เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 กรกฎาคม 2024 at 22:25.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,367
    ค่าพลัง:
    +26,177
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,367
    ค่าพลัง:
    +26,177
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพต้องไปเป็นตัวแทนหลวงพ่อพระครูวรกาญโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ในพิธีเปิดการอบรมพระคิลานุปัฏฐาก ซึ่งคำนี้สำหรับญาติโยมทั้งหลายอาจจะฟังไม่เข้าใจ คำว่า คิลานะ เป็นภาษาบาลี แปลว่าป่วยไข้ อุปัฏฐาก คือ การดูแลรักษาช่วยเหลือ พระคิลานุปัฏฐาก คือ พระที่คอยดูแลผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย

    ทางศูนย์อนามัยที่ ๕ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร่วมกับโรงพยาบาลทองผาภูมิ และสาธาณสุขอำเภอทองผาภูมิ ทำโครงการอบรมในครั้งนี้ขึ้นมา โดยที่ต้องใช้เวลาอบรมภาคทฤษฎีประมาณ ๓๐ ชั่วโมง แล้วที่เหลือก็เป็นภาคปฏิบัติ ๔๐ ชั่วโมง โดยทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้นพยายามที่จะคัดบุคคลเข้ารับการอบรมแบบรอบคอบที่สุด

    คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้นแบ่งออกเป็น ๑๐ ตำบลทางคณะสงฆ์ เนื่องเพราะว่าตำบลทางราชการมีแค่ ๗ ตำบลเท่านั้น แต่ว่าตำบลที่ใหญ่มาก ๆ อย่างเช่นว่าตำบลชะแล ตำบลลิ่นถิ่น ตำบลท่าขนุน ทางคณะสงฆ์แบ่งออกเป็น ลิ่นถิ่นเขต ๑ ลิ่นถิ่นเขต ๒ ท่าขนุนเขต ๑ ท่าขนุนเขต ๒ ชะแลเขต ๑ และชะแลเขต ๒ ดังนั้น ตำบลทางคณะสงฆ์จึงมี ๑๐ ตำบลด้วยกัน

    ทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิคัดเลือกให้เลขานุการเจ้าคณะตำบลทุกตำบลต้องเข้าอบรม เพื่อเป็นตัวหลักให้กับตำบลนั้น ๆ และคัดพระภิกษุที่เหมาะสมในตำบลนั้นอีกตำบลละ ๑ รูป ก็แปลว่าหมดไปแล้ว ๒๐ รูป มอบให้คณะสงฆ์ธรรมยุต ๙ รูป เป็น ๒๙ รูป อีก ๘ รูปที่เหลือนั้น พวกเราคัดเลือกพระที่มีเชื้อสายมอญ กะเหรี่ยง พม่า เหล่านี้เป็นต้น เพื่อว่าถึงเวลาถ้าหากว่าบุคคลที่เจ็บไข้ได้ป่วย แล้วเป็นพระภิกษุหรือว่าสามเณรเชื้อสายนั้น ๆ ไม่สามารถที่จะสื่อสารด้วยภาษาไทยให้เข้าใจชัดเจนได้ ก็จะได้มอบให้พระคิลานุปัฏฐากของเชื้อสายนั้น ๆ เข้าไปดูแล

    ส่วนวัดท่าขนุนนั้น กระผม/อาตมภาพกลายเป็น "ผู้มาก่อนกาล" ก็คือได้ส่งพระเข้าอบรมพระคิลานุปัฏฐากกับทางศูนย์สุขภาพพระสงฆ์วังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยท่านอาจารย์พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี แล้วยังส่งพระเข้ารับการอบรมจากโรงพยาบาลสงฆ์อีกต่างหาก ก็แปลว่าในจำนวนพระคิลานุปัฏฐาก ๙ รูปของอำเภอทองผาภูมิ ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับทางฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ไทยนั้น เป็นพระวัดท่าขนุนแทบทั้งสิ้น..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,367
    ค่าพลัง:
    +26,177
    ในเมื่อเป็น "ผู้มาก่อนกาล" แต่ว่าครั้งนี้โครงการอบรมมาถึงในเขตของตนเอง ก็คือ ทางศูนย์อนามัยที่ ๕ จังหวัดราชบุรี สำนักงานสาธารณสุขกาญจนบุรี มาจัดงานจนถึงที่แล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สะดวกด้วยประการทั้งปวง แต่ว่าเราจะเห็นแก่ตัวโดยการเอาเฉพาะพระวัดท่าขนุนลงไปอบรมก็ไม่ได้ จึงต้องแบ่งสันปันส่วนกัน ตามที่ประชุมได้กำหนดเอาไว้ด้วยความรอบคอบที่สุดแล้ว

    หลังจากนี้ถ้าหากว่ามีการอบรมครั้งต่อ ๆ ไปก็จะได้ทำการคัดเลือกบุคคลในลักษณะแบบนี้อีก ก็คือคัดเลือกในลักษณะเดียวกับการอบรมครั้งนี้ เพื่อที่จะได้มีความยุติธรรม และขณะเดียวกันก็กระจายผู้รับผิดชอบออกไปให้ทั่วพื้นที่ ถ้าไม่เพียงพอยังสามารถที่จะขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากวัดท่าขนุน ซึ่งมีพระคิลานุปัฏฐากมากที่สุดได้อีกด้วย

    เมื่อถึงเวลา หลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติท่านก็มอบหมายให้กระผม/อาตมภาพ เป็นผู้ให้โอวาทแก่พระภิกษุทั้งหมดที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ โดยท่านบอกว่า "หลวงพ่อรอง ฯ วัดท่าขนุน ถนัดเรื่องนี้มากกว่ากระผม" ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอทองผาภูมิ นำเอาคำให้โอวาทมา แต่กระผม/อาตมภาพวางเอาไว้เฉย ๆ แม้แต่เปิดดูก็ไม่ได้เปิด ให้โอวาทว่า "พระภิกษุทุกรูปเป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยบุญญาธิการอันใหญ่ยิ่ง จึงได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมครั้งนี้

    เนื่องเพราะว่าถ้าดูในพระธรรมบทเรื่องพระปูติคัตตติสสะ คำว่า ปูติคัตตะ ก็คือ ร่างกายอันเน่าเปื่อย ท่านมีชื่อว่าติสสะ แต่เนื่องจากว่าติสสะนั้นมีหลายต่อหลายรูปด้วยกัน จึงต้องมีฉายาต่อท้าย พระปูติคัตตติสสะท่านน่าจะป่วยเป็นมะเร็ง เพราะในบาลีบอกว่าเกิดต่อมขึ้นกับร่างกาย ตอนแรกก็โตเท่าเม็ดถั่วเขียว แล้วหลังจากนั้นก็โตขึ้นเท่าลูกสมอ โตขึ้นเท่าผลมะตูม แตก เน่า มีแต่น้ำเลือดน้ำเหลืองไหลโทรมไปทั้งกาย ในเมื่อเป็นหลาย ๆ ต่อมเข้า ผู้คนก็รังเกียจไม่มีใครดูแล ปล่อยท่านนอนจมน้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่อย่างนั้น..!

    องค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อทราบเข้าก็เสด็จไปหา ทรงต้มน้ำ ซักจีวร เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ท่านติสสะด้วยตนเอง เมื่อท่านติสสะร่างกายผ่อนคลายสบายแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ตรัสบาลีว่า
    "ดูก่อน..ติสสะ อะจิรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิงอะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ นิรัดถ้ง วะ กะลิงคะรังฯ" ซึ่งในปัจจุบัน คณะสงฆ์ของเราใช้ในพิธีบังสุกุลเป็น แปลความว่า "ดูก่อน...ติสสะ ร่างกายนี้เมื่อปราศจากวิญญาณแล้ว ก็ถูกทิ้งนอนกลิ้งอยู่กับแผ่นดิน เหมือนกับขอนไม้ฉะนั้น"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,367
    ค่าพลัง:
    +26,177
    พระติสสะเมื่อร่างกายสบาย จิตใจโปร่งเบา มองเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายที่มีแต่ความเจ็บไข้ได้ป่วย จิตก็ไม่ยึดเกาะในร่างกายนี้อีก มองเห็นร่างกายมีค่าเป็นแค่ขอนไม้ที่ต้องทิ้งกองอยู่กับแผ่นดิน เมื่อสภาพจิตไม่ยึดเกาะร่างกายอีกแล้ว ก็บรรลุอรหัตผล กลายเป็นอริยบุคคลสูงสุดในพระพุทธศาสนา แล้วก็มรณภาพเลย

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า "ภิกขเว..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ปราศจากเรือนแล้ว ปราศจากญาติพี่น้อง ถ้าเธอทั้งหลายไม่ดูแลกันเองแล้วผู้ใดจะดูแล ? บุคคลใดปรารถนาจักอุปัฏฐากตถาคต ก็จงอุปัฏฐากดูแลภิกษุไข้เถิด การอุปัฏฐากดูแลภิกษุไข้นั้น มีอานิสงส์เช่นเดียวกับการอุปัฏฐากตถาคต"

    ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าอานิสงส์นี้ยิ่งใหญ่มาก ผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมด ถือว่าเป็นผู้ที่ประกอบด้วยบุญญาธิการอันใหญ่ยิ่ง ที่จะได้ทำหน้าที่สำคัญในการผ่อนทุกข์บำรุงสุขให้กับเพื่อนพระภิกษุของเรา ซึ่งเจ็บไข้ได้ป่วย ปราศจากคนดูแล แล้วท่านทั้งหลายยังจะต้องกลายเป็นต้นแบบ เนื่องเพราะว่ายังจะมีการอบรมเพิ่มเติมขึ้นอีก ท่านต้องถวายคำแนะนำให้กับรุ่นต่อ ๆ ไป

    แล้วทางฝ่ายสาธารณสงเคราะห์คณะสงฆ์ไทย ซึ่งนำโดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามนั้น ท่านยังมีการกำหนดแผนการต่าง ๆ โดยที่จะเพิ่มเป็นอโรคยาศาลา หรือถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือ สุขศาลาในการรักษาโรค เพิ่มเป็นสถานชีวาภิบาล สำหรับดูแลภิกษุป่วย หรือว่าเพิ่มเป็นศูนย์สุขภาพพระสงฆ์อย่างที่ท่านอาจารย์พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้ทำเอาไว้

    แล้วยังจะต้องมีการปรับปรุง พัฒนา ตลอดจนกระทั่งต่อยอดไปเพื่อบูรณาการ ก็แปลว่าท่านทั้งหลายนอกจากที่จะเป็นผู้ดูแลภิกษุไข้แล้ว ยังต้องประสานกับทางราชการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลประจำอำเภอ หรือว่าคณะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อที่จะบูรณาการงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,367
    ค่าพลัง:
    +26,177
    ก่อนหน้านี้ทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมินั้น ท่านหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอก็ดี ตัวกระผม/อาตมภาพก็ตาม ก็ได้แต่ไปอนุเคราะห์สงเคราะห์ด้วยการหาข้าวของเครื่องใช้จำเป็น และมอบปัจจัยเอาไว้สำหรับดูแลพระผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งส่วนใหญ่ก็อายุมาก ๆ ทั้งสิ้น แล้วก็ไม่ทราบว่าท่านหมดเวรหมดกรรมหรืออย่างไร หลังจากที่เข้าไปดูแลแล้ว ท่านมีกำลังใจผ่อนคลาย ลักษณะเดียวกับหลวงพ่อติสสะหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ? ส่วนใหญ่ก็มรณภาพไปตาม ๆ กัน พวกกระผม/อาตมภาพยังตามไปเป็นเจ้าภาพในการฌาปนกิจศพ ให้กับบรรดาหลวงปู่หลวงตาทั้งหลายเหล่านั้นอีกด้วย..!

    บัดนี้ท่านทั้งหลายซึ่งมีหน้าที่โดยตรง ขอให้ตั้งใจศึกษาให้รู้รอบ รู้จริง และปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ จะได้ไม่เสียชื่อในการเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส แต่ว่าการกระทำทุกอย่างนั้นต้องมีแรงกระทบเสียดทานจากภายนอก ทุกท่านจะลืมการภาวนาไม่ได้อย่างเด็ดขาด

    ถ้าหากว่ากำลังใจของเรามีสมาธิที่มั่นคง ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะสู้งานหนักได้อย่างสบาย แต่ถ้าหากว่าขาดสมาธิ เมื่อเจอแรงกระทบ ท่านทั้งหลายก็อาจจะต้องน้อยอกน้อยใจ ดีไม่ดีก็เสียอกเสียใจ จนกระทั่งเลิกทำงานไปเลยก็มี เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราต้องระวังให้มากเข้าไว้

    ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่านได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ และเจริญพรขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันจนกระทั่งเกิดโครงการดี ๆ นี้ขึ้นมา ขอให้มีความสุขความเจริญโดยถ้วนหน้ากัน" เมื่อทำพิธีเปิดเสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็เดินทางต่อ เพื่อที่จะไปยังภารกิจต่อ ๆ ไปของตน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...