เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 16 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ มหาสิทธิโชคตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ถ้าหากว่าเป็นวันขึ้น ๕ ค่ำ ต่อให้ไม่มีการเป่ายันต์เกราะเพชร ก็ควรที่จะมีงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคล

    เพราะว่าวันเสาร์ ๕ นั้น ถ้าหากว่าเป็นวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ เรียกว่ากระทิงวัน ก็คือเดือนและวันตรงกัน แล้วก็ยังไม่พอ ถ้าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก เขาเรียกว่าตรีวัน แรงกว่า ๓ เท่า แล้วจะเอาไปทำอะไร ?


    เมื่อเช้าพวกเราก็ได้ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็คือหลับ..! จะว่าไม่ดีก็ไม่ได้ เพราะว่าสมาธิจิตถ้าไม่ถึงระดับปฐมฌานก็หลับไม่ได้

    มนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม โดยธรรมชาติแล้วมีกำลังสมาธิถึงระดับปฐมฌานหยาบทั้งสิ้น แต่เนื่องจากว่าเป็นกัมมวิปากชาฤทธิ์ คือฤทธิ์ที่เกิดโดยวิบากกรรม ช่วยให้สามารถพักผ่อนได้ จึงไม่มีอานิสงส์ทำให้สามารถเกิดเป็นพรหมได้ตามกำลังสมาบัติ


    แต่ว่าท่านทั้งหลายที่เข้าถึงแล้วตัดหลับ ตรงจุดนี้ถือว่าเราปฏิบัติในสมาธิภาวนา อานิสงส์ตรงนี้ถ้าหากว่าเสียชีวิตลงช่วงนั้นพอดี อย่างน้อยก็ไปเกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑ แปลว่าต้องตั้งใจทำ ถึงจะมีสิทธิ์ในการไปเกิดตามกำลังสมาธิของเราได้

    แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ต้องรู้จักสังเกตกำลังใจของเราว่าหลับตอนไหน สังเกตไปทำอะไร ? เมื่อสังเกตบ่อย ๆ ซักซ้อมบ่อย ๆ ว่าเราหลับตอนไหน ถ้าดูเป็นจะเห็นว่ากำลังใจของเราเหมือนกับดวงไฟที่หรี่ลงไปเรื่อย...หรี่ลงไปเรื่อย จนกระทั่งท้ายสุดถ้าเผลอสติก็ดับวูบไปเลย เมื่อเรารู้ดังนั้น ช่วงสุดท้ายก่อนที่กำลังใจจะตัดหลับ ให้เราล็อคกำลังใจเอาไว้ตรงนั้น ก็จะไม่หลับอีก


    เพราะว่าการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงนั้น ต้องการเข้าถึงความไม่หลับ เข้าถึงความเป็นผู้มีสติอยู่ตลอดเวลา พวกเราอาจจะคิดว่าหลับอยู่แล้วจะมีสติได้อย่างไร ? บุคคลที่ทำถึงจริง ๆ หลับอยู่ก็รู้ว่าตัวเองหลับ ถ้าเป็นคนนอนกรน ก็ได้ยินเสียงตัวเองกรน แต่สติสมบูรณ์พร้อม สามารถรับรู้ทุกเรื่องรอบข้างได้เหมือนกับมีตาสับปะรด
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    สมัยที่กระผม/อาตมภาพฝึกมาถึงตรงนี้ใหม่ ๆ ใครทำอะไรรอบบ้านก็รู้หมด ทั้ง ๆ ที่ตัวเองหลับ และเป็นจุดที่นักปฏิบัติธรรมต้องทำให้ถึง เพราะว่าตรงนี้คือ พุทโธ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

    ทำไมถึงต้องมาถึงตรงจุดนี้ ? ก็เพราะว่าพวกเรานั้น ถ้าหากว่าตอนตื่นอยู่ พยายามปฏิบัติซักซ้อมในหลักธรรมต่าง ๆ ก็จะมีสติ รู้เท่าทันกิเลสบ้าง หักห้ามใจตนเองไม่ให้ละเมิดศีลได้ ประคับประคองกำลังใจไม่ให้บกพร่องเพราะอารมณ์ รัก โลภโกรธ หลง ได้ แต่เผลอหลับเมื่อไรก็เป็นเรื่อง เพราะว่ากิเลสกินเราทั้งตื่นและหลับ

    บางคนตื่นอยู่ ระมัดระวังสุดชีวิต มดสักตัวก็ไม่กล้าเหยียบ นอนหลับไป ฝันว่าฆ่าเขาเป็นกองทัพเลย ไม่ต้องใครหรอก กระผม/อาตมภาพนี่แหละ ก็แปลว่ากำลังใจที่เราทรงไว้ดี ๆ ตอนตื่นอยู่ ไปเสียหายหมดตอนหลับ โดยเฉพาะกำลังใจตอนหลับ ตอนฝัน คือกำลังใจที่แท้จริงของเรา

    ถ้าในฝันเรามีโอกาสละเมิดศีล แล้วสามารถหักห้ามใจได้ แปลว่ากำลังใจที่แท้จริงของเรารักษาศีลได้ แต่ถ้าหากว่าเวลาตื่นอยู่ เราห้ามตนเองไม่ให้ละเมิดศีลได้ หลับเมื่อไรแล้วละเมิดศีล ขอให้รู้ว่ากำลังใจที่แท้จริงของเรายังหวังพึ่งไม่ได้ มีโอกาสละเมิดศีลได้ทุกเวลา ถ้าโอกาสมี

    บางคนกลางวันระมัดระวัง สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจมาก ก็ไม่ต้องยกตัวอย่างไกล กระผม/อาตมภาพนี่เอง แม้กระทั่งผู้หญิงยังไม่กล้ามอง กลางคืน ฝันว่าปล้ำลูกสาวชาวบ้านเขาไปเรียบร้อยแล้ว..!

    เห็นหรือยังว่า ถ้าสภาพจิตของเราไม่สามารถเข้าถึงความมีสติทั้งตื่นและหลับ ก็จะเกิดเหตุทั้งหลายเหล่านี้ขึ้น กรรมฐานที่เราทำไว้ดี ๆ ตอนกลางวัน จึงมักจะหลุดหายหมดตอนกลางคืน ตื่นขึ้นมาก็เปะปะไปพักใหญ่ทีเดียว กว่าที่จะนึกขึ้นมาได้ว่าเราต้องภาวนา บางทีกิเลสคว้าไปกินเสียก่อน ตื่นขึ้นมาก็เริ่มโกรธแล้ว ไอ้คนข้างตัวนอนกรนเสียงดัง..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ดังนั้น...การปฏิบัติธรรมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพยายามทำให้ถึงตรงนี้ เอาจิตจดจ่อแนบติดกับลมหายใจไปเลย เผลอหลุดจากลมเมื่อไรก็หลับเมื่อนั้น พยายามตามดูไปเรื่อย...ดูไปเรื่อย สภาพจิตของเราเวลาใกล้จะหลับ หรือเวลาจะเข้าถึงปฐมฌานหยาบ ก็เหมือนกับไฟที่หรี่ลง ๆ ๆ เราต้องจับจุดสุดท้ายให้ได้ แล้วล็อคเอาไว้แค่นั้น สภาพจิตก็จะตื่นรู้ทั้งคืน เหมือนกับไม่ได้หลับ อย่าไปเครียด หลับแน่ ๆ แต่เป็นการหลับแบบที่จิตยังตื่นอยู่

    บางคนไปบังคับให้หลับใหญ่เลย กลัวว่าร่างกายจะเหนื่อย จะเพลีย จะทำงานไม่ไหว ไม่ต้องเสียเวลาไปบังคับ ถ้าหลับในลักษณะอย่างนั้น แค่ชั่วโมงเดียว ดีกว่าคนทั่วไปนอน ๕ - ๖ ชั่วโมงอีก..!

    เมื่อถึงตรงจุดนั้นแล้ว สภาพจิตของเราจะเริ่มแหลมคมว่องไว ปัญญาจะเกิด รู้ว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่เราควรจะปฏิสัมพันธ์ด้วย ถ้าหากว่ามีสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเกิดขึ้น กำลังใจก็จะคลายออกมา จนอยู่ในจุดที่สามารถปฏิสัมพันธ์ได้ พูดได้ ตอบโต้ได้ พอหมดความจำเป็น ก็จะรีบย้อนกลับเข้าไปสู่จุดเดิมของตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้กิเลสกินเรา

    ใครทำถึงตรงนี้แล้ว ให้สังเกตว่า เราจะรู้ลมหายใจและคำภาวนาโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับก็เป็นเอง แค่เอาสติประคับประคองเอาไว้ ทั้งหลับและตื่น ให้อยู่แค่ตรงนี้ แล้วความอัศจรรย์ต่าง ๆ ในการปฏิบัติจะเกิดขึ้นกับเราเอง


    ดังนั้น...วันนี้ที่ท่านทั้งหลายภาวนาพระคาถาเงินล้านแล้วหลับ ไม่ใช่เรื่องแปลก กระผม/อาตมภาพหากินทางหลับมาก่อน หลับเร็วมาก ใครบอกว่านอนไม่หลับมาแข่งกันเถอะ ต่อให้ "เจ้าโนบิตะ" มาก็คาดว่าไม่แพ้หรอก เด็กรุ่นหลังไม่รู้จักใช่ไหม ? การ์ตูนโดราเอมอนเขาพูดถึงตัวเอกตัวหนึ่งชื่อโนบิตะ นอนหลับเก่งมาก

    คราวนี้พอเราทำแบบนี้บ่อย ๆ ซักซ้อมบ่อย ๆ สติ ปัญญาที่หลับและตื่นรู้เท่ากัน ระมัดระวังกิเลสได้เท่ากัน ก็เท่ากับเรารักษาใจของเราเอาไว้ได้ ไม่ให้กิเลสใหม่ทับถมเข้ามา ของเก่าที่เหลืออยู่ก็ค่อย ๆ ขูด ค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆ เกลาไป ความผ่องใสของจิตก็จะมีมากขึ้นไปทุกที แล้วเดี๋ยวของแถมจะมาให้เราเดือดร้อน ก็คือจะรู้โน่นรู้นี่ไปเรื่อย ถึงตอนนั้นต้องจัดการให้ถูกด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ขอให้เคล็ดลับสุดท้ายของพระวัดท่าซุง สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังอยู่ คือท่องคาถาไว้บทเดียวว่า "กูไม่เชื่อ"

    เรื่องที่หนึ่งรู้มาแล้วถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สองจะถูก

    เรื่องที่หนึ่งถูกต้อง เรื่องที่สองถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สามจะถูก

    เรื่องที่หนึ่งถูกต้อง เรื่องที่สองถูกต้อง เรื่องที่สามถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สี่จะถูก

    ไม่อย่างนั้นแล้วจะโดนหลอก ตัวอย่างการโดนหลอกมีเยอะมาก อย่าเพิ่งไปกังวล ตอนนี้พยายามตามดูกำลังใจตัวเอง ทำอย่างไร คืนนี้เราจะไม่หลับ ไม่ต้องไปกินกาแฟนะ ไม่มีประโยชน์ ถ้าจะหลับ กินกาแฟไปสักปีบก็หลับ...

    ฉะนั้น...ตรงนี้ขอฝากไว้เป็นการบ้าน อุตส่าห์มาปฏิบัติธรรมตั้งหลายวัน พรุ่งนี้ก็จะจบโครงการแล้ว จะนำกรรมฐานให้แก่พวกเราช่วงเช้ามืด แล้วก็ช่วงสายเหมือนเดิม หลังจากปิดโครงการแล้วก็บ้านใครบ้านมัน ตรงจุดนี้เป็นการบ้านที่ฝากไป ไม่ว่าจะเป็นญาติโยมที่ฟังอยู่ที่นี่ หรือว่าในประเทศ หรือว่าต่างประเทศก็ตาม รักษาใจของเราอย่างไรให้เข้าถึงพุทโธ ความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานได้


    ส่วนที่อยากจะฝากไปถึงญาติโยมที่อยู่ต่างประเทศก็คือว่า ถ้าตอนนี้ลำบากก็กลับบ้านเราเถอะ อย่างน้อย ๆ มาบ้านเราก็พอปลูกผักปลูกหญ้าหากินกันได้ ถ้าอะไรตูมตามหนักขึ้นมากกว่านี้จะเดินทางกลับลำบาก..!


    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...