Conversation with God สนทนากับพระเจ้า

ใครเคยอ่านหนังสือ Conversation with God หรือไม่
เป็นหนังสือของฝรั่ง ที่คนเขียนเขาสนทนากับพระเจ้า


หนังสือเล่มนี้ มีทั้งหมด 3 เล่ม แต่จะเมืองไทยมีแค่ 2 เล่ม
เคยถามที่สำนักพิมพ์บอกว่าจะออกเล่ม 3 ปีหน้า



เนื้อหาคร่าวๆ คือ คนเขียนนี้เขาพบกับปัญหาชีวิตมากมาย
เขาเคยประสบความสำเร็จในชีวิตมาก่อน แต่ต่อมาชีวิตก็พังทลาย
ทั้งเรื่องการงานล้มเหลว ชีวิตครอบครัวแตกแยก
จนเขาต้องไปเก็บขยะ นอนข้างถนน และเขาตัดสินใจ
จะฆ่าตัวตาย และก่อนจะตายเขาได้เขียนจดหมาย
ต่อว่าพระเจ้า ว่าทำให้เขามีสภาพเช่นนี้ ทั้งๆที่เขาก็
เคารพนับถือพระเจ้ามาตลอด

และพระเจ้าก็ได้คุยกับเขาผ่านทางจิต
จากนั้นเขาก็เริ่มบันทึกการสนทนาของเขากับพระเจ้า

บทสนทนานั้นเป็นเหมือนการพูดคุยกันของคนธรรมดาเลย
ไม่เหมือนกับคนคุยกับพระเจ้า

และพระจ้าก็คุยแบบสนุก เป็นกันเองด้วย เช่น

คนเขียนถามถึงจุดหมายที่พระเจ้าสร้างมนุษย์เพื่ออะไร
พระเจ้าบอกว่า แต่ก่อนพระเจ้ากับมนุษย์มีสภาวะเป็นพลังงาน
สมบูรณ์แบบ และเป็นหนึ่งเดียว ทุกอย่างเหมือนกันหมด

แต่สภาวะนั้นไม่ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับตัวเอง
ดังนั้น จึงต้องการให้มนุษย์รู้จักตัวเองและรู้จักพระเจ้าเองด้วย
โดยการ
มาเล่นละครในโลกนี้ เพื่อค้นพบตัวเองในสิ่งที่ตรงข้ามกับสภาวะที่เคยเป็น
เช่น ถ้าโลกนี้มีแต่สีน้ำเงิน เราจะไม่รู้ว่านั่นค่อสีน้ำเงิน
แต่ถ้ามีสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำเงิน ก็จะเปรียบเทียบได้ และจะรู้จักสีน้ำเงิน

ถ้าโลกนี้มีดีหมด จะไม่รู้จักค่าของความดี แต่ต้องมีชั่วมาเปรียบเทียบ
เพื่อให้เห็นค่าความดี

เมื่อค้นพบตัเองแล้ว จะกลับไปหาพระจ้าและ
เป็นสภาวะที่ตัวเองเคยเป็นมาก่อน

พระเจ้าบอกว่า ให้มนุษย์มาเพื่อจำตัวเองให้ได้ ( Remember) เพื่อที่จะ
กลับไปเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ( Re- member )

คนเขียนก็ถามว่า ทำไมพระเจ้าไม่ปรากฏกายให้คนทั้งโลกเห็นไปเลย
พระเจ้าตอบว่า จะปรากฏรูปไหน ถ้าเป็นคนแก่ ถือไม้เท้า
พวกนับถือพระเจ้าที่เคยนึกภาพว่าพระเจ้าเป็นแสงว่าง จะไม่เชื่อ
คือสรุปว่า พระเจ้ามีหลายรูป ถ้าเป็นรูปใดรูปหนึ่ง คนที่ยึดถือ
พระเจ้าตามรูปลักษณ์ที่วัฒนธรรมตัวเองยึดถือจะไม่เชื่อรูปพระเจ้าอื่น

คนเขียนถามพระเจ้าว่า หากพระเจ้าสร้างมนุษย์จริง
แล้วทำไมต้องให้มนุษย์ทรมานด้วย ต้องทุกข์ยากลำบาก
ต้องตกนรก
พระเจ้าบอกว่า เพราะมนุษย์เลือกทางเดินด้วยตนเอง
มนุษย์ทีเจตจำนงค์เสรี ที่เลือกจะเดินทางไหนก็ได้ด้วยอิสรภาพเต็มที่

แล้วก็ถามว่าทำไมเขาจึงถังแตก ยากจน ทั้งๆที่เขานับถือพระเจ้ามาก
พระเจ้าก็ตอบว่า เพราะเขาคิดว่าเงินเป็นสิ่งชั่วร้าย เป็นสิ่งไม่ดี
เมื่อเขาเชื่อเช่นไร เขาก็ได้เช่นนั้น

ผมอ่านแล้วก็ได้ความรู้ดี

 

หนังสือที่พูดถึงพระเจ้าทุกเล่มต้องนำมาเช็คกับพระคริสตธรรมคำภีร์นะครับ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะไม่ตรัสหรือสำแดงอะไรที่ขัดแย้งกับพระคำภีร์

 

no comment
i just feel.
it shows no natural fact.

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">จริงหรือ??
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

น่าสนุกดีนะเล่มนี้ น่าหามาอ่าน

 

ขอบคุณอย่างแรง ที่แนะนำ (หนังสือ)

 

พระเจ้าเป็นผู้สร้างเว็บพลังจิตด้วย ใครๆก็รู้
แล้ว พระเจ้าก็สร้าง ......ใว้ทำลายเว็บพลังจิตด้วย อันนี้ไม่มีไครรู้ ไม่รู้อะไรเลย

 

เล่มแรกจะอ่านสนุกกว่าเล่ม 2

และพระเจ้าบอกว่า ฮิตเลอร์ได้ขึ้นสวรรค์ !!!
ผมอ่านแล้วอึ้งเลย

 

ผมไม่มีพลังที่สามารถคุยกับพระเจ้าได้ แต่ผมฟังคำพูดของมนุษย์ได้ว่าคำพูดของใครจริงจัง




(เอามาจากวันพีชอิอิ)

 

จำได้ว่ามีตอนนึง พระเจ้าบอกว่า การที่มนุษย์มาเคารพพระเจ้านั้น
ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าต้องการ เพราะการเคารพเช่นนี้
เหมือนกับชาวบ้านเคารพ พระราชา ซึ่งเป็นความคิดของมนุษย์
เองที่ตั้งกฎเกณนี้ขึ้นมา

แต่ที่จริงแล้ว พระเจ้าเป็นผู้รับใช้มนุษย์ต่างหาก
คือผู้รับใช้ ไม่ใช่ผู้ที่ต้องการอำนาจหรือต้องการให้ใครมาเคารพ

 

อยากให้เอามาลงเพิ่มอีกครับ
อยากอ่านเหมือนกันครับ

 

ผมอ่านจบทั้งเล่ม 1 และเล่ม 2 แล้ว
บอกได้คำเดียวว่า หนังสือเล่มนี้สื่อถึงคุณสมบัติของพระเจ้าและเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ได้อย่างดีที่สุดและเข้าใจได้ง่ายที่สุด

ถ้าผมจะจินตนาการถึงพระเจ้าว่าพระเจ้าควรจะมีลักษณะอย่างไร ผมว่าหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงลักษณะของพระเจ้าที่ควรจะเป็นอย่างมีเหตุมีผลที่สุด

ไม่ใช่พระเจ้าที่คอยลงทันฑ์ต่อมนุษย์ที่ผิดพลาด ไม่ใช่พระเจ้าที่คอยประทานพรให้แก่มนุษย์ที่ทำบาปแล้วสารภาพบาปของตัวเอง และไม่ใช่พระเจ้าที่คอยรับเครื่องบวงสรวงจากมนุษย์

ไม่ใช่พระเจ้าที่คอยดลบันดาลสิ่งต่างๆ ไม่ใช่พระเจ้าที่ทำให้เกิดภัยพิบัติ และก็ไม่ใช่พระเจ้าที่คอยช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติด้วย

ไม่ใช่พระเจ้าผู้คอยพิพากษามนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้าผู้ประทานความร่ำรวย และไม่ใช่พระเจ้าผู้ประทานโรคภัย

ถ้าหากมีพระเจ้าผู้เมตตาจริง พระเจ้าจะสร้างโลกเพื่อให้มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอย่างนั้นหรือ?

ผมคิดว่าสามารถหาคำตอบจากหนังสือเล่มนี้ได้ว่าพระเจ้าเป็นอย่างไร และสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเรานั้นล้วนแล้วแต่เกิดจากการเลือกของเราเองทั้งสิ้น ทั้งเรื่องของชีวิตเราและเรื่องใหญ่ๆเช่นความเจริญหรือภัยพิบัติของโลก
พระเจ้าจะไม่ขัดขวางในการตัดสินใจใดๆของเราเลย พระองค์เพียงแนะนำผ่านผู้สื่อสารเช่นผู้ที่เขียนหนังสือเล่มนี้ให้แก่มนุษย์เท่านั้น

เหตุผลนั้นมีในหนังสือเล่มนี้แล้ว ก็อยากให้ลองหามาอ่านกันดูทั้งเล่มครับ บางอย่างอาจขัดแย้งกับความเชื่อดั้งเดิมไปบ้าง แต่ขอให้เปิดใจอ่านจนจบ จะได้สาระอย่างครบถ้วนตามเนื้อหา

ผมเชื่อว่าใครที่ได้อ่านแล้วจะได้มุมมองใหม่ๆและเข้าใจเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ของตนเองได้ดีขึ้น

 

รู้ว่าพระเจ้ามายืนอยู่ตรงหน้าแล้วไงครับ ไม่รู้แล้วไงครับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รู้หรือไม่รู้ว่าพระเจ้ามายืนอยู่ตรงหน้าหรือเปล่า อยู่ที่ว่าเมื่อคุณเชื่ออะไรคุณได้ดำเนินชีวิตให้สมกับที่คุณพูดว่าคุณเชื่อหรือเปล่า คนมันจะเลวต่อให้พระเจ้ามายืนอยู่ตรงหน้าบอกให้ทำดีมันก็เลววันยังคำครับ

 

ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า..

คุณชยุต ซื้อมาอ่านเถอะ ดี อ่านแล้วทั้งสองเล่ม

 

คุณ Little Raccoon อ่านจบแล้วแบบนี้ผม ขอยื้มอ่านได้ไหม อิอิ

เล่นสองก็ได้หรือไม่ก็ ทั้งสองเล่ม(one-eye)

 

ครับๆ อ่านแล้วรู้สึกดีครับ...

ผม สงสัย ว่า ทำไมต้องเอาไปเช็คกับพระคัมภีร์ของคริสต์หละครับ

พระเจ้า มีหนึ่งเดียวไม่ใช่หรอครับ

พระยะโฮวาห์ของคริสต์ กับพระอัลเลาะห์ของอิสลาม ก็องค์เดียวกัน

เพียงแต่เรียกต่างภาษากัน...

ถ้าพระเจ้าท่านมีจิง ก็ต้องมีหนึ่งเดียวสิครับ ใช่มะ

เพราะ ก่อนจะมีศาสนา ถ้าท่านมีจิง ท่านก็ต้องมีหนึ่งเดียว ใช่มะครับ

แล้วตอนนี้... ผมรู้ว่า... ท่านมีจริง

เพราะ ท่าน ลง มา บน โลก นี้ แล้ว ครับ...

ท่าน มา แนะ นำ ตน เอง

และ เปิด เผย ความ ลับ ทั้ง หมด...

เรา ทุก คน สามารถ สัมผัส ท่าน ได้...

เพียงแต่ได้ฟังสิ่งที่ท่านแนะนำตนเอง และติดต่อท่านได้ด้วยความคิด...

......

การสวดมนต์ เป็นเหมือนการคุยกับพระเจ้า

การฝึกจิต เป็นเหมือนการฟังพระเจ้าคุยกับเรา...

 

เคยฟังตลกเรื่องคนที่รอความช่วยเหลือจากพระเจ้าหรือเปล่าครับ ลองดุนะครับ
เกิดน้ำท่วมใหญ่ครั้งนึงมีผู้ล้มตายเป็นจำนวนมาก ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งหนีไปอยู่บนหลังคาได้สวดอ้อนวอยขอให้พระเจ้ามาช่วยเธอ ไม่นาน ก็มี เฮลิคอปเตอร์บินมาเพื่อช่วยเหลือ แต่เธอไม่ยอมไป บอกว่าจะรอพระเจ้ามาช่วย น้ำเริ่มสูงขึ้นจนถึงเอว ก็มีเรือติดเครื่องยนต์เข้ามาช่วย แต่เธอก็ม่ไป บอกว่าจะรอพระเจ้า จนน้ำท่วมถึงคางของเธอ ก็มีเรือพายเข้ามาหาและพยายามช่วยแต่เธอก็ไม่ไป บอกว่าจะรอพระเจ้าของเธอ สุดท้ายเธอเสียชีวิตและได้ไปพบพระเจ้า เธอจึงถามพระเจ้าว่า ทำไม พระองค์ไม่ช่วยเธอให้รอดชีวิต พระเจ้าตอบว่า ก็ เราส่ง ทั้งเฮลิคอปเตอร์และเรือไปทำไมเธอไม่ยอมขึ้นละ จบ การเชื่อมีความพอดี การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างสมำเสมอ การหาแนวทางเผยแพร่ธรรม โดยไม่บิดเบือนของเดิม แต่ปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะผลสูงสุดคือ ความดีงาม เหมือนที่หลายๆคนสงสัยการกระทำความดี

 

พูดถึงพระเจ้าไม่ได้เลยนะท่านใบไม้
มีเอี่ยวด้วยตลอด หุๆๆๆ
ที่ว่าคุยกับพระเจ้าหน่ะ
พรายที่ไหนมากระซิบหรือเปล่า
แยกแยะหน่อยนะครับ...

 

เรื่องการคุยกับพระเจ้า นี้ อุปมาว่า

เราอยู่ในประเทศไทย ไม่เคยดูทีวี ไม่เคยดูข่าว ไม่รู้เรื่องการบ้านการเมือง แล้วปรากฎว่ามีอยู่วันหนึ่ง
มีคนเดินมาหาแล้วบอกกับคุณว่า เขานี่แหละ คือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
คุณจะทำอย่างไรกัน

ยกมือไหว้แล้วฟังเขาทั้งหมด เชื่อเขาทั้งหมดเลยหรือเปล่า ถ้าเช่นนั้น คุณก็บ้าแล้ว
แล้ว เราก็ต้องพิจารณาด้วยว่า อยู่ดีๆแล้ว นายกรัฐมนตรีเขาจะมาหาเราเรื่องอะไร
เรามีอะไรพิเศษ หรือไร เขาจึงต้องเจาะจงมาที่เรา

นี่เรื่องการเข้าทรง หรือ เห็นนิมิตว่า ท่านนั้นท่านนี้มาบอกก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ไม่เชื่อ หรือ ผลักดันนะ แต่ต้องพิสูจน์ ก่อน ไม่ใช่ พอเจออะไรประหลาด เขาบอกอะไรมาก็เชื่อไปหมด

เรื่องพระเจ้านี้ คนเขียนพูดมาก็มีเหตุผลนะ น่าอ่าน แต่นั่นคือ แค่ทัสนะ
ทำไมพระเจ้าไม่บอกวิธีหละ ว่า จะเข้าถึงความเป็นพระเจ้าได้อย่างไร
หรือ พระเจ้าได้บอกหรือไม่ว่า แนวทางแห่งพระพุทธศาสนานั้นสามารถ ทำให้ถึงที่สุดได้ ตามลำดับขั้น มีพยานด้วย นี่พระเจ้าได้พูดไหม

ถ้ามาหาผมแล้วมาบอกว่า พระเจ้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมจะย้อนถามกลับไปว่า หนทาง ต่างหากที่ท่านควรชี้ ไม่ใช่พรรณาปลายทางว่า เป็นอย่างไร ให้คนหิวกระหายน้ำได้แต่จินตนาการอันไม่สามารถบำบัด อาการหิวน้ำได้เลย

ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่ต่างอะไรกับ คนขี้โม้คนหนึ่ง ที่เอาแต่พูดให้เห็นผลประโยชน์ แต่ไม่ได้บอกหนทาง

เช่นเดียวกับ ใบไม้นอกกำมือ ที่เอาแต่เพ้อเจ้อเรื่องปลายทางแต่หาได้ บอกหนทางไม่

จำเอาไว้นะครับ ร้อยคนพันคนก็บอกปลายทางได้ แต่ ครูเท่านั้นที่จะชี้หนทางให้ศิษย์

 

ผมอ่านแล้วทั้งสองเล่มครับ มันขัดกับคัมภีร์ครับ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือของพระเจ้าจริงๆครับ

ผมจะแสดงประจักษ์พยานให้ฟังครับ
เรื่อง พระเจ้าสื่อสารกับเราเรื่อง ความรู้สึกครับ................
ผมเคยจินตนาถึงความรักของพระเจ้าต่อทุกคน ทุกคนรวยจน บาป และนักบุญ ทุกคนตราบที่จินตนาการของผมจะไปถึง จนมาถึง ซาตานครับ จินตนาการเรื่องความรักของพระเจ้าที่มีอยู่ในวิญญาณของผม ผมเชื่อว่า พระเจ้ายังรักซาตาน และให้อภัยาซาตาน ไม่มีเรื่องนี้ในคัมภีร์หรอกครับ ไม่น่าเชื่อว่าพระเจ้าจะยืนยันเรื่องนี้ ในหนังสือเล่มนี้ครับ
อีกอย่างหนึ่ง ผมพยายามจะปฏิเสธ พระพุทธเจ้า เพื่อที่จะมีพระเจ้าองค์เดียว แต่ผมจินตนาการถึงหน้าของพระพุทธเจ้าทุกครั้งมันปฏิเสธไม่ได้จริงๆนะครับ ผมเห็นสันติในใบหน้าของท่าน มันเป็นสันติเดียวที่พระเจ้าสอนผม แล้วพระเจ้าจะให้ผมปฏิเสธสิ่งนี้ทำไม ผมเริ่มสับสนแล้ว คัมภีร์นั้นแหละพาผมสับสน
ถ้าเคยอ่านเรื่องพระเจ้ามาแล้วมาอ่านเรื่องนี้ ผมอ่านไปขนลุกไปครับ บางครั้งเหมือนกับว่าน้ำตาจะไหลเลยนะครับ มันเป็นคำตอบของพระเจ้าจริงๆ จริงๆนะครับ

เรื่องของพระเจ้าเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ


ผมพยายามหาข้อสรุปเรื่อง พุทธกับคริสต์มานาน ผมสรุปได้แล้วครับ มันเป็น "สัมพัทธภาพ"