๙๓๐ วัดร้างในเชียงใหม่ เมื่อไร?...นายกรัฐมนตรีจะมีศรัทธาไปบูรณะ

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>๙๓๐ วัดร้างในเชียงใหม่ เมื่อไร?...นายกรัฐมนตรีจะมีศรัทธาไปบูรณะ</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- -->จ.เชียงใหม่ ถือว่าเป็นจังหวัดบ้านเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๓ ของประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าหลังได้รับตำแหน่ง เมืองเชียงใหม่พัฒนาไปมาก ทั้งสนามบิน สวนสัตว์ และที่จะอดพูดไม่ได้คือถนนหนทาง ราวกับว่าท่านไปศึกษาดูงานและจำแบบอย่างมาจาก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งครั้งหนึ่ง นายบรรหาร ศิลปอาชา ก็เคยเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน จนมีคำพูดติดปากว่า "สุดยอดของถนนสวย ถนนดีต้องยกให้เมืองบรรหารบุรี"


ในขณะที่ระบบสาธารณูปโภคทางโลกถูกก่อสร้างด้วยงบประมาณนับหมื่นล้านบาท แต่ศาสนสถานทางธรรมกลับถูกทอดทิ้งอย่างไร้ค่า ปัจจุบันวัดหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตกลายเป็นวัดร้าง โดยเฉพาะในเขต อ.เมือง มีมากถึง ๙๗ แห่ง แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมได้อย่างไร?
กรมการศาสนา รวบรวมข้อมูลและขึ้นทะเบียนวัดร้างใน จ.เชียงใหม่ ไว้มีทั้งสิ้น ๙๓๐ แห่ง กระจายอยู่ใน ๒๒ อำเภอ และ ๒ กิ่งอำเภอ โดยอำเภอที่มีวัดร้างอยู่มากที่สุด คือ อ.สารภี ๑๒๙ แห่ง อ.สันป่าตอง ๑๑๖ แห่ง และ อ.เมือง ๙๗ แห่ง หากรวมที่ดินวัดร้างใน จ.เชียงใหม่ เข้าด้วยกัน จะมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ไร่
นายจำลอง กิติศรี ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา จ.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงการดูแลพื้นที่วัดร้างที่ขึ้นทะเบียนไว้ว่า ต้องยอมรับว่าในอดีตวัดที่ถูกปล่อยให้รกร้าง และจากจำนวนวัดร้างที่มีอยู่มาก มหาเถรสมาคมจึงมีนโยบายนำที่ดินวัดร้างมาจัดประโยชน์โดยให้ประชาชนเช่าในราคาถูก เพียงตารางวาละ ๑ บาท เน้นประชาชนที่มีฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัย และให้นำเงินที่จัดเก็บได้มาบำรุงศาสนา
สำนักพระพุทธศาสนาสามารถเก็บค่าเช่าที่ดินวัดร้างใน จ.เชียงใหม่ ได้เฉลี่ยปีละ ๔-๕ ล้านบาท ส่วนทั่วประเทศเก็บได้ประมาณ ๒,๐๐๐ ล้านบาท รายได้จากการจัดเก็บนำส่งสำนักงานศาสนสมบัติ เพื่อใช้ในกิจการของคณะสงฆ์
แต่ปรากฏว่า ระยะหลังกลับมีการฉกฉวยโอกาส นำที่ดินไปเช่าช่วงต่อ และเก็บค่าเช่าแพงกว่าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจัดเก็บ จึงเกิดการฟ้องร้องเพื่อยกเลิกสัญญาเช่า ซึ่งก็มีอยู่ถึง ๑๐ ราย
นอกจากนี้ จากความกว้างใหญ่ของพื้นที่จังหวัดและจำนวนวัดร้างที่กระจายอยู่ทุกอำเภอ ทำให้การดูแลเอาใจใส่ไม่ทั่วถึง ทำให้เกิดการบุกรุกและนำที่ดินวัดร้างไปออกเอกสารสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของ สำนักงานพระพุทธศาสนาต้องดำเนินการฟ้องร้องผู้บุกรุกเหล่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีคดีความคาราคาซังอยู่ในศาลประมาณ ๔-๕ คดี

 

หาผลประโยชน์มิชอบจากวัดร้าง นรกเปิดกว้างไว้รอรับแล้วครับ ช่างน่าอเนถอนาถใจจริงๆ