เล่าขานตำนานเจ ตอน อาหารเจ ประวัติความเป็นมาของการกินเจ

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 12 ตุลาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,438
    เล่าขานตำนานเจ ตอน อาหารเจ ประวัติความเป็นมาของการกินเจ
    [​IMG]
    มีหลายท่านก็ถามเรื่องกินเจมานะครับเพราะพระบางรูปก็บอกว่ากินเจไม่ได้บุญ อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ลองมาศึกษาประวัติของการกินเจดูนะครับ
    นักบวชและศาสนิกชนในศาสนาพุทธนิกายมหายานจะบริโภคอาหารเจ ซึ่งปราศจาก เนื้อสัตว์และมีลักษณะที่แตกต่างจากอาหารมังสวิรัติในหลายประการคำว่า เจ เป็นภาษาจีนมาจากคำว่า “ไจ” ซึ่งเป็นภาพตัวอักษรจีน เขียนด้วยสีแดง ซึ่งเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล ในกรอบสีเหลี่ยมจัตุรัส พื้นมีสีเหลือง ซึ่งเป็นสีแห่งความเป็นกษัตริย์ คำว่า “เจ” และ “ไจ” ดังกล่าวแปลว่า “ปราศจากการทำลายชีวิตและปราศจากของที่มีกลิ่นคาว” ความหมายมาจาก คำสั่งสอนที่ได้มาจากพุทธศาสนาฝ่ายนิกายมหายาน

    คำดั้งเดิมของ “เจ” หมายถึง “อุโบสถ หรือ การรักษาศีล 8” คือคนกินเจมักจะถือศีล ร่วมกับการไม่กินอาหารพวกเนื้อสัตว์ อาหารเจเป็นอาหารที่ปรุงโดยปราศจากเนื้อสัตว์ รวมทั้งไม่มีส่วนประกอบอื่นใดที่นำมาจากเนื้อสัตว์ทุกประเภท ทั้งสัตว์เล็กและใหญ่ สัตว์บกหรือสัตว์น้ำใดๆ จึงมีคำกล่าวว่า “กินเจหนึ่งมื้อ หมื่นชีวิตรอดตาย” ที่สำคัญ ตามความเชื่อของคนจีนที่กินเจว่า การกินเจยังจะต้องไม่กินอาหารที่นำมาปรุงอาหารเจ คือ ต้องงดเว้นผักที่มีกลิ่นฉุน 5 ประเภท ได้แก่

    กระเทียม รวมถึงหัวกระเทียมและต้นกระเทียม

    หอม รวมถึง ต้นหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว และ หอมหัวใหญ่

    หลักเกียว มีลักษณะคล้ายหัวกระเทียมโทน ปลูกและแพร่หลาย ในประเทศจีน แต่แพร่หลายมากในประเทศไทย

    ผักกุยช่าย เป็นผักมีใบคล้ายใบหอม แต่ลักษณะแบนและเล็กกว่า
    ใบยาสูบ รวมถึงบุหรี่ ยาเส้นที่ใช้สูบ และของเสพติดมึนเมา

    ผักต้องห้ามดังกล่าวนี้เป็นผักที่มีรสฉุนจัด กลิ่นเหม็นคาวรุนแรง ตามความเชื่อของ คนจีนมีว่า หากกินพืชผักทั้ง 5 มากๆ จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของร่างกาย จะได้พิษที่ทำลาย พลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย เป็นมูลเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ นั่นคือ

    กระเทียมจะทำลายธาตุไฟ คือทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ
    หัวหอมทำลายธาตุน้ำ คือทำลายไต
    หลักเกียวหรือกระเทียมโทนทำลายธาตุดินคือม้าม
    กุยช่ายทำลายตับ-ธาตุไม้
    สำหรับใบยาสูบ ทำลายธาตุทองคือปอด ใบยาสูบน่าจะเป็นของสูบระหว่างอาหารมากกว่าเป็นอาหาร

    อาหารที่ต้องห้ามดังกล่าว เช่น กระเทียมและหอม แม้ว่าทางการวิจัยและรายงานทางวิทยาศาสตร์จะไต้ ระบุว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้านก็ตาม แต่การรับประทานเป็นประจำอาจเป็นอันตราย ต่อกายและใจ สารสำคัญในสมุนไพรดังกล่าวสามารถกระตุ้นอารมณ์และจิตใจ ทำให้จิตใจไม่สงบ เพิ่มความกำหนัด รบกวนความสัมพันธ์ระหว่างพลังกายและพลังใจ
    โดยตำนานการกินเจในพระพุทธศาสนามหายาน นี้มีตำนานดั่งนี้
    ผู้ถือศีลกินเจในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาของชาวจีนในประเทศไทย เพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีลกาล 7 พระองค์ ดังมีในพระสูตร ปั๊กเต๊าโก๋ว ฮุดเชียวไจเอียงชั่วเมียวเกง กล่าวไว้คือ
    พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ
    และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ คือพระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์และพระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว์ รวมเป็น 9 พระองค์(หรือ “เก้าอ๊อง”)ทรงตั้งปณิธานจักโปรดสัตว์โลก จึงได้แบ่งกายมาเป็นเทพเจ้า 9 พระองค์ด้วยกันคือไต้อวยเอี๊ยงเม้งทัมหลังไทแชกุน ไต้เจียกอิมเจ็งกื้อมึ้งงวนแชกุน ไต้กวนจิงหยิ้งลุกช้งเจงแชกุน ไต้ฮั่งเฮี่ยงเม้งม่งเคียกนิวแชกุน ไต้ปิ๊กตังง้วนเนี้ยบเจงกังแชกุน ไต้โพ้วปั๊กเก๊กบู๊เอียกกี่แชกุน ไต้เพียวเทียนกวนพัวกุงกวนแชกุน ไต้ตั่งเม้งงั่วคูแชกุน ฮุ้ยกวงไตเพียกแชกุน เทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์ ทรงอำนาจตบะอันเรืองฤทธิ์บริหารธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง ทั่วทุกพิภพน้อยใหญ่สารทิศ หรือบ้างก็ว่าเพื่อเป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า “ดาวนพเคราะห์” ทั้ง 9 ได้แก่พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ ในพิธีกรรมบูชานี้สาธุชนในพระพุทธศาสนาสละเวลาทางโลกมาบำเพ็ญศีลงดเว้นเนื้อสัตว์และแต่งกายด้วยชุดขาว

    จะเห็นได้ว่าประเพณีกินเจที่แท้นั้นมิได้เป็นการส่งเสริมให้กินแต่ผักเท่านั้น ผู้กินเจเองก็ต้องถืออุโบสถศีล หรือ จะต้องอยุ่ในศีลธรรม รำลึกถึงพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ที่ทรงมีพระเมตตาในการไม่เบียดเบียนเหล่าสรรพสัตว์ ซึ่งเป็นจิตแห่งมหากรุณา ในพระพุทธศาสนามหายาน หากเรากินเจด้วยตามความหมายดั้งเดิมแท้ การกินเจนั้นไม่ศูนย์เปล่าได้บุญแน่นอนครับ คือการรักษาศีลเป็นบุญจากการถือศีล สวดมนต์บูชาพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ เป็นบุญจากการสวดภาวนา และสุดท้ายหากเรากินเจด้วยใจที่อยากจะหยุดในการเบียดเบียนเหล่าสัตว์ทั้งหลาย นั้นคือการทำทานในทางอ้อม เท่ากับเทศกาลกินเจนี้ เราจะได้บุญทั้งทาน ศีล ภาวนาเลยทีเดียวครับ อย่างไรปีนี้กินเจตามความหมายนะครับอย่าสักแต่กินแต่ผักแต่ใจยังไม่สะอาดจะได้ได้บุญในเทศกาลนี้จริงๆครับ
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     

แชร์หน้านี้

Loading...