เรื่องดีๆๆมาอ่านกัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย spiderwolf, 26 พฤศจิกายน 2006.

  1. spiderwolf

    spiderwolf Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +88
    ธาตุใจ
    ราตรีมีพ่อแม่พี่น้องฐานะพอมีพอกินไม่ถึงกับฟุ่มเฟือย เมื่อยังเล็กๆๆ คุณยายพาไปทำบุญและฟังเทสน์ที่วัดใกล้บ้าน และตักบาตรในวันหยุดเรียนเสาร์อาทิตย์กับันสำคัญทางศาสนาโดยไม่อาย ผิดกับพี่น้องซึ่งไม่กล้า ซี่งต่อมาคุณยายเดินไม่ไหวแล้ว เธอจึงหิ้วปิ่นโตนำภัตตาหารไปถวายท่านพระครูที่วัด ราตรีไปวัดจนเป็นสาวไม่เที่ยวเตรี่เหมือนพี่น้อง ไม่แต่งหน้าทาเล็บ เมื่อเรียนจบก็สอบเข้ารับราชการได้โดยไม่ต้องวิ่งเต้นให้ผู้ใหญ่ช่วย ท่านพระครูเป็นอาจารย์บอกกรรมฐาน ราตรีรู้ว่าผู้ที่มาเป็นศิษย์ท่านเป็นผู้มีความรู้สูง เป็นแพทย์ เภสัชกร และอาจารย์มหาวิทยาลับ ผิดกับเมื่อก่อนผู้ที่สนใจนั่ง ทางใน มักเป็นคนแก่ที่ไม่รู้จะทำอะไรเพือ่นพ่อเคยเล่าว่า ไปนั่งทางใน พอเข้าณานก็ตัวลอยจนหลังชนเพดานวิหาร ได้เฝ้าพระพุทธเจ้าและพบพระอรหันต์ พ่อถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าองค์ไหน เป็นใคร แกก็บอกว่าพระพุทธเจ้าหน้าตัก 20 วาพระอรหันต์ 10 วา เมื่อพ่อหนุ่มๆ เคยบวชตั้ง 5 ปีเคยเข้าป่ากับอาจารย์ซึ่งเป็นพระธุดงค์กรรมฐาน พบเห็นความสงบสงัดที่แท้งจริง และรู้จักอำนาจของดวงจิต มาบ้างแล้ว จึงไม่ขัดข้องที่ใครจะคุยอย่างไร แต่คนนั้นก็ไม่กล้าพูดอีก พ่อของราตรีมีความรู้สุนฝีพ่นตาแดงและจับยามทายของหายคนหายว่าจะได้คืนหรือไม่ส่วนมากพ่อจะบอกว่าจะรู้ข่าวเมื่อไร พ่อไม่เคยทาวว่าจะตายหรือหายสูญ พ่อบอกว่าคนแก่ควรรู้วิชาเหล่านี้ไว้บ้าง เพื่อนพ่อก็ว่ารู้ไปก็เท่านั้น มีแต่คนมาหา ไม่ได้เบี้ยออกข้าวอะไรขี้นมา พ่อก็ว่าความรู้เรียนไว้ให้เขาใช้ ไม่ม่ความรู้ใครจะใช้ ราตรีเห็นว่าใครทุกข์ร้อนก็มาหาพ่อจับยามแล้ว ทายว่าจะเป็นอย่างไร คนที่มาหาก็สบายใจกลับไป เด็กลูกเพื่อนบ้านไม่สบายต้องกวาดบา พ่อก็กวาดให้ใครตาแดงก็พ่นตา การพี่นตาแดงใช้น้ำสะอาดเสกคาถาพ่น ๗ ที ๓ วันตาใสแจ๋วตรุษสาทมีผู้นำสิ่งของมาให้ด้วยความนับถือ หลังจากพ่อแม่ตายแล้ว พี่น้องก็แยกไปหาที่อยู่ใหม่ตามสะดวก ราตรียังอยู่ที่เดิม ไปวัดบ้างแต่อยู่ห่างๆๆ ไม่คลุกคลีกับผู้มาปฎิบัติธรรม ไม่กล้าขอเรียนกับท่านพระครู คิดว่าต้องภาวนาจิตใจให้หมดกิเลส แล้วจะขอเป็นศิษย์ท่าน ต่อมาก็ได้ยินพระครูพูดว่าท่านสอนคนที่ยังมีกิเลสเท่านั้น ผู้ภาวนาที่วัดทีคุณวิศษต่างกัน บ้างก็รู้ใจผู้อื่นราตรีคิดว่าถ้าผู้วิเศษเป็นกัน ง่ายแบบนี้เลยหรอ ก็น่าจะลองพยายามบ้าง ได้ถามผู้ที่มาภาวนา ว่าทำเช่นนี้ แล้วได้ อะไรบ้าง ท่านว่าได้เป็นอริยะบุคคลระดับต่างๆระดับต้นคนธรรมดาเป็นได้ คือพระโสดาบันบุคคลและแนะนำให้ราตรีภาวนาว่าพุทโธ เธอก็ภาวนาบ้างทั้งกลางวันและกลางคืน ยามว่าง คืนหนึ่งเทอนั่งภาวนาพุทโธตั้งแต่๔ทุ่มเรื่อยไปไม่ง่วง ไม่มีใครหรืออะไรกวนใจ ยกหูโทรศัพท์ออกวางไว้ที่โต๊ะป้องกันคนต่อผิด รู้สึกว่าร่างของเธอใหญ่โตและสูงขี้นไปจนเลยหลังคาบ้าน เสียงลมพัดต้องใบไม้ไหวซูซ่า เสียงคนเดินผ่านคุยกันเบาๆก็ได้ยิน แต่ไม่รู้สึกว่าเสียงนั้นเป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกใดๆสว่างไสวเจิดจ้าเหมือนเดือนหงายในฤดูหนาวซึ่งไม่มีเมฆ แต่ไม่เห็นอะไร สุขสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากคืนนั้นราตรีอิ่มเอิบใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใครทำอะไรไม่ถูกใจก็ไม่โกรธ คิดว่าคงลืมความโกรธได้แล้ว หน้าตาผ่องใสจนเพื่อนที่ทางานด้วยกันชมว่าจะมีลาภใหญ่ เธอก็ยิ้มๆเชื่อว่าผู้ที่สำเร็จทางธรรมจนบรรลุถึงอริยบุคคลชั้นใดก็ตาม ตนเองและครูบาอาจารย์หรือผู้มีธรรมะสูงกว่าเท่านั้น ถึงรู้ จะเดินยืนนอนก็ไม่ประหลาดไปจากชนทั้งปวง ไม่ต้องสะพายย่ามสวมลูกประคำคอถือไม้เท้าเดินช้าๆเหมือนย่อง
    คืนหนึ่งเธอฝันว่ามีเทวดาเหาะมาปรากฎที่ริมหน้าต่างห้องนอนทางหัวเตียง ท่านลอยอยู่แบบเทวดาไทยที่เคยเห็นตามภาพต่างๆ คืองอขาทั้งสองข้างไม่เหมือนsuperman แล้วร้องบอกว่า ดูรา....สีกาแก้ว บัดนี้ท่านบรรลุอริยบุคคลขั้นโสดาบันแล้วจะเจริญต่อไปก็ไม่ตกอบายภูมิอีก
    เมื่อตื่นขี้นก็ปลืมใจจนต้องลุกขี้นมานั่งภาวนาจนสว่าง เทอถามชายแก่เพื่อนบ้านว่าโสดาบันเป็นอย่างไรแกนำหนังสือนักธณรมสำหรับพระเณรบวชใหม่มาเปิดอ่านให้ฟัง ความไม่ยึดถึอตัวตนหนึ่ง ไม่ลูบคลำศีลหนึ่ง ไม่สงสัยพระรัตนตรัยหนึ่ง
     
  2. spiderwolf

    spiderwolf Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +88
    ราตรีได้ฟังก็บอกเพือ่นบ้าน ว่าตน ไม่โกรธใครแล้ว สบายใจมาหลายวันเพื่อนบ้านชราจีงแนะนำว่าถ้ายังไม่ผ่านการทดลองก็ไม่รู้ว่าจิตใจเราเข้มแข็งหรือ อ่อนแอราตรีถามว่าจะทดลองอย่างไร แกว่าพรุ่งนี้ที่วัดมีงานคนจะไปกันมาก วัดจัดอาหารเลี้ยง ให้ราตรีนุ่งถุงดำสวมเสื้อขาวอย่าให้ใหม่นัก มอมๆยิ่งดี ไปช่วยล้างถ้วยจานชามกับแม่ชีและคนวัดก็คงรู้ได้ง่ายๆๆว่า คุณเป็นโสดาบันหรือไม่เป็น
    ตั้งแต่เธอไปนั่งหน้าอ่างล้างชามร่วมกับแม่ชและคนวัด คือคนที่อาศัยกินอยุ่หลับนอนตามกุฎิ จนบางครั้งเจ้าของกุฎิมาภาวนาไม่มีที่อยู่ ถูกตะคอกจนต้องกลับบ้าน ราตรีถูกพวกนี้ด่ายิ่งกว่าลูกจ้างร้านอาหาร แต่เธอระงับใจได้ สาธุชนที่มางานบุญกินข้าวแล้วรวบรวมจานชามส่งให้เธอ บางคนสั่งสอนว่าจงล้างให้สะอาดๆ เพราะคนที่มากินเป็นผู้ดีทั้งนั้น บางคนตักน้ำในตุ่มล้างมือจนน้ำกระเซ้นมาถูกเสื้อผ้าหน้าตาผมเผ้าครั้นเธอเงยหน้ามองก็ถูกตวาดว่า มองอะไรคนสิ้นคิดอาศัยพราะอาศัยวัดซุกหัวนอน โดยไม่นึกไม่ฝัน ผู้หญิงคนหนึ่งผมขาวทั้งศีรษะแต่งตัวมีภูมิฐานพูดกับราตรีว่า แม่หนูจ๊ะ ตักน้ำถึงหนึ่งตามฉันไปที่ส้วม ช่วยราดให้ด้วย
    ราตรีเดินออกจากวัดทันที ตัวร้อนเป็นไฟ เมื่อผ่านหน้าบ้าน ลุงแก่ๆ คนหนึ๋งเห็นกำลังรดน้ำต้นไม้ อยู่ก็ยกมือไหว้ แล้วประกาศว่า คุณลุง หนูยังเป็นคนธรรดา กิเลส เพียบเลยคะ
     
  3. penney

    penney เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อิอิ ชอบจัง

    หนูยังเป็นคนธรรมดา
    กิเลสเพียบเลยค่ะ


    โมทนาด้วยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...