เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 20 มกราคม 2025 at 18:55.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,605
    ค่าพลัง:
    +26,456
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,605
    ค่าพลัง:
    +26,456
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพมีภารกิจที่สถาบันพระสังฆาธิการ ตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ไปถึงที่นั่นแต่เช้า อากาศเย็นใกล้เคียงกับทองผาภูมิมาก

    เหตุที่ไปก็เพราะว่ามีการประชุมสัมมนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาส รุ่นที่ ๔๘ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เข้าไปถึงก็เจอท่านพิบูลย์ สมประสงค์ ซึ่งเคยเป็นนักวิชาการศาสนาชำนาญการ อยู่ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ย้ายไปอยู่ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรีมาหลายปีแล้ว ปรากฏว่าปีนี้ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี

    กระผม/อาตมภาพแสดงความยินดีกับท่านแล้ว ก็มอบปัจจัยร่วมสนับสนุนงานประชุมสัมมนาในครั้งนี้เป็นจำนวน ๕,๐๐๐ บาท ยังไม่ทันจะคุยอะไรกัน คุณปริญญา นัทธี หรือที่ในวงการเรียกกันว่า "เซียนไก่ บ้านฆ้อง" ก็ได้นำเอาพระขรรค์ ๒ เล่มมาถวาย

    คุณปริญญาเคยช่วยทำมีดหมอให้กับทางวัดท่าขนุน ก็คือมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญ และ มีดลูกพราหมณ์พรหมพิทักษ์ และมาภายหลังก็ยังได้ทำไม้เท้าพรหมประกาศิตถวายกระผม/อาตมภาพเป็นเฉพาะแค่ด้ามเดียวในโลก เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพสละออกให้ผู้บูชาไปแล้ว มางานนี้ ท่านได้ทำพระขรรค์เทพกุญชรให้กับวัดถ้ำเทพกุญชรรังสรรค์ จังหวัดราชบุรี แล้วนำไปปลุกเสกที่สำนักสงฆ์อนันต์บูรพารามของพระครูโก้ (พระครูสังฆรักษ์ฬัสวัชร์ ฐิตสีโล)

    กระผม/อาตมภาพมาเห็นของพวกนี้แล้วก็เกิดอาการ "ของขึ้น" ก็คือเป็นบุคคลที่รู้สึกแปลกใจมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า "ทำไมเห็นมีด เห็นไม้ เห็นปืนแล้วถึงรู้สึกคุ้นเคยไปหมด และสามารถที่ใช้งานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ?" จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านเปิดเผยว่ากระผม/อาตมภาพเป็นทหารมาทุกชาติ โดยใช้คำว่า "ของเก่าตามมา" แล้วท่านก็ยกตัวอย่างท่านเองด้วยว่า ท่านก็ของเก่าตามมาเช่นกัน

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกทางคุณไก่ว่า ช่วยทำพระขรรค์พิเศษให้สักเล่มหนึ่ง แต่ขอใบขนาด ๑๑ นิ้ว เพราะว่าที่ทำเป็นพระขรรค์เทพกุญชร ขนาดใบ ๕ นิ้วซึ่งถวายมานั้น ขนาดยังไม่ได้อย่างใจที่กระผม/อาตมภาพต้องการ คุณไก่ก็ทำงานให้อย่างรวดเร็วทันใจ แต่ทำมาถึง ๒ เล่มด้วยกัน บอกว่า "ขอทำถวายครูบาอาจารย์ทั้ง ๒ เล่มครับ ไม่คิดสตางค์" กระผม/อาตมภาพจึงได้มอบเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วตอบแทนท่านไป ๑ ตัว
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,605
    ค่าพลัง:
    +26,456
    พระขรรค์ทั้ง ๒ เล่มนี้ ตีโดยเหล็กลาย ๔๘๖ ชั้น เล่มหนึ่งทำเลียนแบบพระขรรค์เทพกุญชร แต่ว่าไม่ได้ใส่ลายเทพกุญชรก็คือพระพิฆเณศวรมาด้วย แต่อีกเล่มหนึ่งนั้นใส่ลายท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ มา โดยที่ปลอกรัดพระขรรค์ ตลอดจนกระทั่งหุ้มฝักหุ้มด้ามทั้งหมดนั้น เป็นแผ่นเงินที่เกิดจากการทำมือทั้งหมด แม้แต่แหมรัดมีด ซึ่งมีส่วนของการถักเส้นเงิน ก็ทำมือทั้งหมด เช่นกัน..!

    คุณไก่กำชับว่า "ถ้ามีใครเห็นแล้วชอบใจ อยากได้อยากสั่งก็ขอให้รีบหน่อยนะครับ เพราะว่าคนทำอายุ ๖๘ ปีเข้าไปแล้ว สายตาเริ่มจะไม่ดี ถ้าหากว่าวางมือเมื่อไร ก็จะเสียช่างฝีมือดีด้านนี้ไปเลย"

    เมื่อได้สนทนาปราศรัยกันจนถึงเวลา กระผม/อาตมภาพก็บรรยายถวายความรู้ให้กับพระสังฆาธิการที่เข้าประชุมสัมมนาซึ่งมาจากทั่วประเทศ โดยที่มีบุคคลผู้คุ้นเคยกันหลายรูป โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดวังใหญ่ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และพระครูปฐมกิจจานุยุต เจ้าอาวาสวัดหนองกระพี้ ซึ่งท่านเคยเป็นอาจารย์คุมกรรมฐานให้กระผม/อาตมภาพสมัยที่เรียนปริญญาโทอยู่

    ได้บอกกล่าวกับท่านทั้งหลายว่า ในการเป็นเจ้าอาวาสของท่านทั้งหลายนั้น ต้องอดกลั้นอดทนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ให้การสนับสนุนวัด เขาผูกพันกับเจ้าอาวาสเก่ามายาวนาน ต่อให้เจ้าอาวาสใหม่เก่งเท่า หรือว่าเก่งกว่าเจ้าอาวาสเก่า เขาก็คิดถึงแต่คนเก่าอยู่ดี ถ้าคนใหม่เก่งไม่เท่าเจ้าอาวาสเก่า วัดวาก็มักจะโทรมทันตาเห็น เพราะว่าไม่มีผู้สนับสนุน เราต้องอดทนทำความดีสู้ไปเรื่อย ถ้าหากว่าสามารถชนะใจเขาได้ จึงจะได้รับการสนับสนุนอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็มักจะเป็นช่วงท้าย ๆ ของชีวิตของเราแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าสิ้นเราไป ผู้มาเป็นเจ้าอาวาสใหม่ ก็จะตกอยู่ใน "วงจรอุบาทว์" นี้อีกตามเคย..!

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจึงต้องยากลำบากอดกลั้นอดทนในการทำความดีสู้ไป จนกว่าเขาจะเห็นคุณงามความดีนั้น หลักการทำความดี


    อันดับแรกก็คือ ๑. ต้องปลูกศรัทธา แปลว่าในเรื่องของการสวดมนต์ทำวัตร บิณฑบาต เจริญกรรมฐานนั้นเราขาดไม่ได้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรโดยตรง ในเมื่อเราปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ผู้คนเห็นความเป็นสมณะของเรา ก็จะค่อย ๆ เลื่อมใสศรัทธาทีละเล็กทีละน้อย ถ้าสามารถทำได้ยาวนานพอ ก็จะดึงศรัทธาคนให้กลับมาเลื่อมใสได้

    ข้อต่อไปก็คือ ๒. ต้องหาต้นทุน ว่าวัดของเรานั้นมีอะไรดีบ้าง อย่างเช่นว่า มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีอดีตเจ้าอาวาสขลัง หรือว่ามีของเก่า มีต้นโพธิ์อะไรที่คนเก่า ๆ เขานับถือเลื่อมใสอยู่ เราสามารถอาศัยสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นเครื่องโยงใจให้คนเก่าเขาหวนกลับมาสนับสนุนวัดของเราใหม่ อย่างเช่นว่าถ้ามีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หรือว่ามีสังขารครูบาอาจารย์ที่ขลัง คนเลื่อมใสมาก เราก็จัดงานประจำปี ไม่ว่าจะปิดทองพระพุทธรูป หรือว่าจัดงานบำเพ็ญกุศลถวายให้อดีตเจ้าอาวาส เหล่านี้เป็นต้น
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,605
    ค่าพลัง:
    +26,456
    ข้อต่อไปก็คือ ๓. เสริมของเก่า งานวัดเดิม ๆ มีอะไรบ้างที่เราจะกระทำได้ ไม่ว่าจะเป็นงานประจำปี งานทำบุญถวายบูรพาจารย์ งานบวชสามเณรภาคฤดูร้อน งานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม เหล่านี้เป็นต้น เราก็เสริมให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยการทำกิจกรรมทั้งหลายเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อย่างเช่นว่า สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ให้มีกิจกรรมเหล่านี้ทุกเดือนได้ก็ยิ่งดี..!

    ในเมื่อเราเสริมของเก่าเท่ากับว่าเรารักษาฐานเดิมเอาไว้ได้ ก็จะไปข้อใหม่ก็คือ ๔. สร้างของใหม่ แต่ว่าต้องดูให้ดี อย่างเช่นว่าทางวัดท่าขนุนนั้นได้สร้างหลวงพ่อทองคำ หลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน ซึ่งแต่เดิมไม่มี หรือว่าสร้างบันไดขึ้นสักการะรอยพระพุทธบาท เป็นต้น

    แต่ว่าสิ่งที่ท่านทั้งหลายสร้างนั้นควรที่จะพิจารณา อย่างเช่นว่าจะสร้างเจ้าแม่กวนอิม จะสร้างพระพรหม จะสร้างพระพิฆเณศวร์ จะสร้างท้าวเวสสุวรรณ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องรู้ว่าถึงสามารถเรียกคนได้ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ อย่างเช่นพวกมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ประเทศจีน เหล่านี้เป็นต้น แต่ว่าเจ้าแม่กวนอิมนั้นเป็นพระพุทธศาสนามหายาน พระพรหมและพระพิฆเณศวร์เป็นเทพของศาสนาฮินดู ท้าวเวสสุวรรณ ถึงจะเป็นเทพผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา แต่ว่าเป็นระดับเทพเท่านั้น

    พระพุทธศาสนาของเราสอนการบรรลุธรรม เลยระดับนั้นไปมาก จึงเป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง อย่างไรเสียก็ต้องเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ไม่เช่นนั้นสมัยของพวกท่านสามารถแยกแยะได้ แต่คนรุ่นหลัง ๆ พอปัญญาโดนบดบังไปมาก ขนาดโดนกระโถนยังไม่ได้สติ..! แบบนั้นเขาจะแยกแยะไม่ได้ กลายเป็นสัทธรรมปฏิรูป มาปะปนอยู่ให้พระพุทธศาสนาของเราเสื่อมทรามลงไป

    ข้อต่อไปก็คือต้องอิงสถาบัน คือ ๕. เทิดไท้องค์ราชัน ไม่ว่าจะเป็นงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง หรือว่าวันพ่อแห่งชาติ เราสามารถที่จะจัดงาน โดยเฉพาะการดึงเอาส่วนราชการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น อบต. เทศบาล หรือถ้าถึงระดับอำเภอหรือจังหวัดได้ก็ยิ่งดี

    หน่วยราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเหล่านี้ ต้องการที่จะจัดงานประเภทนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้น ติดขัดด้วยงบประมาณ ถ้าหากว่าวัดจัดงานแล้วเชิญเขามาร่วมงาน เท่ากับเขาได้ผลงานส่วนนี้ไปด้วย เขาก็จะยินดีให้ความร่วมมือ เราก็จะได้ข้าราชการหรือว่าเจ้าพนักงานปกครองส่วนท้องถิ่นมาไว้สนับสนุนวัดอีกด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,605
    ค่าพลัง:
    +26,456
    ข้อถัดไปก็คือ ๖. ประสานสิบทิศ ไม่ว่าจะเป็นทางคณะสงฆ์ ทางหน่วยราชการ ทางโรงเรียน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ้าเราสามารถดึงคนทั้งหลายเหล่านี้ เข้ามามีกิจกรรมร่วมกับทางวัดได้ เราก็จะได้รับแรงสนับสนุน ทั้งทางผู้บังคับบัญชาคณะสงฆ์ ทั้งทางส่วนราชการ ทางโรงเรียน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรียกง่าย ๆ ว่าปฏิบัติตามทฤษฏี "บวร" ได้อย่างเต็มที่

    ข้อสุดท้ายที่ต้องไม่ลืมก็คือ ๗. เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ชุมชน อะไรที่สามารถสนับสนุนชุมชนรอบวัดให้ดีได้ ไม่ว่าสนับสนุนเด็กด้วยการมอบทุนการศึกษา สนับสนุนผู้ใหญ่ด้วยการหาอาชีพให้ หรือว่าสนับสนุนผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ด้วยการช่วยเหลือเรื่องหยูกเรื่องยา เรื่องแพมเพิร์ส เรื่องข้าวปลาอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่แต่ละวัดก็มักจะมีส่วนเหลืออยู่แล้ว ถ้าเราทำอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ ก็จะทำให้เราสามารถที่จะเป็นศูนย์รวมกำลังใจของญาติโยมเขาได้ พอนานไประยะหนึ่ง ผู้คนเห็นดีเห็นงามก็จะมาร่วมกันสนับสนุน เราก็จะทำหน้าที่พระสังฆาธิการโดยเฉพาะระดับเจ้าอาวาสได้เป็นอย่างดียิ่ง

    เมื่อสรุปจบการบรรยายแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาถวายความเคารพหลวงพ่อเจ้าคุณรวม (พระรัตนสุธี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ซึ่งท่านเป็นวิทยากรรูปถัดไป คุยกันได้ไม่กี่ประโยคท่านก็ต้องขึ้นบรรยาย กระผม/อาตมภาพจึงขอตัวออกมา เลี้ยงบรรดาฝูงลิงที่มารอรับอาหารอยู่บริเวณลานจอดรถ แล้วก็ได้เดินทางกลับ เพื่อที่จะนำรถยนต์ไปเข้าศูนย์ ก่อนที่จะเดินทางขึ้นภาคเหนือทำภารกิจของตน เมื่อได้รับรถคืนจากศูนย์มาแล้ว ก็รีบวิ่งกลับวัดท่าขนุนมาได้เวลาบันทึกเสียงพอดี

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...