เ อ า ใ ห้ และ ใ ห้ เ อ า

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 2 พฤษภาคม 2020.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,309
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ถ้าเราเป็นผู้ให้ ก็จะมีผู้มาให้ “ ผู้ให้ ”
    คนที่มาก็จะมาให้ ใคร ๆ ที่มาก็มีแต่จะมาให้
    มีแต่จะเอามาให้ เพราะเห็นเราเป็นผู้ให้จึงทนไม่ได้ที่จะไม่ให้
    ทนนิ่งดูดายไม่ได้ จะต้องมาให้ “ ผู้ให้ ” ให้ได้ จะเอามาให้ให้ได้

    แต่ถ้าเราเป็นผู้เอา ก็จะมีมาเอาจาก “ ผู้เอา ”
    ถ้าเรามีแต่จะเอา ก็จะมีแต่ผู้ที่จะมาเอาจากผู้เอา
    คนที่มาก็คือจะมาเอก ใคร ๆ ที่มาก็คือผู้ที่จะมาเอา
    แถมเป็นการจะเอาให้ได้อีกด้วย จะต้องเอาให้ได้ ไม่ได้ไม่ยอม
    เพราะเห็นเราเอานั่นเอง จึงทนไม่ได้เหมือนกันที่จะมาเอา
    ทนนิ่งดูดายไม่ได้ จะต้องมาเอาให้ได้ มาเอากับผู้เอาให้ได้

    ดังนั้นการ “ ให้ ” นี่แหละจึงเป็นการได้มาอย่างแท้จริง
    และการ “ เอา ” ก็เป็นการสูญเสียอย่างถาวรด้วย
    ฉะนั้น...เราจะเอาหรือเราจะให้ ?
    หรือเราจะทำทั้งสองอย่าง..คือเอาให้และให้เอา
    ถ้าได้ก็เอา เมื่อมีผู้ให้ก็เอา ถ้าจะต้องได้อะไรและอะไรก็ “ เอา ”
    ยอมรับที่จะรับเอา ไม่ทำทีเป็นเสแสร้งแกล้งปฏิเสธแบบว่า “ ปากว่า ตาขยิบ ”

    โดยความจริงนั้น เมื่อถึงคราวที่จะต้องได้อะไรก็ต้องได้
    ควรที่จะได้รับอะไรก็ต้องได้รับ ส่วนการจะรับได้หรือไม่นั้น
    ก็ขึ้นอยู่กับตัวของผู้รับเอง เขาก็ทำหน้าที่เพียงเอาผลมาส่งเท่านั้น
    เขามีหน้าที่เพียงส่งผล คือเอาผลมาส่งให้เท่านั้น
    เขาก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะมาทำให้ผู้รับเป็นหรือไม่เป็นอะไร
    การที่ผู้รับเป็นหรือไม่เป็นอะไรนั้น ผู้รับนั่นแหละเป็นเอง

    เหตุดังนั้น...เมื่อถึงวาระที่จะได้รับอะไรและอะไรก็พึงรับเถิด
    พึงรับมาเถิด และเมื่อรับมาแล้วหรือเมื่อเอามาแล้วก็ควรเอามาให้
    คือเอามาเพื่อการเอามาให้ ไม่ได้เป็นการเอามาเพื่อการ “ เอา ”
    เป็นการได้มาเพื่อที่จะได้มาให้ หรือรับมาเพื่อที่จะได้มีให้
    เพราะถ้าอะไร ๆ ไม่มีแล้วจะให้อะไรและอะไรได้อย่างไร?

    เมื่อไม่มีก็ให้ไม่ได้ อยากจะให้ก็มีแต่ความอยาก แต่ให้ไม่ได้
    อยากจะมีให้ก็ให้ไม่ได้ อยากจะให้ก็มีแต่ความอยาก แต่ให้ไม่ได้
    ดังนั้นเอามาเถิด...รับมาเถิด..จะได้มีเพื่อการให้ จะได้ได้ให้
    และเมื่อให้แล้วก็ชื่อว่าได้ให้ ได้รับการ “ ได้ให้ ” เป็นผล
    ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือการได้ให้ ชื่อว่าจบแล้ว ได้รับผลเรียบร้อยแล้ว

    ท่านที่รักทั้งหลาย...ให้โอกาสแก่ตัวเองในการเป็นผู้ให้บ้าง
    ให้โอกาสกับตัวเองในการที่จะได้ให้บ้าง ให้ได้มีโอกาส “ ได้ให้ ” บ้าง
    เมื่อให้โอกาสตัวเองได้ให้ นั่นแหละคือการให้ “ ตัวเอง ”
    เป็นการให้ “ ตัวเอง ” ได้ให้ “ ตัวเอง ”
    ไม่ใช่ให้คนอื่นให้ตัวเอง ไม่รอให้ใครให้ ไม่รอการให้จากใคร

    ไฉน...ไยต้องไปรอที่จะให้ใครให้ด้วย
    อย่าไปรอให้ใครให้เลย
    เพราะถ้าต้องรอให้ใครให้แล้วเมื่อไรจะได้
    โอกาสแห่งการให้โอกาสกับตัวเองได้มาถึงแล้ว
    วันคืนล่วงไป...ล่วงไป บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่
    กำลังรออะไรอยู่กระนั้นหรือ ?
    เหตุสมควรรออะไรและอะไร หรืออะไร ๆ ไม่มีในโลก !

    ที่มา : http://www.kanlayanatam.com/sara/sara105.htm

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=25819
     

แชร์หน้านี้

Loading...