ไม่รู้จักกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.

  1. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    “ ลักษณะผู้ทรงธรรมและไม่ทรงธรรม “

    พระศาสดาตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เรียกผู้เรียนมากหรือพูดมากว่า "เป็นผู้ทรงธรรม" ส่วนผู้ใดเรียนคาถาแม้คาถาเดียวแล้วแทงตลอดสัจจะทั้งหลาย, ผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้ทรงธรรม"

    ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
    ๓. น ตาวตา ธมฺมธโร ยาวตา พหุ ภาสติ
    โย จ อปฺปมฺปิ สุตฺวาน ธมฺมํ กาเยน ปสฺสติ
    ส เว ธมฺมธโร โหติ โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชติ.

    บุคคลไม่ชื่อว่าทรงธรรม เพราะเหตุที่พูดมาก;

    ส่วนบุคคลใด ฟังแม้นิดหน่อย ย่อมเห็นธรรมด้วยนามกาย, บุคคลใด ไม่ประมาทธรรม, บุคคลนั้นแล เป็นผู้ทรงธรรม.

    “ พวกเทวดาให้สาธุการแก่เทศนาของพระเอกุทานเถระ ได้ยินว่า พระเถระนั้นอยู่ในราวไพรแห่งหนึ่งแต่องค์เดียว. อุทานที่ท่านช่ำชองมีอุทานเดียวเท่านั้นว่า :-

    ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง

    ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางแห่งโมนปฏิบัติ

    ผู้คงที่ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ.

    บทความเต็ม : http://keathadhammaboththai.blogspot.com/2017/07/03_18.html?m=1
     
  2. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    อ่านเจอแล้วชอบ ก็เลยนำมาปันกันค่ะ

    เพศสาวก ผู้ที่ได้มอบอริยะทรัพย์มหาศาล!! ที่หลวงปู่ชอบกล่าวถึงที่วัดป่าบ้านตาด รู้แล้วใครใครต้องบอกว่าต้นทางบุญของหลวงตามหาบัวแท้จริง

    หลวงปู่ไดโนเสาร์ไปวัดป่าบ้านตาดสมัยหนุ่ม เมื่อองค์หลวงปู่เป็นพระกรรมฐานหนุ่ม(พระสมุห์หา สุภโร)เดินทางจากวัดบ้านคำคา จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อไปฟังธรรมจากพระอาจารย์มหาบัวในสมัยนั้น พอไปถึงวัดป่าบ้านตาด ปรากฏว่าพระอาจารย์มหาบัวท่านไม่อยู่จึงเดินสำรวจภายในวัด ก็ได้เจอแม่ชีสูงอายุกำลังตากกล้วยสุกในกระด้ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ท่านจึงถามว่า

    พระสมุห์หา ; แม่เอ๋ย มาบวชอยู่วัดป่าวัดดง ปรารถนา ทิพยสมบัติอันใด สวรรค์ชั้นไหนหนอ

    แม่ชี ;ลูกพระเอ้ย แม่ออกจากบ้านจากเรือน ออกทำความพากความเพียรภาวนา อย่าว่าแต่ทิพยสมบัติในสวรรค์นั้นเลย แม้แต่พรหมชั้นใดแม่ก็ไม่ได้ปรารถนาแม่มาปฏิบัติเพื่อละเพื่อทิ้งโลกนี้และโลกหน้า พรหมสมบัติ ทิพยสมบัติ สวรรค์สมบัติก็โลก แม่เพลิดแม่เพลินแม่ก็มาเกิดอีก เวียนตายเวียนเกิด ไม่จบไม่สิ้น แม่ไม่เพลิดเพลินในโลกทั้งที่เป็นมนุษย์ และเป็นทิพย์ ลูกพระก็เหมือนกันนะ ทำความเพียรนะลูก คนได้พระนิพพานมีเอนกคุณมากล้น ทิพยสมบัติ ทิพยพรหม จะได้เศษได้เสี้ยวอะไร
     
  4. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    หลวงปู่ชอบสอนพวกเราว่าได้ฟังธรรมวันนั้นเหมือนได้อริยะทรัพย์มหาศาล อย่าดูเบาผู้หญิง ในธรรมะไม่มีตัวผู้ตัวเมีย ไม่มีหญิงไม่มีชาย มีแต่เพศสาวก หญิงก็สาวกชายก็สาวก สาวกแปลว่าผู้เชื่อผู้ฟัง ถ้าเชื่อถ้าฟังก็เรียกว่าเพศสาวก ตั้งใจประพฤติปฏิบัติก็เป็นสาวกะสังโฆ หญิงก็ตามชายก็ตาม ได้เหมือนกันหมด อย่าว่าตนเป็นลูกผู้หญิงผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชายก็มีมากมาย ในธรรมะไม่เลือกหญิง เลือกชาย ปฏิบัติได้ก็ถึงธรรมได้ถ้วนหน้า อย่าน้อยอก น้อยใจว่าเป็นหญิงแล้วบวชไม่ได้ เป็นหญิงถ้าตั้งใจ ปฏิบัติก็พ้นทุกข์ได้เหมือนกัน

    ภายหลังเมื่อเอารูปเก่าๆในหนังสือองค์หลวงตาถวายให้ท่านดู ท่านก็ชี้ว่าเป็นแม่ชีคนนี้ แม่ชีสูงอายุวันนั้นคือคุณแม่แพงศรี โลหิตดี โยมมารดาองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน นั่นเอง

    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เราจะเป็นอะไรก็ได้ตามที่ใครอยากให้เป็น ยูสเซอร์เนมจะตั้งอะไร ยังไงก็ได้ เพราะใช้แค่ชั่วคราว ไม่ต่างจากกระดาษทิชชู่ ใช้แล้วทิ้ง ไม่ต้องรับผิดชอบ

    คนฉลาด คนโง่ ก็ติดคุกเดียวกัน
    มาเฟีย ลูกน้อง ก็ติดคุกเดียวกัน
    .........ติดคุกขันธ์ห้านะจ๊ะ........
    มีใครแหกคุกได้แล้วบ้างนะ:p
    วนเวียนอยู่กับ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน:(
    ก่อนจะไปสงสารเขา ให้สงสารเราดีกว่า:cool::cool::cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ผู้มีนิสัยต่อต้าน ก้าวร้าว จะอยู่ยากในสังคม
    ผู้มีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ อยู่ที่ไหน ตรงไหน ก็อยู่ได้สบายๆ

    ทำดีก็ดีตัว ทำชั่วก็ชั่วตัว ของใครของมันทั้งนั้น
    วิบากกรรมเป็นของผู้กระทำกรรม

    นกก็รู้อย่างนก ปลาก็รู้อย่างปลา
    กว่าจะรู้ตรงตามธรรมได้ ต้องพ้นจากนกและปลา

    ดูอารมณ์กิเลสที่เกิดขึ้นพร้อมกับขันธ์ห้า
    ขันธ์ที่มีอยู่ในขันธ์
    อาหารของจิต
    เสพเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ภาพเมฆที่มองแล้วสบายตา:D
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    กำไลนาคบาศ ทำเองกับมือยังไม่เสร็จ ใครหนอจะกล้าสวมใส่?;):):D
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    กรรมอยู่ที่เจตนา เราไม่อาจล่วงรู้เจตนาของผู้อื่นได้ รู้ได้แค่เจตนาตน

    เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
    ใครบ้างไม่กลัวบาป...ส่วนใหญ่ทำลงไปเพราะไม่รู้ว่าบาป

    อวิชชา ปัจจะโย ใครทำอะไรก็คิดว่าดีทั้งนั้น เพราะคิดว่าดีจึงทำ ตามกรรม ตามธรรม ไม่มีสิ่งใดที่นอกไปจากกรรมและธรรม

    ถั่วคั่วหนึ่งกะทะ ยังสุกไม่เท่ากันทุกเม็ดเลย (เกี่ยวอะไรกับถั่ว คริคริ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    _/|\_ _/|\_ _/|\_

    w4yLjuIl.jpg
     
  11. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    gSEZV6Gq.jpg
     
  12. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เสร็จสมบูรณ์ เอามาอวดคนไม่รู้จักกัน
    เป็นกำไลข้อมือนะ:D

    คนอะไรก็ไม่รู้ฝันถึงเรา บอกว่าเราให้กำไลสองวง พอตื่นมาก็มาทวงจะเอากำไล เราก็บ้าจี้ทำให้ 555

    เดี๋ยวถ้าให้ไปแล้วไม่ใส่ จะไปทวงคืนในฝันบ้าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    โลภะกำเริบ เห็น...แต่เกินแรงต้านทาน เมื่อตกอยู่ในอำนาจของโลภะแล้ว ก็ยากที่จะหยุด ผสมโรงไปกับกิเลสตัวอื่นๆ เพลินเลย

    ลมหายใจสำคัญที่สุดในตอนเป็น จิตสำคัญที่สุดในตอนตาย ตอนเป็นรักษาลมหายใจให้เป็นปกติ ไม่หยาบไป ละเอียดไป พอดีๆ จิตก็เป็นปกติมีเสถียรภาพบนความพอดี ตอนตายก็ตายอย่างพอดีๆ พอดีที่รู้ว่าตาย ก็คือการตายอย่างมีสติ

    ที่พูดมาทั้งหมด คือเหตุให้เกิดสติ การดำรงอยู่ของสติ และการมีสติกำกับกาย กำกับจิต ตั้งแต่ตอนเป็นยันตอนตาย

    ร่างกายเปรียบเสมือนต้นไม้ที่ประกอบด้วยราก ลำต้น กิ่ง ใบ ดอก ผล แต่ละส่วนของต้นไม้งอกขึ้นมาภายหลังที่ละส่วนๆ และตายไปทีละส่วนเช่นเดียวกัน

    เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวงจรที่มีอยู่กับร่างกาย หมุนวนไปตั้งแต่เกิดจนกระทั่งร่างกายพังหมด ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เกิดทุกวัน ตายทุกวัน

    พิจารณาเองเถอะ ใช้ปัญญาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์แก่ตน ประโยชน์ท่านยังไม่ต้องคิด หากท่านยังไม่เห็นปัญญาตน ไม่มีใครให้ใครพึ่งได้ทั้งนั้น ต่างคนต่างยังทำมาหากิน ยังมีเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่มีเวลามาให้พึ่งได้ตลอด กายตน จิตตน อยู่กับตนตลอดเวลา ทำให้เป็นที่พึ่งแก่ตนให้ได้:)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ถึงมุกดาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    นำมาฝากกันยาวๆ ค่ะ _/|\_

    #จิตก่อนเกิดและก่อนตายเป็นอย่างไร #โดยหลวงพ่อพุธ_ฐานิโย

    #ท่านอาจารย์ทอง_อโสโกศิษย์องค์หนึ่งของหลวงปู่เสาร์_เล่าให้ฟังว่า

    มีพระองค์หนึ่ง อยู่ที่อำเภออำนาจเจริญ อุปสมบทในงานฉลองอายุของหลวงปู่เสาร์ที่วัดบูรพา เมืองอุบล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ พออุปสมบทแล้วก็ไปจำพรรษาที่วัดบ้านสามผง อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม แล้วก็ไปป่วยหนัก ท้องร่วง มรณภาพอยู่ที่วัดนั้น

    ภายหลังแกบอกเล่าว่า แกไปเกิดที่บ้านน้ำกล่ำ อำเภอธาตุพนม เมื่อโตขึ้นก็ระลึกชาติหนหลังได้ ท่านอาจารย์ทองซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนและให้การอบรมได้ทราบข่าวว่าพระองค์นี้ไปเกิดที่บ้านน้ำกล่ำ ท่านก็ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยเดินทางไปพบคนที่ระลึกชาติหนหลังได้ แล้วก็ได้สอบถามว่า เมื่อก่อนที่จะตายนี่ แกรู้ไหมว่าแกจะตาย

    เขาบอกไม่รู้ แม้แต่ตายแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวตาย เขาบอกว่าในขณะที่ญาติโยมเอาศพแกไปขุดหลุมจะฝัง แกก็ไปกับเขาด้วย แล้วไปนั่งดูเขาขุดหลุม แกก็ถามเขาว่า "โยมขุดหลุมฝังอะไร"

    โยมเขาก็ไม่ตอบเพราะไม่ได้ยินเสียงพูด แกก็เอามือไปตีพุ่มไม้ พอพุ่มไม้ไหวมีเสียงดัง ญาติโยมก็ร้องเอะอะว่าผีหลอก พากันวิ่งหนี แกก็วิ่งตามเขาไปเพราะกลัวผีหลอกเหมือนกัน พอโยมไปได้หน่อยหนึ่งก็ย้อนกลับมาช่วยกันขุดหลุม แล้วก็ฝังศพจนเสร็จ แล้วเขาชวนกันไป รีบกลับ เดี๋ยวผีหลอก แกก็รีบวิ่งออกหน้าเขากลับเข้าไปในวัด

    นี่ตามคำบอกเล่าของคนที่ตายแล้วมาเกิดใหม่ แล้วก็ระลึกชาติหนหลังได้ แสดงว่าเขาไม่รู้ว่าเขาตาย เพราะฉะนั้น คำถามที่ว่า คนก่อนจะตายก่อนจะเกิด จิตมีลักษณะอย่างไร

    ถ้าพิจารณาตามลักษณะที่เรามาภาวนานี่ เมื่อเราภาวนาจิตสงบเป็นสมาธิ ระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อที่จิตจะตัดกระแสความรู้สึกในปัจจุบันไปสู่ความเป็นสมาธิอย่างไร คนก่อนที่จะตายก็มีลักษณะอย่างนั้น คนธรรมดาที่ไม่ตายในสมาธิ จะต้องปรากฏมีรูปร่างเดินออกไป พอเดินออกไปแล้วจะชะโงกมาดูร่างเดิมนี่นิดหนึ่ง แต่เขาจะไม่นึกว่าร่างที่นอนตายอยู่นั้นคือร่างกายของเขา เขาก็เดินหนีไปเลย

    นี่เปรียบเทียบกับจิตที่เป็นสมาธิระดับอุปจาระ ส่งกระแสออกไปนอก แล้วปรากฏว่ามีรูปร่างเดินไป เหมือนๆ กับลักษณะของมโนมยิทธิที่จิตออกไปดูนรก ดูสวรรค์ เพราะในขณะนั้นมีความรู้สึกว่าเขามีร่างกายอยู่ เมื่อออกจากร่างไปจึงปรากฏว่ามีร่างติดตัวไปด้วย ถ้าเปรียบเทียบกับคนก่อนจะตายก็ต้องเป็นอย่างนั้น คือจิตจะมีการรวมลงไป คือรวมพลัง เพื่อจะถีบตัวออกจากร่างเดิม

    ทีนี้ก่อนจะเกิด ตามคำบอกเล่าของคนที่ระลึกชาติได้ เมื่อเขาเข้ามาในวัด แล้วเขาไปเที่ยวทักทายกับพระเณรและครูบาอาจารย์ในวัด ไม่มีใครพูดกับเขา เขาจึงมานึกว่าคนทั้งหลายเกลียดเราเพราะเหตุไร ในเมื่อทุกคนรังเกียจอย่างนี้เราจะอยู่กับเขาได้อย่างไร เขาก็เดินหนีจากหมู่คณะจากวัดไป แล้วเดินทางไปบ้านน้ำกล่ำ พอไปถึง ความทรงจำยังมีอยู่ เวลาขาไป ท่านอาจารย์ทองพามาฉันที่บ้านโยมแม่ที่มาเกิดใหม่ พอเขาขึ้นไปบนบ้านก็ไปขอน้ำฉัน เจ้าของบ้านก็นั่งเฉยเพราะไม่ได้ยินเสียง ก็ถือวิสาสะไปกรองน้ำในตุ่มมาฉัน พอฉันน้ำเสร็จแล้วขอที่พัก เจ้าของบ้านก็เฉย จึงถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องนอน เอาบริขารไปวางไว้ แล้วก็ล้มตัวไปนอนหลับ นั่นแสดงว่าเข้าไปสู่ท้อง ไปปฏิสนธิแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาไปเกิด เพียงรู้สึกตัวว่านอนพักผ่อนเท่านั้น

    อันนี้ตามคำบอกเล่าของคนที่มาเกิดแล้วระลึกชาติหนหลังได้ ซึ่งความทรงจำเก่าเริ่มเกิดขึ้นลางๆ เมื่ออายุ ๕ ขวบ และชัดเจนขึ้นเมื่ออายุ ๗ ขวบ

    ถ้าจะเปรียบเทียบกัน คนก่อนที่จะเกิดก็ไม่รู้ว่าตัวจะมาเกิด ถ้าจะเปรียบเทียบกับขณะที่จิตเรามีสมาธิอย่างละเอียด ก่อนที่จิตจะถอนจากสมาธิ จิตจะต้องมีการไหวตัวนิดหนึ่ง แล้วก็ค่อยมีความรู้สึกขึ้นมา แล้วก็ย้อนมาสู่กายอีก แล้วก็เข้าสู่กาย ก็กลายเป็นการเกิด อันนี้ลักษณะของจิตที่เข้าสมาธิอย่างละเอียดจนกระทั่งตัวหาย รูปร่างกายไม่ปรากฏ ยังมีแต่จิตดวงเดียวซึ่งลอยเด่นอยู่เท่านั้น นั่นก็แสดงว่าวิญญาณจิตนี้ออกจากร่างไปแล้ว เพราะไม่ได้เกี่ยวพันกับร่างกาย คำตอบก็พอจะเทียบได้อย่างนี้ เพราะก่อนที่จะตายจากชาติก่อนๆ โน้น เราก็ไม่ทราบว่าได้เตรียมการอะไร แต่มาเทียบกับจิตที่เข้าสู่สมาธิและออกจากสมาธิพอที่จะเปรียบเทียบกันได้ ว่าก่อนจะตายจิตเป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร

    ก่อนที่จะตายในสมาธิ จิตจะเข้าสมาธิ พอจิตเข้าสมาธิปั๊บ ก่อนสมาธิจะเกิด กายเบาจิตเบา กายสงบจิตสงบ ทีนี้คนที่จะตายนี่ ในขณะที่กำลังดิ้นรนกระวนกระวายอยู่นั้น อย่างดีเขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่าเขาอาจจะตาย แต่เมื่อจะตายจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างสงบ ร่างกายที่ดิ้นรนชักงอก็สงบไป นิ่งเงียบ ในตอนนี้จิตเตรียมที่จะออกจากร่างแต่ไม่ทราบว่าเขากำลังจะตาย ฉะนั้น ในตัวอย่างนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าเขาตาย แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาเกิด ดังนั้น จิตของคนที่จะตาย ก็มีลักษณะไม่รู้ว่าตัวจะตาย ลักษณะจิตที่จะเกิดก็ไม่รู้ว่าตัวจะเกิด นี้คือลักษณะจิตของคนจะตายหรือคนจะเกิด

    #จากหนังสือ_ฐานิยตฺเถรวตฺถุ
    #เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพพระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
    ณ วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๓
    **********************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    วันนี้วันพระ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 7
    หากยังละบาปไม่ได้ ก็ให้ระวังบาป
    ติดคุกขันธ์ห้า ไม่มีวันออก

    จมจ่อมอยู่กับจิตแต่ละจิต
    วังวนแห่งราคะ
    สนุกเพลิดเพลินไปกับบาป
    คอยเก็บขยะมารีไซเคิล
    ขายไม่ออก
    ของที่ทิ้งแล้วไม่ควรเก็บ

    กายนี้ท่านได้แต่ใดมา
    จิตนี้ท่านได้แต่ใดมา
    ถนอมรักษาไว้ซึ่งสิ่งใด
    เมาอารมณ์จมจ่อทั้งวันทั้งคืน
    ริษยา อาฆาต พยาบาท จองเวร
    มองไม่เห็นทุกข์โทษที่ก่อ
    ได้แต่ร้องขอไปวันๆ
    เป็นเปรตตั้งแต่ยังไม่ตาย

    คนสบายจะไม่ทุกข์

    อย่ามัวเพลินกับความทะยานอยากเสพอารมณ์ชั่ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เขาตีเราดีกว่าเราไปตีเขา
    เขาฆ่าเราดีกว่าเราไปฆ่าเขา
    เขาเบียดเบียนเราดีกว่าเราไปเบียดเบียนเขา

    เมื่อเราไม่มีเรา แล้วเขาจะเบียดเบียนใคร
    ทุกข์เพราะยึด หลวงปู่ หลวงพ่อท่านสอนมาอย่างนั้น

    ดีเลิศประเสริฐศรีก็โลก เลวทรามต่ำช้าก็โลก
    จะข้ามฟากก็ต้องทิ้งโลก
     
  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    สีสันต์บนท้องฟ้า รูปร่างของก้อนเมฆ เกิดจากการแยกตัวของรูปธาตุแต่ละชนิด และการรวมตัวของรูปธาตุชนิดเดียวกัน

    แต่อายตนะมันหลอกลวงให้เห็นเป็นความงาม ความไม่งาม เป็นเพราะราคะที่มีอยู่ในสัญญา โยนิโสมนสิการท้องฟ้ากับธาตุที่มีอยู่ในกาย
    เยอะ ถ้าโยนิโสฯ ไปยาวๆ

    เวลามองสิ่งใด ให้ใช้ธรรมจักขุมอง แล้วจะไม่หลงทาง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    หากคุณเองมีเกินครึ่งแสดงว่า “คุณเป็นคนดีมาก” ที่มีEQ สูงมาก

    คนเก่งมักจะเพื่อนน้อย เพราะเขามีอัตตาสูง ในขณะเดียวกัน คนที่ไม่ฉลาดมาก แต่อารมณ์ดี
    สายสัมพันธ์ฉันท์มิตรดี มักจะมีความสุขและประสบความสำเร็จ และเป็นที่รักของคนรอบข้าง
    ลักษณะเด่นแท้จริงของคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์นั้นเป็นอย่างไร มาดูว่าพวกเขามีอะไรบ้างกี่ข้อ

    1. ไม่พยายามทำให้คนอื่นมาชอบเขา

    พวกที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนอย่างไร และตระหนักได้เสมอว่า มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด ดังนั้นถ้าในสถานการณ์ที่คะแนนเสียงมีความเอนเอียงไปในทิศทางที่ผิด พวกเขาก็ยินดีที่จะแสดงจุดยืน ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะโดนคนบางกลุ่มเกลียด พวกเขาก็ยินดี

    2. ไม่ตัดสินใคร

    คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูง มักจะเป็นคนที่มีความใจกว้าง เข้าถึงง่าย และค่อนข้างดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำงาน การรู้จักมองในมุมของคนอื่นบ้าง เอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก จะยิ่งทำให้เราได้มากกว่าเสีย หากเจอใครทำอะไรที่แปลกหรือแตกต่างออกไป เราก็แค่ต้องพยายามเรียนรู้เหตุผลเบื้องลึกจากมุมของคนๆ นั้นเท่านั้นเอง

    3. ไม่เดินซ้ำทางใคร

    คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูง มักจะทำตามเข็มทิศชีวิตของตัวเอง ต่อให้มีอีกกี่ร้อยกี่พันมาโน้มน้าวใจ หรือมีข้อเสนอดีงามแค่ไหน พวกเขาจะเลือกสิ่งที่เป็นตัวเขาจริงๆ เท่านั้น พวกเขาจะไม่ยอมเปลี่ยนไป เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนเราต่างคนก็ต่างมีคุณค่าในตัวเองกันอยู่แล้ว แค่ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่ อย่าเอนไหวไปตามความรู้สึก หรือความคิดเห็นของใครก็พอ

    4. ไม่แล้งน้ำใจ กับคนรู้จัก

    ไม่ว่าจะสนิทสนมหรือไม่ก็ตาม พวกที่มีความฉลาดทางอารมณ์ มักจะแสดงน้ำใจให้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรู้ ความคิด หรือแม้แต่ทรัพยากรที่พวกเขามี เรียกง่ายๆ ว่าไม่เคยหวงอะไร แม้แต่ชื่อเสียงของเขาเขาก็ยินดีที่จะสละมัน
    ถ้ามันเป็นหนทางที่ทำให้คนอื่นได้ดีไปด้วยกัน
     
  20. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    5. ไม่ก้าวร้าว

    แม้จะเป็นใหญ่ถึงระดับเจ้านายชั้นสูง หรือต่อให้เป็นแค่พนักงานขายในซุ้มเครื่องดื่มเล็กๆ ริมทาง
    พวกเขาจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมสุภาพเหมือนกัน ให้ความเคารพในสิทธิของกันและกันเสมอ

    6. ไม่ใช่วัตถุนิยม

    ความสุขของพวกที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูง คือ การได้ทำอะไรตามที่ใจต้องการ ไม่โดนสังคมกลืนกินจิตใจ พวกเขาจึงมักจะไม่ซื้อของใช้อะไรตามกระแสสั่ง แต่ซื้อตามที่ใจบอก และพวกเขาก็มองว่าคนที่ชอบซื้อของแพงมาอวดฐานะของตัวเองนั้นไม่ได้ผิดแต่อย่างใด ก็แค่ตามใจตัวเองเท่านั้น

    7. ไม่ผิดคำพูด

    คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงมักจะดึงดูดเข้าหากันเอง เพราะรู้กันเองดีว่าใครบ้างที่เชื่อใจได้ เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้มักจะทำตามที่พูด รักษาคำพูดของตัวเองเสมอ

    8. ไม่อ่อนไหวง่าย

    ไม่ว่าสังคมจะเข้าหาพวกเขาในรูปแบบบวกหรือลบก็ตาม พวกเขาจะไม่ด่วนสรุป และนำอารมณ์ขึ้นมาตัดสินใจโจมตีกลับเป็นการแก้แค้น แต่จะยอมรับทุกอย่าง และนำมาวิเคราะห์ใหม่ในเชิงสร้างสรรค์ตลอดเวลา ส่วนไหนไม่จำเป็นก็แค่ทิ้งไปเท่านั้นเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...