เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 14 กรกฎาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นธรรมเนียมของวัดท่าขนุนที่ทุกวันที่ ๑๔ ของเดือน เราจะทำบุญถวายหลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที แต่คราวนี้ เราจะสังเกตเห็นว่าผู้คนจะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคนรุ่นหลังที่ไม่ทันได้พบได้เห็นชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อ ก็จะไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น ส่วนคนที่ทันก็ล้มหายตายจากไปเรื่อย ๆ

    ในเรื่องวัดวาอาราม ถ้าหากว่ามีเจ้าอาวาสขลัง มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็สามารถที่จะบริหารจัดการได้ง่าย แต่คราวนี้สถานที่จะดีแค่ไหนก็ตาม คนก็ยังเป็นคนอยู่วันยังค่ำ ถ้าไม่คิดจะเอาดีอย่างจริง ๆ จัง ๆ แล้ว ก็มักจะวุ่นวายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

    ตั้งแต่สมัยที่กระผม/อาตมภาพไปวัดท่าซุงใหม่ ๆ ก็แปลกใจมาก ว่าวัดใหญ่ขนาดนี้มีแม่ชีอยู่แค่ ๔ รูป จนกระทั่งเมื่อบวชเข้าไปแล้ว มีโอกาสกราบเรียนถาม หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ท่านไม่อยากให้มีแม่ชีอยู่ในวัด ปล่อยให้รุ่นนี้ล้มหายตายจากไปให้หมด แล้วไม่ต้องรับแม่ชีเข้ามาอีก เพราะว่าแต่ละคนเรื่องมาก กระทบกระทั่งกันอยู่ทุกวัน "ข้ารำคาญ.."

    พอได้ยินถึงได้เข้าใจ ก็คือ บุคคลที่อยู่ในวัด จริง ๆ แล้วต้องตั้งใจ ลด ละ เลิก กิเลสของตนเอง พยายามทำ กาย วาจา ใจ ของตนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ว่าเท่าที่พบมาส่วนใหญ่ก็คือ ปีแล้วปีเล่าก็ยังแย่อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อยขี้หมูราขี้หมาแห้งขนาดไหน ก็เก็บเอามาพูดหมด แต่เรื่องสำคัญที่ควรจะพูดกลับไม่พูด แล้วก็ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันอยู่ได้ตลอดเวลา
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    กระผม/อาตมภาพถึงได้บอกอยู่เสมอว่า สถานที่จะดีแค่ไหนก็ตาม ครูบาอาจารย์จะดีแค่ไหนก็ตาม คนก็ยังเป็นคนอยู่วันยังค่ำ แม้แต่พระพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้แล้วก็ยังทรงขวนขวายน้อย ไม่คิดที่จะเทศนาสั่งสอน เพราะเล็งเห็นแล้วว่าคนเราสอนยากขนาดไหน
    ยิ่งคนเก่า ๆ อยู่มานาน ผ่านครูบาอาจารย์มาทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ แต่ก็ยังเอาดีไม่ได้ ควรที่จะรู้จักละอายใจตัวเองบ้าง..! ยิ่งอยู่นาน แทนที่จะยิ่งสะสมความดี กลายเป็นว่ายิ่งอยู่นานก็ยิ่งเลว แต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่ทำไป แทนที่จะช่วยให้ชื่อเสียงเกียรติคุณของครูบาอาจารย์ดีขึ้น ช่วยให้ชื่อเสียงของวัดวาอารามดีขึ้น ก็กลายเป็นว่ามีแต่ทำให้คนเสื่อมศรัทธา..!

    ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมหลวงปู่สายถึงได้หนีออกจากวัดไปตั้งหลายปี ก็เพราะรำคาญไอ้พวกที่ไม่รู้จักเอาดีเสียที กี่ปี ๆ ก็แบกกิเลสไว้ท่วมหัว แล้วแถมยังเอาไปอวดคนอื่นให้ครูบาอาจารย์เสียหายด้วย เรื่องพวกนี้ก็คงจะอยู่ไปชั่วฟ้าดินสลาย หรือตายกันไปข้างหนึ่ง เพราะว่าถ้าคิดจะเอาดี ก็คงจะเอาดีไปนานแล้ว ไม่ใช่อยู่มาจนป่านนี้ก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง อย่าให้คนรุ่นหลังเขามองว่า เราเติบโตเพราะกินข้าว แก่เฒ่าเพราะอยู่นาน แต่หาความดีอะไรไม่ได้เลย

    เรื่องทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเรารู้จักกล่าวโทษโจทย์ตัวเอง อย่างที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า อัตตนา โจทยัตตานัง ให้คิดอยู่เสมอว่าเรายังมีความชั่วอยู่ ต้องระมัดระวังไว้อย่าให้ความชั่วนั้นเจริญงอกงามขึ้นมา และคิดอยู่เสมอว่าเรายังมีความดีไม่พอ ต้องสร้างความดีให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ความจริงหน้าที่ของเรามีอยู่แค่นี้เอง แต่ไปทำอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ แล้วก็ให้ครูบาอาจารย์ต้องเสียเวลามาปากเปียกปากแฉะ ด่าแล้วด่าอีก สอนแล้วสอนอีก แต่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตักน้ำรดหัวตอก็ยังพอที่จะเปียกบ้าง แต่นี่เข้าหูซ้ายทะลุหูหมา..! พอว่าไปอย่างดีก็อยู่ได้สองวัน วันที่สามก็กลับไปชั่วเหมือนเดิมอีกแล้ว แล้วก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด คิดอยู่เสมอว่าคนอื่นทำไม่ดี ถ้าอย่างนี้ทั้งชาติก็เอาดีไม่ได้ เพราะว่าไม่เห็นความผิดของตัวเอง

    ยิ่งคนรุ่นเก่า ๆ ยิ่งต้องมีสำนึก ครูบาอาจารย์ตายไปคนแล้วคนเล่า เราก็ยังเอาดีไม่ได้เป็นเพราะอะไร ? ไม่ใช่ต้องรอคนอื่นมากล่าวโทษโจทย์ตัวเรา คนที่เขารักตัวเอง จะไม่มีวันหรอกที่เขาจะบอกในสิ่งที่เราต้องแก้ไข เพราะว่าบอกไปก็มีแต่เสมอตัวกับขาดทุน เสมอตัวก็คือเรารับไปแก้ไข แต่ถ้าหากว่าขาดทุน ก็คือนอกจากว่าจะรับไม่ได้แล้ว ยังไปเล่นงานเขากลับอีกต่างหาก โบราณเขาถึงได้มีคำว่า อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้ ก็คือ เอาไม้สั้น ๆ ไปฟาดกองขี้ มีแต่จะกระเด็นมาเหม็นตัวเอง พยายามอย่าทำตัวเป็นกองขี้ที่คนอื่นเขาพยายามเลี่ยงห่าง ทำอย่างไรที่จะทำตัวเองให้เป็นดอกไม้หอม ที่มีแต่แมลงมีแต่ผึ้งมาไต่ตอม
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    การเป็นนักปฏิบัติธรรมที่ดีต้องไม่สนใจจริยาคนอื่น ตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขตนเองอย่างเดียว ไม่ใช่ต่อหน้าอย่างหนึ่ง ลับหลังอย่างหนึ่ง เรื่องพวกนี้จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นจะต้องมาพูด แต่ว่าทนรำคาญไม่ไหว ถ้ายังมีอยู่ต่อไปไม่รู้จบ ก็บริหารวัดกันไปเองก็แล้วกัน..!

    โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพ ถ้าไปแล้วก็คือไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปขอร้องอ้อนวอน ไม่มีกลับมาอีก อย่าทำให้รำคาญมากไปกว่านี้ ทุกวันนี้ก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมากแล้วที่จะกัดฟันอยู่ที่นี่ อย่าคิดว่าลงทุนอะไรไปมากมายแล้วจะมีห่วงหาอาลัย ๗-๘ วัดที่ผ่านมาก็ทิ้งมาหมดแล้ว ถ้าทิ้งวัดท่าขนุนอีกสักวัดหนึ่งก็คงจะไม่แปลกอะไร..!

    ในแต่ละวันตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ให้ตั้งหน้าตั้งตาขัดเกลากิเลสตัวเอง ไม่ใช่เพิ่มกิเลส กิริยาไม่ดีก็พยายามปรับปรุง วาจาไม่ดีพยายามแก้ไข ยิ่งคนเก่า ๆ ก็จะรู้ เทปบันทึกเสียงธรรมของหลวงปู่สายท่านมีอยู่ คนเรานิยมปุปผภาณี ก็คือคนที่พูดแล้วมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ ไม่ใช่คูถภาณี พูดแต่สิ่งที่เหม็นเหมือนขี้ แต่พวกเราฟังแล้วก็เลยหูไป ไม่เคยเก็บเอามาใช้งาน


    ถ้าเป็นหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าสู้หมาก็ยังไม่ได้..! ต้องดูไอ้พวกตัวแสบหน้าสำนักงานเจ้าอาวาส เปิดประตูไว้อย่างไรก็ไม่กล้าเข้า เพราะว่าเคยโดนดุไป แต่ไอ้พวกเรา เผลอเมื่อไรก็ลอดซ้ายลอดขวาไปเรื่อย แล้วก็ช่วยกันปิดช่วยกันบัง "เดี๋ยวหลวงพ่อจะรู้" ไม่อยู่แค่วันสองวัน ก็ทำเรื่องใหญ่ขึ้นมา จะอยู่กันอย่างสุขอย่างสงบสักทีไม่ได้หรืออย่างไร ?

    ขอให้รู้ว่าเราทำอะไรก็ตามมักจะอยู่ในสายตาคนอื่น ไอ้สิ่งที่คิดว่าดีนักดีหนา คนที่เขารู้ เขามองไปก็ได้แต่เวทนา เพราะว่าเอากิเลสไปอวดคนอื่นเขา มีแต่ต้องปล่อย ต้องละ ต้องวาง ขัดเกลาตนเองไปเรื่อย ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ใครจะรู้จักไม่รู้จัก ใครจะให้ความสำคัญไม่ให้ความสำคัญ ช่างหัวมัน..! หลักธรรมสำคัญที่สุด ที่ต้องให้ความสำคัญกับหลักธรรม เพราะว่าเป็นที่พึ่งของเราทั้งในปัจจุบัน ทั้งในอนาคต และถ้าสามารถเข้าสู่ประโยชน์สูงสุด คือพระนิพพานได้ ก็จะเป็นสิ่งที่วิเศษมาก แต่พวกเรายิ่งทำก็ยิ่งห่าง ดูแล้วไม่รู้ว่าจะสงสารดีหรือรำคาญดี


    แต่ละคนเป็นแค่เศษฝุ่นในจักรวาลเท่านั้น แต่ไปแบกตัวกูของกูเอาไว้เต็มที่ ถ้าไม่ได้อย่างใจกูก็เป็นเรื่อง ขอให้แก้ไขเสียใหม่ ถ้าหากว่ามีอีก อาตมาก็ขอไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวด้วย อยากจะทำอะไรก็ทำกันให้พอใจไปเลย แทนที่จะควบคุมบังคับตัวเอง กลับจ้องไปควบคุมบังคับคนอื่น บ้าหรือเปล่า..?! ตัวเองยังบังคับไม่ได้เลย


    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ความจริงไม่จำเป็นที่จะให้คนนอกเขารับรู้ แต่ถ้าไม่พูด คนเขาก็จะคิดว่าวัดท่าขนุนวิเศษเลิศลอยไปหมด แต่ความจริงแล้วมีแต่หนอนมีแต่แมลง คอยบ่อนคอยเบียน คอยกัดคอยแทะจนวัดพรุนไปหมดแล้ว ถ้าไม่บอกไม่กล่าวเอาไว้ คนที่เขาตั้งใจมา เพราะคิดว่าวัดดี ครูบาอาจารย์ดี ต้องเจอแต่คนดี ๆ พอไปเจอ "เหี้ยหางแดง" เข้าก็คงได้เผ่นหนีจากวัดไปกันหมด..!

    ขอบอกว่าจะเตือนออกอากาศแบบนี้เป็นครั้งแรกแล้วก็ครั้งสุดท้าย ถ้าหากว่ามีอีกก็ไปเตือนไปสอนตัวเองก็แล้วกัน วันนี้ต้องขออภัยญาติโยมทางบ้านด้วย ที่ต้องมาฟังเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าหากว่าใครฟังแล้วมีประโยชน์ก็ขออนุโมทนาด้วย..ขอเจริญพร

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...