เรื่องเด่น เรื่องของการสังเกตอารมณ์ตนเอง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 16 มีนาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,365
    275B6D55-67F5-43BE-AB40-5D28B2EE593D.jpeg
    “เรื่องของการสังเกตอารมณ์ตนเอง”

    ถาม :
    เมื่อก่อนสังเกตอารมณ์ตัวเอง อย่างเวลามีความกำหนัดเกิดขึ้น จะมีอยู่สองอารมณ์ที่เกิดขึ้น ก็คือ พยายามที่จะทำตามความรู้สึกนั้น กับพยายามที่จะให้ความรู้สึกนั้นหายไป ทีนี้เกิดมีอีกอารมณ์หนึ่งเกิดขึ้นเข้ามา ก็คือ รู้สึกว่าความกำหนัดเกิดขึ้น แต่ไม่ได้อยากให้หายไป และก็ไม่ได้อยากจะทำตาม ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของสังขารุเปกขาญาณหรือเปล่า ?
    ตอบ : อันหลังนี่เป็นอารมณ์ที่ถูกต้องกว่า เพราะว่าสภาพร่างกายของเราถ้ายังดีอยู่ เรื่องของราคะ โทสะ โมหะ จะแรงเป็นปกติ แต่จะแรงก็แรงไป เราไม่ให้ความใส่ใจ ไม่ไปนึกคิดปรุงแต่งจินตนาการ ก็จะอยู่ได้ไม่นาน แล้วก็จะหายไปเอง

    เพราะฉะนั้น..เราทำตัวเป็นคนดู พอถึงเวลามีตัวละครขึ้นเวทีมา เราก็ดูไปเรื่อย พอเล่นครบบทเดี๋ยวก็ลงเวทีไปเอง ถ้ายิ่งสติ สมาธิ ปัญญาของเราเข้มข้น แหลมคม ว่องไวมากเท่าไร ระยะเวลาที่จะอยู่ได้ก็สั้นลงเท่านั้น และท้ายสุดถ้าหากว่าไวจริง ๆ ก็จะตัดตั้งแต่เหตุเลย แล้วกิเลสจะเกิดไม่ได้ ถ้าถึงตอนนั้นคุณก็สบายแล้ว

    อย่างเช่นมองไปจะสักแต่เห็นว่าเป็นคนหรือเป็นสัตว์เท่านั้น จะไม่มีการคิดต่อว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย สวยหรือไม่สวย ชอบหรือไม่ชอบ เพราะฉะนั้น..ทั้งราคะ ทั้งโทสะก็เกิดไม่ได้ ก็คือเห็นก็สักแต่ว่าเห็น

    หูได้ยินเสียงเหมือนกัน ต่อให้ไพเราะขนาดไหนก็ตาม แต่ทันทีที่ได้ยินก็จะกลายเป็นสักแต่ว่าได้ยิน เพราะรู้ว่าถ้าคิดตามหรือทำตามจะเกิดโทษอย่างไร

    ประเภทนี้กว่าจะถึงได้จะต้องโดนจนเข็ด พลาดแล้วพลาดอีก ผิดแล้วผิดอีกจนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วในที่สุดพอเข็ดขึ้นมาแล้วจะหาวิธีการ คือ เริ่มใช้ปัญญาแล้ว ไม่อย่างนั้นจะโดนอีก

    ที่ว่าหาวิธีการไหนที่จะหลีกเลี่ยง อันดับแรกก็ต้องหยุดไว้ก่อน แล้วหลังจากนั้นท้ายสุดก็เลิก

    ฉะนั้น..ที่เราทำอยู่ปัจจุบัน ถือว่าถูกต้องมากกว่าอย่างแรก #แต่ขอให้รู้ว่า #ไม่ว่าจะชอบ #ก็คือคล้อยตาม #หรือว่าจะชัง #ต่อต้านก็ตาม #จะเสียทั้งคู่ #ถ้าชอบก็เป็นราคะตรง ๆ #ชังก็เป็นโทสะ กินเราทั้งขึ้นทั้งล่อง

    ถาม : อันนี้เป็นขั้นหนึ่งที่ก้าวเข้าใกล้อารมณ์สังขารุเปกขาญาณหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : จะเรียกว่าเป็นสังขารุเปกขาญาณไหม ? ยังไม่เป็น เพราะถ้าหากว่าสังขารุเปกขาญาณนี่ จะปราศจากการปรุงแต่งแล้ว จะเรียกว่าก้าวเข้าไปใกล้ไหม ? ใกล้กว่าเดิมสักก้าวหนึ่ง เหลืออีกกี่กิโลว่ากันอีกที

    ถาม : สงสัยมาจากครั้งก่อนครับ ที่ถามเรื่องนิพพิทาญาณ ที่หลวงพ่อบอกว่าจะต้องพิจารณาให้ก้าวต่อไปสู่สังขารุเปกขาญาณ ก็คือ มาทางนี้ใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : ถ้าหากว่ามาทางนี้ ถูกแนวแล้ว ต่อไปก็ทำอย่างไรที่จะรู้ทันและหยุดมันให้ได้ ถ้าถึงตอนนั้นแล้วก็จะสักแต่ได้เห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่าได้กลิ่น สักแต่ว่าได้รส สักแต่ว่าสัมผัส แล้วให้อยู่แค่นั้น อย่าให้เข้ามาในใจ ไม่คิดต่อจะจบเลย คิดต่อเมื่อไร เป็นโทษทันที

    แล้วหลังจากนั้นต่อไป ปัญญามีมากขึ้น ก็เห็นเหตุว่าเกิดจากอะไร ก็จะตัดเหตุอันนั้นเลย ต่อไปจะสักแต่ว่าเห็น ถ้าถึงตอนนั้น จะเป็นโต๊ะก็ดี จะเป็นเสาก็ดี จะเป็นคนก็ดี จะมีราคาเท่ากันหมด คือเราสักแค่ว่าเห็นเป็นรูปหรือเป็นธาตุเท่านั้น ไม่มีความเป็นหญิง เป็นชาย เป็นเรา เป็นเขา ตัวที่จะปรุงแต่งไปทางราคะ โลภะ โทสะ โมหะก็หมดไป

    ทำไปเถอะ ขอให้ถึงไว ๆ จะได้หมดภาระอาตมาไปสักคน

    ———————————————————-
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ที่มา www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...