เรื่องเด่น ในเรื่องการทำงานและการปฏิบัติ อย่าเปลี่ยนเป้าหมายบ่อย ๆ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 พฤษภาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,651
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,256
    ค่าพลัง:
    +25,970
    95585465_2966135290138913_430614559263293440_o.jpg

    "ในเรื่องการทำงานและการปฏิบัติธรรม อย่าเปลี่ยนเป้าหมายบ่อย ๆ หลักการปฏิบัติก็ดี หลักการทำงานก็ดี อย่าเปลี่ยนบ่อย อาตมาเคยเปรียบไว้ว่า เหมือนกับการขุดบ่อจะเอาน้ำ บางทีเราขุดไปสามเมตรสี่เมตรใกล้จะถึงน้ำแล้ว พอเขาบอกว่าตรงนั้นดีกว่า เราก็ขยับไปขุดตรงนั้น พอเขาบอกว่าตรงนี้ดีกว่า ก็ขยับมาขุดตรงนี้ ก็เลยไม่ถึงน้ำเสียที เพราะฉะนั้น..การทำงานเราก็ต้องจับเป้าหมายเดียวทำอย่างจริงจัง ถึงจะได้เร็ว

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระองค์แสดงธรรมเหมือนราชสีห์จับเหยื่อ ก็คือราชสีห์เวลาล่าเหยื่อ ไม่ว่าเหยื่อจะตัวเล็กตัวใหญ่ก็ตาม จะทุ่มเทกำลังในการจับเท่ากันหมด เพราะฉะนั้น..จะไม่มีพลาด และสำคัญที่สุดตรงที่เล็งเหยื่อตัวเดียว ถ้าหากไปละล้าละลังคิดล่าตัวอื่นที่อยู่ใกล้ ตัวที่อยู่ข้างหน้าก็จะวิ่งหนีไปได้ เพราะฉะนั้น..ราชสีห์ล่าเหยื่อก็จะล่าตัวเดียว ตัวอื่นจะอยู่ใกล้แค้ไหนก็ไม่สนใจ

    ทำงานอะไรก็ตาม ถ้าเราทุ่มเทให้เต็มที่ ก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถมนุษย์หรอก ถ้าเราทุ่มเทเต็มที่แล้วก็จะเหมือนกับพระมหาชนก ที่ว่ายน้ำเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่เห็นฝั่ง นางมณีเมขลาก็ถามว่า รู้ว่าว่ายแล้วไม่เห็นฝั่ง จะว่ายไปทำไม? พระมหาชนกบอกว่า อย่างน้อยเราได้ทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ เราจะได้ตอบตัวเองได้ว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว

    ที่ท่านบอกว่า ยาวเม เถว ปุริโส เกิดเป็นคนต้องมีความพยายามอยู่ร่ำไป ท้อถอยไม่ได้ เพราะว่าอาจจะเหลืออีกแค่ช่วงเดียวที่ว่ายน้ำก็ถึงแล้ว

    เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เป็นเรื่องของการสั่งสม สั่งสมความดีของศีล สมาธิและปัญญาไปทีละเล็กทีละน้อย แรก ๆ ไม่เห็นหน้าเห็นหลังหรอก แต่ถ้าเราดูย้อนหลังไปว่า ก่อนหน้านี้เรามีศีลห้าครบไหม? ปัจจุบันนี้เราได้กี่ข้อแล้ว? ถ้าเราได้ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ละเมิดด้วยตนเอง แล้วเราไม่ยุผู้อื่นให้ละเมิดหรือเปล่า ? เราไม่ยุคนอื่นแล้ว ถ้าคนอื่นทำเรายินดีด้วยหรือเปล่า ? เราค่อย ๆ ทบทวนเรื่องศีลไปเรื่อย ๆ ว่าเราทำสมบูรณ์หรือยัง โดยเปรียบย้อนหลังดู จะเห็นความก้าวหน้าของตัวเองไปทีละน้อย

    ภาษิตจีนเขาว่า คนอื่นขี่ม้าแต่เรายังขี่ลา ถ้าจะสงสารตัวเองว่าไล่ม้าไม่ทัน ก็ไม่ต้องสงสาร หันกลับไปดูข้างหลัง คนที่ไม่มีอะไรจะขี่ เดินเท้าเปล่าเยอะแยะไป และท้ายที่สุด พวกที่ยังนั่งอยู่ยังไม่ได้เริ่มเดิน มีอีกตั้งเท่าไร ?

    ถ้าหากว่ามองให้มองไปข้างหน้า ไม่ใช่มองไปข้างหน้าอย่างทะเยอทะยานอยากได้ แต่มองไปข้างหน้าเพื่อที่จะทำอย่างไรให้ได้เท่าเขาหรือมากกว่าเขา เป็นการแสวงหาความก้าวหน้า ถ้าอย่างนี้ทางโลกก็เจริญทางธรรมก็เจริญ

    เขาปฏิบัติได้ดีกว่าเรา เราต้องพยายามทำให้ได้เท่าเขา หรือไม่ก็เขาทำมาหากินมีความคล่องตัวกว่าเรา เขาทำอย่างไรเราก็พยายามทำให้ได้อย่างเขา"

    คัดลอกข้อความมาจาก
    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=559
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...