได้ถือโอกาสเข้าขอถ่ายรูปหลวงปู่ โดยให้ฝรั่งเอากล้องถ่ายรูปของทางราชการช่วยถ่ายให้ ตัวคุณพระประมาณฯ นั้น เคยรู้กิตติศัพท์มาแล้วว่ามีคนเคยมาขอถ่ายรูปหลวงปู่หลายรายแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จสักราย คราวนี้มีกล้องฝรั่งอย่างดีมาด้วย... -
แบบนี้ก็ได้นะ! ทำบุญครั้งเดียวด้วยข้าวตอก 1 ขัน ไปเกิดเป็นนางฟ้าบนดาวดึงส์
แบบนี้ก็ได้นะ! ทำบุญครั้งเดียวด้วยข้าวตอก 1 ขัน ไปเกิดเป็นนางฟ้าบนดาวดึงส์
"..เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2531 พูดถึงเรื่อง "ลาชเทวธิดา" หรือ "เทพธิดาข้าวตอก" เพราะว่าเป็นนางฟ้าในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรื่องมีอยู่ว่าเธอเป็นลูกคนจน ไปรับจ้างเฝ้าไร่อ้อยของเจ้านาย ได้นำข้าวตอกไปเพื่อจะกิน เพราะคิดว่าในตอนเช้ากว่าคนจะไปส่งอาหาร ถ้าเขาส่งสายเราก็หิว
แต่ก็เป็นการบังเอิญวันนั้นเป็นเวลาพอดีที่ พระมหากัสสป พระสาวกองค์สำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกจากนิโรธสมาบัติ
พระที่ออกจากนิโรธสมาบัติออกไม่ตามเวลาที่เขาบิณฑบาตกัน อาจจะสายไป ไปบิณฑบาตไม่ทัน ก็ต้องใช้ทิพจักขุญาณว่าจะไปรับบาตรที่ไหน ใครจะให้เราวันนี้
ท่านพระมหากัสสปก็ทราบว่าหญิงสาวที่เฝ้าไร่อ้อยอยู่ตรงโน้น เธอมีข้าวตอกไม่มีน้ำกะทิอยู่ 1 ขัน เพื่อจะมากินเวลาเช้า
แต่ทว่าถ้าเราไปบิณฑบาต เธอเต็มใจพร้อมจะถวายเพื่อทำบุญ ความจริงท่านไม่ตั้งใจจะเบียดเบียน ต้องดูก่อนว่าถ้าเขาให้แล้วเขาเดือดร้อนไหม
ก็ทราบว่าเรื่องอาหารเขาไม่เดือดร้อน แต่ท่านอาจจะทราบว่าให้แล้วเธอจะตายจึงตั้งใจมาโปรดคนนี้โดยตรง จึงเหาะมาในอากาศพอใกล้จะถึงก็ลงเดิน... -
สุดยอดมาก !!! มหาเศรษฐี เจ้าของซอยสุขุมวิท 24 ยกทั้งซอยให้แผ่นดินเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แต่ต้องใช้ชื่อว่า "ถนนเรารักในหลวง" !!!
สุดยอดมาก !!! มหาเศรษฐี เจ้าของซอยสุขุมวิท 24 ยกทั้งซอยให้แผ่นดินเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แต่ต้องใช้ชื่อว่า "ถนนเรารักในหลวง" !!!
“ถนนเรารักในหลวง We Love The King Road” เส้นนี้อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 24 กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส มาถึงทางแยกไป ซ.สุขุมวิท 22 คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งย่านธุรกิจที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายสูง แต่ที่หลายคนไม่รู้เลยคือ เบื้องหลังมีมหาเศรษฐีที่อุทิศตนตามคำสอนของในหลวง ร.9
นายธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ในฐานะเจ้าของ ซ.สุขุมวิท 24 เปิดเผยว่า แต่เดิม ซ.สุขุมวิท 24 เป็นถนนส่วนบุคคล แต่ภายหลังที่ได้ดำเนินชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จนประสบความสำเร็จ ทำให้ตนเกิดความศรัทธาในใจเมื่อเห็นที่ในหลวงทรงเหนื่อยกว่าใครในการรักษาแผ่นดินให้คนไทยได้อยู่อย่างสบาย ประกอบกับตนเห็นว่าเมื่อแผ่นดินไม่ใช่ของเรา ถนนนี้ก็ไม่ใช่ของเราแต่เป็นของในหลวงจึงตัดสินใจปลดป้ายเดิมออกและทำป้ายขึ้นมาใหม่ชื่อว่า “ถนนเรารักในหลวง We Love The King Road” และสงวนสิทธิ์ให้เป็นของแผ่นดินถวายเป็นพระราชกุศล
นอกจากนี้ นายธานินทร์... -
"พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" มอบพระคาถาแคล้วคลาดที่ท่านใช้ประจำคุ้มครองได้แน่นอน!! หากมีจิตศรัทธา สาธุๆๆ..
"พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" มอบพระคาถาแคล้วคลาดที่ท่านใช้ประจำคุ้มครองได้แน่นอน!! หากมีจิตศรัทธา สาธุๆๆ..
คาถาแคล้วคลาด
พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน
พุทธังแคล้วคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิ โส ภะคะวา
ธรรมมังแคล้วคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิ โส ภะคะวา
สังฆังแคล้วคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิโส ภะคะวา ฯ
•คาถาบทนี้ เป็นคาถาที่พ่อท่านคล้าย ท่านใช้สวดภาวนาเวลาออกเดินทาง เดินธุดงค์ในป่า เดินบิณฑบาต หรือเมื่อจะเข้าผจญภัย เป็นคาถาแคล้วคลาดปลอดภัย ศักดิ์สิทธิ์นักแลฯ
ประวัติพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน เทวดาเมืองคอน
ประวัติพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน , ประวัติพ่อท่านคล้าย วัดพระธาตุน้อย
พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน วัดพระธาตุน้อย พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือ ที่รู้จักกันทั่วไปว่า "พ่อท่านคล้าย" ประวัติพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เทวดาเมืองคอน วัตถุมงคลพ่อท่านคล้าย
พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" นามตามสมณศักดิ์ท่านคือ พระครูพิศิษฐ์อรรถการ เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช พ่อท่านคล้าย นามเดิมว่า "คล้าย สีนิล" เกิดตรงกับ... -
สุดยอดพระคาถา "หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด" พระโพธิสัตว์ผู้มาโปรดเหล่ามวลมนุษย์ ป้องกัน ภยันตรายนานาชนิดๆ สาธุ..
คาถาหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
“นะโม โพธิสัตว์โต อาคันติ มายะ อิติภะคะวา”
ขอบารมี หลวงปู่ทวด คุ้มครองทุกท่าน ให้ปลอดภัย ภาวนาคาถาหลวงปู่ทวด ขอให้โชคดี แคล้วคลาด ปลอดภัย ทุกๆท่าน
ประวัติหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างให้
หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เหยียบน้ำทะเลจืด เกิดเมื่อ วันศุกร์ เดือน4 ปีมะโรง พ.ศ.2125 ณ บ้านสวนจันทร์ ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา มีชื่อว่า “ ปู่ ” หรือ “ ปู ” บิดามีนามว่า (ตาหู) มารดามีนามว่า (นางจันทร์) มีฐานะยากจนปลูกบ้านอาศัยที่ดินเศรษฐีผู้หนึ่งไว้ชื่อ “ปาน” ตาหูและนางจันทร์เป็นข้าทาสของเศรษฐีปาน แห่งเมืองสทิงพระ ระยะที่หลวงพ่อทวดเกิด เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ข้าวในนา ในระหว่างที่พ่อแม่กำลังเกี่ยวข้าวอยู่ ได้ผูกเปลให้ลูกน้อยนอน ทำงานไปก็คอยเหลียวดูลูกน้อยเป็นระยะ แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คือนางจันทร์ได้เห็นงูตัวใหญ่มาพันที่เปลลูกน้อยแล้วชูคอแผ่แม่เบี้ย นายหู-นางจันทร์ได้พนมมือบอกเจ้าที่เจ้าทาง อย่าให้ลูกน้อยได้รับอันตรายใดๆเลย ด้วยอำนาจบารมีของเด็กน้อยเจ้าปู่ งูใหญ่จึงคลายลำตัวออกจากเปลน้อย เลื้อยหายไป ต่อมาเมื่อพญางูจากไปแล้ว... -
วัวธนู ปลุกเสกโดย 10 พระเกจิอาจารย์ เช่น หลวงปู่คำแสน หลวงปู่ชุ่ม หลวงปู่ชัยวงศา หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
หากจะกล่าวถึงหลวงปู่คำแสน และหลวงพ่อบุญรัตน์ ท่านคุ้นเคยกันมานานแล้วประมาณปี 2518 ที่วัดป่าดอนมูล หลวงปู่คำแสน ท่านได้มอบตำราสร้างวัวธนู ให้กับหลวงพ่อบุญรัตน์ พร้อมกับสอนวิธีการสร้าง ท่านกล่าวว่า ท่านอายุมากแล้ว เกรงว่าต่อไปวิชานี้จะสูญหาย ในการนี้ ท่านได้มอบวัวธนูที่สร้างจากไม้หวายผ่าซีก และแกะคอดให้กับหลวงพ่อบุญรัตน์ด้วย
(แทรก ต่อมาหลวงพ่อบุญรัตน์ ได้รับตำราสร้างวัวธนูจาก ครูบาชุ่ม วัดวังมุ่ย ด้วย ซึ่งท่านกล่าวว่า เหมือนกับตำราของหลวงปู่คำแสนเลย ไม่มีผิดเพี้ยนกัน)
หลังจากนั้นหลวงพ่อบุญรัตน์ ได้จัดสร้าง วัวธนูขึ้นตามตำราของหลวงปู่ทั้งสองรูป โดยหลวงพ่อบุญรัตน์ ได้นำไปขอความเมตตาให้หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว เมื่อเสร็จพิธี หลวงปู่คำแสน ท่านได้กล่าวกับหลวงพ่อบุญรัตน์ว่า "วัวธนูชุดนี้ให้เก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่งนำออกมา ในภายภาคหน้าคนจะถามหากันเยอะ จะเป็นที่ต้องการกันมาก" มูลเหตุตรงนี้จึงเป็นมูลเหตุให้หลวงพ่อบุญรัตน์ท่านเก็บวัวธนูชุดนี้ไว้นับแต่บัดนั้น
นอกจากหลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูลแล้ว หลวงพ่อบุญรัตน์ยังได้นำวัวธนูชุดนี้... -
สมเด็จองค์ปฐม รุ่น1 วัดโขงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พุทธาภิเษก 3ปี
"ผู้ที่มีสมเด็จองค์ปฐมติดตัวไว้ ไม่ว่ามนุษย์ก็ดี,อมนุษตย์ก็ดี,สัตว์มีพิษร้ายก็ดี,
ภูตผีปีศาจร้ายก็ดี ถ้าคิดจะทำร้ายเราจะรุ่มร้อนจนทนไม่ได้ต้องล่าถอยไปในที่สุด
เพราะฉะนั้นมีผู้ถามว่าวัตถุมงคลที่มีอานุภาพสูงสุด ขอตอบว่า สมเด็จองค์ปฐม ไม่ ใช่โฆษณาเกินความเป็นจริง
แต่อย่าลืมว่า ท่านเป็นองค์ต้นของพุทธศาสนา และมีบุญเหนือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์
ป้องกันอาวุธวิทยาศาสตร์ทุกชนิด เช่น นิวตรอน นิวเคลียร์ เคมี ก๊าสพิษ ชีวะภาพ
ฝนกรด ฝนเหลือง โรคระบาด เชื้อโรคต่างๆ ป้องกันได้ทั้งหมด รวมถึง คุณไสย มนต์ดำ คุณคน ลมเพ ลมพัด
อุปัทวเหตุทั้งหลาย ก็ ป้องกันได้หมด"....
หลวงพ่อฤาษีลิงดำบวงสรวง ที่วัดโขงขาว ๓ ปี ตั้งแต่ ๒๕๓๒ - ๒๕๓๔ ตอนทอดกฐินที่วัดโขงขาว
.......เดิมที ทางหลวงพ่อบุญรัตน์สร้างพระขึ้นมาโดยคิดว่าให้เป็นรูปพระพุทธชินราช ไม่ได้คิดว่าจะเป็นสมเด็จองค์ปฐม พอกราบเรียนให้หลวง
พ่อพระราชพรหมยานท่านอธิษฐานจิต ท่านก็ถามว่า อะไรอยู่ในกล่อง
ลองเอามาให้ดูหน่อยสิ เมื่อหลวงพ่อบุญรัตน์มาหยิบไปให้ท่านดู ท่านก็
ปรารภว่า "นี่ไม่ใช่พระพุทธชินราชนะ นี่คือสมเด็จองค์ปฐม"
จากนั้นท่านก็อธิษฐานจิตให้ และก็... -
เลือกบูชาได้เลย....รูปหล่อสมเด็จองค์ปฐม และวัวธนู วัดโขงขาว เพื่อช่วยค่าโฮสเวปพลังจิต
ขอนำวัตถุมงคลสำคัญ(ตามที่ท่านเจ้าของเดิมบอก)ส่วนหนึ่งที่ผมเก็บไว้ออกแบ่งปันชาวเวปพลังจิตที่ปราถนาอยากได้สมเด็จองค์ปฐมที่ทันหลวงพ่อฤาษีลิงดำปลุกเสกให้ดีแล้วและสุดยอดวัวธนูที่ครูบาอาจารย์สายเหนือยุคเก่าอธิษฐานให้อย่างดีไว้บูชา ในราคาที่ไม่สูงมากและยังได้ช่วยค่าโฮสเวปพลังจิตให้เวปดำเนินต่อไปให้พวกเรามีเวปดีๆเพื่อศึกษาธรรมะจนชั่วลูกชั่วหลานสืบไป
.....ชุดนี้ผมได้บูชามาจากนายพลท่านหนึ่งซึ่งเป็นศรัทธาอุปัฏฐากพระอาจารย์บุญรัตน์ และได้รับมอบสมเด็จองค์ปฐมและวัวธนูของวัดโขงขาวไว้จำนวนมากพอควรผมจึงขอแบ่งออกมาชุดหนึ่ง ในราคาองค์ละ 900 บาท ด้วยเจตนาที่จะช่วยค่าโฮสของเวปพลังจิตที่ต้องจ่ายปีหนึ่ง หลายหมื่นบาท ทั้งนี้ผมได้ขออนุญาตจากทางเวปมาสเตอร์แล้วและได้รับอนุญาตเป้นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผมขอบวกไปอีก องค์ละ 100 บาท(เพื่อช่วยค่าโฮสของเวปพลังจิต) และค่าส่งอีกชุดละ 50 บาท(ส่วนเกินจากค่าจัดส่งจริงผมไปสร้างบุญในพระศาสนาต่อไปครับ จึงขอแจ้งให้ได้ทราบโดยทั่วกัน)
....รวมทั้งสิ้นชุดละ 1050 บาท.....
และทั้งนี้ผมขอนำวัตถุมหามงคลที่ผมเก็บไว้อีก 3... -
ถึงบางอ้อ!! ไขข้อสงสัย ...เหตุใดเกจิละสังขารแล้วสรีระไม่เน่าเปื่อย? วิทยาศาสตร์มีคำตอบ!!
จากข่าว หลวงพ่อพูลละสังขารนาน 11 ปี แต่ร่างเปลี่ยน “สีทอง” แปลกกว่านั้น ซึ่งแปลกยิ่งไปกว่านั้นคือสังขารท่านยังเหมือนกับมีชีวิต โดยลูกศิษย์เชื่อเกิดจากบารมีของหลวงพ่อพูลเอง จึงทำให้เกิดคำถามจากผู้อ่านว่า เพราะเหตุใดสรีระร่างของท่าน จึงไม่เน่าเปื่อย
“ไม่ได้ลบหลู่นะครับ ขอถามผู้รู้ครับ สงัสยเวลาละสังขารแล้วทำไมไม่เผาครับ ท่านสั่งไว้รึไงครับ ท่านสอนไม่ให้ยึดติดแล้วปล่อยวาง สังขารเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แต่ ท่านร่างทำไมยังอยู่ครับ ผมคิดแบบผมนะครับ สตาปไว้รึเปล่าครับ หรือใช้ปูนขาวโรยไว้ครับ หรือฉีดยาไว้ครับ อันนี้ไม่ได้ลบหลู่นะแค่สงสัย มันผิดเพี้ยนจากคำสอนพระพุทธเจ้ารึเปล่าครับ ผู้รู้บอกทีครับ”
เรื่องนี้ทีมข่าวก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ค้นข้อมูลมาว่า เพราะเหตุใด ครูบาอาจารย์เกจิหลายๆท่าน อาทิ หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี, หลวงปู่วงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน, หลวงพ่อบุญเหลือ วัดเขาตะกร้าทอง จ.ลพบุรี, ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่, ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม จ.ลำพูน, หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์, หลวงปู่พรหม วัดช่องแค... -
"สมาธิ เครื่องหนุนปัญญา" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"สมาธิ เครื่องหนุนปัญญา"
" ..
- ศีล เป็นเครื่องอบรมสมาธิให้สงบได้ง่าย
- สมาธิ เป็นเครื่องหนุนปัญญาให้เดินได้คล่องตัว
- ปัญญา เป็นเครื่องซักฟอกกิเลสทั้งหลายให้หลุดพ้นไปโดยชอบ
๓ ประเภทนี้ "การบำเพ็ญสมาธิขอแต่เพียงเป็นบาทวิปัสสนา คือการพิจารณาก็พอแล้ว" การบำเพ็ญสมาธิเอาแต่เพียงเป็นบาทของวิปัสสนา "วิปัสสนาคือการพิจารณา" ก็พอแล้ว
ส่วนการจะอยู่ในวิหารธรรมนั้น "ก็ให้กำหนดรู้" หมายความว่าอย่างไร "การบำเพ็ญสมาธิคือความสงบใจ ใจเมื่ออิ่มอารมณ์ ไม่หิวโหยในอารมณ์" พาทำงานทำการอะไรก็ทำได้ ไม่โดดโน้นโดดนี้ คือ "จิตที่หิวอารมณ์นี้ แทนที่จะพิจารณาทางด้านปัญญา มันแฉลบออกไปตามอารมณ์ของมันที่ชอบใจ"
จิต "จิตที่มีความสงบแล้วย่อมอิ่มอารมณ์ไม่ดีดไม่ดิ้น" พาทำงานอะไรก็ทำ ๆ นี่ท่านบอก นี่ละเป็นงานที่ชอบธรรม
เราที่ประจักษ์ก็คือ เราเองถูกพ่อแม่ครูจารย์ขนาบเอา ท่านใส่บทไหนนี้แหม ลืมไม่ได้เลย ตอนจิตเป็นสมาธิมีความสงบ ท่านก็ถามเรื่อย "เป็นยังไงท่านมหา จิตสงบดีเหรอ สงบดีอยู่" ก็บอกอย่างนั้น เวลาสงบก็บอกสงบ ดีอยู่ ๆ เรื่อย บทเวลาท่านจะเอานี้โถ ผางเลย เป็นยังไงท่านมหา จิตสงบดีอยู่เหรอ สงบดี... -
เปิดตำนานน่าสะพึงกลัว!! "ยายกะลา ตากะลี" ผีเฝ้าป่าช้า!! เป็นที่เกรงกลัวของหมอผีทั้งหลาย หรือแม้แต่ ผี!! ด้วยกันเอง..
เปิดตำนานน่าสะพึงกลัว!! "ยายกะลา ตากะลี" ผีเฝ้าป่าช้า!! เป็นที่เกรงกลัวของหมอผีทั้งหลาย หรือแม้แต่ ผี!! ด้วยกันเอง..
เปิดตำนานสยองขวัญ “ยายกะลา ตากะลี”
เจ้าที่เจ้าทางตามคติ การนับถือผีบรรพบุรุษของกลุ่มชนชาวไทยดั้งเดิม!!!
หากพูดถึงเรื่องตำนาน ความเชื่อ หรือเรื่องราวในอดีตที่เคยเป็นมาความเชื่อโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนโบราณกาลก็คงจะมีมากมายหลากหลายความเชื่อหรือหลายตำนาน
วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับหนึ่งตำนานโบราณของไทย“ตำนาน ยายกะลา ตากะลี”
ความเชื่อวันนี้ ตำนาน “ยายกะลา ตากะลี” เป็นชื่อของเจ้าที่เจ้าทางตามคติการนับถือผีบรรพบุรุษของกลุ่มชนชาวไทยดั้งเดิมก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาแพร่หลายในดินแดนแถบนี้
แต่เดิมเชื่อว่าเป็นผีผู้สร้างโลก โดยทั้งคู่ได้ปั้นมนุษย์ขึ้นเป็นคู่แรกต่อมาพอความเชื่อทางพุทธและพราหมณ์เข้ามาแทนที่ทั้งสองจึงกลายเป็น ผีผู้คุมเหล่าผีทั้งหลายในป่าช้าหรือที่ บางทีพวกหมอผีจะเรียกว่า นายป่าช้ายายกะลา ตากะลี จัดเป็นผีที่มีอิทธิพลสูงในทางไสยศาสตรก่อนที่
หมอผีจะเข้าไปทำกิจอันใดในป่าช้าจะต้องบวงสรวงซะก่อนว่าจะยินยอมให้ทำกิจนั้นๆ ได้หรือไม่... -
ภพชาติมีจริง!! กว่าจะมาเป็น “หลวงปู่ชอบ" พระกรรมฐานรูปสำคัญของเมืองไทยในชาตินี้ เคยเกิดเป็นเดรัจฉานมาสารพัดอย่างแล้ว
ภพชาติมีจริง!! กว่าจะมาเป็น “หลวงปู่ชอบ" พระกรรมฐานรูปสำคัญของเมืองไทยในชาตินี้ เคยเกิดเป็นเดรัจฉานมาสารพัดอย่างแล้ว
หากท่านต้องการจะระลึกชาติได้ก็ลองฝึกสมาธิดู ผู้ที่ฝึกสมาธิจนได้ญาณระลึกชาติคือ บุพเพนิวาสานุสติญาณก็จะรู้ได้ว่าอดีตชาติของตนเคยเกิดเป็นอะไรบ้าง จะระลึกชาติได้ยาวนานแค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิและบุญบารมีที่สั่งสมมา มีผู้ฝึกสมาธิสามารถระลึกชาติได้อยู่หลายท่าน โดยเฉพาะพระกรรมฐาน ทั้งที่ล่วงลับไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเป็นพระอรหันต์ที่คนเคารพนับถือกันทั่วบ้านทั่วเมือง หลวงปู่ชอบมีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ. ๒๔๔๔ – ๒๕๓๕ คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ได้เขียนชีวประวัติของท่านไว้อย่างน่าศึกษา
หลวงปู่ชอบระลึกชาติได้หลายชาติ ตามที่ลูกศิษย์ลูกหาได้กราบเรียนถามถึงอดีตชาติของท่านต่างกรรมต่างวาระซึ่งท่านก็มีเมตตาตอบให้ศิษย์ได้รับทราบ พอจะสรุปได้ว่า
ท่านเคยเกิดเป็นท้าวมหาพรหม (พรหมผู้เป็นใหญ่ในเขตการปกครองหนึ่งๆ) ในสมัยพุทธกาลนั้นได้บวชเป็นสามเณรน้อยลูกศิษย์พระมหากัสสปะ (พระอรหันต์ชั้นผู้ใหญ่ที่พระอรหันต์ด้วยกันให้ความเคารพนับถือ)... -
เรื่องเล่าจากหลวงพ่อฤาษีฯ "เจโตฯของหลวงปู่นาค วัดระฆัง"
เรื่องเล่าจากหลวงพ่อฤาษีฯ "เจโตฯของหลวงปู่นาค วัดระฆัง"
เจ้าคุณเทพสิทธินายก(หลวงปู่นาค) วัดระฆัง เป็นคนดีในกรุงเทพฯ ในระยะใกล้ๆ หลวงปู่นาค วัดระฆัง นี่เคยรู้จักกับอาตมามาหลายปี เอาขั้นรู้จักนะ ไม่ใช่ดันไปเป็นเพื่อนกับท่าน
ครั้งหนึ่ง ท่านไปที่วัดบางซ้ายนอก อำเภอเสนา จังหวัดอยุธยา เดี๋ยวนี้เขายกขึ้นเป็นอำเภอบางซ้ายแล้ว อาตมานอนหลับ พอท่านไปถึงท่านก็จับขากระตุก พอลุกขึ้นมาเห็นเป็นหลวงพ่อนาค เลยรีบลุกขึ้นกราบ แล้วปูพรมให้ท่าน อาตมาก็ไม่ใช่พระวัดนั้น จะไปเทศน์ ถึงเวลากลางคืนเขานิมนต์ท่านไปปลุกพระ ปูพรมแล้วท่านก็นั่ง แล้วก็มีพระมหาไว พระครูอดุลย์ อดุลย์วรวิทย์หรืออะไรก็ไม่ทราบ อดุลย์ก็แล้วกัน มหาไวเจ้าคณะอำเภอบางซ้ายคนปัจจุบัน หยิบพระให้องค์หนึ่งเป็นพระทำใหม่ ถามว่าพระองค์นี้เขาปลุกเสกใช้ได้ไหมขอรับ พอท่านหยิบปั๊บท่านก็บอกเลย บอกว่าพระที่ปลุกเสกพระองค์นี้น่ะรูปร่างขาวๆ ท้วมๆ ใช่ไหม อายุประมาณสัก 30 ปี พระครูอดุลย์ก็บอกว่าใช่ ท่านบอกว่า อือ เขาเก่งเหมือนกันนะ เขาเก่งเหมือนกัน ทำหนักไปในด้านคงกระพันชาตรี นี่เป็นจุดหนึ่งของหลวงพ่อนาคนะ เราเล่ากันจุดเล็กๆ ก็แล้วกัน
จุดที่สอง ร้อยเอกไพบูลย์...
หน้า 369 ของ 413