เสียงแห่งความตาย ....

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 12 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    ขวัญแข" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อคนตายแล้วโทรศัพท์มาหา

    คนทุกชาติทุกภาษาล้วนเชื่อว่าผีมีจริง ความตายเป็นเพียงการเปลี่ยนจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าร่างกายจะเน่าเปื่อยหรือถูกไฟเผาจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว แต่วิญญาณยังอยู่

    ชาวตะวันออกเชื่อว่าภูตผีที่ปรากฏให้เห็นนั้น ส่วนใหญ่ต้องการส่วนบุญส่วนกุศล แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อแสดงความอาลัยอาวรณ์ของผู้ที่ล่วงลับไปสู่ปรโลกแล้ว

    ชาวตะวันตกเชื่อว่าวิญญาณจะสิงสู่อยู่ในสถานที่เสียชีวิต หรือไม่ก็ล่องลอยอยู่ในมิติหนึ่ง มีความคิดถึงและห่วงใยผู้เป็นที่รักของตน และพยายามติดต่อด้วยวิธีแตกต่างกัน

    นั่นคือ ปรากฏให้เห็นบ้าง เปล่งเสียงให้ได้ยินบ้าง

    แม้แต่การติดต่อทางโทรศัพท์ก็มีผู้ประสบหลายราย พอจะประมวลได้ว่ามีลักษณะพิเศษคล้ายคลึงกัน คือเมื่อยกหูโทรศัพท์แล้วพูดว่า "ฮัลโหล" เราจะได้ยินเสียงเขา (ผู้มาจากโลกมืด) บางรายอาจจะได้ยินชัดเจน บางรายก็ได้ยินเพียงแว่วๆ และขาดห้วง แต่ก็พอจะจับความได้

    บางรายก็ไม่ได้ยินเสียงวางหูจากด้านโน้น แต่มันเป็นความเงียบน่าขนลุกเหมือนสายถูกตัดไปเฉยๆ

    ขอยกตัวอย่างจากผู้ที่ได้ยิน "เสียงจากความตาย" มาเล่าสู่กันฟังดังนี้

    เบเวอรี่ สตรีวัย 45 ปี มีอาชีพเป็นพนักงานในภัตตาคารในหลุยเซียน่าอเมริกา ขณะนั้นเธออยู่กับสามีชื่อรอย ซึ่งมารดาเขาเพิ่งเสียชีวิตไปได้เดือนเศษๆ ด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ

    อพาร์เม้นต์ที่คนทั้งสองอาศัยอยู่ไม่มีโทรศัพท์ในห้องนอน ดังนั้น คืนหนึ่งเมื่อเสียงกริ๊ง..ดังขึ้น เบเวอรี่จึงต้องลุกจากเตียงไปรับโทรศัพท์ที่ห้องนั่งเล่น เมื่อยกหูขึ้นรับเธอก็ต้องเย็นวาบไปทั้งตัว ขนลุกซู่ เพราะได้ยินเสียงของเจน-มารดาผู้เพิ่งจะล่วงลับของรอยนั่นเอง

    "เธอจะช่วยดูแลลูกชายของฉันแทนฉันด้วยได้ไหมจ๊ะ?"

    ถึงแม้ว่าจะเป็นคำขอร้องที่อ่อนหวาน เต็มไปด้วยความผูกพันรักใคร่ อันไม่มีวันสูญสลายไปกับร่างกายที่ผุพัง แต่คนที่ได้ยินก็หนาวสะท้านไปถึงหัวใจจนแทบเป็นลมไปบัดดล

    จำได้ว่าเป็นเสียงของเจนผู้ล่วงลับไปแล้วแน่ๆ ไม่ใช่คนดัดเสียงอื่นโทร. มาแกล้งเขย่าขวัญยามดึกอย่างเด็ดขาด

    "ได้ค่ะ.." เป็นเสียงตอบสั่นเครือของเบเวอรี่ "หนูจะดูแลเขาอย่างดีที่สุดไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ"

    หลังจากนั้น เบเวอรี่อยู่กินกับรอยมาอีก 3 เดือน แล้วก็ต้องมีเหตุต้องเลิกรากันไป..เธอเล่าว่ายังรู้สึกผิดอยู่ไม่หายที่เสียคำพูด ผิดสัญญาที่ให้ไว้ แต่คิดว่าเจนคงจะเข้าใจได้ดี

    อีกรายหนึ่งที่ได้ยินเสียงจากความตาย ชื่อราโมน่า มีอาชีพดูแลบ้าน เธออาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย จู่ๆ วันหนึ่งก็ต้องประหลาดใจแกมขนลุก เมื่อได้รับโทรศัพท์จากสแตนลี่ย์-สามีผู้เสียชีวิตไปหลายอาทิตย์แล้ว

    ขณะนั้นเป็นเวลาเช้า ราโมน่ากำลังล้างถ้วยชามหลังอาหารโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ราโมน่าเดินไปรับสาย ตกตะลึงไปหมดเมื่อได้ยินเสียงสามีผู้ล่วงลับไปแล้วอย่างถนัดชัดเจน เขาพูดว่า "ไฮ! ฮันนี่..สวัสดีที่รัก"

    สั้นๆ แค่นั้นเอง แต่แสนจะประทับใจราโมน่าเหลือเกิน เสียงนั้นฟังดูแจ่มใสเหมือนเขาโทร.มาทักทายเธอจากที่ทำงาน ด้วยความรักและผูกพันอย่างลึกซึ้ง

    วูบหนึ่ง ราโมน่ารู้สึกพร่ามึน เลือนราง แต่มือก็ยังกำหูโทรศัพท์ไว้แน่น..ตระหนักดีว่านั่นคือเสียงของสามีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

    รายสุดท้ายคือ โมนิก้า อายุ 52 ปี ทำงานห้องสมุดที่มิซซูรี่ เธอเล่าว่า

    "พ่อของฉันตายเมื่อเดือนมิถุนายน พอถึงเดือนกันยายน ฉันกลับบ้านในวันหนึ่งและโทร.คุยกับเพื่อนร่วมงาน สั่งงานที่เป็นเรื่องสำคัญมาก โอปะเรเตอร์รับสายแล้วบอกให้รอ..ฉันได้ยินเสียงเพลงที่ดังติ๊ง-ต่อง แบบการรอทางโทรศัพท์ทั่วๆ ไป

    ทันใดนั้นเพลงก็หยุดกึกลง ฉันได้ยินเสียงพ่อ "ฮัลโหล ดอลลี่!" นั่นเป็นคำที่พ่อเรียกฉันเล่นๆ เป็นประจำ ตั้งแต่สมัยจำความได้แล้วละ "รู้มั้ยว่านี่ใครพูด?"

    รู้ซิ..แหม! ใครจะจำเสียงพ่อตัวเองไม่ได้ แต่ฉันยึงมึนตึ้บ...

    "นี่พ่อเองนะลูก.." เสียงนั้นแสนจะนุ่มนวลอ่อนโยนนักแล้ว..พอดีโอปะเรเตอร์กลับมาที่สายแล้วบอกว่า คนที่ฉันจะพูดด้วยตอนนี้ไม่อยู่..ฉันวางหูลง แล้วก็พยายามมาจนบัดนี้ที่จะต่อสายด้วยเบอร์นั้นอีก เพื่อรอคอยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีไม่ได้ยินเสียงพ่ออีกเลย"

    ชีวิตและความรักเป็นนิรันดร แม้ความตายก็มาพรากมิได้...คิดแล้วก็ไม่น่ากลัวเลย แต่อาจจะมีขนหัวลุกบ้างนะคะ

    คอลัมน์ ขนหัวลุก
    โดย ใบหนาด
    - ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...