ไม่รู้จักกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.

  1. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    3. ไม่เชื่อสิ่งที่คนอื่นพูด คนใจแคบ ในเมื่อยึดมั่นเชื่อสิ่งใดแล้ว มักจะไม่ค่อยเชื่อเหตุผลอื่นๆ จากคนอื่นที่มาพูดเท่าไรนัก ถึงแม้สิ่งที่คนอื่นพูดนั้นจะมีที่มาที่ไปมีหลักฐานมายืนยัน คนใจแคบก็ยังคงมีความคิดที่ไม่เชื่ออยู่ดี

    4. เข้าสังคมไม่ค่อยได้ เพราะคุณเป็นคนที่ไม่รับฟังความคิดเห็นใคร มองคนอื่นด้อยกว่า เวลาไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสนทนา ไม่คุณหรือฝ่ายตรงข้ามก็จะรู้สึกไม่อยากจะสานต่อความสัมพันธ์เพราะมันไม่ใช่การแลกเปลี่ยน แต่เป็นความรู้สึกการเอาชนะการเหนือกว่า ดังนั้นคุณอาจจะเข้าสังคมได้ยาก

    5. มักจะติดต่อกับเพื่อนเมื่อมีเรื่องเดือดร้อน เวลาสุขสบายดีไม่เคยคิดติดต่อโทรหาใคร แต่เวลาที่เป็นทุกข์เดือดร้อน คุณจะรีบติดต่อโทรหาเพื่่อนเพื่อขอความช่วยเหลือ
     
  2. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    6. ไม่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่เปิดรับเรื่องราวใหม่ๆ ออกแนวจะเป็นคนหัวโบราณที่มีความเชื่อแบบเก่าๆ แต่ไม่ได้เหมารวมคนที่หัวโบราณทุกคนะคะ เพราะคนหัวโบราณที่เปิดใจกว้างรับฟังก็มี แต่สำหรับคนใจแคบ ต่างตรงที่เมื่อมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามา เขาจะไม่เปิดรับและมองว่าไม่น่าเชื่อถือ เป็นไปไม่ได้เอาไว้ก่อน

    7. ไม่ชอบให้ใครมาวิจารณ์แต่วิจารณ์คนอื่นได้ คนประเภทนี้ จะไม่สามารถยอมรับคำวิจารณ์จากคนอื่นได้ และมักจะหัวเสีย หัวร้อน เมื่อมีคนมาแนะนำตักเตือน ในทางกลับกันคุณคิดว่าสามารถวิจารณ์คนอื่นได้เพราะคิดว่าสิ่งที่ตนเองจะพูดออ กไปนั่นคือความจริง

    ที่มา khoddeeja
    :D:D:D
     
  3. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    คำของครูบาพ่อบุญชุ่ม ญาณสํวโร
    ที่กล่าวไว้บ่อยครั้ง

    +++ความผูกพันธ์ของคนที่เกิดมาพบเจอกัน+++

    คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญความสัมพันธ์ เป็นพ่อเป็นลูก ,เป็นแม่เป็นลูก, เป็นพี่เป็นน้อง, เป็นญาติ , เป็นเพื่อนกัน , ศัตรูคู่อาฆาต, เป็นคนรัก เป็นเจ้านายเป็นลูก เป็นนายทหาร เป็นขุนนาง ฯลฯ

    มันเป็นบุพกรรมที่ทำร่วมกันมาทั้งนั้น ไม่ใช่ของเลื่อนลอย

    เมื่อมีวาสนาต่อสิ่งใดไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเอง เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน ไม่มีหนทางรั้งไว้

    ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกันหรือยังไม่ได้แยกจากกัน ยังอยู่ด้วยกัน ก็ควรสร้างกรรมดีต่อกัน หมดวาสนาเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินทองมากมายหรือมีอำนาจล้นฟ้าก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้

    ทุกๆ วจีกรรม กายกรรม และมโนกรรม ที่เรานึกคิดพูดล้วนเป็นกรรมหมด อยู่ที่เจตนาเป็นตัวตัวกำหนดบุญหรือบาป

    ล้วนส่งผลต่อปัจจุบันและอนาคตทั้งนั้น...เราจึงควรมีเมตตาต่อกัน และต่อสรรพสัตว์ร่วมโลก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    Our encounter with someone in this lifetime is not simply a coincidence. Whether it is being a father, mother, sister, brother, lover, enemy, boss, employee, soldier, etc., all had a karmic cause.

    If we have a karmic connection (wasana) with something, do not aggravate over it, for it will come in due time. On the opposite, if that karmic connection is gone, separation is inevitable, there's no way to hold on to it.

    While one is still alive and have not parted from each other, one should create only good karma towards each other. For when the karmic connection is gone, departure is the only result. It doesn't matter how rich you are or if your social status is as high as the sky, there's no way of getting it back.

    Every actions of ours, whether from the heart, body, mind, every thoughts and spoken words have a karmic effect. It is the intention of our actions that determines whether that karma (result) is good or bad. These karma have an effect on both our present life and future lives. Therefore, we should practice compassion (metta) towards each other and towards other worldly beings alike.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpeg
      images.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      50.3 KB
      เปิดดู:
      64
  5. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    โอวาทธรรมจากพระธีระศักดิ์ ถิรปัญโญ วัดภูเพียง เวียงสา น่าน

    ธรรมะวันนี้ เสาร์ 4 กรกฎาคม 2563 ขึ้น14 ค่ำเดือน 8 ปีชวด

    บุคคลที่เป็นอิสระ ไม่รับทั้งดี ไม่รับทั้งชั่ว

    เพราะทั้งดีและชั่ว เป็นเรื่องของโลก เมื่อเป็นเรื่องของโลกมันก็เป็นอารมณ์

    ถ้าหวั่นไหวไปตามอารมณ์ ใจเรามันก็เป็นโลก ลูบคลำโลกอยู่ตลอดเวลา ก็เรียกว่า ไม่รู้จักทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

    เมื่อเราเข้าใจเช่นนี้แล้ว ก็จะรู้ว่าเรายังไม่ชนะใจตัวเอง เรายังชอบเอาชนะคนอื่น มันก็แพ้ตัวเองเท่านั้น

    แต่ถ้าเราเอาชนะตัวเอง มันก็ชนะทั้งตัวเอง ชนะทั้งคนอื่น ชนะทั้งอารมณ์ ชนะทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น ทั้งรส ทั้งโผฎฐัพพะ ..

    เป็นอันว่าชนะทั้งหมด ..
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    “เป็นชาวพุทธ...อย่างน้อยต้องเข้าถึงพระรัตนตรัย เข้าถึงไตรสรณคมน์ ใคร...ผู้ใดถึงตรงนี้ เรื่องมรรคผลจึงจะเป็นไปได้โดยง่าย”

    "พุทธัง สรณัง คัจฉามิ...
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ"

    การ ‘เข้าถึง’ พระรัตนตรัยหรือไตรสรณคมน์ มิได้หมายถึงการพร่ำสวดพร่ำบ่นบทแห่งพระคาถานั้นประการเดียว ทว่าการเข้าถึง หมายถึงเข้าถึงตัวพระรัตนตรัยจริงๆ รู้จักพระรัตนตรัยจริง ๆ คนที่จะเข้าถึงได้จนกระทั่งเอามาเป็นที่ยึดถือเป็นที่พึ่งทางใจได้นั้น ต้องศึกษา พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ให้เข้าใจอย่างละเอียดประณีต จนลึกซึ้งว่า อานุภาพแห่งพระรัตนตรัยนั้นมีจริง และสามารถแก้ทุกข์ช่วยเหลือเราได้จริง ๆ

    ครูบาอาจารย์กล่าวไว้ว่า การเข้าถึงพระรัตนตรัยจริง ๆ นั้นต้องเข้าถึงด้วยจิตใจ...คือรู้เห็นจริงด้วยจิต นั่นคือสมาธิจิต จนกล้ากล่าวว่า แม้ใครสักคนสามารถภาวนาจนจิตรวมเป็นสมาธิเข้าสู่ความสงบได้ คนนั้นจะเชื่อและรักพระพุทธเจ้าอย่างสุดหัวใจ และท้ายสุดจะรู้คุณแห่งพระพุทธเจ้าอย่างมิพักสงสัย

    ความรู้เห็นจริง...ด้วยปัญญาภายในจะทำลายวิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยในพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาลงอย่างสิ้นเชิง ความสิ้นสงสัยในกรรมคือการกระทำดีกระทำชั่ว เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง เชื่อในมรรคอันมีองค์แปดจะนำพาตนสู่ความพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง ย่อมเป็นบาทฐานแรกของการก้าวสู่ความเป็น ‘อริยชน’ เพราะสมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสไว้ชัดแจ้งว่า...ผู้เข้าสู่โสดาบัน หรือผู้มีดวงตาเห็นธรรม หรือเข้าสู่กระแสพระนิพพานนั้นต้องเริ่มด้วย
     
  7. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    การปราศจากวิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัยในคุณแห่งพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ต่อด้วยสีลัพพตปรามาส คือการไม่ลูบคลำศีล คือมีศีลประดับใจในทุกเวลา ท้ายสุดคือ การละ...สักกายทิฐิ คือการยึดมั่นถือมั่นด้วยตัวตนของตนเอง

    เมื่อจิตใจเข้าถึงพระรัตนตรัยจะรู้สึกเสมอว่าในโลกนี้เป็นมายา ไม่มีสิ่งใดจะยึดเหนี่ยวและเป็นที่พึ่งได้เท่ากับพระรัตนตรัย แม้แต่ในเวลาจะตายทุกคนย่อมจะรู้แน่แก่ใจ เงินทองหรืออิทธิพลใดก็ช่วยไม่ได้ แต่สำหรับผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัย แม้กำลังจะตายเขาก็รู้สึกอบอุ่นมั่นใจว่าความตายไม่ได้ทำให้ตนสูญเสียอะไร มิหนำซ้ำยังถือเป็นประโยชน์ เพราะบนหนทางที่ต้องก้าวเดินจะสุขสงบและดีขึ้นกว่าที่เป็น

    เพราะจิตที่เข้าถึงพระรัตนตรัยแล้ว ย่อมมีสุคติภูมิเป็นที่หมายได้เป็นอย่างน้อย หรือแม้ต้องเกิดใหม่ในโลก กุศลนี้จะทำให้ตนมีนิสัยมีปัจจัยก้าวสู่ความพ้นทุกข์ได้โดยง่าย

    เพราะเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น จึงไม่แปลกใจใด ๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่เสน ปัญญาธโร จึงกล่าวได้ชัดเจน

    “เพราะจิตของมนุษย์เป็นจิตหลอกจิตหลงที่ยังพึ่งพาตนเองไม่ได้ จึงต้องอาศัยพระรัตนตรัย อาศัยคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า เป็นที่พึ่งที่อาศัย และเมื่อใดสามารถเข้าถึง...รู้คุณของพระรัตนตรัยอย่างจริงแท้แน่นอนไม่สงสัย วันนั้นแหละจะถือว่าจิตสามารถพึ่งพาอาศัยได้ จิตที่พึ่งพาอาศัยได้จะนำพาสู่ความพ้นทุกข์ได้ในที่สุด”

    จาก..เวปธัมมะ 5 นาที

    ธรรมทานนี้ขอน้อมถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา
    นิพพานัง ปัจจะโย โหตุ
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ...อย่าเพิ่งรีบตาย อยู่สร้างบารมีกันก่อน...:D

    คาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร
    (พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต)


    ตั้งนะโม 3 จบ

    ...“ปัญจะมาเร ชิโน นาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จะตุสัจจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง”...

    (ใช้ท่องเพื่อป้องกันอันตรายทั้งปวง ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก)

    ช่วงนี้เกิดภัยพิบัติทั่วโลก น้ำท่วมที่จีน น้ำท่วมที่ญี่ปุ่น ไปหาดูคลิปในยูทูปได้ เดือดร้อนกันเป็นหลักล้าน

    ปล.ใช้ภาวนาได้ตลอดเวลาค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ฟังเพลงแบบไม่คิดตามเพลง ลองฝึกดู
    ดูหนังดูละครแบบไม่คิดตาม ลองฝึกดู
    จะรู้จัก...สักแต่ว่า
    อยู่บนโลกได้อย่างสบายๆ
    เพราะทุกอย่างเป็นสักแต่ว่าไปหมด
    กระทบรูปรู้แค่เป็นรูป
    กระทบนามรู้แค่เป็นนาม
    แล้วมันก็ผ่านไป....
    ต้องเห็นวัฏจักร...จึงจะหยุดวัฏจักรได้:D
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    พอได้รู้ชัดเจนแล้ว จิตใจนี้จะไม่หมุนลงนะ ไม่มีอะไรมาดึงใจนี้ลง มีกามกิเลสเท่านั้นดึงลงๆ ตลอดเวลา พอกิเลสขาดออกไปในขั้นนี้แล้ว จิตจะค่อยหมุนขึ้นเป็นลำดับ พิจารณาฝึกซ้อมจิตใจดวงนี้แหละด้วยอสุภะดังที่เคยปฏิบัติมานั้น จิตใจจะละเอียดลงไปๆ และความหมุนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ นี่ละพระอนาคามีที่ท่านไม่กลับมาเกิดอีก ก็คือมีกามกิเลสอันเดียวนี้เท่านั้นดึงลง มาสู่นรกอเวจีได้เพราะกามกิเลส พออันนี้ขาดลงไปแล้วจิตใจจะเบาลงไปๆ เบาจนกระทั่งเบาหวิวๆ กำหนดพับๆ ซักฟอกตัวเองๆ ในส่วนที่เป็นมลทินอันละเอียดติดแนบอยู่กับจิต ซึ่งอยู่ในขั้นอนาคามีที่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ มลทินเหล่านี้จะค่อยกระจายละเอียดลงไปๆ ด้วยการฝึกซ้อมของเรา

    พอละเอียดเข้าไปเท่าไรจิตยิ่งหมุนสูงขึ้นๆ เรื่อย อย่างที่ท่านเทียบไว้ในสุทธาวาส ๕ ชั้น อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา นี่แหละระดับของพระอนาคามี พอได้ระดับเบื้องต้นที่ว่าสอบไล่ได้แล้ว หากว่าตายก็จะไปเกิดในอวิหา แล้วเลื่อนไปอตัปปา ละเอียดเข้าไปก็สุทัสสา ละเอียดเข้าไปสุทัสสี ละเอียดเข้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่ตายก็รู้เป็นลำดับ ละเอียดเข้าไปเต็มที่แล้วขึ้นอกนิฏฐา นี่เป็นชั้นที่ ๕ ของสุทธาวาส ๕ ชั้น พอจากชั้นนี้แล้วก็ดีดผึงก้าวเข้าสู่นิพพาน เพราะฉะนั้นพระอนาคามี เมื่อสำเร็จเป็นพระอนาคามีแล้วท่านจึงไม่กลับมาเกิดอีก
     
  11. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ถ้าว่าเกิดก็ไปเกิดในอวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี เรื่อยไป แล้วพร้อมที่จะไม่กลับคืนมา ไปจนกระทั่งทะลุพระนิพพานไปเลย

    นี่ภาคปฏิบัติ ขอให้พระลูกพระหลานทั้งหลายจำเอาไว้ พิจารณาอย่างที่ว่ามานี้จำให้ดีด้วยนะ ภาคปัญญาที่ออก การพิจารณาทางด้านปัญญานี้ต้องพิจารณาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถึงกาลเวลาพิจารณา เวลาที่จะเข้ามาพักสมาธิมีความสงบ เพื่อเอากำลังหนุนทางด้านปัญญา เราก็เข้ามาพักสมาธิคือความสงบใจเสีย อย่าไปกังวลกับความคิดอ่านไตร่ตรองเรื่องปัญญาเลย ให้อยู่กับความสงบ สงบได้ดีเท่าไรยิ่งเป็นของดี อยู่ตรงนี้ พอจิตอิ่มพอในความสงบแล้ว พอถอยออกมาเท่านั้น ทีนี้เอาพิจารณาทางด้านปัญญา อย่ายุ่งกับทางสมาธิ ปล่อยไปเลยสมาธิ เหมือนเป็นคนละโลก

    ในขณะนั้นให้ก้าวเดินทางด้านปัญญา เมื่อเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแล้วก็ถอยมาพักสมาธิ นี้เป็นการก้าวเดินอย่างราบรื่นดีงามของผู้ปฏิบัติทั้งหลาย ให้พระลูกพระหลานจำเอาไว้นะ แล้วก้าวเดินไปอย่างนี้เรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงอกนิฏฐาเต็มภูมิ นี่ท่านเรียกว่าพระอนาคามีเต็มภูมิ ไปเต็มที่นั่นนะ ตั้งแต่อวิหา อตัปปานี้ยังไม่เต็มภูมิ แต่ได้ฐานเรียบร้อยแล้ว ว่าสำเร็จเป็นพระอนาคามี ถ้าบันไดก็ขั้นต้น บันไดของพระอนาคามีมีถึง ๕ ขั้น ถ้าเทียบบันได ขั้น ๑ อวิหา ๒ อตัปปา ๓ สุทัสสา ๔ สุทัสสี ๕ อกนิฏฐา นี่ลำดับของพระอนาคามีที่ได้ในขั้นต้นแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบเหมือนผู้รู้ธรรมโดยขิปปาภิญญา

    การกล่าวทั้งนี้เรากล่าวตามธรรมดาของเนยยะ อยู่กลางๆ ของคนเราธรรมดา ไม่ได้กล่าวถึงพวกอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู ซึ่งรวดเร็ว พอถึงปั๊บนี่พุ่งเลย อวิหา อตัปปา อนาคามี นี้พุ่งทะลุถึงกัน ถึงนิพพานเลย นี่เป็นประเภทหนึ่งไม่ได้นับเข้ามาในนี้ ส่วนมากนักปฏิบัติของเรามักจะก้าวเดินไปตามนี้ เพราะเป็นการบำเพ็ญของผู้ที่อยู่ในท่ามกลาง ยากลำบาก ช้าก็ช้าแต่ถึง นี่เป็นอย่างนี้นะ ผู้ที่รวดเร็วนั้นพอบรรลุปึ๋งๆ ถึงที่สุดเลย นี่เรียกว่าอุคฆฏิตัญญู เรียกว่า ขิปปาภิญญา ผู้รู้ได้เร็วต่างกันอย่างนี้ แต่ให้แยกแยะเอานะ นี่การพิจารณาทางด้านปัญญาให้พิจารณาอย่างนี้

    พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ใหญ่พระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ [บ่าย] “มหาสมัยในปัจจุบัน”
    #พระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    #เมื่อยังไม่ถึงเวลาทิ้งสมมติ_ต้องอาศัยสมมติ

    (คติธรรม หลวงพ่อชา สุภัทโท)

    เปรียบง่ายๆ ให้ฟัง เราไปซื้อกล้วยหรือซื้อมะพร้าวใบหนึ่งจากตลาด แล้วก็เดินหิ้วมา อีกคนหนึ่งก็ถาม

    “ท่านซื้อกล้วยมาทำไม ?”
    “ซื้อไปรับประทาน”
    “เปลือกมันต้องรับประทานด้วยหรือ ?”
    “เปล่า”
    “ไม่เชื่อหรอก ไม่รับประทานแล้ว"
    "เอาไปทำไม...เปลือกมัน ?”

    หรือเอามะพร้าวใบหนึ่งมาก็เหมือนกัน
    “เอามะพร้าวไปทำไม ?”
    “จะเอาไปแกง”
    “เปลือกมันแกงด้วยหรือ ?”
    “เปล่า”
    “จะเอาไปทำไมล่ะ ?”

    เอ้า จะว่าอย่างไรล่ะ จะตอบปัญหาเขาอย่างไรด้วยความอยาก ถ้าไม่อยาก เราก็ไม่ได้ทำให้มันมีปัญญานะ การทำความเพียรก็เป็นเช่นนั้น คือทำด้วยการปล่อยวาง อย่างกล้วย อย่างมะพร้าว เอาไปทำไมเปลือกมัน ?

    ก็เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาเอามันทิ้ง มันก็ห่อเนื้อในมันไปอยู่นั้น ยังไม่ถึงเวลาจะทิ้ง ก็ถือมันไว้ก่อน (เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อจิตยังไม่ถึงวิมุตติ ก็อยู่กับสมมติไปก่อน จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง)

    การประพฤติปฏิบัติก็เหมือนกัน สมมติ วิมุตติ ก็ต้องปนกันอยู่อย่างนั้น เหมือนมะพร้าว มันจะปนอยู่ทั้งเปลือก ทั้งกะลา ทั้งเนื้อ เราก็เอามาทั้งหมดแหละ เขาจะหาว่าเรากินเปลือกมะพร้าว อย่างไรก็ช่างเขา เรารู้จักของเราอยู่
    ___________________________

    #หมายเหตุ : หลวงตามหาบัว ท่านอุปมาไว้ว่า ผู้ที่จะถึงพระนิพพานวิมุตติหลุดพ้นได้นั้น ก็เหมือนคนที่เดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ก็ต้องได้อิงอาศัยบันได อาศัยราวจับบันได เช่นเดียวกัน ผู้ที่จะถึงพระนิพพานก็ต้องอิงอาศัยการสร้างบุญบารมี สั่งสมเป็นสะพานทอดยาวออกไปค้ำชูหนุนส่ง จนกว่าจะถึงจุดหมาย เมื่อถึงจุดหมายแล้ว บุญกุศลต่างๆ หรือแม้แต่ศีล หรือสมาธิ อันเป็นเครื่องมือในส่วนสมมติ ก็ต้องละทิ้ง เมื่อถึงจุดนั้น เช่นเดียวกันกับคนหิ้วมะพร้าว เมื่อยังเดินไม่ถึงบ้าน ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องจัดการผ่าเปลือกกะลาทิ้ง เนื้อมะพร้าวภายในนั้น ก็ต้องอิงอาศัยเปลือกะลามะพร้าวไปเสียก่อน จนกว่าจะถึงจุดที่เรียกว่า "ละทิ้ง" สาธุ_/|\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    :cool:คำคมจากยูทูป:cool:

    จงเลือก...ผู้ชายที่จับปลา...ให้เรากิน
    ไม่ใช่...วาดรูปปลาให้เราดู...
    :p

    (กำลังงมปั้นนาคี 9 เศียร)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    นำมาฝากกันค่ะ

    นาควิมานที่ ๓
    ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในนาควิมาน

    บัณฑิตคนหนึ่งได้ถามบุพกรรมของเทพบุตรตนหนึ่งว่า...

    [๖๒] ใครหนอมีเสียงกึกกล้องไปด้วยดุริยางค์และกังสดาล มีคชสาร เผือกผ่องเป็นทิพยยาน ลอยอยู่ในอากาศ อันบริวารเป็นอันมาก บูชาอยู่ ท่านเป็นเทวดา เป็นคนธรรพ์ หรือเป็นท้าวสักกะ จอมเทวันผู้ให้ทานในปางก่อน เราไม่รู้จักท่านจึงขอถาม ไฉนเราจะรู้จักท่านอย่างไร?

    เทพบุตรตอบว่า...ข้าพเจ้าไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่คนธรรพ์ และไม่ใช่ท้าวสักกะ ผู้ให้ทานในปางก่อน ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งในจำนวนเทพเจ้าชาวสุธรรมา.

    บัณฑิตถามว่า...ดูกรท่านสุธรรมเทวัน เราขอทำอัญชลีแก่ท่านโดยเคารพ ขอถามท่านว่า ท่านได้ทำกรรมอะไรไว้ในมนุษยโลก จึงมาเกิดเป็นเทพบุตรชาวสุธรรมา?

    เทพบุตรตอบว่า...ผู้ใดได้ถวายเรือนอันมุงบังด้วยใบอ้อย มุงบังด้วยหญ้า และมุงบังด้วยผ้า ผู้นั้นครั้นได้ถวายเรือนทั้งสามอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ย่อมบังเกิดเป็นเทพบุตรชาวสุธรรมา.

    จบ นาควิมานที่ ๑๒

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
    ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ฟ้ายังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
    เช้า-สาย-บ่าย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    2lKVdyac.jpg
     
  17. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เย ธัมมา เหตุ ปัพพวา
    เตสัง เหตตัง ตถาคโต อาห
    เต สัญ จะ โย นิโรโธ จ
    เอวัง วาที มหาสมโณ ติ

    ธรรมทั้งหลาย เหล่าใด ทั้งสิ้น เกิดแต่ เหตุ
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     
  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ถาม : จะรู้ได้อย่างไรว่า ใครเคยเป็นอะไรมาแต่ชาติก่อน ๆ

    ตอบ : อันนั้นมัน วิชชาจรณะสัมปันโน ต้องพร้อมด้วยวิชชาสาม มีปุพเพสันนิวาสานุสสติญาณ เหมือนครูอาจารย์มั่น ท่านศึกษาจนรุ้ดีว่า ท่านปรารถนาพุทธภูมิมานี่ได้กี่ภพกี่ชาติกี่อสงไขย หรือพระพุทธเจ้าได้พยากรณ์ไว้แล้ว สาวเข้าสาวเข้าก็ถึงวันที่ตั้งความสัตย์ ปรารถนาพุทธภูมิ แต่ที่ ตาย ๆ เกิด ๆ นี่ก็หลาย ตายก็เพราะกาม เกิดก็เพราะกาม ทุกข์ก็เพราะกาม สุขก็เพราะกาม

    ท่านมองดูชั้นฟ้าท้องฟ้าจนจดพุทธภูมิ พุทโธ่ เราจะมาตายมาเกิดอย่างไม่มีกำหนดอีกแล้ว จากนั้นท่านก็เร่งความเพียร จนตีสองก็ได้วิชชาสอง คือ จุตูปปาตญาณ รู้ว่าสัตว์ภพนี้ ดับที่นี้ ไปเกิดที่โน้น ภพโน้น ดับที่โน้น ดับที่นี่ไปเกิดที่โน่น ดับที่โน่นไปเกิดที่นั่น อันนี้ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ วิชาชั้นสาม รู้จักกิเลสของตนว่าสิ้นไปหมดไป กิเลสของกายวาจาสิ้นไปหมดไป กิเลสของใจเราสิ้นไปหมดไป

    เรามีกรรมเป็นอันขาด มีกรรมอันไม่งอกแล้ว จิตดวงหลังดับไปอยู่แล้ว อาศัยกำลังทั้งห้า คือกำลังศรัทธา กำลังความเพียร กำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังปัญญา ให้รู้แจ้งชัชวาล เพื่อดับขันธปรินิพพาน เราไม่ยินดีจะก่อภพใหม่อีก ก็หมดเรื่องไป

    "นับ อสงไขยไม่ได้ นับล้านอสงไขยไม่ถ้วน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด มาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์ มาตั้งแต่อดีต อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา มันเรื่องของสังขาร รู้เท่าสังขาร รู้เท่าสมมติ วางสังขารหมด วางสมมติหมด ก็โลกวิทูรู้แจ้งโลก รู้แจ้งโลกแล้ว ก็รู้แจ้งธรรม

    ฉะนั้น ไม่ให้ประมาท ให้ค้นอยู่ในก้อนธัมเมาอันนี้ละ พระธัมเมาก็ว่ามันเมาอยู่กับรูปนี้ ไม่เมารูปนี้ก็รูปอื่นมีทั่วไป ครั้งค้นนี้ให้แจ้ง แล้วก็หลุดออก แล้วมันก็สบาย วางขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม เอาละอย่าไปเอามาก มันเป็นธัมเม

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     
  19. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ทุกข์ที่เกิดจากความฟุ้งซ่าน ความฟุ้งซ่านเกิดจากความปรุงแต่งไปในอดีต อนาคต บ่งบอกให้รู้ว่าจิตขาดการภาวนา จิตไม่อยู่ในกรรมฐาน รู้ธรรมแต่ไม่ทำ ไม่เท่าทันอกุศลจิตที่เกิด

    สัมมาทิฏฐิ คือทิฏฐิที่เป็นกุศล ไม่มีทางปรุงแต่งไปในอกุศลได้เลย ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐินะ สัมมาทิฏฐิ คือทิฏฐิที่เป็นกุศล ทิฏฐิชอบตามธรรม ธรรมที่ถูกต้องตรงตามจริง เพราะตรงตามจริงจึงทำให้หลุดพ้นจากทุกข์ได้ ไม่ต้องอ้างอิงใดๆ หากจิตพ้นจากทุกข์ได้แล้ว จิตจะไม่ซัดส่ายดิ้นรน จนต้องแสดงออกทางอกุศล ผู้มีวินิจฉัย มีวิจารณญาน สัมผัสแล้วจะรู้ได้เองว่าเท็จหรือจริง ไม่ต้องชี้ให้ใครดูก็ได้

    วิปลาส4 จะหมดสิ้นไปในภูมิอรหันต์ วิปลาสมี 3 อาการ เรายังสิกขาอยู่นะ

    เราเคยบอกว่ากายคือกาย จิตคือจิต กายคือรูปที่ประกอบขึ้นมาด้วยธาตุ แล้วจึงมีขันธ์ห้าเข้ามาประกอบ คือกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เพราะสุดท้ายแล้วกายก็กลายเป็นซากกองไว้บนโลก

    อุปาทานขันธ์เกิดจากอวิชชา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    วันใดที่เธอเจ็บป่วย ถึงขั้นนอนติดอยู่กับเตียง วันนั้นเธออาจไม่มีอะไรให้กลัวอีกต่อไป แต่ใครๆ ต่างจะพากันกลัวเธอ!

    พ่อแม่กลัวเธอไม่หาย ญาติๆ และผองเพื่อน กลัวเธอยืมเงิน

    คู่ชีวิต.. กลัวเธอจะทำให้เขาเหนื่อย
    โรงพยาบาล.. กลัวเธอจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา

    ถึงตอนนั้น กำลังวังชา ความภาคภูมิใจได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น ดังนั้น...เธอต้องดูแลสุขภาพของตัวเธอให้ดี

    ถ้าสุขภาพไม่ดี...ทุกสิ่งที่มี.. ก็ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป

    - นุสนธิ์บุคส์ -
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...