เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๔

​

 

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ญาติโยมที่อยู่ทางบ้านหลายท่าน อาจจะตกใจกับข่าวที่วัดทองผาภูมิเผาขยะติดเชื้อ จนกระทั่งเมรุไฟไหม้พังพินาศไปแล้ว และวันนี้ท่านนายอำเภอนภเดช เกลียวศิริกุล กับท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ก็มาขอให้วัดท่าขนุนรับช่วงในการเผาขยะติดเชื้อต่อจากวัดทองผาภูมิ

แต่เดิมทางวัดท่าขนุนก็ตั้งใจจะเผาขยะติดเชื้อของโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุนด้วยตนเอง แต่ว่าทางโรงพยาบาลโดยท่านผู้อำนวยการ แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี บอกว่า ทางโรงพยาบาลมีระบบจัดการกับขยะติดเชื้ออยู่แล้ว ก็จะขออาสารับจัดการเหมือนเดิม กลายเป็นว่าเพิ่มภาระให้กับทางด้านวัดทองผาภูมิมาก เพราะว่าศูนย์พักคอยทุกแห่ง ตลอดจนกระทั่งโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุน ก็ส่งขยะติดเชื้อไปที่นั่น

ในเมื่อมีการเผาจนกระทั่งไม่ได้พัก ในที่สุดหัวฉีดน้ำมันก็พัง ในเมื่อหัวฉีดพัง แทนที่จะฉีดพ่นน้ำมันเป็นฝอย ก็ออกมาเป็นท่อเลย..! เรื่องของเรื่องจึงไหม้บรรลัยวายวอดอย่างที่เห็น..!

พวกนี้ถือว่าเป็นอุปสรรคหน้างานที่ต้องคอยแก้ไข คราวนี้วัดที่มีเมรุปลอดมลพิษในลักษณะนี้ ตอนนี้ก็เหลือวัดท่าขนุน วัดเขื่อนวชิราลงกรณ วัดอู่ล่อง แล้วก็วัดลิ่นถิ่นพัฒนาราม แต่ของวัดลิ่นถิ่นอยู่ไกลเกินไป ท่านนายอำเภอนภเดชก็เลยจะเฉลี่ยให้วัดท่าขนุน วัดเขื่อนวชิราลงกรณ แล้วก็วัดอู่ล่อง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเผาขยะ จะได้ไม่ร้อนจนกระทั่งเมรุพังอีก ส่วนของวัดทองผาภูมิก็ถือว่าโชคดีไป เพราะว่าท่านจะขอรับบริจาค แล้วก็นำเงินมาสร้างให้ใหม่ หรือว่าซ่อมให้ใหม่

 

ตรงจุดนี้ส่วนหนึ่งที่อยากจะเตือนญาติโยม ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็คือว่า เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไม่ได้จากไปง่าย ๆ แต่ว่าญาติโยมเป็นจำนวนมากประมาท พอรัฐบาลประกาศคลายล็อก ก็ทำความรู้สึกเหมือนกับว่าโรคนี้ไม่มีแล้ว ดังนั้น...การระบาดระลอกที่ ๕ ระลอกที่ ๖ จะต้องมีแน่นอน เนื่องจากว่าความประมาทของพวกเราทำให้ใช้ชีวิตโดยไม่ระมัดระวัง

แต่ยังดีว่าวัดท่าขนุนของเรา แม้ว่าจะมีกิจกรรมที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับญาติโยมจำนวนมาก และบิณฑบาตทุกวัน ก็ยังคงแคล้วคลาดปลอดภัย กระผม/อาตมภาพเอง วันนี้ก็ไปรับการ "สวอบ" ซ้ำเป็นครั้งที่ ๒ ก็ยังไม่มีปัญหา แสดงว่าอาการป่วยที่เป็นอยู่ก็คือไข้หวัดธรรมดา

คราวนี้มีญาติโยมส่วนหนึ่งที่ส่งวัสดุข้าวของมาที่วัด ก็ต้องบอกว่าบางส่วนเป็นของที่เราคิดไม่ถึง อย่างเช่นว่าเสื้อกันฝนชนิดบาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ อสม. ต้องใช้เยอะมาก เสื้อกันฝนกับผ้าคลุมผม เพราะว่าต้องนำอาหารจากวัดท่าขนุน ไปมอบให้บรรดาผู้ติดเชื้อที่โดนกักตัวทุกวัน เมื่อเสร็จภารกิจก็ต้องทิ้งไปทั้งชุดเลย วันหนึ่งก็ใช้ ๕-๖ ตัวเป็นปกติ

ถ้าหากว่าเป็นชุด PPE ก็ร้อนเกินไป เพราะว่าบางทีต้องเดินทั้งหมู่บ้าน กว่าที่จะมอบอาหารให้ครบทุกบ้านก็คงจะเป็นลมเสียก่อน จึงใช้ชุดกันฝนอย่างบาง แต่ว่าเป็นการใช้แล้วทิ้ง เลยทำให้สิ้นเปลืองมาก

ส่วนญาติโยมท่านอื่น ๆ ที่ตั้งใจจะส่งของมาช่วยทางวัด ก็ให้พินิจพิจารณาให้ดี เพราะว่าข้าวของบางอย่าง ปัจจุบันนี้ก็มีมากเกิน อย่างเช่นว่าถุงมือยาง แต่ว่าบางอย่างก็ไม่เพียงพอ แต่ตรงจุดนี้ทางหน่วยราชการต่าง ๆ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุน ยังผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันรับผิดชอบได้

 

ถ้าเป็นไปได้ ให้ท่านบริจาคสิ่งของให้กับศูนย์พักคอย หรือโรงพยาบาลสนามที่ใกล้บ้านที่สุด เพื่อที่สถานที่เหล่านั้นจะได้ไม่ขาดวัสดุทั้งหลายเหล่านี้ พูดง่าย ๆ ว่าเฉลี่ยกันไป อย่าระดมไปลงที่เดียว การระดมไปลงที่เดียว ของบางอย่าง เช่นชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิต (ATK) ถ้าหากว่าอยู่ที่อุณหภูมิสูงหน่อยก็เสื่อมสมรรถภาพได้

เพราะฉะนั้น...ของพวกนี้ ทางวัดท่าขนุนของเราจะจัดซื้อในช่วงที่ขาดแคลน ญาติโยมส่งมาทีละกล่อง ตรวจได้ ๓ คน ๔ คน แต่ของเราใช้กันทีก็คือตรวจกันยกหมู่บ้าน..!

ต้องขออนุโมทนาในความดีที่ญาติโยมทั้งหลายตั้งใจทำ แต่ขอให้ทำกับศูนย์พักคอยหรือโรงพยาบาลสนามที่ใกล้บ้านที่สุด เพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์ญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงของเรา ทางวัดท่าขนุน ของพวกนี้จะบอกว่าขาดก็ไม่ใช่ แค่บางทีมาไม่ทันการแค่นั้น

แล้วช่วงสิ้นเดือนนี้ ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ซึ่งท่านเกษียณอายุแล้ว แต่ว่าได้รับการต่ออายุราชการ จะประกาศเปิดจังหวัดรับนักท่องเที่ยว

ตรงจุดนี้เป็นภาระใหญ่มาก ถ้านักท่องเที่ยวมาอย่างมีวินัย ก็สามารถที่จะรับมือได้ง่าย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็คือ มาแล้วก็เต็มที่กับชีวิต แล้วถ้าหากว่าสังเกต จะเห็นว่าบรรดาผู้ที่ติดเชื้อนั้น ส่วนใหญ่ก็คือตอนที่ไปนั่งกินเหล้ากินข้าวด้วยกันนั่นแหละ ก็คาดว่าถ้าเปิดเมื่อไร ต้องเตรียมตัวรับมือกับการระบาดระลอกใหม่ได้ทันที..!

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ญาติโยมต้องระมัดระวัง ดูแลรักษาตัวเราเอง เพราะว่าปัจจุบันนี้การฉีดวัคซีน ต่างประเทศก็ประท้วงกันอุตลุด ว่าเป็นวัคซีนที่ยังไม่ได้มีการทดสอบอย่างแน่นอน ก็รีบนำออกมาขาย เป็นการขายสินค้าโดยไม่สนใจชีวิตคน บ้านเราก็ได้ยินว่า มีการหยุดการฉีดวัคซีนลงชั่วคราว แต่ว่ายังเป็นข้อเสนอของฝ่ายแพทย์อยู่ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าทางรัฐบาลจะสั่งหยุดตามไปหรือไม่ ตรงจุดนี้ปล่อยให้รัฐบาลเขาตัดสินใจกันเอง

 

ส่วนอีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นกับวัดท่าขนุนช่วงนี้ก็คือ โทรศัพท์ที่แต่ละท่านระดมกันโทรเข้ามา เพื่อหาวัตถุมงคลรุ่นที่น้องข้าวหอมแขวน อาตมภาพเห็นรูปแล้วจะบ้า..! ก็คือคุณบุญชัย เบญจรงคกุล กับน้องตั๊ก (บงกช คงมาลัย) ก็ถ่ายรูปในงานวันเกิดลูกธรรมดาตามปกติ ญาติโยมดันไปตาไวเห็นน้องข้าวหอมแขวนเหรียญพญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตของวัดท่าขนุน คราวนี้ก็เลยโทรกระหน่ำเข้ามา เพื่อที่จะหาวัตถุมงคลรุ่นนี้

ขอบอกว่ารุ่นนี้จริง ๆ แล้ว กระผม/อาตมภาพ มอบให้กับทางวัดสี่แยกเจริญพรไปทั้งหมด ในส่วนที่ตนเองมีอยู่ก็แจกในงานศพไปเสียหมด ถ้าหากว่าจะเหลือ ก็คงจะมีที่คนบูชาเป็นส่วนตัวเอาไว้แค่ไม่กี่เหรียญ ไม่จำเป็นต้องโทรมา คุณอยากได้แต่เจ้าของเขาหวง มีอะไรก็กระหน่ำโทรไปทางวัดสี่แยกเจริญพรแทน ไม่ต้องเลี้ยวมาทางนี้

การที่คนดังหรือว่าคนรวยใช้วัตถุมงคล ก็เป็นความศรัทธาเฉพาะตัว เขาอาจจะเห็นผล แต่ว่าพวกเราไปอยากได้ ซึ่งตัวอยากไม่ใช่ศรัทธา ดังนั้น...ในเรื่องของการคุ้มครองป้องกันหรือให้ผลของวัตถุมงคลก็ต่างกัน ถ้าเราหามาด้วยความอยาก อยากมีเหมือนเขา อยากมีเหมือนคนดัง แต่คนอื่นเขาแขวนด้วยศรัทธา มีการอาราธนาทุกวัน ผลต่างย่อมเห็นอย่างชัดเจน เพราะว่ามีการกระทำที่ต่างกัน

ฉะนั้น...ตรงจุดนี้อยากจะบอกแก่ญาติโยมทั้งหลายว่า วัตถุมงคลเป็นเครื่องส่ง ส่งพลังงานเต็มที่อยู่แล้ว สำคัญตรงเครื่องรับคือตัวเราเอง ว่าเปิดใจรับได้เท่าไร เพราะว่าวัตถุมงคลนั้นต้องการศรัทธา คือความเชื่อมั่น อย่างชนิดที่มอบกายถวายชีวิต

 

พวกเราอาจจะเคยได้ยินเรื่องเล่าที่ว่ามีคนโดนรุมตี แล้วทำวัตถุมงคลที่อมไว้ในปากตกลงพื้น คว้าขึ้นมาอมใหม่ ปรากฏว่าวัตถุมงคลดิ้นได้ เกิดกำลังใจว่าหลวงพ่อจะช่วยตนเอง จึงบอกว่า "หลวงพ่อไม่ต้อง แค่นี้ผมไหว..!" ตีกับเขาเสร็จเรียบร้อย คายหลวงพ่อออกมาดู กลายเป็นลูกเขียดตายแหงแก๋..! นั่นก็คือศรัทธาเชื่อมั่นเต็ม ๆ ไม่มีวัตถุมงคลอยู่กับตัวเลย ก็ทำให้มั่นใจว่า กำลังใจระดับนี้คุ้มตัวเองได้

กำลังใจของคนเราเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการใช้วัตถุมงคล กำลังใจบางคนคุ้มครองตัวเองยังไม่ได้ อ่อนแอ..ประมาณว่าขวัญอ่อน กำลังใจอีกระดับหนึ่ง คุ้มตัวเองได้แต่คุ้มครองคนอื่นไม่ได้ ต้องกำลังใจอยู่ในระดับคุ้มครองตนเองได้ คุ้มครองคนอื่นได้ ถึงจะถือว่าใช้ได้

เราต้องพิจารณาตัวเองว่า ตัวเรามีศรัทธาแค่ไหน ศรัทธาเพราะเห็นประโยชน์ในการระลึกถึงพุทธานุสติ สังฆานุสติ หรือว่าเราศรัทธาเพราะเห็นว่าคนอื่นมี คนเขาแสวงหากันมากก็อยากได้ ถ้าวางกำลังใจผิด การที่เราจะได้อานุภาพวัตถุมงคลเหมือนกับคนอื่นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

จึงขอเรียนถวายให้แก่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)