เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 11 ตุลาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,368
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,368
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ เพื่อเยี่ยมพระครูสุนทรกาญจนธรรม (สุดใจ ปิยวโจ) เจ้าคณะตำบลนาสวนเขต ๑ เจ้าอาวาสวัดองสิต ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเข้าสอบพระอุปัชฌาย์ด้วยกัน แต่ท่านสอบตก จึงต้องเว้นไปปีหนึ่ง แล้วไปสอบได้ในปีถัดไป

    พระครูสุนทรกาญจนธรรมท่านป่วยเป็นเบาหวาน คราวนี้ด้วยความที่ท่านเป็นกะเหรี่ยง ก็เลยรักษากันแบบสมุนไพรพื้นบ้าน ปรากฏว่าเลือดเป็นพิษ หมอก็เลยวางยาสลบท่านแล้วก็ตัดขาซ้ายไป โดยตัดเลยหัวเข่าขึ้นมา ท่านบอกว่า "ตื่นขึ้นมาขาหาย ตกใจเหมือนกัน" แต่ดูจากตั้งแต่แรกที่ท่านกลับวัดมา ก็คือกลับจากโรงพยาบาล จนกระทั่งถึงวันนี้ ต้องบอกว่าท่านรับมือกับความสูญเสียอวัยวะได้ดีมาก ก็คือไม่ได้ไปคร่ำครวญอยู่กับขาที่ถูกตัด แล้วแถมยังเห็นเป็นเรื่องสนุกเสียด้วย ที่ต้องมาฝึกแข้งฝึกขากันใหม่ เพื่อที่จะใส่ขาปลอม

    เรื่องพวกนี้แสดงให้เห็นอย่างแท้จริงว่า การปฏิบัติธรรมของเรานั้นจะใช้การได้หรือว่าใช้การไม่ได้ ก็ต้องทดสอบกับปัญหาที่เข้ามาในชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่ว่าตอนนั่งกรรมฐานกำลังใจสงบระงับดีมาก พอชนกับปัญหาหน่อยเดียว พังเรียบร้อยไปแล้ว..!

    คราวนี้การที่เดินทางไกลขนาดนั้นก็เลยไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นไปด้วย แต่ว่าหลายท่านก็โอนเงินมา เพื่อที่จะร่วมในการทำบุญกับท่าน เรื่องแบบนี้โบราณเขาว่าเอาไว้ว่า "เจ็บเยี่ยมไข้ ตายเยี่ยมผี มีแบ่งปัน" เป็นเครื่องยึดโยงกำลังใจของผู้คน หรือว่าสร้างให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะได้อย่างหนึ่ง

    กระผม/อาตมภาพเอง ถ้าไม่ใช่มีเวลาว่างจริง ๆ ก็ไม่ได้ไป เพราะว่าระยะทางไกลมาก ถ้าไปตามที่กูเกิ้ลแม็พบอก ก็ตกร้อยกว่ากิโลเมตร แถมยังขึ้นเขาไปยาว ๆ เลย แต่เนื่องจากว่าลัดข้ามแพขนานยนต์ไป ประหยัดไปได้ ๑๙ กิโลเมตร แล้วแถมยังได้ไปปล่อยปลาบนแพด้วย อยู่บนแพมีคนเขาตกปลาได้ เลยไปขอซื้อแล้วปล่อย ตอนแรกเขาเกรงใจ บอกไม่เอาเงิน กระผม/อาตมภาพก็เลยให้เขาไปตัวละ ๑๐๐ บาท..!

    เรื่องที่อยากจะพูดในวันนี้มีหลายเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกก็คือที่โลกเรากำลังระอุอยู่ เนื่องจากว่ากลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นตัวแทนของปาเลสไตน์ รบกับอิสราเอล สงครามตรงนี้ถ้าเป็นภาษิตจีนเขาบอกว่า "เป็นคู่แค้นที่ไม่ยอมอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน"

    ดินแดนตรงนี้ ความจริงเป็นของชาวปาเลสไตน์ยึดครองอยู่ หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันล่มสลายไปแล้ว แต่พอหลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ สหประชาชาติซึ่งได้รับการแต่งตั้งมาไม่นาน เป็นองค์กรระหว่างประเทศในระดับโลกเลย สั่งให้แบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งให้กับชาวยิว ก็คืออิสราเอล เหมือนกับเราอยู่บ้านดี ๆ แล้วมีคนอื่นมาบอกว่า แบ่งให้คนอื่นไปครึ่งหนึ่ง ก็ต้องมีคนที่ไม่ยอม จึงมีการกระทบกระทั่งกันมาตลอด
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,368
    โดยเฉพาะอย่าลืมว่าปาเลสไตน์ก็คืออิสลาม ซึ่งคนอิสลามเขาถือว่าอิสลามทั่วโลกคือพี่น้องกัน ก็เลยเกิดการปะทะกันรุนแรงในปี ๒๕๑๐ ก็คือ "สงคราม ๖ วัน" ที่อิสราเอลเป็นฝ่ายชนะ สร้างวีรบุรุษสงครามขึ้นมา ก็คือนายพลโมเช่ ดายัน ที่กระผม/อาตมภาพจำได้แม่นก็เพราะว่าครูออกเป็นข้อสอบความรู้รอบตัว ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพเรียนชั้นประถมปีที่ ๒ เป็นคนเดียวที่ตอบคำถามครูได้ครบทุกข้อและถูกทุกข้อ เนื่องเพราะว่าเป็นเด็กคนเดียวที่มักจะอยู่ในห้องสมุด ในขณะที่คนอื่นเขาไปเล่นกัน

    หลังจากนั้น พออิสราเอลชนะก็เกิดพื้นที่กันชน คือฉนวนกาซาขึ้นมา ต้องบอกว่านี่เป็นคุกอย่างหนึ่ง ก็คือเป็นคุกแบบที่ไม่มีรั้วรอบขอบชิด ไม่มีกำแพง แต่ห้ามผ่าน..! แต่ว่าครั้งนี้ที่สงครามปะทุขึ้นมา ก็เพราะว่าทางอิสราเอลข้ามไปใช้มัสยิด มัสยิด อัล - อักซอ ซึ่งถือว่าเป็นของปาเลสไตน์ ระยะเวลายาวนานที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าอิสราเอลขยับทำอะไรก็ตาม โลกภายนอกจะออกข่าวเข้าข้างตลอด ถ้าเรามองด้วยความเป็นธรรม จะเห็นว่าฝ่ายปาเลสไตน์โดนกระทำอยู่อย่างเดียว ก็เลยกลายเป็นความแค้นรอวันปะทุ แล้วก็มาปะทุขึ้นในระยะนี้

    ในส่วนที่อยากจะบอกก็คือว่า กลุ่มนักรบฮามาสนั้น ได้รับการฝึกฝนและอบรมไปจากสหรัฐอเมริกา..! พอ ๆ กับที่ไปฝึกฝนอบรมให้กับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน ก็เลยกลายเป็นกรรมสนอง เพราะว่าสหรัฐถือหางอิสราเอลมาตลอด แต่คราวนี้ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะคนไทย ทั้งเจ็บ ทั้งตาย ทั้งโดนจับเป็นตัวประกันจำนวนมาก..!

    คราวนี้ท่านทั้งหลายในฐานะของพระภิกษุสามเณร เราไม่สามารถที่จะแสดงความเห็นอะไรออกไปได้ ต้องเห็นว่าเป็นธรรมดาโลก มีอยู่เดียวก็คือนั่งกรรมฐาน แผ่เมตตา ขออย่าให้เหตุการณ์รุนแรงไปกว่านี้..!

    เนื่องเพราะว่า แม้ว่าเราจะชอบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วแสดงความเห็นออกไป เราก็จะเสียความยุติธรรมไปทันที ต่อให้ยืนอยู่ข้างที่ถูกก็เถอะ เท่ากับว่าเราเลือกข้างแล้ว ขาดความเป็น "อัปปมัญญา" ก็คือต้องไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อย่าได้ไปปากไวไปประณามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะทันทีที่คุณเลือกข้าง อีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นศัตรูของคุณทันที..!

    แล้วก็ไม่ต้องโทรศัพท์ไปหาทูตว่า "ผมเป็นพระวัดโน้นวัดนี้ เพื่อความเมตตาตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา โปรดได้ยื่นมือช่วยคนไทยด้วย" ไอ้นั่นเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกับทูตไทยในอิสราเอล ไม่ใช่หน้าที่ของเรา..!

    เรื่องพวกนี้ไม่ช้าก็เร็ว จะต้องเกิดตามวัฎจักร เนื่องเพราะว่าโลกเราก็ดี โลกอื่นก็ดี เขาจะประกอบไปด้วยวัฏจักรที่ทางธรรมของเรากับทางโลก บางทีก็มีความเห็นไม่ตรงกัน เพราะว่าทางธรรมของเราบอกว่า โลกเราประกอบไปด้วยสังวัฏฏอสงไขยกัป กัปในข้างเสื่อม และวิวัฏฏอสงไขยกัป กัปในข้างเจริญ ซึ่งก็คือหลักธรรมในพุทธศาสนาตรงที่ว่า อนิจจัง ไม่เที่ยง เมื่อเจริญแล้วก็ต้องเสื่อมเป็นธรรมดา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,368
    คราวนี้โลกเราอยู่ในฝ่ายข้างเสื่อม ถ้าหากว่าเป็นสังวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป จะเป็นกัปที่เสื่อมเต็มที่แล้ว อย่างเช่นว่าโดนทำลายด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็คือโดนทำลายด้วยน้ำ ด้วยลม ด้วยไฟ ด้วยโรคภัย หรือว่าอาวุธ อย่างเช่นว่า ถ้าโดนทำลายด้วยอาวุธ เขาเรียกว่าสัตถันตรกัป ถ้าโดนทำลายด้วยโรคภัย เรียกว่าโรคันตรกัป เป็นต้น แล้วถ้าอยู่ในข้างเจริญเต็มที่ก็คือวิวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป ก็จะอยู่ในลักษณะของเส้นกราฟวิวัฒนาการที่เป็นคลื่นไป คราวนี้ก็ต้องมีย้อนกลับ ขึ้นไปสูงสุดแล้วก็ต้องลงมาต่ำสุด

    เราอยู่ในช่วงเสื่อม จะเห็นว่ามนุษย์ของเราตัวเล็กลง แค่สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ๒,๖๐๐ ปีก่อน ความสูงสมัยนั้นก็ราว ๆ ๘ เมตรของสมัยนี้ ๒,๐๐๐ กว่าปีผ่านไป ความสูงคนลงเหลือประมาณแค่ ๒ เมตร ถามว่าคำนวณจากไหน ? อันดับแรกเลยก็คือที่ปรากฏไว้ชัดเจนในพระไตรปิฎก

    วิธีที่สองก็คือคำนวณตามหลักวิชาการ การคำนวณตามหลักวิชาการ กระผม/อาตมภาพเรียนมาในสมัยเรียนวิชาทหาร ก็คือวิชาสะกดรอย ความยาวของเท้าคูณด้วย ๘ จะเป็นความสูง เราจะเห็นว่ารอยพุทธบาทส่วนใหญ่ก็อยู่ประมาณเมตรหนึ่ง หรือว่าเมตรเศษ ๆ ตีว่าเมตรถ้วนก็แล้วกัน คูณด้วย ๘ ก็คือสูง ๘ เมตร ไม่ก็ลองวัดรอยเท้าตัวเองแล้วคูณด้วย ๘ ก็ได้ จะได้ความสูงใกล้เคียงความจริงมากเลย

    แล้วเขาก็ยังมีวิชาการอีกว่า เราจะต้องนับรอยเท้าที่เห็นอยู่บนถนนหนทางที่เราสะกดรอย เป็นระยะกว้างยาวเท่าไร จำนวนรอยต้องหารด้วยเท่าไร จะประมาณออกมาเป็นจำนวนคนที่เดินผ่านไปได้ใกล้เคียงมาก เรื่องพวกนี้อย่าไปเสียเวลารู้เลย รู้แต่ว่าถ้ามีเกิด ก็มีเสื่อม

    คราวนี้ของเรา ถ้าหากว่าในช่วงที่เจริญสูงสุด ก็คือวิวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป ก็อย่างเช่นสมัยของพระศรีอริยเมตไตรยความสูง ๘๘ ศอก คราวนี้ ๘๘ ศอกนี่กล่าวไว้ในว่าขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ก็ต้องนับเป็นศอกของพระพุทธเจ้า อย่างเช่นว่าถ้านับเป็นคืบ ก็ใช้คำว่า คืบพระสุคต ในเมื่อเป็นศอก ก็ต้องเป็นศอกพระสุคต ศอกหนึ่งก็ประมาณ ๑ เมตร

    เพราะฉะนั้น..ประเทศจีนเขาก็เลยสร้างรูปสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย เอาไว้ที่ Buddhist Palace หรือที่เขาเรียกว่า หลิงซานต้าฝอ พระใหญ่ที่เขาหลิงซาน ความสูง ๘๘ เมตร มีโอกาสก็ไปดูกันบ้าง พระเข้าฟรี..เสียเงิน ๕๐ หยวนตอนดูนิทรรศการของเขา ก็คือที่พระพุทธเจ้าเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์จนกระทั่งตรัสรู้ โดยเฉพาะในส่วนของฉัพพรรณรังสี เขาทำได้ดีมาก

    แล้วที่อัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือต้นโพธิ์ทั้งต้นโผล่ขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ ถ้าวัดท่าขนุนใหญ่พอ กระผม/อาตมภาพอยากทำพิพิธภัณฑ์ให้ได้แบบนั้น แต่ทำแค่ ๑,๖๐๐ ตารางเมตร ดูท่าว่าไม่เสร็จตามสัญญาอย่างแน่นอน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,368
    ดังนั้น..เรื่องนี้เราไม่สามารถที่จะเข้าข้างใครได้ นอกจากพิจารณาให้เห็นว่าปกติธรรมดาของโลกเป็นเช่นนั้น ในเมื่อสรรพสัตว์เบียดเบียนกัน จิตใจประกอบไปด้วย ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ มีแต่ความเร่าร้อน เราก็ต้องแก้ไขด้วยพรหมวิหาร ๔ โดยเฉพาะเมตตา กรุณา สวดมนต์ไหว้พระ เจริญกรรมฐาน แล้วก็แผ่เมตตา ท่านที่ได้ทุกข์ ขอให้พ้นจากความทุกข์ ท่านที่ได้สุข ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเถิด

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูด ดูท่าเวลาจะไม่อำนวยแล้ว ก็คือมีพระเถระระดับเลขานุการเจ้าคณะภาค ไปอยู่ในบ่อนที่ฝั่งพม่า
    กระผม/อาตมภาพไม่อยากจะสรรเสริญเจริญพร แต่สงสัยว่าท่านสิ้นสติไปได้อย่างไร เนื่องเพราะว่าสมัยนี้สื่อนั้นเร็วมาก เราทำอะไรอยู่ในสายตาชาวบ้านเขาตลอด ถ่ายคลิปหรือถ่ายรูปส่งมาก็บรรลัยแล้ว..!

    เพราะว่าเรื่องนี้เป็นโลกวัชชะ ท่านทั้งหลายอย่าแปลคำว่า โลกวัชชะแค่โลกติเตียน โลกวัชชะในความหมายหนึ่งก็คือ ผิดพระวินัยแล้วมีความผิดทางโลกด้วย อย่างเช่นว่าถ้าหากว่าเราฆ่าคน ผิดพระวินัยแล้วมีความผิดทางโลกด้วย เราเสพยาเสพติด ผิดพระวินัยแล้วมีความผิดทางโลกด้วย ก็คือ
    ผิดทั้งทางโลก ผิดทั้งทางธรรม ศีลขาดยังไม่พอ ยังผิดกฎหมายอีกต่างหาก..!

    จึงเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีสำนึกอยู่ตลอด ว่าบัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องกระทำอาการกริยานั้น ๆ ไม่ใช่นึกอยากรวยก็เข้าบ่อน นึกอยากหาความตื่นเต้นให้ชีวิตก็เข้าบ่อน ถ้าลักษณะอย่างนั้น ก็กลายเป็นหนอนที่จะมาบ่อนเบียนพระพุทธศาสนาของเรา ให้เสื่อมโทรมลงไปในเวลาอันรวดเร็ว

    สำหรับวันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...